[วีรบุรุษผู้ปวารณาตนแก่แอรีส & มาร์ส]

กลางสมรภูมิร่างกล้า  ดาหน้าป้องปฐพี

วีรชนมั่นในศรี  ชีพวายไร้ราคี

ยืนหยัดสู้ศัตรู  มิรู้จักคำว่าหนี

เลือดหลั่งรินสิ้นชีวี  แต่ศักดิ์ศรีนั้นไม่มีวันตาย

คมดาบฟาดฟัน  ดุจดังพายุโหมกาย

ศัตรูสิ้นชีพวาย  ด้วยฝีมือแห่งนักรบผู้ยิ่งใหญ่

แอรีสเทพสงคราม สดุดีวีรกรรมนี้

ดวงวิญญาณจึงมี เป็นบริวารแด่เทพอย่างภักดี

เกียรติยศเลื่องลือ  วีรบุรุษผู้ไร้พ่าย

แม้ร่างกายจะสลาย แต่ชื่อเสียงยังคงอยู่คู่ฟ้าดิน

ห้องนี้สำหรับสายเลือดแห่งแอรีสหรือมาร์ส ที่ปลดพลัง [ข้ารับใช้[III]]

ก่อนปลดจะต้องมาเสนอสร้างประวัติ NPC วีรชนที่นี่ก่อน

โดยเนื้อหาโรลเพลย์อัญเชิญจะเป็นการสุ่มวีรชนที่คุณไม่รู้ว่าจะเป็นใคร

เงื่อนไขของการสร้างวีรชน

1) วีรชนคนนั้นจะต้องถูกจารึกในนามวีรบุรุษหรือยกย่องฐานะวีรบุรุษแม้จะไม่ดังก็ตาม

ขอแค่เชิดชูเกียรติก็นับ

2) วีรชนคนนั้นจะต้องเสียชีวิตในสนามรบเท่านั้น และ ตายอย่างมีศักดิ์ศรี

หลังรบแพ้แล้วปลิดชีวิตฆ่าตัวตายหรือสู้จนตัวตายก็นับ ยังถืออยู่ในสนามรบ

3) วีรชนที่แก่ตายหรือถูกลอบสังหารไม่นับ วิญญาณพวกเขาไปปรโลกแล้ว

ยกเว้นถูกลอบสังหารในสนามรบ

4) วีรสตรีทุกคนไม่นับ วีรสตรีทั้งหมดดวงวิญญาณพวกนางได้ไปอยู่ใกล้ชิดกับเทพีเบลโลน่า

7) สำหรับในคอมมูนิตี้ วีรบุรุษบางคนในตำนานอาจเป็นเดมี่ก็อต แต่ไม่มีตำนานกึ่งเทพพวกเขา ตัวอย่าง จูเลียส ซีซ่าร์ เป็นบุตรแห่งวีนัส ดังนั้นจะต้องลองเสนอมาก่อน

โดยการส่งแค่ชื่อ หลังได้รับอนุมัติคอมเม้นท์ในโพสต์ของเราแล้ว จึงเริ่มร่างประวัติได้เลย

8) รออนุมัติครั้งที่ 2 จึงจะถือว่าเป็นอันเสร็จสมบูรณ์

9) เลือกวีรชนได้ทุกชนชาติ ยกเว้น นอร์ส จีน อียิปต์ 

ในส่วนจีนเลือกได้ในยุคที่แผ่นดินจีนโกลาหลเท่านั้น

ในส่วนโรมันเฉพาะสายเลือดมาร์สเท่านั้น และ ในส่วนกรีกเฉพาะสายเลือดแอรีสเท่านั้น

10) วีรชนสามารถเลือกได้จนถึงวีรชนที่ตายในปีปัจจุบัน

[แบบฟอร์ม]

รูปภาพ : (หากเป็นเมจนักแสดง ไปแจ้งลงทะเบียนเมจด้วย)

ชื่อ NPC ตำนาน :

อายุที่พวกเขาตาย : (ก็คืออายุที่ถูกอัญเชิญมา)

บุคลิกภาพ (Personality) :

