แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-11-12 11:28
168 ภารกิจเดินทางฉบับย่อม
จากสถานนีต้นทาง เคียฟ สู่สถานีปลายทาง ครามาตอร์สค์
ระยะเวลาเดินทางจริงไม่ได้รวดเร็วอย่างที่คำนวนเอาไว้ ดีนและเลนน็อคมาถึงสถานีรถไฟกรุงเคียฟราว ๆ สามทุ่มของวันที่ออกเดินทาง พวกเขาคิดว่าน่าจะได้ขึ้นรถไฟต่อไปยังครามาตอร์สค์ราว ๆ สี่ทุ่ม แต่ความจริงแล้วกว่ารถไฟจะมาก็เลทไปถึงสองชั่วโมง ไม่ใช่เพราะกูเกิ้ลเซ็ตตารางรถไฟผิดแต่เป็นเพราะดีนลืมไปว่าประเทศที่กำลังอยู่ในระหว่างสงครามย่อมมีเหตุผิดพลาดได้อยู่เสมอ และที่นี่ไม่ใช่นิวยอร์กที่มีรถไฟหลายขบวนวิ่งตลอดทั้งคืน กว่าที่ทั้งสองจะได้ขึ้นรถไฟก็ใกล้เวลาเที่ยงคืนเข้าไปทุกที
ทิวทัศน์นอกหน้าต่างรถไฟมีแต่ความมืดมิด แต่ยังพอเห็นซากปรักหักพังจากสงครามได้บ้างตามแสงสลัวจากข้างทาง ช่างเป็นภาพที่น่าใจหาย เคียฟคือเมืองหลวงของยูเครนแต่ก็ยังถูกขีปนาวุธถล่ม หากเมืองหลวงถูกโจมตีคงไม่มีที่ไหนที่ปลอดภัยสำหรับประเทศแห่งนี้ ดีนไม่รู้ว่าเลนน็อครู้สึกอย่างไร เพราะเมื่อขึ้นรถไฟมาได้อีกฝ่ายก็ได้แต่สวมหูฟังและหลับตาลงคล้ายกับว่ายังคงนอนหลับอยู่บนรถด่วนพิเศษเฮเฟตัสมาไม่พอ แต่สำหรับดีนแล้วเขาใจเต้นตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ นาทีนี้อสุรกายที่น่ากลัวที่สุดในโลกคงยังไม่น่าหวาดผวาเท่ากับขีปาณาวุธพิสัยไกลที่จะยิงถล่มเข้ามาเมื่อไรก็ไม่รู้
ชายหนุ่มหวนนึกถึงเพื่อนคนหนึ่ง ดาริน่า อีวาโนวา คงเป็นชื่อคุ้นหูกันดีในค่ายฮาล์ฟบลัด แม้ว่าเขาจะไม่ได้เจอเธอเลยหลังจากแยกย้ายกันไปอยู่คนละบ้าน ดีนจำไม่ได้ว่าบ้านเกิดของหญิงสาวคือเมืองอะไร เธอเคยเล่าให้ฟังว่าเป็นเมืองที่มีชื่อเรื่องงานศิลปะและไม่ใช่เมืองหลวงอย่างเคียฟ ชายหนุ่มหวังว่าบ้านเกิดของเธอจะปลอดภัยดี หากงานศิลปะทั้งหลายถูกทำลายลงไปคงน่าเสียดายแย่ ยังดีที่เธอและพ่อมีญาติที่นิวยอร์คจึงพากันอพยพย้ายที่อยู่กันมา แต่ชาวยูเครนหลายคนคงไม่โชคดีเท่า พวกเขาสูญเสียบ้านที่อยู่อาศัย ครอบครัว คนรัก หรือแม้กระทั่งชีวิตของตนเอง
การเดินทางบนรถไฟยาวนานราวกับบันทึกการเดินทางฉบับย่อ ดีนนอนหลับไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ตื่นขึ้นมาตอนเช้ารับแสงแดดที่ส่องผ่านหน้าต่างรถไฟจนต้องปิดม่าน เขาดูนาฬิกาข้อมือ ‘แปดนาฬิกา สามสิบหกนาที’ ยังอีกยาวนานกว่าจะถึงครามาตอร์สค์ ตามแมพกูเกิ้ลเขาเห็นว่าใช้เวลาเดินทางราวเจ็ดชั่วโมง แต่ตามความจริงหน้าตั๋วต้องเดินทางถึงสิบห้าชั่วโมง เนื่องจากทางรถไฟบางส่วนถูกทำลายจึงจำเป็นต้องใช้เส้นทางอ้อมไปลงสถานีอื่นก่อนจะสลับขบวนถึงสองครั้ง
