แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-11-26 01:10
232 บ้านส้มแสนรัก
3/11/2024 - 8.00 น.~
เข้าสู่วันที่สามของการเดินทางโดยรถไฟอันแสนยาวนาน ดีนตื่นขึ้นมาช่วงสายด้วยอาการปวดศีรษะจากที่ดื่มไปเมื่อคืน เขาหยิบเสื้อผ้าที่กองมั่วบนพื้นขึ้นมาสวมใส่ลวก ๆ รู้สึกว่าเสื้อจะเป็นของแมคเคนซี.. แต่ช่างมันเถอะ
ตอนนี้พวกเขาถึงไหนกันแล้วนะ
หนุ่มผิวเข้มเยื้องย่างไปแง้มม่านหน้าต่างรถไฟเปิดออก ภาพเบื้องหน้าคือผืนน้ำกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาจากความงดงามตรงหน้าทำเอาชายหนุ่มแทบจะลืมอาการปวดหัวไปในทันที บางทีตอนนี้อาจอยู่รอยต่อแถว ๆ รัฐลุยเซียนาและนิวออร์ลีนส์ ส่วนวิวนี้ถ้าไม่ใช่ทะเลสาบพอนชาร์เทรนก็น่าจะเป็นทะเลสาบบอร์กนีนี่แหล่ะ
ดีนไม่ลืมที่จะเรียกคนรักให้ชมวิวทะเลสาบที่สะท้อนแดดจนเป็นประกายระยิบระยับนี้ด้วยกัน
“แมคซี่ ๆ ตื่นมาดูวิวนี่สิ!” เขย่าปลุกอีกฝ่ายราวกับหมาตัวใหญ่ปลุกเจ้าของในตอนเช้าก็ไม่ปาน
@Mackenzie
“คงจะนิวออร์ลีนส์มั้ง ฉันดูข้อมูลมาว่าเราได้นั่งรถไฟผ่านทะเลสาบพอนชาร์เทรนด้วย ถือเป็นวิวไฮไลท์เลย ดูสิ เหมือนกับว่ารถไฟกำลังวิ่งบนน้ำเลยนายว่าไหม”
ริมฝีปากคลี่ยิ้มเมื่อมองวิวตรงหน้า เป็นไฮไลท์ที่งามสมราคาคุยจริง ๆ พอนึกได้ชายหนุ่มก็หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเก็บภาพวีดีโอที่รถไฟวิ่งผ่านทะเลสาบสักหน่อย ไม่รู้ว่าตอนขากลับพวกเขาจะได้ผ่านตรงนี้อีกครั้งกี่โมง ถ้าตอนนั้นหลับไปแล้วมีหวังได้อดเก็บภาพสวย ๆ เอาไว้แน่ ๆ
กว่าที่รถไฟจะข้ามสะพานมาได้ก็ถือว่านานเลยทีเดียวจนทำเอาอยากรู้เลยว่าสะพานข้ามทะเลสาบดังกล่าวยาวติดอันดับโลกหรือเปล่านะ แต่ที่แน่ ๆ นี่น่าจะเป็นการนั่งรถไฟข้ามทะเลสาบที่ยาวนานที่สุดในชีวิตของเขาเลยล่ะ
หลังจากชมวิวกันอยู่พักหนึ่งท้องก็เริ่มส่งเสียง เริ่มจากท้องของเจ้าออมเล็ตเป็นตัวแรก ทั้งสองจึงตกลงกันว่าจัดการธุระยามเช้ากันเถอะแล้วไปหาอะไรกินกัน ซึ่งอาหารเช้าก็ทั่ว ๆ ไป ไม่ได้หรูหราอย่างมื้อค่ำเมื่อคืนอีกแล้ว รวมถึงมื้อกลางวันก็เช่นกัน การใช้ชีวิตบนรถไฟสาธารณะทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านั่ง ๆ นอน ๆ ชมวิวแล้วก็จกพุงสิงโต
. . .
18.45 น.
จนเวลาผ่านเลยมาจนถึงช่วงเย็นที่ตะวันไม่ยอมตกเสียทีพวกเขาก็เดินทางกันมาถึงสถานีรถไฟซานอันโตนีโอ โหลดกระเป๋าลงจากนั้นก็ได้โบกมือบ๊ายบายรถไฟแอมแทรกสายอีเกิลเท็กซัส
แล้วค่อยพบกันใหม่ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า
@Mackenzie
“คิดว่านะ แต่ตั้งแต่ไปอยู่นิวยอร์กฉันก็ไม่ได้กลับบ้านเลย มีครั้งล่าสุดก็ตอนที่ทำภารกิจเดินทางแล้วมาแวะนอนบ้านหนึ่งคืน ก็แบบว่านะ.. ฉันกลัวเครื่องบินอ่ะ แต่ก็คิดจะนั่งบัสหรือรถไฟกลับอยู่ ติดก็แต่ตอนปิดเทอมฉันชอบมีกิเลสให้เสียเงินอยู่เรื่อยเลยเอาแต่ทำงานที่ร้านน่ะ”
นอกจากกิเลสแล้วยังติดเที่ยว เงินที่หามาได้ก็หมดไปกับส่วนนั้นจนไม่ได้กลับบ้านกลับช่องเสียที แต่ที่บ้านก็จะมีแวะมาหาบ้างปีละครั้งสองครั้ง ดีนได้เจอแม่บ่อยกว่าเพราะงานของแม่มีมาที่นิวยอร์กบ่อย ส่วนพ่อกับลุงมักจะขับรถกันมาในช่วงวันหยุดยาวถือว่าปิดร้านเที่ยวรายทางระหว่างซานอันโตนิโอมาจนถึงนิวยอร์กก็ว่าได้ อาจคล้ายดีนและแมคตอนไปเที่ยวไทยแบบที่ค่ำไหนก็นอนที่นั่น
“แต่พอนายไปที่บ้านฉันแล้วจะไม่เบื่อ ก่อนอื่นก็ต้องไปหาบัสขึ้นกันตรงนั้น”
กล่าวจบดีนก็พาแมคเคนซีเดินไปที่ป้ายรถประจำทางที่อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ แต่เพียงแค่ก้าวขาออกมาจากประตูสถานีรถไฟซานอันโตนีโอชายหนุ่มก็เห็นลุงหนวดสองคนยืนถือป้าย ‘ต้อนรับกลับบ้าน ดีน และ แมคเคนซี’ ตัวเบ้อเร่อ เห็นแล้วทั้งเขินแล้วก็ทั้งดีใจ เพราะว่ามันเด่นสะดุดตาสุด ๆ ไปเลยยังไงล่ะ
“ให้ตายสิ นั่นพ่อกับลุงฉัน ไปกันแมคซี่”
ชายหนุ่มลากกระเป๋าก้าวขาไว ๆ ไปทางลุงหนวดสองคนที่รอต้อนรับ เมื่อเจอหน้าทั้งสามก็สวมกอดกันด้วยความคิดถึงที่ไม่ได้เจอกันนาน
“พ่อ ลุง ไหงมาอยู่ตรงนี้ได้ ยังไม่ได้เวลาปิดร้านเลยนี่นา” “ลูกชายกลับบ้านทั้งทีก็ต้องปิดร้านไวหน่อยสิ พ่อเตรียมมื้อเย็นไว้ที่บ้านด้วยยังไม่ได้กินอะไรกันมาใช่ไหมล่ะ?”
