[รัฐอิลลินอยส์] ชิคาโก

[คัดลอกลิงก์]

หากท่านเป็นกึ่งเทพผู้หลงทาง สามารถสมัครสมาชิกเข้าร่วมกับเราได้ที่นี่ https://t.me/+etLqVX17bGg5ZjBl

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา ลงทะเบียน

×



Chicago, The U.S. state of Illinois

ชิคาโก, รัฐอิลลินอยส์









ชิคาโก เมืองที่ถูกขนานนามว่าเป็น นครแห่งสายลม

เนื่องจากชิคาโก ตั้งอยู่บนฝั่งทะเลสาบมิชิแกน รัฐอิลลินอยส์ บริเวณมิดเวสต์ของอเมริกา

ที่มีสายลมพัดผ่านตลอดทั้งปี ทำให้ที่นี่มีอากาศดีอยู่ตลอดเวลา

และชิคาโกถือเป็นเมืองที่ดีที่สุดในสหรัฐ มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ

มีความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรม ทั้งวัฒนธรรมเกี่ยวกับการดนตรี ท่องเที่ยว

การฟังเพลง อาหารและการใช้ชีวิต เป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจอยู่ตลอดเวลา






แสดงความคิดเห็น

God
โพสต์ 6715 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-10-29 05:56
โพสต์ 2024-11-12 11:02:54 | ดูโพสต์ทั้งหมด
231
แวะกินพิซซ่าชิคาโก

               2/11/2024 - 6.00 น.~

               เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นอย่างสดใสราวกับเที่ยงวัน จนตอนนี้ไม่รู้เลยว่าควรจะเรียกช่วงเวลาหกนาฬิกาว่า ‘เช้า’ อยู่ได้ไหม?

               มือที่นอนจับกันตั้งแต่เมื่อคืนไม่คลายออก เกือบจะโรแมนติกอยู่แล้วเชียวถ้าไม่มีอีกเสียงหลายชีวิตเคลื่อนไหวภายในตู้ขบวนรถไฟเดียวกันอย่างจ้อกแจ้กจอแจก่อนหน้าพวกเขาจะตื่นกันเสียอีก จากที่บอกว่า ‘จะตื่นขึ้นมามองหน้านาย’ ก็ทำได้เพียงแค่สิบวินาที แล้วก็ได้เวลาเตรียมตัวเตรียมสัมภาระให้พร้อมก่อนที่ขบวนรถไฟจะเทียบชานชาลาที่ยูเนียนสเตชั่นเมืองชิคาโกในเวลาอีกครึ่งชั่วโมง

               “แมคซี่ ได้เวลาตื่นแล้ว รถไฟจะถึงชิคาโกแล้ว”

               สะกิดปลุกคนรักที่ดูเหมือนไม่ชินกับการตื่นเช้า ให้ล้างหน้าแปรงตอนนี้คงไม่ทันการ เอาไว้ค่อยไปจัดการตัวเองที่ห้องน้ำสาธารณะของสถานีรถไฟ

               เมื่อรถไฟเทียบชานชาลาผู้โดยสารต่างทยอยลงรถไฟไปจนหมดเพราะเป็นปลายสถานีสำหรับการต่อรถไฟไปยังสถานที่อื่น ๆ ด้วยความที่ดีนและแมคเคนซีมีสัมภาระเพิ่มเติมคือสัตว์เลี้ยงพวกเขาจึงไม่รีบร้อนปล่อยให้คนอื่น ๆ ลงไปก่อนแล้วจึงค่อยลงมาตาม

               “ฮึบ~ ถึงจะได้นอนดี ๆ แต่ก็อดเมื่อยไม่ได้เลยแฮะ”

               ลงจากรถไฟมาได้ก็บิดขี้เกียจยืดเส้นยืดสายสักหน่อย

               “รอสายเท็กซัสอีเกิลมาตอนสิบโมงล่ะ ตอนนี้พวกเรามีเวลาตั้งสามชั่วโมงกว่า ไปล้างหน้าล้างตากันก่อนแล้วค่อยหาอะไรกินกัน ชิคาโกมีอะไรขึ้นชื่อบ้างนะ”

               พูดแบบนี้หมายความว่าไม่อยากรอจับเจ่าอยู่แค่ในสถานีรถไฟแต่อยากออกไปเซอร์เวย์ละแวกนี้ด้วย เพราะชิคาโกขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มีอาหารอร่อยที่สุดในอเมริกาเลยนี่นา แว้บนึงที่ดีนคิดขึ้นมาได้

               “รู้แล้ว! พิซซ่าสไตล์ชิคาโกยังไงล่ะ! เดี๋ยวเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วไปหากินกันเถอะ!”

               แววตาสีเปลือกไม้เป็นประกายสดใสราวกับเด็กสิบขวบที่เพิ่งเคยมาทัศนศึกษาต่างเมืองก็ไม่ปาน

               @Mackenzie

               “สปาเหรอ น่าสนใจ มีร้านนวดไทยในตัวเมืองซานอันโตนิโอ ฉันเคยไปนวดมาจากที่นั่นแหล่ะ ถ้างั้นไว้สักวันเราไปกันนะ จดลงไปในลิสต์เพิ่มล่ะหนึ่ง”

               ลากกระเป๋าออกจากชานชาลา ไถ่ถามเจ้าหน้าที่ว่าแถวนี้มีร้านพิซซ่าชิคาโกเด็ด ๆ บ้างไหม ดีนไม่ได้เสิร์จหาข้อมูลเองเพราะว่าไม่อยากเสี่ยงรับมืออสุรกายที่น่าจะเป็นตัวตึงกว่าตัวที่ไทย

               “ร้านพิซซ่ามีที่สถานีค่ะ คุณไปทางนี้…….”

               เจ้าหน้าที่บอกทางอย่างสุภาพ ในที่สุดก็ได้กินพิซซ่าชิคาโกที่ร่ำลือหนักหนาว่าเด็ดเสียทีนึง เอาจริงมีแว้บหนึ่งด้วยซ้ำที่ดีนคิดว่า ‘จะมีร้านพิซซ่าเปิดตอนเจ็ดโมงเช้าด้วยเหรอ?’ ปรากฏว่ามีแฮะ ดูเหมือนเทพแห่งดวงจะเข้าข้างเขาอยู่ ไม่สิ.. บางทีดีนนี่แหล่ะที่เป็นเทพแห่งความโชคดี

               ทั้งสองจึงไปตามทางที่เจ้าหน้าที่บอกจนเห็นร้านดังกล่าวอยู่ในชั้นล่างของสถานี

               “นั่นไงร้านอยู่ตรงนั้น ถ้างั้นเดี๋ยวเราไปเข้าห้องน้ำแล้วกินกัน นายตื่นเต็มตาหรือยังแมคซี่”

               หันไปมองใบหน้าคนรักก็หัวเราะน้อย ๆ แม้รอบดวงตาจะดำคล้ำแต่ก็ยังดูหล่ออยู่เสมอ

               @Mackenzie

               “เป็นร้านเดียวกันแหล่ะ จองไว้ก็ดีนะเผื่อร้านติดลูกค้าเยอะ” ดีนกล่าว

               ทว่าการไปย่านนั้นไม่ได้มีความยุ่งยากอะไรเลยเพราะร้านตัดผมของพ่อและลุงก็อยู่ระแวกนั้น ค่อยติดรถไปตอนสาย ๆ ก็ยังได้

               “โอเคเลยที่รัก ไม่ก็.. ต้องรอให้ถึงรถไฟ พวกเรายังต้องรอที่ชานชาลาอีกสามชั่วโมง ระหว่างนั้นนายก็งีบ”

               หรือไม่พอได้ล้างหน้าล้างตาและได้ความเย็นสดชื่นจากยาสีฟันรสมินต์ก็อาจจะทำให้หายง่วงเป็นปลิดทิ้งแล้วก็ได้ ส่วนคนที่ตื่นเต็มที่อย่างดีนพอได้แปรงฟันแล้วก็ยิ่งรู้สึกสดชื่นและสะอาดขึ้นยิ่งกว่าเก่า เมื่อหมดธุระกับการเข้าห้องน้ำพวกเขาก็ตรงดิ่งไปที่ร้านพิซซ่าที่เปิดอยู่ไม่ไกล

               คงเพราะเป็นร้านที่เปิดในสถานีรถไฟใหญ่ของเมืองล่ะมั้งร้านถึงได้เปิดแต่เช้าตรู่ โดยทั่วไปแล้วคงไม่มีใครรับประทานพิซซ่าเป็นมื้อเช้ากัน ร้านอื่น ๆ จึงเปิดให้บริการในช่วงสาย ตัวร้านไม่มีที่นั่งให้บริการมีเพียงแค่เคาน์เตอร์และตู้กระจกใส่พิซซ่าที่เรียงยาวอยู่หน้าร้านเพียงเท่านั้น ซึ่งพิซซ่าที่วางเรียงรายโชว์หราทำเอาชายหนุ่มที่เพิ่งรับประทานแมคแอนด์ชีสชืด ๆ มาเมื่อคืนน้ำลายสอ

               “น่ากินเยอะชะมัด ถ้าสั่งมาหลายอันจะกินหมดไหมเนี่ย”

               ถ้าจะสั่งไปเพื่อเผื่อเป็นมื้อกลางวันบนรถไฟก็ไม่คุ้มกัน เพราะหลังจากนี้พวกเขาจะได้รับประทานอาหารสุดหรูที่คิดราคารวมในแพ็กเกจรถไฟไปแล้วเนี่ยสิ เพราะงั้นต้องตัดใจเลือกอย่างระมัดระวังไม่ให้เกินสองชิ้น แถมยังต้องกินสลัดเพื่อกระตุ้นลำไส้อีกด้วย

               “สลัดไก่หนึ่ง แพนซูพรีมสไลซ์หนึ่ง แล้วก็แพนไส้กรอกเบค่อนอีกหนึ่งครับ ทั้งสองหน้าขอเพิ่มพาเมซานชีสด้วย” หลังจากเลือกได้แล้วก็เงยหน้าสั่งกับแคชเชียร์ สั่งแบบที่คนรักสุขภาพ (แบบใด) เขาสั่งกัน

               @Mackenzie

               “นั่นสิ ฉันกินหมดหรือเปล่า แต่ก็อยากลองหลาย ๆ รสนี่นา”

               จ่ายเงินรอรับอาหารแล้วก็ต้องไปหาที่นั่งกิน ตอนนี้ดีนกำลังคิดว่าจะกลับไปรอแถว ๆ ชานชาลาดีหรือเปล่านะ ที่นั่นพอจะมีที่ว่างอยู่

               “ไปหาที่นั่งที่ไหนดีล่ะแมคซี่ เดินหาแถว ๆ นี้หรือจะกลับไปที่ชานชาลาดีล่ะ?”

               ยังไงก็มีเวลาอีกเยอะแยะ เดินไปเดินมาก็ไม่เสียหาย ติดแค่ว่าพวกเขาสัมภาระเยอะเท่านั้นเอง

               @Mackenzie

               “อืม ใช่ แต่ไม่รู้ขากลับได้มาเปลี่ยนสายที่นี่กี่โมงเนี่ยสิ ถ้ามาตรงกับช่วงที่ปิดร้านก็เซ็งเลย”

               ดีนตอบกลับ จากนั้นเขาก็มองไปที่โซนม้านั่งที่แทบไม่มีใครนอกจากคนไร้บ้านชายหญิงคู่หนึ่งที่จับจองแทนที่นอน ดีนไม่ได้รังเกียจคนไร้บ้าน แต่เขาเคยมีความทรงจำไม่ดีกับพวกขี้ยาที่สถานีรถไฟใต้ดินนิวยอร์กเลยรู้สึกคนกลุ่มนี้นิดหน่อย หากไม่มาสร้างความเดือดร้อนต่อกันก็ถือว่าอยู่ร่วมกันในสังคมได้

               พอได้ที่นั่งก็จัดแจงเปิดห่ออาหารเตรียมรับประทาน ทว่าชายหนุ่มได้ยินเสียงที่เปล่งออกมาคล้ายสื่อกระแสจิตมากกว่าเสียงทางกายภาพ

               「กลิ่นพวกเดมิก็อด….」

               「หอมเหลือเกิน ฆ่าพวกมันทิ้งแล้วกินเลยได้ไหม」

               “หา?”

               เมื่อเงยหน้าขึ้นมาชายหนุ่มก็เห็นเงาขนาดใหญ่พาดผ่าน ด้านหนึ่งของค้อนเหล็กทุบลงมากลางวงอาหาร ด้วยสัญชาตญาณนักสู้ทำให้ดีนกระโจนหนี และเหมือนว่าแมคเคนซีคนรักของเขาก็จะหลบได้เหมือนกัน แต่สิ่งที่หลบไม่พ้นนั่นก็คือถุงพิซซ่าที่ซื้อมา

               “ตาเถร!!”

               ดีนอุทาน เมื่อเขาหันมองอีกทีก็เห็นว่าไซคลอปส์ตัวใหญ่หยิบชิ้นพิซซ่าของเขา (อันที่จริงก็ระบุไม่ได้ว่าเป็นของดีนหรือว่าแมคเคนซี) ขึ้นมากินหมดในคำเดียว

               「อาหย่อย」

               “หนอยแน่แก นั่นมันพิซซ่าฉ้านนนน!!!”

               อะไรก็ไม่โกรธเท่าโดนแย่งของกิน ดีนม้วนตัวไปที่กระเป๋าเดินทางก่อนจะหยิบเอาหอกสัมฤทธิ์ที่ใส่ปลอกผ้าเอาไว้ดูไม่ใช่วัตถุต้องสงสัยออกมา เมื่อตั้งหลักได้ชายหนุ่มก็กระหน่ำแทงไปที่ไซคลอปส์ตัวนั้นรัว ๆ ด้วยความโมโห เขาจะล้างแค้นแทนแพนพิซซ่าชิ้นนั้นให้สาสมใจไม่ว่าไซคลอปส์โง่นั่นอาจเป็นลูกพ่อเดียวกันกับเขาเองก็ตาม

               การต่อสู้นั้นปลุกเร้าสัญชาตญาณของออมเล็ตมันจึงพยายามตะกุยกระเป๋าใส่สัตว์เลี้ยงออกมา แม้ว่าเขี้ยวและเล็บของราชสีห์นีเมียนจะคมกริบ แต่ก่อนเดินทางดีนใช้ตะใบสัมฤทธิ์ฝนเล็บทั้งสิบแปดนิ้วจนกุดทำให้ไม่สามารถหลุดออกมาจากกระเป๋าใส่สัตว์ได้

               「เอื้อ!」 ไซคลอปส์อีกตัวถูกแมคเคนซีจัดการได้อย่างรวดเร็ว ร่างของมันกลายเป็นฝุ่นผงไปก่อนไซคลอปส์ตัวใหญ่ จนเจ้าตัวที่ต่อสู้อยู่กับดีนร่ำร้องด้วยความเสียใจ (?) 「เมียจ๋าาาา」

               “แล้วแกก็จะได้ตามมันไปอีกตัว!”
               
               หอกสัมฤทธิ์ที่ใช้สำหรับพิฆาตอสุรกายโดยเฉพาะแทงสวนไปในดวงตาเพียงหนึ่งเดียวของเจ้ายักษ์ มันร้องโหยหวนก่อนที่ร่างกายจะแตกสลายกลายเป็นผง เหลือเพียงแค่ดวงตาไซคลอปส์ติดปลายหอกทิ้งไว้เป็นสินสงคราม

               หลังจากสิ้นสุดการต่อสู้ชายหนุ่มสายเลือดโพไซดอนทรุดนั่งลงกับพื้นก่อนจะโอดครวญด้วยน้ำเสียงทรมาณ (?)

               “พิซซ่ากับสลัดตกพื้นหมดเลยอ่า!!!”

               ดีนะที่ไม่มีคนอยู่แถวนี้…  

               @Mackenzie

               “ฉันไม่เป็นไร แล้วนายล่ะแมคซี่”

               ฮึบเอาไว้ก่อนจะไปสำรวจคนรัก เหมือนมีแผลถลอกนิดหน่อยไม่จำเป็นต้องใช้อาหารเทพในการเยียวยา แต่ยังไงก็ต้องทำแผล แต่พวกเขาต้องเก็บกวาดตรงนี้ก่อนถึงไปซื้อเซตใหม่มาได้ เสียเงินโดยใช่เหตุจริง จะสู้กันทั้งทีทำไมต้องทำข้าวของเสียหายด้วยฟะ

               สุดท้ายพวกเขาก็ต้องหอบทุกอย่างไปนั่งกินบนชานชาลาที่ผู้คนพลุกพล่านกว่า ทำแผลให้แมคเคนซีจากนั้นก็รับประทานอาหารเช้าสักที

               “อย่างน้อยชิ้นนี้ก็ไส้เยอะกว่าชิ้นที่แล้ว”

               รอบก่อนยังไม่ทันได้เอาพิซซ่าเข้าปากเลยด้วยซ้ำดีนก็แค่พยายามปลอบใจตัวเอง…

               จุดเด่นของพิซซ่าชิคาโก คือ การอบพิซซ่าในกระทะ มันจึงมีชื่อเล่นว่า ‘แพนพิซซ่า’ หรือ ‘พิซซ่ากระทะ’ ไปโดยปริยาย จุดเด่นของพิซซ่าชิคาโกจึงเป็นขอบที่สูงขึ้นกว่าพิซซ่าทั่วไปทำให้จุส่วนที่เป็นหน้าได้เยอะกว่าปกติ เรียกว่า ‘เบิ้ม ๆ คือลือ’ จนแทบจะเป็น ‘คีช’ ไปแล้ว เป็นที่รักของชาวพิซซ่าเลิฟเวอร์โดยแท้ ในสหรัฐอเมริกาชิคาโกพิซซ่าหาซื้อได้ไม่ยากแต่จะดีกว่าไหมหากได้มากินร้านในท้องถิ่น


               “อร่อยแฮะ!”

               รับประทานด้วยสีหน้ามีความสุข พอท้องอิ่มก็เริ่มอารมณ์ดีขึ้นแล้ว เวลาหลังจากนี้ทั้งสองก็ว่างยาว ๆ อีกหลายชั่วโมงกว่าที่รถไฟสายเท็กซัสอีเกิลจะมา ต่อให้ดีนอยากออกไปซุกซนแค่ไหนแต่เขาตระหนักได้ว่าข้างนอกมีอสุรกายเต็มไปหมด จึงขอรออย่างสงบเสงี่ยมที่ชานชาลาแล้วเล่นกับออมเล็ตไปพลาง แมคเคนซีที่รักจะได้แอบงีบพักตรงนี้ด้วย ว่าแต่เมื่อกี้เหมือนมันเป็นอสุรกายคู่รักกันหรือเปล่านะ ไซคลอปส์มีตัวเมียด้วยเหรอ? หรือว่าจะเป็นคู่เกย์? แต่ก็ช่างมันเถอะ

               @Mackenzie

               .
               .
               .

               สามชั่วโมงผ่านไปไวเหมือนโกหก

               ในที่สุดรถไฟก็มาเทียบท่าชานชาลาตามเวลาออกเดินทาง ได้เวลาที่ออมเล็ตจะได้กลับเข้าไปอยู่ในกระเป๋าสัตว์เลี้ยงแสนอุดอู้อีกรอบ เจ้าตัวเล็กดูเหมือนจะยังอยากเล่นอยู่มันจึงดื้อเล็กน้อยพยายามมุดออกมาตอนที่ดีนรูดซิบจนต้องดันหัวมันเข้าไปในกระเป๋าตั้งหลายรอบ แล้วก็ปลุกแมคเคนซีที่นั่งสัปหงกบนม้านั่งด้วยท่าทางที่ดูน่าเมื่อยคอ จากนั้นทั้งสองลากสัมภาระขึ้นรถไฟไป เอากระเป๋าเดินทางใบใหญ่เก็บที่ชั้นวางสัมภาระ ก่อนจะเดินไปยังห้องโดยสารที่จองเอาไว้

               เมื่อเปิดประตูเข้าไปสิ่งแรกที่พบคือซิงก์ล้างมืออยู่ทางผนังด้านขวาถัดไปอีกหน่อยคือที่นั่งยาวติดผนัง ด้านหน้าเป็นกระจกรถไฟ และโต๊ะพับตัวเล็ก ๆ ติดกับผนังเอาไว้สำหรับทำงานก็ได้ หรือจะวางขนมขบเคี้ยวเอาไว้กินระหว่างดูวิว เมื่อหันหลังกลับมาจะเจอกับห้องน้ำเล็ก ๆอ อยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับอ่างล้างมือ มีซอยแคบ ๆ ที่สุดห้องที่จะข้ามไปยังส่วนของห้องนอนเตียงสองชั้นขนาดราว ๆ สามฟุตครึ่ง ไม่ได้กว้างขวางแต่ก็ถือว่ากว้างพอสำหรับในยานพาหนะประเภทราง

               “มีที่ให้นายนอนต่อแล้วแมคซี่ แต่ว่าในนี้แคบชะมัด รู้เลยว่าทำไมถึงมีตู้เอาไว้นั่งชมวิว”

               ในส่วนชั้นสองของตู้นอนจะมีที่นั่งให้ชมวิวข้างทาง ตัวที่นั่งมีความแตกต่างจากแบบโค้ชคลาสตอนขามา ซึ่งดูปลอดโปร่งกว่ากันมาก

               “ส่วนแกก็ออกมาได้แล้วไข่เหลือง”

               “อ๊าววว”

               ลูกสิงโตรีบตะกุยกระเป๋าใส่สัตว์เลี้ยงใหญ่ เมื่อซิบถูกรูดเปิดออกมันก็กระโจนออกมาสู่อ้อมแขนดีนพร้อมกับเลียหน้าเขาด้วยลิ้นสาก ๆ

               “ฮะฮะ แกเนี่ยนะ” ชายหนุ่มฟัดเจ้าลูกนีเมียนพุงป่องก่อนจะใส่แพมเพิร์สสัตว์ให้แก่มันจะได้สะดวกเวลาขับถ่าย

               @Mackenzie

               “ไม่เอาอ่ะ ฉันจะนอนกับนาย ส่วนออมเล็ตนอนพื้นได้” ตอบอย่างตรงไปตรงมา “อยู่ตรงนี้ก่อนแหล่ะ เจ้าไข่เหลืองยังไม่อยากกลับไปอยู่ในตะกร้าอีก เอาไว้ใกล้ถึงเวลาอาหารเราค่อยออกไปกันก็ได้”

               ชายหนุ่มเดินไปนั่งที่เตียงนอนชั้นล่างโดยมีสิงโตน้อยตามติดเหมือนหมา มันกระโดดตามขึ้นมาแล้วอ้อนน้วยเหมือนแมว เป็นแมวในร่างหมา ที่ความจริงแล้วเป็นสิงโตปีศาจอีกที

               พอได้นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงที่จัดว่านุ่มและสะอาดทำเอาดีนและออมเล็ตเผลอหลับไปพร้อมกันหลังจากที่เล่นมาจนเหนื่อย

               @Mackenzie

               .
               .
               .

