[ข้อมูล 4 อัศวินแห่งกาลวิบัติ]

4 อัศวินแห่งกาลวิบัติกลุ่มแรก

อัศวินแห่งความตาย: เซอร์ มอร์เดร็ด (Sir Mordred)

อัศวินแห่งโรคระบาด: เซอร์ เพสทิเลนซ์ (Sir Pestilence)

อัศวินแห่งสงคราม: เซอร์ วอร์ (Sir War)

อัศวินแห่งความอดอยาก: เซอร์ แฟมิน (Sir Famine)

ในยุคกลางอันมืดมน กลุ่มอัศวินผู้กล้าหาญ 4 นาย ได้ออกเดินทางเพื่อแสวงหาชื่อเสียงและเกียรติยศ แต่โชคชะตากลับนำพาพวกเขาไปพบกับ "แหล่งพลังด้านมืดแห่งความโกลาหล" พลังอันชั่วร้ายเข้าครอบงำจิตใจของพวกเขา บิดเบือนความดีงามให้กลายเป็นความมืดมิด

อัศวินทั้ง 4 ได้กลายเป็น "อัศวินแห่งกาลวิบัติ" นำพาความตาย โรคระบาด สงคราม และความอดอยากมาสู่โลกมนุษย์ พวกเขาสร้างความเสียหายและความทุกข์ทรมานไปทั่วแผ่นดิน ราวกับปีศาจร้ายที่หลุดออกมาจากขุมนรก เรียกได้ว่าเป็นชื่อเสียงและที่มาของยุคมืดตามที่ผู้คนเล่าขาน

เวลาผ่านไปหลายศตวรรษ จนกระทั่งถึงยุคของอัศวินเทมพลาร์ กลุ่มอัศวินศักดิ์สิทธิ์ผู้อุทิศตนเพื่อปกป้องผู้บริสุทธิ์และต่อสู้กับความชั่วร้าย "อูกแห่งปาแย็ง" บุตรแห่งจูปิเตอร์ ผู้นำของภาคีอัศวินเทมพลาร์ พร้อมกับสหายอีก 8 คน ได้ร่วมมือกันต่อกรกับ 4 อัศวินแห่งกาลวิบัติ

การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด แต่ด้วยพลังแห่งความโกลาหลที่แข็งแกร่งเกินกว่าจะต้านทาน ภาคีอัศวินเทมพลาร์กลุ่มแรกเสียหายไปอย่างมาก ทหารในภาคีล้มตายนับพัน ก็ไม่อาจปราบอัศวินแห่งกาลวิบัติได้สิ้นซาก พวกเขาทำได้เพียงผนึกพวกมันไว้ใน "กล่องเหล็ก" ที่สร้างขึ้นโดยเทพวัลแคน เทพแห่งการตีเหล็ก

อูกแห่งปาแย็ง ได้กำชับทหารที่ไว้ใจได้ในภาคีให้นำกล่องใบนี้ไปฝังยังสุสานที่ห่างไกลผู้คน และห้ามเปิดออกอีกครั้ง เพื่อไม่ให้ความชั่วร้ายกลับมาอาละวาดอีก

จนเวลาล่วงเลยมาจนถึงปี 2024 ความทะเยอทะยานของเหล่านักโบราณคดีที่ต้องการศึกษาสมบัติของอัศวินเทมพลาร์ นำพาพวกเขาไปสู่วิหารโบราณในอิรักที่ถูกทรายกลบฝังมาเนิ่นนาน ในการสำรวจวิหารโบราณแห่งนั้นเป็นเหตุให้พวกเขาเผลอเปิดหีบที่ผนึก 4 อัศวินแห่งกาลวิบัติไว้โดยไม่รู้ตัว และปลดปล่อยจิตวิญญาณแห่งความโกลาหลทั้ง 4 ออกมาอีกครั้ง

วิญญาณชั่วร้ายออกตามหาร่างใหม่เพื่อเตรียมการล้างแค้นโลก และในการกลับมาคราวนี้ พวกมันได้ค้นพบ "ประตูมิติ" ที่นำพาไปสู่สุดขอบกาแล็กซี ที่ซึ่งเป็นสถานที่คุมขัง "สตาร์สปอน" อสุรกายบรรพกาลแห่งเคออสไว้

4 อัศวินแห่งกาลวิบัติร่วมมือกับสตาร์สปอน จึงเป็นเหตุให้พวกมันสามารถจับตัวนิกซ์ เทพีแห่งรัตติกาลมาได้ และแยกแก่นพลังของนิกซ์ออกเป็นหลายส่วนไปซุกซ่อนไว้ตามช่วงเวลาต่าง ๆ เพื่อมิให้นิกซ์ฟื้นฟูตัวเองได้

การทำลายรัตติกาลย่อมทำลายสมดุลของโลกได้อย่างง่ายดาย โลกกำลังตกอยู่ในอันตรายครั้งใหญ่ และเป็นหน้าที่ของเหล่าวีรบุรุษยุคใหม่ที่จะต้องหยุดยั้งพวกมันให้ได้!