โดนัลด์พ่อของดีนเป็นชายผิวขาววัยกลางคนร่างท้วมแต่ก็ดูมีกล้ามเนื้อและแข็งแรงดี แม้ใบหน้าจะปกคลุมไปด้วยเคราแต่แววตาของเขาบ่งบอกได้เลยว่าเป็นคนใจดี
“ยังเลย แหมพ่อนี่รู้ใจจัง แต่ถ้ารีบปิดร้านมาเตรียมมื้อเย็นไว้ก่อนแบบนี้” ดีนยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้อยู่ราว ๆ หกโมงครึ่ง กว่าจะขับรถกลับไปทำอาหารที่บ้านแล้วมารอต้อนรับที่สถานีรถไฟอีก ถ้าไม่เปิดร้านแค่ครึ่งวันก็น่าจะไม่เปิดเลยทั้งวัน ซึ่งน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า “เฮ้! พ่อกับลุงโดดงานกันนี่นา”
“ปิดร้านสักวันมันจะเป็นอะไรไป” อีกคนที่อยู่ข้าง ๆ พ่อคือลุงไมค์เป็นคนตอบ เขาเป็นชาวอเมริกันผิวขาวเช่นเดียวกัน ทว่าเป็นคนรูปร่างสูงเพรียวดูดี หนวดเคราจัดแต่งได้รูปดูออกได้ทันทีว่าตอนหนุ่ม ๆ เป็นคนหล่อเหลา เขาแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตลายสก็อต กางเกงยีนส์ และสวมหมวกคาวบอยที่ดูแล้วเท็กซั๊สเท็กซัส “แล้วนั่น จะไม่แนะนำแฟนให้พวกพ่อรู้จักอย่างเป็นทางการเหรอดีน”
“โอ้ ต้องแนะนำสิครับ” ดีนขยับออกมายืนอยู่ข้าง ๆ แมคเคนซี พอถึงเวลาแนะนำครอบครัวให้อีกฝ่ายรู้จักมันก็ประหม่านิดหน่อยเหมือนมีคนคอยจะมาจี้เอวยังไงก็ไม่รู้ “นี่แมคซี่ครับ แฟนสุดหล่อของผมเอง ส่วนนี่พ่อของฉันชื่อโดนัลด์ กับลุงไมค์ แอดเฟซบุ๊กกันแล้วนี่ น่าจะรู้จักกันแล้วใช่ไหมล่ะ”
@Mackenzie
“ยินดีที่ได้รู้จักนะแมค อยู่บ้านเราก็ไม่ต้องเกรงใจ…” พ่อโดนัลด์พูดยังไม่ทันจบเสียงหนึ่งก็ดังแทรก
โครกกกกก
เสียงท้องร้องดังออกมาจากใครสักคน เรียกเสียงหัวเราะออกมาจากผู้ใหญ่ทั้งสอง ลุงไมค์เข้ามาล็อกคอดีนพร้อมกับตบไหล่หลานชายตุ้บ ๆ
“โธ่เอ๊ย หิวแล้วก็ไม่บอก ป่ะ งั้นกลับบ้านกันดีกว่า”
“เฮ้ ไม่ใช่ผมนะ” ดีนรีบโวยวาย ถึงจะหิวก็เถอะแต่ใครจะปล่อยให้ท้องร้องโครกครากต่อหน้าแฟนกันล่ะ!
โครกกกก จ๊อกกก
เสียงท้องร้องดังขึ้นมาอีกที คราวนี้จับต้นเสียงได้ มันมาจากกระเป๋าสัตว์เลี้ยงที่ดีนเทินไว้บนกระเป๋าเดินทางใบใหญ่อีกทีนึง
“เสียงแกนี่เอง หิวแล้วล่ะสิเนี่ย”
“อ๊าววว” ออมเล็ตส่งเสียงเล็ก ๆ ออกมา มันมองคนที่ไม่รู้จักซ้ายทีขวาทีผ่านผ้าตาข่าย สีหน้าดูกลัว ๆ นิดหน่อยเลยไม่กล้าส่งเสียงดังออกมามาก
“โอ้ น้องหมาตัวใหม่ ดีนพามาด้วยสิเนี่ย” พ่อเดินเข้าไปหาออมเล็ตที่อยู่ในกระเป๋าสัตว์เลี้ยงพลางทำเสียงสองอย่างเอ็นดูเจ้าตัวเล็ก “พันธุ์อะไรน่ะดีน เชาเชา?”
“อ้อ… ใช่ครับ ชื่อออมเล็ต” ดีนยิ้มอย่างมีพิรุธ เขาเลือกที่ยังไม่บอกความจริงกับพ่อและลุงดีกว่า ทั้งสองอาจจะไม่สนิทใจหากรู้ว่ามีลูกสิงโตอยู่ในบ้าน ถึงเจ้าไข่เหลืองมันจะเชื่องแสนเชื่องก็เถอะ …..มั้ง “งั้นไปกันเถอะพ่อ ถึงบ้านจะได้ให้อาหารออมเล็ตมัน”
หลังจากนั้นพวกเขาก็พากันไปขึ้นรถกระบะ โหลดกระเป๋าขึ้นด้านหลังส่วนดีนและแมคเคนซีต้องเข้าไปนั่งในแคปด้านหลัง แต่พอปีนขึ้นไปบนรถ ภาพที่เห็นทำเอาดีนชะงักไปเมื่อเห็นสิ่งที่นอนอยู่เบาะหลัง
“ลุงไมค์ จะให้เอาปืนไว้ตรงไหนเนี่ย”
ใช่ มันคือปืน… ปืนช็อตกันถูกวางไว้อยู่บนแคปหลังอย่างโจ่งแจ้งจนอยากจะมองแรงใส่ ที่เท็กซัสการพกปืนที่มีทะเบียนเป็นเรื่องถูกกฎหมาย แต่ลุงเล่นวางปืนไว้แบบนี้ขืนมีคนไม่ดีทุบกระจกรถแล้วขโมยเอาปืนไปปล้นร้านที่ไหนก็แย่น่ะสิ
“โอ้ โทษที เดี๋ยวลุงเก็บให้เดี๋ยวนี้แหล่ะ พอดีว่ารีบมารับหลานรักก็เลยลืมเก็บดี ๆ” ลุงไมค์รีบเอาปืนไปเก็บใต้เบาะดี ๆ ก่อนจะผายมือให้ทั้งหลานสองขึ้นไปนั่งได้เลย
“ไม่ต้องแก้ตัวเลยนะไมค์” พ่อโดนัลด์ยืนเท้าเอวทำสีหน้าตำหนิ ก่อนจะหันไปยิ้มแห้งให้แมคเคนซี “คงตกใจสินะ เท็กซัสมันก็.. แบบนี้แหล่ะ แดนคนเถื่อน”
ลูกชายของบ้านได้แต่ยิ้มเฝื่อนแล้วก็ส่ายหน้า จำได้ว่าครั้งแรกที่เขาบอกคนรักว่าเป็นชาวเท็กซัส อีกฝ่ายมีภาพจำว่าเป็นเมืองที่สนุกสนานเต็มไปด้วยสีสันสไตล์เม็กซิกัน ซึ่งมัน… ก็สนุกตอนที่มีงานเทศกาลนั่นแหล่ะ แต่อาชญากรรมก็เกิดขึ้นสูงตามไปด้วย
“ไม่ต้องตกใจนะแมคซี่ เดี๋ยวคืนนี้ฉันปลอบขวัญให้” เข้าไปกระซิบขยิบตาบอกแฟนหนุ่มชาวอังกฤษ ก่อนจะขึ้นไปนั่งบนแคปรถหลังจากที่ลุงเอาปืนไปเก็บเรียบร้อย เมื่อก่อนตอนเด็ก ๆ ก็คิดว่านั่งสบายอยู่นะ แต่พอโตตัวเท่านี้ทุกอย่างมันน่าอึดอัดไปหมดจนแทบจะต้องงอเข่าขึ้นมา
ลุงไมค์เป็นคนขับรถ แล้วพอรถเริ่มขับออกไปพ่อก็เปิดประเด็นทันที
“เมื่อไรโลกจะกลับมาเป็นปกตินะ สงสัยปีนี้หิมะไม่ตกแน่ ๆ” โดนัลด์กล่าว เขาเว้นช่วงไปนิดนึงก่อนถามต่อ “เห็นแม่ของลูกบอกว่าเกิดจากเทพกรีก มันจะเป็นแบบนี้อีกนานไหม?”
