- 11.12.2025 / 05:30PM -
กว่ารถไฟแอมแทรคจะเดินทางมาถึงลอสแอนเจลิสก็ล่วงเข้าสู่ช่วงเย็นวันที่สองของการเดินทาง สหรัฐฯ ช่างกว้างใหญ่ไพศาล แต่เมื่อเทียบกับการเดินทางไกลที่ผ่านมาแล้วยังไม่สู้การที่พวกเขากลับมาจากเอกวาดอร์
ดีนและแมคเคนซีลำเลียงกรงสัตว์สามกรงลงจากรถไฟสายซันเซ็ตลิมิเตดเพื่อต่อรถไฟอีกสายในทันที
‘บาร์ต’ (BART) เป็นตัวย่อมาจาก ‘ระบบขนส่งมวลชนด่วนรอบอ่าว’ คือ ระบบรถไฟขนส่งมวลชนความเร็วสูงที่ให้บริการในบริเวณอ่าวซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา จากแผนที่บ่งบอกว่าเพียงแค่พวกเขาต่อรถไฟไปลง ‘สถานีร็อคไรด์’ แล้วเดินไปอีกประมาณยี่สิบนาทีก็จะถึงอุโมงค์คัลลีคอตต์
“นิวโรมจะเป็นเมืองแบบไหนกันนะ ฉันตื่นเต้นจัง”
ดีนกล่าวด้วยดวงตาเป็นประกายขณะที่เขาสะพายกระเป๋าใส่สัตว์เลี้ยงของตนเองไว้ด้านหลัง ส่วนแมคเคนซีก็ทำแบบนั้นเช่นเดียวกัน เมื่อพวกเขาออกจากเขตขนส่งสาธารณะ บุตรแห่งม่านหมอกก็ปล่อยแอนซิลอสเป็นอิสระ ให้มันสยายปีกบินตามหลังจากที่ต้องเอาแต่อยู่ในกรงนกแคบ ๆ มากว่าสี่สิบแปดชั่วโมง (ส่วนกรงนกนั้นเก็บใส่แหวนห้วงมิติไปเรียบร้อย)
ไม่เพียงแค่ดีนที่ตาเป็นประกาย เจ้าเหมียวผีสองตัวก็ดูจะตื่นเต้นกับทิวทัศน์ภายนอกไม่น้อย ดวงตากลมสีอำพันมองสอดส่องไปทั่วผ่านตาข่ายกระเป๋าสะพายสัตว์ พวกมันไม่ได้ส่งเสียงรบกวนระหว่างการเดินทาง มันเพียงแค่ ‘เพอร์’ ออกมาเบา ๆ เท่านั้น
“ไม่ใช่ว่านายก็เคยเห็นแล้วเหรอ ที่รีชถ่ายรูปมาอวดไง”
ที่แมคเคนซีกล่าวอาจหมายถึงเทศกาลบูชาเทพีฟอร์ทูน่า เทพีแห่งโชคชะตา ที่ถูกจัดขึ้นช่วงเดือนมิถุนายน ในตอนนั้นทางค่ายจัดกิจกรรมให้เหล่าเด็ก ๆ ได้ไปทัศนศึกษากันช่วงปิดเทอม งานนี้รีชา นิโคไล และเชมัสได้จับกลุ่มเดินงานไปด้วยกัน
“รูปถ่ายกับของจริงมันไม่เหมือนกันสักหน่อย ของแบบนี้ต้องสัมผัสกับตาของตัวเองสิถึงจะรู้ว่าเป็นยังไง”
แมคเคนซีเพียงแค่ยักไหล่แต่ไม่ได้เถียง ความจริงเขาก็อยากรู้ว่าเมืองที่อยู่ในธีมโรมันโบราณในโลกยุคโลกาภิวัฒน์จะเป็นอย่างไร บางทีอาจได้เห็นอะไรล้ำ ๆ ผสมผสานกับความเก่าแก่แบบโลกในเกมแฟนตาซีก็เป็นได้ หรือเผลอ ๆ อาจไปไกลมากกว่านั้น
“ฉันว่า… อาจคล้ายกับดิสนีย์แลนด์ก็ได้นะ ถึงจะไม่เคยไปก็เถอะ”
ประโยคต่อมาของดีนทำเอาหนุ่มอังกฤษหลุดขำ เห็นไหมล่ะว่าอีกฝ่ายคิดเหมือนกับที่เขาคิดเปี๊ยบเลย