การต่อสู้ในภารกิจกู้คืนรัตติกาลของกลุ่มวีรบุรุษมิใช่การทำลายอัศวินแห่งกาลวิบัติ แต่กำลังปูทางไปสู่ศัตรูที่ร้ายกาจยิ่งกว่า เพราะภายใต้การชักนำของบางคนที่ชักใยอยู่เบื้องหลังต้องการเก็บเกี่ยวพลังด้านมืดแห่งความโกลาหล และ อัศวินแห่งกาลวิบัติกลุ่มใหม่ยังไม่ถูกกำจัด พวกมันแยกแก่นพลังไว้ยังร่างใหม่...

ข้อมูลประวัติอัศวินแห่งกาลวิบัติดูโพสต์ด้านล่าง.....

เซอร์ มอร์เดร็ด

Personality

ความเป็นผู้นำ:

มอร์เดร็ดมีพรสวรรค์ในการเป็นผู้นำ  เขามีความสามารถในการโน้มน้าว  จูงใจ  และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คน  ให้ทำตามเป้าหมายของเขา

ความฉลาดหลักแหลม:

มอร์เดร็ดเป็นนักวางแผนที่ชาญฉลาด เขาสามารถวิเคราะห์สถานการณ์  วางแผน  และตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ

ความทะเยอทะยาน:

มอร์เดร็ดมีความทะเยอทะยานสูง เขาต้องการอำนาจและการยอมรับจากผู้อื่น  เขาพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายของเขา

ความโหดเหี้ยม:

มอร์เดร็ดไม่ลังเลที่จะใช้ความรุนแรงเพื่อกำจัดศัตรูหรือผู้ที่ขวางทางเขา เขาเป็นคนที่ไร้ความปราณีและไม่สนใจความรู้สึกของผู้อื่น

ความลึกลับ:

มอร์เดร็ดเป็นคนที่เก็บความลับเก่ง เขาไม่ค่อยเปิดเผยความรู้สึกหรือแผนการของเขาให้ใครรู้

Background Profile

อดีตกาล (คริสต์ศตวรรษที่ 4)

มอร์เดร็ด ถือกำเนิดขึ้นในยุคกลาง ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 4 ก่อนยุคมืดจะมาเยือนยุโรป เขาเป็นชายหนุ่มรูปงาม สูงสง่า มีดวงตาสีฟ้าคมกริบ และผมสีบลอนด์ยาวสลวย แต่เบื้องหลังใบหน้าอันหล่อเหลานั้น ซ่อนไว้ด้วยความทะเยอทะยาน และความโหดเหี้ยม ที่ไม่มีใครคาดคิด

มอร์เดร็ดใฝ่ฝันที่จะเป็นอัศวินผู้ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก จึงทำให้เขาได้ตั้งใจเพื่อฝึกฝนวิชาดาบและยุทธวิธีอย่างหนัก จนกลายเป็นนักรบที่เก่งกาจไร้เทียมทาน

ในการแสวงหาชื่อเสียง มอร์เดร็ดได้ออกเดินทางไปทั่วดินแดน เขาต่อสู้กับอัศวินคนอื่น ๆ ทั้งปราบสัตว์ร้าย และพิชิตภารกิจอันตรายมากมาย ชื่อเสียงของเขาเริ่มเป็นที่รู้จักและกล่าวขาน แต่ก็มาพร้อมกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความโหดเหี้ยมและไร้ความปราณีของเขา

ในระหว่างการเดินทาง มอร์เดร็ดได้พบกับมิตรสหายอีกสามคน คือ เซอร์เพสทิเลนซ์, เซอร์วอร์  และเซอร์แฟมิน พวกเขาร่วมมือกันสร้างวีรกรรมมากมาย เช่น การปราบมังกรและอสุรกายร้าย ที่เป็นที่หวาดกลัวของผู้คน

ชื่อเสียงของทั้งสี่อัศวินดังกระฉ่อนไปทั่วดินแดน แต่แทนที่พวกเขาจะได้รับการยกย่องและเชิดชูเกียรติจากศาสนจักรโรมัน พวกเขากลับถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามต่ออำนาจ ศาสนจักรจึงได้ส่งกองทัพมาเพื่อกำจัดพวกเขา