ดีนหันไปมองแมคเคนซีที่ขึ้นมานั่งเบาะหลังข้าง ๆ กัน เอาจริงดีนยังไม่รู้เลยว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไรกันแน่ จะเป็นเทพอะพอลโล่เล่นสนุกอย่างที่พ่อพูด หรือเกิดอะไรขึ้นกับเทพแห่งกลางคืนจนรัตติกาลสูญหายไป
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คิดว่าจะเป็นแบบนั้นนะครับ แค่หวังว่าจะไม่เป็นแบบในก็อดออฟวอร์”
พอคิดว่าเป็นแบบในเกมก็ได้แต่แค่นยิ้มที่มุมปาก มีใครสักคนสังหารเทพแล้วหลังจากนั้นธรรมชาติก็วิบัติ มีฉากหนึ่งที่โพไซดอนถูกฆ่าจากนั้นน้ำก็ท่วมโลก…
“ถ้ามองถึงข้อดีมันก็พอมีอยู่ เช่น.. เดือนที่แล้วค่าไฟลดลงตั้งครึ่งนึง แถมกุ๊ยแถวร้านที่ชอบมามั่วสุมกันตอนกลางคืนก็หายไปด้วย”
“หืม.. มีข้อดีแบบนั้นด้วยสินะ”
ดีนไม่ได้อ่านข่าวเลยไม่รู้ว่าเกิดผลกระทบอะไรยังไงบ้าง เขาได้แต่คาดการณ์ผลกระทบตามความรู้ที่เรียนมา แล้วคาดหวังว่าจะมีเดมิก็อดสักคนไปรับคำทำนาย ค่ายฮาล์ฟบลัดมีคนเก่งตั้งหลายคนมันต้องมีสักคนสิน่า
@Mackenzie
รถกระบะเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือของเมืองซานอันโตนิโอ ละแวกตั้งของบ้านดีนอยู่ในเขตนอร์ทเซ็นทรัลซานอันโตนิโอ ซึ่งเป็นย่านที่ผสมผสานระหว่างที่พักอาศัยและแหล่งเศรษฐกิจต่าง ๆ ระหว่างทางดีนก็แนะนำสถานที่ให้แมคเคนซีรู้จักด้วย
“ข้างหน้าคือสโตนโอ๊ค เป็นย่านที่พักอาศัยสุดไฮโซล่ะ”
หากมองไปข้างหน้าจะเห็นป้ายหินขนาดใหญ่สลักตัวหนังสือหรูหรา และต้นปาล์มที่ถูกปลูกสองข้างทางเรียงรายไปตามข้างและเกาะกลางถนนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยราวกับเป็นพนักงานต้อนรับ ถ้ามองดี ๆ จะเห็นรั้วบ้านใหญ่โตหรูหราอยู่ลิบตา ทว่ารถที่พวกนั่งอยู่กลับเลี้ยวขวาก่อนถึงป้าย ‘สโตนโอ๊ค’ เพียงแค่นิดเดียว จากนั้นยานพาหนะพาไต่ขึ้นเนินสูง ภาพของย่านหรูหราห่างไกลออกไปเห็นแต่เพียงวิวข้างทางที่ออกจะชนบทเสียเหลือเกิน
ป้าย ‘เอนคานโต้ ครีก’ ตั้งอยู่ด้านหน้า เป็นป้ายเล็ก ๆ ไร้ความหรูหรา ดูธรรมดาเหมือนป้ายบอกทางของรัฐทั่วไปทว่าสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ภาพของบ้านเรือนเลื่อนผ่านเข้ามาทั้งสองข้างทาง เป็นบ้านของชนชั้นกลางธรรมด๊าธรรมดาที่ถ้าบ้านไหนมีสระว่ายน้ำหลังบ้านจะถือว่าโดดเด่นที่สุดกว่าใครเพื่อน
รถกระบะคันเก่าหักเลี้ยวเข้าไปจอดหน้าโรงรถของบ้านสีอิฐหลังหนึ่งที่ด้านหน้าปลูกส้มเท็กซัสที่ ณ ตอนนี้กำลังออกผลสีส้มสุกปลั่งอยู่เต็มต้น พ่อกับลุงลงจากรถก็ช่วยสองหนุ่มจากแดนไกลขนกระเป๋าลงมาจากหลังรถกระบะ
“โธ่พ่อ บริการอย่างกับผมตอนอายุสิบขวบที่ไปเข้าค่ายครั้งแรก แต่ก็ขอบคุณครับ”
“เล็กน้อยน่า”
ตอนเด็ก ๆ ที่ยังยกกระเป๋าเองไม่ไหวก็ได้พ่อหรือไม่ก็ลุงนี่แหล่ะที่คอยยกให้ แต่ว่าตอนนี้ดีนอายุยี่สิบสามปีแล้ว ถือว่าบรรลุนิติภาวะมาตั้งสามปีถือเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว แต่ดูเหมือนว่าครอบครัวจะยังมองเขาเป็นแค่เด็กตัวเล็ก ๆ อยู่เสมอมา และคาดว่าน่าจะเผื่อแผ่สายตานั้นไปทางแมคเคนซีด้วย จะลากกระเป๋าเข้าบ้านก็ถูกสองคนนั้นฉวยไปอีกจนมือว่าง ดีนเลยเดินไปทางต้นส้มแทนที่จะตามพ่อกับลุงเข้าไปในบ้านแล้วเด็ดส้มลูกเขื่องมาด้วยสองลูก
“ยินดีต้อนรับสู่บ้าน”
หันไปยิ้มให้แมคเคนซีพร้อมกับโยนส้มลูกหนึ่งไปให้อีกฝ่ายเป็นเวลคัมกิฟต์
@Mackenzie
“ขอบคุณ”
ยิ้มรับคำชม รู้สึกประหม่าเล็กน้อยที่ถูกคนบ้านใหญ่กว่ามาชมแบบนี้ แต่ดีนก็ชอบบ้านหลังนี้จริง ๆ แม้หลังจากนี้เขาอาจจะไม่ได้มาอยู่ก็ตาม
“คงงั้นมั้ง แต่ฉันชอบส้มก่อนจะย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังนี้อีก ส้มบ้านฉันปลูกเองไร้สารพิษ นายกินทั้งเปลือกเลยยังได้” เขาหัวเราะ มือใหญ่แกะเปลือกส้มออกไม่เหมือนอย่างที่พูด “ฉันล้อเล่น เปลือกมันไม่อร่อยหรอก อย่างน้อยก็ต้องเอาไปตากแห้งก่อนถึงค่อยกิน แต่ว่านึกถึงตอนเด็ก ๆ เลยแฮะ ช่วงฤดูร้อนเด็ก ๆ จะชอบออกมาตั้งแผงขายน้ำมะนาวหน้าบ้านกันใช่ไหม แต่ที่บ้านฉันขายน้ำส้มล่ะ คั้นสด ๆ จากต้นเลย โอ๊ะ! ฉันลืมไป เด็กอังกฤษทำแบบนั้นกันหรือเปล่านะ?”
