ม้วนบันทึกเอกสารช่วงปลายศตวรรษที่ 18

3 ม้วนบันทึกเอกสารปี  1860

ปี 1860 ตรงกับช่วงก่อนสงครามกลางเมืองอเมริกา (American Civil War) ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งความตึงเครียดและ ความแตกแยกในสังคมอเมริกัน 

โดยสงครามกลางเมืองอาจทำให้เดมิก็อดในค่ายจูปิเตอร์เกิดความแตกแยกแบ่งเป็นฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้ เช่นเดียวกับชาวอเมริกันในยุคนั้น ทำให้เกิดการต่อสู้กันเองระหว่างเดมิก็อดที่อยู่คนละฝ่าย โดยเกิดความวุ่นวายภายในกองพัน แม่ทัพคนแรกนำฝ่ายกองร้อยที่ 1-3 และแม่ทัพคนที่สองนำฝ่ายกองร้อยที่ 4-5 ที่โดนกีดกันด้านการแบ่งแยกและชนชั้นเพราะมีการรับเดมี่ก็อตผิวสีเข้ามาในค่าย ทำให้เกิดความไม่พอใจในหมู่กองร้อยดีเด่นอย่างมากที่รับทาสเข้ามาเป็นทหารอันทรงเกียรติแห่งกองทัพโรม

อีกทั้งสงครามทั้งนี้ยังถูกแทรกแซงโดยเทพเจ้าแบคคัสและมาร์ส โดยแบคคัสในตอนนั้นกำลังไฮป์กับงานเลี้ยงเหล่าชนชั้นสูง แน่นอนว่าเขาย่อมเลือกฝั่งมนุษย์ผิวขาวไม่เคยคิดจะแวะเวียนหรือมีความรักกับทาสผิวสีเลยแม้แต่น้อย (แค่ตอนนั้นนะ) ส่วนมาร์สพยายามหยุดยั้งยุติการห้ำหั่นกันเองของชาวโรมัน พวกเขาไม่ควรต้องมาแบ่งแยกกันเพราะผลกระทบจากโลกมนุษย์ แม้จะเกิดสงครามเป็นผลดีต่อมาร์สในด้านศรัทธาและพลัง ความต้องการ แต่เขาก็ไม่อยากเห็นการต่อสู้กันเองของชาวโรมัน ไม่ว่าจะผิวอะไรแต่ทั้งสองฝั่งล้วนได้ชื่อว่าเป็นลูกหลานโรมทั้งสิ้น

โดยหนึ่งในนั้นมี ไอแซก อาร์ชิโบล์ด สังกัดกองร้อยที่ห้า ที่มีชื่อเสียงอยู่ระดับหนึ่งจากสงครามครั้งนั้น
ด้วย ไอแซก อาร์ชิโบล์ด ในฐานะสายเลือดเมอร์คิวรี่ได้มองเห็นผลประโยชน์มากมายที่อาจได้รับจากสงคราม โดยเขาไม่ได้สนใจคนผิวสีที่อยู่ร่วมกองร้อยที่ห้า จึงเข้าร่วมกับมาร์สซึ่งเป็นเทพแห่งสงครามอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะคาดคิดว่าเขาจะฉกฉวยผลประโยชน์ครั้งนี้จากสงคราม อย่างไรก็ดีเจตนารมณ์ของเทพมาร์สขัดกับความตั้งใจเดิมที่จะฉกฉวยเงินทองจากสภาพวิกฤติของเขา ไอแซกลบลืมความละโมบในเงินทองและช่วยเหลือมาร์สในการสร้างความปรองดองแก่ชาวโรมันทั้งสองฝ่าย  การเป็นคนขาวทำให้เขาเป็นที่หวาดระแวงในหมู่คนผิวสีและยิ่งเป็นที่เกลียดชังของชนชั้นสูงผิวขาวในฐานะพวกนอกคอก 

ในขณะเดียวกันจากคำบอกเล่าของไครอน หลังค่ายฮาล์ฟบลัดและจูปิเตอร์สามารถติดต่อกันได้อีกครั้งภายใต้ความร่วมมือของจูโน่ที่สลับตัวเพอร์ซีย์และเจสันในสงครามเจ็ดวีรบุรุษได้มอบบันทึกบางส่วนในช่วงปีนั้นให้ทางโรมช่วยเก็บรักษาด้วย ทำให้ทางโรมได้รู้เรื่องราวฝั่งกรีกว่าพวกเขาเองก็มีปัญหานี้เช่นกันแต่ไม่รุนแรงเท่าฝั่งโรม 

แม้จะมีการเลิกทาส แต่ความคิดเรื่องการแบ่งแยกสีผิวยังคงมีอยู่ในสังคมอเมริกัน ทำให้ภายในค่ายฮาล์ฟบลัดเองก็เกิดการต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมเกิดขึ้นในค่ายฮาล์ฟบลัดแต่ความตึงเครียดไม่รุนแรงเหมือนเช่นของโรม เพราะมีกลุ่มน้อย ส่วนใหญ่จะยังวางตัวเป็นกลางรอเชียร์อยู่ฝั่งที่ชนะ

