[ตัวอย่างภารกิจเดินทาง] ตั้งชื่อบันทึกเดินทาง

[คัดลอกลิงก์]




เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น




ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา ลงทะเบียน

×
โพสต์ 2024-2-24 23:08:02 | ดูโพสต์ทั้งหมด
บันทึกหน้าที่ 1
เจสัน

        เรื่องราวที่ผมจะเล่านี้ผมไม่ขอแนะนำให้คุณอ่านมันต่อไป ชีวิตของคุณอาจกำลังแขวงบนเส้นด้ายหรือตกในอันตรายแล้วก็ได้ตอนนี้ และผมขอเตือนถ้าคุณยังดื้อดึงจะอ่านมันจนจบขอให้แค่อ่านผ่านๆ อย่าไปคิดถึงมัน ถ้าคิดถึง มันจะมาหาคุณ

         ผมเป็นแม่ทัพกองทหารภาคที่สิบสองแห่งโรมัน กรุงโรมใหม่ของเราตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปชิฟิก หมู่เกาะพิตแคร์น
         เกาะอดัมทาว์น ตามชื่อที่พวกคุณรู้จัก ผมเป็นมนุษย์กึ่งเทพและแน่นอนเพื่อนๆ ของผมที่อยู่ในบันทึกเล่มนี้ก็เป็นมนุษย์กึ่งเทพเช่นกัน ผมเตือนคุณแล้วนะว่ามันอันตราย การที่คุณรู้เรื่องราวมากเกินไปก็ไม่ดีเสมอหรอกนะ ถ้าคุณไม่ฟังกันก็อ่านต่อเถอะ


        ผมตื่นมารุ่งเช้าของวันอังคารที่สิบสอง เดือนมีนาคม ปีคริสต์ศักราชที่สองพันสิบสาม ชีวิตของผมก็ไม่ต่างอะไรมากนักในค่ายโรมานอสแห่งนี้ ผมอาศัยที่ค่ายนี้มาก็ประมาณสิบปีกว่าก็น่าจะได้แล้ว ...แต่ช่วงหนึ่งถึงสองปีที่ผ่านมานี้ชีวิตผมก็เปลี่ยนไปหลังจากที่ขึ้นรับตำแหน่งแม่ทัพประจำค่าย ผมต้องดูแลความระเบียบเรียบร้อยในค่าย ไม่มีเวลาหยุดพักผ่อนเป็นของตัวเอง และนี่ก็จะเป็นอีกวันที่ผมจะเหนื่อยเหมือนเดิม หลังจากที่ผมทำธุระส่วนตัวเสร็จก็เดินออกจากบ้านพักส่วนตัวไป

        บรรยากาศภายในค่ายนับว่าสดใส มีชีวิตชีวา บรรดาเด็กๆ ลูกหลานพลเมืองโรมพากันวิ่งเล่นไล่จับกันสนุกสนาน
ผมเคยวาดฝันถึงชีวิตครอบครัวแล้วใช้ชีวิตแสนสงบในเมืองแห่งนี้ มันช่างแสนวิเศษไปเลย บรรดาฟอนที่มีหน้าที่ทำความสะอาดพื้นถนนตามทางก็ขยันขันแข็ง เร่งมือทำอย่างรวดเร็ว ...ระหว่างเดินไปหาอะไรกินที่โรงอาหารก็พบผู้คนชาวโรมแออัดกันหน้าวิหารจูปิเตอร์ออฟติมัส แม็กซิมัส ตอนแรกผมก็คิดว่าคงจะเป็นธรรมดาที่ทุกคนมาขอพรเทพต่างๆ ในวิหารนี้ละมั้ง แต่แทนที่ผมจะคิดแบบนั้นก็ได้ยินเสียงเรียกของหญิงสาวเลยหันไปดูอีกรอบ เธอมีผมยาสลวยสีดำ
        “นี่ตางั่งจะไปไหน นายรีบมาดูนี่ก่อนเลย”
        “อ้าวแอน ตรงวิหารนั่นมีอะไรกันเหรอ” ผมตอบ และพยายามชะเง้อมองแต่ก็ไม่เห็นมากเท่าไร เพราะคนเหมือนยืนดูอะไรกันแออัดมาก แต่ในระหว่างผมกำลังชะเง้อ แอนนาเบ็ธเธอก็มากระซากมือผมจนเกือบล้มหงายหน้า ลากฝ่าฝูงชนเพื่อแทรกไปยังข้างในวิหาร
        “เดี๋ยวๆ ก่อนสิแอนเธอจะลากฉันไปไหนเนี่ย?” ผมท้วงขึ้น
        “หลีกหน่อยค่ะ ขอทางหน่อย” เธอตะโกนเหมือนกับว่าจะให้พวกเขาหลีกทางให้
      
        จนพวกเราสองคนก็มาถึงหน้าบอร์ดที่ผู้พยากรณ์มักจะนำแผ่นคำพยากรณ์มาติดเสมอถ้าเขามีคำพยากรณ์ให้ติดนะ เพราะส่วนใหญ่จะแค่ประกาศ ใบปลิวโฆษณาไร้สาระชะมากกว่า แต่ผมต้องอึ้งกับกระดาษฟรอยแปะตัวอักษรสีทองที่ดูเหมือนทำจากโฟมอย่างรีบๆ ว่า

"ความมืดมิดหวนคืนกลับสู่โลก หายนะจักบังเกิดทุกหย่อมหญ้า
เปลวเพลิงแห่งราตรี จะเผาผลาญทุกสรรพสิ่ง
ความหวังก่อกำเนิด สิบสามผู้กล้า
ผสานระหว่างเผ่าพันธุ์อินทรี และ มังกร
สายเลือดแห่งโรมันทั้งสิบ จงล่อนนภา
มุ่งสู่ถิ่นดั้งเดิมแห่งชนเผ่า จุดกำเนิดแห่งไวกิ้ง
หนทางอันสุดจะคาดคิด จงมองหาแสงทอง  กุญแจสู่โอดีนมานอร์ส
จักระวังผืนพสุธา  จักระวังสมุทรวารี  จักระวังวายุธาตุ"