“ถ้านายว่าเหมือนดิสนีย์แลนด์ แปลว่าต้องมีมาสคอตของเทพโพไซดอนแล้วก็เทพีเฮคาทีคอยแจกลายเซ็นกับให้พวกเรายืนถ่ายรูปคู่ด้วยสิ”
ทว่าประโยคนี้ของบุตรแห่งม่านหมอกทำให้ดีนขำพรืดกว่าประโยคที่เขาทำให้อีกฝ่ายหลุดขำ
“ให้ตายสิ! ถ้าเป็นแบบนั้นจริงล่ะก็พวกเราต้องรอคิวถ่ายรูปคู่นานสองชั่วโมงแน่ ๆ”
แม้เป็นเรื่องน่าขบขันแต่หวังอย่าให้เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เพราะว่าพวกเขามาร่วมงานเทศกาลจากคำชวนเชื่อของซันซ์ที่ว่า ‘ของกินเพียบ เหล้าไม่อั้น’ หากคนเยอะเกินไปพวกเขาคงไม่เสียเวลาเบียดเสียดกับฝูงชนเพียงเพื่อแค่ของฟรีแน่ ๆ อีกอย่างนี่ก็เข้าสู่ช่วงสุดท้ายของงานแล้วด้วย คงไม่เหลือแต่เหล้าก้นถังกับข้าวก้นหม้อนะ
แต่ความจริงเรื่องนั้นไม่ได้สำคัญเลย พวกเขาก็แค่อยากเก็บความทรงจำหนึ่งในชีวิตร่วมกันเท่านั้น เพราะฉะนั้น…
“นี่ดีน นายไม่เคยไปดิสนีย์แลนด์เหรอ”
“หืม ไม่ ดิสนีย์แลนด์มีแค่ฟลอริด้ากับแคลิฟอร์เนีย เด็กเท็กซัสอย่างฉันเลยเล่นซิกส์แฟลกส์แทนน่ะ”
ซึ่งน่าเสียดายที่ซิกส์แฟลกซ์เฟียซต้าเท็กซัสไม่มีมาสคอตเหล่านั้นที่ดีนชื่นชอบ
“ฉันเคยได้ยินคนที่ค่ายพูดกันว่าตรงเนินฮาล์ฟบลัดมีสวนสนุกเพิ่งเปิดปีที่แล้วด้วย เหมือนว่าจะเป็นบริษัทของพ่อคุณเรเชลนี่ล่ะ เอาไว้กลับถึงค่ายแล้วพวกเราไปด้วยกันไหม ถึงมันจะไม่ใช่ดิสนีย์แลนด์ที่นายชอบก็เถอะ”
“ไป! ไปสิ!” ดีนรีบตอบรับทันควัน ไม่มีเสียหรอกที่เขาจะพลาดโอกาสไปเที่ยวกับคนรักและ… “เด็ก ๆ ต้องชอบด้วยแน่ ๆ นายว่าไหม?”
“ดีน… ฉันอยากไปแค่กับนาย”
บุตรแห่งเฮคาทีกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง ในใจเหนื่อยอ่อน พอเป็นเรื่องที่คิดว่าครอบครัวน่าจะชอบ หมอนี่ก็ตั้งท่าจะชวนทุกคนไปกันหมด แล้วจากชวนกันปากต่อปากก็จะกลายเป็นไปกันแทบยกค่ายน่ะสิ บางครั้งแมคเคนซีก็อยากให้ดีนฉลาดในเรื่องแบบนี้ขึ้นบ้าง
ซึ่งบุตรเจ้าสมุทรใช้เวลาจูนสมองกับเรื่องนี้ถึงสิบวินาทีด้วยกัน
“หมายถึงนายชวนฉันเดตงั้นเหรอ โธ่ แล้วก็ไม่บอกตั้งแต่แรก ไปสิ ไป ฉันจะไปกับนายแค่สองคน จะไม่ชวนคนอื่นเลย”
คำตอบของดีนทำให้แมคเคนซียิ้มอ่อน แต่สำหรับดีนแล้วเรื่องนี้มันช่างเจ๋งแจ๋วสุด ๆ แม้ว่าเขาจะเข้าใจเจตนาที่คนรักต้องการสื่อแบบดีเลย์ไปหน่อยก็ตาม
.