               ราวกับรู้เวลา เมื่อผ่านไปสองชั่วโมงดีนก็ตื่นขึ้นมาเพื่อรับประทานอาหารกลางวันบนรถไฟ ส่วนออมเล็ตยังคงหลังปุ๋ยอยู่ในอ้อมแขนสมกับธรรมชาติของแมวใหญ่ที่นอนวันละสิบหกถึงยี่สิบชั่วโมง ชายหนุ่มจึงปล่อยมันนอนไปก่อนจึงค่อยไปที่ตู้ดินเนอร์

               มื้อแรกของสลีปเปอร์คลาสหรือตู้นอนดีขึ้นกว่ามื้อเย็นเมื่อวานอย่างเห็นได้ชัด เมนูที่ให้เลือกแม้จะไม่ละลานตาเหมือนในร้านอาหารหรูทว่าน่ารับประทาน ซีซาร์สลัดอกไก่ย่าง แซนวิชเนยแข็งย่าง เบอร์เกอร์เนื้อแองกัส แซนวิชเนื้อย่างชีส เบอร์เกอร์ผัก และเมนูสุดท้ายที่เป็นอาหารพื้นถิ่นเท็กซัสอย่าง ‘ซาโวรี่ชิลลี่โบลว์’ หรือ ‘ชามพริกเผ็ดร้อน’ แน่นอนว่าดีนต้องสั่งเมนูซินเนเจอร์ของสายเท็กซัสอีเกิ้ลอยู่แล้ว เพื่อเปิดต่อมรับรสของบ้านเกิดตั้งแต่เนิ่น ๆ


               “แมคซี่ นายลองซาโวรี่ชิลลี่โบลว์ไหม อาหารเท็กซัสแท้ ๆ เลยนะ”

               แกล้งชวนถาม รู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายกินเผ็ดไม่ค่อยไหว แต่เขาชอบตอนที่ผิวขาว ๆ แบบชาวยุโรปแท้ดั้งเดิมตัดกับสีของริมฝีปากแดงจัดตอนกินของเผ็ดร้อนมากเลยนี่นา

               @Mackenzie

               “ไว้ใจได้สิที่รัก ฉันคิดว่ามันน่าจะ……. เผ็ดน้อยกว่าบัตเตอร์ชิกเก้นแถบบ้านนายอีกนะ”

               ถึงจะเปรียบเทียบกับแกงกะหรี่อินเดียสูตรปรับปรุงใหม่ให้เข้าปากชาวอังกฤษก็ตาม แต่ชิลลี่โบลว์เป็นอาหารที่ทำจากพริกหวานของแท้แน่นอน ไม่เหมือนกับที่บัตเตอร์ชิกเก้นที่เน้นกลิ่นหอมเครื่องเทศส่วนรสเผ็ดมีอย่างเจือจาง

               “ฝึกเอาไว้ก่อนจะได้กินอาหารเม็กซิกันเดือนนึง ฉันคิดว่านายคงไม่ถึงกับพ่นไฟออกจากปาก”

               @Mackenzie

               “เผ็ดขนาดนั้นเลยเหรอ”

               เป็นอย่างคาดเพียงแค่คำเดียวฤทธิ์ของพริกในจานก็ทำให้แมคเคนซีปากขึ้นสีเห่อร้อนขึ้นมาในทันที

               “โอ้ ไม่แน่นอนอยู่แล้ว แค่ส่วนใหญ่มันอาจจะเผ็ดอ่ะนะ”

               ต้องอยู่ที่คุณพ่อแล้วว่าจะปรุงอะไรให้พวกเขาได้รับประทานกันในแต่ละวัน แต่พนันได้เลยว่ามื้อแรกที่ไปถึงบ้านพ่อต้องจัดหนักจัดเต็มไม่แพ้มื้ออาหารคืนวันคริสต์มาสแน่นอน

               “ถ้ากินไม่ได้เดี๋ยวให้กินสลัด”

               ดีนยิ้มกริ่มก่อนที่เขาจะยกแก้วน้ำส้มขึ้นจิบ

               @Mackenzie

               “ล้อเล่นน่า ใครจะให้นายกินแต่ผักได้ลง”

               ยิ้มขำมองสีหน้าคนรักที่ราวกับอยากจะจดจำรสชาติเนื้อของเบอร์เกอร์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะไม่ได้ชิมมันเป็นอีกเดือน ๆ อย่างไรอย่างนั้น ไม่แน่ว่าที่แมคเคนซีมาเท็กซัสในครั้งนี้อีกฝ่ายอาจจะกินเผ็ดเก่งขึ้นก็ได้… มั้ง

               ในรถไฟไม่มีอะไรให้ทำมากไปกว่านั่ง ๆ นอน ๆ กินขนมชมวิวที่ตู้ชมวิวหรือจากห้องนอนด้านล่าง ถ้าไม่มีคนที่ไว้ใจพูดจากันถูกคอเดินทางมาด้วยคงน่าเบื่อแย่ จนดีนแอบคิดในใจว่าคนสมัยก่อนเวลาเดินทางก็คงเป็นแบบนี้ ในยุคที่โทรศัพท์ยังเล่นอินเทอร์เน็ตไม่ได้ก็ต้องหาอย่างอื่นทำแทนเช่นอ่านหนังสือ (ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาทำไม่ได้เพราะสมาธิสั้น) หรือหาเพื่อนใหม่บนขบวนรถไฟ (ซึ่งสำหรับดีนแล้วมันง่ายกว่า) ชายหนุ่มเหลือบมองไปที่คนอื่นที่ส่วนมากจะก้มหน้ามองจอโทรศัพท์มือถือมากกว่าวิวทิวทัศน์ตรงหน้าที่อาจดูมาแล้วหลายชั่วโมงจนเบื่อ

               “น่าจะเอาบอร์ดเกมมาเล่นด้วย” เขาโอดครวญเล็กน้อยเมื่อเวลาผ่านไปโดยไม่ได้ทำอะไรนอกจากการนั่งเฉย ๆ

               จนเวลาล่วงเลยเข้าสู่มื้อเย็นก็ได้เวลากินอีกรอบ ดีนเปลี่ยนความเบื่อเป็นเอ็นจอยกับเมนูมื้อเย็นแทน อาหารถูกเสิร์ฟเป็นคอร์สตามที่เลือกเอาไว้ เรียกว่าเป็นมื้อดินเนอร์หรูหราที่มีวิวดี ๆ มื้อนึงได้เลย หากภาพข้างหน้าต่างเป็นวิวกลางคืนคงจะโรแมนติกไม่เบา แต่พอฟ้าสว่างแบบนี้แล้วก็เห็นอะไรชัดเจนดี ในมื้อเย็นชายหนุ่มสั่งเมนูแอลกอฮอล์มาเพิ่ม ไวน์แดงยี่ห้อดังกินคู่กับสเต็กเนื้อเมนูแนะนำเข้ากันได้เป็นอย่างดี ถือเป็นมื้ออาหารเย็นอันยอดเยี่ยม

               “เฮ้อ นาน ๆ ทีจะได้กินแบบนี้ดีชะมัดเลย สั่งเพิ่มมาเป็นขวดเลยได้ไหมนะ” หมายถึงไวน์นั่นแหล่ะ ดูท่าว่าการเสิร์ฟเป็นแก้วจะไม่เพียงพอกับคนลงแดงเสียแล้ว

               @Mackenzie

               “ก็แค่แก้วเดียวมันไม่พอนี่นา นายก็รู้ว่าฉันน่ะซัดไวน์ได้เป็นแกลลอน”

               จิบไวน์แดงรสชาติดีทีละนิดราวกับกลัวว่าจะหมดแก้วเร็วเกินไป ดีนมองเนื้อไก่ที่ถูกหั่นมาไว้ในจาน บางทีก็คิดว่าแมคเคนซีเลือกคนละเมนูกับเขาเพื่อจะได้แบ่งกันกิน ตนจึงหั่นสเต็กเนื้อส่วนแฟลตไอรอนราดซอสพอร์ตไวน์วางไว้ข้างจานอีกฝ่ายในปริมาณที่ไม่งก ก่อนจะเริ่มชิมเนื้อไก่ส่วนที่อีกฝ่ายส่งมาก่อนหน้า

               “โอ๊ย ไก่อบนี่อร่อยจัง!”

               อาจเพราะกินเนื้อมาก่อนหน้าทำให้อกไก่ที่เพิ่งกินตามไปมีรสสัมผัสที่นุ่มละมุนผิดปกติจากการที่ประสาทสัมผัสหลอกลวง และไม่ปฏิเสธคำชวน เขาลองดื่มไวน์ขาวของแมคเคนซีตามไป

               “อื้อหือ นี่ก็อร่อยสุด ๆ น่าเสียดายที่อาหารพรุ่งนี้ไม่รวมมื้อเย็น ไม่งั้นกะจะลองปลาแซลมอนกับสปาเก็ตตี้วีแกนสักหน่อย”

               คิดแล้วก็น่าเสียดายกว่าจะได้ชิมอาหารรสชาตินี้อีกทีก็ต้องรอขากลับอีกตั้งเป็นเดือน

               @Mackenzie

               “ที่บ้านฉันเขาชินกันแล้วล่ะ ถ้ากินเป็นขวดไม่ได้งั้นขออีกสองแก้วได้ไหม”

               หัวเราะปร๋ออย่างไม่สะทกสะท้าน คิดถึงตัวเองวัยสิบห้าสิบหกที่แอบปีนหน้าต่างห้องนอนออกจากบ้านไปตอนสามทุ่มไปปาร์ตี้บ้านรุ่นพี่ แล้วต้องย่องกลับบ้านแบบเมา ๆ พร้อมทั้งเลี่ยงตำรวจไปด้วย แต่สุดท้ายคุณแม่ก็จับได้ทุกที โทษที่ได้รับคือกักบริเวณหนึ่งเดือน แต่พอหมดเดือนเขาก็แอบหนีเที่ยวใหม่ พ่อ แม่ ลุง ได้แต่ทำใจ หนีเที่ยวนิดหน่อยก็ยังดีกว่าลูกหลานติดยา

               “ช่าย คุณพ่อฉันน่ะทำอาหารอร่อยสุด ๆ แล้วนายจะติดใจ”

               ทานเมนคอร์สหมดของหวานก็ถูกยกมาเสิร์ฟ ดีนสั่งเป็นไวท์ช็อกโกแลตบลูเบอร์รี่คอบเบิลชีสเค้ก แค่หน้าตาก็ดูน่ารับประทานแล้ว
               
               “ถึงซานอันโตนิโอพรุ่งนี้เย็นหกโมงครึ่ง ฉันไม่ได้บอกให้ที่บ้านมารับเราอาจต้องนั่งบัสไปกันเอง”

แจ้งที่บ้านแค่วันและเวลาที่จะไปถึง คุณพ่อกับลุงยังไม่ถึงเวลาปิดร้าน ส่วนคุณแม่ก็ไม่แน่ไม่นอนแต่ส่วนมากก็มักจะติดงานตลอด

               @Mackenzie

               “เยี่ยม! งั้นก็”

               กระดกไวน์แดงอย่างไม่เหนียมอีกต่อไป จากนั้นก็ยกมือเรียกบริกรขอไวน์แดงเพิ่มอีกแก้ว

               “ความจริง.. ฉันก็คิดไว้บ้างนะเรื่องออกจากค่าย คือแบบว่า… ฉันก็เรียนจบมาจะปีนึงแล้วยังไม่ได้หางานทำเลย ถึงจะแก๊บเยียร์ได้ไม่น่าเกลียดก็เถอะ แต่คงไม่อยู่ค่ายกับเด็ก ๆ เป็นนีทไปตลอดชีวิตหรอกใช่ไหมล่ะ แต่คงต้องบอกคุณไครอนก่อนว่าจะขอออกจากค่ายอ่ะนะ”

               มือที่ตักชีสเค้กค้างอยู่นานก่อนจะเอาเข้าปาก ดีนคิดว่าแมคเคนซีคงคิดไม่ต่างกัน อีกฝ่ายยังเรียนไม่จบเสียด้วย แต่ว่าถ้าออกจากค่ายฮาล์ฟบลัดแล้วพวกเขาจะยังไงกันต่อนะ? ถ้าแมคเคนซีกลับไปเรียนที่นิวยอร์ก หนทางที่พบกันง่ายสุดคือดีนต้องไปหางานทำในเมืองใหญ่ด้วย เขาไม่เกี่ยงงานอยู่แล้วถ้าไม่หนักหรือลำบากเกินไป

               รสหวานอมเปรี้ยวของชีสเค้กแสนอร่อยช่วยเปลี่ยนสีหน้าจากเคร่งเครียดเป็นยิ้มแป้นได้ภายในเสี้ยววินาที เขาเลื่อนจานไปนิดหน่อยให้คนรักได้ลองชิม

               “ลองนี่ อร่อย ไม่หวานมาก”

               @Mackenzie

               “กลับไปช่วยงานพ่อเหรอ…”

               ดีนครุ่นคิดเล็กน้อยขณะที่ปลายช้อนยังแตะอยู่ที่ริมฝีปาก แมคเคนซีมีกิจการที่บ้านรออยู่แล้วถ้าไม่กลับไปรับช่วงต่อก็คงต้องขายแล้วไปหาอย่างอื่นทำแทน วิธีการที่ง่ายที่สุดคงเป็นกลับไปอังกฤษเพื่อสืบทอดกิจการ ดูแล้วอีกฝ่ายก็ชอบงานที่บ้านคงไม่อยากหางานอื่น

               “จะได้สัญชาติต้องอยู่ที่อังกฤษกี่ปีนะ? ถ้างั้นอีกไม่กี่ปีฉันต้องทิ้งพาสปอร์ตอเมริกาแล้วสิ.. สงสัยระหว่างนั้นคงต้องเป็นแรงงานเถื่อนฟาร์มนายแล้ว หมายถึง… ถ้าพ่อนายจะไม่ว่าอะไรอ่ะนะ อย่างน้อยฉันก็เรียนไบโอเทคฯ มาน่าจะทำงานฝ่ายอาร์แอนด์ดี (วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์) ได้อยู่”

               ดีนไม่มีปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย บ้านของเขาไม่มีอะไรให้ต้องสืบทอด แม้ว่าพ่อกับลุงจะเปิดบาร์เบอร์แต่ก็ใช่ว่าดีนจะชื่นชอบด้านนี้แล้วก็ตัดผมเป็น อีกอย่างทางบ้านไม่เคยเรียกร้องให้เขาต้องสืบทอดกิจการหรือแม้กระทั่งต้องมาใช้ชีวิตที่ซานอันโตนิโอด้วยซ้ำ การจะเทียวไปเทียวมาระหว่างกลอสเตอร์ซานอันโตนิโออาจลำบากนิดหน่อยเพราะขึ้นเครื่องบินไม่ได้ แต่รถไฟที่กำลังนั่งอยู่นี่ก็ไม่ได้ลำบากอะไรเลยนี่นา

               แล้วจานช็อกโกแลตเค้กก็เลื่อนมาตรงหน้า ดีนมองมันก่อนจะยิ้มที่มุมปาก

               “ชิงบอกก่อนเลยเหรอ กลัวฉันผิดหวังที่มันไม่หวานหรือไง”

               หัวเราะน้อย ๆ ก่อนจะชิมช็อกโกแลตมูสของอีกฝ่ายบ้าง มันช่างเข้มข้นดีจริง ๆ!

               @Mackenzie

               “โอ้ งั้นคงไม่ยากมั้ง ถ้ามีคนจ้างงานแล้วก็เข้าประเทศอย่างถูกกฎหมาย…”

               แต่เข้าประเทศอย่างไรให้ถูกกฎหมายก่อน เรื่องทำวีซ่าแล้วก็หางานทำที่อังกฤษคงไม่ใช่เรื่องยาก แต่การจะผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเนี่ยสิ.. ที่รถไฟเฮเฟตัสก็ไม่ได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเสียด้วย ถึงมีวีซ่าแต่ก็คล้ายกับหลบเลี่ยงการตรวจตราอยู่ดี ไม่อย่างนั้นก็ต้องโดยสารทางเรือ

               “เดินทางไปกลับแบบแจ๊คกับโรสงั้นเหรอ...”

               ดีนยักไหล่ก่อนที่เขาจะตักขนมเข้าปากอีกคำ อมยิ้มกรุ่มกริ่มกับคนออกตัวเรื่องของหวาน

               “อือฮึ ก็น่าจะประมาณนั้น เพราะยังไงนายก็คงไม่ยอมจะโยนกิจการพันล้านทิ้งไปใช่ไหมล่ะ? ฉันไปอยู่กับนายน่าจะง่ายกว่าที่นายมาอยู่กับฉันเยอะ”

               @Mackenzie

               “โอ้ แน่สิที่รัก ตอนทำแลปฉันเคยทดสอบเพาะแบคทีเรียในชีสด้วยนะ นายเลี้ยงวัวไปเดี๋ยวฉันเลี้ยงแบคทีเรียให้นายเอง”

               เลี้ยงแบคทีเรียหรือเชื้อราในชีสถือเป็นเรื่องเบสิกสำหรับการเรียนในศาสตร์นี้ก็ว่าได้ อย่างน้อยเขาก็มีความรู้และเคยทำ ส่วนเรื่องรสชาติความอร่อยอาจต้องให้คนจบฟู้ดไซน์มาทำงานแทน

               ดีนฟังที่แมคเคนซีพูดแล้วก็พยักหน้าหงึกหงัก

               “อือฮึ ฉันก็พอจะเดาถูก”

               แค่รู้ว่าลูกเศรษฐีเรียนบริหารธุรกิจก็พอจะรู้แล้วว่าจะนำไปต่อยอดอะไรต่อ จนมาถึงท้ายประโยคที่อีกฝ่ายเว้นช่วงไว้ ศอกถูกยกขึ้นมาบนโต๊ะ มือเกยค้ำคาง ริมฝีปากขยับยิ้มดวงตาหยีลง ไม่ได้สนใจบริกรที่เข้ามารินน้ำให้ สายตามัวแต่มองจดจ่ออยู่ที่คนตรงหน้า

               “นายหมายถึงแต่งงานน่ะเหรอ?”

               @Mackenzie

               ให้ตายสิ นาน ๆ ทีจะได้เห็นหมอนี่เขินอายน่ารักเป็นบ้า!

               ร่างสูงยืดแขนไปตบบ่าคนรักที่นั่งตรงกันข้ามพร้อมกับส่งรอยยิ้มนุ่มนวลไปให้

               “ฉันเข้าใจ นายไม่ต้องรีบหรอก ฉันก็อยากให้นายมั่นใจในตัวฉันมากกว่านี้อีกเหมือนกันแมคซี่”

               แม้ว่าดีนจะเป็นคนมั่นหน้าแต่เขากลับไม่มั่นใจในตัวเองเรื่องความรักเอาเสียเลย แน่นอนที่เขารักอีกฝ่ายมาก แต่ก็คิดอยู่เสมอว่าตัวเองอาจไม่ดีพอจนทำให้คนรักเบื่อได้สักวันนึง การแต่งงานไม่ใช่เรื่องที่ปุ๊บปั๊บจะทำกันได้ จะต้องมั่นใจว่าคนสองคนใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้ รับในข้อเสียของกันและกัน และยังมีเรื่องจุกจิกอย่างเรื่องเงินทอง แม้มันจะนอกกายแต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเงินคือสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวด

               “นายจริงจังแบบนี้งี้ฉันต้องฉลองให้ตัวเองหน่อยแล้ว”

               กล่าวจบดีนก็ยกแก้วไวน์รสเลิศขึ้นดืมรวดเดียวราวกับน้ำเปล่า จากนั้นก็สั่งน้ำองุ่นหมักบ่มตามมาอีกเป็นแก้วที่สี่และห้า จนต้องพาร่างตัวเองกลับไปที่ห้องด้วยสภาพเกือบเมาแอ๋

               “แมคซี่ คืนนี้นายคงไม่ปล่อยให้ฉันนอนเตียงล่างคนเดียวใช่ไหม?” คนเมาเอาหัวถูไถกับไหล่คนข้างเคียงเป็นไข่เหลืองสอง

               @Mackenzie

               “ไม่นี่ โซฟาเรายังนอนกันมาแล้วเลย เตียงนี่กว้างกว่าโซฟาตั้งเยอะ”

               เหมือนยิ่งออมเล็ตเอาหัวถูไถขาของดีนมากขึ้นเท่าไรดีนก็ยิ่งถูไถแมคเคนซี่ต่อเป็นทอด ๆ ราวกับเล่นเกมอะไรบ้างอย่าง ดวงตาสีเปลือกไม้ปรือขึ้นมองคนรักที่อยู่ข้างเคียงส่งสายตาหยาดเยิ้มให้ ดีนคิดว่าแมคเคนซีคงเข้าใจได้ไม่ยากว่าหมายถึงอะไร ร่างกายทิ้งน้ำหนักซบไหล่ไปที่อีกคนจนต้องถอยไปที่เตียงนอนของตู้รถไฟ

               เจ้านายจะนอนแล้วสิงห์น้อยในคราบสุนัขที่รู้ความก็ผละออกจากขาชายหนุ่มไม่ดื้อไม่ซน ออมเล็ตยืดตัวหาวก่อนที่มันจะกระโดดไปนอนขดอยู่บนเบาะนอนสุนัขที่เตรียมไว้ มันผงกหัวมองร่างทั้งสองก่อนจะฟุบราบกับเบาะนุ่มราวกับเห็นภาพแบบนี้จนชินตา แรงโยกเยกของขบวนรถคล้ายเปลกล่อมสิงโตน้อยในคราบสุนัขให้หลับไหล เหลือแต่เสียงเพอร์ของสัตว์ป่า เสียงพรูของลมหายใจ และเสียงกุกกักของล้อราง

               @Mackenzie



แสดงความคิดเห็น

43. Go to My Sweetie's Home IIM [ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ] กว่าจะหลับลงได้ก็ใช้เวลาอยู่สักพัก พอถูกดีนปลุกในตอนเช้าแมคเค  รายละเอียด ตอบกลับ โพสต์ 2024-11-12 15:19
โพสต์ 76515 ไบต์และได้รับ 42 EXP!  โพสต์ 2024-11-12 11:02
โพสต์ 76,515 ไบต์และได้รับ +8 ความศรัทธา จาก GPS ทะเล   โพสต์ 2024-11-12 11:02
โพสต์ 76,515 ไบต์และได้รับ +1 Point จาก ตรีศูลน้อย  โพสต์ 2024-11-12 11:02
โพสต์ 76,515 ไบต์และได้รับ +7 EXP +6 เกียรติยศ จาก นาฬิกาสปอร์ต  โพสต์ 2024-11-12 11:02
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เข็มกลัดโพไซดอน
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่แห่งเกียรติยศ
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
เข็มทิศมหาสมุทร
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ควบคุมน้ำ
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
น้ำหอม Unisex
หมวกเกราะ
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x10
x1
x2
x4
โพสต์ 2024-11-12 15:19:17 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Mackenzie เมื่อ 2024-11-12 15:22
Dean ตอบกลับเมื่อ 2024-11-12 11:02
231แวะกินพิซซ่าชิคาโก
               2/11/2024 - 6.00 น.~
               เช้า ...