        “เอ้ย....นี่มันคำพยากรณ์นี่ ไม่จริงใช่ไหม” ผมตกใจทันทีที่เห็นคำพยากรณ์แปะไว้ที่บอร์ดหน้าวิหารจนเผยพูดเสียงดังออกมา พลเมืองโรมแถวนั้นหันมามองกันตรึม
        “นายจะตกใจอะไรนักหนา ก็แค่คำพยากรณ์ทำยังกะไม่เคยเห็น” แอนพูดเบาๆ กับผมเหมือนกับเธอพยายามเก็บเสียงไม่อยากเป็นจุดเด่น
แต่ไม่ให้ผมตกใจได้ไงล่ะก็ปกติแล้วนับแต่การเดินทางไปจีนของกลุ่มชาวค่ายสามคนจนบัดนี้ยังหายสาบสูญไม่ทราบข่าวคราว ก็ไม่มีคำพยากรณ์ปรากฎขึ้นอีกเลย ส่วนใหญ่บอร์ดวิหารจะใช้ติดพวกโฆษณาชะมากกว่า
        “นี่ตางั่งนายจะเอาไงต่อล่ะ ฉันได้ข่าวว่าคืนนี้สภาจะมีประชุมด้วยนะ” แอนกระซิบข้างหูผม ซึ่งผมตกใจเพราะกำลังขบคิดว่ามันแปลกมากที่จู่ๆ มีคำพยากรณ์เกิดขึ้น และที่ผมแปลกใจไปอีกสภาเรียกประชุมแต่ไม่มีวุฒิสภาหน้าไหนมาบอกผมสักคน นี่มันหมายความว่าไง แล้วทำไมแอนรู้ได้ ทั้งๆ ผมยังไม่รู้
        “แอนเธอกินข้าวยังอะ” ผมถามเธอ ผมนึกว่าจะโดนเธอตบมาชะแล้วสิที่ถามแปลกๆ จู่ๆ ถามว่ากินข้าวยัง แต่ผมคิดว่าเธอคงจะกินแล้วเพราะนี่มันเก้าโมงกว่าแล้ว ผมต้องกินมาม่าอาหารฉุกเฉินในตอนที่ผมกินข้าวไม่ทัน
        “ยังสิตางั่ง ก็เพราะเจ้าคำพยากรณ์นี่แหละ” เธอตอบแต่ดูอารมณ์จะฉุนเฉียวมาก

        แอนกับผมก็พากันเดินไปร้านก๋วยเตี๋ยวเรือที่ตั้งอยู่ข้างๆ สวนสาธารณะ ซึ่งแอนบอกว่าอร่อยมาก เธอมากินทุกเย็นเลย พวกเราไปนั่งโต๊ะหน้าร้านเพราะจะได้เห็นวิวทัศน์ด้วยมันดูโรแมนติกมากเลย
        “เถ้าแก่ เอาก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัว ลูกชิ้นหมู-ไก่หนึ่งที่นะ” ผมเรียกเถ้าแก่และสั่งอาหารไปแล้วหันไปมองแอน ซึ่งผมก็ไม่แปลกใจที่จู่ๆ เถ้าแก่ร้านไม่ถามอะไรเธอมากแค่พูดไม่กี่ประโยค
        “คุณคอลลินสันเอาเหมือนเดิมใช่ไหมครับ” แอนพยักหน้าตอบ อ่อคอลลินสันคือนามสกุลเธอๆ ชื่อ แอนนาเบ็ธ คอลลินสัน ซึ่งเป็นธิดาแห่งมิเนอร์วา เห็นบ้องๆ แบบนี้แต่เธอฉลาดมากเลยหล่ะ
         จนผ่านไปห้านาทีเถ้าแก่ก็นำก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟ ของแอนดูเหมือนเป็นก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ผสมเส้นเล็ก ลูกชิ้นหมู-เนื้อ-ไก่เต็มถ้วย ดูจะมากกว่าเส้นชะอีก แต่ผมไม่เอะใจหรอกนั่งกินกันอย่างเอร็ดอร่อย แล้วเราก็คุยกันทั่วๆ ไป
         หลังจากทั้งคู่กินก๋วยเตี๋ยวกันเสร็จก็แยกย้ายซึ่งเจสันจะเดินไปหาวุฒิสภาที่ห้องประชุมสภาเพื่อคุยถึงเรื่องคำพยากรณ์และอีกเรื่องที่เขาไม่ชอบพวกนี้มากเลยคือพวกเขาเรียกประชุมสภาคืนนี้แต่ไม่มีใครมาแจ้งผมให้ทราบสักคน แต่แอนกลับรู้