.
ทั้งคู่เดินคุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อย ๆ จนมาหยุดยืนอยู่ด้านหน้าทางเข้าอุโมงคัลลีคอตต์ บริเวณนั้นมีทหารรักษาการณ์ใส่เครื่องแบบโรมันเต็มยศจนดีนขยับเข้าไปกระซิบกับแมคเคนซี
“แมคซี่ดูนั่นสิ.. สงสัยว่านิวโรมจะเป็นธีมปาร์คจริง ๆ ด้วยล่ะ”
“นายอย่าพูดเสียงดังไป ถึงยังไงสองคนนี้ก็น่าจะเป็นทหารจริง ๆ ไม่ใช่เหรอ”
“เออแฮะ จริงด้วย.. ฉันคิดว่าได้เวลาต้องเอาไอ้นี่ออกมาใช้งานแล้วล่ะ”
กล่าวจบดีนก็เดินนำหน้าไปหาทหารรักษาการณ์ในชุดโรมัน พร้อมกับกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรสุด ๆ (กลัวเขาไม่ให้เข้า)
“สวัสดี พวกเราเพิ่งเดินทางมาถึงน่ะ ไม่ทราบว่าจะเข้าไปเมืองนิวโรมยังไงเหรอครับ?”
“ทำไมเด็กบ้านหมาป่างวดนี้หน้าแก่จัง” ทหารยามเอซุบซิบกับทหารยามบี ทว่าผู้มาเยือนได้ยินชัดแจ้งเต็มสองหู
“คงฮอร์โมนล่ะมั้ง เด็กสมัยนี้โตเร็วกันจะตาย” ทหารยามบีกระซิบตอบเพื่อนก่อนจะเพ่งสายตามองมายังดีนและแมคเคนซีตั้งแต่หัวจรดเท้า “เด็กที่เพิ่งมาจากบ้านหมาป่าสินะ ดูเหมือนพวกนายมีฝีมือกันน่าดู รอบก่อน ๆ กว่าจะมาถึงหน้าค่ายเล่นเอาสะบักสะบอมกันทุกคน”
“ห๊ะ บ้านหมาป่า?”
ในหัวมีแต่คำว่า ‘งง’ ทหารตรงหน้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันนะ ที่นิวโรมนอกจากมีค่ายจูปิเตอร์แล้วยังมีค่ายหมาป่าอีกเหรอ แล้วนั่นเป็นแค่ชื่อหรือว่ามีหมาป่าจริง ๆ กันล่ะ
“เอ้า หรืออุปสรรคที่ผ่านมาทำให้นายสมองเสื่อม แต่ช่างเถอะ ใบรับรองล่ะ” ทหารยามเอดูเหมือนจะเป็นคนปากร้ายใช่ย่อย แต่โชคดีที่ดีนกำลังจะนำเอกสารรับรองจากไครอนออกมาให้ดูพอดี
“นี่ ผมพกมาด้วย ส่วนอีกคน…” ดีนมองไปทางแมคเคนซี เขาลืมไปเสียสนิทเลยว่าการจะมาที่นิวโรมต้องทำใบรับรองก่อนเพื่อผ่านเข้าเมือง แต่คนรักของเขาดูเหมือนว่าจะไม่มีเอกสารรับรองที่ว่านั่น
“ดูแค่คนเดียวก็พอ” พี่ทหารที่หน้าแก่พอ ๆ กับผู้ที่ตนคิดว่าเป็น ‘เด็กใหม่’ สองคนกล่าว จากนั้นคลี่ดูจดหมาย “หืม จดหมายจากไครอน? พวกนายเป็นฮาล์ฟบลัดนี่นา ฉันก็คิดว่าเป็นเด็กบ้านหมาป่าซะอีก” ทหารยามเอไม่ได้ตรวจสอบอะไรมาก เขาคืนเอกสารรับรองให้แก่ดีน “อ่ะ เข้าไปได้ แต่งานเทศกาลจวนจะจบอยู่แล้ว มาช้าไปนะพวก”
