20.07.2025 | 06:45 PM (20.07.2025 | 6:45 AM US Time)
ถนนสายรองที่มุ่งหน้าออกจากตัวเมืองจันทบุรีนั้นเงียบสงบและทอดยาวไปท่ามกลางสวนผลไม้ที่มืดครึ้ม แสงสีทองอ่อนๆ ของสนธยาที่ไม่มีวันสิ้นสุดอาบไล้ทุกสิ่งด้วยโทนสีที่ดูเหนือจริง แอ็กเซลกำลังฮัมเพลงเบาๆ ไปกับวิทยุ, ปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปยังแสงสีและของแปลกที่รอเขาอยู่ ณ ปลายทาง
โชคของเขาในวันนี้...ดูเหมือนจะถูกใช้ไปเยอะเกินไปหน่อย
มันเกิดขึ้นโดยไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ
พื้นถนนเบื้องหน้าเขาระเบิดออกอย่างรุนแรงราวกับถูกอุกกาบาตพุ่งชน, แรงสั่นสะเทือนส่งมาถึงตัวรถจนทุกอย่างสั่นคลอน และก่อนที่เขาจะได้ประมวลผลว่าเกิดอะไรขึ้น, กำปั้นมหึมาที่ใหญ่กว่าฝากระโปรงรถทั้งบานก็ทุบลงมาจากด้านบน
โครม!
เสียงโลหะที่ถูกบดขยี้ดังสนั่นหวั่นไหว, กระจกหน้ารถแตกกระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อยในพริบตา, โครงสร้างของรถซีดานที่เคยเป็นเกราะป้องกันบิดเบี้ยวจนน่าสยดสยอง รถทั้งคันเสียการควบคุมทันที, หมุนคว้างไปบนถนนราวกับของเล่นที่ถูกเหวี่ยงทิ้ง
สัญชาตญาณที่ถูกลับคมมาจากการเฉียดตายทำงานเร็วกว่าความคิด เขากระชากเข็มขัดนิรภัยออก, ผลักประตูที่บิดเบี้ยวจนเปิดออก, แล้วทิ้งตัวกลิ้งม้วนออกมาจากซากรถที่กำลังไถลไปกับพื้นอย่างไม่คิดชีวิต ร่างของเขากระแทกกับพื้นถนนลาดยางอย่างแรง, แต่ก็ดีกว่าการถูกบดขยี้ไปพร้อมกับเศษเหล็ก
เมื่อเขายันตัวลุกขึ้น, เสื้อผ้าของเขาเต็มไปด้วยฝุ่นและมีรอยถลอกเล็กน้อย, แต่ก็ยังอยู่ครบสามสิบสอง ซากรถของเขาไปหยุดนิ่งอยู่ข้างทาง, ควันสีดำลอยกรุ่นออกมาจากซากเครื่องยนต์ที่พังยับเยิน
"แผนการเดินทางไปพัทยา...คงต้องมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย" เขาพึมพำกับตัวเอง, ความรำคาญใจฉายชัดในน้ำเสียงมากกว่าความหวาดกลัว
แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของกำปั้นนั้น
มันคือรากษส...อสูรกายจากตำนานที่เขาเคยอ่านเจอในตำรา แต่ตัวจริงกลับน่าสะพรึงกลัวกว่าในจินตนาการหลายเท่า ร่างของมันสูงใหญ่เกือบเท่าต้นไม้, ผิวหนังสีครามเข้มมีลายพาดกลอนเหมือนเสือ, ดวงตาสีเหลืองเพลิงลุกโชนจ้องมองมาที่เขาด้วยความมุ่งร้ายอันบริสุทธิ์, และเขี้ยวแหลมคมที่งอกออกมาจากปากที่แสยะยิ้มนั้นยาวพอที่จะฉีกร่างมนุษย์ออกเป็นชิ้นๆ ได้อย่างง่ายดาย
"แก...มีกลิ่นเหมือนพวกมัน" มันคำราม, เสียงของมันแหบห้าวและก้องกังวาน "กลิ่นของเทพเจ้า!"