ผมเดินไปยังอาคารรัฐสภา แล้วก็เอาอาวุธธนูคู่ใจที่ผมมักจะพกพามันไปทุกที่วางไว้ที่แท่งหลังรูปปั้นเทอร์มินัส แต่พอเดินไปก่อนจะถึงห้องทำงานของพวกวุฒิสภา มันเป็นลานโล่งถูกตกแต่งอย่างสวยงามพอผมเดินไปกลางลานก็ได้ยินเสียงประตูปิดจากด้านหลังและมีกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณหกแปดคนเข้ามาทางผม ซึ่งมีบางคนถือมีดไว้ในมือผมก็แปลกใจคนพวกนี้มันพกมีดมาได้ยังไงกัน แต่พอผมทำท่าจะพูดขึ้นก็มีคนมามัดผมจากด้านหลังและพวกที่เดินเข้ามาก็วิ่งมาซ้อมอัดผมคนที่ถือมีดก็แทงใส่ผมแต่โชคดีมีดนั่นไปโดนไหล่ขวาผม ไม่ทันที่พวกเขาจะได้แทงอีกทีก็มีเสียงดังมาจากทางห้องทำงานวุฒิสภา
“เอ้ย! พวกเจ้าทำอะไรกัน”
พอผมใช้แรงเฮือกสุดท้ายขึ้นไปมองก็เป็นใบหน้าเบิกกว้างและดูใจดี เขาคือหัวหน้าสภานั่นเองเจ้าพวกคนร้ายเมื่อเห็นมีคนมาก็รีบเผ่นหนีไปซึ่งไม่น่าจะเรียกเผ่นนะเพราะพวกมันหายวับไป ทำเอาผมและหัวหน้าสภาตกใจแล้วผมก็สลบไป
...ฟื้นขึ้นมาอีกทีก็พบแม่ของผมเจน ไดซ์ และหัวหน้าสภายืนดูผม
“เจสลูกแม่ในที่สุดก็ฟื้นสักทีนะ แม่นึกว่าจะเสียเจสไปชะแล้ว” แม่ผมพูดพร้อมกับน้ำตาคลอเป้าผมสังเกตได้เลยว่าแม่คงจะร้องให้มานานแล้วเป็นแน่เพราะดูจากหน้าตาเธอตาแดงก่ำและดูซุบโทรมลงมาก ปกติแม่จะเป็นคนสวยเหมือนแม่เทพีไดอาน่าและผมเห็นหัวหน้าวุฒิสภายืนดูเลยคิดจะถามเรื่องประชุมสภา แต่เค้ายกมือขึ้นเหมือนจะรู้ว่าผมจะถามอะไร
“แม่ทัพข้าขอโทษจริงๆ ที่ไม่ได้บอกเจ้าเรื่องการประชุมคืนนี้เพราะข้าไม่อยากให้ท่านต้องเดินทางไปดู จากคำพยากรณ์นั่นดูจะมีผลเสียมากกว่าผลดีถ้าหากเราเสียท่านไป โรมอาจจะตกในวิกฤติก็เป็นได้” หัวหน้าวุฒิสภาพูด
“แต่...ผมมีความรู้สึกว่าผมจะต้องไป” ผมพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักซึ่งกว่าทั้งคู่จะฟังออกเล่นเอาชะต่างคนต่างเหนื่อยทีเดียว หัวหน้าวุฒิสภาไม่พูดอะไรได้แต่ส่ายหน้าและเดินออกไปจากห้องก่อนจะเปิดประตูเขาได้ทิ้งคำพูดให้ผม
                “แม่ทัพเรื่องการเดินทางพวกเราจะดูแลเองขอให้ท่านพักผ่อนให้สบายเถอะ ข้าให้สัญญาจะจับตัวคนลอบสังหารท่านให้จงได้” แล้วเขาก็เดินจากไปปล่อยให้ผมอยู่กับแม่แค่สองคน ซึ่งวินาทีนั้นเองผมเห็นใบหน้าแม่ดูเศร้าจะพูดบอกแม่ว่าไม่ต้องห่วงแต่ผมไม่ทันอ้าปากก็สลบไป

                แล้วผมก็ตื่นขึ้นมาแต่ไม่ใช่สถานที่เดิมมันเป็นที่ๆ ผมไม่รู้สึกคุ้นเคยการตกแต่งบ้านหลังนี้ถือว่าดูดีมากผมเดินไปที่คาดว่าจะเป็นประตูภายนอกดูสวยมากเหมือนเมืองๆ หนึ่งที่ตั้งในหุบเขาเพราะผมมองขึ้นฟ้าสองด้านล้วนเป็นหุบเขาที่ดูสูงมากสายรุ้งโอบล้อมเมืองนี้ผมคิดเช่นนั้น แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงๆ หนึ่งดังขึ้น
         “ไงค่ะรากอนท่านฟื้นแล้วเหรอ” พอผมหันไปเธอเป็นเด็กสาวดูน่ารักใบหูยาวแหลมแต่เพิ่มเสน่ห์ให้เธอไม่น้อย เธอเดินมาทางผมพร้อมทักผมว่ารากอนผมก็แปลกใจ
         “เอ่อ...คุณเป็นใครครับ” ผมทำหน้าสงสัยและถามสาวคนนั้น “แล้วที่นี่ที่ไหนกันครับ”
         “อะไรกันนี่นายไปจากที่นี่แค่ปีเดียวจำฉันไม่ได้แล้วเหรอดูท่าสมองนายจะมีปัญหานะ” เด็กสาวคนนั้นพูดพลางเอามือมาจับหน้าผากผม มือของเธออุ่นมากและผมสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนจากมือของเธอ
         “ตัวนายก็ไม่ร้อนนี่...เอาเถอะสงสัยนายโดนพวกก็อบลินต้มจนสมองเพี้ยนชะแล้ว” เธอเอามือออกจากหน้าผากผมแล้วพูดอะไรซึ่งผมไม่รู้จักก็อบลินต้มอะไรสักอย่างนี่แหละ
         “ในที่สุดนายก็เจออันดูริลฉันดีใจด้วยนะพ่อหนุ่มนักสู้” เธอพลางพูดและมองผมเหมือนกับมีอะไรติดหน้าผมอย่างนั้นแต่เธอก็ยังเรียกผมว่ารากอนเหมือนเดิม
         “เอ่อ...อันดูริล” พอผมได้ยินเธอพูดเช่นนั้น ซึ่งผมพอรู้จักมันคือดาบของโรรินเซียเป็นดาบอะไรสักอย่างที่เทพีเบลโลน่าให้นาง แต่แล้วผมเพิ่งสังเกตตรงที่กางเกงว่ามีดาบเล่มนึงเหน็บไว้ ผมเลยซักมันออกมาดูตัวดาบเป็นเรียวยาว เป็นรูปไม้กางเขนผมก็รู้ทันทีมันคืออันดูริล ยืนอึ้งสักพักมันของโรซนี่มาอยู่ที่ผมได้ไง ผมคิด
         “นี่ๆ นายยืนเหม่ออะไรคนเดียว” เธอขมวดคิ้วแล้วพูดต่อ “แต่ช่างเถอะขอแค่นายเจอมันก็พอแล้วเราจะสามารถสู้จอมมารได้”
         จอมมาร? ผมทำท่าจะถามเธอถึงเรื่องนั้นและถามว่าที่นี่คือที่ไหนแต่ภาพกลับสลายไปกลายเป็นอีกสถานที่ๆ นึง