43. Go to My Sweetie's Home II
M

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

กว่าจะหลับลงได้ก็ใช้เวลาอยู่สักพัก พอถูกดีนปลุกในตอนเช้าแมคเคนซีจึงตื่นมาด้วยอาการค่อนข้างงัวเงีย

“อรุณสวัสดิ์ ยังหลับได้ไม่เท่าไหร่เลย จะได้เวลาเปลี่ยนขบวนแล้วเหรอ”

มุ่นคิ้วหน้ายุ่ง ดวงตาปรือด้วยยังไม่ตื่นดีแต่ก็ต้องรีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนที่รถไฟจะเทียบชานชาลาชิคาโก

“ยังดีที่วันนี้เราเปลี่ยนเป็นตู้นอนแล้ว ไม่งั้นได้ไปหาร้านสปาเป็นอันดับแรกตอนถึงบ้านนายแน่”

เมื่อลงจากรถไฟแล้วก็มองสำรวจไปรอบ ๆ ตอนนี้แมคเคนซีเริ่มคิดถึงที่นวดแผนไทยที่ประเทศไทยขึ้นมานิด ๆ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแม้จะมีระบมไปบ้างแต่ก็สบายตัวขึ้นเยอะ

“ตามนั้น หวังว่าพิซซ่าชิคาโกจะช่วยเยียวยาจิตใจนายจากอาหารเย็นเมื่อวานนะ”

มากับดีนก็ดีไปอย่าง อีกฝ่ายช่างสรรหาของกินใหม่ ๆ มาลิ้มลอง เขาเลยได้มีโอกาสทานอาหารที่ไม่เคยทานไปด้วย

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“งั้นเอาร้านนวดไทยดีกว่า ฉันว่าหายปวดเมื่อยได้เยอะกว่าสปาอีก ต้องจองคิวก่อนไหม”

พอได้ยินว่ามีร้านนวดแผนไทยแมคเคนซีก็สนใจขึ้นมาทันที แม้ว่าการทำสปานวดอโรมาจะผ่อนคลาย แต่การนวดแผนไทยนั้นช่วยคลายความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อได้ดีกว่า ไม่รู้ว่าร้านแบบนี้จะมีลูกค้าเยอะถึงขั้นจองคิวหรือเปล่า

“คิดว่ายัง ถ้าได้นอนต่ออีกสักตื่นน่าจะดี ไว้ตอนขึ้นรถไฟก็แล้วกัน”

หลังจากฟังเจ้าหน้าที่สาวอธิบายเส้นทางการไปร้านพิซซ่าและเดินมาตามคำแนะนำนั้นแล้วพวกเขาก็พบร้านพิซซ่าสไตล์ชิคาโกจริง ๆ พอเห็นอีกฝ่ายหัวเราะก็รู้เลยว่าสีหน้าตอนนี้ของเขาคงดูไม่จืดอยู่แน่ ๆ จึงขยี้ตาที่บวมช้ำราวกับคนอดนอนของตนเองแก้ความประหม่าก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำแถวนั้นเพื่อไปล้างหน้าแปรงฟัน หวังว่าความเย็นของสายน้ำจะช่วยชะล้างความง่วงงุนไปได้บ้าง

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“สามชั่วโมงเลยงั้นเหรอ สงสัยจะได้งีบไปก่อนอย่างที่นายว่า”

ทานมื้อเช้าก็คงต้องใช้เวลาประมาณนึง ไม่รู้ว่าดีนจะอยากใช้เวลาหลังจากนั้นไปเดินสำรวจรอบ ๆ สถานีอีกไหม ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาก็ต้องรับหน้าที่เป็นคนพาเจ้าหมาตัวโตเดินเล่น

“แพนไส้กรอกเบคอนหนึ่ง ขนมปังกระเทียมชีสหนึ่ง แล้วก็ซีซาร์สลัดครับ”

หลังจากที่ดีนสั่งอาหารแล้วเขาก็สั่งของตนเองบ้าง เนื่องจากเป็นมื้อเช้าเขาจึงยังไม่สั่งแบบจัดหนักจัดเต็มเท่าที่ควร

“ชิ้นใหญ่อยู่นะ แค่มื้อเช้าฉันว่าชิ้นเดียวก็อิ่มแล้ว”

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“ขากลับก็ต้องมาเปลี่ยนขบวนที่นี่อีกไม่ใช่เหรอ ไว้ค่อยลองหน้าอื่นอีกก็ได้”

ถึงจะบอกอย่างนั้นแต่กลิ่นหอมของพิซซ่าที่เพิ่งอบเสร็จใหม่ ๆ ช่างเย้ายวนใจเสียจนอยากจะเปิดกล่องลงมือทานเสียตอนนี้เลย

“แถวนี้ก็ได้ ตรงชานชาลาฉันว่าคนน่าจะเยอะแล้ว ตรงนั้นเป็นไง”

บอกพลางเดินพาอีกฝ่ายไปยังม้านั่งที่ว่างอยู่ อาจเป็นเพราะพวกเขามาถึงช่วงเช้าจึงยังไม่ค่อยมีใครมาตรงนี้มากนัก พอหาที่นั่งเหมาะ ๆ ได้ก็ถึงเวลามื้อเช้าของวันนี้ ขณะที่กำลังจะเปิดฝาชามซีซาร์สลัดแมคเคนซีก็รู้สึกได้ถึงสายตาของใครบางคนที่มองพวกเขาอยู่ พอเงยหน้าขึ้นมองก็เหมือนจะเห็นชายหญิงคู่นึงแต่งตัวซอมซ่อเมือนพวกโฮมเลส พวกเขาคงจะอาศัยอยู่แถวนี้ แมคเคนซีจึงไม่ได้สนใจและเตรียมจะลงมือทานอาหารต่อ

‘กลิ่นพวกเดมิก็อด….’

‘หอมเหลือเกิน ฆ่าพวกมันทิ้งแล้วกินเลยได้ไหม’

“………”

สาบานได้ว่าเขาไม่ได้หูฝาดไป ไม่รู้ว่าดีนได้ยินเหมือนกันหรือเปล่า ยังไม่ทันจะหันไปถามคนรัก เงาทะมึนสองเงาก็พาดผ่านอยู่เหนือร่างพวกเขาแล้ว

‘ตาย !’

“เฮ้ย !!”

สิ้นเสียงอันน่าขนลุกนั้นค้อนขนาดใหญ่ก็ฟาดลงตรงที่พวกเขานั่งอยู่ ดีที่ว่าทั้งแมคเคนซีและดีนต่างก็พุ่งตัวหลบไปทางด้านข้างคนละทิศคนละทางได้อย่างทันท่วงที แมคเคนซีกลิ้งไปกับพื้นสองถึงสามตลบ รู้ตัวได้เลยว่าที่แขนคงมีแผลถลอกปอกเปิกแน่ ๆ แต่เขาก็ไม่คิดจะใส่ใจแผลเล็ก ๆ แค่นั้นหรอก ฝ่ามือใหญ่ชักดาบออกมาจากปลอกที่เหน็บไว้ตรงเอวแล้วรีบลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับอสุรกายตัวใหญ่ พอได้เห็นมันอย่างเต็มตาแล้วถึงได้รู้ว่าคือ ‘ไซคลอปส์’ ซึ่งพวกเขาเคยเจอมาก่อนที่ปารีส แต่ในตอนนั้นคนที่สู้กับมันมีแค่ดีน และอีกฝ่ายก็ถูกกระแสไฟฟ้าจากค้อนยักษ์ที่เป็นอาวุธของมันเล่นงานเอาด้วย แต่ไซคลอปส์ตนนี้ดูท่าทางจะหิวโซไม่มีอาหารตกถึงท้องมาเป็นเวลานาน มันจึงดูไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเท่าไหร่ แมคเคนซีเพียงแค่ต้องหลบการโจมตีจากค้อนของมันให้ดี และสุดท้ายก็จบลงที่ดาบของเขาแทงละลวงกลางลำตัวจนร่างของไซคลอปส์ตนนั้นสลายเป็นผุยผง

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“ดีน ! นายเป็นอะไร…ไหม”

หลังจากการต่อสู้ผ่านพ้นไป แมคเคนซีรีบวิ่งมาดูอาการคนรักด้วยความเป็นห่วง แต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายโอดครวญกับเรื่องอะไรก็ถึงกับไปไม่เป็น

‘ห่วงอาหารอย่างนั้นเหรอเนี่ย’

“เดี๋ยวเราค่อยไปซื้อกันใหม่ก็ได้”

ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงได้แค่ตบบ่าอีกฝ่ายปุ ๆ ปลอบ จากนั้นก็เก็บกวาดอาหารที่หกเลอะเทอะบริเวณนั้นไปทิ้งให้เรียบร้อยแล้วจึงพาดีนที่ใจสลายกับเศษซากอาหารไปซื้อพิซซ่าชิคาโกและสลัดใหม่ ซึ่งคราวนี้พวกเขาย้ายที่ไปทานกันที่ตรงแถวชานชาลาที่มีผู้คนผ่านไปมามากขึ้นแทน หลังจากที่เมื่อครู่ตัดสินใจผิดพลาดเลือกนั่งตรงที่เงียบ ๆ หากอยู่ที่ผู้คนพลุกพล่านเช่นนี้ ความเสี่ยงที่จะเจออสุรกายอาจจะน้อยกว่าก็เป็นได้

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“นายก็ห่วงแต่เรื่องกิน”

หัวเราะน้อย ๆ แล้วทานพิซซ่าในมือตนเองบ้างก่อนจะเหลือบมองแขนที่มีพลาสเตอร์ติดอยู่ ถึงเขาจะบอกว่าไม่เป็นไรแต่ดีนก็ช่วยทำแผลให้จนได้ แล้วก็เป็นอย่างที่คิด จากที่เมื่อคืนนอนได้ไม่กี่ชั่วโมงแถมเมื่อครู่ยังไปปะทะกับอสุรกายมาอีก  พอท้องอิ่มแล้วก็ง่วงนอนพอดี

“ฉันจะงีบสักหน่อย นายอย่าไปเถลไถลที่ไหนนะ เดี๋ยวไปเจอพวกมอนสเตอร์อีก”

เขารู้ว่าดีนเก่งกว่าแต่ก่อนมาก แต่ถึงอย่างไรการที่อีกฝ่ายออกไปเตร็ดเตร่ที่ไหนคนเดียวก็ยังน่าเป็นห่วงอยู่ดี แมคเคนซีเอนหลังพิงพนักพิงของม้านั่ง ยกมือขึ้นกอดอกแล้วหลับตาลง ไม่นานนักเขาก็หลับไป รอให้ดีนปลุกเมื่อถึงเวลารถไฟที่มุ่งหน้าไปสู่ซานอันโตนิโอจะมาถึง

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

แมคเคนซีจำใจต้องตื่นเมื่อรถไฟขบวนที่พวกเขาจะโดยสารเทียบชานชาลา เมื่อเข้าไปยังตู้นอนที่จองไว้ก็รู้สึกว่าพื้นที่อาจจะคับแคบไปบ้างสำหรับผู้ชายตัวใหญ่สองคนกับลูกสิงโต (ในคราบสุนัขเชาเชา) อีกหนึ่งตัว

“อืม…นายต้องนอนกับออมเล็ตใช่ไหม งั้นฉันนอนข้างบนแล้วกัน”

ถึงจะบอกแบบนั้นแต่แมคเคนซีก็แค่เอากระเป๋าสัมภาระไปเก็บแล้วเดินสำรวจภายในตู้นอนจนทั่วก่อนจะมานั่งตรงเก้าอี้ยาวเพื่อรอเวลารถไฟออก เขายังไม่คิดจะปีนขึ้น ๆ ลง ๆ เตียงในตอนนี้

“แล้วจะยังไงกันต่อ อยู่ที่นี่ก่อนหรือว่าจะไปเดินดูอะไรข้างนอกดี”

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“นายกำลังจะบอกว่าเราจะนอนเบียดกันบนเตียงสามฟุตนี่งั้นเหรอ”

มองเตียงขนาดที่น่าจะพอเหมาะสำหรับนอนคนเดียวแล้วมองอีกฝ่ายอย่างไม่อยากเชื่อ แอบคิดไปว่าหากพวกเขาไม่นอนกอดกันจนตัวกลมก็ต้องมีหนึ่งในใครสักคนแน่ ๆ ที่อาจตกจากเตียงไปนอนบนพื้นเป็นเพื่อนออมเล็ต

“โอเค งั้นระหว่างนี้ก็มาพักผ่อนเอาแรงกันสักหน่อย”

เมื่อดีนบอกแบบนั้นแมคเคนซีก็เห็นดีเห็นงามด้วย หลังจากที่ได้งีบระหว่างรอรถไฟไปตื่นนึงก็ทำให้หายง่วงไปได้นิดหน่อย เขาลุกไปล้างหน้าให้รู้สึกสดชื่นขึ้นแล้วกับมานั่งชมวิว ไม่นานนักเสียงของดีนกับออมเล็ตก็เงียบลง พอหันไปดูก็เห็นว่าหลับกันไปทั้งคู่เสียแล้ว ริมฝีปากอิ่มยิ้มเล็กน้อยด้วยความเอ็นดู เขาลุกไปห่มผ้าให้ผู้ร่วมเดินทางทั้งคู่แล้วกลับมานั่งดูทิวทัศน์ข้างทางต่อ

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

หลังจากให้ดีนได้นอนจนเต็มอิ่ม แม้จะเป็นเวลาเพียงสองชั่วโมงก็ตาม ซึ่งเป็นธรรมดาของอีกฝ่ายที่ไม่ชอบใช้เวลางีบนานเกินไปนัก ก็ได้เวลามื้อกลางวัน อาหารวันนี้เป็นเมนูที่เขาเคยทานมาแล้วก่อนหน้านี้แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเมื่อกลายมาเป็นที่นั่งแบบตู้นอนแล้วแม้เมนูจะเหมือนกันหากแต่หน้าตาอาหารกลับดูอัพเกรดน่าทานกว่า

“ฉันอยากลองนะ แต่ว่ารสชาติมัน…น่าไว้ใจไหม”

แมคเคนซีที่กำลังทานเบอร์เกอร์เนื้อแองกัสสุดชุ่มฉ่ำมองอาหารที่ชื่อว่าซาโวรี่ชิลลี่โบลว์แล้วเลื่อนสายตามามองผู้ชักชวน ไม่รู้ว่ารสชาติน่าไว้ใจไหมแต่สีสันไม่น่าไว้ใจสุด ๆ

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

ได้ยินเช่นนั้นแมคเคนซีก็หรี่ตามองก่อนจะหยิบช้อนของตนมาลองักซาโวรี่ชิลลี่โบลว์ชิมคำนึง

“แค่ก ๆ !”

แล้วก็เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ รีบหยิบน้ำผลไม้ที่สั่งไว้มาดื่มแทบไม่ทัน

“มันก็ยังเผ็ดอยู่ดี นายคงไม่ให้ฉันกินอาหารเผ็ดทุกมื้อตอนอยู่บ้านนายหรอกใช่ไหม”

ถามแล้วหยิบทิชชู่มาเช็ดปาก ไม่อยากนึกเลยว่าหากเขาไปอยู่บ้านดีนแล้วได้ทานอาหารเผ็ดทุกมื้อจริง ๆ ปากเขาจะบวมเห่อขนาดไหน หวังว่าคนรักและครอบครัวของอีกฝ่ายจะไม่ใจร้ายกับเขานัก

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“จะได้ผันตัวไปเป็นวีแกนก็ตอนนี้ล่ะมั้ง”

พึมพำหน้ามุ่ยเล็กน้อย เขามองผักและเนื้อแองกัสที่สอดไส้อยู่ในเบอร์เกอร์แล้วกัดกร้วมเข้าไปคำเบ้อเร่อเพื่อเตรียมบอกลาเมนูเนื้อที่จะได้ทานในอีกไม่กี่มื้อก่อนไปถึงบ้านดีนในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า

หลังจากทานอาหารมื้อกลางวันกันเรียบร้อยแล้วพวกเขาก็นั่งชมวิวกันในโบกี้ส่วนที่เป็นคาเฟ่กันต่ออีกหน่อย

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“คราวนี้ฉันเห็นด้วยกับนายนะ”

ถึงปกติจะไม่ใช่คนเล่นเกมบ่อยแต่ก็ยอมรับว่าการอยู่เฉย ๆ บนรถไฟหลายชั่วโมงนั้นค่อนข้างน่าเบื่อจริง ๆ หากเป็นเมื่อก่อนคงพกหนังสือสักเล่มมาอ่านด้วย แต่หลังจากมาอยู่ที่ค่าย การไปร้านหนังสือก็ไม่บ่อยเหมือนเมื่อก่อน เรียกว่าแทบจะไม่ได้ไปเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้เขาไม่รู้เลยว่ามีหนังสืออะไรออกใหม่บ้าง ที่นี่น่าจะมีบอร์ดเกมหรือห้องเล่นเกมให้เล่นคลายความเบื่อสักหน่อย

หลังจากนั่ง ๆ นอน ๆ คุยเรื่องสัพเพเหระกับดีนไปจนถึงเล่นกับออมเล็ตเพื่อฆ่าเวลาแล้วก็ได้เวลาอาหารเย็น ซึ่งอาหารจานหลักนั้นแมคเคนซีเลือกเนื้ออกไก่ย่างกระทะราดซอสเห็ดมอเรลทานคู่กับไวน์ขาว รสชาตินั้นจัดได้ว่าค่อนข้างดีเทียบเท่าตามร้านอาหารเลยทีเดียว

“ดื่มเป็นขวดก็ได้เมาพอดี แค่นิดหน่อยก็พอน่า”

บอกพลางหั่นเนื้อไก่ชิ้นพอดีคำวางลงในจานสเต็กเนื้อของดีน

“ลองชิมดูสิ จะชิมไวน์ของฉันด้วยก็ได้นะ”

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“ก็จริง แต่นายคงไม่อยากเจอหน้าคนในครอบครัวสภาพเมาค้างตั้งแต่วันแรกที่ถึงบ้านหรอกใช่ไหม”

อันที่จริงคนที่บ้านดีนคงรู้อยู่แล้วว่าลูกชายเป็นคนอย่างไร แต่อย่างน้อยหากได้พบกันในสภาพที่สติยังสมบูรณ์ดีน่าจะเหมาะกว่า อย่างน้อยเขาอาจได้ยินผู้ปกครองของอีกฝ่ายชมว่า ‘ไม่พบกันตั้งนาน ลูกดูโตขึ้นนะ’ อะไรประมาณนี้ก็ได้

“เดี๋ยวไปถึงบ้านนายก็มีของอร่อยรออยู่เยอะแยะแล้ว”

เขากล่าวขอบคุณแล้วลองทานสเต็กที่ดีนหั่นมาให้บ้าง ซึ่งรสชาติก็อร่อยสมกับเป็นเมนูแนะนำจริง ๆ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะสั่งเมนูนี้ตอนขากลับก็ได้

“เราจะถึงซานอันโตนิโอกันกี่โมงนะ”

พอมองออกไปด้านนอกก็ยังเห็นท้องฟ้าสว่างจ้า หากไม่ได้ดูนาฬิกาก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าตอนนี้กี่โมงกี่ยามแล้ว

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“อืม…ได้”

แมคเคนซียักไหล่ก่อนจะพยักหน้ารับ เขาก็ไม่ได้คิดจะห้ามจริงจังเท่าไหร่ ไหน ๆ ดีนก็โตแล้ว (ถึงจะยังมีบางนิสัยที่เด็กไปบ้าง) น่าจะรู้ลิมิตตัวเอง

“ถ้าติดใจจนไม่อยากกลับค่ายก็แย่สิ”

