- 12.12.2025 / 03:56PM -
เมื่อคนรักของเขาถอยหลบฉากไปแล้ว แมคเคนซีจึงขยับมาด้านหน้าแล้วหยิบของที่ซื้อเตรียมไว้มาให้ทีละคน
“ฉันมารู้ทีหลังว่าดีนเคยซื้อเสื้อฮาวายให้นายแล้วหลังจากที่ฉันซื้อมาแล้วน่ะ คงไม่ว่าอะไรใช่ไหมถ้าจะรับเสื้อฮาวายจากฉันไปอีกสักตัวนึง“
แมคเคนซียิ้มให้อย่างประหม่าที่เขาดันซื้อของมาซ้ำกับดีนซะได้ แต่ไทสันกลับรับไปอย่างยินดีแล้วพยักหน้าให้ด้วยรอยยิ้ม
”แน่นอน ถ้าเป็นเสื้อฮาวาย ต่อให้นายจะซื้อมาสักโหลฉันก็ยินดี ลายนี้ฉันยังไม่มีเลยด้วย“
คำตอบสมเป็นลูกเทพเจ้าสมุทรจริง ๆ และข้อมูลที่ดีนให้เขามาก็ตรงกันคือไทสันชอบเสื้อฮาวายสุด ๆ
”ส่วนนี่ของคุณเอลล่าครับ คุณแม่ที่เพิ่งคลอดผิวบางส่วนอาจจะแตก ผมเลยซื้อครีมบำรุงผิวมาให้ ยี่ห้อนี้รีวิวดีมากทีเดียว“
จากนั้นแมคเคนซีก็หยิบถุงครีมบำรุงผิวแบรนด์เนมยี่ห้อดังมอบให้ฮาร์ปี้สาวที่เมื่อเห็นแวบแรกก็คิดว่า ‘ผิวสวยขนาดนี้ไม่ต้องใช้ครีมก็ยังได้’
”ขอบคุณมากเลยค่ะคุณแมคเคนซี ฉันก็เคยอ่านรีวิวครีมยี่ห้อนี้แล้วสนใจอยู่เหมือนกัน ฉันจะเริ่มลองใช้วันนี้เลยค่ะ“
เอลล่ารับครีมบำรุงผิวมาด้วยรอยยิ้ม ต่อให้เป็นฮาร์ปี้แต่เธอก็ยังมีรูปโฉมที่เหมือนมนุษย์ เรื่องรักสวยรักงามกับผู้หญิงย่อมเป็นของคู่กันอยู่แล้ว
”แล้วก็ของเล่นแขวนอันนี้ ผมซื้อมาให้ออเรครับ ความจริงผมเลือกของให้เด็กแรกเกิดไม่เก่ง แต่อันนี้ดูน่ารักดี หวังว่าออเรจะชอบ“
สุดท้ายคือของขวัญสำหรับเด็กน้อย แมคเคนซีเลือกโมบายที่มีแกะขนนุ่มนิ่มตัวเล็ก ๆ แขวนเรียงกันเป็นวงกลมมาให้ อย่างน้อยน่าจะช่วยให้ออเรได้มองเพลิน ๆ แล้วหลับสบายบ้าง ซึ่งทารกน้อยที่กอดตุ๊กตาที่ดีนให้อยู่ก็เพียงแค่ส่งเสียง “แอ๊ะ” เบา ๆ เป็นการตอบรับ
“ซื้อของมาฝากพวกเราทุกคนเลยขอบใจนะ” ในระหว่างที่ทุกคนแนะนำตัวกัน พ่อบ้านก็รินเครื่องดื่มสมุนไพรสไตล์โรมันแจกให้แก่แขกผู้มาเยือน จากนั้นนั่งลงบนโซฟาที่ว่างข้างเอลล่า “ว่าไปภารกิจที่พวกนายไปทำกันมาเป็นยังไงบ้าง”
“นายหมายถึงภารกิจไหนล่ะ เรื่องที่ต้องต่อสู้กับไฮเพอร์เรียน หรือเป็นเรื่องที่ฉันต้องหาเงินซ่อมบ้านดี”
“ยังต้องเลือกด้วยเหรอ ทำไมไม่เล่ามาทั้งสองภารกิจเลยล่ะ”
การพบกับญาติในครั้งนี้ดีกว่าที่คิด ดูท่าแล้วพวกเขาน่าจะมีเรื่องคุยกับไทสันอีกยาวแน่ ๆ…
.
.