         สถานที่แห่งนี้ผมคุ้นเคยมากมันก็คือเรือที่ลีโอสร้างขึ้น แต่คราวนี้ผมแค่ยืนมองตัวผมและแอนนาเบ็ธ ตัวผมในฝันกับแอนนาเบ็ธเหมือนกำลังเถียงอะไรสักอย่างซึ่งผมเองก็ไม่ได้ยินผมพยายามจะเข้าไปใกล้ๆ เพื่อฟังชัดๆ แต่ก็มีแสงสีดำทมิฬจับตัวผมไว้เหมือนมันให้แค่ยืนดูเฉยๆ
         จนสักพักผมก็เห็นฝูงมังกรดูคล้ายมังกรที่ผมมักจะเห็นในหนังตำนานนอร์สพวกไวกิ้งอะไรประมาณนี้มาสักประมาณร้อยสองร้อยตัว โจมตีใส่เรือ บางตัวก็กัดใบพัดบางตัวก็โจมตีเพื่อนๆ ของผมและตัวผมในฝัน สุดท้ายฝูงมังกรก็ถล่มจนเรือแตก เพื่อนๆ และตัวผมในฝันกำลังตกลงไปตายด้วยความสูงสามหมื่นฟุต
         แต่แล้วรอบตัวแอนนาเบ็ธก็มีแสงปรากฎขึ้นเธอเอามือทั้งสองมาพนมที่หน้าอกและเหมือนบ่นพึมพำอะไรสักอย่างแล้วร่างกายเธอก็หายไป ที่จริงไม่น่าจะเรียกหายนะเพราะร่างเธอระเบิดเป็นเสี่ยงๆ แล้วชิ้นเนื้อของเธอที่ระเบิดเป็นชิ้นๆ มาประกอบหลอมรวมใหม่เป็นสัตว์ที่คล้ายมังกรแต่หัวกลับเป็นหัวเธอ ปีกค่อยๆ งอกออกมาเหมือนปีกนกแต่ถูกประดับด้วยขนนกยูงดูสวยงาม ตรงส่วนหางและลำตัวสวยงามเหมือนนกยูง เธอบินไปรับเพื่อนๆ ของเธอและคำรามใส่ฝูงมังกรจนพวกมันหนีไปทั้งหมดจากนั้นแสงสีดำก็กลืนกินผมไป

         ผมตกใจตื่นขึ้นมาพบว่าแม่ของผมหลับไปแล้ว ผมก็ไม่อยากรบกวนแม่เลยได้แต่นอนคิดไม่กล้าหลับต่อกลัวฝันไม่ดีแบบมะกี้

แสดงความคิดเห็น

God
โพสต์ 29915 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-2-24 23:08
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x981
x6
x1
x1
x2
x1
x2
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x60
x96
x1
x2
x2
x1
x1
x1
x5
x1
x1
x3
x1
x7
x12
x21
x2
x1
x7
x1
x3
x1
x2
x2
x1
x1
x6
STR
7+0
INT
0+0
LUK
2+0
POW
2+0
CHA
4+0
VIT
5+0
โพสต์ 2024-2-24 23:12:34 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Test เมื่อ 2024-2-24 23:18

บันทึกหน้าที่ 2
แอนนาเบ็ธ

         ตั้งแต่แอนนาเบ็ธอาศัยอยู่ในค่ายแห่งนี้มา เธอไม่เคยรู้สึกขี้เกียจขนาดนี้มาก่อน หญิงสาวเดินลากขาออกจากร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำหลังจากที่เดินแยกออกมากับเจสัน เธอรู้สึกอืดท้องเสียจนอยากอ้วกออกมาให้ได้ ไม่น่ากินเยอะไปเลยเรา
         "อยากนอนพักเสียหน่อย มามีประชุมอะไรกันวันนี้...สภาตายยากจริงๆ" เธอบ่นพึมพำในใจ แต่ก็ไปบ่นโทษพวกเขาไม่ได้ เพราะอะไรน่ะเหรอ จู่ๆ ก็มีคำพยากรณ์แปลกๆ เกิดขึ้นน่ะสิ เป็นเวลานานมากแล้วที่ไม่มีเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น แล้ว
         คำพยากรณ์ก็เกิดมาปุ๊บปั๊บแบบนี้ก็ต้องกังวลใจกันบ้างและทางสภาก็มอบหมายการเดินทางขึ้นอีกครั้ง โดยที่เธอยังติดสินบนพวกเขาอยู่ เมื่อตอนที่แอบหนีไปทำการเดินทางโดยไม่แจ้งก่อน หน้าที่การหาคนเดินทางจึงตกเป็นปัญหาของเธอ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะคณะเดินทางตอนนี้หาครบแล้ว แต่ความมั่นใจสิที่ยังไม่ครบ
แล้วหญิงสาวก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆ มีมือของใครบางคนแตะเข้าที่ไหล่ทั้งสองข้างเธอจากด้านหลัง
         "ว่าไงแอน!" โรรินเซียกับรีเวียร์นั่นเอง ทั้งสองคนฉีกยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร แอนนาเบ็ธยิ้มตอบ
         "ทำเอาฉันตกใจหมด...สวัสดีๆ"
         "ตกอกตกใจเป็นคุณป้าแก่ๆ ไปได้นะแอน คิดอะไรอยู่หรือเปล่า" รีเวียร์ถามด้วยความสงสัย แอนนาเบ็ธถอนหายใจแล้วกลอกตาไปมา
         "จะพ้นเรื่องอะไรได้ล่ะ ก็เรื่องคำพยากรณ์นั่นแหล่ะ" ทั้งสองคนพยักหน้าเล็กน้อยอย่างเข้าใจ ก่อนที่โรรินเซียจะพูดด้วยน้ำเสียงเครียด
         "มันแปลกน่าดูเลยนะ จู่ๆ คำพยากรณ์ก็เกิดขึ้นกะทันหันแบบนี้"
         "ใช่ วันนี้สภาเลยมีประชุมคณะเดินทางทั้งหมด แอนก็ไปด้วยใช่ไหม" รีเวียร์เอ่ย แอนนาเบ็ธพยักหน้ารับ แน่นอนเธอไม่สามารถอู้ได้
แล้วทั้งสามคนก็เปลี่ยนหัวข้อในการสนทนาไปเป็นเรื่องอื่นๆ  เรื่องคำพยากรณ์ทุกคนรู้ดี มันไม่ใช่เรื่องที่น่าหยิบยกมาคุยนานนัก มีแต่จะทำให้กังวลใจไปเปล่าๆ แอนนาเบ็ธ โรรินเซียและรีเวียร์เดินคุยกันไปได้สักพัก ก่อนที่จะแยกย้ายไปทำธุระของตนเองต่อ และเตรียมตัวสำหรับการประชุมสภาตอนหัวค่ำนี้