สี่อัศวินต้องหลบหนีการตามล่าอย่างเอาเป็นเอาตาย ในระหว่างการหลบหนีทำให้พวกเขาได้พบกับถ้ำลึกลับในแถบเยอรมนี ภายในถ้ำนั้นมี "แหล่งพลังด้านมืดแห่งความโกลาหล" ที่รอคอยการปลดปล่อย

พลังมืดเข้าครอบงำทั้งสี่อัศวิน เปลี่ยนแปลงพวกเขาให้กลายเป็น "อัศวินแห่งกาลวิบัติ" นำพาหายนะมาสู่โลกมนุษย์

ยุคปัจจุบัน (2024):

หลังจากถูกผนึกไว้นานนับพันปี สี่อัศวินแห่งกาลวิบัติก็ถูกปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง ในครานี้ พวกเขาออกมาเพื่อล้างแค้นศาสนโรมันและเชื้อสายโรมันทั้งหมดให้สิ้นซาก แต่ก่อนอื่นใดพวกเขาจะต้องตามหาร่างใหม่เพื่อการล้างแค้น

มอร์เดร็ดในร่างใหม่ยังคงความทะเยอทะยานและความโหดเหี้ยมไว้ไม่เสื่อมคลาย เขายังคงมีความเป็นผู้นำ ซึ่งภายใต้การนำของเขาในการวางแผนจับตัวนิกซ์ เทพีแห่งรัตติกาล และซ่อนแก่นพลังของเธอไว้ตามช่วงเวลาต่าง ๆ เพื่อทำลายสมดุลของโลก

มอร์เดร็ดเชื่อว่าการทำลายสมดุลของโลก จะเป็นวิธีการที่ดีที่สุดและลดความสูญเสียหรือความเสี่ยงในการถูกขัดขวาง เพื่อจะนำมาซึ่งยุคใหม่แห่งความโกลาหลที่เขาจะสามารถขึ้นครองอำนาจและปกครองโลกได้ 

Ability

นักดาบผู้เชี่ยวชาญ:

มอร์เดร็ดเป็นนักดาบที่มีฝีมือยอดเยี่ยม เขาสามารถใช้ดาบ ได้อย่างคล่องแคล่วและรุนแรง

นักวางกลยุทธ์: 

มอร์เดร็ดสามารถวางแผนการรบ และการโจมตีได้อย่างมี ประสิทธิภาพ

ผู้เชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์มืด: 

มอร์เดร็ดสามารถใช้เวทมนตร์ความโกลาหลด้านมืดได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบเช่น การสาปแช่ง การควบคุมจิตใจ และ การอัญเชิญวิญญาณ ส่วนใหญ่จะมีความคล้ายคลึงกับเทพแห่งความตาย

King

เซอร์ เพสทิเลนซ์

Personality

ฉลาดแกมโกง: 

เซอร์เพสทิเลนซ์ เป็นจอมวางแผนที่ชาญฉลาดและเจ้าเล่ห์ เขาสามารถใช้ สติปัญญาและไหวพริบของเขาในการหลอกลวงและเอาชนะศัตรูได้

เจ้าเล่ห์: 

เซอร์เพสทิเลนซ์ ชอบใช้เล่ห์เหลี่ยมและกลอุบายในการบรรลุเป้าหมาย เขาไม่ชอบการเผชิญหน้าแบบตรงไปตรงมา แต่จะใช้วิธีลอบกัดและวางยาพิษ

เพลิดเพลินในความทุกข์ทรมาน:

เซอร์เพสทิเลนซ์ มีความสุขที่ได้เห็นผู้คนเจ็บป่วยและตาย เขามองว่าโรคระบาดเป็นเครื่องมือในการควบคุมและทำลายล้างมนุษย์

เห็นแก่ตัว: 

เซอร์เพสทิเลนซ์ สนใจแต่ตัวเองและเป้าหมายของเขา นอกจากพี่ใหญ่เซอร์มอร์เดร็ด เขาก็ไม่แยแสต่อความรู้สึกหรือชีวิตของผู้อื่นเลย

เพลย์บอย: 

เซอร์เพสทิเลนซ์ ชอบใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือย เขาชอบดื่มกิน เที่ยวเล่น และมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงมากมาย

Background Profile

อดีตกาล (คริสต์ศตวรรษที่ 4)

ในยุคกลางอันแสนวุ่นวาย ณ ดินแดนที่โรคระบาดชุกชุม มีชายผู้หนึ่งชื่อ เพสทิเลนซ์ใช้ชีวิตอย่างเรื่อยเปื่อย ไร้จุดหมาย เขาหาเลี้ยงชีพด้วยการขายหมู แต่กลับใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการดื่มเหล้า เสพสุขและเที่ยวหญิงบริการ