ชีวประวัติโดยสรุป : (สำหรับวีรชนจะต้องไม่เคยปรากฎในจักรวาลนี้มาก่อน วิธีเช็ค

ค้นหากูเกิลด้วยคีย์ ชื่อวีรชน Rick riordan)

(ชีวประวัติจบที่การตายของวีรชน)

ดวงวิญญาณวีรชนเหล่านี้เป็นวิญญาณที่เทพแห่งสงครามอุปถัมภ์จากความมีศักดิ์ศรีชายชาติทหารและนักรบไปสิงสถิตย์ใน ดินแดนพันธสัญญาแห่งสงคราม ที่ซึ่งทุกดวงวิญญาณจะหลุดพ้นการเวียนว่ายตายเกิด ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขหลังความตายคล้ายทุ่งเอลลิเซียมของฮาเดส แต่ต่างกันที่ดินแดนนี้จะมีแต่นักรบวีรชนที่ปวารณาตนต่อเทพสงคราม 

Heroic Spirit

William Wallace 

วิลเลียม วอลเรซ วีรบุรุษผู้นำชาวสกอตต่อต้านจักรวรรดิอังกฤษ

   BACKGROUND STORY   
ชีวประวัติต้นกำเนิดไม่แน่ชัด คาดว่าเขาเกิดปี 1270 ในครอบครัวชนชั้นสูง ในเอลเดอร์สลี ประเทศสกอตแลนด์ บ้างก็ว่าเขาเป็นบุตรคนรองของเซอร์มัลคอล์ม วอลลเลซ แห่งเอลเดอร์สลี ในเรนฟริวไชร์ บ้างก็ว่าเขาเป็นบุตรคนเล็กของ อลัน วอลเลซ ขุนนางแห่งอาร์ยไชร์

ในปี 1296 เกิดการแย่งชิงราชบัลลังก์ในอังกฤษ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 1 แห่งอังกฤษได้ใช้อำนาจปลดและคุมขังกษัตริย์แห่งสกอตแลนด์ จอห์น เดอ บัลลิออล และตั้งตนปกครองแทน โดยที่กองทัพของสกอตแลนด์ต้านทานไม่อยู่

วอลเลซได้เข้าร่วมรบและสู้กับกองทัพอังกฤษ ได้ชัยชนะหลายครั้ง สามารถปลดปล่อยหลายเมืองให้เป็นไทได้ แม้จะมีไพร่พลน้อยกว่าจนมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้น จนได้รับบรรดาศักดิ์เป็นขุนนางระดับเซอร์ และได้รับสมญาว่าเป็นแม่ทัพใหญ่แห่งสก็อตแลนด์

“เราไม่ได้อยู่ที่นี่เพื่อสร้างสันติ แต่เพื่อการต่อสู้ปกป้องและปลดปล่อยอาณาจักรของพวกเรา”

กระนั้น... เขาก็แพ้ในการสู้รบที่ฟอลเคิร์กเมื่อปี 1298 กองทัพของสกอตเริ่มอ่อนกำลังลง จนวอลเลซต้องหนี และได้เดินทางไปราชสำนักฝรั่งเศสเพื่อขอความช่วยเหลือการต่อสู้ครั้งนี้

วอลเลซเดินทางหลบซ่อนตัวหลายครั้ง ก่อนจะถูกจับตัวได้โดยอัศวินผู้จงรักภักดีต่อพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด เขายืนยันว่าไม่ได้เป็นกบฎต่อพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด เพราะไม่ได้นับพระองค์เป็นกษัตริย์ของเขา ก่อนจะถูกประหารชีวิตในวันที่ 23 สิงหาคม 1305 ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ขณะอายุเพียง 35 ปี

จุดจบของเขาได้กลายเป็นตำนานที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับชาวสกอตในการต่อสู้เพื่อเสรีภาพของตนเองต่อมาอย่างยาวนาน