”ลำบากกันไม่ใช่เล่นเลยนะพวกนายน่ะ“
หลังจากฟังน้องชายอัพเดทชีวิตช่วงที่ผ่านมาจบ ไทสันก็สรุปออกมาได้เป็นประโยคนี้ ซึ่งเขารู้ดีว่าชีวิตของเหล่าเดมิก็อดไม่มีคำว่าง่ายเลยจริง ๆ
ฟิ้ววว——
”เฮ้! ตัวอะไรน่ะ“
อยู่ ๆ ก็มีบางสิ่งบินเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้ เป็น ‘แอนซิลอส’ นั่นเอง มันคงจะเที่ยวจนสำราญใจแล้วจึงได้บินกลับมาหาเจ้าของของมัน กรงเล็บแข็งแรงเกาะเข้าที่ไหล่แมคเคนซี ดวงตาของนกนักล่ามองไล่ไปยังกลุ่มคนตรงหน้าทีละคนแล้วเหมือนจะทำหน้าเซ็งออกมาเมื่อเห็นว่ามี ‘สายเลือดของโพไซดอน’ เพิ่มมาเป็นสามคน
“โอ้ ขอโทษที นี่แอนซิลอส อินทรีแห่งซุส สัตว์เลี้ยงฉันเอง”
แมคเคนซีรีบขอโทษขอโพยแทนสัตว์เลี้ยงตนเองที่ไม่เข้าตามตรอกออกตามประตู แต่แอนซิลอสก็มักจะเป็นเช่นนี้เสมอ หรือว่าเขาเลี้ยงมันแบบอิสระเกินไปกันนะ
“ไม่เป็นไร ๆ ว่าแต่พวกนายนี่เลี้ยงสัตว์กันเยอะใช่เล่น ตั้งแต่อะไรนะ…สิงโตนีเมียนตัวนั้น เจ้าไข่เหลืองของนายน่ะดีน ป่านนี้ตัวโตเท่าบ้านไปแล้วหรือยัง นี่ยังเอาแมวผีนำโชคมาเลี้ยงอีก”
ไทสันส่ายหน้าอย่างไม่ถือสาแล้วนึกถึงสัตว์เลี้ยงตัวแรกของน้องชายก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้
“จะว่าไปแมวพวกนี้น่ะ ช่วยหาสินสงครามแปลก ๆ ได้นะ พวกนายเคยลองดูหรือยังล่ะ”
“คนที่ให้แมวสองตัวนี้มาก็บอกเราแบบนั้นเหมือนกัน แต่ฉันยังไม่เคยเห็นพวกมันไปไหนเลย”
แมคเคนซีบอกสิ่งที่ตนเองเห็นมาตลอดตั้งแต่พวกเขารับเลี้ยงแมวดำสองตัวนี้ นอกจากหางสีม่วงเป็นประกายสวยงามแล้ว กิจวัตรประจำวันของพวกมันก็ดูไม่ต่างจากแมวบ้านทั่วไปเท่าไหร่
“อาจจะยังโตไม่พอที่จะทำอย่างนั้นได้ค่ะ อินทรีแห่งซุสก็เช่นกัน ถ้าน้องโตขึ้นกว่านี้อีกหน่อยจะต่อสู้เก่งมากเลยนะคะ”
เอลล่าช่วยเสริม ซึ่งหนุ่มอังกฤษก็เริ่มสนใจขึ้นมานิดหน่อย
“แล้วต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ สัตว์พวกนี้ถึงจะโตขึ้นเหรอครับ”
ไม่ใช่ว่าเขาอยากให้แมวรีบไปหาสมบัติหรือใช้อินทรีมาช่วยในการต่อสู้ แต่เขาเป็นห่วงแอนซิลอสมากกว่าเพราะธรรมชาติของนกคงไม่ชอบถูกขังอยู่แต่ในกรง และเขาเองก็ไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้นจึงมักปล่อยให้อินทรีทองตัวนี้บินไปบนท้องฟ้าได้ตามใจต้องการ เมื่อถึงเวลามันก็จะกลับมาเอง
แต่จะดีแค่ไหนหากว่ามันได้บินอย่างอิสระและสามารถปกป้องตัวเองได้ด้วย
“จริง ๆ แล้วมันก็มีวิธีนะ…..”