แม้จะดูเหมือนคนไร้สาระ แต่เพสทิเลนซ์กลับมีไหวพริบและความเจ้าเล่ห์แฝงอยู่ ภายใต้ท่าทางอันโง่เขลา เขาเชี่ยวชาญในการหลอกลวง โกง และขโมยโดยไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ

จนวันหนึ่ง ในขณะที่เพสทิเลนซ์กำลังเดินทางไปขายหมูในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขาได้พบกับเซอร์มอร์เดร็ดที่กำลังต่อสู้กับโจรป่า

ด้วยความอยากรู้อยากเห็นและหวังผลประโยชน์ เพสทิเลนซ์จึงเข้าไปช่วยเหลืออัศวินมอร์เดร็ด โดยใช้เล่ห์เหลี่ยมและกลอุบายต่าง ๆ จนสามารถเอาชนะโจรป่าได้ในที่สุด

หลังจากนั้น เพสทิเลนซ์ก็ร่วมเดินทางไปกับมอร์เดร็ด เขาได้เรียนรู้วิชาการต่อสู้และยุทธวิธีต่าง ๆ จากเขา และใช้ความเจ้าเล่ห์ของเขาช่วยเหลือเหล่ามอร์เดร็ดในการทำภารกิจต่าง ๆ จนไปเจอพี่น้องอีกสามอัศวิน

(อ่านรายละเอียดเต็มที่เซอร์มอร์เดร็ด)

จนกระทั่งวันหนึ่ง พวกเขาได้พบกับ "แหล่งพลังด้านมืดแห่งความโกลาหล" พลังมืดเข้าครอบงำ สี่อัศวิน เปลี่ยนแปลงพวกเขาให้กลายเป็น "อัศวินแห่งกาลวิบัติ"

เพสทิเลนซ์กลายเป็นอัศวินแห่งโรคระบาด ผู้นำพาความเจ็บป่วยและความตายมาสู่โลกมนุษย์

ยุคปัจจุบัน (2024):

หลังจากถูกปลดปล่อยจากการผนึก เพสทิเลนซ์ได้เข้าสิงร่างใหม่ ซึ่งเป็นร่างของมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ผู้ร่ำรวยและมีอำนาจ เขาใช้ทรัพย์สินและอิทธิพลของเขาในการสร้างเครือข่ายใต้ดิน และรวบรวมข้อมูลจากทั่วโลก

เพสทิเลนซ์ยังคงรักษานิสัยเพลย์บอยไว้เช่นเดิม เขาใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ฟุ่มเฟือยและมีความสัมพันธ์กับหญิงสาวมากมาย แต่คราวนี้เขามีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น คือ การทำลายล้างโลกและแก้แค้นพวกโรมันที่ไม่เห็นคุณค่าพวกเขาสี่พี่น้อง ถึงจะไม่ใช่สาธารณรัฐโรมัน แต่สำหรับพวกเขาศาสนจักรโรมันและอะไรโรมันก็ถือว่าเป็นพวกเดียวกัน

เพสทิเลนซ์ได้ศึกษาและพัฒนาอาวุธชีวภาพชนิดใหม่ที่ร้ายแรงกว่าเดิม เขาวางแผนที่จะแพร่โรคระบาดครั้งใหญ่ที่จะคร่าชีวิตมนุษย์นับล้าน

นอกจากนี้ เพสทิเลนซ์ยังได้ชักใยและยุยงเหล่าก๊อบลินกลุ่มหนึ่งให้ร่วมมือกับเขาในการแพร่โรคระบาด และก่อความวุ่นวายไปทั่วโลก

เพสทิเลนซ์พร้อมแล้วที่จะปลดปล่อยหายนะครั้งใหม่สู่โลกมนุษย์และคราวนี้ เขาจะไม่ยอมให้ใครมาหยุดยั้งเขาได้

Ability

นักวางแผน ผู้ชาญฉลาด: 

เพสทิเลนซ์ สามารถวิเคราะห์สถานการณ์ วางแผน และคาดการณ์ผลลัพธ์ได้อย่างแม่นยำ เขาสามารถคิดค้นกลยุทธ์ที่ซับซ้อน และหลอกล่อศัตรูให้ติดกับได้

นักเจรจาผู้มีคารมคมคาย: 

เพสทิเลนซ์มีวาทศิลป์ที่ยอดเยี่ยม เขาสามารถโน้มน้าว จูงใจ และชักจูงผู้อื่นให้คล้อยตามได้อย่างง่ายดาย

ผู้เชี่ยวชาญด้านการลอบเร้น: 

เพสทิเลนซ์สามารถเคลื่อนไหว และซ่อนตัวได้อย่างเงียบเชียบ เขามักจะใช้ความสามารถนี้ในการลอบเข้าไปในสถานที่ต่าง ๆ หรือหลบหนีจากศัตรู

