16/02/25 11.40 น. - 12.30 น.
บทที่ 38
แสงแดดเที่ยงวันโปรยปรายลงมาทั่วค่ายฮาล์ฟบลัด ประกายระยิบระยับสะท้อนบนผืนดินราวกับมีใครโปรยเศษทองคำไว้ ลมอุ่น ๆ พัดผ่านเป็นระยะพอให้ไม่รู้สึกเหมือนถูกอบในเตาเผาโบราณ แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลที่แบกตะกร้าเสื้อผ้าใบใหญ่เดินทอดน่องอยู่รู้สึกสบายขึ้นเท่าไรนัก
"ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพวกเราต้องซักผ้าเอง" คูเปอร์บ่นขณะเขยิบตะกร้ามาถือด้วยแขนอีกข้าง "เรา
มีนิมฟ์ มีพลังเหนือมนุษย์ แล้วทำไมเราถึงไม่มีระบบซักรีดอัตโนมัติ?"
"โอ้ ใช่เลย คูเปอร์ ฉันก็คิดแบบนั้น" คลาร่าเอ่ยเสียงเรียบ ดวงตาสีฟ้าของเธอแฝงประกายเจ้าเล่ห์ "ทำไมพวกเราต้องทำความสะอาดที่นอน ทำไมต้องล้างจานด้วย? บางทีพวกเราควรไปขอพรจากเฮอร์เมสให้ช่วยประดิษฐ์เครื่องซักรีดอัตโนมัติแห่งโอลิมปัสดีไหม?"
"เธอกำลังเสียดสีฉันใช่ไหม?"
"อืมมม..." คลาร่าทำเสียงครุ่นคิด "จะว่าใช่ก็ใช่ จะว่าไม่ใช่ก็ไม่เชิง"
คูเปอร์ถอนหายใจ ท่าทางเหมือนคนที่ยอมรับความพ่ายแพ้ในศึกแห่งตรรกะนี้ ตะกร้าผ้าในมือของเขาหนักจนน่าจะทำให้พวกยักษ์ไซคลอปส์ร้องไห้ได้ เสื้อผ้าเต็มไปด้วยคราบโคลน คราบเหงื่อ และอาจจะมีเศษใบไม้แห้งติดอยู่ด้วย ราวกับพวกมันผ่านการรบมาแทนเจ้าของ คิดแล้วก็แอบสงสัยว่าตัวเองไปทำอะไรขนาดนั้นมา แต่เมื่อนึกถึงตารางฝึกซ้อมและภารกิจยิบย่อยของสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็พอจะเข้าใจว่าทำไมชุดนักรบฮาล์ฟบลัดของเขาถึงดูเหมือนเพิ่งรอดจากสงครามโทรจันมา
เมื่อเดินมาถึงลานซักรีด อาคารสีส้มสดใสตัดกับบรรยากาศร่มรื่นรอบค่าย ภายในเต็มไปด้วยเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าตั้งเรียงเป็นแถว ดูเหมือนวันนี้จะไม่ค่อยมีใครมาใช้บริการนัก มีเพียงเสียงหวีดแหลม ๆ ที่ดังขึ้นจากมุมหนึ่งของห้อง
"เฮ้! พวกเธอ!" อเล็กไซอา ฮาร์ปี้ผู้ดูแลลานซักรีด กวักมือเรียก คิ้วขมวดมุ่นราวกับจับได้ว่ามีใครกำลังคิดจะก่ออาชญากรรมต่อผ้าปูที่นอน "อย่าแม้แต่จะคิดโยนเสื้อเกราะพวกนั้นลงไปในเครื่องซักผ้า!"
"ใครจะทำแบบนั้นกันล่ะ" คูเปอร์หัวเราะแห้ง ๆ "พวกเราเป็นเด็กดีนะครับอเล็กไซอา"
"หืม..." ฮาร์ปี้รุ่นเก๋าจ้องพวกเขาอย่างจับผิดก่อนจะสะบัดปีก แม้ว่ามันจะขาดวิ่นและบินไม่ได้แล้วก็ตาม "ถ้าเห็นว่ามีใครทำเครื่องซักผ้าพัง พวกเธอจะต้องซ่อมมันเอง เข้าใจไหม?"