อดีตผู้สอนวิชาอสุรกายศึกษาประจำค่ายฮาล์ฟบลัดเว้นช่วงไปเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ
“ถ้าเป็นวิธีที่เห็นผลเร็วหน่อยก็คือการใช้หินบูชาเทพบดให้ละเอียดแล้วผสมกับน้ำให้สัตว์เลี้ยงกิน“
”ฮะ…หินเนี่ยนะ มันได้จริง ๆ เหรอ“
แมคเคนซีโพล่งขึ้นมาอย่างไม่อยากเชื่อ ให้สัตว์เลี้ยงกินหิน ไม่อันตรายหรือยังไง
”ลองดูไหมล่ะ นายมีหินบูชาเทพติดตัวมาไหม ฉันจะทำให้ดู“
ไทสันบอกยิ้ม ๆ แน่นอนว่าเขาพร้อมเสมอสำหรับการสาธิต แมคเคนซีจึงขอให้ดีนช่วยเอาหินบูชาเทพที่เขาเก็บไว้ในกระเป๋าสัมภาระแล้วฝากดีนไว้ในแหวนห้วงมิติออกมาให้ก่อนจะส่งมันให้ไทสัน
”รอแป๊บนึงล่ะ“
ไทสันบอกเพียงแค่นั้นแล้วเดินเข้าไปในห้องครัวพร้อมกับหินนิทราของแมคเคนซี จากนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงเหมือนของแข็งถูกทุบ เพียงไม่นาน ไซคลอปส์หนุ่มก็ออกมาพร้อมชามใส่น้ำที่มีผงระยิบระยับผสมอยู่
“ให้ตัวไหนเป็นหนูทดลองดีล่ะ”
บุตรโพไซดอนครึ่งอสุรกายแกล้งบอกด้วยรอยยิ้ม แมคเคนซีรับชามใบนั้นมาก่อนจะหันมองแอนซิลอสที่เกาะอยู่ตรงไหล่
“ลองหน่อยไหมแอนซิลอส”
ราวกับรู้อยู่แล้วว่าหินบูชาเทพมีสรรพคุณอะไร อินทรีแห่งซุสก้มลงดื่มน้ำในชามอย่างไม่คิดลังเลแม้แต่น้อย หลังจากที่มันดื่มน้ำจนหมดชามแล้ว แอนซิลอสก็บินขึ้นไปด้านบน ร่างสีทองปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาเล็กน้อยจนคนในบ้านตกใจ แต่มันก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่านั้นนอกจากบินลงมาเกาะที่ไหล่แมคเคนซีตามเดิม
“ได้ผลจริงด้วยแฮะ”
แมคเคนซียังคงทึ่งไม่หายกับสิ่งที่เห็นเมื่อครู่ อีกใจก็เริ่มหวั่น ๆ เสียวสันหลังว่าเกิดแอนซิลอสปล่อยกระแสไฟฟ้าตอนเกาะไหล่เขาอยู่ขึ้นมา เขาจะโดนไฟช็อตเข้าหรือเปล่า
“แล้วก็มีอีกวิธีนึง ได้ผลช้าหน่อย แต่ก็ชัวร์”
ไทสันลุกไปหยิบอะไรบางอย่างในลิ้นชักมาให้ มันคือเหรียญกษาปณ์โบราณที่มีรูปสลักของใครบางคนอยู่
“นี่คือเหรียญเซเรส พวกนายลองไปเผาเหรียญบูชาเทพีเซเรสที่เทวสถานพร้อมกับถวายเกียรติยศให้นางที่เนินเทมเพิลดูสิ วิธีนี้ก็ได้ผลเหมือนกัน แต่ถ้าพวกนายมีเหรียญบูชาเทพอื่นด้วยจะลองดูก็ได้นะ วิธีการก็ไม่ต่างกันหรอก”
“ขอบคุณไทสัน เราจะลองดู”
แมคเคนซีรับเหรียญจากไทสันมาเก็บไว้ คิดถูกจริง ๆ ที่มาบ้านไทสันวันนี้ ถือว่าพวกเขาได้ความรู้เกี่ยวกับการเพิ่มความสามารถให้สัตว์เลี้ยงจากผู้มีประสบการณ์ไปเต็ม ๆ
เสียงโมบายที่แขวนไว้เหนือประตูร้านหนังสือไซคลอปส์และคำทำนายและแมวสีส้มดังกรุ๊งกริ๊ง เป็นสัญญาณว่ามีลูกค้ารายใหม่แวะเวียนมาที่ร้าน หรือไม่ก็เป็นคนรู้จักที่มาหา ไทสันและเอลล่าไม่ได้ออกไปต้อนรับ อย่างไรเสียคุณอริสโตเฟนส์ก็สามารถรับมือได้เป็นอย่างดี
จะว่าไประหว่างที่พวกเขากำลังสนทนากันอย่างออกรสตามประสาญาติที่ไม่ได้เจอกันมานาน จะว่าคุยเพลินจนไม่ได้ยินเสียงประตูก็ไม่น่าใช่ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเสียงโมบายแขวนประตูทำงานหลังจากที่ดีนและแมคเคนซีเข้ามาในร้านหนังสือ
แล้วบ้านประตูส่วนของห้องนั่งเล่นก็ถูกเปิดออกตามด้วยเสียงทักอันคุ้นหูที่ออกจะมีความตกใจในน้ำเสียง
“สวัสดีไทสัน พี่เอลล่า… เฮ้ย! ดีนกับแมค พวกนายมาได้ไง!?”