บอกยิ้ม ๆ พลางมองของหวานที่ถูกยกมาเสิร์ฟซึ่งเขาคิดว่าตนเองคิดถูกแล้วที่เลือกช็อกโกแลตสพูนเค้กอุ่น ๆ ที่เสิร์ฟพร้อมกับพุดดิ้งช็อกโกแลตกานาช เพราะเมื่อเห็นของหวานของดีนแล้วก็คิดว่ามันน่าจะหวานกว่าของเขาแน่ ๆ

“โอเค ฉันไม่มีปัญหาเรื่องนั่งรถบัสหรอก”

ส่วนตัวคิดว่ากว่าจะถึงก็เกือบค่ำแล้ว แต่ก็เพิ่งนึกขึ้นได้อีกครั้งว่าตอนนี้ท้องฟ้าไม่มีช่วงเวลาที่มืดเลยนี่นะ

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

ทั้งที่กำลังอร่อยกับมื้ออาหาร แต่พอดีนพูดถึงเรื่องออกจากค่ายขึ้นมา รสชาติอาหารที่ว่าอร่อยก็เจื่อนลงไปนิดหน่อย

“เรื่องออกจากค่ายฉันก็คิดไว้เหมือนกัน ถ้าออกไปเมื่อไหร่ก็คงไปเรียนต่อให้จบ ฉันยังต้องกลับไปช่วยงานพ่อ…”

ไม่ใช่เพราะรักสบายจนไม่อยากออกจากค่ายฮาร์ฟบลัด แมคเคนซีเองก็รู้ดีว่าตนเองยังมีหน้าที่ที่ต้องไปทำต่อ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่ให้พ่อช่วยทำเรื่องดรอปไว้ตั้งแต่เขามาอยู่ที่ค่าย รวมถึงการกลับไปช่วยงานพ่อและรับช่วงต่อกิจการของครอบครัวในภายภาคหน้า แต่ที่เขารู้สึกไม่ค่อยโอเคกับการออกจากค่ายก็คือเขาต้องแยกจากกับดีนที่เคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมาต่างหาก การจากลากับสิ่งที่รักเป็นเรื่องที่แมคเคนซีไม่ชอบเอาเสียเลย แค่คิดถึงช่วงเวลานั้นก็เผลอถอนหายใจออกมา

เขามองจานชีสเค้กที่ดีนเลื่อนมาให้ตรงหน้า ใช้ส้อมตัดแบ่งมาชิมเล็กน้อย รสชาติอร่อยดี ติดตรงที่หวานกว่าช็อกโกแลตเค้กของเขาจริง ๆ ด้วย

“แลกกันสิ ชิมของฉันบ้าง แต่อาจจะไม่หวานเท่าของนายนะ”

ว่าแล้วก็เลื่อนจานของหวานของตนให้คนรักบ้าง

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“ถ้านายทำงานที่นั่นและมีวีซ่าถาวร (ILR) ก็ประมาณห้าปี แต่ถ้าไม่มีก็ต้องอยู่ประมาณสิบปีถึงจะยื่นขอสัญชาติได้ แต่ขั้นตอนมันเยอะกว่านั้น นายต้องผ่านการทดสอบความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในอังกฤษด้วย”

ที่แมคเคนซีอธิบายนั้นเป็นแบบรวบรัดจริง ๆ รายละเอียดอื่น ๆ ยังมีเยอะกว่านี้มาก นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายเงื่อนไขด้วย

“ใช่ ฉันไม่อยากให้คนกินรสหวานจัดอย่างนายต้องมาบ่นที—-”

ขณะพูดเรื่องของหวานแต่ในหัวก็นึกถึงเรื่องที่ดีนเพิ่งพูดไปเมื่อครู่ก็ฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แมคเคนซีจึงจ้องดีนที่กำลังทานขนมอย่างเอร็ดอร่อยตาโต

“ด..เดี๋ยวนะ เมื่อกี้ที่นายพูดหมายความว่าไง นาย…นายจะย้ายไปอยู่กับฉันที่อังกฤษงั้นเหรอ”

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“อ…เอาจริงเหรอ ที่จริงที่นายบอกก็น่าสนนะ ที่ว่านายจะมาทำตำแหน่งอาร์แอนด์ดีที่บริษัทครอบครัวฉัน ยิ่งถ้าเป็นตำแหน่งที่ต้องใช้ทักษะพิเศษ นายทำงานแค่สองสามปีที่บริษัทฉันก็ออกเอกสารยืนยันขอวีซ่าถาวรให้ได้แล้ว”

หากดีนจะย้ายมาอยู่กับเขาที่อังกฤษจริง ๆ ก็ถือเป็นเรื่องน่ายินดีมากทีเดียว

“ที่นายพูดก็ถูก ฉันทิ้งธุรกิจของครอบครัวไปไม่ได้ ที่ฉันเรียนบริหารก็เพื่อจะไปต่อยอดรับกิจการต่อจากพ่อ แต่ว่า…ถ้านายคิดว่าการขอวีซ่าถาวรมันยุ่งยาก ฉันมีอีกวิธีนะ”

บอกไปแค่นั้นแล้วก็หยิบแก้วไวน์ขึ้นดื่มจนหมดแก้ว แล้วเรียกพนักงานมาขอน้ำเปล่าสองแก้ว

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

พอถูกดวงตาสีเปลือกไม้ของดีจ้องด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แมคเคนซีจึงอมยิ้มเขินไปกันใหญ่

“ก็…อืม…ใช่ ฉันหมายถึงแบบนั้น เอ่อ…แต่ก็ไม่ใช่เร็ว ๆ นี้หรอก กว่าจะขอวีซ่าติดตามคู่สมรสได้เราต้องอยู่ด้วยกันอย่างต่ำสองปีก่อน แล้วก็เอ่อ…เราต้องจดทะเบียนสมรสกัน……ฉัน..ฉันไม่ได้หมายถึงตอนนี้นะ แบบว่าให้เราพร้อมกันทั้งคู่ก่อน อา…ให้ตายสิ”

ทั้งที่ไม่ใช่การขอแต่งงานแท้ ๆ แต่ก็ลุกลี้ลุกลนเสียจนไม่เป็นตัวเองจนแมคเคนซีต้องหลบสายตาดีนไปทางอื่นแล้วยกมือขึ้นลูบหน้า

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือเปล่าถึงรู้สึกว่าดวงตาสีเปลือกไม้หวาน ๆ คู่นั้นดูหยาดเยิ้มกว่าเดิมอีก แมคเคนซีมองฝ่ามือใหญ่ที่ตบบ่าตนก่อนจะจับมากุมไว้ด้วยมือทั้งคู่ของตนเอง

“ฉันเลือกแล้ว ก็ต้องมั่นใจสิ ฉันแค่อยากให้ตัวเองมั่นคงกว่านี้ก่อน เมื่อถึงเวลาที่เราสร้างครอบครัวด้วยกัน นายจะได้ไม่ต้องกลัวว่าจะลำบาก”

พอคลายมือออกดีนก็ไปจับแก้วไวน์มาดื่มต่อ แถมยังเติมไปอีกหลายรอบจนน้ำเปล่าที่เขาสั่งมาเผื่อเป็นหมัน แมคเคนซีจึงรับผิดชอบน้ำแก้วนั้นไปแทน จากนั้นก็ช่วยพยุงดีนที่เริ่มเมาเล็กน้อยกลับไปยังตู้นอน

“สภาพนี้ถ้าฉันนอนด้วยนายจะไม่กินที่หรือเบียดฉันตกเตียงใช่ไหม”

เรียวนิ้วสางผมสีเข้มของคนรักที่มาวอแวเขาหลังจากพากันมานั่งที่เตียง พอเหลือบตามองก็เห็นออมเล็ตกำลังเอาหัวถูไถขาดีนอีกทอดนึง ให้ตายสิ เหมือนตอนนี้เขากำลังอยู่ในตู้นอนเดียวกันกับหมาสองตัวไม่มีผิด

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“บ้าเอ๊ย มันคนละแบบกัน”

ขณะที่ตั้งใจจะดันหัวดีนออกแล้วไล่เจ้าตัวให้ไปอาบน้ำเตรียมตัวนอนกันสักทีก็สบเข้ากับสายตาของอีกฝ่ายที่มองมา…แบบมีความหมาย แน่นอนว่าแมคเคนซีไม่ได้คิดไปเองเพราะไม่กี่นาทีต่อมาดีนก็โถมแรงใส่เขาจนล้มลงไปนอนบนเตียงด้วยกันทั้งคู่

ดูท่าวันนี้จะได้นอนเตียงเดียวกันแน่นอนแล้วล่ะ



ตื่นรู้ +2 จากการพิชิตไซคลอปส์ครั้งแรก

@God

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 54785 ไบต์และได้รับ 30 EXP!  โพสต์ 2024-11-12 15:19
โพสต์ 54,785 ไบต์และได้รับ +5 EXP +6 เกียรติยศ จาก ต่างหูเงิน  โพสต์ 2024-11-12 15:19
โพสต์ 54,785 ไบต์และได้รับ +4 ความกล้า จาก ผ้าพันคอไหมพรม  โพสต์ 2024-11-12 15:19
โพสต์ 54,785 ไบต์และได้รับ +5 ความศรัทธา จาก แว่นกันแดด  โพสต์ 2024-11-12 15:19
โพสต์ 54,785 ไบต์และได้รับ +6 EXP +9 เกียรติยศ +8 ความกล้า จาก รองเท้าเซฟตี้  โพสต์ 2024-11-12 15:19

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Hydro X
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
แจ็คเก็ต YANKEES
รองเท้าเซฟตี้
น้ำหอม Unisex
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
สร้อยข้อมือถัก
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x13
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x15
x15
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x2
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x2
โพสต์ 2024-12-16 15:13:56 | ดูโพสต์ทั้งหมด
49.2. Happy Birthday Mackenzie
M

-12.12.24  /  07:00AM.-

วันนี้แมคเคนซีตื่นเช้ากว่าปกติ เมื่อคืนนี้เขาหลับสนิทและหลับลึกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในรอบหลายวันอย่างกับโดนวางยานอนหลับ อาจเป็นได้ว่าเพราะเหนื่อยจากการเดินทางไม่ก็เตียงที่ตู้นอนของรถไฟนั้นนอนสบายเกินไป…ซึ่งเขาว่าไม่ใช่อย่างหลังแน่ หลังจากขยี้ตาไล่ความมึนงงแมคเคนซีก็มองไปยังเตียงที่อยู่ตรงข้ามกัน เตียงของดีนว่างเปล่า…แต่ปกติอีกฝ่ายก็เป็นคนตื่นเช้าอยู่แล้วจึงไม่ได้เอะใจอะไร

หือ…?”

ครั้นเมื่อลุกขึ้นนั่งกลับต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าคนรักของเขาไปนอนหลับซบเจ้าลูกสิงโตนีเมียนตรงเบาะนอนของสัตว์เลี้ยงเสียได้ หรือว่าเมื่อคืนอีกฝ่ายจะนอนคนเดียวแล้วเกิดเหงาขึ้นมาแต่ไม่อยากรบกวนเขาก็เลยไปนอนกับออมเล็ตแทน กำลังจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าอย่างนั้นแต่ก็ดันเหลือบไปเห็นหอกสัมฤทธิ์วางอยู่ใกล้มือเจ้าของที่กำลังหลับสนิท เพียงแค่นั้นก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาทันที ถึงอย่างนั้นแมคเคนซีก็ยังไม่คิดจะปลุกดีนเพื่อมาถามตอนนี้ เขาหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวให้ร่างใหญ่ ๆ ของดีนกับออมเล็ต ก่อนจะหันไปมองเชมัสที่ดูจะหลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราวเช่นกัน จากนั้นก็เก็บที่นอนและลุกไปอาบน้ำ

@DEAN

เมื่ออาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแมคเคนซีก็เดินออกมา คนที่เขาเฝ้ารอให้ตื่นกลับยังไม่ตื่น มีเพียงแค่เด็กชายตัวน้อยที่มองเขาตาแป๋วด้วยสีหน้าสงสัย

“อรุณสวัสดิ์เชมัส อืม…ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน พอตื่นมาก็เห็นอย่างที่นายเห็น หมอนั่นอาจจะ…อยากนอนกับออมเล็ตก็ได้มั้ง”

เขายักไหล่เล็กน้อยแล้วไปหยิบผ้าขนหนูมาให้อีกฝ่าย

“นายไปอาบน้ำก่อนเถอะ ดีนตื่นมาจะได้อาบน้ำต่อ”

“โอเคฮะ”

เชมัสรับผ้าขนหนูมาแล้วไปหยิบเสื้อผ้าที่จะใช้ผลัดเปลี่ยนก่อนเดินเข้าห้องน้ำไป เด็กชายเพิ่งมีอายุครบ 12 ปีเมื่อไม่กี่วันก่อน และพวกเขาก็เพิ่งรู้ว่าเชมัสเป็นเดมิก็อดเช่นเดียวกัน ดังนั้นแม้อีกฝ่ายจะเริ่มมองเห็นอสุรกายแต่ก็ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเหล่าเดมิก็อดต้องต่อสู้และเข่นฆ่าสัตว์ประหลาดพวกนั้นด้วย แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการให้เชมัสรู้เรื่องราวอันโหดร้ายนั้น…อย่างน้อยก็ในตอนนี้ จนกว่าพวกเขาจะเดินทางถึงค่ายฮาล์ฟบลัด

ส่วนตอนนี้ก็ได้เวลาปลุกคนที่กำลังฝันหวานแล้ว

“เฮ้ ดีน…ตื่น นายควรไปนอนที่เตียงดี ๆ นะ”

แมคเคนซียอบตัวลงตรงหน้าดีน มองใบหน้าคมคายที่บัดนี้เปลือกตาปิดสนิทจนเห็นขนตายาวเรียงกันเป็นแพ ฝ่ามือใหญ่กุมไหล่หนาข้างหนึ่งของคนรักไว้แล้วออกแรงเขย่าเบา ๆ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมานอนตรงนี้นานเท่าไรแล้ว หากยังไม่อยากตื่นก็ควรไปนอนที่เตียงดี ๆ

“หงิง…อ๊าววววว”

แต่ดันเป็นเจ้าลูกสิงโตนีเมียนที่ตื่นขึ้นมาแทน มันค่อย ๆ ขยับตัวออกมาจากอ้อมกอดของดีนแล้วหาวหวอดใหญ่ด้วยสีหน้างัวเงียก่อนจะสะบัดหัวและสะบัดตัวจนขนฟุ้งกระจายจนแมคเคนซีต้องใช้แขนปิดจมูกไว้

@DEAN

“ฉันควรเป็นฝ่ายถามนายมากกว่า…”

เมื่ออีกฝ่ายรู้สึกตัวแล้วแมคเคนซีก็ผละออกมานั่งที่เตียงกอดอกมองท่าทางเหมือนคนเมาค้างของดีน แต่เขามั่นใจว่าเมื่อคืนอีกฝ่ายคงไม่ได้นึกครึ้มไปนั่งดื่มที่บาร์ของรถไฟคนเดียวแน่ ๆ…หากพูดให้ถูกคืออย่างน้อยก็ไม่สวมแว่นตาว่ายน้ำนี่ไปอวดใครต่อใครแน่นอน

“เอาล่ะ นายควรเล่าให้ฉันฟังก่อนที่เชมัสจะอาบน้ำเสร็จแล้วออกมานะ”

@DEAN

“เมลูซีน…?”

แม้จะไม่รู้จักชื่ออสุรกายส่วนมากที่เคยพบเจอมาก็ตาม แต่เมื่อได้ยินชื่อร้านกาแฟดังแล้ว นักศึกษาคณะบริหารธุรกิจอย่างแมคเคนซีที่ต้องคอยศึกษาข้อมูลของแบรนด์ต่าง ๆ ก็รู้ได้ทันทีว่าเจ้าอสูรกายที่ถูกนำมาเป็นมาสคอตร้านนั้นมีนามว่าอะไร

“ฉัน…ไม่ได้ยินอะไรเลย เมื่อคืนหลับสนิทอย่างกับซ้อมตาย เชมัสก็ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น”

เมื่อถูกถามก็ยิ่งนึกแปลกใจกว่าเดิม ปกติเขาไม่ใช่คนหลับลึกถึงขนาดที่ว่าได้ยินเสียงอะไรแล้วจะไม่ตื่น หากพูดให้ถูกก็คือเขาค่อนข้างจะหูไวต่อเสียงรอบข้างขณะอยู่ท่ามกลางความเงียบด้วยซ้ำ

“แล้วนายน่ะ กรี๊ดได้แต่ปลุกฉันไม่ได้หรือไง ทำไมต้องเอาตัวเองไปเสี่ยง”

แล้วก็กลับมาตีหน้าเข้มต่อ แมคเคนซีรู้อยู่แล้วว่าดีนเจนจัดในโลกแห่งทวยเทพมากกว่าเขา แต่นี่ถึงขนาดอออกไปเผชิญอันตรายกับอสุรกายสองตนเพียงลำพัง จึงอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาดูเป็นคนพึ่งพาไม่ได้หรืออีกฝ่ายบ้าดีเดือดเกินไปกันแน่

“งั้นนายจะนอนสักตื่นก่อนไหม พอหายเพลียแล้วค่อยไปกินมื้อเช้า“

@DEAN

ฟังที่ดีนอธิบายแล้วก็พอเข้าใจ เขามองอีกฝ่ายก่อนจะขยับตัวเข้าไปกอด ลูบหลังเบา ๆ แล้วผละออกมาพาคนสายตาสั้นระดับหนักไปนั่งที่เตียง

“พักผ่อนเถอะ เดี๋ยวฉันดูเชมัสกับออมเล็ตให้”

ตอนแรกว่าจะหยิบแว่นตาให้แต่ก็ดันไม่สบอารมณ์จนลืมตัว ตอนนี้อีกฝ่ายจะนอนพักต่อคงไม่จำเป็นต้องใช้ หลังจากนั้นสักพักเชมัสก็ออกมาจากห้องน้ำ ดูเหมือนจะโล่งใจที่เห็นดีนไปนอนบนเตียงแล้ว

“หิวหรือยัง จะออกไปกินมื้อเช้ากันก่อนไหม”

เขาหันมาถามเด็กชายที่กำลังเก็บเสื้อที่ใช้แล้วใส่กระเป๋า

“ผมยังไงก็ได้…รอพี่ดีนก่อนก็ได้ฮะ”

เหมือนว่าเชมัสตั้งใจจะพูดประโยคประจำตัว แต่พอเห็นแมคเคนซีจ้องหน้าอยู่เลยเปลี่ยนคำตอบเสียใหม่

“โอเค ถ้าหิวก่อนก็บอก ฉันจะพาไป”

พอบอกเชมัสแล้วก็หันมาห่มผ้าให้ดีนก่อนจะลุกไปหยิบหนังสือเล่มใหม่ที่อ่านค้างไว้มานั่งอ่านตรงม้านั่ง

@DEAN

สุดท้ายจากที่ว่าจะรอดีนตื่นไปทานมื้อเช้าพร้อมกันก็กลายเป็นว่ามีแค่แมคเคนซีกับเชมัสสองคนเท่านั้น และดูท่าว่าอีกฝ่ายคงจะต้องการชาร์จพลังยาว ๆ เขาจึงรับหน้าที่คอยให้อาหารออมเล็ตและพาเด็กชายไปทานมื้อเที่ยงอีกมื้อหนึ่ง กว่าจะได้ทานอาหารกันพร้อมหน้าก็เข้าสู่มื้อเย็นแล้ว วันนี้แมคเคนซีตั้งใจว่าจะไม่นอนจนกว่าจะถึงสถานีชิคาโก ซึ่งกว่าจะถึงก็เป็นเวลาปาเข้าไปเที่ยงคืน

เมื่อลงจากรถไฟพวกเขาก็ไปเปิดห้องโรงแรมระดับสามดาวที่ใกล้ ๆ กับสถานีเพื่อที่ว่าพรุ่งนี้จะได้ประหยัดเวลา ยังไงเสียพรุ่งนี้พวกเขาก็ออกเดินทางกันตอนเช้าอยู่แล้ว แค่นอนให้ผ่านไปคืนนึง สำหรับเขาเพียงแค่สะอาดก็ถือว่าใช้ได้

“นายกับเชมัสนอนที่เตียงแล้วกัน ฉันนอนที่โซฟาเอง”

แมคเคนซีบอกหลังจากเข้ามาภายในห้องของโรงแรม เนื่องจากพวกเขามาถึงกลางดึก จึงมีห้องว่างไม่มากนัก ห้องที่พวกเขานอนในคืนนี้จึงเป็นห้องขนาดไม่กว้างมีพื้นที่พอวางเตียงคิงไซส์ได้เพียงหนึ่งหลัง แต่ยังดีที่ภายในห้องมีโซฟาอีกหนึ่งตัว

@DEAN

“ไม่ได้เอาเปรียบอะไรนี่ นายก็เพลียอยู่ เชมัสก็ยังเด็กควรได้นอนที่เตียงดี ๆ”

ถึงจะบอกแบบนั้นแต่พอเหลือบไปเห็นหน้าเชมัสที่ดูง่วงนอนเต็มทีเลยคิดว่าเกี่ยงกันไปก็เสียเวลานอนเปล่า ๆ สุดท้ายจึงถอนหายใจบาง ๆ

“โอเค งั้นก็เอาตามที่เชมัสบอก นอนดี ๆ ล่ะ อย่าให้รู้ว่ากลิ้งตกโซฟากลางดึกนะ”

บอกพลางจัดแจงยกหมอนกับผ้าห่มชุดนึงมาวางไว้ที่โซฟาให้เด็กชาย เนื่องจากหลังทานมื้อเย็นที่รถไฟเสร็จแมคเคนซีก็อาบน้ำแปรงฟันให้เรียบร้อยตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ พอตกลงกันเสร็จเขาจึงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนแล้วมานอนที่ฝั่งนึงของเตียง

“ราตรีสวัสดิ์“

@DEAN

ถึงแม้จะปิดไฟในห้อง แต่แสงอาทิตย์จากด้านนอกก็ไม่ได้ทำให้ภายในห้องมืดสนิทเสียทีเดียว ขณะที่กำลังจะหลับตาลงด้วยความง่วงก็รู้สึกได้ถึงร่างของคนข้าง ๆ ที่เบียดเข้ามา อาจเป็นเพราะความเงียบจึงได้ยินเสียงทุ้ม ๆ ของดีนกล่าวสุขสันต์วันเกิดเขาอย่างชัดเจน ริมฝีปากได้รูปของแมคเคนซีระบายรอยยิ้มเล็กน้อย ภาพงานวันเกิดในช่วงปีต่าง ๆ ฉายขึ้นมาในความคิด เขาในปีก่อน ๆ เมื่อวัยเด็กตอนอยู่ที่อังกฤษมักจะฉลองวันเกิดกับคนในครอบครัว บางปีก็จัดงานที่บ้านและชวนเพื่อนที่โรงเรียนมาร่วมงาน พอโตขึ้นมาระดับไฮสคูลกับมหาวิทยาลัยก็ไปปาร์ตี้กับกลุ่มเพื่อนสนิท ที่สำคัญคือปีที่แล้วดีนก็มาร่วมปาร์ตี้งานวันเกิดของเขาด้วยทั้งที่อีกฝ่ายกำลังยุ่งกับการทำธีสิสจนแทบไม่มีเวลานอนแท้ ๆ

“ขอบคุณดีน ฉันก็รักนาย อยู่เป็นของขวัญให้ฉันไปนาน ๆ นะ”

เขาพลิกตัวกลับมาหาคนรัก พูดเสียงเบาให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคน แม้ว่าวันเกิดปีนี้ของเขาจะไม่มีงานเลี้ยง ไม่มีการเป่าเค้กหรือร้องเพลงวันเกิดเช่นหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา แต่การได้อยู่กับคนที่รักในวันสำคัญของตนเองก็ถือว่าเป็นความสุขที่แมคเคนซีพึงพอใจ เรียวแขนพาดกอดเอวสอบของอีกฝ่าย ดวงตาสีฮาเซลปิดปรือลงก่อนจะค่อย ๆ หลับไป
.

