แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Test เมื่อ 2024-2-24 23:18
ตั้งแต่แอนนาเบ็ธอาศัยอยู่ในค่ายแห่งนี้มา เธอไม่เคยรู้สึกขี้เกียจขนาดนี้มาก่อน หญิงสาวเดินลากขาออกจากร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำหลังจากที่เดินแยกออกมากับเจสัน เธอรู้สึกอืดท้องเสียจนอยากอ้วกออกมาให้ได้ ไม่น่ากินเยอะไปเลยเรา "อยากนอนพักเสียหน่อย มามีประชุมอะไรกันวันนี้...สภาตายยากจริงๆ" เธอบ่นพึมพำในใจ แต่ก็ไปบ่นโทษพวกเขาไม่ได้ เพราะอะไรน่ะเหรอ จู่ๆ ก็มีคำพยากรณ์แปลกๆ เกิดขึ้นน่ะสิ เป็นเวลานานมากแล้วที่ไม่มีเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น แล้ว
คำพยากรณ์ก็เกิดมาปุ๊บปั๊บแบบนี้ก็ต้องกังวลใจกันบ้างและทางสภาก็มอบหมายการเดินทางขึ้นอีกครั้ง โดยที่เธอยังติดสินบนพวกเขาอยู่ เมื่อตอนที่แอบหนีไปทำการเดินทางโดยไม่แจ้งก่อน หน้าที่การหาคนเดินทางจึงตกเป็นปัญหาของเธอ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะคณะเดินทางตอนนี้หาครบแล้ว แต่ความมั่นใจสิที่ยังไม่ครบ แล้วหญิงสาวก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆ มีมือของใครบางคนแตะเข้าที่ไหล่ทั้งสองข้างเธอจากด้านหลัง "ว่าไงแอน!" โรรินเซียกับรีเวียร์นั่นเอง ทั้งสองคนฉีกยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร แอนนาเบ็ธยิ้มตอบ "ทำเอาฉันตกใจหมด...สวัสดีๆ" "ตกอกตกใจเป็นคุณป้าแก่ๆ ไปได้นะแอน คิดอะไรอยู่หรือเปล่า" รีเวียร์ถามด้วยความสงสัย แอนนาเบ็ธถอนหายใจแล้วกลอกตาไปมา "จะพ้นเรื่องอะไรได้ล่ะ ก็เรื่องคำพยากรณ์นั่นแหล่ะ" ทั้งสองคนพยักหน้าเล็กน้อยอย่างเข้าใจ ก่อนที่โรรินเซียจะพูดด้วยน้ำเสียงเครียด "มันแปลกน่าดูเลยนะ จู่ๆ คำพยากรณ์ก็เกิดขึ้นกะทันหันแบบนี้" "ใช่ วันนี้สภาเลยมีประชุมคณะเดินทางทั้งหมด แอนก็ไปด้วยใช่ไหม" รีเวียร์เอ่ย แอนนาเบ็ธพยักหน้ารับ แน่นอนเธอไม่สามารถอู้ได้ แล้วทั้งสามคนก็เปลี่ยนหัวข้อในการสนทนาไปเป็นเรื่องอื่นๆ เรื่องคำพยากรณ์ทุกคนรู้ดี มันไม่ใช่เรื่องที่น่าหยิบยกมาคุยนานนัก มีแต่จะทำให้กังวลใจไปเปล่าๆ แอนนาเบ็ธ โรรินเซียและรีเวียร์เดินคุยกันไปได้สักพัก ก่อนที่จะแยกย้ายไปทำธุระของตนเองต่อ และเตรียมตัวสำหรับการประชุมสภาตอนหัวค่ำนี้
แอนนาเบ็ธมีเวลาได้พักสมองแค่สามวิเท่านั้นในความรู้สึกเธอ หญิงสาวคิดอยากจะนอนต่อสักพักแต่ก็จำต้องลุกจากเตียงอย่างเสียไม่ได้ เธอต้องให้ความสำคัญกับการประชุมสภาครั้งนี้ ถึงแม้ว่าจะรู้สึกรำคาญสภาจอมจู้จี้จุกจิกพวกนั้นก็ตาม