พูดจบก็มีเสียงแว่ว ๆ ดังออกมาจากในบ้าน
“รอพ่ออุ่นอาหารสิบห้านาทีนะ พาแฟนไปเดินเล่นก่อนก็ได้”
“ครับพ่อ” ดีนตะโกนตอบกลับไปก่อนจะหันกลับมาที่แมคเคนซี “พ่อบอกว่างั้นล่ะ ถ้างั้นเราเริ่มจากตรงไหนกันก่อนดี?”
@Mackenzie
“หืม งั้นเหรอ แต่ฉันก็พอเข้าใจ นายเป็นคุณหนูคงไม่ขายน้ำมะนาวหน้าบ้าน” ส่งกลีบส้มเข้าปาก ลิ้มรสชาติอันคุ้นเคยจนยิ้มตาหยี น่าเสียดายอยู่ถ้าเขาย้ายไปอยู่อังกฤษคงไม่ได้กินผลจากส้มต้นนี้ ครั้นจะให้พ่อส่งไปให้ก็ไม่รู้จะเน่าเสียก่อนหรือเปล่า
“ถ้างั้นเริ่มจากที่มาของบ้านก่อนดีกว่า เมื่อก่อนบ้านฉันฐานะแย่กว่านี้มาก ต้องอยู่ห้องเช่าแคบ ๆ ใกล้โรงงานในแถบอีสต์ไซด์ แต่วันนึงลุงไมค์ดันถูกล็อตโต้รางวัลใหญ่ พวกเราก็เลยได้ย้ายบ้านมาอยู่ที่นี่ ตอนนั้นฉันอายุสิบขวบมั้งยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรแต่ก็ดีใจที่มีห้องส่วนตัว ตอนแรกที่บ้านยังไม่มีส้มล่ะ แต่ว่าญาติของพ่อที่ริโอแกรนด์วัลเล่ย์ส่งต้นส้มเล็ก ๆ มาให้ ก็เลยปลูกไว้หน้าบ้าน”
อธิบายไปก็ส่งส้มเข้าปากเคี้ยว ๆ กินเนื้อส้มก่อนจะคายเมล็ดเก็บไว้ในมือ
“อ้อ ใต้ต้นส้มเป็นสุสานของโรบินด้วย หมามินิเจอร์ซเนาเซอร์ที่อยู่ในอัลบัมเฟซของฉัน ถ้านายจำได้”
ชายหนุ่มนั่งยอง ๆ ลงใต้ต้นส้ม แม้เวลาจะผ่านไปนานแล้วแต่ยังพอเห็นร่องรอยของหินกรวดสีขาวที่เรียงเป็นวงกลมล้อมหลุมศพเล็ก ๆ ของมันได้ แต่ตอนนี้ร่างของโรบินคงกลายเป็นปุ๋ยชั้นดีให้แก่ต้นส้มประจำบ้านนี้ไปแล้ว
“แบบนี้เหมือนกับกำลังกินหมาอยู่ด้วยหรือเปล่านะ…”
จู่ ๆ รำพึงความคิดสุดแย่ของตัวเองออกมา บอกไม่ถูกเลยเชียวว่าส้มที่กินค้างไว้อร่อยขึ้นหรือจะกินต่อไม่ลง
@Mackenzie
“เห จริงอ่ะ เพิ่งรู้เลยนะเนี่ย แต่ว่าครอบครัวนายสร้างตัวขึ้นมาได้ขนาดนั้นในช่วงสองอายุคน เก่งมากเลยนะ”
ส่วนตัวเองเขาคิดไม่ออกเลยว่าจะมีปัญญาทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นได้ไหม เรื่องรับช่วงต่อกิจการร้านบาร์เบอร์ของบ้านน่ะลืมไปได้เลย ยังไงก็ไม่คิดจะทำต่อเด็ดขาด แต่บางทีถ้าเขาไปช่วยแมคเคนซีทำงานที่ฟาร์มนมของอีกฝ่ายก็อาจจะสร้างชื่อให้แบรนด์โด่งดังไปทั่วโลกได้ ก็ได้มั้ง
“อื้ม ฉันก็ลืมไปเลย ถ้าบอกว่าเป็นรูปพักหน้าจอมือถือง่ายกว่าอีก”
ผ่านมาสี่ถึงห้าปีได้แล้วมั้งที่ดีนไม่ได้เปลี่ยนรูปภาพพักหน้าจอมือถือเลย เคยคิดจะเปลี่ยนแต่ก็ทำใจปลดภาพคู่ของเขาและโรบินออกจากเครื่องไม่ลง เหมือนกับภาพโปรไฟล์เฟซบุ๊กที่ยังไงก็คงอย่างนั้นหลายปีมาจนถึงตอนนี้ ขัดกับอุปนิสัยชอบอัปโซเชียลโดยแท้จนเพื่อนหลายคนแซวว่า ‘ผ่านมาหลายปียังใช้รูปเดิมอยู่เหรอ กลัวจำหน้าไม่ได้หรือไง’ เอาเข้าจริงเขาไม่ได้คิดแบบนั้นเลย แต่กลับคิดถึงคนที่เปลี่ยนชื่อและรูปโปรไฟล์ทุก ๆ หนึ่งอาทิตย์มากกว่า เปลี่ยนบ่อยจนบางทีก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเขาแอดใครมา แต่ก็ไม่เคยคิดจะลบเพื่อน
แล้วดีนก็ขำพรืดตามแมคเคนซีไปอีกคนที่อีกฝ่ายบอกว่าดมหมา
“อื้อใช่ โรบินเป็นหมากลิ่นส้ม” เล่นมุกตอบกลับ เขาพยายามคิดว่าที่หน้าบ้านมีอะไรให้เล่าอีกแต่ก็นึกไม่ออก “ตรงนี้น่าจะไม่มีอะไรให้เล่าแล้วมั้ง เดี๋ยวเราเข้าไปหลังบ้านผ่านประตูเล็กกัน” สองแขนกางออกยื่นมือไปข้างหน้า “แมคซี่ดึงฉันขึ้นมาหน่อย” มีแฟนให้อ้อนก็ต้องอ้อนเยอะ ๆ สิ
@Mackenzie
จับมือคนรักแล้วดึงตัวเองขึ้นมาหยัดยืนเต็มความสูงพร้อมกับหยีตายิ้มกว้างให้
“แมคซี่นายน่ารักที่สุดในโลกเลย ฉันรักนายจัง ปะ ไปดูหลังบ้านกันดีกว่า”
จากนั้นก็จูงมือแมคเคนซีเดินนำเข้าไปยังรั้วหลังบ้าน พื้นที่สวนหลังบ้านของดีนไม่ใหญ่ไม่เล็ก พื้นทางเดินปูด้วยอิฐสีส้มครอบคลุมเกือบจะทั่วพื้นที่ เว้นวงไว้เฉพาะให้ต้นไม้ใหญ่ได้เติบโตแผ่กิ่งก้านสาขา ส่วนพืชพรรณและไม้พุ่มถูกปลูกในกระถางดินเผาอย่างดี ที่เด่นสะดุดตามากที่สุดเห็นจะเป็นดอกเวอร์บีนาสีขาวที่ออกดอกตลอดทั้งปี ที่ส่วนหนึ่งหลังบ้านมีลานกองไฟและโต๊ะล้อมรอบ คาดเดาได้ไม่ยากว่าหนึ่งในกิจกรรมของสมาชิกในบ้านหลังนี้คือการก่อกองไฟย่างบาร์บีคิวในฤดูร้อน และปิ้งมาร์ชเมลโล่พร้อมกับดูดาวในฤดูหนาวเป็นแน่แท้