ดีนกะพริบตาปรับโฟกัสรับแสง พอจะจำเรื่องราวของเมื่อคืนได้คร่าว ๆ ช่วงราว ๆ หกโมงเขางัวเงียตื่นขึ้นมาครั้งหนึ่งเมื่อรู้สึกถึงแสงไฟนอกหน้าต่างจากการที่รถไฟสลับขบวนที่ ‘ปาซาชีร์สกี้’ น่าจะเป็นเมืองหนึ่งในยูเครนนี่แหล่ะ และดูเหมือนว่าจะต้องสลับขบวนอีกครั้งที่ ‘สโลเวียนสค์’ ช่วงเที่ยงครึ่ง
ไหน ๆ ตื่นขึ้นมาแล้วเขาก็หิ้วกระเป๋าใบเล็กที่พกอุปกรณ์ล้างหน้าต่าง ๆ ไปแปรงฟันในห้องน้ำของรถไฟที่ทั้งแคบและไม่สะอาดเทียบไม่ได้เลยกับห้องน้ำรถบ้านที่คณะเดินทางดูแลกันเองอย่างสะอาดเรียบร้อย แต่พวกเขาจำต้องโดยสารอยู่ในขบวนรถไฟตั้งสิบสามชั่วโมงเลยนี่นา ทนได้ก็ต้องทน ท่องเอาไว้ว่าเขาโชคดีแล้วที่ระเบิดไม่ลงเมื่อคืนนี้
ลูกเรือเข็นรถเข็นมาขายอาหารเช้า จะดีกว่านี้ถ้าได้ทานไก่ทอดกรอบ ๆ กับวาฟเฟิลแผ่นโต ๆ ที่ราดเมเปิ้ลไซรัปเสียจนชุ่ม แต่อาหารบนรถไฟในประเทศที่มีสงครามจะมีอะไรแบบนั้นได้ยังไง สิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้คงไม่พ้นแซนวิชแฮมชีสชืด ๆ ที่พอจะประทังหิวไปได้บ้าง และสถานีที่เขาต้องลงต่อไปคือดอแนตสก์ หนึ่งในเมืองที่เป็นสมรภูมิสงคราม คงต้องหาอาหารการกินยากมากแน่ ๆ ดีนจึงตุนเสบียงเป็นแซนวิชห้าหกชิ้นสำหรับพวกเขาทั้งสองตามสัญญาว่าจะเลี้ยงเลนน็อคตลอดการเดินทาง
. . .
จากครามาตอร์สค์ สู่ดอแนกตสก์
เมื่อลงจากรถไฟมาชายหนุ่มก็เห็นซากเมืองที่ถูกทำลายอยู่ข้างหน้า สะพานบางแห่งถล่มจากขีปนาวุธ อาคารบ้านเรือนพังพินาศ ยิ่งใกล้พื้นที่ชายแดนทุกอย่างยิ่งดูแย่ลงไปเรื่อย ๆ จะบอกว่าเมืองแห่งนี้เป็นชายแดนของยูเครน ณ ปัจจุบันก็ว่าได้ เพราะเมืองถัดไปที่ต้องเดินทางผ่านคือ ‘ดอแนกตสก์’ ดีนไปศึกษาข้อมูลของดอแนสตสก์มาคร่าว ๆ แม้ว่าเมืองนี้จะถูกระบุว่าเป็นเมืองหนึ่งทางภูมิภาคตะวันออกของยูเครน แต่ในปัจจุบันกองกำลังปลดแอกได้ปกครองเมืองนี้แล้วสถาปนาทั้งแคว้นเป็นประเทศใหม่ชื่อ ‘สาธารณะรัฐดอแนสตสก์’ โดยมีรัสเซียหนุนหลัง
พวกเขาจำต้องเรียกหาแท็กซี่ไปดอแนกตสก์ซึ่งหารถยากมาก ๆ แค่เรียกรถก็ใช้เวลานานถึงสองชั่วโมง และเดินทางเกือบสามชั่วโมงกว่าจะถึง เรียกได้ว่าใช้เวลาเกินกว่าแผนไปถึงสามเท่าตัว
เกือบทุ่มกว่าจะถึงดอแนกตสก์ เรียกได้ว่าใช้เวลาไปทั้งวันสำหรับการเดินทาง จากแพลนที่บอกว่าเดินทางสิบสามชั่วโมงคือไม่จริง เอาเข้าจริงแล้วแทบจะเป็นยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยต่างหาก แล้วดึกแบบนี้การหารถไปมารีอูปอลแทบจะเป็นไปไม่ได้พวกเขาจึงจำเป็นต้องหาที่พักเพื่อซุกหัวนอน แต่คนไม่มีวีซ่าเข้าเมืองที่อยู่ระหว่างสงครามแบบนี้จะไปขอเข้าโรงแรมได้ยังไง ดังนั้นคืนนี้พวกเขาจึงจำเป็นต้องไปแอบนอนหลับพักผ่อนที่สวนสาธารณะรกร้างเอา
‘นี่ฉันมาทำอะไรที่นี่วะ!’