คลาร่าพยักหน้าอย่างว่าง่าย "เข้าใจค่ะ"
"ดี!" อเล็กไซอาพึมพำบางอย่างเกี่ยวกับเด็กสมัยนี้ที่ไม่เคารพเครื่องซักผ้า ก่อนจะเดินกลับไปเช็คแผงควบคุมของเครื่องซักผ้าอีกมุมหนึ่ง ปล่อยให้สองพี่น้องร่วมบ้านจัดการเสื้อผ้าของตัวเอง
คูเปอร์เลือกเครื่องซักผ้าสักเครื่อง เปิดฝาแล้วยัดเสื้อผ้าลงไปอย่างไม่ค่อยใส่ใจ คลาร่ามองดูแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า
"นายควรแยกสีผ้าก่อนนะ"
"จะอะไรนักหนา คลาร่า มันก็แค่เสื้อผ้าเอง"
"ใช่ และนายก็จะได้เสื้อสีชมพูพาสเทลมาใส่แทนเสื้อสีขาวของนาย"
คูเปอร์หยุดชะงัก "โอเค เธอชนะ" แล้วก็เริ่มรื้อเสื้อผ้าออกมาแยกตามสีอย่างไม่เต็มใจนัก ขณะที่คลาร่าแอบยิ้มขำกับท่าทีของเขา
ก่อนที่คูเปอร์จะได้กดปุ่มสตาร์ท สายตาของเขาก็สะดุดเข้ากับบางสิ่งบางอย่าง หรือควรจะบอกว่าบางคน ที่นั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ใกล้ ๆ
ผมบลอนด์เป็นประกาย ดวงตาสีฟ้าเจิดจ้าราวกับท้องฟ้าแคลิฟอร์เนีย คาเลบ อีเลียสัน ลูกชายของอะพอลโล่และเพื่อนร่วมภารกิจของเขา กำลังเอนกายอยู่บนเก้าอี้โยกตัวหนึ่ง มือหนึ่งถือกีตาร์โปร่ง อีกมือถือแอปเปิ้ลแดงสดที่เขากัดไปแล้วครึ่งลูก ท่าทางเหมือนคนที่มีชีวิตแบบไม่เคยมีอะไรให้ต้องกังวล
"คูเปอร์!" คาเลบส่งเสียงเรียกอย่างร่าเริงเมื่อเห็นเขา "ในที่สุดก็มาซักผ้าสักที! ฉันสงสัยอยู่เลยว่านายเก็บเสื้อผ้าไว้ตรงไหนกันแน่"
"บางทีฉันอาจใช้เวทมนตร์จัดการกับมัน" คูเปอร์ตอบกลับไปหน้าตาย
"โอ้ จริงเหรอ? อย่างนั้นฉันเดาว่ามันล้มเหลวใช่ไหม เพราะดูเหมือนนายจะแบกซากสนามรบมาด้วย"
"ขอบใจนะ คาเลบ" คูเปอร์ประชด "ฉันคิดถึงมุขตลกของนายเสมอ"
"โอ้ ไม่ต้องขอบใจฉันเลยเพื่อน นั่นเป็นบริการพิเศษสำหรับนายโดยเฉพาะ"
คาเลบยิ้มกว้างพลางดีดคอร์ดกีตาร์เล่นอย่างสบายอารมณ์ คลาร่าหัวเราะเบา ๆ ขณะหยิบผงซักฟอกมาเทใส่เครื่อง คูเปอร์อดคิดไม่ได้ว่าอาจมีบางอย่างผิดพลาดในชีวิตเขา ถ้าหากหนึ่งในกิจกรรมยามว่างของเขาคือการเถียงกับลูกชายของอะพอลโล่เรื่องความสะอาดของเสื้อผ้า
แต่ก็อีกนั่นแหละ... ที่นี่คือค่ายฮาล์ฟบลัด ไม่มีอะไรปกติอยู่แล้ว
คาเลบดีดกีตาร์ไปพลางเคี้ยวแอปเปิ้ลไปพลาง ท่าทางของเขาดูผ่อนคลายราวกับกำลังนั่งอยู่บนระเบียงบ้านริมทะเล ไม่ใช่ในลานซักรีดที่มีกลิ่นผงซักฟอกลอยอวลอยู่ทั่ว
"ว่าแต่นายเถอะ" คาเลบพูดขึ้นขณะที่ดึงสายกีตาร์ให้ตึง "ช่วงนี้เป็นไงบ้าง? หายเหนื่อยจากภารกิจที่แล้วหรือยัง?"
คูเปอร์เลิกคิ้วก่อนจะพยักเพยิดไปที่ตะกร้าเสื้อผ้าของตัวเอง "ดูจากสิ่งที่ฉันต้องซัก นายคิดว่ายังไงล่ะ?"
คาเลบก้มลงมอง คราบโคลนติดเป็นด่างดวงบนเสื้อสีเทาของคูเปอร์ เสื้อแจ็กเก็ตมีรอยขาดตรงแขนเหมือนเพิ่งฟาดฟันกับอะไรบางอย่างที่มีกรงเล็บ ส่วนกางเกงก็ดูเหมือนจะผ่านสงครามกลางป่ามาหมาด ๆ
"โอ้โห" ลูกชายแห่งอะพอลโล่ผิวปาก "ฉันเดาว่านายไปเต้นรำกับไฮดร้ามาสักตัวสองตัว?"