.

.
@DEAN

-13.12.24-

พวกเขาเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมในช่วงเช้าแล้วไปขึ้นรถไฟขบวนที่จะไปนิวยอร์ก ตู้นอนวันนี้มีขนาดเล็กลงกว่าขบวนก่อนที่พวกเขาโดยสารจึงต้องจองเป็นสองตู้นอนแทนโดยเขากับดีนนอนตู้เดียวกันและเชมัสนอนแยกอีกตู้นึง

“ผมโอเคฮะ พวกพี่ไม่ต้องห่วงนะ”

พอเสนอว่าให้นอนกับใครสักคนในพวกเขาก็ได้รับคำตอบจากเด็กชายมาแบบนี้ จะว่าไปเชมัสเองก็เป็นลูกคนเดียวเหมือนกัน เด็กชายก็คงนอนคนเดียวมาโดยตลอด เผลอ ๆ อาจสะดวกใจกว่าที่จะนอนกับคนคุ้นเคยแต่ยังไม่สนิทสนมกันมากนักก็ได้ เมื่อแบ่งห้องนอนกันเรียบร้อยก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน มีแค่ช่วงเวลามื้ออาหารเท่านั้นที่จะได้อยู่กันพร้อมหน้า และเมื่อถึงเวลาค่ำก็ได้เวลาแยกย้ายกันเข้าตู้นอนอีกครั้ง

“ถ้าไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากฉันว่าตื่นสักตีห้าก็น่าจะทัน หรือนายว่าไง”

หันมาถามความเห็นดีนกลับเกี่ยวกับเรื่องการตื่นนอนพรุ่งนี้เช้า จากนั้นก็ตักไอศกรีมทานอีกคำ รสหวานละมุนของวนิลาอวลอยู่ในปาก นาน ๆ ได้ทานของหวานเย็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน

@DEAN

“ฉันบอกแล้วว่ามาไม่ไหวก็ไม่เป็นไร”

พออีกฝ่ายรื้อฟื้นขึ้นมาเขาเลยหัวเราะตามไปด้วย เวลาดีนเมาว่าแปลกแล้ว แต่การหลับคาโต๊ะในบาร์ท่ามกลางเสียงดนตรีดังกระหึ่มนั้นแปลกยิ่งกว่า

“ว่าแต่ทำไมตอนนั้นนายถึงมา อยากมาปาร์ตี้แก้เครียด…หรือเกรงใจเพราะฉันชวน”

เกิดสงสัยขึ้นมา หากอยากปาร์ตี้แก้เครียดดีนก็มีกลุ่มเพื่อนเที่ยวอยู่แล้ว ส่วนเรื่องความเกรงใจ…นั่นสิ หรือจะเป็นแบบนั้น พอคิดแล้วก็แอบห่อเหี่ยวขึ้นมา

“อืม…พรุ่งนี้แล้ว ถ้าถึงค่ายฉันก็คงเอาของฝากไปให้น้องที่บ้าน หาข้อมูลเรื่องกริมาลคินเพิ่มเติมอีกหน่อย แล้วก็คงไปอิธากาเลย”

นึกถึงแพลนที่ตัวเองวางไว้คร่าว ๆ หลังจากกลับค่าย จะว่าไปกลับค่ายคราวนี้ก็อยู่แค่ไม่กี่วันก็ต้องออกเดินทางอีกแล้ว

“แล้วนายล่ะ มีแผนจะทำอะไร“

@DEAN

“แน่นอนสิ ใครจะชวนคนที่ไม่อยากเจอให้มางานวันเกิดตัวเองล่ะ”

มองตอบคนข้าง ๆ แล้วยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปากกับความหมายที่แฝงอยู่ในประโยค

“นั่นก็ส่วนนึง…อีกอย่างคือฉันอยากเลี้ยงสัตว์ ไม่รู้สิ เห็นนายอยู่กับออมเล็ตแล้วก็นึกถึงหมาที่บ้านขึ้นมา แต่จะให้ไปจับสิงโตนีเมียนฝีมือฉันคงยังไม่ถึงขั้นนั้น ถ้าเป็นกริมาลคินฉันอาจจะทำได้ก็ได้ มีสัตว์เลี้ยงก็เหมือนมีเพื่อนที่ดีคนนึงเลยว่าไหม”

อันที่จริงแมคเคนซียังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ากริมาลคินเป็นแมวหน้าตาอย่างไร เขารู้เพียงแค่ว่าตนเองรู้สึกถูกชะตาสัตว์วิเศษชนิดนี้จากลักษณะนิสัยที่แม่มดเฮ็กซาเรียบอกเล่ามาเท่านั้น จะเซิร์ทหาในอินเทอร์เน็ตตอนอยู่นอกค่ายก็จะเป็นการเรียกพวกอสุรกายเหมือนคราวที่พวกเขากลับจากไปเที่ยวสวนสนุก ดังนั้นใช้เท่าที่จำเป็นจะดีกว่า

“ก็คงเดินทางหลายชั่วโมง ยังไม่รู้เลยว่าต้องไปกี่วัน ถ้านานฉันว่าจะกลับมาช่วงคริสต์มาส หวังว่าตอนนั้นนายจะยังอยู่ที่ค่าย…”

แมคเคนซีรู้ว่าพอกลับจากซานอันโตนิโอแล้ว ช่วงเวลาที่ได้อยู่ร่วมกันของพวกเขาอาจมีน้อยลง ดีนเองที่ตอนนี้ถือได้ว่าเป็นแนวหน้าของค่ายคงมีภารกิจมากมายรออยู่อีกเยอะแยะ ส่วนเขาก็…นอกจากไปอิธากาแล้วก็ยังไม่รู้อนาคตตัวเองเท่าไหร่

“ช่วงที่ฉันไม่อยู่นายกลับไปนอนบ้านตัวเองก่อนก็ได้ น้อง ๆ คิดถึงนายแย่แล้ว“

@DEAN

“นายว่าสิงโตกับแมวเลี้ยงเหมือนกันไหม”

อาจฟังดูเป็นคำถามโง่ ๆ แต่สัตว์จำพวกสิงโตและเสือนั้นก็ถือว่าเป็นสัตว์สายพันธุ์เดียวกันกับแมว ไม่แน่ว่าอาจมีจุดเชื่อมโยงบางอย่างที่เหมือนกันก็ได้

“ไม่เห็นเป็นไร ถ้าวันเกิดนายไม่อยู่ค่ายแล้วคิดถึงฉันก็ติดต่อมาสิ ถ้าไม่ใช่สถานที่อย่างโอลิมปัสหรือแอตแลนติส ฉันจะไปหา…ถ้านายอยากให้ไปนะ”

อย่างน้อยเขาก็ยังนั่งเครื่องบินได้ น่าจะประหยัดเวลาเดินทางได้เยอะ

“ยังไม่ได้ไปเลยสักหน่อย อย่างน้อยฉันก็ยังอยู่ที่ค่ายอีกสองสามวัน”

พอถูกหอมแก้มก็หัวเราะน้อย ๆ เวลาที่อีกฝ่ายอ้อนนั้นน่ารักเสมอ

“งั้นรีบนอนกันไหม อยากกอดนายแล้ว“

@DEAN

“งั้นฉันก็เลี้ยงด้วยอาหารเม็ดสลับกับบาร์ฟได้น่ะสิ”

ไม่รู้ว่าเคยมีใครเลี้ยงสัตว์วิเศษด้วยอาหารเม็ดไหม แต่มันก็น่าจะสะดวกดี     

“ถ้าถึงขั้นผลิตสมาร์ทโฟนได้ ฉันว่าลูกเทพเฮเฟตัสต้องอัจฉริยะสุด ๆ แน่”

โคลงศีรษะเล็กน้อยก่อนจะปิดปากหาว เขาเอาถ้วยไอศกรีมของทั้งคู่ไปทิ้งแล้วไปแปรงฟันด้วยกันก่อนจะกลับมานอนที่เตียง

“ฉันรู้ว่านายคิดถึงอะไรอยู่ที่รัก อย่าคิดเพลินจนไม่ได้นอนล่ะ”

แกล้งแซวแล้วหลับตาลง พาดแขนกอดดีนไว้เหมือนทุกครั้ง พรุ่งนี้รถไฟจะถึงนิวยอร์กแต่เช้ามืด และพวกเขายังต้องนั่งรถไฟขบวนสุดท้ายต่อไปยังลองไอแลนด์อีก วันนี้รีบนอนเอาแรงไว้ก่อนดีกว่า



แสดงความคิดเห็น

244HBD แมคเคนซีที่รัก 💖 [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie] 12/12/2024 คนที่สองที่ตื่นนอนคือเชม  รายละเอียด ตอบกลับ โพสต์ 2024-12-16 15:31
โพสต์ 42955 ไบต์และได้รับ 24 EXP!  โพสต์ 2024-12-16 15:13
โพสต์ 42,955 ไบต์และได้รับ +15 EXP +25 เกียรติยศ +25 ความศรัทธา จาก คบเพลิงเวท  โพสต์ 2024-12-16 15:13
โพสต์ 42,955 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 ความกล้า +15 ความศรัทธา จาก เวทมนต์[I]  โพสต์ 2024-12-16 15:13
โพสต์ 42,955 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 ความศรัทธา จาก ศาสตร์การปรุงยา  โพสต์ 2024-12-16 15:13
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Hydro X
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
แจ็คเก็ต YANKEES
รองเท้าเซฟตี้
น้ำหอม Unisex
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
สร้อยข้อมือถัก
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x13
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x15
x15
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x2
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x2
โพสต์ 2024-12-16 15:31:20 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Mackenzie ตอบกลับเมื่อ 2024-12-16 15:13
49.2. Happy Birthday MackenzieM
-12.12.24  /  07:00AM.-
วันนี้แมคเคนซีตื่นเช้า ...

244
HBD แมคเคนซีที่รัก 💖


               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               12/12/2024

               คนที่สองที่ตื่นนอนคือเชมัส ปกติแล้วเด็กชายจะตื่นเช้ากว่านี้ ทว่าแปลกที่เมื่อคืนเขาหลับยาวจนตื่นสายกว่าทุกวัน อาจเพราะนั่งรถไฟยาวนานจนเพลีย ส่วนเหตุการณ์เมื่อคืนไม่ได้รับรู้อะไรเลย
               
               เดมิก็อดน้อยได้ยินเสียงฝักบัวดังมาจากห้องน้ำ แปลว่ามีพี่คนหนึ่งเข้าห้องน้ำอยู่ แต่พอหันไปมองบนพื้นก็เห็นดีนนอนหลับกอดเจ้าออมเล็ตอยู่บนพื้นรถไฟโดยมีผ้าห่มคลุมตัว

               งัวเงียได้ไม่นานประตูห้องน้ำก็เปิดออก เสียงเล็ก ๆ ยังไม่แตกหนุ่มเอ่ยทักทายพี่ชายชาวอังกฤษ

               “อรุณสวัสดิ์ฮะพี่แมคเคนซี” ก่อนจะหันไปทางพื้นรถไฟ “ทำไมพี่ดีนไปนอนอยู่ตรงนั้นล่ะฮะ?”

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               ไม่ถึงกับหายสงสัยในทีเดียว เพราะตอนไปเข้าแคมป์ด้วยกันดีนเคยบอกว่า ‘หมาควรนอนในที่นอนของหมา ตามใจให้มันขึ้นมานอนบนที่นอนไม่ได้เดี๋ยวจะเคยตัว’ แต่กระนั้นเขาก็เคยเห็นคนกล่าวประโยคนี้ผิดคำพูดอยู่บ่อย ๆ ซึ่งครั้งนี้ก็คงจะเหมือนกันล่ะมั้ง? แต่แทนที่จะลงไปนอนกับพื้น ทำไมถึงไม่เอาออมเล็ตขึ้นมานอนกอดบนเตียงแทนล่ะ?

               ‘ช่างเถอะ ยังไงก็ได้แหล่ะ’

               เด็กชายขี้เกียจสงสัยต่อ เขาจึงชำระล้างร่างกายตามที่แมคเคนซีบอก เพื่อที่ดีนตื่นขึ้นมาแล้วจะได้ใช้ห้องน้ำต่อได้ทันทีไม่ต้องรอคิว

               ส่วนคนที่นอนอยู่บนพื้นรถไฟ… บอกไม่ได้ว่าผืนกระเบื้องยางที่นอนทับอยู่สะอาดแค่ไหน น่าจะมีการทำความสะอาดในระดับหนึ่งอย่างเช่นดูดฝุ่นถูฟื้น แต่คงไม่ถึงกับขั้นขัดซักล้างอย่างละเอียด ชายหนุ่มที่ถูกเขย่าปลุกคล้ายจะรู้สึกตัวแต่ยังไม่อยากลืมตาตื่น เขาครางเสียงอู้อี้ในลำคอ ใช้เวลาพักใหญ่กว่าที่แพขนตาหนาจะขยับเปิด

               “หืม.. ทำไมฉันถึงมานอนอยู่บนพื้นล่ะ?” ดีนเอ่ยถามเสียงพร่า เขารู้สึกปวดขมับเป็นอย่างมากจากสายแว่นตาว่ายน้ำที่สวมใส่ รัดศีรษะจนขึ้นลอยบุ๋มเป็นแนวยาวตลอดทั้งคืน “เวรเอ๊ย.. ปวดหัวชะมัด”

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “อา.. เมื่อคืน”

               ดีนยันตัวขึ้นมานั่ง ถอดแว่นตาว่ายน้ำออกคล้องไว้กับคอ คู่กับสร้อยกลีบทิวลิปสีส้ม

               “เมื่อคืน… ฉันรู้สึกตัวว่ารถไฟมันกระตุกเลยตื่นขึ้นมาน่ะ ฉันอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้ว ก็เลยแง้มม่านดูวิว แต่สิ่งที่ฉันเห็นคือปีศาจเงือกที่มีหางสองอันเหมือนโลโก้สตาร์บัคส์ กำลังทุบหน้าต่างตู้เรา มันพยายามจะเข้ามาน่ะ ฉันก็เลยลงไปปราบมัน แล้วพอดีว่าทั้งฉันแล้วก็ปีศาจสตาร์บัคส์เป็นโปเกม่อนธาตุน้ำทั้งคู่เลยตีกันไม่เข้า ฉันต้องออกแรงเยอะหน่อยเพราะว่ามันมากันตั้งสองตัวน่ะ กลับมาถึงห้องก็เลยวูบหัวทิ่มอยู่ตรงนี้ ถึงตอนนี้ก็ยังเพลียชะมัด…. ว่าแต่นายเถอะ.. ฉันกรี๊ดแทบลั่นห้อง ไม่ได้ยินเลยหรือไง?”

               มองเงาลาง ๆ ที่นั่งไต่สวนเขาบนเตียงพับของรถไฟ

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “เมลูซีน ชื่อนั่นเหรอ? ไม่เห็นจะเคยได้ยิน ถ้าเป็นเมอร์เมด หรือไซเรนยังพอจะเคยได้ยินอยู่บ้าง”

               ดีนไม่ได้ช่ำชองเรื่องตำนานกรีก-โรมันมากนัก แต่ใด ๆ คือเขาจัดประเภทครึ่งคนครึ่งปลาว่านางเงือกหมด ซึ่งถ้าสวยหน่อยก็จะเป็นแบบนั้น แต่ถ้ามาในสภาพน่ากลัวแบบเมื่อคืนก็เป็นปีศาจเงือกไปเถอะ

               พอถูกอีกฝ่ายดุก็ทำหน้าหงุง

               “กระจกจะถูกทุบแตกอยู่แล้วฉันไม่มีเวลาปลุกนายหรอก คิดว่าออกไปสู้คนเดียวน่าจะจัดการได้ไวกว่า..”

               ซึ่งไม่รู้ว่าคิดถูกหรือผิด เพราะถ้าหากแมคเคนซีถูกลากลงไปสู้ในน้ำน่าจะเป็นอะไรที่ยากลำบากกว่าเมื่อคืนแน่ ๆ เพราะเขาก็ยังไม่เก่งพอที่จะช่วยสร้างฟองอากาศให้คนอื่นไปพร้อม ๆ กับใช้พลังควบคุมสายน้ำ แต่ฟังจากน้ำเสียงที่หลงเหลือความหวังดี แมคเคนซีคงไม่ได้โกรธเขาเท่าไร

               ดีนอ้าแขนออกสองข้าง ซึ่งอีกฝ่ายน่าจะรู้ว่าหมายความว่าอะไร

               “อยากนอนต่ออยู่นะ แต่ว่าฉันมองอะไรไม่เห็น นายช่วยพาฉันไปที่เตียงที ไม่อยากใส่แว่นตาว่ายน้ำแล้วอ่ะ มันรัดหัว”

             [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “อื้อ นายไหวใช่ไหมแมคซี่?”

               กอดตอบคนรักแล้วถูกพาเดินมาที่เตียง พอไม่มีแว่นหรือคอนแทกเลนส์แล้วรู้สึกเหมือนเป็นคนตาบอดยังไงก็ไม่รู้ ถึงจะจับความรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังโกรธอยู่ แต่อ้อมกอดที่มอบให้ก็ยังคงอบอุ่นเหมือนเดิม หากว่าได้หลับในอ้อมแขนนี้คงดี แต่น่าเสียดายที่ถูกพามานอนบนเตียงแทนเสียแล้ว

               ผ้าห่มถูกคลุมปิดจากนั้นความง่วงงุนก็เข้าครอบงำอย่างหนัก จนทำให้ชายหนุ่มผลอยหลับไปในไม่ช้า และเนิ่นนานจนเรียกว่าแทบตลอดทั้งวัน จ่ายเงินค่าอาหารไปไม่คุ้มเลย แต่ยังดีที่ดีนยังมีแรงตื่นขึ้นมารับประทานมื้อเย็นสุดหรู มีแรงดีดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็สลบไปอีกหลังจากกลับมาถึงห้องนอน

               แต่รถไฟวิ่งเข้าใกล้ชิคาโกเข้าไปทุกที จึงจำเป็นต้องตื่นนอนจากเสียงนาฬิกาปลุกตอนสี่ทุ่มครึ่งเพื่อให้มีเวลาเตรียมตัวลงจากรถไฟ

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               กลายเป็นว่าแมคเคนซีเป็นคนจัดแจงทุกอย่างเสียจนเกรงใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เป็นธุระของเขาเองแท้ ๆ เชียว

               ห้องพักที่แมคเคนซีหามาก็ถือว่าค่อนข้างดีกว่าตอนที่ไปภารกิจเดินทางเยอะ ถึงห้องจะไม่ใหญ่โต แต่ก็ยังดีที่มีเตียงใหญ่บิ๊กเบิ่มที่นอนได้ตั้งสามคน–...

               แต่คนรักดันชิงพูดมาเสียก่อนว่ายกเตียงให้เขากับเชมัส ส่วนตัวเองจะนอนที่โซฟา

               “เฮ้! ได้ไงกันเล่า ฉันไม่เอาเปรียบนายหรอกน่า ถ้าจะนอนเตียงก็มานอนด้วยกันสิ ใช่ไหมเชมัส” หันไปถามเด็กชายที่มาด้วย เพราะคิดว่ายังไงอีกฝ่ายก็น่าจะเข้าข้าง

               “ผมยังไงก็—...” ยังไม่ทันที่น้องน้อยจะพูดจบดีนก็กระแอมใส่จนมือเล็ก ๆ ต้องยกขึ้นมาเกาหัวจนเส้นผมสีดำยุ่งเหยิง “พวกพี่ตัวใหญ่นอนเตียงกันดีกว่าฮะ ผมตัวเล็กเดี๋ยวนอนโซฟาให้ได้”

               เด็กชายยิ้มตาปิด ไม่ใช่อะไร เวลามันเลยมาเที่ยงคืนกว่าแล้ว เด็กอนามัยอย่างเชมัสง่วงเต็มแก่

               “เอ่อ.. เอางั้นเหรอเชมัส?” ดีนถาม ส่วนเด็กชายพยักหน้าหงึก ๆ

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “โอเค ตกลงกันได้แล้วเนอะ”

               ดีนปิดปากหาวอีกรอบ ไม่เข้าใจว่าจะง่วงอะไรนักหนา พรุ่งนี้จะเพลียอีกวันหรือเปล่านะ… เพลียได้เพลียดีอย่างกับเสียตัววันแรกอย่างไรอย่างนั้น

               ‘หือ.. พรุ่งนี้!?!’