   PERSONALITY   
วิลเลียม วอลเลซ เป็นบุคคลที่มีนิสัยกล้าหาญ ยืนหยัดต่อสู้เพื่อความยุติธรรม และ มีความมุ่งมั่น ในการปกป้องอิสรภาพของชาติสกอตแลนด์ เขาเป็นคนที่ มีความอดทนสูง รักบ้านเกิด และเสียสละเพื่อส่วนรวม แม้ว่าจะถูกข่มเหงจากอังกฤษ แต่เขาก็ไม่ยอมถอยกลับไปง่าย ๆ และพร้อมที่จะทุ่มเททุกสิ่งเพื่ออิสรภาพของประชาชน
ในทางกลับกัน วอลเลซยังเป็นคนที่มีจิตใจมั่นคงและยึดมั่นในความเชื่อของตัวเอง แม้จะต้องเผชิญกับความยากลำบากและอุปสรรค แต่เขาก็ไม่เคยหวั่นไหว นอกจากนี้ เขายังเป็นคน มีความรอบคอบ ในการวางแผนการรบและการต่อสู้ ซึ่งทำให้เขากลายเป็นผู้นำที่ชาญฉลาดและเป็นที่เคารพของชาวสกอต

หมายเหตุ: เมื่อออกรบจะทาหน้าเป็นสีฟ้า

   TALENTED  
วิลเลียม วอลเรซ มีทักษะการเป็นผู้นำอย่างเต็มเปี่ยม นอกจากนั้นเขายัง เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์การรบ และรู้จักการ วิเคราะห์ชัยภูมิ เพื่อพิชิตศึก อาวุธประจำกายของเขาคือ ดาบใหญ่ Greatsword

   SUMMONER   รูบี้ ซู (ธิดาแห่งแอรีส)

ScottiSh # 35 y # H 183 / W 85

                                    Brave Heart                                    

NC

Heroic Spirit

Zhang Fei 

จางเฟย (เตียวหุย) ชื่อรอง อี้เต๋อ ขุนพลราชองครักษ์แห่งฉู่กั๋ว (จ๊กก๊ก)

   BACKGROUND STORY   
วันเดือนปีเกิดไม่กำหนดชัด ทราบเพียงว่าจางเฟยเกิด ณ เมืองจัวจวิ้น หรือปัจจุบันคือ เมืองจัวโจว มณฑลเหอเป่ย ประเทศจีน ในปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (ราว ๆ ปี 180)

จางเฟยคือน้องเล็กแห่งกลุ่มพี่น้องร่วมสาบานในสวนท้อ อันประกอบด้วย หลิวเป้ย (เล่าปี่) กวานอวี่ (กวนอู) และจางเฟย (เตียวหุย) ผู้รวบรวมกำลังกันปราบปรามกลุ่มกบฏโจรผ้าเหลือง นำพาความสงบ (?) สู่แผ่นดินฮั่น

ภายหลังหลิวเป้ยได้รับแต่งตั้งจากราชสำนักฮั่นให้เป็นปลัดรัฐผิงเหยียวกั๋ว (เพงงวนก๋วน) กวานอวี่และจางเฟยจึงได้รับราชการในฐานะนายกองพันแยก ในสังกัดของหลิวเป้ย ทั้งสามสนิทสนมกันประดุจพี่น้องท้องเดียวกัน ติดตามกันไปในการแสวงอำนาจ และมักพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับอันตรายและความยากลำบากต่าง ๆ และเคยได้รักษาเมืองต่าง ๆ มากมาย อาทิ เซี่ยพี ปาซี หนานจวิ้น และอี๋ตู จนกระทั่งหลิวเป้ยได้สถาปนาตนเองเป็นฮ่องเต้แห่งฉู่กั๋ว บทบาทสุดท้ายของจางเฟยคือการเป็นราชองครักษ์