โดยแบ่งเป็นสองกลุ่มดังนี้
บ้านที่อาจอยู่ฝ่ายสนับสนุนระบบทาส: แอรีส แกนนำ ตามด้วย ซุส และ อะพอลโล
และบ้านที่อาจอยู่ฝ่ายต่อต้านระบบทาส: อะธีน่า แกนนำ ตามด้วยเฮอร์มีส, ดีมิเทอร์, อะโฟร์ไดต์ และเฮเฟตัส 

ส่วนบ้านอื่น ๆ อย่าง
- บ้านไดโอนีซุส เน้นอารมณ์ความสนุกสนานและการปลดปล่อย อาจจะไม่สนใจในเรื่องการเมืองหรือ ความขัดแย้งทางสังคมและเลือกที่จะสนับสนุนฝ่ายที่มีอำนาจมากกว่า 
- ส่วนสายเลือดฮิปนอส เน้นความสงบและการหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง อาจเลือกที่จะไม่เข้าข้างฝ่ายใด ทำให้พวกเขาที่พักในกระท่อมหมายเลข 10 เฮอร์มีสต้องโดนเตะออกไป ไครอนได้จัดเตรียมเต็นท์ให้พวกเขาใช้กางในบริเวณชายหาด
- บ้านโพไซดอน เน้นความแข็งแกร่งและอารมณ์ อาจมีเดมิก็อดที่สนับสนุนทั้งสองฝ่าย ทำให้พวกเขาแยกย้ายออกจากบ้านโพไซดอนไปอาศัยบ้านในฝ่ายนั้น ๆ ส่วนคนที่ตัดสินใจไปฝ่ายไหนนั้น ส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับภูมิหลังและประสบการณ์ของ แต่ละคน
- สายเลือดฮาเดส เน้นความยุติธรรมและความสมดุล อาจมองว่าระบบทาสเป็นสิ่งที่ผิด แต่ก็อาจจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับ ความขัดแย้งนี้ ทำให้พวกเขาโดนบ้านเฮอร์มีสเตะออกมา เหล่าสายเลือดฮาเดสจึงไปพำนักอยู่ในยมโลกกับพ่อเป้นการชั่วคราว
- ส่วนบ้านที่เหลือที่ไม่ได้กล่าวถึงพวกเขาวางตัวเป็นกลางไม่สนใจการเมือง และให้ความช่วยเหลือคนที่เป็นกลางแต่ไม่มีที่อยู่อาศัยมาพักพิงได้ ยกเว้นเด็กฮาเดสเพราะหลายบ้านกลัวกลุ่มเด็กของฮาเดส

calicó!

3 ม้วนบันทึกเอกสารปี 1800

ปี

1800 โอเดสซา ลินน์ เป็นหนึ่งในบุคคลที่ช่วยออกแบบกลยุทธ์ล่อหลอกและสร้างป้อมค่ายจำลอง เพื่อเอาชนะ
เผ่าก็อบลิน แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการวางแผน การคิดเชิงยุทธศาสตร์และความคิดสร้างสรรค์ของเธอ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญของผู้นำและเป็นประโยชน์อย่างมากในการต่อสู้ และปกป้องกรุงโรมใหม่

และเธอยังได้มีบทบาทในการสร้างกลุ่มนักประดิษฐ์ในกองร้อยที่ 3 แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และความสามารถในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่น กลุ่มนักประดิษฐ์นี้ คงเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีและอาวุธใหม่ ๆ ให้กับ
ค่ายจูปิเตอร์และกรุงโรมใหม่ ทำให้พวกเขามีความได้เปรียบในการต่อสู้และการป้องกันตนเอง

แม้ชาวโรมันจะไม่ชอบทะเล แต่ด้วยความสามารถในการเจรจาและโน้มน้าวใจของโอเดสซา เธออาจสามารถทำให้ชาวโรมันเห็นถึงความสำคัญของการสนับสนุนอเมริกาในสงคราม Quasi-War และด้วยความรู้ด้านวิศวกรรมและการออกแบบของเธอ เธออาจช่วยพัฒนาวิทยาการทางทะเลให้กับชาวโรมัน ทำให้พวกเขาสามารถเอาตัวรอดและต่อสู้ในมหาสมุทรได้

โอเดสซา ลินน์ เป็นตัวอย่างของเดมี่ก็อดที่ใช้ความสามารถและสติปัญญาของตนเอง เพื่อช่วยเหลือและปกป้องค่ายจูปิเตอร์และกรุงโรมใหม่ เธอเป็นทั้งนักวางกลยุทธ์ นักประดิษฐ์และนักเจรจาที่มีความสามารถและวิสัยทัศน์ เธอยังเป็นบุคลากรอันมีค่าและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองของกรุงโรมใหม่ในอนาคต

calicó!