งานจัดสวนถือเป็นงานอดิเรกหนึ่งของโดนัลด์ ต้นไม้ทุกต้นในบ้านจึงได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ตรงกันข้ามกับไมค์ผู้เป็นสามีที่มีงานอดิเรกสายลุยอย่างการตกปลา ล่าสัตว์ และสะสมปืน
“ส่วนนั่นห้องนอนแขก” ดีนผายมือไปห้องหนึ่งที่มีระเบียงติดกับสวนหลังบ้านพอดิบพอดี “แบบว่าบางทีญาติของพ่อจะมาเยี่ยมก็เลยยังต้องมีห้องนอนแขกอยู่ เอามาทำเป็นห้องอื่นไม่ได้ ตอนไม่มีแขกบางทีฉันก็มานอนกลางวันเล่นที่ห้องนี้แหล่ะ อ้อ ลืมถามไปเลยว่าเราจะนอนห้องไหนดี ถ้าห้องนอนแขกก็จะใหญ่กว่าห้องฉันเยอะเลย”
คิดไปก็น่าตลก ครอบครัวใส่ชื่อดีนเป็นเจ้าบ้านตอนที่เขาอายุยี่สิบเอ็ดปี ทว่าห้องนอนของเจ้าของบ้านกลับเป็นห้องนอนที่เล็กที่สุดในบ้านเสียอย่างนั้น
@Mackenzie
“ไม่รู้สิ แต่สีประจำรัฐเท็กซัสคือสีส้ม ขนาดว่าสีประจำโรงเรียนยังเป็นสีส้มกับน้ำเงินเข้มเลย น่าจะยังมีชุดวอร์มสีนั้นเก็บไว้อยู่มั้ง”
เดาว่าแมคเคนซีน่าจะอยากเห็น หรืออยากให้เขาลองใส่ชุดวอร์มสมัยไฮสคูล แต่ไม่รู้ว่าแม่ยังเก็บมันเอาไว้หรือเปล่าหรือบริจาคให้องค์กรการกุศลไปแล้ว บางทีเขาอาจต้องลองไปหาที่ตู้เสื้อผ้าหรือไม่ก็ห้องเก็บของใต้หลังคา แต่คิดว่าคงจะยัดเอาตัวโต ๆ เข้าไปในชุดวอร์มไม่ได้แล้ว ไม่อย่างนั้นมีหวังได้เห็นฉากตะเข็บเสื้อปริ
“ได้สิที่รัก ที่บ้านฉันไม่ว่าอยู่แล้ว หรือวันไหนขี้เกียจเข้าห้องนอนก็นอนมันห้องรับแขกเลยยังได้”
ดีนหัวเราะ ก่อนที่เขาจะพาอีกฝ่ายเข้าบ้านผ่านทางห้องครัวชายหนุ่มกลับได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังกุกกักมาจากมุมนึงของสวน ในใจหวนคิดไปถึง ‘เจ้านั่น’ ที่เจอตอนกลับมาบ้านก่อนซัมเมอร์
“นึกว่าเผ่นกันไปหมดแล้ว ยังไม่ไปกันสินะ..”
แม้ว่าสัมภาระจะถูกยกเข้าไปเก็บในบ้านแล้วแต่เดมิก็อดทั้งสองยังคงมีอาวุธสัมฤทธิ์อยู่ข้างกายตลอดเวลา ตามที่ไครอนเคยสั่งสอนว่าออกนอกค่ายอย่าได้ปล่อยให้อาวุธอยู่ห่างกาย ถึงที่นี่จะเป็นบ้านของดีน แต่เท็กซัสมันแหล่งกบดานอสุรกายหลากสายพันธุ์อยู่แล้ว แม้ว่าไอ้ตัวที่พวกเขากำลังจะเผชิญหน้าคือก๊อบลินที่คุ้นหน้าก็ตาม
ดีนถือหอกในมือให้มั่นก่อนจะเดินไปยังมุมสวนที่ใบไม้ไหวกระดุกกระดิก เขายื่นหอกเข้าไปเขี่ยพุ่มไม้ ในใจหวังให้มันเป็นแค่แมวหรือตัวตุ่นไม่ใช่อสุรกายที่ทำรังอยู่ใต้บ้าน แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้นเสียแล้ว เพราะตัวที่กระโดดจั๊มป์สแกร์ออกมาเป็นเจ้าตัวเขียวน่ารำคาญไม่ใช่แมวเหมียวข้างบ้าน
“แฮ่!”
“โธ่เว้ย พวกแกนี่มันน่ารำคาญชะมัด คราวนี้เอาไง จะสู้กันหรือว่าจะหนีไปอีก”
ก๊อบลินเขียวมองดีนตัวสั่น แต่เมื่อมันหันไปมองแมคเคนซีเจ้านั่นกลับมีท่าทีเปลี่ยนไป ลิ้นเล็ก ๆ แล่บเลียริมฝีปากอย่างน่าเกลียด จากนั้นเจ้าก็อบกินก็ผิวปากเรียกพวกของมันมาอีกหลายตัว
“กี้!!!”
ก๊อบลินเป็นสิบโผล่มาจากพุ่มไม้ในสวนหลังบ้านทำเอาชายหนุ่มกุมขมับ ให้ตายสิ นี่บ้านเขาเป็นรังก๊อบลินจริง ๆ เหรอ!? โชคดีในความโชคร้ายที่เจ้าพวกนี้จ้องแต่จะกินเดมิก็อดแต่ไม่ทำร้ายคนธรรมดา พวกมันแค่ขโมยอาหารกินนิดหน่อย
“สวนหลังบ้านเละแน่ ๆ แต่ได้เวลาเก็บกวาดแล้ว!”
@Mackenzie
“เกิดอะไรขึ้น!?”
เสียงโครมครามหลังบ้านเรียกให้พ่อและลุงออกมาดู ลุงไมค์เตรียมลูกซองเอาไว้พร้อมดึงรั้งคันชักพร้อมกับลั่นไก ภาพที่ทั้งสองเห็นคือลูกหลานและแฟนหนุ่มกำลังสัประยุทธ์กับกระรอกและฝูงหนูท่อตัวเขื่องนับสิบด้วยท่อแป๊บและตะกร้อตีแป้ง ทั้งสองถึงกับต้องขยี้ตามองอีกครั้ง
ก็ว่าอยู่ทำไมดีนกับแมคเคนซีถึงพกของแปลก ๆ ติดตัว ก็ว่าจะทัก มันเอาไว้ทำแบบนี้เองสินะ…
ใครสักคนหรือทั้งคู่อาจจะคิดเช่นนี้อยู่ แต่ไม่กล้าถาม และตอนนี้ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับสถานการณ์ตรงหน้าดี ใช้ลูกโม่กับหนูสกปรกก็ดูจะรุนแรงไปเสียหน่อย ผู้ปกครองทั้งสองจึงได้แต่เกาะขอบประตูดูแบบนั้น
“ไม่มีอะไรครับพ่อ มันอันตราย รีบเข้าไปหลบในบ้านเร็ว!”