โดยไม่รอคำตอบ, มันก็ก้าวเข้ามา, แต่ละย่างก้าวทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน
แอ็กเซลไม่เสียเวลาไปกับการเจรจา เขาปลดเข็มกลัดรูปปืนออกจากปกเสื้อ, และในพริบตา, อาวุธสังหารสีดำทะมึนก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา
การต่อสู้ที่แท้จริงได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว รากษสโจมตีด้วยพละกำลังดิบเถื่อน, ทุกการเหวี่ยงหมัดและทุกการกระทืบเท้าของมันรุนแรงพอที่จะทำให้พื้นถนนแตกเป็นหลุมบ่อ แต่มันเชื่องช้าและคาดเดาได้ง่าย บุตรแห่งไทคีไม่ได้ยืนปะทะตรงๆ, แต่ใช้ความเร็วและความคล่องตัวให้เป็นประโยชน์, ร่ายรำอยู่รอบๆ ร่างมหึมาของมันราวกับมาทาดอร์ที่กำลังหลอกล่อกระทิงผู้บ้าคลั่ง
เขาใช้ขนาดตัวที่ใหญ่โตของมันให้กลายเป็นจุดบอด, วิ่งวนเข้าไปในระยะประชิดที่แขนยาวๆ ของมันเหวี่ยงมาไม่ถึง, ทำให้มันต้องหมุนตัวไปมาอย่างอุ้ยอ้ายและเสียจังหวะ
ปัง! ปัง!
กระสุนทองสัมฤทธิ์สองนัดแรกเจาะเข้าที่ข้อต่อหัวเข่าของมันอย่างแม่นยำ มันคำรามลั่นด้วยความเจ็บปวด, ทรุดลงไปคุกเข่าข้างหนึ่ง แต่ก็ยังคงกวาดแขนไปมาอย่างเกรี้ยวกราด
แอ็กเซลไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป เขาวิ่งหลบการโจมตีนั้น, แล้วยิงอีกชุดหนึ่งอัดเข้าไปที่ข้อศอกของแขนข้างที่มันใช้โจมตี
เสียงกระดูกลั่นดัง กร๊อบ!
แขนข้างนั้นห้อยร่องแร่งลงอย่างผิดธรรมชาติ, หมดสิ้นความสามารถในการต่อสู้ไปโดยสิ้นเชิง ตอนนี้มันเป็นเพียงเป้านิ่งขนาดใหญ่ที่บาดเจ็บและเกรี้ยวกราด
รากษสคำรามก้องเป็นครั้งสุดท้าย, รวบรวมแรงทั้งหมดพยายามจะยันตัวลุกขึ้น
แต่ก็สายเกินไป
บุตรแห่งโชคชะตาเดินเข้าไปหามันอย่างใจเย็น, ก้าวข้ามรอยแตกบนพื้นถนน, ปากกระบอกปืนในมือของเขายกขึ้นเล็งอย่างมั่นคง, ไม่สั่นไหวแม้แต่น้อย เขายืนอยู่ตรงหน้าอสูรกายที่ล้มลง, จ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีเพลิงที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและความตกตะลึงนั้น
"เกมจบแล้ว"
ปัง!
กระสุนนัดสุดท้ายเจาะทะลุผ่านดวงตาสีเหลืองข้างหนึ่งเข้าไปยังสมองอย่างเด็ดขาด ร่างมหึมาของมันแข็งทื่อไปชั่วขณะ, ก่อนจะค่อยๆ สลายกลายเป็นกองฝุ่นสีทองที่ส่องประกายวูบวาบในแสงสุดท้ายของวัน แล้วจางหายไปกับสายลม
ความเงียบกลับคืนสู่ถนนที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพังอีกครั้ง
แอ็กเซลยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง, ปล่อยให้เสียงปืนที่ยังก้องอยู่ในหูค่อยๆ จางหายไป ก่อนจะเดินไปดูซากรถของตัวเอง เก็บกู้สิ่งของจำเป็นที่จะเอาไปด้วย แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ
ดูเหมือนว่า...เขาคงต้องเดินหาทางอื่น