นักเล่นแร่แปรธาตุ: 

เพสทิเลนซ์ มีความรู้ด้านการเล่นแร่แปรธาตุ เขาสามารถสร้างยาพิษและยาแก้พิษได้หลากหลายชนิด

สร้างภูมิคุ้มกันให้กับตนเอง:

เพสทิเลนซ์ มีภูมิคุ้มกันต่อโรคและพิษทุกชนิด

เสริมพลังให้กับโรคระบาด: 

เพสทิเลนซ์ สามารถเสริมพลังให้กับโรคระบาด ทำให้โรคนั้นรุนแรงและแพร่กระจายได้เร็วขึ้น

Aura of Pestilence: 

เพสทิเลนซ์ สามารถปล่อยออร่าที่เต็มไปด้วยเชื้อโรคออกมา ทำให้ศัตรูที่อยู่ใกล้ ๆ ติดโรคและอ่อนแอลง

Plague Touch:

เมื่อเพสทิเลนซ์สัมผัสตัวศัตรู เขาสามารถส่งผ่านโรคระบาด หรือพิษเข้าสู่ร่างกายของศัตรูได้

Summon Disease Spirit: 

เพสทิเลนซ์สามารถอัญเชิญวิญญาณแห่งโรคระบาดออกมาช่วยในการต่อสู้ได้

King

เซอร์ วอร์

Personality

บ้าดีเดือด: 

เซอร์วอร์ เป็นคนที่หุนหันพลันแล่น ใจร้อน และชอบใช้กำลังแก้ปัญหา เขามักจะพุ่งเข้าใส่ศัตรูโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง และไม่สนใจความปลอดภัยของตนเอง

จอมพลัง: 

เซอร์วอร์ มีพละกำลังมหาศาล เขาสามารถยกของหนัก วิ่งเร็ว และต่อสู้ได้อย่างยาวนานโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

โหดเหี้ยมและป่าเถื่อน: 

เซอร์วอร์ ไม่มีความปราณีต่อศัตรู เขาชอบทรมานและฆ่าศัตรูอย่างโหดเหี้ยม เขามองว่าสงครามเป็นเกมกีฬาที่สนุกสนาน และการฆ่าเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเกม

นักรบที่ไม่เกรงกลัวผู้ใด:

เซอร์วอร์ ไม่เคยกลัวใคร หรือสิ่งใด เขาพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับอันตราย และความตายอย่างไม่หวั่นไหว

บ้าบิ่นและจอมวิวาท: 

เซอร์วอร์ ชอบความท้าทายและการต่อสู้ เขามักจะหาเรื่องทะเลาะวิวาทกับผู้อื่นอยู่เสมอ

Background Profile

อดีตกาล (คริสต์ศตวรรษที่ 4)

เซอร์วอร์ หรือในชื่อเดิม "อาร์นัลด์" เป็นชายหนุ่มร่างกายกำยำ บึกบึน ดุจนักรบแห่งยุคโรมัน เขามีผมสีดำขลับ ตัดสั้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ที่แฝงไปด้วยความดุดัน และกระหายในการต่อสู้

อาร์นัลด์เติบโตมาในครอบครัวชาวนาที่ยากจน เขาต้องทำงานหนักตั้งแต่เด็ก เพื่อช่วยเหลือครอบครัว แต่เขากลับไม่ชอบงานในไร่นา เขาใฝ่ฝันที่จะเป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่ ออกรบเพื่อปกป้องบ้านเกิด และสร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง

เมื่ออายุได้ 16 ปี อาร์นัลด์จึงตัดสินใจหนีออกจากบ้าน เพื่อเข้าร่วมกับกองทัพโรมัน เขาฝึกฝนวิชาการต่อสู้อย่างหนัก จนกลายเป็นนักรบที่แข็งแกร่ง และกล้าหาญ

ในระหว่างการรบครั้งหนึ่ง อาร์นัลด์ได้แสดงความสามารถอันโดดเด่นในการต่อสู้ เขาสามารถสังหารศัตรูได้จำนวนมาก และช่วยให้กองทัพโรมันได้รับชัยชนะ

ด้วยความกล้าหาญและฝีมือการต่อสู้ อาร์นัลด์จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอัศวิน และได้รับชื่อใหม่ว่า "เซอร์วอร์"

เซอร์วอร์ ได้ออกเดินทางไปทั่วดินแดน เพื่อแสวงหาชื่อเสียงและเกียรติยศ จนเขาได้เข้าร่วมการประลองและการต่อสู้มากมาย และไม่เคยพ่ายแพ้