หญิงสาวเดินออกจากกองร้อยที่หนึ่งและลัดเลาะเพื่อไปรัฐสภา เธอหยุดอยู่ตรงหน้ารูปปั้นหินอ่อนสีขาว เป็นรูปปั้นของชายร่างกำยำและไว้ผมหยักศก แอนนาเบ็ธจะคิดว่าเขาสมบูรณ์แบบแล้วถ้าไม่ติดตรงที่ช่วงล่างของเขานั้นเป็นเพียงก้อนหินอ่อนขนาดใหญ่แทนที่จะเป็นขา และดูเหมือนเขาจะขาดแขนทั้งสองข้างของเขาไป "เทอร์มินัส" แอนนาเบ็ธเอ่ยชื่อเขาเบาๆ ก่อนที่จะหยิบมีดพกประจำตัวทั้งสองเล่มวางใส่ไว้ในถาดอย่างรู้หน้าที่ รูปปั้นเทพเจ้ามองหน้าเธอ ก่อนที่จะพูด "พกทำไมตั้งสองเล่ม ไม่หนักหรือยังไง" แอนนาเบ็ธยักไหล่อย่างไม่สนใจ "ดูแลมันด้วยค่ะ ด้วยความกรุณาอย่างยิ่ง" แล้วเธอก็เดินเข้าไปภายในอาคารสภาทันทีโดยไม่สนใจเสียงโวยวายของรูปปั้นที่บ่นว่าอยากเบื๊อกกะโหลกเธอ แต่เขาไม่มีมือนี่ อดล่ะนะ
เมื่อแอนนาเบ็ธเดินเข้ามาในตัวสภา ความรู้สึกอึดอัดก็ถาโถมใส่หญิงสาวทันที บรรดาวุฒิสภานั่งเรียงกันอย่างเป็นระเบียบอยู่ใกล้กับเวทีปราศรัยอยู่แล้ว พวกเขาสวมชุดโทก้าอย่างเป็นทางการ หญิงสาวจึงรีบนั่งตรงที่นั่งแถวหน้าฝั่งตรงข้ามกับวุฒิสภา ดูเหมือนตอนนี้คนอื่นจะยังมาไม่ถึงกัน เก้าอี้จำนวนมากมายจึงว่างเปล่า โดยมีเพียงแอนนาเบ็ธจับจองเพียงคนเดียว "รักษาเวลาดี" หนึ่งในวุฒิสภาเอ่ยขึ้น "เป็นหน้าที่ของฉันค่ะ" หญิงสาวตอบเสียงเรียบ และก่อนที่จะได้คุยอะไรมากกว่านั้นคนอื่นๆ ก็เริ่มทยอยกันเข้ามาในสภาเมื่อใกล้ถึงเวลาประชุมแล้ว และเก้าอี้ที่ว่างเปล่าตอนแรกก็ถูกจับจองไปด้วยคณะผู้ประชุมจนเต็มภายในเวลาไม่กี่นาที แอนนาเบ็ธหันไปยิ้มให้โรรินเซียและรีเวียร์เป็นการทักทายและหญิงสาวก็ไปสะดุดตากับชาวค่ายที่เป็นส่วนหนึ่งของคณะเดินทางด้วย เขาชื่อเอเร็คถ้าเธอจำไม่ผิด
เอเร็คเป็นสมาชิกใหม่ของค่ายเรา และดูเขาจะมีปัญหานิดหน่อยในการควบคุมตนเองไม่ให้หลับเธอเห็นเขาตบหน้าตัวเองไปมาพร้อมกับถ่างตาที่ปรือเต็มทีให้เปิดออก เมื่อเอเร็คเห็นว่าแอนนาเบ็ธมองอยู่ เขาก็รีบนั่งตัวตรงทันทีก่อนที่ปากจะพูดพึมพำเป็นเชิงทักทาย จะไหวไหมนั่น? "ดูเหมือนจะถึงเวลาแล้ว" เสียงทุ่มต่ำของวุฒิสภาคนหนึ่งดังขึ้น ส่งผลให้ผู้คนในที่ประชุมเลิกคุยกันและหันมาสนใจด้านหน้า แต่เดี๋ยวนะแอนนาเบ็ธเห็นว่ามีบางสิ่งบางอย่างผิดปรกติไป ที่นั่งข้างๆ เธอซึ่งเป็นที่ของเจสันกลับว่างเปล่า เขาหายไปไหน? "ยังขาดแม่ทัพค่ะ" แอนนาเบ็ธเอ่ยแทรก "เจสัน ไดซ์" วุฒิสภาอาวุโสหันหน้ามามองเธอแล้วหัวเราะน้อยๆ "คงจะมาไม่ได้..." เขาพูด "คุณนายไดซ์กำลังป้อนข้าวป้อนน้ำให้เขาที่โรงพยาบาลอยู่" คิ้วของแอนนาเบ็ธขมวดเข้าหากัน เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่วุฒิสภาพูดในเมื่อตอนเช้าเธอกับเขายังคุยกันอยู่เลย ตางั่งนั่นอู้ชัวร์ แล้วเธอก็ด่าทอเขาในใจเธออยากจะนอนเต็มแก่แต่กลับทำไม่ได้ นายนั่นคงมีข้ออ้างอีกแล้วสินะ "เอาล่ะๆ เริ่มเข้าเรื่อง คุณแอนนาเบ็ธ คอลลินสัน" วุฒิสภาอาวุโสมองมายังเธอ แอนนาเบ็ธสลัดความโมโหออกไปก่อนที่จะลุกยืนขึ้น "ค่ะ" "อย่างที่เรารู้ๆกันเรื่องคำพยากรณ์ใหม่ที่เกิดขึ้นคุณรวบรวมคณะเดินทางครบแล้วใช่ไหม" หญิงสาวพยักหน้ารับ
"ดี" เขายิ้มอย่างพอใจ "กรุณาแจ้งชื่อคนเหล่านั้นมาด้วย" แล้วแอนนาเบ็ธก็เริ่มร่ายชื่อคณะผู้เดินทางทั้งหมด ซึ่งมีอยู่ด้วยกันสิบคน "ข้า แอนนาเบ็ธ คอลลินสัน / เจสัน ไดซ์ / ลีโอ เฟอร์นันเดซ / โรรินเซีย เมลโล / ราหมัด อะคะโร่ / รีเวียร์ วินเชสเตอร์ / เฮลีน แม็กคาร์เตอร์ / เฮเลน่า รีเวน / เพอร์ชีอุส วีดอน และเอเร็ค เร็กซ์ รวมทั้งหมดเป็นสิบคนด้วยกัน" วุฒิสภาทั้งหมดเงียบไปอย่างใช้ความคิดก่อนที่คนหนึ่งจะเอ่ยทักท้วง "เยอะไปหน่อยไหม" "ไม่ค่ะ กลัวคนจะหมดค่ายหรือไงคะ?" แอนนาเบ็ธจ้องหน้าเขา ดวงตาสีมะฮอกกานีของอีกฝ่ายจ้องกลับมาที่หญิงสาวเหมือนอยากจะเชือดคอเธอให้ได้ที่พูดแบบนั้นใส่ "เอาล่ะๆ" วุฒิสภาที่อาวุโสที่สุดเอ่ยปราม "แล้วเรื่องพาหนะในการเดินทางว่าอย่างไร" "เราจะใช้เรือของลีโอค่ะ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ "เขาบอกมาว่าฝันถึงเทพีจูโน่ นางให้คำแนะนำถึงการเดิน ด้วยการสร้างเรือเหาะ ซึ่งคงไม่มีใครกล้าที่จะปฏิเสธคำแนะนำของเทพีหรอกนะคะ" แล้วทั้งที่ประชุมก็เงียบสงัดแน่นอนไม่มีใครในที่นี้กล้าฝืนคำแนะนำของเทพเจ้าหรอกนะ เว้นเสียแต่เขาคนนั้นอยากลองให้วิญญาณออกจากร่างดู "แต่ตามคำพยากรณ์" วุฒิสภาคนที่มีปัญหากับแอนนาเบ็ธเมื่อครู่ขัดขึ้นอีกครั้ง ตอนนี้แอนนาเบ็ธแน่ใจแล้วว่าตาแก่ผอมกระหร่องผมหยิกหยองคนนี้กับเธอต้องได้ซัดกันแน่ไม่ช้าก็เร็วและเธอคิดว่าจะต้องหาจังหวะเหมาะๆ ถีบเขาตกจากเก้าอี้สักครั้งหนึ่ง "เขาบอกให้เราระวังผืนพสุธา สมุทรวารีและวายุธาตุนะ แล้วแม่หนู เธอมีหลักฐานเรื่องความฝันนั่นไหมหล่ะ"
"มันก็เสี่ยงเหมือนกันหมดทุกทางนี่คะ" เสียงของแอนนาเบ็ธเริ่มมีน้ำโห "ฉันไม่สามารถกอย้อนความฝันให้คุณมานั่งดูได้หรอกนะ ความฝันนะคะไม่ใช่แผ่นเทป!" แล้วอีกฝ่ายตบโต๊ะดังปังเหมือนรับไม่ได้กับการกระทำของแอนนาเบ็ธ เอาสิ เอาให้ตายกันไปข้างนึง "แม่หนู!" เขาเหมือนกำลังจะสรรหาคำด่าทอมาให้เธอสักสิบชุดได้