               ดีนตาโต เหมือนจะสร่างง่วงขึ้นมานิดหน่อยเมื่อนึกได้ว่าตั๋วรถไฟที่ลงวันที่จากชิคาโกไปนิวยอร์กคือวันที่เท่าไร เขาหันไปมองแมคเคนซีที่เดินผ่านหน้าเอาเสื้อผ้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะทันได้รู้ตัวหรือเปล่า หรือจริง ๆ แล้วรู้มาตลอดกันนะ..

               ตอนนี้ยังทำอะไรไม่ได้นอกจากรออีกฝ่ายออกมาจากห้องน้ำ ส่วนดีนนอนมันชุดเดิมนี่แหล่ะ ค่อยอาบน้ำแต่งตัวใหม่ตอนเช้าเพราะว่าวันนี้ไม่ไหว

               “อื้อ ราตรีสวัสดิ์ งั้นฉันปิดไฟแล้วนะ”

               ดีนกล่าวก่อนจะหันไปมองความเรียบร้อยของห้อง เชมัสหลับปุ๋ยไปแล้ว ส่วนออมเล็ตก็ไม่ต่าง มันนอนวันละยี่สิบชั่วโมงตามฉบับแมวใหญ่ (ซึ่งสำหรับวันนี้เขาก็ไม่ได้ต่างอะไรกับมันเลย) ดีนสอดตัวลงไปในผ้าห่ม แล้วพอแมคเคนซีเข้ามานอนข้าง ๆ ก็กระแซะตัวเข้าหาซุกไออุ่น

               “แล้วก็สุขสันต์วันเกิดนะแมคซี่ ฉันรักนายนะ”

             [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               .
               .
               .

               13/12/2024

               เช้าวันรุ่นขึ้นค่อนข้างสดใส อาจเพราะว่าดีนใช้เวลาของเมื่อวานทั้งวันในการนอนหลับเพื่อฟื้นฟูพลังกาย (รวมถึงได้ชาร์จพลังงานบวกจากคนรักที่ไม่ได้เติมเต็มมาตั้งคืนนึง)

               รถไฟออกตอนเก้าโมงครึ่ง ทั้งสามจึงรีบเช็คอินออกจากโรงแรม แล้วมารอขึ้นรถไฟสายเลคชอร์ไปยังนิวยอร์ก ซึ่งการเดินทางในวันนี้แตกต่างจากขามานิดหน่อย เนื่องจากตู้นอนของพวกเขามีขนาดเล็กลงเพราะจองแบบ ‘ห้องนอน’ ไม่ได้ แต่ได้เป็น ‘ห้องรูมเมท’ ที่นอนได้แค่สองคนแทน เชมัสที่จองตั๋วทีหลังจึงต้องกระเด็นไปนอนคนเดียว

               ‘ขอโทษนะน้องชาย แต่พี่อยากสวีทกับแฟนว่ะ เพราะงั้นคืนนี้นอนคนเดียวไปก่อนนะ’

               การนั่งรถไฟทั้งวันยังคงน่าเบื่อเหมือนเดิม ไม่มีอะไรทำนอกจากฟังเพลง จกพุงออมเล็ต นอนกลิ้ง แล้วก็กินขนม ยังดีที่มื้ออาหารค่ำวันนี้อยู่ในเกรดหรูหราเหมือนกับเมื่อสองคืนก่อน ไม่ใช่อาหารเวฟเหมือนกับตอนขามา แม้มื้ออาหารจะอิ่มท้องแต่หากได้กินไอศกรีมสักหน่อยก็น่าจะดี ดีนจึงซื้อไอศรีมถ้วยจากช็อปขายอาหารเล็ก ๆ บนตู้เสบียงติดตัวเข้ามากินในห้องโดยสารด้วย


               “พรุ่งนี้รถไฟถึงนิวยอร์กตีห้าสี่สิบสองล่ะ นายว่าเราตื่นนอนกันเมื่อไรดี?”

               ดีนเอ่ยถามขณะที่ตักไอศกรีมเข้าปากในท่านั่งอิงแอบกันกับแมคเคนซีบนเตียงนอนชั้นล่าง จู่ ๆ ห้องพักเล็กลงก็แอบไม่ค่อยชินเหมือนกัน แต่ก็อบอุ่นดี

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “ตีห้าสินะ โอเค ฉันจะได้ตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้”

               กิจวัตรไม่น่ามีอะไรมากอยู่แล้วนอกจากตื่นขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟัน ของที่เก็บก็มีแต่ของในห้องน้ำ ส่วนเสื้อผ้าก็อยู่ในกระเป๋าใบใหญ่

               “ว่าไปนึกถึงเมื่อปีที่แล้วเลยนะ มาปาร์ตี้วันเกิดนายแต่ว่าฉันดันฟุบหลับคาโต๊ะซะงั้น” ดีนหัวเราะ มือคนไอศกรีมในถ้วยจนเหลวค่อยตักเข้าปาก

               วันเกิดของแมคเคนซีเป็นช่วงเดียวกับที่ดีนต้องส่งวิทยานิพนธ์พอดี เรียกว่าปั่นธีสีสทั้งวันจนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน พอไปถึงคลับก็เลยตามสภาพ ตอนนั้นพวกเขายังไม่ได้คบกันก็เลยไม่เท่าไร แต่ถ้าขืนเป็นวันเกิดปีนี้ของอีกฝ่ายที่เขามัวแต่หลับทั้งวัน จะถูกงอนเอาไหมนะ?

               จะว่าไปก็เกือบอยู่.. เมื่อวานก็เล่นเอาหลับไปทั้งวันเหมือนกัน แล้วเขาก็รู้สึกถึงรังสีมาคุจากแมคเคนซีได้อีกด้วย

               “พรุ่งนี้ก็ถึงค่ายแล้วสิ… ใช่รึเปล่านะ ฉันรู้สึกว่าตัวเองนั่งรถไฟจนหลงวันหลง” เขาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดเรื่องที่จะถามต่อ “นายกะว่ากลับไปแล้วจะทำอะไรบ้าง?”

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง ฉันมาเพราะอยากมา อีกอย่างเป็นงานวันเกิดทั้งทีนี่นา เจ้าของงานชวนเพราะว่าอยากให้มาใช่ไหมล่ะ”

               ดีนตักไอศกรีมเหลว ๆ เข้าปากสายตาก็จดจ้องไปที่อีกคน

               สำหรับดีนวันเกิดถือเป็นวันสำคัญ ไม่ว่าใครก็ควรได้รับการเฉลิมฉลอง นั่นคือแนวคิดพื้นฐานของชายหนุ่ม แต่ที่พิเศษไปกว่านั้นคือดีนตั้งใจที่ไปหาอีกฝ่ายเพื่อเอ่ยคำอวยพรจากปากเป็นคนแรก แต่แย่ฉิบที่ตอนน้ันเขาหลับคาโต๊ะตั้งแต่ยังไม่เที่ยงคืน กว่าจะได้อวยพรให้แมคเคนซีงานก็ใกล้เลิก กลายเป็นคนสุดท้ายของปาร์ตี้ได้มั้งที่พูดแฮปปี้เบิร์ดเดย์

               แต่อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ยังสวมกำไลถักที่เขามอบให้อีกฝ่ายอยู่

               “นายดูจริงจังเรื่องแมวน่าดูเลยนะ คงไม่ใช่เพราะฉันพูดว่าอยากจกพุงใช่ไหม” ดีนหัวเราะ “ส่วนฉันเหรอ… ฉันน่ะ ไม่อยากจะทำอะไรเลย”

               เขาไม่อยากพูดถึงภารกิจคำพยากรณ์ คิดแล้วว่าการกู้โลกอาจไม่พ้นตัวเอง แต่อยากจะอู้อีกสักหน่อย

               “ฉันอยากนอนกลิ้งอยู่ที่กระท่อมอย่างเดียวแล้วก็น้วยออมเล็ตทั้งวัน แต่อีธากาอยู่ตั้งไกล นายคงไม่เทียวไปเทียวกลับทุกวันใช่ไหม สงสัยว่าฉันต้องกลับไปนอนบ้านโพไซดอนแล้วสิ”

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “นายพูดถูก ฉันก็ไม่ชวนคนที่ไม่อยากเจอให้มางานเหมือนกัน”

               กำปั้นชกแขนคนยอกย้อนเบา ๆ ดีที่ปีนี้พวกเขาอยู่ด้วยกัน แม้จะไม่มีงานฉลองอะไรมากมายไปกว่ากินไอศกรีมกันที่ห้องนอนแคบ ๆ บนรถไฟก็ตามที แต่อย่างน้อยก็ถือว่ามื้อเย็นอร่อยคงทดแทนปาร์ตี้สุดมันได้ในอีกบรรยากาศหนึ่ง เสียดายนิดหน่อยที่พวกเขาไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์สักกรึ๊บเลยก็ตาม

               ส่วนเรื่องสัตว์เลี้ยงไม่มีข้อกังขา

               “ก็ถูกของนายแหล่ะ ฉันไม่เคยเลี้ยงแมวมาก่อน ตอนแรกก็กลัวว่ามันไม่ยอมเล่นด้วยแล้วจะเหงา แต่พอได้เลี้ยงจริง ๆ ก็ไม่แย่อย่างที่คิด”

               ออมเล็ตเป็นตัวอย่างที่ดี แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะเจ้าตัวเล็กยังเป็นเด็กน้อยอยู่หรือเปล่าถึงได้ขี้อ้อนน่ารักน่าเอ็นดู หากโตขึ้นเป็นสิงโตตัวเท่าบ้านอาจไม่ทำตัวน่ารักแบบนี้แล้วก็ได้

               ไอศกรีมวนิลาคำสุดท้ายถูกตักเข้าปาก น่าแปลกที่ไอศกรีมสุดแสนธรรมดากลับมีรสชาติดีขึ้นเป็นเท่าทวีเมื่อถูกรับประทานกับคนรู้ใจในชุดนอน

               “แน่นอนว่าฉันต้องอยู่ค่ายวันคริสต์มาสอยู่แล้ว ไม่ยอมพลาดงานเลี้ยงฉลองแน่นอน เฮ้อ.. หวังว่าวันเกิดฉันในปีหน้าจะมีนายอยู่ด้วยนะ ไม่ใช่ว่าฉันต้องออกไปภารกิจข้างนอกอีก”

               ดีนยิ้มแห้ง เขาไม่รู้เลยว่าอีกสองเดือนข้างหน้าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่ขอให้เป็นเรื่องดี ๆ แล้วกัน

               “น้องคิดถึงฉันไม่เท่าที่ฉันคิดถึงนายหรอกที่รัก” โน้มหน้าเข้าหาแตะปลายจมูกที่แก้มของคนรักที่มีกลิ่นหอมของสบู่ไม่ต่างกัน “งั้นคืนนี้ฉันจะนอนกอดนายให้คุ้มก่อนออกเดินทาง”

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “มีบางส่วนน่าจะคล้าย แต่คงต่างเรื่องอาหาร อย่างน้อยแมวก็ไม่ต้องกินเนื้อดิบทุกมื้อ เสริมบาร์ฟเป็นบางมื้อก็พอ”

               ความจริงออมเล็ตไม่ควรกินอาหารสุนัขเพราะสารอาหารไม่เพียงพอสำหรับการเติบโต แต่ในช่วงเวลาการเดินทางแบบนี้เขาก็ไม่รู้จะหาเนื้อดิบจากไหนมาให้มันกิน ตอนอยู่บ้านก็ยังพอแถว่ามันกินบาร์ฟได้อยู่

               “อื้อ เหรียญดรักม่าฉันมีไว้เพื่อโทรเครือข่ายไอริสหานายหมดเลยที่รัก ถ้าเดมิก็อดใช้มือถือได้ก็ดีสิ ไม่มีบุตรเฮเฟตัสที่ไหนคิดจะผลิตสมาร์ทโฟนขึ้นมาบ้างเลยหรือไงนะ”

               ถึงดีนจะบ่นแต่ก็ปนขำ บางทีเขาอาจจะปลงกับเรื่องนี้ได้แล้วล่ะมั้ง

               “อื้ม นอนกัน แต่ว่าเราต้องออกไปแปรงฟันก่อนนอนกันก่อน เตียงนี่แคบพอ ๆ กับโซฟาเลย นอสทัลเจียชะมัด”

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               หลังจบมื้อดึกก็ได้เวลาเข้านอน น่าเสียดายที่ห้องน้ำในห้องนอนแสนสะดวกสบายไม่มีแล้วจึงต้องไปเข้าห้องน้ำข้างนอกที่หัวท้ายตู้โดยสาร แต่กระนั้นก็ไม่เรียกว่าลำบาก แปรงฟันให้สะอาดแล้วก็ได้เวลาเข้านอน

               เตียงรถไฟห้องแบบรูมเมทไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้นอนได้สองคน ฉะนั้นมันจึงค่อนข้างคับแคบเสียหน่อยเมื่อต้องเบียดเสียด แต่แบบนี้น่ะอุ่นดีชะมัด

               “ถ้ามัวแต่คิดเรื่องนั้นคงไม่ได้นอนทั้งคู่” ดีนหัวเราะแผ่วเบาก่อนจะขยับซบท่อนแขนกำยำต่างหมอน “ฉันไม่คิดอะไรแล้ว นอนดีกว่า ฝันดีแมคซี่”

               เอียงใบหน้าขึ้นจูบปลายคางและสันกรามได้รูป ก่อนจะหลับตาลงแล้วปล่อยให้นิทราเข้าครอบงำ




แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 45095 ไบต์และได้รับ 24 EXP!  โพสต์ 2024-12-16 15:31
โพสต์ 45,095 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +15 ความกล้า จาก แจ๊กเก็ตยีนส์  โพสต์ 2024-12-16 15:31
โพสต์ 45,095 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +10 ความกล้า จาก แว่นตา  โพสต์ 2024-12-16 15:31
โพสต์ 45,095 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +8 ความศรัทธา จาก เข็มทิศมหาสมุทร  โพสต์ 2024-12-16 15:31
โพสต์ 45,095 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +9 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก ตรีศูลน้อย  โพสต์ 2024-12-16 15:31
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เข็มกลัดโพไซดอน
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่แห่งเกียรติยศ
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
เข็มทิศมหาสมุทร
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ควบคุมน้ำ
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
น้ำหอม Unisex
หมวกเกราะ
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x10
x1
x2
x4
โพสต์ 2025-1-12 17:17:30 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Example Box with Image and Text

ชิคาโก

EP. 2 ลอร์ร่าเดินทางไป  อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน (ภารกิจกู้ภัยเดมิกอต)



ในเช้าวันถัดมา ลอร์ร่านอนแบบไม่สงบนัก เธอตื่นขึ้นมา จัดการตัวเองให้เรียบร้อย เอากล่องไปคืนด้วย

หลังจากลอร์ร่าจัดแจงตัวเองเสร็จในห้องน้ำของสถานี เธอเดินไปซื้อกาแฟร้อนจากร้านเล็กๆ ในมุมหนึ่งของสถานี กลิ่นกาแฟทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง

แต่ในใจเธอยังเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความกังวลสำหรับการเดินทางต่อไป รู้สึกยังไงก็ไม่รู้บอกไม่ถูกเลยด้วยซ้ำไป

เธอนั่งพักที่ม้านั่งพร้อมตรวจสอบตารางเวลาอีกครั้ง “ยังมีเวลาอีกนิดก่อนรถไฟจะมา…” เธอพึมพำ ขณะที่เธอกำลังนั่งจิบกาแฟอย่างสบายใจ เสียงเอะอะดังมาจากด้านหน้าของสถานี

และเมื่อลอร์ร่าเงยหน้าขึ้นและเห็นชายร่างใหญ่ในชุดสกปรกเดินตรงมาหาเธอ แต่สิ่งที่เธอเห็นกลับไม่ใช่แค่ชายธรรมดา 

แต่เขามีรูปร่างคล้ายกับสัตว์ในตำนาน มิโนทอร์ ตัวใหญ่ มีหัวเป็นวัวที่ดูน่าสะพรึงกลัว อย่างไรก็ตาม ผู้คนรอบตัวกลับมองเห็นเป็นเพียงชายไร้บ้านที่ดูมีอาการทางจิตเท่านั้น

ไงยัยหนู หึๆ ” ชายร่างใหญ่ตะโกนเสียงดัง ลอร์ร่าสะดุ้งและพยายามหลีกเลี่ยง แต่เขากลับเดินเข้ามาใกล้และพยายามคว้าแขนเธอไว้ รอยยิ้มน่าน่ากลัวมา มันไม่ได้ยิ้นสิ มันจะกินเธอเข้าไปแล้วนะ

" กริ๊ดดดดดดดดดดดด ดดดดดดดดดดดด ดดดดด ดดดดดดดดดดดดดดด "

อย่ามายุ่งกับฉัน! ออกไปเดี๋ยวนี้นะ ” เธอตะโกนพลางผลักเขาออกไป 

และสิ่งที่เธอเกลียดก็เริ่มต้น การต่อสู้เริ่มต้นขึ้นในสายตาของเธอ มันเหมือนการต่อสู้กับสัตว์ประหลาด เธอใช้เป้หนักๆ ของเธอเหวี่ยงใส่เขา 

" ลอร์ร่า ลูก สติ ลูกอยากกระโตกกระตาก คนอื่นไม่ได้เห็นอย่างที่ลูกเห็น " เสียงของผู้เป็นพ่อดังขึ้นในหัวทันที แต่เหมือนสติเด็กสาวจะหลุดออกไปแล้ว เเทบไม่ได้ฟัง ยังส่งเสียงเเผดไม่หยุด

เหมือนยังว่ายิ่งยุเลยนะเเบบนี้หนะ

แต่สำหรับคนรอบข้าง มันดูเหมือนผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งกำลังพยายามสู้กับชายไร้บ้านที่เข้ามาก่อกวน

" กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด อย่า เข้ามา บอกแล้ว ไง เตือนไม่ฟัง ไอเลว กริีดดดดดดดดดดดดดดดดด ออกไป๊!!!!! "

" ดูนั้นสิๆ  ทำร้ายคนเเบบนั้นได้ยังไง " เสียงคนรอบๆ เริ่มพูดและมาดู

" อะไรกันหนะ คน บ้า ...... คนตีกัน "

" ดูนั้นสิ เเย่อาหารกันหรอ "

" ถ่ายคลิปไว้ๆ "

" ตายเเล้วๆๆๆๆๆ ...... อย่าไปใกล้ลูก "

" ....... "

" ว้ายย คนบ้าดีกัน เเจ้งเจ้าหน้าที่เร็ว "

และอีกมากมายหลายเสียงที่อลณืร่าได้ยิน ทั้งด่าว่าเธอและมากมาย นี้โดยสาบสมสุดๆไปเลย ทั้งที่มันทำร้ายเธอนะ นี้ไม่มีใช่คนนี้มันอะไร พวกเขาไม่เห็หนิ 

เธอใช้เวลาการต่อสู้ ตบตี ทุบกันอยู่นาน ก่อนเธอจะเอามือฟาดคออีกฝ่ายให้สลบไป

" ว้าย เด็กสมัยนี้รุนแรงมาก เเจ้งตำรวจเลย "

“ หยุดเลยนะป้า !!! เขามาลวนลามฉัน! อย่ามาพูดจามั่วๆ ให้คนอื่นเสียหายนะ ” 

ลอร์ร่าตะโกนเสียงดังเพื่อให้ผู้คนช่วยเข้าใจสถานการณ์ เจ้าหน้าที่สถานีรีบเข้ามาควบคุมสถานการณ์และพาชายคนนั้น ที่อยู่ในร่างของ มิโนทอร์ออกไป 

แต่ลอร์ร่าเองก็ยังคงตัวสั่นจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่โกรธยัยป้าปากดีกว่า ต้องปะทะฝีปากซักหน่อยแล้วหละ สักดอกงานนี้

" ป้าเป็นลูกผู้หญิงยังไง ปล่อยเด็กตัวเล้กๆ โดนลวนลามหรอ มันจะทำมิดีมิร้ายหนูนะ " เธอที่เหนื่อยจากการต่อสู้ โว๊ยวายอย่างหัวเสียสุดๆ หันไปมองคนรอบๆ 

ยังไงจะยังไง เข้ามาเดี๋ยวนี้ พูดมาให้หมด แม่จะตบปากให้หมดเลยนะ

" ...... " ไม่มีเสียงตอบรับจากเรียกหมายที่ท่านเรียกเลย งเงียบหริบหลังรู้ความจริง การขอโทษนั้นไม่มี

" ยังไงคะ ป้า!!! " เด็กสาวตรงเข้าไปหามนุษย์ป้า ที่พูดจาไม่ดีคนเดิม

" ให้มันลงทำกับลูกสาวป้าดูมั้ยคะ " เธอยิ้มๆ เลือดที่ตบตีกับมันนั้นไหลออกมาเล็กน้อย

" ก็ฉันไม่รู้หนิ " อีกฝ่ายก็ได้เเต่พูดไม่รู้ ที่ดูเหมือนจะง่าย

" แล้วใครนับญาติกับเด็กอย่าเธอ "

" อ่อๆๆ ก็ไม่อยากนับนักหรอก เเก่ขนาดนี้ กลัวต้องดูแลหนะสิ ท่าทางจะลำบาคมากเลย " เธอยู้วปากใส่

" ไอเด็กนี้!! เเกมันพวกเด็ฏไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม "

" ว้ายตายแล้ว ..... ขอบคุณนะคะ ที่กล้าสอนหนู แต่สอนดีๆ จะดีมากค่ะ " เธอกวนประสาท มองหน้าป้า

" เถียงคำไม่ตกฝ่ากจริงๆ "

" ป้า ... ก็ ... ขอโทษ .... หนู .... สิ ... คะ " เธอยิ้ม มองตาเเข็งๆ หน่อย พร้อมเน้นเสียงคำ

" ฉันไม่ผิด แถวฉันเเก่กว่าเธอต้องเอยะ ดูด้วย "

" ตายจริง เเก่ขนาดนี้ จะสอนคนอื่นยังไงนะ ขอโ?ษเพราะตัวเองทำผิดยังไม่เป็นเลย เเย่จังเลยเนอะ!!