"อะไรทำนองนั้น" คูเปอร์ตอบกลั้วหัวเราะ "นายล่ะ? ช่วงนี้มีเรื่องวุ่นวายอะไรไหม?"
คาเลบยิ้มกว้าง ดวงตาสีฟ้าของเขาเปล่งประกายขี้เล่น "วุ่นวาย? ไม่เลย ชีวิตฉันสงบสุขอย่างน่าประหลาด ไม่มีสัตว์ประหลาดโผล่มาจากไหน ไม่มีภารกิจให้ต้องรีบไปช่วยใคร ไม่มีอะไรเลยนอกจาก...ดนตรี"
พูดจบเขาก็ดีดกีตาร์หนึ่งที เสียงกังวานสะท้อนในห้องซักรีดที่มีเพียงเสียงเครื่องซักผ้าหมุนอยู่เบื้องหลัง คูเปอร์มองหน้าเพื่อน ก่อนจะค่อย ๆ หรี่ตาลง
"แสดงว่านายกำลังเบื่อมาก"
"ฉันกำลังเบื่อมาก" คาเลบยอมรับทันที
"เฮ้ ถ้าเบื่อนักก็ช่วยฉันซักผ้าสิ"
คาเลบทำหน้าตื่นเหมือนเพิ่งได้ยินข่าวร้ายที่สุดในชีวิต "ไม่เอาอ่ะ! ฉันเป็นนักดนตรีนะ ไม่ใช่นักซักรีด!"
"โถ่ นายน่าจะเป็นนักดนตรีที่รู้จักความลำบากบ้างนะ คาเลบ" คลาร่าพูดขณะกดปุ่มสตาร์ทเครื่องซักผ้าของตัวเอง "ถ้านายช่วยคูเปอร์ซักผ้า บางทีเพลงของนายอาจจะมีความลึกซึ้งขึ้นก็ได้"
"เพลงของฉันลึกซึ้งอยู่แล้ว ขอบคุณนะ คลาร่า" คาเลบยิ้มทะเล้น "แต่ฉันจะไม่แตะต้องผ้าสกปรกของคูเปอร์เด็ดขาด"
คูเปอร์กลอกตา ก่อนจะหันไปสนใจเสื้อผ้าของตัวเองแทน เขาเทผงซักฟอกลงไปในช่องของเครื่องแล้วปิดฝา จากนั้นก็หันกลับมานั่งลงที่เก้าอี้ข้าง ๆ คาเลบ
"โอเค งั้นในเมื่อซักผ้าไม่ได้ทำให้นายตื่นเต้น งั้นลองเล่าให้ฉันฟังหน่อยสิว่าตอนนี้นายกำลังแต่งเพลงอะไรอยู่"
คาเลบยิ้มกว้าง ท่าทางตื่นเต้นทันทีที่ถูกถามเรื่องนี้ "โอ้ เพื่อนเอ๋ย นายถามถูกคนแล้ว! ฉันกำลังแต่งเพลงใหม่ เป็นแนวอะคูสติกฟังสบาย มีแรงบันดาลใจมาจาก...อืม...ความสงบหลังจากที่พวกเราเกือบตายจากภารกิจครั้งที่แล้ว"
คูเปอร์หัวเราะ "งั้นมันควรเป็นเพลงแนวร็อกหนัก ๆ หรือเปล่า?"
