แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Ripley เมื่อ 2024-2-26 21:54
Ripley Story

“My soul is lake;
Lake, cup of heaven,
A nest of stars in the calm night,
A cup of the bird, and of the flower, and soil
Of swans and the soul.”
ท่ามกลางแสงแดดสาดส่องกระทบผืนน้ำ เสียงร้องแห่งชีวิตที่ดังลอดออกมา เป็นวันหนึ่งในช่วงฤดูร้อนที่เหล่าหงส์ว่ายน้ำเล่นอย่างสนุกสนานยินดีให้กับการกำเนิดของ “ริปลีย์ สวอนสัน”
“ริปลีย์ สวอนสัน” — เป็นชื่อของสาวน้อยชาวบริทิชเสี้ยวญี่ปุ่นอันเกิดมาด้วยความรักของมารดาคนเดียว เธอเป็นลูกสาวของนักบัลเลต์มืออาชีพในคณะบัลเลต์ระดับโลกอย่าง แคทเธอรีน สวอนสัน ทำให้วิถีชีวิตของเธอนับตั้งแต่กำเนิดจนเติบใหญ่ล้วนอยู่กับการแสดงแสนอ่อนช้อยมาเสมอ ช่วงชีวิตในวัยเด็กของเธอนั้นด้วยความที่มารดาเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวร่วมกับการเป็นนักบัลเลต์ตัวหลักของคณะบัลเลต์ระดับโลกนั้นทำให้เธอต้องตามมารดาไปตามที่ต่างๆ การเรียนของเธอจึงมีเพียงการเรียนบัลเลต์แตกต่างจากเด็กทั่วไปที่ขับเน้นวิชาการ ด้วยความที่ริปลีย์เป็นลูกสาวของนักบัลเลต์ทำให้เธอสามารถเรียกได้เต็มปากพอสมควรว่าได้รับโอกาสในการฝึกฝนกับผู้มีความสามารถและได้รับโอกาสแสนงดงามทีเดียวที่ได้ขึ้นเวทีของคณะบัลเลต์ตั้งแต่ยังเป็นยัยริปลีย์ตัวน้อย ชีวิตของเธอเป็นเช่นนี้เสมอมาตั้งแต่เด็กจนอายุเข้า 10 ขวบ
… and suddenly,
the lake, its waters hard and hidden,
compacted light, jewel set in a ring of earth.
ในวันที่หิมะโปรยปรายในกรุงลอนดอน เด็กหญิงริปลีย์วัย 10 ขวบออกมาปั้นตุ๊กตาหิมะเล่นหน้าบ้านหลังไม่ใหญ่นัก ด้วยความที่มารดาไม่ได้มีปัญหากับการอยู่ใกล้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเนื่องจากการงานที่ไม่ค่อยจะอยู่บ้าน ทำให้ในบางครั้งมองออกไปไม่ไกลก็จะเห็นเด็กๆในบ้านเด็กกำพร้าออกมาเล่นในสนามหน้าบ้าน วันนี้เองก็เป็นเช่นนั้น… ทว่าไม่ทันจะปักแครอทสีสวยดีก็ต้องหันไปมองทางเดิม ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลสวยพบกับเด็กหญิงท่าทางอายุไล่เลี่ยกับเธอคนหนึ่งกำลังถูกผู้ใหญ่น่าสงสัยจูงมือโดยที่เด็กหญิงคนนั้นไม่ได้ยินดีจะไปเลยราวกับว่าการจับจูงนี้ไม่ใช่การรับเลี้ยงตามที่เธอเคยเห็น ทันใดนั้นเองสัญชาตญาณของเธอก็ร่ำร้อง แครอทในมือเล็กที่ควรจะปักเป็นจมูกคุณสโนว์แมนกลับกลายเป็นว่าลอยละลิ่วไปใส่ผู้ใหญ่น่าสงสัยคนนั้น
แต่แทนที่จะเจ็บตัว ภาพผู้ใหญ่คนนั้นกลับเลือนลางแล้วหายไปพร้อมกับเสียงกรีดร้องเสียดแทงใบหู ริปลีย์ไม่รอช้าวิ่งเข้าไปจูงมือเด็กผู้หญิงคนนั้นและพาเธอไปหลบภัยในบ้านของเธออันเป็นสถานที่ที่เธอรู้สึกว่าปลอดภัยที่สุดในโลกใบนี้
“นี่คือบ้านของริปลีย์ บ้านของริปลีย์ปลอดภัยที่สุดแล้ว!”
ไม่ทันไรมารดาที่ทำอาหารอยู่ได้ยินเสียงเธอกลับเข้าบ้านมาก็เดินออกมาบอกถึงอาหารเย็นที่ใกล้จะทำเรียบร้อย ริปลีย์บอกให้มารดาของเธอได้รับทราบถึงความดีของเธออันแสนยิ่งใหญ่ในสายตาของเด็กสาววัยสิบขวบ ทันใดนั้นเองดวงตาของผู้เป็นมารดาก็เบิกกว้างก่อนจะบอกให้เธอไปรออยู่ในห้องนอนตนเอง แม้ว่าจะงุนงงอยู่บ้าง ทว่าหลังจากนั้นมารดาก็มาเรียกให้ไปรับประทานอาหารเยนพร้อมกับบอกว่า “แม่จะรับร็อกซานามาเลี้ยงนะ”
แบบนี้หมายถึงเธอจะมีพี่น้องใช่ไหม?
“Our arms start from the back
because they were once wings”
เมื่อความโด่งดังของคณะบัลเลต์ชื่อดังได้ทำให้ชีวิตของสามแม่ลูกค่อนข้างอยู่สบายทีเดียว และด้วยความต้องการขยายความยิ่งใหญ่นี้เองจึงได้มี Project ใหม่อย่างการตั้งคณะบัลเลต์สาขานิวยอร์ก โดยผู้อำนวยการคณะบัลเลต์ได้ให้มารดาของเธอเป็นหัวเรือใหญ่ในการนำทีมเฉพาะกิจแยกไปที่นิวยอร์ก ด้วยเหตุนี้เองทำให้ริปลีย์ในวัย 15 ปี ได้ย้ายมาอยู่ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
|