ผู้มาเยือนคนที่สามคือ 'ซันซ์ มาเดิล เคานต์' บุตรแห่งโพไซดอนอีกคนที่อาศัยอยู่ในนิวโรมแห่งนี้เพื่อศึกษามหาวิทยาลัยด้านพาณิชยนาวี แล้วดีนก็เพิ่งปั่นหัวอีกฝ่ายไปเมื่อเช้าเรื่องของขวัญจับฉลาก ดีนยักคิ้วเข้มขึ้นเป็นการทักทาย (และท้าทาย)
“สวัสดีซันซ์”
“ฮาย ซันซ์นี่ ไม่ได้เจอกันนานเลย อึ้งใช่ป่ะล่ะที่ฉันมาโผล่ที่นี่ ไม่ได้ซ่อมบ้านงก ๆ อย่างที่นายเข้าใจ”
“ก็.. ตกใจนิดหน่อย ว่าแต่ เพิ่งมา?”
“เปล่า มากันตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นละ”
“อ้าว! ถ้ามาตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นแล้วที่นายส่งของขวัญให้ฉันมาเมื่อเช้านี้คือยังไงฟะ!”
หนุ่มบราซิลเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่างอยู่โดยไม่รอคำเชิญชวน แสดงให้เห็นว่าเขาสนิทกับครอบครัวนี้และมาบ่อยมากแค่ไหน
“ก็ทำหน้าที่เป็นพี่ชายที่ดีไงล่ะน้องรัก” ดีนหัวเราะเปาะ ส่วนคนฟังเบ้หน้า
“ว่าแต่มาก็ดีแล้ว ฉันขี้เกียจไปงานเลี้ยงอะไรนั่นอยู่พอดี งั้นพรุ่งนี้นายไปแทนแล้วก็เอาของขวัญจับฉลากไปให้ผู้โชคดีคนนั้นเองแล้วกัน”
“หืม เอางี้เลย? เอาจริงก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่ว่าของขวัญนั่นอยู่ไหนล่ะ” ดีนถาม ตอนนี้เขาไม่รู้เรื่องงานปาร์ตี้สักอย่าง รู้แค่ว่าพรุ่งนี้มีงาน และเขากับแฟนอยากไป
“อยู่ในงานนั่นแหล่ะ ฉันลงทะเบียนไว้ นายหาไม่ยากหรอก กล่องของขวัญสีส้มแสบตาแบบนั้น …ว่าแต่อะไรอยู่ในกล่อง?”
กล่องของขวัญปิดผนึกอย่างดีเกินว่าจะแกะห่อของขวัญออกมาแงะดู ความคลางแคลงยังคงติดในใจของซันซ์อยู่มาก ใจนึงทั้งสงสัย ส่วนอีกใจก็แอบโล่งอกหากดีนแกล้งเขาด้วยการใส่ระเบิดตดลงไปในกล่อง ซึ่งโอกาสที่หนุ่มเท็กซัสทำอาจมีมากกว่าหกสิบเปอร์เซ็นต์
“ไม่อะ ไม่บอก แต่แมคซี่นายรู้ดีเนอะ” ดีนหันไปขอเสียงจากคนรัก แต่สิ่งที่เขาได้ยินกลับเป็นเสียงเดาะลิ้นของซันซ์ที่ถูกเอาคืน “แล้วพวกเราต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง งานนี้มีรายละเอียดอะไรเพิ่มเติมไหม นอกจากอาหารฟรีและเหล้าไม่อั้น”
“เห็นว่าธีมปีนี้เป็นงานเลี้ยงสุดหรู ใส่ทักซิโด้หรืออะไรทำนองนั้น ซึ่งมันไม่เหมาะกับฉันโคตร ๆ ดีแล้วที่นายมาจะได้มีตัวตายตัวแทน” ซันซ์ตอบ
“อาฮะ ทักซิโด้ ฉันก็ไม่เคยใส่อะไรแบบนั้นเหมือนกัน ครั้งนี้เราจะได้ทำตัวเป็นคนรวยกันแล้วสินะ” ดีนหันไปยิ้มให้กับแมคเคนซี