"ไม่เอาน่า ฉันต้องการให้มันเป็นเพลงที่ฟังแล้วรู้สึกเหมือนได้เอนตัวลงบนหญ้านุ่ม ๆ มองดูท้องฟ้า แล้วถอนหายใจโล่งอกว่า โอ้โห ฉันรอดมาได้"
คลาร่าพยักหน้าช้า ๆ "ฟังดูเหมือนเพลงที่เหมาะจะเปิดในช่วงที่คนกำลังนั่งจิบชา"
"หรือไม่ก็ตอนที่คนกำลังพักฟื้นจากการโดนซุสหมอกเล่นงาน" คูเปอร์เสริม
คาเลบยักไหล่ "อะไรก็ได้ ขอแค่ทำให้นายไม่เครียดก็พอ"
คูเปอร์มองหน้าเพื่อน ก่อนจะยิ้มบาง ๆ จริงอยู่ว่าชีวิตที่นี่เต็มไปด้วยการต่อสู้และอันตรายรอบด้าน แต่ก็มีช่วงเวลาเล็ก ๆ แบบนี้ที่ทำให้รู้สึกว่า ค่ายฮาล์ฟบลัดไม่ใช่แค่สถานที่ฝึกฝนหรือหลบภัย แต่มันเป็น 'บ้าน' ด้วย
"โอเค คาเลบ งั้นโชว์หน่อยสิ"
"ด้วยความยินดี!" คาเลบกระแอม ก่อนจะเริ่มดีดกีตาร์ เสียงนุ่มนวลลอยไปทั่วห้อง ล้อไปกับเสียงเครื่องซักผ้าที่กำลังทำงาน
และแม้จะอยู่ในลานซักรีด คูเปอร์ก็รู้สึกว่าทุกอย่าง...สงบดีอย่างน่าประหลาด
เสียงดีดกีตาร์ของคาเลบดังคลอไปกับเสียงเครื่องซักผ้าที่ยังคงหมุนอยู่เป็นจังหวะสม่ำเสมอ คูเปอร์เอนหลังพิงเก้าอี้ หลับตาฟังอย่างผ่อนคลาย เขาคิดว่า...บางทีนี่อาจเป็นช่วงเวลาที่สงบที่สุดในรอบสัปดาห์ของเขา
"พวกเจ้ามัวแต่นั่งเล่นกันอยู่ได้! เจ้าพวกเดมิก็อดสมัยนี้ช่างเหลวไหลนัก!"
โอเค ถอนคำพูด ทุกอย่างพังทลายลงในพริบตา
เสียงของอเล็กไซอาแทรกเข้ามาในหูของพวกเขาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ฮาร์ปี้ผู้ดูแลลานซักรีดยืนกอดอกอยู่กลางลานสายตาของเธอคมกริบราวกับจะตัดพวกเขาให้ขาดเป็นสองท่อนได้
"อะไรกันล่ะครับ?" คาเลบถามอย่างไม่รู้สึกรู้สา "พวกเราไม่ได้ทำอะไรเสียหายเลยนะ"
"เจ้ากำลังดีดกีตาร์อยู่กลางลานซักรีด!" อเล็กไซอาชี้นิ้วไปที่เขา "ที่นี่ไม่ใช่เวทีแสดงดนตรี! ถ้าเจ้าจะเล่นเพลงอะพอลโล่คอนแชร์โตอะไรนั่น เจ้าก็ไปที่อื่นไป๊!"
"อะพอลโล่คอนแชร์โต?" คาเลบหัวเราะขำ ๆ "ชื่อเท่ดีแฮะ ฉันชอบ"
"อย่ามาทำเป็นเล่นไป!" ฮาร์ปี้จ้องเขม็ง "ข้าหมายความตามนั้นจริง ๆ"
คูเปอร์กลั้นขำพลางกระแอมเบา ๆ "อเล็กไซอา...ขอเดานะครับ มีใครบางคนทำให้เครื่องซักผ้าเสียอีกแล้วใช่ไหม?"
"แน่นอน! ข้าจะบ่นอะไรอีกถ้าไม่ใช่เรื่องนี้!" อเล็กไซอาโบกมือไปทางเครื่องซักผ้าตัวหนึ่งที่ส่งเสียงแปลก ๆ ออกมา มันกำลังสั่นสะเทือนราวกับมีมิโนทอร์ตัวเล็ก ๆ กระโดดอยู่ข้างใน
"คราวนี้ใครทำล่ะ?" คลาร่าถามพลางเลิกคิ้ว
"ก็ใครจะเป็นได้อีกล่ะ? เจ้าพวกเด็กบ้านเฮอร์เมส!" ฮาร์ปี้ถอนหายใจยาว "พวกนั้นเล่นโยนรองเท้าผ้าใบลงไปซักในเครื่องอีกแล้ว! แถมยังไม่เอาทรายออกก่อนด้วย! ข้าต้องไปขุดทรายออกจากเครื่องซักผ้าเป็นชั่วโมง ๆ!"
"อืม นั่นฟังดูสมเป็นพวกเขาจริง ๆ" คูเปอร์พึมพำ
"แล้วไหนจะพวกเด็กบ้านแอรีส!" อเล็กไซอาโวยวายต่อ "เจ้าคิดว่าข้าควรจะต้องเห็นรอยเลือดในเครื่องซักผ้าบ่อยแค่ไหนกัน?! เสื้อผ้าของพวกนั้นเต็มไปด้วยคราบเลือด คราบโคลน คราบอะไรต่อมิอะไรที่ข้าไม่อยากรู้ด้วยซ้ำ! พวกเขาโยนเข้าไปซักทั้งชุดเกราะโดยไม่แยกอะไรเลย!"