“ฮ่าฮ่า.. ก็มาช้าไปจริง ๆ แหละ” ดีนตอบพร้อมยิ้มแหย ทำไงได้ล่ะ เขาก็มีภารกิจอันใหญ่หลวงที่ต้องทำเพื่อให้ได้เงินเหมือนกันนี่นา
“ยังไงก็ยินดีต้อนรับสู่นิวโรม เที่ยวให้สนุกล่ะสหาย”
ทหารทั้งสองกล่าวต้อนรับพร้อมกับเปิดทางให้ บางทีพวกเขาคงได้รับการอบรมเรื่องการต้อนรับนักท่องเที่ยวมาบ้าง แม้ไม่ได้น่าประทับใจเหมือนไปดิสนีย์แลนด์ แต่ก็ถือว่าไม่ได้แย่ไปเสียทีเดียว
.
.
“ฟู้ว ในที่สุดก็เข้ามาได้ ไม่ยากเท่าไหร่เนอะว่าไหม?”
“ที่ไม่ยากอาจเป็นเพราะพวกเขารู้ว่าพวกเราก็เป็นเหมือนกับเขาล่ะมั้ง”
เหมือนกันที่ว่าหมายถึง พวกเขาอาจจะเป็นเดมิก็อดด้วยกันทั้งหมด แต่จะเป็นไปได้หรือที่เมืองใหญ่โตแม้อาจไม่ใหญ่เท่าแมนฮัตตัน แต่อย่างน้อยจำนวนก็คงมากกว่าหมู่บ้านที่มีประชากรสายเลือดทวยเทพไหลเวียนอยู่ด้วยกันทุกคน
เทพโรมันก็เจ้าชู้ใช่เล่นนะ…
เมื่อก้าวเท้าเข้าสู่นิวโรมเป็นครั้งแรก ความรู้สึกเหมือนกำลังก้าวข้ามเส้นบาง ๆ ระหว่างโลกสมัยใหม่กับตำนานโบราณ เมืองนี้ไม่โอบรับผู้มาเยือนด้วยความยิ่งใหญ่โอ่อ่าในทันที หากแต่ค่อย ๆ เผยตัวผ่านรายละเอียดเล็กน้อย ถนนหินสีอ่อนที่ทอดยาวอย่างเป็นระเบียบ อาคารคอนกรีตและหินอ่อนที่ดูเรียบขรึมแต่แฝงความสง่างาม และเสาโบราณที่ถูกฝังกลืนอยู่ในโครงสร้างร่วมสมัย ราวกับอดีตไม่เคยจากไปไหน เพียงแค่เลือกจะอยู่เงียบ ๆ ตามทั่วทุกมุมของเมือง เรียกได้ว่าที่นี่ไม่เหมือนธีมปาร์คเสียทีเดียว แต่เป็นเมืองจริง ๆ ที่มีผู้คนอยู่อาศัยกันจริง ๆ มากกว่า
วิหคสายฟ้าที่บินตามหลังร่อนลงมาเกาะกรงเล็บลงบนไหล่ของแมคเคนซีอย่างนุ่มนวล สายตาคมกริบของมันกวาดมองไปรอบ ๆ อย่างสำรวจ ไม่แน่ว่านี่ก็อาจเป็นครั้งแรกของอินทรีแห่งซุสตัวนี้ด้วยเช่นกันที่ได้มาเยือนถิ่นฐานของเหล่าบุตรแห่งทวยเทพโรมัน
“แล้วพวกเราเอาไงต่อ นายจะไปหาไทสันที่บ้านเลยไหม ว่าแต่เขาอยู่ที่ไหนนะ”
“ร้านหนังสือไซคลอปส์และคำทำนายและแมวสีส้ม”
“ชื่อยาวขนาดนี้นายก็ยังจำได้ น่าเหลือเชื่อเป็นบ้า”
“สั้นกว่าชื่อวิทยานิพนธ์ของฉันตั้งเยอะ”
"............"