เขาไม่ได้เสียเวลาไปกับการสาปแช่งโชคชะตาหรือคร่ำครวญถึงทรัพย์สินที่เสียหาย สมองของเขาได้ข้ามขั้นตอนนั้นไปแล้วและกำลังประมวลผลทางออกที่มีประสิทธิภาพที่สุดในสถานการณ์ปัจจุบัน การเดินเท้าไปยังพัทยาไม่ใช่ทางเลือก
ทางออกที่เหลือ...คือการพึ่งพาสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ที่สุด—ความเมตตาของมนุษย์
บุตรแห่งไทคีปรับเปลี่ยนบุคลิกของตัวเองในทันที หน้ากากแห่งความเยือกเย็นถูกเก็บซ่อนไว้, ถูกแทนที่ด้วยสีหน้าของนักท่องเที่ยวผู้วิตกกังวลที่ประสบภัยเขายกหลังมือขึ้นป้ายฝุ่นบนแก้มเล็กน้อย, จงใจทำให้ตัวเองดูมอมแมมและน่าสงสารมากขึ้น, แล้วเดินไปยืนอยู่ริมถนน, ชูนิ้วโป้งขึ้นตามแบบฉบับสากล
เขาไม่ได้รอนาน
แสงไฟหน้ารถคันหนึ่งสาดส่องมาแต่ไกล ก่อนที่รถกระบะสี่ประตูที่ดูธรรมดาคันหนึ่งจะชะลอความเร็วแล้วจอดเทียบข้างๆ เขา กระจกไฟฟ้าฝั่งผู้โดยสารถูกเลื่อนลง, เผยให้เห็นชายหญิงคู่หนึ่งที่มองมายังเขาด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความห่วงใย
ก่อนที่พวกเขาจะได้เอ่ยปากถาม, ดวงตาสีฟ้าเทาของแอ็กเซลก็ได้ทำการสแกนอย่างรวดเร็ว—กลิ่น, ออร่า, ท่าทาง—ทุกอย่างบ่งบอกว่าพวกเขาเป็นมนุษย์ธรรมดา, ไม่ได้มีรังสีของอสูรกายหรือพลังงานเหนือธรรมชาติใดๆ แอบแฝงอยู่ และที่สำคัญกว่านั้น…แววตาของพวกเขาดูจริงใจ, ไม่ได้มีเจตนาร้ายซ่อนอยู่
"เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?" หญิงสาวที่นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสาร, ซึ่งแนะนำตัวในภายหลังว่าชื่อบี, เอ่ยถามด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงท้องถิ่น, ใบหน้าของเธอฉายแววกังวล "รถชนเหรอ?"
"ครับ...เหมือนจะเสียหลักน่ะครับ รถมันเป็นอะไรไปไม่รู้เมื่อเช้านี้ตอนรับมายังดีๆอยู่เลย" ชายหนุ่มตอยกลับพบางยิ้มแห้ง เป็นการแสดงที่สมบูรณ์แบบ "ผมกำลังจะไปพัทยา...แต่ดูเหมือนว่าคงจะไปไม่ถึงแล้ว"
"โอ้โห! แย่เลยนะ โดนเต็นท์รถเล่นเข้าแล้ว เห็นเป็นฝรั่งไม่ได้หลอกเขาเฉย" ชายหนุ่มผู้เป็นคนขับ, หรือนายซี, อุทานขึ้น
"ขึ้นมาเลยๆ! เดี๋ยวพวกเราไปส่ง! ทางผ่านพอดี!"
"จะดีเหรอครับ? ผมเกรงใจ" เขากล่าว, ยังคงเล่นบทนักท่องเที่ยวผู้เกรงอกเกรงใจต่อไป
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ! มาเลยๆ ทางเดียวกัน" หญิงสาวหัวเราะออกมาเบาๆ
"ขอบคุณมากครับ! ขอบคุณจริงๆ!" เขาแสดงความซาบซึ้งใจอย่างสุดซึ้ง, เปิดประตูด้านหลังแล้วสอดตัวเองเข้าไปนั่งบนเบาะที่เต็มไปด้วยของใช้จุกจิก
เมื่อรถเคลื่อนตัวออกไป, ทิ้งซากรถเช่าและร่องรอยการต่อสู้ไว้เบื้องหลัง, แอ็กเซลก็เอนหลังพิงกับเบาะอย่างผ่อนคลาย, หน้ากากแห่งความกังวลค่อยๆ จางหายไป, กลับสู่ความเยือกเย็นที่คุ้นเคยในขณะที่เขามองคู่รักใจดีที่กำลังชวนเขาคุยอย่างเป็นมิตร
เกมยังคงดำเนินต่อไป...แม้ว่าจะต้องเปลี่ยนยานพาหนะกลางคันก็ตาม

+ 2 ตื่นรู้ จากการพิชิตรากษสครั้งแรก