"นั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมเครื่องซักผ้าที่นี่ถึงต้องซ่อมบ่อย ๆ" คาเลบพึมพำก่อนจะโดนอเล็กไซอาหันขวับมาจ้องจนเขาต้องรีบเม้มปากเงียบ
"และไม่ต้องให้ข้าพูดถึงเด็กบ้านไดโอนีซุสเลย!" ฮาร์ปี้บ่นต่อ "เจ้าเคยเห็นเครื่องซักผ้าที่มีคราบไวน์ติดอยู่ไหม?! ข้าต้องขัดมันเป็นชั่วโมง! แล้วก็ยังมีพวกเด็กบ้านเดเมเทอร์ที่เอาผ้าคลุมเตียงที่เต็มไปด้วยดอกไม้มาซัก ทั้งเกสร ทั้งใบไม้ ลอยเต็มเครื่องไปหมด!"
"โอเค เข้าใจแล้ว" คูเปอร์พยักหน้า "งานของท่านหนักจริง ๆ"
"แน่นอนว่าหนัก! ข้าเคยเป็นนักรบนะ! เคยโบยบินไปทั่วสมรภูมิ! แล้วดูข้าตอนนี้สิ! มายืนต่อสู้กับคราบไวน์และรองเท้าผ้าใบในเครื่องซักผ้า!"
คลาร่าไหวไหล่ "อย่างน้อยท่านก็ยังมีพลังเหลือพอจะต่อสู้กับมันอยู่นะ"
"แน่นอน!" อเล็กไซอายืดตัวขึ้น "ข้ายังไม่แก่ขนาดนั้น! ข้ายังมีพลังพอจะทำให้เจ้าพวกเด็กซนทั้งหลายไม่กล้ามาก่อเรื่องที่นี่อีก!"
"แน่นอน" คาเลบพยักหน้า "และเราก็ซาบซึ้งในความทุ่มเทของท่านมากจริง ๆ"
"หวังว่าพวกเจ้าจะเข้าใจ!" ฮาร์ปี้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินกลับไปที่เครื่องซักผ้าพัง ๆ ของเธอ
เมื่อเธอเดินลับไป คาเลบก็หันมาทางคูเปอร์พลางกระซิบ "นายคิดว่าไง?"
"ฉันคิดว่าฉันจะไม่ทำเครื่องซักผ้าพังแน่นอน" คูเปอร์ตอบเรียบ ๆ
"เห็นด้วย" คลาร่าพยักหน้า "ฉันไม่อยากถูกอเล็กไซอาจ้องจนรู้สึกเหมือนกำลังจะโดนฉีกเป็นชิ้น ๆ"
คาเลบหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะดีดกีตาร์อีกที คราวนี้เสียงเบากว่าก่อนหน้านี้ราวกับกลัวว่าฮาร์ปี้จะหันมาอาละวาดใส่เขาอีก
"บางทีลานซักรีดอาจจะเป็นสมรภูมิที่แท้จริงของค่ายก็ได้นะ" เขาพูดขำ ๆ
"ฉันว่าจริง" คูเปอร์ตอบ "แต่โชคดีที่เรารอดมาได้โดยไม่ต้องซ่อมเครื่องซักผ้าเอง"
พวกเขาหัวเราะกันเบา ๆ ก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ขณะที่เสียงเครื่องซักผ้ายังคงหมุนต่อไปเป็นจังหวะ...และหวังว่าจะไม่พังลงกลางคัน
เครื่องซักผ้าหยุดหมุน ฉับพลันและเงียบงัน ราวกับมันสามารถอ่านใจพวกเขาได้ และมันตัดสินใจว่าถึงเวลาต้องทำลายวันดี ๆ ของพวกเขาแล้ว
คูเปอร์ คาเลบ และคลาร่าเหลือบมองหน้ากัน ก่อนที่เสียง "ปี๊บ ปี๊บ ปี๊บ!" ดังสนั่นไปทั่วลานซักรีด
"เอ่อ... นี่ใช่สัญญาณเตือนภัยล้างโลกหรือเปล่า?" คาเลบกระซิบเบา ๆ
"ไม่ นายแค่ทำเครื่องซักผ้าพัง" คูเปอร์ตอบพลางลุกขึ้นไปดูแผงควบคุม ตัวเลขบนหน้าจอกระพริบมั่วไปหมด
จากนั้น...เสียงแหลมสูงของใครบางคนก็ดังขึ้น
"ข้าเตือนพวกเจ้าแล้วใช่ไหม!!!"
โอ้โห... ตอนนี้พวกเขาตายแน่ ๆ
อเล็กไซอาโฉบเข้ามาอย่างรวดเร็ว (ในขอบเขตของการที่เธอบินไม่ได้แล้ว) ดวงตาของเธอลุกโชนไปด้วยไฟแห่งความเกรี้ยวกราด
"มันไม่ใช่พวกเรานะ!" คลาร่าประกาศเสียงแข็ง ยกมือขึ้นตั้งฉากเหมือนยอมจำนน "ขอย้ำ มัน! ไม่ใช่! พวกเรา!"