เธอพูด และพูดเสียงดังๆ หันไปรอบๆ แบบใช่จ๊ะ ประจานยัยป้านี้ให้หมดเลย หมั่นไส้สุดๆ

หึ ไม่รู้แต่ปากดี พูดมากนี้มันต้องยังไงกันนะ ตัดสินคนจากภายนอก ไม่ถามไถ่ แย่จริงๆ ลอร์ร่าที่ตอนนี้หัวจะเสียอย่างมากเลย

และไม่นานทางเจ้าหน้าที่ก็เข้ามาควบคุมทุกอย่างไว้ ก่อนจะพาเธอไปทำแผล ที่เลือดออกด้วย 

เด็กสาวถอนหายใจออกมาทุกอย่างจากที่จะดีๆ แต่เดี๋ยวนะ ฝากยัยป้าบ้านั้นไว้ก่อนนะ ยังไม่ขอโทษกันเลย หน่อย!!!

" เรียบร้อยครับคุณผู้หญิง ไม่เจ็บตรงไหนอีกใช่ไหมครับ " ทางเจ้าหน้าที่ที่ช่วยทำแผลให้ถาม

" อ่อ...ไม่เเล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ดีขึ้นแล้วค่ะแต่ฉันขอน้ำเปล่าสักขวดได้ไหมคะ " ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วนะ ขอมาเลยไม่ต้องซื้อหรอก

วันนี้วุ่นวายไปหมดเลยทีเดียว แล้วเลทเเบบนี้จะไปถึงกันที่โมงกี่ยามหละทีนี้

เมื่อทุกอย่างสงบลงเเผลก็ทำเรียบร้อยแ้ลว ลอร์ร่ารีบคว้ากระเป๋าแล้วตรงไปยังชานชาลา 

แต่ในที่สุดเธอก็พบว่าขบวนรถไฟที่เธอจองไว้ได้ออกไปแล้วโดยไม่มีเธอ 

ไม่นะ! นี่มันฝันร้ายชัดๆ ให้ตายเถอะ ” เธอกุมหัวตัวเองด้วยความเครียด

ลอร์ร่าต้องกลับมาที่ห้องโถงเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับขบวนรถไฟถัดไป ซึ่งจะมาถึงอีก 3 ชั่วโมง เธอนั่งรอด้วยความเหนื่อยล้า และมองผู้คนที่ผ่านไปมา 

การเดินทางครั้งนี้ชักจะบ้าขึ้นทุกที… ” เธอบ่นกับตัวเอง แบบไม่มีทางเลือกก็ต้องรอต่อไป ช้ากันไปหมดเลย

หลังจากขึ้นรถไฟขบวนใหม่ ลอร์ร้ามาถึงคลีฟแลนด์ในช่วงสาย แม้จะล่าช้ากว่ากำหนด เธอรีบลงไปหาของกินที่สถานีเพราะหิวจนท้องร้อง ร้านเบเกอรี่เล็กๆ ที่ขายแซนด์วิชและกาแฟกลายเป็นที่พึ่งพาของเธอในช่วงเวลานั้น

ขอแซนด์วิชแฮมชีสกับกาแฟค่ะ” ลอร์ร่าสั่งด้วยความรีบเร่ง เธอเลือกนั่งที่โต๊ะเล็กๆ ใกล้หน้าต่างและทานอาหารเเบบรองท้องอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกลับไปที่สถานี

แต่โชคร้ายยังไม่หมด ลอร์ร่าสับสนกับตารางเวลาอีกครั้งและไปผิดชานชาลา ทำให้เธอตกรถไฟขบวนถัดไปอีกครั้ง 

โอ๊ย! นี่มันวันอะไรของฉันกันเนี่ย จะบ้าตายทุกชั่วโมงเลยหรือยังไง ” เธอบ่นพร้อมกับยืนมองขบวนรถที่เคลื่อนออกไป

เธอต้องรออีก 2 ชั่วโมง ลอร์ร่าใช้เวลานั้นเดินเล่นรอบสถานีและไปยังริมทะเลสาบอีรี 

เธอพยายามปลอบใจตัวเองด้วยการมองวิวสวยงามของน้ำที่ทอดยาวสุดสายตา แต่ในใจก็ยังอดกังวลไม่ได้เกี่ยวกับการเดินทางที่ล่าช้ากว่ากำหนด

ก็นะไหนๆ แล้วก็พักผ่อนไปด้วยเลย เเต่หวังว่าจะไม่เจออะไรอีกนะ เธอถอนหายใจ คนอะไรจะดวงดีขนาดนั้น จบงานนี้ไปทำบุญเลยนะ

หลังจากพักผ่อนเเบบปลอดโปร่งไปแล้วเธอก็กลับไปต่อรถต่อ

หลังจากขึ้นรถไฟขบวนใหม่ได้ในที่สุด ลอร์ร่าก็มาถึงโทเลโดในช่วงบ่าย เมืองนี้ดูเงียบสงบ เธอเดินลงจากรถไฟพร้อมเป้ที่หนักอึ้ง และตรงไปที่ร้านขายของเล็กๆ ในสถานีเพื่อซื้อน้ำดื่มและของว่าง

มีอะไรแนะนำไหมคะ? ” ลอร์ร่าถามพนักงานในร้าน

คุกกี้ช็อกโกแลตของเราขายดีมาก ลองดูสิ อร่อยนะ ” พนักงานตอบพร้อมรอยยิ้ม 

หลังคำแนะนำเธอหยิบคุกกี้สองชิ้นและน้ำขวดเล็กติดตัวมากินระหว่างทาง ยังดีวะ อย่างน้อยๆ ก็ได้ชมวิวหลังเรื่องปวดหัว

แม้จะมีเวลาพักไม่นาน แต่เธอก็พยายามใช้เวลานั้นพักผ่อนเล็กน้อยก่อนขึ้นรถไฟขบวนต่อไป ลอร์ร่านั่งมองผู้คนรอบๆ ที่สถานีด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งเหนื่อยล้าและเพลียมากๆ 

หลังจากเผชิญอุปสรรคต่างๆ ในที่สุดลอร์ร่าก็ขึ้นรถไฟขบวนใหม่ซึ่งเป็นต่อสุดท้ายของตัวได้ 

รถไฟสายยาวพาเธอเข้าสู่การเดินทางครั้งสุดท้ายของวันนี้ เสียงล้อเหล็กบดกับรางดังเป็นจังหวะ เธอหลับๆ ตื่นๆ ตลอดเส้นทาง เพราะความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง

เมื่อมาถึงชิคาโกในยามค่ำ เธอลงจากรถไฟที่ Union Station ด้วยความอ่อนเพลีย แต่ยังคงต้องหาแผนสำหรับคืนนี้ 

เธอเดินออกจากสถานีและตรงไปยังร้านค้าเล็กๆ ใกล้สถานีเพื่อซื้อขนมปังและน้ำดื่มมารองท้องก่อน

ไม่มีที่พักอีกแล้วสินะ…” เธอพึมพำกับตัวเองขณะมองแผนที่ เธอตัดสินใจหาโรงแรมแบบแคปซูลที่อยู่ในงบประมาณของเธอ 

เธอใช้เวลาในการเดินวนอยู่พักใหญ่จนเจอโรงแรมแบบเล็กๆ ที่เปิดรับนักเดินทางราคาประหยัด เเบบว่าจะนอนที่สถานีอีกก็จะไม่ไหวเอาแล้ว เพราะว่าไม่ไหวแล้วอยากอาบน้ำมากๆ

ลอร์ร่าเช็คอินเข้าโรงแรมแคปซูลที่ดูเรียบง่าย เธอรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นเตียงเล็กๆ ในห้องส่วนตัวแคปซูล หลังจากเก็บกระเป๋า 

เธอตรงไปยังห้องน้ำรวมของโรงแรมเพื่ออาบน้ำล้างตัว ความเหนื่อยล้าค่อยๆ จางหายไปเมื่อได้น้ำเย็นชะโลมร่างกาย

พรุ่งนี้ต้องเป็นวันที่ดีขึ้น ขอให้ไม่เจออะไรบ้าๆ อีกนะ” เธอบอกตัวเองก่อนกลับมาที่เตียงเล็กๆ ในแคปซูล 

เธอจดบันทึกเล็กๆ เกี่ยวกับวันที่ผ่านมาและวางแผนเส้นทางสำหรับวันถัดไป ก่อนจะหลับไปด้วยความหวังเล็กๆ สำหรับการเดินทางที่เหลือ




หลักฐาน
ต่อสู้กับ มิโนทอร์ (ชนะ) - จิ้มๆ



สินสงคราม: (เลือก)
- เขามิโนทอร์ (เลขไบต์คี่)
- หนังมิโนทอร์ (เลขไบต์คู่)

+ 2 ตื่นรู้ (ต่อสู้ชนะครั้งแรก)




แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 41061 ไบต์และได้รับ 24 EXP!  โพสต์ 2025-1-12 17:17
โพสต์ 41,061 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 ความศรัทธา จาก บทเพลงปาร์ตี้  โพสต์ 2025-1-12 17:17
โพสต์ 41,061 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +8 ความกล้า จาก รองเท้าเซฟตี้  โพสต์ 2025-1-12 17:17
โพสต์ 41,061 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +6 ความกล้า +9 ความศรัทธา จาก กำไลหินนำโชค  โพสต์ 2025-1-12 17:17
โพสต์ 41,061 ไบต์และได้รับ +15 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +20 ความกล้า +20 ความศรัทธา จาก รสชาติแห่งความสุข  โพสต์ 2025-1-12 17:17

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บัตรส่วนลดรถไฟ HP 2025
สื่อสารกับสัตว์
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
น้ำมันหอมอามูร์
เข็มกลัดไดโอนีซุส
แว่นกันแดด
ขลุ่ยไม้เถาองุ่น
รองเท้าเซฟตี้
กำไลหินนำโชค
รสชาติแห่งความสุข
สัมผัสแห่งองุ่น
ธนู
ชุดเครื่องเพชร
หมวกปีกกว้าง
ความคิดสร้างสรรค์
โรคสมาธิสั้น
ต่างหูเงิน
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x10
x3
x3
x5
x1
x1
x7
x2
x1
x1
x2
x1
x1
x4
x2
x4
x4
x15
โพสต์ 2025-1-26 23:28:15 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Activity Form

ชิคาโก

EP. 8 ลอร์ร่าเดินทางกลับค่าย (ภารกิจกู้ภัยเดมิกอต)




เด็กสาวทั้งคู่ออกเดินทางอีกครั้ง แต่ในรอบนี้ดูจะไม่หนักหนามากเพราะเป็นการนั่งรถไฟยาวทั้งวัน  เธอเอ็นเบาะรถไฟลงเพื่อทำให้ตัวเองสบายขึ้นเล็กน้อย


ก่อนที่จะหันมองคนด้านข้างที่นั่งอยู่บริเวณริมหน้าต่างเธอที่หลับไปตอนไหนก็ไม่รู้แต่เมื่อเธอตื่นขึ้นมาส่วนมากก็จะเห็นอีกฝ่ายนอน 


น่าจะสลับกันไปมาเพราะมันก็มีบ้างที่จะตื่นขึ้นมาไปเข้าห้องน้ำเธอก็เห็นอีกฝ่ายไม่อยู่ 


ถึงไหนแล้วเนี่ย ” เธอลองขยับตัวเอง มองออกไปด้านนอกหน้าต่างวิวแทบมองไม่รู้เรื่องว่าอยู่ที่ไหนแล้ว


แต่เมื่อมองแผนที่ด้านบนที่แสดงขึ้น  ตัวทีนั้นก็กำลังบอกว่าเธอนั้นเดินทางมาได้ไกลพอสมควรเหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงตัวขบวนรถไฟนี้ก็จะสิ้นสุดถึงปลายทางนั่นคือ จุดหมายของเด็กสาวทั้งคู่


ในระหว่างทางเองรถไฟก็มีการพักจอดเป็นระยะแต่พวกเธอสองคนนั้นไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตู้ขบวนแต่อย่างใด 


ในระหว่างที่จอดพักบางสถานีก็ค่อนข้างที่จะจอดนานแน่นอนว่า ลอร่า มักจะใช้ช่วงเวลานั้นลงไปหาซื้อขนมและของกินด้านล่าง


เดินยืดเหยียดพอเป็นพิธีแล้วก็กลับเข้าสู่ขบวนรถไฟกลับไปนั่งแล้วก็แบ่งกันกินขนมตามเดิม 


ที่นั่งของเธอไม่ได้ใหญ่โตมากนักแต่มันก็ค่อนข้างที่จะสะดวกสบายพอสมควร 


ทั้งคู่จับจ่ายใช้สอยกันอย่างประหยัดเนื่องจากเงินที่มีมีอยู่น้อยนิด  กับการเดินทางนี้อีกค่อนข้างไกลเลยทีเดียว


เธอมองดูออกไปนอกหน้าต่างถ้าไปถึงตัวชิคาโกเองน่าจะมืดพอดีคงต้องไปหาที่พักแถวนั้น 


เธอที่ถอนหายใจเพราะว่าเดินเดินทางกันมาทั้งวันเรียกได้ว่าเน็ตเหนื่อยกันมาตลอดเลยทีเดียว 


เด็กสาวเปลี่ยนอิริยาบถนั่งไปมา  เล็กได้ว่าเมื่อยแล้วก็ว่าได้เพราะว่าเธอนั่งมานานไม่ค่อยได้ลุกไปไหนจะเดินก็ต่อเมื่อมันคือสถานีใหญ่ที่จะหยุดจอดพักประมาณ 20-30 นาที 


ลอร่า ” ทางเนลลี่เองเรียก สีหน้าดูไม่ค่อยโอเคเท่านัก


เด็กสาวหันไปมองแบบว่ามีอะไรหรือเปล่า 


เธอเป็นหนะ รู้สึกหรือเปล่า ” 


อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรแต่เพียงเป็นการกระซิบพร้อมกับส่งสายตาออกไปด้านนอก 


เงาด้านนอกนั้นทำให้เธอรู้ได้ว่าแถวนี้เองก็ไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่เธอคิดเท่าไหร่ 


มันก็คงเป็นแค่เงาไม้มั้ง ” เธอพยามปลอบใจตัวเองเพื่อไม่ให้คิดฟุ้งซ่านเพราะเธอไม่อยากเจออะไรอีกแล้ว


เธอแน่ใจใช่ไหม ” อีกฝ่ายถาม พร้อมเลิ่กคิ้วขึ้นเล็กน้อย


อันที่จริงเธอเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่เพราะว่ามัน  ตามเธอมาตลอดเธอเห็นมันมาได้สักพักแต่เธอก็พยายามปล่อยมันออกไป


เนื่องจากสภาพของเธอทั้งคู่ในตอนนี้ก็คือไม่พร้อมมาก


แถมถ้ามาเจออะไรตอนนี้เธอคงแย่แน่เพราะว่าการเดินทางมันจะต้องหยุดชะงักลงอีก


เราอาจจะแค่เหนื่อยแล้วเห็นภาพหลอนก็ได้นะ ” เธอยิ้มอ่อน แต่นั่นเป็นเพียงแค่คำปลอบใจตัวเอง เท่านั้น เพราะลอณืร่าไม่พร้อมในตอนนี้เอามากๆเลยยังไงหละ


ร่างกายขงองทั้งคู่ ยังมีเเต่เเผลเต็มไปหมด คงไม่ไหวเท่าไรนัก เอาเป็นว่าถ้ามันยังไม่โจมตี ก็ปล่อยออกไปก่อนก็ยังได้ เพราะหากไปทอะไรไม่ดีตอนนี้เข้าอาจจะเป็นเรื่องใหญ่เอาไว้ คนก็ไม่น้อยเลยด้วยนะ


ถ้าเธอคิดยังงั้นฉันว่างั้นก็ได้ ” อีกฝ่ายก็ดูไม่อยากจะขัดศรัทธาอะไรเด็กสาวมาก


เธอขยับตัวหันอีกด้านเพื่อไม่ให้ไปสนใจ  เจ้าเงาทิศวิ่งไล่ตามพวกเธอสองคนมา


แม้ทั้งรู้ทั้งใจแต่เด็กสาวทั้งสองก็ยังปล่อยซึม 


ฉันว่าฉันจะไปหาอะไรกิน เธอเอาอะไรไหม ” ลอร่า ที่คิดว่าการหนีปัญหาแบบนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องดีอะไรเธอว่าเธอควรกินอะไรให้อิ่ม


เผื่อจะได้นอนหลับ ได้บ้าง อีกฝ่ายเองโบกมือไปมาเพราะเหมือนว่าเธอเองก็เพิ่งกินอาหารเข้าไป มันน่าจะเป็นมื้อสุดท้ายของพวกเธอทั้งคู่ก่อนที่จะลงจากขบวนรถไฟนี้


อันที่จริงเธอเองก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกอย่างมันจะจบตอนลงขบวน 


อย่ามาเกิดเรื่องอะไรบนขบวนรถไฟแบบนี้ผู้คนเองก็น่าจะเห็นกัน แถมมันคงจะเป็นอะไรที่น่าอึดอัดมาก 


ในระหว่างนั้นเธอเดินไปด้านท้ายของขบวนอีกขบวนหนึ่ง  เพื่อทำการซื้อขนมของกินสักหน่อยเธอซื้อเครื่องดื่มที่เป็นน้ำเปล่า ตามด้วยอาหาร อย่างบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป


เรียกว่าของสิ่งนี้ก็คือก็คือยังชีพได้ทุกอย่างจริงๆ เลย


เธอจ่ายเงินเสร็จก็กดน้ำร้อนของบนนี้จะแพงกว่าราคาที่ด้านล่างเสียหน่อย 


แต่มันก็เลี่ยงไม่ได้ถ้ากดน้ำร้อนใส่แต่พอดีเอาผงปรุงเทใส่ลงไปปิดฝารอเวลาในระหว่างนั้นก็เดินกลับไปนั่งที่นั่งของตัวเอง


ในระหว่างนั้นเธอก็ทำการโซ้ยมาม่าอย่างสนุกสนาน เรียกได้ว่ากลิ่นของมันยั่วยวนคนด้านข้างทำเอาเนลลี่ถึงกับมองเลย 


ก็นะ มาม่าหมูสับนั้นมันทั้งหอมและรสชาติดีเลยทีเดียว ยิ่งในช่วงเดินทางแบบนี้นะ ฟินสุดๆ ไปเลยหละ เเค่เห็นก็คือน้ำลายสอเเล้วนะ ใครมันจะอดใจไหวกัน


ลองชิมมั้ย ..... อร่อยนะ ” เธอถาม อีกฝ่ายเองก็โบหมือไปมา ก่อนจะเอาหัวพิงกับที่นั่งและหลับตานอนต่อ 


ไม่นานเด็กสาวก็กินมาม่าในกระป๋องจนหมดรีบเอาไปทิ้งก่อนที่คนอื่นนั้นจะมองไปมากกว่านี้ 


กลิ่นที่ยั่วยวนชวนหิว นี้หนะบอกได้เลยว่า ทำท้องไส้น่าจะปั่นป่วนกันไปหลายหลาย


แล้วน้องต่ออยู่ซักพักยังไม่ทันได้หลับสนิทแต่อย่างใด  ขบวนรถไฟของทั้งคู่ก็กลับมาเทียบที่ ชิคาโกแล้ว


มันน่าจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมากเพราะทั้งคู่นั้นได้เดินทางมา ถึงแล้ว


แต่เวลาที่เดินมาถึงนั้นมันคือมืดแล้วพวกเธอทั้งคู่คงต้องหาที่พักกันเสียก่อน 


เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเด็กสาวชวนอีกฝ่ายไปหาโรงแรมราคาถูกที่เป็นที่พักแบบชั่วคราว 


แต่ก่อนจะไปนั้นพวกเธอยังไม่ลืมที่จะจองตั๋วเที่ยวกับ ก่อนด้วย เพื่อที่จะได้รู้เวลาว่าก่อนจะกลับเธอต้องมากี่โมงในวันพรุ่งนี้


มันแน่นอนว่าพวกเธอทั้งคู่เองก็คงไม่อยากพลาดรถไฟขบวนถัดไปหรอกนะ 


เมื่อรู้ขบวนเวลาแล้วเธอก็รีบ  กลับไปหาโรงแรมเพื่อจะพักผ่อนเธอมีเวลาอยู่มากเพราะว่าขบวนที่เธอจะขึ้นนั้นมันค่อนข้างที่จะสายพอสมควรเลย


เด็กสาวลากกระเป๋ากันพะรุงพะรังสองคนเพื่อเดินไปหาแหล่งพักอาศัยของพวกเธอในค่ำคืนนี้ 


เอาที่นี่ไหม...เธอว่ายังไง ” เธอหยุดอยู่ด้านหน้าตัวโรงแรมขนาดเล็กที่ดู ราคาไม่แพงแล้วก็พอที่จะซุกหัวนอนสะอาด สะอ้านพอได้อยู่พอสมควร


อีกฝ่ายไม่ได้ตอบอะไรเพราะน่าจะง่วงนอนพอสมควรเลยเธอคงอยากอาบน้ำแล้วก็พักผ่อนแล้ว


นานทั้งคู่ก็เดินเข้าไปภายในตัวอพาร์ตเมนต์นั้นทุกอย่างของนั้นมีให้ครบเลยทีเดียวทั้งห้องห้องน้ำในตัวสบู่ และยาสระผมต่างๆ 