ดีนตะโกนบอกทั้งสองที่แอบมองจนพ่อและลุงยอมเข้าไปในบ้านดี ๆ เรื่องนี้เอาไว้อธิบายกันทีหลัง ๆ จากกำจัดก๊อบลินพวกนี้หมด
ด้วยสัญชาตญาณและประสบการณ์การต่อสู้อันเกือบโชกโชน ถ้าพูดให้โม้แบบการ์ตูนโชเน็นก็คงบอกว่า ‘จิตวิญญาณของเขาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับหอกไปแล้ว’ ก็ไม่เกินจริงเท่าไร เพราะว่าดีนควงหอกพุ่งจ้วงแทงอสุรกายตัวเขียวได้อย่างมั่นคงและแม่นยำแม้ว่าก๊อบลินจะกวนโอ๊ยวิ่งกระโดดไปมาจนยากหาตัวจับ แต่สวนมันก็มีแค่นี้ถ้าพวกมันตัดสินใจที่จะสู้แทนหนีก็ไม่มีทางหลบพ้น ก๊อบลินเขียวราวสิบตัวถูกจัดการลงอย่างรวดเร็วเหลือเพียงตัวสุดท้ายที่ดูท่าทางจะเก๋าเอาเรื่อง
“กี้!!”
มันควงดาบเล็ก ๆ ไซส์เดียวกับมีดพร้าเข้าหา ดีนเบี่ยงตัวหลบก่อนที่จะพุ่งหอกแทงงัดร่างเล็กลอยหลา มันดิ้นทุรนทุรายบิดกายไปมาอย่างเจ็บปวด และเมื่อดีนทุ่มหอกลงพื้นจ่าฝูงก๊อบลินก็สลายกลายเป็นผงเหมือนถูกดีดนิ้วเหลือแต่เพียงสินสงครามเป็นโหลทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า
“แฮ่ก.. เวรเอ๊ย มีอีกไหมเนี่ย!”
ดีนสบถพร้อมกับยกแขนเสื้อขึ้นปาดเหงื่อ มือหนึ่งค้ำหอกกรีกกับพื้นศิลาสีแดง บอกตามตรงว่าคืนนี้ถ้าไม่กำจัดเจ้าก๊อบลินจอมป่วนให้หมดไปจากบ้านคงนอนไม่หลับ
บานประตูห้องครัวเปิดแง้มอีกครั้งแล้วพ่อกับลุงก็ค่อย ๆ โผล่หน้าออกมาดู
“ดีน แมค เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นน่ะ หนูงั้นเหรอ?”
โดนัลด์เอ่ยถามอย่างงุนงง เขารับรู้ปัญหาของบ้านที่อยู่อาศัยอยู่ทุกวันนี้ดีน มีรังหนูอยู่ใต้บ้าน บางทีก็เห็นมันแอบเข้ามาขโมยอาหารในครัวจากนั้นก็วิ่งหลบหนีเข้าไปในสวนหลังบ้าน จ้างบริษัทกำจัดหนูและแมลงมาดูแล้วแต่ก็จับหนูดังกล่าวไม่ได้สักตัวจนแทบจะยอมแพ้ แล้วไหงหนูพวกนั้นที่มักจะหลบคนถึงได้เกิดอาการคุ้มคลั่งไล่กัดลูกชายกันได้นะ
หรือว่าจะผิดกลิ่น?
ยังไม่ทันได้ตอบคำถามอะไรไข่เหลืองก็วิ่งมุดประตูออกมาท่าทางของมันเหมือนได้รับแรงกระตุ้นบางอย่างให้คึกคัก แต่ในยามที่มันถูกเวทมนตร์บังตาก็ไม่ต่างจากลูกหมาเชาเชาซุกซนตัวหนึ่ง ออมเล็ตเหมือนจะเจืออะไรบางอย่างอยู่ที่มุมรั้วจึงขุดดินใหญ่ อาจดมกลิ่นของก๊อบลินได้มั้ง แต่ตอนนี้ดีนต้องตอบพ่อก่อน
“เอ่อ.. ครับ ใช่ หนู ไม่มีอะไรแล้วพ่อกับลุงไว้ใจได้เลย”
ถึงทุกคนในครอบครัวจะรู้ว่าเขาเป็นเดมิก็อดแล้วต้องต่อสู้พิชิตอสุรกายมากมายเฉกเช่นวีระบุรุษในตำนาน แต่ตอนนี้บอกพ่อกับลุงไม่ได้หรอกว่าหนูที่เข้าใจกันมานานความจริงแล้วมันเป็นปีศาจตัวจิ๋วไม่ใช่สัตว์ตามธรรมชาติ อย่างน้อยก็จนกว่าจะกำจัดก๊อบลินให้ตายยกรังจนหมดสิ้น
“อ๊าววว งั่บ! งั่ม ๆๆๆๆ”
“กี้!! แก๊กกกกก”
หันไปมองทางสัตว์เลี้ยงอีกทีก็เห็นว่าออมเล็ตฟัดก๊อบลินตัวหนึ่งที่ยังเหลือรอดไม่ก็ขึ้นจากหลุมมาใหม่ แล้วก็เห็นว่านีเมียนน้อยของเขาฉีกกระชากร่างเขียว ๆ แล้วเคี้ยวหงับ ๆ ดีนก็ลืมไปเลยว่าตอนนี้มันคงหิวจนตาลาย เขาไม่ทันได้เห็นภาพสยดสยองแบบในสารคดีเนชั่นแนลจีโอกราฟิกเพราะเบือนหน้าหนีไปก่อน แต่ก็พอจะนึกสภาพออกเลย
‘ไอ้นั่นมันกินได้ด้วยสินะ… แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน’
“ออมเล็ต คืนนี้ฝากแกเฝ้าสวนหน่อยนะ ถ้าเจออะไรเขียว ๆ ก็ซัดได้เลย”
“อ๊าววว” ออมเล็ตขานรับพร้อมกับเลียมุมปาก จากนั้นมันก็ทำจมูกฟุ้ดฟิ้ดเพื่อหาเหยื่อตัวต่อไป
“แมคซี่ นายไม่เป็นไรใช่ไหม?” ตอนต่อสู้มัวแต่พัลวันจนไม่ได้มองคนรัก เขาไม่ได้กลัวว่าอีกฝ่ายจะถูกทำร้ายเพราะก๊อบลินมันกากเกินไป กลัวก็ได้อีกฝ่ายจะได้รับบาดเจ็บจากหอกของตนตอนที่ออกลวดลายไล่ฟาด “ฉันว่าเราเข้าบ้านกันก่อน ตรงนี้ปล่อยให้ไข่เหลืองจัดการ”