"จริงครับ" คูเปอร์เสริม "เรายังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะครับ!"
"โอ้ จริงเหรอ?" อเล็กไซอากอดอก ยืนจังก้า "แล้วข้าควรเชื่อพวกเจ้ายังไงดี? เครื่องซักผ้ามันพังปุ๊บ พวกเจ้าก็อยู่ตรงนี้พอดี... หรือข้าควรเชื่อว่าเทพฮาเดสเป็นคนทำ?"
คาเลบยกมือขึ้น "เอาจริง ๆ ถ้าเป็นเทพฮาเดส ฉันก็จะไม่แปลกใจเท่าไหร่นะ"
"หยุดพูดไร้สาระ แล้วจัดการซ่อมมันเดี๋ยวนี้!" อเล็กไซอาชี้นิ้วไปที่เครื่องซักผ้าที่ตอนนี้ดับสนิท ราวกับมันประกาศลาออกจากหน้าที่การทำความสะอาดเสื้อผ้าทั้งหมด
"แต่เราไม่ได้ทำจริง ๆ นะ!" คูเปอร์พยายามอีกครั้ง
"ใช่! เราไม่แตะต้องมันเลย!" คลาร่าพยักหน้าหงึก ๆ
"เฮ้ เราแค่กดปุ่มเปิดมันเองนะ!" คาเลบเสริม แต่แล้วก็ชะงักไปเอง "...เอ่อ โอเค พอฟังแล้วเหมือนเราทำพังจริง ๆ แฮะ"
"ซ่อมมัน เดี๋ยว! นี้!" ฮาร์ปี้กดเสียงต่ำจนพวกเขาขนลุก
และแล้ว ทั้งสามก็ต้องยอมรับชะตากรรม พวกเขาจับจ้องเครื่องซักผ้าที่พังไปแล้ว ก่อนจะมองหน้ากันเหมือนจะถามว่า 'แล้วเราต้องทำไงต่อ?'
"ใครมีประสบการณ์ซ่อมเครื่องซักผ้าบ้าง?" คูเปอร์ถามขึ้น
เงียบกริบ
คาเลบยกมือขึ้นครึ่ง ๆ กลาง ๆ "ฉันเคยซ่อมสายกีตาร์"
"นั่นช่วยอะไรไม่ได้เลย!" คลาร่าจ้องเขา
"เฮ้ มันก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลยนะ"
"โอเค ๆ ฉันลองดูก็ได้" คูเปอร์ถอนหายใจ เขาเดินเข้าไปใกล้เครื่องซักผ้า แล้วลองเคาะมันเบา ๆ "ยังมีชีวิตอยู่ไหม?"
เงียบ... เหมือนมันหมดอาลัยตายอยากกับชีวิต
"โอ้โห วิธีของนายดูมีเหตุผลสุด ๆ ไปเลย" คาเลบประชด
"อยากลองทำเองไหม?"
"ไม่อ่ะ นายทำต่อไปเถอะ"
คูเปอร์กลอกตา ก่อนจะลองกดปุ่มเปิดใหม่อีกครั้ง หน้าจอขยับนิดหนึ่ง...ก่อนจะกระพริบตัวอักษรอะไรบางอย่าง
E-R-R-0-R
"เดี๋ยวนะ... เครื่องนี้อ่านภาษากรีกโบราณได้เหรอ?" คลาร่าขมวดคิ้ว
"ไม่ใช่ นั่นเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ" คูเปอร์ตอบ "มันกำลังพยายามสื่อว่ามันจะไม่ทำงานอีกแล้ว"
"โอ้โห แปลเก่ง" คาเลบปรบมือเบา ๆ
"ขอบใจ"
อเล็กไซอาเริ่มกอดอกแน่นขึ้นเรื่อย ๆ อย่างคนที่ใกล้หมดความอดทน คูเปอร์ถอนหายใจแล้วค่อย ๆ เปิดฝาเครื่องออกดู
กลิ่นไหม้บาง ๆ ลอยออกมา
"อืมมมมม..."
"โอ้ ไม่นะ" คลาร่ากุมขมับ
"โอเค ฉันจะไม่โทษตัวเองเพราะเราไม่ได้ทำอะไร" คาเลบพูดขึ้นก่อน "แต่ฉันจะเริ่มเตรียมแผนหนีไว้ก่อนละกัน"
"ไม่มีใครได้ไปไหนทั้งนั้น!" อเล็กไซอาตวาด พวกเขาทั้งสามสะดุ้งเฮือก
คูเปอร์ตัดสินใจทำเป็นไม่สนใจแรงกดดันของฮาร์ปี้ และก้มลงดูข้างในเครื่องซักผ้า มีเศษอะไรบางอย่างติดอยู่ตรงก้นถัง...