ที่นี้เองก็มีการจัดส่วนเป็นของตัวเอง และเรื่องสำคัญมากๆ คือเป็นห้องเเบบส่วนตัวดูปลอดภัยพอสมควร


เพราะช่วงก่อน คือนอนปนๆ กันบนรถไฟต ้องระเเวดระวัง นอนหลับๆ ตื่นๆ ไม่อิ่มเท่าไรนัก


นี่นับเป็นครั้งแรกหลังจากที่เด็กสาวนั้นไม่ได้อาบน้ำสระผมอย่างดีเป็นเวลานานนี่จะเป็นการสระผมครั้งยิ่งใหญ่ของเธอเลยก็ว่าได้ 


เธอใช้เวลานานกับการอาบน้ำแต่แน่นอนว่าเธอให้อีกฝ่ายอาบก่อนเพราะเธออาบทีหลังพอรู้ตัวว่าเธอชอบอาบน้ำนาน


ไม่นานทั้งคู่ก็เดินออกมาจากห้องน้ำไม่มีการคุย ต่อกันแต่อย่างใด 


เตียงนอนแบบคู่แยกกันนอนอย่างชัดเจนเธอเอนตัวลงนอนไม่นานก็เผลอหลับไปด้วยความรวดเร็วและความเพลีย 


นี่เป็นเตียงนอนที่สุขสบายที่สุดของทั้งคู่นับตั้งแต่เธอเริ่มออกเดินทางกันมาเลย

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 36076 ไบต์และได้รับ 18 EXP!  โพสต์ 2025-1-26 23:28
โพสต์ 36,076 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +5 ความศรัทธา จาก แว่นกันแดด  โพสต์ 2025-1-26 23:28
โพสต์ 36,076 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 ความศรัทธา จาก บทเพลงปาร์ตี้  โพสต์ 2025-1-26 23:28
โพสต์ 36,076 ไบต์และได้รับ +15 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +20 ความศรัทธา จาก ขลุ่ยไม้เถาองุ่น  โพสต์ 2025-1-26 23:28
โพสต์ 36,076 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +8 ความกล้า จาก รองเท้าเซฟตี้  โพสต์ 2025-1-26 23:28
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บัตรส่วนลดรถไฟ HP 2025
สื่อสารกับสัตว์
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
น้ำมันหอมอามูร์
เข็มกลัดไดโอนีซุส
แว่นกันแดด
ขลุ่ยไม้เถาองุ่น
รองเท้าเซฟตี้
กำไลหินนำโชค
รสชาติแห่งความสุข
สัมผัสแห่งองุ่น
ธนู
ชุดเครื่องเพชร
หมวกปีกกว้าง
ความคิดสร้างสรรค์
โรคสมาธิสั้น
ต่างหูเงิน
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x10
x3
x3
x5
x1
x1
x7
x2
x1
x1
x2
x1
x1
x4
x2
x4
x4
x15
โพสต์ 2025-1-30 22:25:33 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Activity Form

ชิคาโก

EP. 9 ลอร์ร่าเดินทางกลับค่าย (ภารกิจกู้ภัยเดมิกอต)




หลังตื่นนอนขึ้นมาเด็กสาวมองรอบๆ วันนี้เป็นวันที่เธอนั้นได้พักผ่อนได้สบายใจที่สุด เด็กสาวหยบเสื้อผ้าไปอาบน้ำ จัดการตัวเอง แต่งหน้าเล็กน้อย พอหอมปากหอมคอ


" ตื่นแล้วหรอ อรุณสวัสนะ " เธอทักทายคนที่พึ่งตื่นอีกคนเช่นกัน แต่อีกฝ่ายคือ งัวเงียบนที่นอน


" อืมมม .... หลับสบายสุดๆ " เธอบอก พร้อมบิดตัวไปมาบนเตียงนอนของตัวเอง


" ไปเเต่งตัวเถอะ จะได้ลงไปหาอะไรทานกัน " เธอชวนอีกฝ่าย พร้อมเดินเช็ดผมออกจากห้องน้ำ ผมของเธอนั้นเรียงเส้นสวยมาก ไม่สวยเเบบนี้มานานแล้วเพราะไปคลุกฝุ่นมายังไงหละ 


ส่วนลอร์ร่านั่งปลายเตียงของตัวเอง เช็ดผมไปมายกใหญ่


" ร่าๆ " อีกฝ่ายตะโกนออกมา


" หื้อออออ .... ว่ายังไง มีอะไรหรือเปล่า " เธอเดินไปหน้าห้องน้ำหลังเสียงเรียก


" คือว่าจะ .... ขอยืมเครื่องสำอางด้วยสิ " อีกฝ่ายยิ้มๆ


เล่นเอาลอร่าตกอกตกใจคิดว่าอะไร ที่เเท้ยืมเครื่องสำอางนี้เอง เธอนั้นหยิบกระเป๋าเครื่องแต่งหน้าพร้อมทำการส่งให้อีกฝ่ายไป


ส่วนตอนนี้ระหว่างรอ เธอก็เอาหัวพาดปลายๆ เตียงนอนรอ เพราะเบเบนี้ขอนอนเหยียดหน่อยแล้วกันนะ 


เธอนอนตอบเเชทโนอาร์ ท่าทางเเบบสนุกสุดๆ


ข้อความเเชทถูกพิมตอบกลับไปกลับมาระหว่างทั้งคู่ไปมา เป็นบทสนทนาของเด็กสาว ทำให้รู้สึกเหมือนว่าตอนนี้ลอร่ากำังอินเลิฟ


เวลาฝ่ายไปเท่าไรไม่รู้นะ แต่ลอร่าหลุดออกจากอาการนั้นเพราะเนลลี่ที่เรียก


" ลอร่า!!!! " ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาเรียกมานานเท่าไรแล้วเเต่ที่เเน่ๆ คือลอร่าเองพึ่งได้ยินหนะ


''  ห๊ะๆ .... ยังไงนะ อะไรหรอ '' ท่าทางของลอร่าดูงงงง หันไปมองอีกฝ่ายที่ยืนหน้าประตูห้องน้ำ เธอยิ้มออกมาเเบบมีอะไร


" ยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่เลยน้า " เธอล้อๆ เด็กสาวเล็กน้อย เเต่ก็พูดเถอะนะ ลอร่าเองก็ยิ้มๆ ไม่รู้ตัวซ้ำว่าแอบยิ้มหนะ


เด็กสาวทั้งคู่เก็บข้าวของ ลองมารับคูปองอาหารเช้า เป็นคู่ปองอาหารเเบบง่ายๆ


วันนี้มื้อเช้าของเธอเลือกเป็น  Scrambled Eggs กับ เบคอนทอดกรอบๆ บอกเลยมันๆ นวลๆ กินแล้วฟินเลย


ส่วนของเนลลี่เป็น ไข่ดาวไส้กรอก และเเฮม ขนมปัง


เสริฟมาพร้อมเครื่องดื่มเป็นนม และน้ำเปล่า แต่ของลอร์ร่าจะเป็นชาเขียวร้อน


การทานอาหารผ่านไปพักใหญ่ๆ เด็กสาวทั้งคู่ทานหมดก็ขึ้นไปเเปลงฟัน พักอีกเล็กน้อยก่อนจะเก็บของออกจากที่พักไป 


เเต่เมื่อไปถึงก็คือไม่มีรถไฟ เนื่องจากขบวนนั้นล่าช้า ให้ตายสิ คงต้องไปช่วงบ่าย


เเต่ให้กลับไปที่พักก็เห็นทีจะไม่ได้แล้ว เด็กสาวเลยทำได้แค่การหาที่เที่ยวรอบๆ เเถวๆ นั้นเพราะตอนนี้มองดูเวลาแล้ว มีเวลาที่เหลือๆ อยู่อีกเกือบ 5 ชั่วโมงเลย ก่อนที่ตัวรถไฟนั้นจะมาถึง 


เพราะถ้าหากลองเทียบเวลาตอนนี้ก็คือ พึ่งสายๆ ของวันเองหนะ มีเวลาอยู่อีกพอสมควรเลยด้วยซ้ำไป


อากาศเช้านี้สดชื่น ลมเย็นพัดผ่านถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังเริ่มต้นวันใหม่ ลอร์ร่าและเนลลี่เลือกที่จะแวะไปเดินเล่นริมแม่น้ำ Chicago Riverwalk ดูตึกสูงเสียดฟ้าและเรือท่องเที่ยวที่ลอยผ่านไปมา


" เมืองนี้ดูดีแฮะ ถ้าเราไม่ได้อยู่ในสถานการณ์นี้นะ ฉันคงอยากเที่ยวแบบจริงจังเลย" เนลลี่พูดพลางมองไปรอบๆ ด้วยท่าทางตื่นเต้นไปด้วย


" งันก็....ไว้ ถ้าเราว่างๆ ..... มีเวลาเรากลับมาเที่ยวกันใหม่ก็ได้ ดีมั้ย " ลอร์ร่าตอบ พร้อมกับยิ้มออกมา เเต่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเมื่อไรกันหรอนะ 


ในรหว่างนี้ก็คือสองสาวก็พูดคุยเล่นกันไปตลอดทางอย่างสนุกนานเลยทีเดียว


และในระหว่างนั้นเธอก็จะหยิบมือถือมาเเอบพิมเเชทตอบทางโนอาร์ไปด้วย เด็กสาวถ่ายรูปวิวต่างๆ ส่งไปด้วยเช่นกัน ฟิววัยรุ่นหนุ่มสาวกำลังจีบกันน่ารักสดใสเชียวหละ


พวกเธอเดินเล่นและนั่งพักที่สวนสาธารณะ Millennium Park ชม Cloud Gate ถ่ายรูปเล่นกันเหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป เป็นช่วงเวลาที่พวกเธอพอจะลืมความกังวลได้ชั่วคราว และแน่นอนว่าลอร์ร่าส่งรูปพวกนั้นไปให้โนอาร์ด้วย


เเละเขาบอกกับเธอว่า เขานั้นกำลังกลับเช่นกัน เขาบอกให้ว่าจะไปรอเจอลอร่าที่โรงเรียน เล่าเอาเด็กสาวนั้นพูดไม่ออกเพราะเธอนั้นคงไม่ได้เจออีกฝ่ายที่นั้นหรอกนะ 


แต่ก็ไม่อยกาจะขัดการตั้งตารอของอีกฝ่ายใดๆ เลยกดสติ๊กเกอร์ยิ้มกลับไป และปัดเเอพออก หันมาสนใจบรรยกาศรอบๆ เเทน


หลังจากนั้นพักใหญ่ๆ ของการนั่งชิวๆ พวกเธอเลือกเดินเข้าไปยังย่าน Magnificent Mile เพื่อแวะร้านค้าและเดินดูของ 


ลอร์ร่าเข้าไปลองเสื้อโค้ตตัวหนึ่งในร้านเสื้อผ้าแฟชั่น ขณะที่เนลลี่เลือกหยิบแว่นกันแดดมาสวมเล่นอย่างสนุกสนานเหมือนวัยรุ่นลองแล้วไม่ซื้อนั้นหละ 


พวกเธอดูสนุกสนานจนมันทำให้เวลานั้นผ่านไปอย่างรวดเร็วเลยทีเดียว เธอมารู้สึกตัวอีกทีก็ใกล้เวลาแล้วหละ


" เราควรซื้ออะไรติดมือขึ้นรถไฟไปด้วยนะ อะไรที่กินง่าย ๆ ระหว่างทาง " ลอร์ร่าพูดขึ้นหลังเห็นว่าใกล้เวลาเเล้ว


" นั้นสิๆ .... เห็นด้วยเลย ฉันอยากได้ขนมแล้วก็น้ำผลไม้เย็น ๆ ด้วย " เนลลี่ตอบ อย่างเห็นด้วย


พวกเธอเดินตรงเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ หยิบคุ้กกี้ ช็อกโกแลต ขนมขบเคี้ยว และน้ำขวดมาสองสามขวด พวกเธอจ่ายเงินเสร็จแล้วเดินออกมาอย่างอารมณ์ดี แม้จะมีเงินกันไม่มากเท่าไร แต่การจับจ่ายก็คือ จัดหนักใส่เต็มสุดๆ


พวกเธอเลือกนั่งพักที่ม้านั่งในสวนเล็ก ๆ ใกล้สถานีรถไฟ นั่งคุยกันเล่นเหมือนเพื่อนสาวสองคนที่ออกมาเที่ยวธรรมดา 


ลืมไปชั่วคราวว่าพวกเธอกำลังเดินทางและอื่นๆไปเลย 


" นี่มันสนุกเหมือนกันนะ ถ้าไม่นับเรื่องที่เราต้องคอยระวังตัวจากอะไรแปลกๆ " เนลลี่พูดพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ กับเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นกับทั้งคู่


ลอร์ร่ายิ้ม " ก็ใช่... ฉันรู้สึกดีที่มีเธออยู่ด้วย อย่างน้อยเราก็ยังพอหาความสุขระหว่างทางได้บ้างนะ "


เมื่อเวลาใกล้บ่าย พวกเธอเดินกลับไปยังสถานีรถไฟ พร้อมกับของกินติดมือสำหรับการเดินทางยาว ๆ ไปนิวยอร์ก 


ใกล้หมดเวลาสนุกของทั้งคู่แล้วหละ


เสียงหูดของตัวรถไฟส่งเสียงดังขึ้นเมื่อถึงเวลา แสดงว่าทุกอย่างนั้นพร้อมเเล้วด้วย พวกเธอก้าวขึ้นขบวน Lake Shore Limited ที่จะพาพวกเธอไปยังนครนิยอร์ก เพื่อเดินทางกลับบ้าน 


ตัวรถไฟออกจากชิคาโกช่วงบ่าย ๆ ตามที่ได้ซื้อตั๋วกันเอาไว้ทีแรก การเดินทางจะใช้เวลาเกือยวันเต็มๆ


และในเวลาประมาณ 14:30 น. ซึ่งหมายความว่าพวกเธอจะเดินทางข้ามคืนและไปถึงนิวยอร์กในช่วงเช้าของอีกวัน


พวกเธอเลือกที่นั่งแบบ ชั้นประหยัด ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้หรูหรา แต่ก็มีที่นั่งกว้างพอที่จะเอนหลังสบาย ๆ


เมื่อรถไฟเริ่มเคลื่อนตัวออกจากชิคาโก สองสาวก็เอนตัวพิงเบาะ มองวิวเมืองที่ค่อย ๆ ห่างออกไปจากสายตา 


" ในที่สุดก็นะ ..." ลอร์ร่าพูดพลางยิ้มออกมา หลังเหนื่อมานานพอสมควร เธอจะได้กลับบ้านไปหาพี่น้องเธอเสียที เธอทิ้งตัวนั่งตามหมายเลขที่นั่งของเธอที่ซื้อตัวมา 


เนลลี่เปิดกระเป๋าตัวเองหยิบขนมที่ซื้อมาออกมาทันที 


" โอเคๆ!! ฉันขอฉลองการเดินทางครั้งนี้ด้วยคุ้กกี้ก่อนเลย! เธออยากได้ชิ้นไหน? "


" งัน.... อืมมมม ... ฉันขอช็อกโกแลตบาร์ละกัน " ลอร์ร่ายิ้มและหยิบช็อกโกแลตจากมือของเนลลี่ พวกเธอเปิดขนมมากินไปพลาง ๆ คุยกันเรื่อยเปื่อยถึงการเดินทางและเรื่องราวถึงนิวยอร์ก รวมถึงบ้านของเธอให้อีกฝ่ายได้รับรู้ไป้วย


" แล้วนี้เธอเคยนั่งรถไฟยาว ๆ แบบนี้มาก่อนไหม? " เนลลี่ถามระหว่างที่เธอกำลังเคี้ยวคุ้กกี้ในปากของตนเองไปด้วย


" ก็... ก็เคยนะ ตอนขามาหนะ และก็ตอนเดินทางไปที่ค่ายครั้งแรกก็แบบนี้หบะ " ลอร์ร่าหัวเราะเบา ๆ 


" แต่รอบนี้ดูเหมือนจะโอเค โอเคกว่ารอบขามาหนะ " เธอบอกต่อ


ระหว่างการเดินทาง รถไฟวิ่งผ่านชนบทเงียบๆ ลอร์ร่านั่งมองวิวอย่างเงียบ ๆ ขณะที่เนลลี่ที่ตอนนี้เธอหลับไปอีกแล้ว เพราะการเดินทางที่ยาวนานและค่อนข้างเหนื่อยเลยทีเดียว


ค่ำคืนมาถึง รถไฟแวะจอดรับผู้โดยสารที่สถานีระหว่างทาง แสงไฟจากสถานีส่องเข้ามาในขบวน ลอร์ร่าและเนลลี่เริ่มปรับเบาะให้เอนลงเพื่อเตรียมตัวนอนพัก


" เดี๋ยวฉันผลัดกันเฝ้าเอง ถ้าเธอง่วงก็นอนได้เลย " ลอร์ร่าเอ่ยขึ้นเบา ๆ


" ไม่เป็นไร เรานั่งด้วยกันนี่นา สบายกว่าตอนแรกเยอะเลย " เนลลี่พูดก่อนจะซุกตัวลงไปกับเสื้อแจ็คเก็ต ใช้มันแทนหมอนชั่วคราว แก้ปัญหากันไปก่อน เพราะมันก็ม่ได้มีหมอนหนิ


เสียงล้อรถไฟที่เสียดสีกับรางดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ กล่อมให้พวกเธอค่อย ๆ เผลอหลับไปไม่ทันรู้ตัว โดยที่ยังมีเสียงล้อรถไฟที่กระทบกับรางเป็นจังหวะสม่ำเสมอคอยกล่อม 


พวกเธอไม่ได้ตื่นขึ้นมาเลยจนกระทั่งแสงอาทิตย์อ่อน ๆ เริ่มส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในช่วงรุ่งสาง เป็นการบกว่ามันเป็นเช้าของอีกวันเเล้ว การเดินทางของทั้งคู่นั้นใกล้จะจบลงทุกทีๆ แล้วหละ


ในเวลาประมาณ 07:00 น. ของวันใหม่ รถไฟค่อย ๆ ชะลอความเร็วเมื่อเข้าสู่มหานครนิวยอร์ก แสงแดดยามเช้าสาดเข้ามาทางหน้าต่าง เผยให้เห็นเส้นขอบฟ้าของเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยตึกสูง


" ในที่สุด .. ก็ถึงแล้ว… นิวยอร์ก " ลอร์ร่าพูด พลางมองออกไปนอกหน้าต่าง ท่าทีดีใจสุดๆ ไปเลยด้วย


เนลลี่ขยี้ตา หาวหวอด " หาวววว ถึงแล้วหรอเนี้ย " ท่าทางบิดตัวของอีกฝ่ายบ่งบอกว่าเธอนั้น เมื่อยสุดๆเลยหละ


ทั้งคู่เริ่มเก็บของต่างๆ ก่อนจะตรวจสอบและพากันเดินออกไปจากขบวนรถไฟโดยทันที


พวกเธอก้าวลงจากขบวนด้วยความรู้สึกโล่งใจ ลอร์ร่ารู้สึกได้เลยว่ามันใกล้เเล้ว เหลือเพียงกลับไปที่ค่ายเท่านั้น


หลังจากนี้อาจจะต้องเดินทางเเบบรถ สลับกับเดินเท้าบ้างหนะนะ เธอนึก หลังจากนั้นก็เดินนำทางเนลลี่ไปโดยทันที


" เราไปกันเถอะ จะถึงแล้วหละ เดี๋ยวต้องเดินทางกันอีกหน่อ ก็ถึงแล้ว " เธอบอกกับทางเนลลี่ พร้อมเดินออกไปขึ้นบัส เดี๋ยวจะต่อรถไปใกล้ๆ ก่อนหนะ ขืนเดินตอนนี้มีหลังถึงเย็นเเน่ๆ ไม่ไหวหรอกเหนื่อยมากแล้วด้วยนะ


ไหนจะต้องไปเล่าเรื่องเยอะเเยะที่พ่อของเธอเองก็คือน่าจะเป็นคนที่ตั้งตารอกับเรื่องนี้มากที่สุดแล้วด้วย


อาจจะเเบบว่าพ่ออาจจะอยากมีลูกเขยหนะสิ เธอคิดแล้วก็นะ ไม่อยากจะคิดภาพเลย ถ้าเขาเจอพ่อของเธอจะออกมาสถาพไหนกันเนี้ย เธอเองที่ยังมองภาพไม่ออก


เเต่ใดๆ ตอนนี้ลอร่าคืออินเลิฟสุดๆ ท่าทางรอบนี้กามเทพจะเเผลงสอนเเล้วหละ!!


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 46926 ไบต์และได้รับ 24 EXP!  โพสต์ 2025-1-30 22:25
โพสต์ 46,926 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +5 ความศรัทธา จาก แว่นกันแดด  โพสต์ 2025-1-30 22:25
โพสต์ 46,926 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 ความศรัทธา จาก บทเพลงปาร์ตี้  โพสต์ 2025-1-30 22:25
โพสต์ 46,926 ไบต์และได้รับ +15 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +20 ความศรัทธา จาก ขลุ่ยไม้เถาองุ่น  โพสต์ 2025-1-30 22:25
โพสต์ 46,926 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +8 ความกล้า จาก รองเท้าเซฟตี้  โพสต์ 2025-1-30 22:25
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บัตรส่วนลดรถไฟ HP 2025
สื่อสารกับสัตว์
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
น้ำมันหอมอามูร์
เข็มกลัดไดโอนีซุส
แว่นกันแดด
ขลุ่ยไม้เถาองุ่น
รองเท้าเซฟตี้
กำไลหินนำโชค
รสชาติแห่งความสุข
สัมผัสแห่งองุ่น
ธนู
ชุดเครื่องเพชร
หมวกปีกกว้าง
ความคิดสร้างสรรค์
โรคสมาธิสั้น
ต่างหูเงิน
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x10
x3
x3
x5
x1
x1
x7
x2
x1
x1
x2
x1
x1
x4
x2
x4
x4
x15
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้