ปี 220 ภายหลังจากกวานอวี่ถูกซุนเฉวียน (ซุนกวน) จับตัวและประหารโดยการตัดหัว ก็สร้างความแค้นใจให้แก่หลิวเป้ยและจางเฟยเป็นอย่างมาก จางเฟยซึ่งในขณะนั้นอยู่เมืองหลางจง ได้เดินทางไกลมาทวงสัญญาที่เคยสาบานกันในสวนท้อ หาว่าหลิวเป้ยมุ่งหวังเสพสุขในราชสมบัติจนลืมความแค้นที่ซุนเฉวียนสังหารกวานอวี่ รบเร้าให้หลิวเป้ยยกทัพไปทำศึกล้างแค้นกับอู่กั๋ว (ง่อก๊ก) แม้หลิวเป้ยจะลังเลในทีแรก เพราะกงหมิง (ขงเบ้ง) และ จ้าวอวิ๋น (จูล่ง) ห้ามไว้ว่าให้เห็นแก่ส่วนรวมมากกว่าความแค้นส่วนตัว แต่ในที่สุดเล่าปี่จึงตัดสินใจนำทหาร 7 แสนนายไปบุกอู่กั๋วเพื่อล้างแค้นให้น้องชายร่วมสาบาน

ทว่าไม่ทันเคลื่อนทัพ จางเฟยกลับโบยตีผู้ใต้บังคับบัญชาสองคนคือ ฟ่านเฉียง (ฮอมเกียง) กับจางต๋า (เตียวตัด) อย่างหนักหน่วง โทษฐานไม่สามารถจัดหาม้าขาว ธงขาว ผ้าขาว เกราะขาวเพื่อจัดการไว้ทุกข์ในกองทัพได้ภายใน 3 วัน ซึ่งถือเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุไม่เป็นธรรม ก่อความแค้นแก่สมุนทั้งสองจนถูกล้างแค้นยามเมาหลับ สองนายทหารลอบสังหารจางเฟยแล้วตัดหัวเขาไปสวามิภักดิ์แก่ซุนเฉวียน

   PERSONALITY   
จางเฟยถูกระบุในวรรณกรรมว่า เป็นชายชาตรีสูงประมาณ 5 ศอก ศีรษะเหมือนเสือ จักษุกลมใหญ่ คางพองโต เสียงดังฟ้าร้อง กิริยาดังม้าควบ นิสัยมุทะลุดุดัน เจ้าอารมณ์ แต่ก็ รักพวกพ้อง โดยเฉพาะพี่น้องร่วมสาบานของตนเอง มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน มีแค้นต้องชำระ

   TALENTED  
ทักษะการรบของจางเฟยดุดันจนไม่อาจจัดลำดับว่าใครเก่งกว่ากันในยุคสามก๊ก (บ้างอ้างว่าหลี่ปู้เก่งที่สุด บ้างก็ว่าเก่งกาจพอ ๆ กันกับสามพี่น้องแห่งสวนท้อ) อาวุธประจำตัวของเขาคือ ทวนอสรพิษ ที่ว่ากันว่ายาว 10 ศอก (315 ซม.) และมีน้ำหนักมากถึง 85 ชั่ง (102 กิโลกรัม)

หมายเหตุ: น้ำหนักและความยาวของอาวุธอ้างอิงจากวรรณกรรมสามก๊ก ซึ่งอาจไม่ตรงกับข้อเท็จจริง...

   SUMMONER   แจสเปอร์ ซู (บุตรแห่งแอรีส)

Chinese # 40 y # H 158 / W 75

                                   Dynasty Warrior                                    

NC

Heroic Spirit

Mervyn Sharp Bennion 

เมอร์วิน ชาร์ป เบนเนียน กัปตันเรือ USS West Virginia

   BACKGROUND STORY   
เมอร์วิน ชาร์ป เบนเนียน เกิดเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ปี 1887 ที่เมืองเวอร์นอน มลรัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา ในครอบครัวที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายวิสุทธิชนยุคสุดท้าย (LDS) เขาเติบโตท่ามกลางชุมชนชาวไร่และชาวเหมืองในยูทาห์ มีพื้นฐานครอบครัวที่เคร่งครัดและสนับสนุนให้ใฝ่เรียนรู้

เบนเนียนมีความใฝ่ฝันอยากรับใช้ประเทศชาติ จึงสอบเข้าเรียนที่โรงเรียนนายเรือสหรัฐฯ (United States Naval Academy) ในปี 1906 และสำเร็จการศึกษาในปี 1910 ด้วยผลการเรียนยอดเยี่ยม หลังจากนั้นเขาเริ่มชีวิตในราชนาวีโดยประจำเรือรบหลายลำ และมีความเชี่ยวชาญด้านอาวุธยุทโธปกรณ์