ดีนตะโกนถามตัวเองในใจ มากำจัดกูลตามภารกิจเทพีอะธีน่าน่ะใช่ แต่จำเป็นจะต้องมายังเมืองสุดเขตชายแดนแบบนี้ด้วยเหรอ? คล้ายเลนน็อคอ่านสีหน้าเขาออก อีกฝ่ายตบบ่าของดีนเบา ๆ คล้ายให้กำลังใจโดยไม่ได้พูดอะไร อีกฝ่ายเปิดปากพูดก็แค่ตอนที่จำเป็นต้องใช้ภาษารัสเซียสำเนียงแปล่ง ๆ ในการติดต่อเดินทางเพียงเท่านั้น
การเป็นเดมิก็อดมันไม่ง่าย.. ไม่ง่ายเลยจริง ๆ คืนนี้ทั้งคืนจึงต้องอยู่อย่างหวาดระแวง ระแวงทั้งโจรมาปล้น ทหารมาจับ ระเบิดจากประเทศขั้วตรงข้าม และอสุรกายจากรัสเซีย จะว่าไปก็น่าแปลกที่พวกเขาไม่เจอศัตรูเลยระหว่างการเดินทาง อาจเป็นเพราะอสุรกายถูกระเบิดตายหมดแล้วก็ได้มั้ง? ดีนไม่รู้ว่าระเบิดทำอันตรายแก่อสุรกายได้ไหม แต่ถึงมันจะหนังเหนียวแค่ไหนจะไปทานทนแรงระเบิดได้ยังไงกันล่ะ..
อย่างไรก็ช่าง ขอให้พรุ่งนี้ดีกว่าวันนี้…
. . .
เช้าวันที่สอง ณ เมืองดอแนกตสก์
อย่าเรียกว่าเมื่อคืนได้นอนหลับเลย ใครจะไปนอนหลับลงต่อให้เป็นบุตรแห่งพระยมก็เถอะ รถถังที่จอดประจำการอยู่แทบทุกจุดของมุมเมืองทำเอาใจหวิว แต่ถือว่าสองเดมิก็อดยังคงดวงดีอยู่ที่ไม่ถูกอะไรก็แล้วแต่ที่พวกเขากลัวมารังควาน เช้าวันนี้ทั้งสองจึงรีบจัดการธุระส่วนตัวที่สวนสาธารณะแล้วหารถเพื่อเดินทางต่อไปมารีอูปอล
“ต้องใช้เวลาเท่าไรนะกว่าจะถึงมารีอูปอล”
ดีนรำพึงรำพันถึงจุดหมายปลายทาง เขารู้สึกว่าการเดินทางมายูเครนครั้งนี้ระทมยิ่งกว่าภารกิจเดินทางเสียอีก ส่วนถ้าเทียบกับที่เฮติเขาตอบไม่ได้ว่าที่ไหนแย่กว่ากัน
ขณะเดินไปที่ท่ารถ รถถังคันหนึ่งที่จอดนิ่งอยู่อย่างสงบเสงี่ยมก็ติดเครื่องแล้วแล่นตามทั้งสองมาบนถนน
‘แปลก ๆ’
ดีนคิดในใจถึงความผิดปกตินั้น จึงสะกิดเลนน็อคให้เร่งฝีเท้าแล้ววิ่งไปหลบหลังซากตึก
ตู้ม!!
