แม่ของเจวิคมักพาเขาไปทำงานด้วยเมื่อยังเด็ก และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาหลงใหลในธรรมชาติ เขามักใช้เวลาอยู่ในสวนหรือป่าที่เงียบสงบ และบรรยากาศแบบนี้ทำให้เขารู้สึกสบายใจ
อย่างไรก็ตาม ในวัยเด็กก็มีเหตุการณ์ที่ฝังใจเขาอย่างลึกซึ้ง เมื่ออายุ 12 ปี คืนหนึ่งในฤดูฝน ฝนตกหนักจนเกิดน้ำหลากและไฟดับ เสียงฟ้าร้องและบรรยากาศมืดมิดทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก ขณะติดอยู่ในห้องคนเดียว เขาเห็นเงาของ บางสิ่ง บางอย่าง อยู่ในมุมห้อง แม้มันจะไม่ได้ทำอะไรเขา แต่ความรู้สึกเย็นยะเยือกและสายตาที่มองมานั้นติดอยู่ในใจของเขาอย่างลึกซึ้ง
เขาเริ่มเห็นสิ่งแปลก ๆ รอบตัว เงามืดที่เคลื่อนไหว ปีศาจในมุมที่ไม่มีใครมองเห็น และสิ่งเหล่านี้ก็เริ่มเพิ่มจำนวนมากขึ้นเมื่อเขาโตขึ้น เขาพยายามบอกแม่ของเขา แต่เธอคิดว่าเป็นจินตนาการของเด็ก เจวิคจึงต้องแบกรับเรื่องนี้ไว้เพียงลำพัง
คืนหนึ่ง ขณะฝนตกหนัก เจวิคกำลังเดินกลับบ้านจากสวนสาธารณะ จู่ ๆ เขารู้สึกว่ามีบางสิ่งกำลังจ้องมองเขาอยู่จากเงามืดใต้ต้นไม้ เมื่อเขาหันไป เขาเห็นปีศาจรูปร่างสูงใหญ่ ดวงตาสีแดงฉานที่จับจ้องมาที่เขาเหมือนมันรอเวลานี้มานาน
ปีศาจเริ่มเคลื่อนไหวราวกับต้องการเข้ามาโจมตี เจวิควิ่งหนีสุดชีวิต ผ่านตรอกซอกซอยและหลบหลีกจนไปถึงโกดังร้างแห่งหนึ่ง แม้จะรู้สึกหวาดกลัวจนแทบขยับไม่ได้ แต่เขากลับสังเกตเห็นว่าปีศาจไม่สามารถเข้าใกล้เขาได้เกินระยะหนึ่ง มันเหมือนถูกอะไรบางอย่างกั้นไว้ เจวิคใช้จังหวะนั้นหนีออกมา และในที่สุดก็กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย
วันรุ่งขึ้น ชายวัยรุ่นชื่อ "ลูคัส ฟอนต์" ปรากฏตัวขึ้น เขามาหาเจวิคและบอกว่ารู้เรื่องที่เขาเจอเมื่อคืน ลูคัสไม่ได้บอกอะไรมากนักนอกจากพูดว่า “นายควรกลับไปถามแม่ของนายเกี่ยวกับพ่อของนาย” ก่อนจะจากไป
หลังจากที่ลูคัสพูดแบบนั้น เจวิครีบกลับบ้านและเผชิญหน้ากับแม่ของเขาเพื่อถามความจริงเกี่ยวกับพ่อ แอนนา แม็คชอลเดดูอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด แต่ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจเปิดเผยความจริงที่เก็บงำมานาน
เธอบอกว่า พ่อของเจวิคไม่ได้เสียชีวิตอย่างที่เคยบอก แต่เขาจากไปเพื่อปกป้องครอบครัวจากอันตรายที่เกี่ยวข้องกับโลกของปีศาจ ค่ายฮาร์ฟบลัด ในสหรัฐอเมริกา นั่นจึงทำให้เขาตัดสินใจออกผจญภัยเพื่อตามหาความจริง