หลังจากสำรวจร่างกายคนรักว่าไม่ได้รับบาดแผลก็โอบคออีกฝ่ายเข้าบ้านกันไป
@Mackenzie
คล้ายอยากถามแต่ไม่ยังไม่กล้าถามเพราะลูกชายของบ้านดูมีบางอย่างที่อยากปกปิด
โดนัลด์กับไมค์พยายามไม่คิดว่าสัตว์คลั่งเมื่อกี้เป็นไอ้สิ่งที่ดีนเคยบอกว่าพวกมันตามรังควานชีวิตเขา ใช่… หมายถึง ‘อสุรกาย’ นั่นแหล่ะ ไม่รู้ว่ามันคือตัวอะไร ปีศาจหนูอย่างนั้นเหรอ? แล้วถ้าเป็นแบบนั้นจริงการปล่อยให้เจ้าออมเล็ตลูกหมาน้อยน่ารักอยู่กับปีศาจหนูและปีศาจกระรอกมันจะปลอดภัยอย่างนั้นหรือ? แต่ไม่แน่ว่าออมเล็ตเองก็อาจจะไม่ธรรมดา ลูกชายอยู่ค่ายฮาล์ฟบลัดอะไรนั่นที่เป็นศูนย์รวมสิ่งพิลึกกึกกือเหนือธรรมชาติจะไปหาสัตว์เลี้ยงมาจากไหน ไม่แน่มันอาจเป็นสุนัขเทพอะไรแบบนี้ เหมือนจะเคยมีตำนานเรื่องดาวซิริอุสที่เป็นสุนัขล่าเนื้อของนายพราน ไม่แน่ว่าออมเล็ตต้องเป็นแบบนั้นแหล่ะ.. ต้องเป็นแบบนั้นแน่นอน
เมื่อทุกคนพร้อมรับประทานมื้อเย็นแล้ว เนื้ออบถาดใหญ่ก็ถูกเสิร์ฟลงบนโต๊ะ มันไม่ใช่อาหารท้องถิ่นของอเมริกัน แต่หากเป็นชาวอังกฤษอย่างแมคเคนซีต้องรู้จักอย่างแน่นอน เนื้ออบวันอาทิตย์ที่นิยมรับประทานกับครอบครัวหลังจากเข้าโบสถ์ ทานแนมกับเครื่องเคียงมากมาย อาทิ ยอร์กเซียร์พุดดิ้ง และผักต่าง ๆ ที่ย่างเนยมาจนหอมกรุ่น โดยมีซอสเกรวี่สูตรพิเศษรับประทานคู่กัน นอกจากนี้ยังมีกะหล่ำดอกอบชีสเพิ่มคาร์โบรไฮเดรตให้ทานกันจนพุงตึง
“โอ้โห มื้อใหญ่เป็นบ้า อะไรกันครับเนี่ย!” ดีนมองอาหารบนโต๊ะด้วยดวงตาลุกวาว ผิดคาดไปเสียหน่อย เขาคิดว่าพ่อจะจัดหนักอาหารอเมริกันหรือไม่ก็ของทอดที่ถนัดทำเสียอีก
“ซันเดย์โรสต์ เห็นเขาว่าคนอังกฤษชอบกินเมนูนี้กันวันอาทิตย์” โดนัลด์หันไปยิ้มให้แมคเคนซี ภาพในหัวของคุณพ่อชาวอเมริกันที่มีต่อคนอังกฤษคงไม่พ้นกินซันเดย์โรสต์แล้วก็ดูพรีเมียร์ลีคในคืนวันอาทิตย์เสียล่ะมั้ง
“โดนัลด์ซุ่มทำเมนูนี้เป็นเดือนตอนที่แกบอกจะกลับบ้าน ฉันน่ะกินซ้ำ ๆ จนหน้าจะกลายเป็นเดวิด เบคแฮม” ไมค์หัวเราะอันที่จริงเขาก็มีความหล่อแพ้เบคแฮมไปนิดเดียว จากนั้นลุงก็ยื่นเบียร์เท็กซัสเย็นฉ่ำให้แก่ดีนและแมคเคนซี “ลองหน่อยไหม ของดีจากเท็กซัสเชียวนะ”
“ขอบคุณครับลุง” ดีนรับกระป๋องเบียร์มาเปิดออกในทันที นี่สิเป็นมื้อเย็นที่ดีสุด ๆ แล้วก็ไม่ลืมจะหันไปแซวคุณพ่อบุญธรรมของตัวเอง “พ่อก็ไม่ค่อยจะเห่อลูกเขยเลยนะ อืม.. ฉันนึกศัพท์ไม่ออก ใช้คำนี้แทนได้ไหม?” แล้วจึงหันไปยิ้มให้แก่เมคเคนซี “แล้ว… ว่าแต่.. แม่ล่ะ ไม่ต้องรอแม่เหรอ?”
“อ้าว มาเรียนน่าไม่ได้บอกลูกเหรอว่าติดงานช่วงนี้พอดี แต่ว่าเธอกลับมาทันแตงส์กิฟวิ่งเดย์นะ ลูกอยู่ยาวถึงช่วงนั้นเลยนี่” โดนัลด์ตอบ
“แม่น่าจะบอกแหล่ะ แต่ว่าผมไม่ได้เช็คเมลเลยหลัง ๆ มานี้” หลังจากที่ปริ้นท์ใบจองตั๋วรถไฟเสร็จดีนก็ลาก่อนบ้านเฮอร์มีส แล้วใช้ชีวิตแบบโนโซเชียลมาเป็นอาทิตย์ ๆ บางทีแม่คงส่งข้อความมาแล้วแต่ว่าเขาไม่ทันได้ดูเองแหล่ะ “ใช่พ่อ ความจริงผมอยู่ยาวยันเคาท์ดาวน์ปีใหม่เลยก็ได้นะ” พูดทีเล่นทีจริง แต่คนว่างงานจะกลับไปค่ายเมื่อไรก็ได้อยู่แล้ว ถ้าไม่ต้องรอแม่ก็ไม่รีรอที่จะส่งชิ้นเนื้อเข้าปาก “อื้ม อร่อย! พ่อก็มีฝีมือทำอาหารอังกฤษนะเนี่ย”
ดีนยกนิ้วโป้งชมคุณพ่อบุญธรรมของตัวเอง ก่อนจะลากเนื้อชิ้นโตที่หั่นแล้วใส่จานแมคเคนซี
“ลองชิมดูสิที่รัก รสชาติแบบนี้เหมือนต้นตำหรับหรือเปล่า”
@Mackenzie
พ่อทำส้อมร่วงจากมือ ส่วนดีนยกเบียร์ขึ้นจิบพอดีถึงกับสำลัก “แค่ก ๆ นายนี่มัน..”