แต่แล้วก็ต้องชะงักลงเมื่อมีเสียงปริศนาดังขึ้น ขอย้ำ ทุกคนเงียบกริบกันอย่างน่าแปลกเลยหล่ะ แม้แต่แอนนาเบ็ธเอง "ฉัน...เป็นคนแนะนำพวกเธอเอง" ทุกๆ คนในที่ประชุมหันไปทั่วอาคารสภาเพื่อหาต้นตอของเสียง แต่ทว่าก็ไม่พบใครเลย เสียงนั้นยังคงดังขึ้นอีก ตอนนี้แอนนาเบ็ธรู้แล้วว่ามันคือเสียงกระซิบถึงแม้มันจะแผ่วเบาแต่ก็เต็มไปด้วยอำนาจและเธอพอจะเดาออกว่าใครเป็นคนพูดชายที่ยืนเถียงกับแอนนาเบ็ธอยู่หน้าซีดทันทีก่อนจะคุกเข่าลงอย่างร้อนรน "ด้วยความเคารพ...เทพี" แอนนาเบ็ธยิ้มมุมปากอย่างได้ใจ เธอนึกขอบคุณเทพีจูโน่ที่ช่วยมาแก้สถานการณ์ให้ตอนนี้เธอคิดจะญาติดีกันกับเทพีแล้ว แค่ชั่วคราวเท่านั้นนะ "มันจักเป็นทางที่ปลอดภัยที่สุด...ท่านจะขัดในคำพูดเราหรือ" เสียงนั้นแข็งกร้าวในตอนท้าย คนถูกถามรีบส่ายหน้าเป็นพัลวันแล้วก้มหัวลงแทบติดกับพื้น ทีแบบนี้ล่ะกลัวเชียว แอนนาเบ็ธสบถ "ดี..." เทพีเอ่ย "อย่าให้มีครั้งที่สองอีก" หลังจากที่เทพีเอ่ยจบ ทั้งที่ประชุมก็เงียบกริบยิ่งกว่าเก่า "คงจะตกลงตามนี้หล่ะนะ" เสียงโรรินเซียดังมาจากทางด้านหลังทำลายความเงียบ รีเวียร์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย วุฒิสภามองหน้าสลับกันไปมา พวกเขายังดูตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนคนที่เถียงกับแอนนาเบ็ธก็คงจะปิดปากเงียบไปอีกหลายอาทิตย์ เทพีมาเตือนเขาด้วยตัวเองเลยนะน่าดีใจจริง "อืม ตามความประสงค์ของเทพี" วุฒิสภาอาวุโสที่อยู่ซ้ายสุดกล่าวด้วยน้ำเสียงสุขุม เขาดูเป็นคนที่มีความใจเย็นมากเลยทีเดียวในความคิดของแอนนาเบ็ธ "คุณแอนนาเบ็ธ แล้วเรื่องแผนการเดินทางล่ะ คุณว่าอย่างไร" “ตามคำพยากรณ์ที่ว่า จงมองหาแสงทอง กุญแจสู่โอดีนมานอร์ส คาดว่าแสงทองที่ว่านั้นคือกุญแจสำคัญที่เราต้องตามหา" แล้วแอนนาเบ็ธก็หันไปทางราหมัดเหมือนต้องการให้เขาพูดต่อ ราหมัดทำท่าจะลุกขึ้น แต่คราวนี้วุฒิสภาอาวุโสเป็นคนเอ่ยทัดทานแทรก "แสงทองงั้นหรือ มันอยู่หนแห่งใดกัน เบาะแสมันน้อยนิดเสียจนน่าใจหาย" "น้ำตก...น้ำตกชูรันเมรู!!" แล้วรีเวียร์ก็หุนหันลุกจากเก้าอี้แล้วพูดอย่างรวดเร็วหลังจากที่เธอเงียบมานาน "เราต้องไปที่นั่น!" แอนนาเบ็ธไม่รู้ว่าเธอทราบได้อย่างไรว่าต้องไปที่น้ำตก คิ้วของเธอขมวดเป็นปมอย่างตั้งคำถามให้กับรีเวียร์ที่จู่ๆ เธอก็พูดออกมาแบบนั้น นั่นมันไม่ได้อยู่ในกำหนดการของพวกเราเลยแม้แต่นิดเดียว "น้ำตกรึ?" แล้ววุฒิสภาก็ต่างพากันหัวเราะร่วน "น้ำหนักความน่าเชื่อถือเป็นศูนย์" "เชื่อถือได้สิ! ฉันฝันถึงเทพมาร์ส ท่านได้มาบอกให้ฉันออกเดินทางไปยังน้ำตกชูรันเมรู! ฉันพูดจริงๆ นะ" รีเวียร์หน้าขึ้นสีเธอกำลังโกรธจัดที่เหล่าสภาหัวเราะกับคำพูดของหญิงสาว วุฒิสภาดูเหมือนจะไม่ใส่ใจเท่าไหร่นักเขาโบกมือเป็นสัญญาณให้รีเวียร์นั่งลง "อย่าริใช้ศักดินาของเทพเจ้าอันสูงส่งมาเป็นข้ออ้างแบบกรณีแรกเลยสาวน้อย" คนถูกพาดพิงจำต้องยอมนั่งลงด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ เก้าอี้ของรีเวียร์กระทบกับพื้นไม้หินอ่อนส่งเสียงดังปัง! เหมือนต้องการแสดงถึงความไม่พอใจที่มีต่อวุฒิสภา
... แต่แล้วจู่ๆ สิ่งที่แปลกประหลาดก็เกิดขึ้นในสภาอีกครั้ง .. "เหลืออดจริงๆ กับพวกสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น" แอนนาเบ็ธหันขวับไปมองทางต้นเสียงคราวนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือเอเร็ค ... เอเร็คลุกยืนขึ้นแล้วพูดด้วยเสียงงัวเงีย ตาของเขายังปิดสนิทบ่งบอกได้ดีว่าการประชุมที่ผ่านมาเมื่อกี๊เขาแอบหลับ แล้วเขาก็ละเมออย่างนั้นหรือ ไม่น่าจะใช่ "อะไรนะเจ้าหนู" วุฒิสภาอาวุโสที่ดูเป็นคนใจเย็นเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจบ้าง โรรินเซียและริเวียพยายามดึงตัวของเอเร็คที่กำลังละเมอไม่เป็นภาษาให้นั่งลง แต่เอเร็คยังคงยืนนิ่งอยู่แบบนั้น "ใครเป็นเจ้าหนูของแก" เอเร็คทำเสียงแข็ง "ภริยาของจ้าวแห่งท้องฟ้าก็มายืนยันทีแล้วนี่จะต้องให้ข้าเสียเวลามาที่นี่เพื่อยืนยันอีกคนรึ คำพูดของเด็กๆ มันน่ารำคาญนักหรือยังไง จงฟัง" หลังจากนั้นที่มือของเอเร็คก็มีควันดำกระจุกนึงหมุนรอบมือเขา แอนนาเบ็ธจ้องมองมันอย่างไม่ละสายตาเหมือนมันกำลังก่อตัวเปลี่ยนรูปร่างเป็นอะไรบางอย่าง ซึ่งสมองของเธอก็สรุปให้เสร็จสรรพว่ามันคืออาวุธทำลายล้างชนิดรุนแรงเลยทีเดียว รีเวียร์เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ รวมถึงคนอื่นๆ ในอาคารสภา พวกเขาต่างพากันคุกเข่าลง ดูเหมือนว่ามาร์สจะพิโรธเข้าเสียแล้ว ส่วนวุฒิสภาแต่ละคนนั้นอยู่ในสภาพเหมือนคนไร้สติพวกเขานิ่งอึ้งจนแอนนาเบ็ธคิดว่าจะกลายเป็นรูปปั้นเหมือนเทอร์มินัสเสียแล้ว อีกทั้งเธอเห็นวุฒิสภาด้านซ้ายสุดคนนึงเป็นลมล้มตึงไปเลยด้วย "โอเคๆ ฉันยังไม่อยากมีเรื่องตอนนี้หรอก" มาร์สซึ่งอยู่ในร่างของเอเร็คพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงเล็กน้อย "เพราะฉันก็มีอะไรอยากจะพูดพอดี..." แล้วมาร์สก็เงียบลงไปพักใหญ่ ทุกคนต่างตั้งตารอฟังสิ่งที่เทพคนนี้จะเอ่ย แต่รอแล้วรอเล่า เขาก็ยังเงียบเหมือนเดิมและดูเหมือนเทพเจ้าจะทำเสียงเหนื่อยใจ ... เขาหันมามองที่แอนนาเบ็ธซึ่งเป็นคนเดียวในอาคารสภาที่ไม่คุกเข่าลง อ้อ เธอเข้าใจในความหมายของมาร์สทันที แอนนาเบ็ธจึงรีบคุกเข่าแล้วมาร์สในร่างของเอเร็คก็กระตุกรอยยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจ “จงฟัง" มาร์สเอ่ย "สายน้ำจะพาทุกคนสู่แสงทองจงตามสัญชาติญานแห่งลิมฟา จงตาม จงตาม บุตรแห่งลิมฟาจักนำทาง สองหนุ่ม สามสาว จักได้ไปสู่โอดีนมานอร์สอย่างปลอดภัย ที่เหลือจักหายสาบสูญ พึงระวังไว้เสมอ" เทพเจ้าดีดนิ้วไปมาเหมือนใช้ความคิดว่าจะอวยพรอย่างไรดี "ขอให้โชคดี นับว่าโชคดีมากที่บริเวณนี้ไม่โดนระเบิดเป็นจุลซะก่อน อ้อและอย่ารีบตายเร็วนักหล่ะ" อวยพรได้ซึ้งมากค่ะ แอนนาเบ็ธบ่น และเหมือนเทพแห่งสงครามจะรู้ความคิดเธอ เขาหันมามองเธอเที่ยวหนึ่งแล้วอมยิ้มให้ที่มุมปาก สาบานเลยว่าเธอเห็นตาของเอเร็คมีเปลวไฟลุกวาว ซึ่งแปลว่าเทพเจ้าไม่พอใจนักกับความคิดเธอ แต่แล้วมาร์สในร่างเอเร็คก็โบกมือครั้งเหมือนจะบอกลา แล้วในสามวิต่อมาดวงตาของเอเร็คก็เบิกโพลงขึ้นเหมือนกับเจอฝันร้ายเขาใช้เวลาขยี้ตาสักพักหนึ่งก่อนที่จะลืมตาได้และพบว่าตัวเองนั้นกำลังถูกสายตานับสิบจับจ้องอยู่ในท่านั่งคุกเข่า "เอ่อทุกคน..." เอเร็คพูดด้วยน้ำเสียงประหม่าสีหน้ายังดูงงงันกับภาพตรงหน้า "ทำแบบนั้นทำไมกัน แล้วผมยืนขึ้นทำไมนี่ โอ้! ผมไม่ได้จะแอบหลับนะ คือ...คือ..." เขามีท่าทางกระสับกระส่าย
แอนนาเบ็ธเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นยืนหลังจากทนคุกเข่ามานานเธอรู้สึกเหมือนโดนไฟฟ้าช็อตตรงขาเวลายืนขึ้น นั่นเป็นสิ่งที่มาร์สฝากไว้ก่อนไปหรือเปล่านะ? "ไม่มีอะไรหรอกเอเร็ค" แอนนาเบ็ธพูดกับอีกฝ่ายด้วยเสียงเรียบ "เธอแค่พลาดฉากสำคัญไปเท่านั้นเอง"
หลังจากนั้นก็ประชุมโต้เถียงกันไปยาวจนเวลาปาไปเกือบสี่ทุ่มกว่าๆ ผู้อาวุโสคนกลางที่นั่งเงียบตลอดมาก็ยืนขึ้นสรุปการประชุม “เอาเป็นว่าตอนนี้ทุกคนก็ได้มติกันดีแล้วในเรื่องการเดินทาง ส่วนเรื่องวันที่จะเดินทางและสัมภาระ พิธีการอวยพรคณะเดินทางทางเราต้องรอแม่ทัพเจสันหายดีและปรึกษาหารือกันอีกที ขอให้ปวงเทพคุ้มครองทุกคนกลับอย่างปลอดภัย” เขาพูดจบก็ชูมือกำหมัดขึ้นเป็นสัญญาณคล้ายๆ กับว่าให้ทุกคนแยกย้าย ซึ่งต่างคนต่างแยกย้ายออกจากอาคารรัฐสภา เพราะนี่ก็ดึกมากแล้วถึงเวลาอาคารสภาปิดตัวอาคารได้สักที
|