แมคเคนซีเพียงแค่พยักหน้าน้อย ๆ เพราะเถียงไม่ออก ถ้าดีนจำชื่อผลงานของตัวเองได้ กับแค่ชื่อร้านที่ยาวสี่สิบตัวอักษรทำไมดีนจะจำไม่ได้ล่ะจริงไหม
“ฉันคิดว่ายังไม่ไปรบกวนไทสันดีกว่า อยู่ ๆ โผล่ไปเดี๋ยวหมอนั่นต้องมาลำบากจัดแจงที่นอนให้อีก”
นึกถึงตอนที่พวกเขาทั้งสี่คนรวมชาร์ล็อตและไฮรี่โผล่ไปเซอร์ไพรส์ครอบครัวที่ซานอันโตนิโอ (แต่โดนฝูงก็อบลินเซอร์ไพรส์กลับ) ก็รู้ว่าพวกพ่อกับแม่ลำบากแค่ไหนตอนที่ต้องจัดที่นอนให้ในยามมืดค่ำทั้งที่ตอนนั้นพวกเขากำลังช็อคที่บริเวณหลังบ้านพังกันอยู่ แม้ว่าดีนจะอยากพบญาติของตัวเองมากแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ต้องอดใจไว้ก่อน อย่างไรเสียพวกเขาก็วางแผนกะมาอยู่ที่นิวโรมประมาณหนึ่งสัปดาห์อยู่แล้ว ระหว่างนี้น่าจะมีเวลาได้เข้าไปทักทายจนเบื่อหน้ากันไปข้าง
“เอางี้แล้วกัน ฉันว่าเราเปิดโรงแรมแล้วพักกันไปจนจบงานเทศกาลเลย ที่นี่ใช้ค่าเงินดีนาเรียสใช่ไหม ฉันพอจะมีเงินจากกิจกรรมล็อกอินมือถืออยู่จำนวนหนึ่ง ถ้าใช้จ่ายไม่พอค่อยไปแลกเงินเพิ่ม นายว่าไง”
“ไม่มีปัญหา แต่คราวนี้คงต้องให้นายเป็นคนจ่ายไปก่อนแล้ว”
สำหรับแมคเคนซีไม่มีปัญหาเรื่องเงินดอลลาร์ แต่พอเป็นหน่วยเงินโบราณอย่างดรักม่าหรือดีนาเรียสเนี่ยสิ เขามีไม่เท่าดีนอาจเพราะไม่ได้บ้าเล่นเกมในโทรศัพท์มือถือเดดาลัสเท่า
“ดีน นั่น”
หนุ่มแห่งม่านหมอกมนตราแตะไหล่คนรักก่อนจะชี้ให้ดูอาคารโรมันสีขาวที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากประตูทางเข้าเมือง มีทั้งป้ายภาษาโรมันและภาษาอังกฤษติดเอาไว้ ‘ศูนย์บริการนำเที่ยว โรมาน่า เอ็กซ์พลอเรอร์’
“แจ๋ว ตาดีนี่นาที่รัก งั้นพวกเราลองไปติดต่อดูแล้วกัน เผื่อว่าเจ้าหน้าที่จะช่วยอะไรได้บ้าง”
เมื่อตกลงกันได้แล้วทั้งสองจึงเดินเข้าไปข้างในศูนย์บริการนำเที่ยวจนได้รับคำแนะนำดี ๆ เรื่องสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่สำคัญ จุดที่น่าสนใจในตัวเมือง เรื่องที่ควรทำและเรื่องต้องห้าม รวมทั้งพนักงานยังแนะนำอย่างดีให้เข้าพักที่ ‘โรงแรมซีซาร์คราวน์’ ที่โอ่อ่าและสะดวกสบายที่สุดในนิวโรม