ต่อมาในปี 1941 เขาได้รับตำแหน่งผู้บังคับการเรือ USS West Virginia และปฏิบัติหน้าที่ที่ฐานทัพเพิร์ลฮาร์เบอร์ รัฐฮาวาย

ในวันที่ 7 ธันวาคม ปีเดียวกัน ระหว่างการโจมตีของกองทัพญี่ปุ่น เบนเนียนได้รับบาดเจ็บสาหัสจากสะเก็ดระเบิด แต่ยังยืนหยัดสั่งการจนวินาทีสุดท้ายเพื่อปกป้องเรือและลูกเรือของเขา ก่อนจะเสียชีวิตอย่างกล้าหาญในหน้าที่ ความกล้าหาญของเขาได้รับการยกย่องด้วยเหรียญ Medal of Honor หลังเสียชีวิต เพื่อเป็นเกียรติยศสูงสุดแก่ชีวิตที่อุทิศเพื่อชาติของเขา

   PERSONALITY   
มีวินัยสูง เขาเป็นนายทหารเรือที่เป๊ะเรื่องระเบียบและการปฏิบัติหน้าที่อย่างมืออาชีพ
มุ่งมั่นในหน้าที่ เขาเป็นที่รู้จักว่าใส่ใจความปลอดภัยของลูกเรือและเรือรบเหนือสิ่งอื่นใด แม้ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงก็ยังสั่งการจนถึงลมหายใจสุดท้าย
กล้าหาญ ในสถานการณ์อันตราย เขาไม่ยอมถอยหนี และไม่ยอมรับการช่วยเหลือส่วนตัวเพื่อไม่ให้เป็นภาระของผู้ใต้บังคับบัญชา
เป็นผู้นำที่น่านับถือ มีบันทึกว่าเขาเป็นผู้บังคับบัญชาที่ลูกน้องให้ความเคารพ เชื่อมั่น และเต็มใจปฏิบัติตามคำสั่ง เพราะเขาดูแลคนของเขาด้วยความเที่ยงตรงและยุติธรรม
สงบ สุขุม และหนักแน่น บุคลิกส่วนตัวค่อนข้างสุขุม ไม่โอ้อวด แต่แสดงออกถึงความมุ่งมั่นและความอดทน

   TALENTED  
เบนเนียนมีความสุขุมรอบครอบ เขาสามารถวางแผนกลยุทธ์การรบได้ดี เป็นที่ปรึกษาที่ดี และมีความเป็นผู้นำสูง ชำนาญการเดินเรือและยุทธการทางทะเล แม้ว่าเขาอาจจะไม่ได้มีทักษะการต่อสู้สูงเช่นวิญญาณวีรชนยุคเก่าคนอื่น ๆ ทว่าจุดเด่นของเขาคือการให้คำแนะนำผู้อัญเชิญ ให้แผนการไร้ข้อบกพร่องมากที่สุด อาวุธประจำตัวคือ กระบี่นายเรือ และ ปืน Colt M1911 (กระสุนดัดแปลงสามารถช่วยเดมิก็อดสู้กับอสุรกายได้)

หมายเหตุ: เบนเนียนเป็นญาติห่าง ๆๆๆๆ ของตระกูลฮาร์ดี้ นายทหารเรือยศใหญ่จากแมรี่แลนด์ ดังนั้นเขาจึงเป็นทวดของแองเจลิก้า เขามักจะมีบทบาทในการห้ามปรามเหลนสาวหัวร้อนที่มักจะทำอะไรเกินกว่าเหตุ

   SUMMONER   แองเจลิก้า ฮาร์ดี้ (ธิดาแห่งมาร์ส)