         แอนนาเบ็ธมีเวลาได้พักสมองแค่สามวิเท่านั้นในความรู้สึกเธอ หญิงสาวคิดอยากจะนอนต่อสักพักแต่ก็จำต้องลุกจากเตียงอย่างเสียไม่ได้  เธอต้องให้ความสำคัญกับการประชุมสภาครั้งนี้ ถึงแม้ว่าจะรู้สึกรำคาญสภาจอมจู้จี้จุกจิกพวกนั้นก็ตาม
         หญิงสาวเดินออกจากกองร้อยที่หนึ่งและลัดเลาะเพื่อไปรัฐสภา
         เธอหยุดอยู่ตรงหน้ารูปปั้นหินอ่อนสีขาว เป็นรูปปั้นของชายร่างกำยำและไว้ผมหยักศก แอนนาเบ็ธจะคิดว่าเขาสมบูรณ์แบบแล้วถ้าไม่ติดตรงที่ช่วงล่างของเขานั้นเป็นเพียงก้อนหินอ่อนขนาดใหญ่แทนที่จะเป็นขา และดูเหมือนเขาจะขาดแขนทั้งสองข้างของเขาไป
         "เทอร์มินัส" แอนนาเบ็ธเอ่ยชื่อเขาเบาๆ ก่อนที่จะหยิบมีดพกประจำตัวทั้งสองเล่มวางใส่ไว้ในถาดอย่างรู้หน้าที่ รูปปั้นเทพเจ้ามองหน้าเธอ ก่อนที่จะพูด
         "พกทำไมตั้งสองเล่ม ไม่หนักหรือยังไง" แอนนาเบ็ธยักไหล่อย่างไม่สนใจ
         "ดูแลมันด้วยค่ะ ด้วยความกรุณาอย่างยิ่ง" แล้วเธอก็เดินเข้าไปภายในอาคารสภาทันทีโดยไม่สนใจเสียงโวยวายของรูปปั้นที่บ่นว่าอยากเบื๊อกกะโหลกเธอ แต่เขาไม่มีมือนี่ อดล่ะนะ