ลูกปืนใหญ่ยิงเข้าหากำแพงที่ผุพังจนกำแพงที่พวกเขาหลบลี้อยู่แตกกระจาย
“เฮ้ย! ทำไมอ่ะ เขายิงพวกเราทำไม!!” ดีนกล่าวอย่างร้อนรน แม้ว่าเขาจะเป็นบุคคลลักลอบเข้าเมืองแต่ไม่เห็นจำเป็นจะต้องจับกุมด้วยวิธีรุนแรงแบบนี้เลยนี่นา
เลนน็อคชะโงกหน้าไปมองรถถังคันใหญ่ก่อนจะขมวดคิ้ว จากนั้นเขาก็นำหอกสัมฤทธิ์และโล่ออกมาจากกระเป๋าแห่งความมืด
“ไม่ใช่ นั่นวัวโคลลิส” ชายหนุ่มสายเลือดฮาเดสตอบเสียงเรียบ ท่าทางของเขาคล้ายกับพร้อมจะเข้าไปปะทะเสมอ
“วัวโคลลิสที่ว่าเป็นของเทพเฮเฟตัส?” ดีนพอจะรู้มาว่ามีวัวหลุดคิวซีบางตัวที่เทพทิ้งขว้างลงมาบนโลกมนุษย์ แต่ไม่คิดว่ามันจะปะปนอยู่ในพื้นที่สงครามแบบนี้.. ไม่สิ นี่น่ะมันเหมาะเหม็งมากเลยต่างหาก ดีนชะโงกหน้ามองตาม ตอนนี้รถถังที่เห็นในตอนแรกกลายเป็นกระทิงเหล็กตัวยักษ์ “เวรล่ะ แล้วทำไง?”
“ก็ต้องจัดการน่ะสิ” เลนน็อคพุ่งตัวลงเงาหายไปอย่างรวดเร็วทิ้งให้ดีนหน้าเหวออยู่ตรงนี้เพียงลำพัง
ตู้ม!!
ปืนใหญ่ลูกที่สองยิงเข้ามาทำเอากำแพงส่วนที่เหลือหายวับไปทันที ดีนรีบกลิ้งตัวหลับออกมาก่อนที่จะถูกซากอิฐและเศษระเบิดกระเด็นใส่ ท่าไม่ดี เสียงดังกล่าวเรียกให้พวกทหารรัสเซียที่อยู่แถวนั้นมาทางนี้
“เวรล่ะ เวรล่ะ เวรล่ะ!!”
ต้องรีบปิดฉากเดี๋ยวนี้เลย!!
เลนน็อคพุ่งตัวขึ้นมาจากเงา เขาทิ่มแทงใต้ท้องของวัวโคลลิส เสียงของโลหะปะทะกันเข้าอย่างจัง มันเองก็เป็นสิ่งประดิษฐ์ของทวยเทพคงไม่ใช่เหล็กกาก ๆ ที่ชนทีแล้วบุบ จากระยะไกลดีนเห็นเพื่อนต่อสู้นัวอยู่กับวัวเหล็ก ส่วนเขาหาวิถีทางที่จะกำจัดมันลงโดยไว
“แถวนี้มีน้ำบ้างไหมเนี่ย!”
ดีนตั้งจิตหากระแสน้ำ เขาสัมผัสได้ว่าใต้ฝ่าเท้ามีทางระบายน้ำใต้ดินอยู่ ถ้าอย่างนั้นก็ได้เวลาระเบิดถนนกันอีกรอบ
ตู้ม!!
เสียงระเบิดดังขึ้นครั้งที่สาม แต่คราวนี้มาจากพื้นด้านล่างของวัวโคลลิส ถนนที่ผุพังแตกออก จากนั้นมวลน้ำมหาศาลก็ผุดขึ้นกระแทกเจ้าวัวคลั่งจนปลิวตกกระทบพื้น ด้วยน้ำหนักของมันเองทำให้ชิ้นส่วนบางแห่งแตกออก มันสะบัดหัวไปมาไล่ความมึน แต่สิ่งประดิษฐ์แบบนั้นจะมึนได้เหรอ? แต่ก็ใช่เวลามาหาคำถาม ดีนควบคุมน้ำจู่โจมมันอีกครั้ง แต่คราวนี้วัวที่ว่องไวติดเจ็ทพุ่งกระแทกตัวมาทางดีน
‘ฉิบหายแล้ว หลบไม่ทันแน่ ๆ!’