ในระหว่างการเดินทาง เซอร์วอร์ ได้พบกับ เซอร์มอร์เดร็ด และ เซอร์เพสทิเลนซ์ ที่กำลังต่อสู้กับกลุ่มโจร

เซอร์วอร์ รู้สึกถูกใจในความแข็งแกร่งและความกล้าหาญของเซอร์มอร์เดร็ด และความเจ้าเล่ห์ของเซอร์เพสทิเลนซ์ เขาจึงตัดสินใจเข้าร่วมกลุ่มกับพวกเขา

(อ่านรายละเอียดเต็มที่เซอร์มอร์เดร็ด)

ต่อมาทั้ง 3 อัศวินได้พบกับ เซอร์แฟมิน และร่วมเดินทางไปด้วยกัน จนกระทั่งพวกเขาได้พบกับ "แหล่งพลังด้านมืดแห่งความโกลาหล" และกลายเป็น "อัศวินแห่งกาลวิบัติ"

เซอร์ วอร์ กลายเป็นอัศวินแห่งสงคราม ผู้นำพาความขัดแย้งและการทำลายล้างมาสู่โลกมนุษย์

ยุคปัจจุบัน (2024):

หลังจากถูกปลดปล่อยจากการผนึก เซอร์วอร์ได้เข้าสิงร่างใหม่และยังคงความบ้าคลั่งในการต่อสู้เช่นเดิม เขาสนุกสนานกับการก่อสงครามและการทำลายล้าง

เซอร์วอร์ เชื่อว่าสงครามเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติของมนุษย์ เขาต้องการที่จะปลุกเร้าความขัดแย้งและความรุนแรงให้เกิดขึ้นบนโลก เพื่อที่เขาจะได้สนุกสนานกับการต่อสู้และการทำลายล้าง

Ability

นักรบผู้เชี่ยวชาญ: 

เซอร์วอร์ เชี่ยวชาญในการใช้อาวุธทุกชนิด เขาสามารถต่อสู้ได้ทั้งในระยะประชิดและระยะไกล

พละกำลังเหนือมนุษย์: 

เซอร์วอร์ มีพละกำลังที่แข็งแกร่งกว่ามนุษย์ทั่วไปหลายเท่า เขาสามารถยกของหนักได้หลายร้อยกิโลกรัม และสามารถทำลายสิ่งก่อสร้างได้อย่างง่ายดาย

ความอดทนสูง: 

เซอร์วอร์ สามารถต่อสู้ได้เป็นเวลานานโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เขาทนทานต่อความเจ็บปวดและบาดแผลได้อย่างดีเยี่ยม

ความสามารถในการปลุกเร้า: 

เซอร์วอร์ สามารถปลุกเร้าความกล้าหาญ และความกระหายในการต่อสู้ให้กับพันธมิตรของเขาได้

เสียงคำราม:

เสียงคำรามของเซอร์วอร์ สามารถทำให้ศัตรูหวาดกลัวและเสียขวัญ

Berserker Rage: 

เมื่อเซอร์วอร์ โกรธจัด เขาจะเข้าสู่ภาวะคลุ้มคลั่ง พละกำลังและความเร็วของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่เขาจะสูญเสียการควบคุมสติ และโจมตีทุกสิ่งที่ขวางหน้า

Weapon Enhancement: 

เซอร์วอร์ สามารถเสริมพลังให้กับอาวุธของเขาได้ ทำให้อาวุธนั้นมีความคม ความแข็งแกร่ง และพลังทำลายล้างมากขึ้น

Battle Aura: 

เซอร์วอร์ สามารถปล่อยออร่าที่เต็มไปด้วยพลังแห่งการต่อสู้ออกมา เสริมพลังให้กับพันธมิตร และทำให้ศัตรูอ่อนแอลง

King

เซอร์ แฟมิน

Personality

ด้านมืด:

เย็นชา ไร้หัวใจ: 

ภายใต้ใบหน้าอันงดงาม เซอร์แฟมิน ซ่อนความเย็นชาและไร้หัวใจเอาไว้ เขาไม่สนใจความรู้สึกของผู้อื่น และพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายของเขา แม้จะต้องเหยียบย่ำผู้อื่นก็ตาม

เย่อหยิ่งและหลงตัวเอง: 

เซอร์แฟมิน เชื่อมั่นในความสามารถและเสน่ห์ของตนเองมากเกินไป เขามักจะดูถูกผู้อื่น และไม่ยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างจากเขา

ชอบควบคุม: 

เซอร์แฟมิน ต้องการที่จะควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง เขาไม่ชอบให้ใครมาขัดขวาง หรือขัดใจเขา

เจ้าคิดเจ้าแค้น: 