American # 54 y # H 178 / W 57

                                The Iron Bastion of Pearl Harbor                              

NC

Heroic Spirit

Pyotr Ivanovich Bagration 

ปิออตร์ อีวาโนวิช บากราติออน เทพสงครามแห่งกองทัพจักรวรรดิรัสเซีย

   BACKGROUND STORY   
ปิออตร์ อีวาโนวิช บากราติออน เกิดเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ค.ศ. 1765 ในตระกูลบากราติออน ซึ่งเป็นตระกูลขุนนางเชื้อสายจอร์เจียที่ย้ายมาตั้งถิ่นฐานในจักรวรรดิรัสเซียตั้งแต่รุ่นก่อน ช่วงวัยเด็กของเขาได้รับการศึกษาทางทหารและถูกปลูกฝังด้วยความภักดีต่อราชบัลลังก์รัสเซียอย่างลึกซึ้ง เมื่อเติบโตขึ้นเขาเข้ารับราชการในกองทัพจักรวรรดิรัสเซียและเริ่มแสดงฝีมือในการรบตั้งแต่สงครามรัสเซีย-ตุรกี ก่อนจะเป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในนายพลสำคัญในสงครามนโปเลียน

ในช่วงสงครามนโปเลียนปี 1812 บากราติออนมีบทบาทโดดเด่นในการวางแผนและนำทัพในการต่อสู้กับกองทัพของนโปเลียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมรภูมิบอโรดีโน ซึ่งเป็นหนึ่งในสมรภูมิที่รุนแรงและสำคัญที่สุดในสงครามครั้งนี้ เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสระหว่างการสู้รบ แต่ยังคงแสดงความกล้าหาญและความมุ่งมั่นในการต่อสู้เพื่อปกป้องแผ่นดินรัสเซีย

ปิออตร์ บากราติออน เสียชีวิตในวันที่ 24 กันยายน ค.ศ. 1812 จากบาดแผลที่ได้รับในสมรภูมิบอโรดีโน การเสียชีวิตของเขาถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของกองทัพรัสเซียและทำให้เขาได้รับการยกย่องในฐานะวีรบุรุษผู้เสียชีวิตด้วยเกียรติในสนามรบ ทิ้งไว้ซึ่งชื่อเสียงในฐานะนายพลผู้กล้าหาญและผู้นำที่จงรักภักดีต่อชาติและราชบัลลังก์ตลอดชีวิต

   PERSONALITY   
กล้าหาญและเด็ดขาด สมกับเป็นนายพลที่นำทัพในสมรภูมิสำคัญและแสดงความกล้าหาญอย่างสูงมาหลายศึกสงคราม
มีความเป็นผู้นำสูง สามารถควบคุมและชี้นำกองทัพได้อย่างมีประสิทธิภาพในสถานการณ์กดดัน
จงรักภักดี ปิออรตร์มีความจงรักภักดีต่อชาติและราชบัลลังก์รัสเซียอย่างแน่วแน่
เด็ดเดี่ยวและอดทน แม้เผชิญกับบาดแผลและความยากลำบากในสนามรบ ก็ยังคงมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ เขากัดฟันสู้จนวินาทีสุดท้าย
มีความคิดวางแผนและกลยุทธ์ดี เขาเป็นนายทหารที่มีความรู้ทางยุทธศาสตร์และนำมาใช้ในทางปฏิบัติได้อย่างชาญฉลาด
สุภาพและมีเกียรติ ตามมาตรฐานของชนชั้นขุนนางในยุคนั้น มักจะประพฤติเรียบร้อยและมีความเป็นสุภาพบุรุษ
มุ่งมั่นในหน้าที่ ปิออตร์ให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบและการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่

   TALENTED  
ปิออตร์ บากราติออน มีความสามารถวางแผนการรบที่ซับซ้อนและมีประสิทธิภาพสูง แม้ในสถานการณ์กดดันหรือถูกล้อม ทำให้กองทัพรบได้อย่างมีประสิทธิผลและรอดพ้นจากการถูกทำลายล้าง อาวุธประจำตัวของเขาคือ ดาบเซเบอร์ และปืนพก

   SUMMONER   ลูคัส อควินัส (บุตรแห่งมาร์ส)

Georgian-Russian Empire # 47 y # H 180 / W 78

                                God of the Army                              

NC