"เดี๋ยว นั่นรองเท้าเด็กเฮอร์เมสไม่ใช่เหรอ?" เขาหยิบขึ้นมาให้ทุกคนดู
"เห็นไหม! ฉันบอกแล้วว่าไม่ใช่เรา!" คลาร่าร้องขึ้น
"แต่พวกเจ้าก็ยังต้องซ่อมอยู่ดี!" อเล็กไซอาตอกกลับ
"ทำไมล่ะ!?" คาเลบโอดครวญ "เราบริสุทธิ์นะ!"
"เพราะพวกเจ้ามีมือว่างอยู่ไง!" ฮาร์ปี้ตอบง่าย ๆ ก่อนจะโยนกล่องเครื่องมือให้คูเปอร์
"ให้ตายสิ..." คูเปอร์บ่นพึมพำขณะรับมันมา "โอเค งั้นเรามาแกะเครื่องซักผ้ากัน"
"อา... ฉันล่ะเกลียดชีวิตเดมิก็อด" คาเลบพึมพำขณะที่เขาและคลาร่าค่อย ๆ ก้มลงช่วยกันเปิดฝาเครื่องออก
เสียงเครื่องมือกระทบกันดังแกร๊ง ๆ ในขณะที่ทั้งสามพยายามงมหาทางซ่อมมันให้กลับมาใช้งานได้ และอเล็กไซอาก็ยืนมองอยู่ข้าง ๆ อย่างพึงพอใจที่เธอไม่ต้องทำเอง
ชีวิตในค่ายฮาล์ฟบลัดไม่เคยน่าเบื่อจริง ๆ... แม้กระทั่งในลานซักรีด
"โอเค... ใครเคยซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้ามาก่อนบ้าง?" คูเปอร์ถามขณะวางกล่องเครื่องมือลง
เงียบกริบ
คาเลบกระแอมเบา ๆ "ฉันเคยซ่อมสายกีตาร์"
"เราได้ยินนายพูดแบบนั้นไปแล้ว และมันไม่มีประโยชน์เลย" คลาร่าตัดบททันที
"โอ้โห ทำไมต้องใจร้ายกันขนาดนี้"
คูเปอร์นวดขมับ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะก้มลงสำรวจเครื่องซักผ้า มันมีฝาปิดช่องด้านล่างอยู่ เขาใช้ไขควงในกล่องเครื่องมือหมุนออก แล้วดึงแผงโลหะออกช้า ๆ
ภายในมีสายไฟพาดไปมา ราวกับเป็นเขาวงกตสำหรับหนูทดลอง นอกจากนี้ยังมีอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนเศษผ้าพันกันเป็นก้อนอยู่ในมุมหนึ่ง
"ให้ตายสิ นี่พวกนั้นโยนเสื้ออะไรลงไปซักเนี่ย" คูเปอร์บ่นพลางหยิบก้อนผ้าออกมา มันเปียกชื้นและเต็มไปด้วยคราบทราย
"เฮ้ นั่นมัน—" คาเลบขยับเข้ามาดูใกล้ ๆ "โอ้โห นี่มันเสื้อคลุมของเด็กเฮอร์เมสนี่! มีตราสัญลักษณ์บ้านพวกเขาติดอยู่ด้วย!"