หาคำพูดมาบรรยายต่อไม่ได้ จากคำพูดที่แมคเคนซีล้อเล่น ความจริงแล้วถ้าโดยนิตินัยก็ถือว่ายังไม่ใช่ แต่ถ้าโดยพฤตินัยก็เรียบร้อยไม่มีเหลือ ดีนไม่ได้ตกใจที่พ่อกับลุงรู้เรื่องนี้ อันที่จริงก็เคยปรึกษาเรื่องการเตรียมตัวของผู้ชายกับผู้ชายกับทั้งสองมาก่อนในช่วงที่รู้จักกับหนุ่มอังกฤษใหม่ ๆ (ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีทางบอกแมคเคนซีหรอก ใครจะไปบอกกัน!) แต่ที่ตกใจก็คือ.. หมอนี่ช่างกล้าออกตัวแรงต่อหน้าพ่อกับลุง ทั้งสองคงไม่คิดอะไรมาก แต่ยังไงก็เถอะ หมอนี่มันร้ายจริง ๆ
“อะแฮ่ม..” โดนัลด์กระแอมปรับอารมณ์และสีหน้าจากที่ตกใจเมื่อกี้นี้ ปรับโหมดกลับมาเป็นคุณพ่อแสนดีเช่นเคย “ถ้าอร่อยก็กินเยอะ ๆ”
แล้วมื้ออาหารเย็นอันแสนสุขสันต์ก็ดำเนินต่อไปจนทั้งสี่อิ่มหนำสำราญจากเนื้ออบแสนอร่อยและเบียร์เท็กซัสที่ลุงซื้อตุนไว้เป็นโหล ๆ ดีนพยายามทำตัวไม่ให้เมามากเพราะตระหนักได้ว่ามีฝูงก๊อบลินอยู่ที่หลังบ้านของตนเอง
คุณพ่อเป็นคนทำอาหารแล้ว คนเป็นลูกจึงขันอาสาที่จะช่วยเก็บล้างจานชามให้จนเสร็จจากนั้นก็เปิดประตูรับออมเล็ตที่ออกล่าเหยื่อเป็นครั้งแรกให้กลับเข้ามานอนในบ้าน บนเบาะนอนอันแสนอบอุ่น ที่สวนเงียบกริบหากก๊อบลินไม่ถูกหม่ำยกฝูงไปแล้วก็เป็นไปได้ว่าพวกมันหนีหางจุกตูดไปกันหมด กระนั้นก็ยังวางใจไม่ค่อยได้อยู่ดี
“ฉันคิดว่าวันนี้เราควรจะนอนที่ห้องนอนแขกกัน อย่างน้อยก็ให้แน่ใจว่าถ้ามีก๊อบลินโผล่มาอีกจะรื้อสวนกันใหม่ ส่วนห้องนอนฉัน.. เก็บไว้เซอร์ไพรส์นายวันอื่นดีไหม?”
ดีนกล่าวพลางหัวเราะ อันที่จริงถึงก๊อบลินจากไปแล้วแต่ก็ควรปรับปรุงสวนหลังบ้านใหม่อยู่ดี อย่างน้อยก็อุดช่องทางที่พวกมันจะเข้ามาทำรังจากร่องรอยกลิ่นเดมิก็อดที่หลงเหลืออยู่
@Mackenzie
“โอเค ถ้างั้นฉันว่าคืนนี้เรารีบเข้านอนกันดีกว่า ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้เราต้องรับมือกับอะไรบ้าง หรือไม่แน่ว่าต้องรับมือตั้งแต่คืนนี้”
ได้แต่เบะปาก รู้สึกแย่ชะมัดที่พาอีกฝ่ายมาเจออะไรก็ไม่รู้ที่บ้านตัวเองที่ควรจะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยมากที่สุด แต่มันก็เป็นบทเรียนที่ดีในฐานะเดมิก็อดที่มีแผนจะออกมาใช้ชีวิตอยู่นอกค่ายฮาล์ฟบลัดที่ไม่มีรูปปั้นของเทพีอะธีน่ามาปล่อยแสงเลเซอร์ออกจากตา ยิงใส่อสุรกายที่พยายามกกร้ำกรายเข้ามาในอาณาเขต ไม่มีพลังของขนแกะทองคำที่มีม่านพลังปกป้องค่าย แต่ว่าพวกเขาจะต้องรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ให้ได้เหมือนกับรุ่นพี่คนอื่น ๆ ใช้ชีวิตกันมา
แต่ก็รู้เลยว่าทำไม ทีน่า แซนโดวาล ถึงไม่ยอมออกไปใช้ชีวิตนอกค่ายเหมือนคนโตคนอื่น ๆ
ดีนลากกระเป๋าสัมภาระทั้งหมดมาไว้ในห้องนอนแขกอันกว้างขวางที่ตั้งในปีกหนึ่งของบ้าน การตกแต่งเป็นสไตล์เรียบง่ายแต่อบอุ่น ไม่ได้มีเฟอร์นิเจอร์อะไรตั้งอยู่มากมายที่สะดุดตาเห็นจะเป็นเตียงกว้างหกฟุตตั้งอยู่กลางห้อง และชุดโซฟาเล็กที่ตั้งอยู่ริมระเบียงที่เดินทะลุออกไปยังสวนหลังบ้านได้ สิ่งที่กั้นขวางระหว่างพวกเขาและฝูงก๊อบลินมีเพียงแค่ประตูกระจกบานเลื่อนและผ้าม่านเนื้อบางกั้นแสงอาทิตย์ แต่ให้ตายสิตอนนี้จะสี่ทุ่มอยู่แล้วแสงสว่างยังส่องแสงทะลุม่านรำไรอยู่เลย คงไม่มีที่ไหนที่มืดสนิทเหมาะแก่การนอนหลับไปกว่าห้องนอนของบ้านเฮคาทีอีกแล้ว
“หวังว่าคืนนี้เราจะนอนหลับกันดีนะ..”
อุปสรรคมีหลายอย่างเสียเหลือเกินให้ตายสิ! สองวันมานี้ก็นอนบนรถไฟหลับได้ไม่ค่อยสนิทเท่าไรทำเอาเพลียไปหมด อยากฝังตัวลงไปนอนบนเตียงนิ่ม ๆ เต็มแก่
“ห้องน้ำต้องออกไปใช้ห้องน้ำที่ชั้นหนึ่งล่ะ แต่ก็อยู่ติดกันนี่เอง” ดีนเดินเข้าไปหาแมคเคนซี มือกร้านโอบเอวสอบรั้งเข้าหา ดวงตาช้อนมองคนที่สูงกว่าหนึ่งนิ้ว “คืนนี้สนใจอาบน้ำด้วยกันไหมที่รัก”
@Mackenzie
ถึงแม้ฟ้าจะสว่างแต่แล้วยังไง ในเมื่อหัวใจเต้นตึกตักเมื่อได้รับสัมผัสที่อบอุ่นจากมือประคองใบหน้ารวมทั้งลมหายใจที่ปะผิวแก้ม
“ห้องน้ำบ้านฉันจะเก็บเสียงได้ไง นายต้องอาบน้ำเบา ๆ หน่อยนะที่รัก”
กดปลายจมูกโด่งไปที่สันจอนประทับริมฝีปากจูบยังสันกรามได้รูปก่อนจะผละออกมา ตอนนี้อยากกระโจนขึ้นเตียงเสียยิ่งกว่าไปอาบน้ำ แต่เมื่อกี้บู๊หนักกับฝูงก๊อบลินมา ไม่ล้างตัวสักหน่อยคงไม่ไหว เปิดกระเป๋ารีบหยิบอุปกรณ์อาบน้ำและผ้าเช็ดตัวอย่างลวก ๆ ส่วนชุดนอนคืนนี้คงไม่จำเป็น
ไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธ (ส่วนนึงรู้ว่าแมคเคนซีคงไม่ปฏิเสธ) ดีนจูงมือของแมคเคนซีออกจากห้องนอนแขกแล้วเข้าห้องน้ำไปด้วยกัน
@Mackenzie

สินสงคราม: หมวกก็อบลิน 12 หน่วย และดาบก็อบลิน 11 หน่วย (LUK50+)
|