         เมื่อแอนนาเบ็ธเดินเข้ามาในตัวสภา ความรู้สึกอึดอัดก็ถาโถมใส่หญิงสาวทันที บรรดาวุฒิสภานั่งเรียงกันอย่างเป็นระเบียบอยู่ใกล้กับเวทีปราศรัยอยู่แล้ว พวกเขาสวมชุดโทก้าอย่างเป็นทางการ หญิงสาวจึงรีบนั่งตรงที่นั่งแถวหน้าฝั่งตรงข้ามกับวุฒิสภา ดูเหมือนตอนนี้คนอื่นจะยังมาไม่ถึงกัน เก้าอี้จำนวนมากมายจึงว่างเปล่า โดยมีเพียงแอนนาเบ็ธจับจองเพียงคนเดียว
         "รักษาเวลาดี" หนึ่งในวุฒิสภาเอ่ยขึ้น
         "เป็นหน้าที่ของฉันค่ะ" หญิงสาวตอบเสียงเรียบ และก่อนที่จะได้คุยอะไรมากกว่านั้นคนอื่นๆ ก็เริ่มทยอยกันเข้ามาในสภาเมื่อใกล้ถึงเวลาประชุมแล้ว และเก้าอี้ที่ว่างเปล่าตอนแรกก็ถูกจับจองไปด้วยคณะผู้ประชุมจนเต็มภายในเวลาไม่กี่นาที แอนนาเบ็ธหันไปยิ้มให้โรรินเซียและรีเวียร์เป็นการทักทายและหญิงสาวก็ไปสะดุดตากับชาวค่ายที่เป็นส่วนหนึ่งของคณะเดินทางด้วย เขาชื่อเอเร็คถ้าเธอจำไม่ผิด
         เอเร็คเป็นสมาชิกใหม่ของค่ายเรา และดูเขาจะมีปัญหานิดหน่อยในการควบคุมตนเองไม่ให้หลับเธอเห็นเขาตบหน้าตัวเองไปมาพร้อมกับถ่างตาที่ปรือเต็มทีให้เปิดออก เมื่อเอเร็คเห็นว่าแอนนาเบ็ธมองอยู่ เขาก็รีบนั่งตัวตรงทันทีก่อนที่ปากจะพูดพึมพำเป็นเชิงทักทาย จะไหวไหมนั่น?
         "ดูเหมือนจะถึงเวลาแล้ว" เสียงทุ่มต่ำของวุฒิสภาคนหนึ่งดังขึ้น ส่งผลให้ผู้คนในที่ประชุมเลิกคุยกันและหันมาสนใจด้านหน้า แต่เดี๋ยวนะแอนนาเบ็ธเห็นว่ามีบางสิ่งบางอย่างผิดปรกติไป ที่นั่งข้างๆ เธอซึ่งเป็นที่ของเจสันกลับว่างเปล่า เขาหายไปไหน?
         "ยังขาดแม่ทัพค่ะ" แอนนาเบ็ธเอ่ยแทรก
         "เจสัน ไดซ์" วุฒิสภาอาวุโสหันหน้ามามองเธอแล้วหัวเราะน้อยๆ
         "คงจะมาไม่ได้..." เขาพูด "คุณนายไดซ์กำลังป้อนข้าวป้อนน้ำให้เขาที่โรงพยาบาลอยู่" คิ้วของแอนนาเบ็ธขมวดเข้าหากัน เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่วุฒิสภาพูดในเมื่อตอนเช้าเธอกับเขายังคุยกันอยู่เลย ตางั่งนั่นอู้ชัวร์ แล้วเธอก็ด่าทอเขาในใจเธออยากจะนอนเต็มแก่แต่กลับทำไม่ได้ นายนั่นคงมีข้ออ้างอีกแล้วสินะ
         "เอาล่ะๆ เริ่มเข้าเรื่อง คุณแอนนาเบ็ธ คอลลินสัน" วุฒิสภาอาวุโสมองมายังเธอ แอนนาเบ็ธสลัดความโมโหออกไปก่อนที่จะลุกยืนขึ้น
         "ค่ะ"
         "อย่างที่เรารู้ๆกันเรื่องคำพยากรณ์ใหม่ที่เกิดขึ้นคุณรวบรวมคณะเดินทางครบแล้วใช่ไหม" หญิงสาวพยักหน้ารับ
          "ดี" เขายิ้มอย่างพอใจ "กรุณาแจ้งชื่อคนเหล่านั้นมาด้วย" แล้วแอนนาเบ็ธก็เริ่มร่ายชื่อคณะผู้เดินทางทั้งหมด ซึ่งมีอยู่ด้วยกันสิบคน   
         "ข้า แอนนาเบ็ธ คอลลินสัน / เจสัน ไดซ์ / ลีโอ เฟอร์นันเดซ / โรรินเซีย เมลโล / ราหมัด อะคะโร่ / รีเวียร์ วินเชสเตอร์ / เฮลีน แม็กคาร์เตอร์ / เฮเลน่า รีเวน / เพอร์ชีอุส วีดอน และเอเร็ค เร็กซ์ รวมทั้งหมดเป็นสิบคนด้วยกัน" วุฒิสภาทั้งหมดเงียบไปอย่างใช้ความคิดก่อนที่คนหนึ่งจะเอ่ยทักท้วง
         "เยอะไปหน่อยไหม"
         "ไม่ค่ะ กลัวคนจะหมดค่ายหรือไงคะ?" แอนนาเบ็ธจ้องหน้าเขา ดวงตาสีมะฮอกกานีของอีกฝ่ายจ้องกลับมาที่หญิงสาวเหมือนอยากจะเชือดคอเธอให้ได้ที่พูดแบบนั้นใส่
         "เอาล่ะๆ" วุฒิสภาที่อาวุโสที่สุดเอ่ยปราม "แล้วเรื่องพาหนะในการเดินทางว่าอย่างไร"
         "เราจะใช้เรือของลีโอค่ะ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ "เขาบอกมาว่าฝันถึงเทพีจูโน่ นางให้คำแนะนำถึงการเดิน ด้วยการสร้างเรือเหาะ ซึ่งคงไม่มีใครกล้าที่จะปฏิเสธคำแนะนำของเทพีหรอกนะคะ" แล้วทั้งที่ประชุมก็เงียบสงัดแน่นอนไม่มีใครในที่นี้กล้าฝืนคำแนะนำของเทพเจ้าหรอกนะ เว้นเสียแต่เขาคนนั้นอยากลองให้วิญญาณออกจากร่างดู
         "แต่ตามคำพยากรณ์" วุฒิสภาคนที่มีปัญหากับแอนนาเบ็ธเมื่อครู่ขัดขึ้นอีกครั้ง ตอนนี้แอนนาเบ็ธแน่ใจแล้วว่าตาแก่ผอมกระหร่องผมหยิกหยองคนนี้กับเธอต้องได้ซัดกันแน่ไม่ช้าก็เร็วและเธอคิดว่าจะต้องหาจังหวะเหมาะๆ ถีบเขาตกจากเก้าอี้สักครั้งหนึ่ง
         "เขาบอกให้เราระวังผืนพสุธา สมุทรวารีและวายุธาตุนะ แล้วแม่หนู เธอมีหลักฐานเรื่องความฝันนั่นไหมหล่ะ"
         "มันก็เสี่ยงเหมือนกันหมดทุกทางนี่คะ" เสียงของแอนนาเบ็ธเริ่มมีน้ำโห "ฉันไม่สามารถกอย้อนความฝันให้คุณมานั่งดูได้หรอกนะ ความฝันนะคะไม่ใช่แผ่นเทป!" แล้วอีกฝ่ายตบโต๊ะดังปังเหมือนรับไม่ได้กับการกระทำของแอนนาเบ็ธ เอาสิ เอาให้ตายกันไปข้างนึง
         "แม่หนู!" เขาเหมือนกำลังจะสรรหาคำด่าทอมาให้เธอสักสิบชุดได้