"งั้นก็ดี" คลาร่าพูดเรียบ ๆ ก่อนจะจับมันโยนไปอีกทาง "หลักฐานมัดตัวแน่นหนา"
"แต่ถึงจะรู้ว่าใครทำ ก็ไม่ได้ช่วยให้เราซ่อมเครื่องได้ง่ายขึ้นหรอกนะ" คูเปอร์ถอนหายใจ เขาก้มลงดูแผงควบคุมในเครื่อง มันมีรอยไหม้เล็กน้อยจากการที่มอเตอร์พยายามหมุนสิ่งที่ไม่น่าหมุนได้
"โอเค ถ้าฉันวิเคราะห์ไม่ผิด..." คูเปอร์เริ่มอธิบาย "เครื่องซักผ้าหยุดทำงานเพราะมอเตอร์มันโอเวอร์โหลดจากการที่มีเศษทรายเข้าไปติด"
"แล้วจะแก้ไง?" คาเลบถาม
คูเปอร์ขยับแว่นของตัวเองเล็กน้อย (ถึงแม้เขาจะไม่ได้ใส่แว่นก็เถอะ แต่มันเป็นท่าทางติดตัวเวลาคิดหนัก) "เราต้องเคลียร์ทรายออกจากระบบ แล้วลองรีเซ็ตแผงควบคุม"
"แล้วเรามั่นใจได้แค่ไหนว่ามันจะเวิร์ก?" คลาร่าถามพลางกอดอก
"...ไม่เลย"
คาเลบกับคลาร่ามองหน้ากัน ก่อนที่คาเลบจะถอนหายใจแล้วลุกขึ้นยืน "โอเค เอาไงเอากัน อย่างน้อยก็ได้ลอง"
จากนั้น ทั้งสามคนก็นั่งคุกเข่าลงและเริ่มภารกิจขุดซากทรายออกจากเครื่องซักผ้า คูเปอร์ใช้ไขควงแงะฝาครอบแผงควบคุม ขณะที่คลาร่าใช้แหนบ (ซึ่งไม่รู้ว่ามันมาอยู่ในกล่องเครื่องมือได้ยังไง) คีบเม็ดทรายที่ติดอยู่ตามช่องสายไฟ ส่วนคาเลบมีหน้าที่สำคัญที่สุดคอยให้กำลังใจ
"พวกนายทำได้ดีมาก! ฉันเชื่อมั่นในพลังของพวกนาย!"
คูเปอร์เงยหน้ามองเขานิ่ง ๆ "นายจะช่วยทำอะไรจริง ๆ ไหม คาเลบ?"
"...โอเค ก็ได้ ๆ" คาเลบทำหน้าเหมือนกำลังจะเสียสละชีวิต ก่อนจะหยิบผ้าแห้งมาช่วยเช็ดฝุ่นออกจากตัวเครื่อง
ใช้เวลาประมาณสิบนาที ในที่สุดพวกเขาก็เคลียร์ทรายออกไปได้เกือบหมด คูเปอร์ตรวจสอบดูว่ามอเตอร์ยังขยับได้ จากนั้นก็กดปุ่มรีเซ็ตที่อยู่ด้านในเครื่อง
พวกเขาชะงัก หยุดหายใจไปชั่วครู่
ปี๊บ!
จู่ ๆ หน้าจอของเครื่องซักผ้าก็สว่างขึ้น!
"เฮ้ย! มันติด!" คาเลบแทบจะกระโดดขึ้นด้วยความดีใจ
"โอ้โห...โอลิมปัสเป็นใจให้เราจริง ๆ" คลาร่าพึมพำขณะมองตัวเลขบนหน้าจอกลับมาเป็นปกติ
คูเปอร์ผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นแตะเครื่องซักผ้า "ยินดีต้อนรับกลับมา เจ้ากล่องซักผ้า"
"อย่าพูดเหมือนมันเป็นเพื่อนเราสิ" คาเลบหัวเราะ
อเล็กไซอาเดินเข้ามาตรวจสอบ เธอจ้องตัวเลขบนหน้าจอ จากนั้นก็ขยับกดปุ่มสองสามครั้ง เครื่องซักผ้าตอบสนองด้วยการหมุนถังซักหนึ่งรอบ ก่อนจะหยุดนิ่งอีกครั้งอย่างเชื่องช้า
"อืมม..." ฮาร์ปี้พยักหน้าเล็กน้อย "ดูเหมือนพวกเจ้าจะไม่ทำมันพังหนักกว่าเดิมแฮะ"
"แปลว่าผ่านใช่ไหม?" คูเปอร์ถามอย่างคาดหวัง
"ข้าจะไม่เตะพวกเจ้าออกจากลานซักรีดก็แล้วกัน"
ทั้งสามคนหันไปสบตากัน ก่อนที่คาเลบจะพึมพำเบา ๆ "อืม...ไม่รู้ว่าต้องดีใจหรือเสียใจดี"
"เอาเป็นว่าเราไม่ต้องโดนลงโทษก็พอ" คลาร่าตบไหล่เขา "ไปกันเถอะ ก่อนที่เครื่องมันจะเปลี่ยนใจดับไปอีก"
คูเปอร์ปิดฝาเครื่องซักผ้า พลางลุกขึ้นยืนบิดตัวไปมา "ดีล่ะ... ฉันว่าฉันควรพักจากงานช่างไปอีกสักสิบปี"
"เห็นด้วย" คาเลบพยักหน้าหงึก ๆ "ไปหาขนมกินกันเถอะ ฉันว่าเราสมควรได้รับมันแล้ว"
ทั้งสามคนเดินออกจากลานซักรีด ปล่อยให้เครื่องซักผ้าทำงานของมันต่อไป และหวังว่ามันจะไม่หยุดกลางคันอีก
อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนที่พวกเขายังอยู่แถวนั้น!