ตอนแรกว่าพวกเขาคิดว่ากำลังจะลากลับ แต่ในเมื่อซันซ์มาอีกคนพวกเขาจึงได้คุยกันต่ออีกยาว แล้วได้รับรู้ข้อมูลหลายอย่างเพิ่มเติม ทั้งเรื่องการเรียนนิวโรม แรก ๆ ทั้งสองไม่ได้สนใจจะเรียนปริญญาตรีใบที่สอง ทว่าเมื่อเรียนจบแล้วจะได้รับสิทธิพิเศษมากมาย หนึ่งในนั้นคือพาสปอร์ตเวทมนตร์ที่ไปได้ทุกที่ทั่วโลกด้วยวีซ่าหมอก ทำให้พวกเขาไม่ต้องทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ กันแถวด่านตรวจอีก ซึ่งมันน่าสนใจยิ่งกว่าของขวัญรับปริญญาที่มาจากพ่อแม่เทพอีก
นอกจากนี้พวกเขายังทราบเรื่องโครงการทำพระอาทิตย์จำลองของเทพอะพอลโล่ เพื่อปรับสมดุลย์ระหว่างกลางวันและกลางคืนของโลกในระหว่างที่รัตติกาลยังหายไปเป็นระยะเวลาห้าปี ซึ่งพลบค่ำไม่อาจชดเชยได้ทั้งหมด ส่วนของที่ต้องบริจาคนั้นเรียกว่าโหดมันฮา
จนกระทั่งเย็นมากแล้ว ก่อนที่ออเรตัวน้อยจะงอแงหิวนมเสียก่อน และควรให้เวลาครอบคัวไทสันได้พักผ่อนเสียที ซันซ์จึงขอตัวกลับไปก่อน ตามมาด้วยดีนกับแมคเคนซี แต่จุดมุ่งหมายของทั้งสองยังไม่ใช่โรงแรมซีซั่นคราวน์ แต่คือเนินเทมเพิลต่างหาก

คะแนนความสนิทสนม
[NPC-08] ไทสัน
ความสนิทสนมจากการพูดคุย : เพิ่มความสนิทสนม +5
ให้สิ่งที่ชอบที่สุด (เสื้อฮาวาย) : เพิ่มความสนิทสนม +20
เอฟเฟกต์กุหลาบสีน้ำเงินทอง : เพิ่มความสนิทสนม +5
เอฟเฟกต์มาลาแห่งอัสสัมชัญ : เพิ่มความสนิทสนม +10
รวมคะแนนความสนิทสนม : +40
[Mythic-02] เอลล่า (ฮาร์ปี้)
ความสนิทสนมจากการพูดคุย : เพิ่มความสนิทสนม +5
ให้สิ่งของจิปาถะ (ครีมบำรุงผิว) : เพิ่มความสนิทสนม +15
เอฟเฟกต์กุหลาบสีน้ำเงินทอง : เพิ่มความสนิทสนม +5
เอฟเฟกต์มาลาแห่งอัสสัมชัญ : เพิ่มความสนิทสนม +10
รวมคะแนนความสนิทสนม : +35
[NPC-76] ออเร
ความสนิทสนมจากการพูดคุย : เพิ่มความสนิทสนม +5
ให้สิ่งของจิปาถะ (โมบาย) : เพิ่มความสนิทสนม +15
เอฟเฟกต์กุหลาบสีน้ำเงินทอง : เพิ่มความสนิทสนม +5
เอฟเฟกต์มาลาแห่งอัสสัมชัญ : เพิ่มความสนิทสนม +10
รวมคะแนนความสนิทสนม : +35
บดหินนิทราผสมกับน้ำให้ ‘อินทรีแห่งซุส’ กิน จำนวน 1 ก้อน :
+2 เลเวล
หมายเหตุ :
เหรียญเซเรสที่ดีนกับแมคเคนซีได้รับจากไทสันคือรางวัลที่ได้รับจากการร่วมกิจกรรมเทศกาล ‘อิเอย์ยูนิอูม เซเรริส’ ที่ผ่านมา (โดยการสิง NPC) จึงนำมาเขียนถึงที่มาเพื่อให้มีความสมเหตุสมผล และใช้ประกอบในเนื้อเรื่องจากนี้ไปตามความเหมาะสม