แต่แล้วก็ต้องชะงักลงเมื่อมีเสียงปริศนาดังขึ้น ขอย้ำ ทุกคนเงียบกริบกันอย่างน่าแปลกเลยหล่ะ แม้แต่แอนนาเบ็ธเอง
         "ฉัน...เป็นคนแนะนำพวกเธอเอง" ทุกๆ คนในที่ประชุมหันไปทั่วอาคารสภาเพื่อหาต้นตอของเสียง แต่ทว่าก็ไม่พบใครเลย เสียงนั้นยังคงดังขึ้นอีก ตอนนี้แอนนาเบ็ธรู้แล้วว่ามันคือเสียงกระซิบถึงแม้มันจะแผ่วเบาแต่ก็เต็มไปด้วยอำนาจและเธอพอจะเดาออกว่าใครเป็นคนพูดชายที่ยืนเถียงกับแอนนาเบ็ธอยู่หน้าซีดทันทีก่อนจะคุกเข่าลงอย่างร้อนรน
         "ด้วยความเคารพ...เทพี" แอนนาเบ็ธยิ้มมุมปากอย่างได้ใจ เธอนึกขอบคุณเทพีจูโน่ที่ช่วยมาแก้สถานการณ์ให้ตอนนี้เธอคิดจะญาติดีกันกับเทพีแล้ว แค่ชั่วคราวเท่านั้นนะ
         "มันจักเป็นทางที่ปลอดภัยที่สุด...ท่านจะขัดในคำพูดเราหรือ" เสียงนั้นแข็งกร้าวในตอนท้าย คนถูกถามรีบส่ายหน้าเป็นพัลวันแล้วก้มหัวลงแทบติดกับพื้น ทีแบบนี้ล่ะกลัวเชียว แอนนาเบ็ธสบถ
         "ดี..." เทพีเอ่ย "อย่าให้มีครั้งที่สองอีก" หลังจากที่เทพีเอ่ยจบ ทั้งที่ประชุมก็เงียบกริบยิ่งกว่าเก่า
         "คงจะตกลงตามนี้หล่ะนะ" เสียงโรรินเซียดังมาจากทางด้านหลังทำลายความเงียบ รีเวียร์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย วุฒิสภามองหน้าสลับกันไปมา พวกเขายังดูตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนคนที่เถียงกับแอนนาเบ็ธก็คงจะปิดปากเงียบไปอีกหลายอาทิตย์ เทพีมาเตือนเขาด้วยตัวเองเลยนะน่าดีใจจริง
         "อืม ตามความประสงค์ของเทพี" วุฒิสภาอาวุโสที่อยู่ซ้ายสุดกล่าวด้วยน้ำเสียงสุขุม เขาดูเป็นคนที่มีความใจเย็นมากเลยทีเดียวในความคิดของแอนนาเบ็ธ
         "คุณแอนนาเบ็ธ แล้วเรื่องแผนการเดินทางล่ะ คุณว่าอย่างไร"
         “ตามคำพยากรณ์ที่ว่า จงมองหาแสงทอง กุญแจสู่โอดีนมานอร์ส คาดว่าแสงทองที่ว่านั้นคือกุญแจสำคัญที่เราต้องตามหา" แล้วแอนนาเบ็ธก็หันไปทางราหมัดเหมือนต้องการให้เขาพูดต่อ ราหมัดทำท่าจะลุกขึ้น แต่คราวนี้วุฒิสภาอาวุโสเป็นคนเอ่ยทัดทานแทรก
         "แสงทองงั้นหรือ มันอยู่หนแห่งใดกัน เบาะแสมันน้อยนิดเสียจนน่าใจหาย"
         "น้ำตก...น้ำตกชูรันเมรู!!" แล้วรีเวียร์ก็หุนหันลุกจากเก้าอี้แล้วพูดอย่างรวดเร็วหลังจากที่เธอเงียบมานาน
         "เราต้องไปที่นั่น!" แอนนาเบ็ธไม่รู้ว่าเธอทราบได้อย่างไรว่าต้องไปที่น้ำตก คิ้วของเธอขมวดเป็นปมอย่างตั้งคำถามให้กับรีเวียร์ที่จู่ๆ เธอก็พูดออกมาแบบนั้น นั่นมันไม่ได้อยู่ในกำหนดการของพวกเราเลยแม้แต่นิดเดียว
         "น้ำตกรึ?" แล้ววุฒิสภาก็ต่างพากันหัวเราะร่วน "น้ำหนักความน่าเชื่อถือเป็นศูนย์"
         "เชื่อถือได้สิ! ฉันฝันถึงเทพมาร์ส ท่านได้มาบอกให้ฉันออกเดินทางไปยังน้ำตกชูรันเมรู! ฉันพูดจริงๆ นะ"  รีเวียร์หน้าขึ้นสีเธอกำลังโกรธจัดที่เหล่าสภาหัวเราะกับคำพูดของหญิงสาว วุฒิสภาดูเหมือนจะไม่ใส่ใจเท่าไหร่นักเขาโบกมือเป็นสัญญาณให้รีเวียร์นั่งลง
         "อย่าริใช้ศักดินาของเทพเจ้าอันสูงส่งมาเป็นข้ออ้างแบบกรณีแรกเลยสาวน้อย" คนถูกพาดพิงจำต้องยอมนั่งลงด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ เก้าอี้ของรีเวียร์กระทบกับพื้นไม้หินอ่อนส่งเสียงดังปัง! เหมือนต้องการแสดงถึงความไม่พอใจที่มีต่อวุฒิสภา

