ราเอลได้เดินทางตามสัญชาตญาณตัวเองที่เท่ากับเดินทางตามใจตัวเองแบบสุด ๆ ที่ตามภาษาเด็กอายุ 12 ปีหมาด ๆ ที่พึ่งเคยออกมาผจญโลกกว้างนั่นแหละ หลังจากที่เขาเอาซ็อคโกแลคร้อนจากร้านกาแฟมาดื่มอบอุ่นร่างกายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาก็เอาแก้วไปทิ้งขยะตามภาษาคนเท่ ที่เท่ากับหล่อเท่ให้กับสังคมนั่นแหละนะ นี่แหละคนที่มีผู้กล้าในนิทานเป็นแรงบันดานใจในการดำเนินชีวิตล่ะนะ พอมาถึงที่ทะเลสาบทาโฮซึ่งเป็นทะเลสาบที่เขาเจอในระหว่างหาที่เคาน์ดาวน์ต้อนรับปีใหม่เสียสักหน่อย ก็พบว่าที่แห่งนี้นั่นมันสวยมาก ๆ จนตราบตรึงใจเลยล่ะ เด็กหนุ่มตัวน้องอ้าปากกว้างด้วยความอึ้งในความงดงามเหนือคำบรรยายที่มีต่อภาพทิวทัศนียภาพเบื้องหน้าตนอย่างหาที่สุดมิได้เลย
“สวยจังเลย ได้มาที่แบบนี้ตอนปีใหม่นี่สุดยอดไปเลย“
เขากระโดดโลดเต้นไปพร้อมกับการฉลองปีใหม่ที่ค่อย ๆ ผ่านพ้นไป เขาที่ไม่รู้จะไปหาที่พักที่ไหนเลยจัดการเอาผ้าห่มจากในกระเป๋ามานอนห่มผ้าโดยใช้ม้านั่งแถวนั้นเป็นที่นอน ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เป็นยามสายของวันซะแล้ว
“สายขนาดนี้แล้วเหรอนี่ คุณตาต้องโกรธแน่เลย อ่ะ ! ลืมตัวไปเลย“
ราเอลหัวเราะกับตัวเองพลางเอามือของตนนั่นพับผ้าห่มผืนโปรดเก็บใส่กระเป๋าเตรียมพร้อมออกเดินทางต่อพลางคิดว่าจะไปไหนต่อดีที่จะไปเจอหมาป่าสีขาวสวย ๆ แบบเมื่อตอนนั้นได้อีก แต่เขาชัวร์มากเลยว่าไม่ใช่ภาพลวงตาแน่นอนล่ะ ก็เขาจำหมาป่าในฟาร์มบ้านเขาเป็นอย่างดี และจำได้ด้วยว่าไม่มีตัวไหนที่สวยงามโดยเด่นเท่าตัวนั้นเลย นั่นต้องเป็นหมาป่าตัวเดียวกับในนิทานแน่นอนเลย และเป็นไปได้ด้วยว่าผู้กล้าลูคิลลามีตัวตนอยู่จริงไม่ใช่แค่ในนิทาน
“อยู่ไหนกันนะหมาป่าตัวนั่นนี่ ตัวที่สวย ๆ“
เขานั่งบนม้านั่งพลางเปิดหนังสือนิทานมาดูภาพหมาป่าสีขาวที่เหมือนกับที่เขาเห็นในวันก่อนออกเดินทางผ่านทางหน้าต่างบ้านเขา พลางเอาภาพหมาป่าในนิทานยกขึ้นมาดูในระดับสายตาพลางหมุนไปเรื่อย ๆ ก่อนที่สัญชาตญาณที่ไวของเขาจะบอกว่าเขากำลังจะพบกับอะไรบางอย่างที่ตามหาอยู่
“หรือว่าจะ“
เขาค่อย ๆ เอาหนังสือลงเพื่อดูว่าเบื้องหลังมันคืออะไรและนั่นมันก็คือ….
เดินทางอย่างไร้จุดหมาย 2/2