เซอร์แฟมิน ไม่เคยลืมความเจ็บปวดและความอับอายที่เขาเคยได้รับ เขาพร้อมที่จะแก้แค้นผู้ที่เคยทำร้าย หรือดูถูกเขาอย่างสาสม

ชอบความวุ่นวาย:

เซอร์แฟมิน สนุกกับการเห็นผู้คนแตกแยกและต่อสู้กัน เขาเชื่อว่าความวุ่นวายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติของมนุษย์

ด้านสว่าง:

อ่อนโยนและเห็นอกเห็นใจ: 

แม้จะถูกความมืดครอบงำ แต่เซอร์แฟมินก็ยังมีมุมที่อ่อนโยนและเห็นอกเห็นใจอยู่บ้าง โดยเฉพาะกับผู้ที่อ่อนแอและด้อยโอกาส

รักในศิลปะและความงาม: 

เซอร์แฟมิน มีรสนิยมในงานศิลปะและความงาม เขาชอบดนตรี กวีนิพนธ์และธรรมชาติ

ซื่อสัตย์และภักดี: 

เซอร์แฟมินให้ความสำคัญกับมิตรภาพและความภักดี เขาจะไม่ทรยศต่อเพื่อน หรือผู้ที่เขาให้ความเคารพ

มีความยุติธรรมในแบบของเขา: 

แม้จะเป็นอัศวินแห่งกาลวิบัติ แต่เซอร์แฟมินก็มีความยุติธรรมในแบบของเขา เขาจะไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ หรือผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

ความขัดแย้งในจิตใจ:

เซอร์แฟมิน เป็นตัวละครที่มีความขัดแย้งในจิตใจสูง เขามีทั้งด้านมืดและด้านสว่างในตัว เขาต่อสู้กับความชั่วร้ายที่ครอบงำเขาอยู่ตลอดเวลา

Background Profile

อดีตกาล (คริสต์ศตวรรษที่ 4)

ในยุคกลางที่ศาสนจักรเรืองอำนาจ ท่ามกลางผู้คนที่เคร่งครัดในศีลธรรมและขนบธรรมเนียม มีชายหนุ่มผู้หนึ่งชื่อ "เลออน" (Leon) แตกต่างจากคนอื่น ๆ เขามีรูปลักษณ์งดงามราวกับเทพบุตร ผมสีทองสว่าง ดวงตาสีฟ้าใส และผิวขาวผุดผ่อง แต่กลับมีจิตวิญญาณที่แหกคอก และรักในอิสระ

เลออนเป็นนักกวีผู้มีพรสวรรค์ แต่บทกวีของเขากลับเต็มไปด้วยเนื้อหาที่ล่อแหลม เชิดชูเรื่องชู้สาว และลบหลู่เหล่าเทพเจ้า ทำให้เขาไม่เป็นที่ยอมรับในสังคม

แม้จะถูกผู้คนรังเกียจ แต่เลออนก็ยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์ของเขา เขาเดินทางไปทั่วดินแดน ขับขานบทกวีที่สะท้อนความจริงของสังคม และวิพากษ์วิจารณ์ความอยุติธรรม

ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่น และบทกวีที่เร่าร้อน เลออนจึงมีสาวกและแฟนคลับจำนวนไม่น้อยที่หลงใหลในตัวเขา แต่ความนิยมนั้นก็ไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เขาต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก อดมื้อกินมื้อ

วันหนึ่ง ขณะที่เลออนกำลังเดินทางผ่านป่า เขาถูกกลุ่มก๊อบลินรุมทำร้าย แต่โชคดีที่ 3 อัศวิน คือ เซอร์ มอร์เดร็ด, เซอร์ เพสทิเลนซ์ และเซอร์ วอร์ ผ่านมาพบและช่วยเหลือเขาไว้ได้ทัน

เลออนรู้สึกประทับใจในความกล้าหาญและน้ำใจของเหล่าอัศวิน โดยเฉพาะเซอร์มอร์เดร็ด ที่ปฏิบัติต่อเขาอย่างเท่าเทียม ไม่รังเกียจที่เขาเป็นเพียงนักกวีตกอับ

เลออนจึงขอติดตามสามอัศวินไปในฐานะบ่าวรับใช้ เขาคอยดูแลและช่วยเหลือพวกเขาในทุกๆ เรื่อง

เซอร์มอร์เดร็ด เห็นถึงความสามารถในการขับขานเรื่องราว และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนของเลออน เขาจึงสอนวิชาการต่อสู้และยุทธวิธีให้กับเลออน

ในที่สุด เลออนก็กลายเป็นอัศวินเต็มตัว และได้รับชื่อใหม่ว่า "เซอร์ แฟมิน" 