         ... แต่แล้วจู่ๆ สิ่งที่แปลกประหลาดก็เกิดขึ้นในสภาอีกครั้ง ..
         "เหลืออดจริงๆ กับพวกสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น" แอนนาเบ็ธหันขวับไปมองทางต้นเสียงคราวนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือเอเร็ค ... เอเร็คลุกยืนขึ้นแล้วพูดด้วยเสียงงัวเงีย ตาของเขายังปิดสนิทบ่งบอกได้ดีว่าการประชุมที่ผ่านมาเมื่อกี๊เขาแอบหลับ แล้วเขาก็ละเมออย่างนั้นหรือ ไม่น่าจะใช่
         "อะไรนะเจ้าหนู" วุฒิสภาอาวุโสที่ดูเป็นคนใจเย็นเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจบ้าง โรรินเซียและริเวียพยายามดึงตัวของเอเร็คที่กำลังละเมอไม่เป็นภาษาให้นั่งลง แต่เอเร็คยังคงยืนนิ่งอยู่แบบนั้น
         "ใครเป็นเจ้าหนูของแก" เอเร็คทำเสียงแข็ง "ภริยาของจ้าวแห่งท้องฟ้าก็มายืนยันทีแล้วนี่จะต้องให้ข้าเสียเวลามาที่นี่เพื่อยืนยันอีกคนรึ คำพูดของเด็กๆ มันน่ารำคาญนักหรือยังไง จงฟัง" หลังจากนั้นที่มือของเอเร็คก็มีควันดำกระจุกนึงหมุนรอบมือเขา แอนนาเบ็ธจ้องมองมันอย่างไม่ละสายตาเหมือนมันกำลังก่อตัวเปลี่ยนรูปร่างเป็นอะไรบางอย่าง
ซึ่งสมองของเธอก็สรุปให้เสร็จสรรพว่ามันคืออาวุธทำลายล้างชนิดรุนแรงเลยทีเดียว รีเวียร์เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ รวมถึงคนอื่นๆ ในอาคารสภา พวกเขาต่างพากันคุกเข่าลง ดูเหมือนว่ามาร์สจะพิโรธเข้าเสียแล้ว ส่วนวุฒิสภาแต่ละคนนั้นอยู่ในสภาพเหมือนคนไร้สติพวกเขานิ่งอึ้งจนแอนนาเบ็ธคิดว่าจะกลายเป็นรูปปั้นเหมือนเทอร์มินัสเสียแล้ว อีกทั้งเธอเห็นวุฒิสภาด้านซ้ายสุดคนนึงเป็นลมล้มตึงไปเลยด้วย
         "โอเคๆ ฉันยังไม่อยากมีเรื่องตอนนี้หรอก" มาร์สซึ่งอยู่ในร่างของเอเร็คพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงเล็กน้อย
         "เพราะฉันก็มีอะไรอยากจะพูดพอดี..." แล้วมาร์สก็เงียบลงไปพักใหญ่ ทุกคนต่างตั้งตารอฟังสิ่งที่เทพคนนี้จะเอ่ย แต่รอแล้วรอเล่า เขาก็ยังเงียบเหมือนเดิมและดูเหมือนเทพเจ้าจะทำเสียงเหนื่อยใจ ... เขาหันมามองที่แอนนาเบ็ธซึ่งเป็นคนเดียวในอาคารสภาที่ไม่คุกเข่าลง อ้อ เธอเข้าใจในความหมายของมาร์สทันที แอนนาเบ็ธจึงรีบคุกเข่าแล้วมาร์สในร่างของเอเร็คก็กระตุกรอยยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจ
         “จงฟัง" มาร์สเอ่ย  
         "สายน้ำจะพาทุกคนสู่แสงทองจงตามสัญชาติญานแห่งลิมฟา จงตาม จงตาม บุตรแห่งลิมฟาจักนำทาง สองหนุ่ม สามสาว จักได้ไปสู่โอดีนมานอร์สอย่างปลอดภัย ที่เหลือจักหายสาบสูญ พึงระวังไว้เสมอ" เทพเจ้าดีดนิ้วไปมาเหมือนใช้ความคิดว่าจะอวยพรอย่างไรดี
         "ขอให้โชคดี นับว่าโชคดีมากที่บริเวณนี้ไม่โดนระเบิดเป็นจุลซะก่อน อ้อและอย่ารีบตายเร็วนักหล่ะ" อวยพรได้ซึ้งมากค่ะ แอนนาเบ็ธบ่น และเหมือนเทพแห่งสงครามจะรู้ความคิดเธอ เขาหันมามองเธอเที่ยวหนึ่งแล้วอมยิ้มให้ที่มุมปาก สาบานเลยว่าเธอเห็นตาของเอเร็คมีเปลวไฟลุกวาว ซึ่งแปลว่าเทพเจ้าไม่พอใจนักกับความคิดเธอ
แต่แล้วมาร์สในร่างเอเร็คก็โบกมือครั้งเหมือนจะบอกลา แล้วในสามวิต่อมาดวงตาของเอเร็คก็เบิกโพลงขึ้นเหมือนกับเจอฝันร้ายเขาใช้เวลาขยี้ตาสักพักหนึ่งก่อนที่จะลืมตาได้และพบว่าตัวเองนั้นกำลังถูกสายตานับสิบจับจ้องอยู่ในท่านั่งคุกเข่า
         "เอ่อทุกคน..." เอเร็คพูดด้วยน้ำเสียงประหม่าสีหน้ายังดูงงงันกับภาพตรงหน้า
         "ทำแบบนั้นทำไมกัน แล้วผมยืนขึ้นทำไมนี่ โอ้! ผมไม่ได้จะแอบหลับนะ คือ...คือ..." เขามีท่าทางกระสับกระส่าย
แอนนาเบ็ธเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นยืนหลังจากทนคุกเข่ามานานเธอรู้สึกเหมือนโดนไฟฟ้าช็อตตรงขาเวลายืนขึ้น นั่นเป็นสิ่งที่มาร์สฝากไว้ก่อนไปหรือเปล่านะ?
         "ไม่มีอะไรหรอกเอเร็ค" แอนนาเบ็ธพูดกับอีกฝ่ายด้วยเสียงเรียบ "เธอแค่พลาดฉากสำคัญไปเท่านั้นเอง"

         หลังจากนั้นก็ประชุมโต้เถียงกันไปยาวจนเวลาปาไปเกือบสี่ทุ่มกว่าๆ ผู้อาวุโสคนกลางที่นั่งเงียบตลอดมาก็ยืนขึ้นสรุปการประชุม
         “เอาเป็นว่าตอนนี้ทุกคนก็ได้มติกันดีแล้วในเรื่องการเดินทาง ส่วนเรื่องวันที่จะเดินทางและสัมภาระ พิธีการอวยพรคณะเดินทางทางเราต้องรอแม่ทัพเจสันหายดีและปรึกษาหารือกันอีกที ขอให้ปวงเทพคุ้มครองทุกคนกลับอย่างปลอดภัย” เขาพูดจบก็ชูมือกำหมัดขึ้นเป็นสัญญาณคล้ายๆ กับว่าให้ทุกคนแยกย้าย ซึ่งต่างคนต่างแยกย้ายออกจากอาคารรัฐสภา เพราะนี่ก็ดึกมากแล้วถึงเวลาอาคารสภาปิดตัวอาคารได้สักที

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 38498 ไบต์และได้รับ 18 EXP!  โพสต์ 2024-2-24 23:12
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x61
x20
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้