สี่อัศวินร่วมเดินทางไปด้วยกัน สร้างชื่อเสียงและวีรกรรมมากมาย ภายใต้การขับขานบทกวีของเลออน 

(อ่านรายละเอียดเต็มที่เซอร์มอร์เดร็ด)

จนกระทั่งพวกเขาได้พบกับ "แหล่งพลังด้านมืดแห่งความโกลาหล" และกลายเป็น "อัศวินแห่งกาลวิบัติ"

เซอร์ แฟมิน กลายเป็นอัศวินแห่งความอดอยาก ผู้นำพาความขาดแคลนและความสิ้นหวังมาสู่โลกมนุษย์

ยุคปัจจุบัน (2024):

หลังจากถูกปลดปล่อยจากการผนึก เซอร์แฟมิน ออกตามหาร่างใหม่ที่งดงามเหมือนกับเขาในสมัยก่อน จนเขาได้พบกับนักแสดงหนุ่มชาวจีน ผู้มีใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตร และตัดสินใจเข้าสิงร่างนั้น

ด้วยรูปลักษณ์ใหม่และชื่อเสียงในฐานะนักแสดง เซอร์แฟมินจึงสามารถเข้าถึงผู้คนได้ง่ายขึ้น เขาใช้ความสามารถในการโน้มน้าวและชักจูงของเขาในการสร้างความแตกแยกและความวุ่นวายในสังคม

เซอร์แฟมิน เชื่อว่าความอดอยาก ไม่ใช่แค่การขาดแคลนอาหาร แต่ยังรวมถึงการขาดแคลนความรัก ความหวัง และความหมายในชีวิต เขาต้องการที่จะทำให้มนุษย์ตกอยู่ในสภาวะสิ้นหวัง และสูญเสียศรัทธาในทุกสิ่ง

เซอร์แฟมิน พร้อมแล้วที่จะหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความว่างเปล่าสู่โลกมนุษย์อีกครั้ง

Ability

นักกวีผู้มีวาทศิลป์: 

เซอร์แฟมิน มีความสามารถในการใช้คำพูดและภาษาเพื่อโน้มน้าวจูงใจ ปลุกระดมหรือสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คน เขาสามารถใช้คำพูดเป็นอาวุธได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นักจิตวิทยา: 

เซอร์แฟมิน เข้าใจจิตใจของมนุษย์เป็นอย่างดี เขารู้ว่าอะไรคือจุดอ่อน และความกลัวของผู้คน และสามารถใช้ความรู้นี้ในการควบคุม หรือทำลายจิตใจของพวกเขาได้

นักวางแผนและนักยุทธศาสตร์: 

เซอร์แฟมิน สามารถวางแผนระยะยาว และคาดการณ์ผลลัพธ์ได้อย่างแม่นยำ เขามักจะวางแผนอย่างรอบคอบ และไม่ประมาท

ผู้เชี่ยวชาญด้านการเอาตัวรอด: 

เซอร์แฟมิน สามารถเอาตัวรอดได้ในทุกสภาวะแวดล้อม เขาสามารถหาอาหารและที่พักพิงได้ แม้ในสถานที่ที่แห้งแล้งและขาดแคลน

ควบคุมความหิวและความกระหาย: 

เซอร์แฟมิน สามารถควบคุมความหิวและความกระหายของตนเองและผู้อื่นได้ เขาสามารถทำให้ผู้คนรู้สึกหิวโหย กระหายน้ำ หรืออ่อนเพลียได้

ดูดซับพลังชีวิต: 

เซอร์แฟมิน สามารถดูดซับพลังชีวิตจากสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ได้ เพื่อจะทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น และทำให้เหยื่ออ่อนแอลง

สร้างความสิ้นหวัง: 

เซอร์แฟมิน สามารถปล่อยออร่าแห่งความสิ้นหวังออกมา ทำให้ผู้คนรู้สึกท้อแท้ หมดหวังและสูญเสียกำลังใจ

Famine's Touch:

เมื่อเซอร์แฟมิน สัมผัสตัวศัตรู เขาจะสามารถดูดซับพลังชีวิตและทำให้ศัตรูรู้สึกหิวโหย กระหายน้ำ หรืออ่อนเพลียได้

Withering Gaze: 

สายตาของเซอร์แฟมิน สามารถทำให้พืชเหี่ยวเฉา และสิ่งมีชีวิตอ่อนแอลงได้

Summon Famine Spirit: 

เซอร์แฟมิน สามารถอัญเชิญวิญญาณแห่งความอดอยากออกมาช่วยในการต่อสู้ได้

Create Famine Zone: 

เซอร์แฟมิน สามารถสร้างพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความแห้งแล้งและขาดแคลน ทำให้ศัตรูที่อยู่ในพื้นที่นั้นอ่อนแอลง

King