“ระวัง!!”
เลนน็อคพุ่งตัวออกมาจากเงาแล้วยกโล่กันดีนเข้าไว้ จนทั้งสองถูกชนกระเด็นไปพร้อม ๆ กัน แต่ด้วยความที่ตัวของทั้งสองใส่เกราะสัมฤทธิ์สุดแกร่งของดีจากค่ายฮาล์ฟบลัดเอาไว้จึงไม่บาดเจ็บอะไรมาก แต่ก็ทำเอาจุกแล้วมึนไปหลายวินาที
“แค่ก! โอ๊ย จุกชะมัด!” ดีนไอโขลกออกมา ดีที่เลนน็อคมาช่วยไว้ไม่งั้นเขาคงได้รับบาดเจ็บเยอะกว่านี้แน่ ๆ
“ยืนไหวไหม?” หนุ่มบ้านฮาเดสรีบลุกขึ้นก่อนจะยื่นมือมาให้เขาจับเพื่อลุกตาม
“ไหว แต่.. ทหารจะมากันแล้ว เอาไงดี” สถานการณ์ยิ่งแย่ก็ยิ่งทำให้สายเลือดจากโพไซดอนล่ก
“....” แม้แต่เลนน็อคคนคูลก็ยังต้องถอนหายใจออกมาแรง ๆ “ไม่เป็นไร เราล้มพวกมันได้ ฉันจะล่อมันไว้ จากนั้นนายควบคุมน้ำทำลายมัน”
“เอ่อ.. เอางั้นก็ได้”
หลังจากที่ดีนรับปากเลนน็อคก็มุดเงาหายไป เขาพุ่งตัวออกมาจากเงาที่ข้างตึกในแนวระนาบจากนั้นก็ปักหอกลงบนรอยต่อบริเวณคอของวัวโคลลิส มันออกอาการพยศหนักเมื่อได้รับความเสียหาย ตอนนี้อีกฝ่ายเหมือนกับเล่น ‘กระทิงดุ’ เลนน็อคเรียกดาบสัมฤทธิ์จากเงามาอีกเล่มแล้วแทงคอของมันแล้วพยายามจับยึดอาวุธในมือทั้งสองไว้ให้มั่นเพื่อที่จะได้ไม่กระเด็นตกลงมา
วัวโคลลิสที่คุ้มคลั่งวิ่งมาทางดีนอีกครั้ง คราวนี้ปากของมันอ้าออกเตรียมยิงกระสุนปืนใหญ่มาอีกหน ดีนเห็นภายในช่องปากของมันเป็นสีแดงวูบวาบมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่คราวนี้เขาไม่ยอมปล่อยให้มันยิงพลังออกมาหรอก!
“ไปเลยพลังน้ำ จัดการมัน!!”
ดีนควบคุมน้ำที่ด้านหน้าพ่นปืนแรงดันน้ำพลังสูงเข้าไปในปากของวัวเหล็ก จากมวลน้ำปริมาณมากที่ยิงเข้าไปทำให้ตัวของมันปริแตกระเบิดออก
บรึ้ม!!
ฉากนี้ช่างเหมือนฉากพิชิตสัตว์ประหลาดในหนังโทคุซึทสึ (ขบวนการห้าสีต่าง ๆ)
ในชั่วพริบตานั้นเลนน็อคหายตัวเข้าไปในเงา ก่อนจะปรากฏตัวออกมาอีกทีหลังจากที่วัวโคลลิสระเบิดตัวไปแล้วเก็บสินสงครามที่โคลลิสเหลือทิ้งเอาไว้ก่อนที่ทหารรัสเซียจะแห่กันมา
. . .
ดีนและเลนน็อคหลบลี้ไปตามถนนหนทางจนถึงจุดที่รู้สึกว่าปลอดภัย เขาไม่รู้ว่าหนีกันมาไกลเท่าไรแต่บริเวณนี้ไร้เงาจากทหารรัสเซีย
“เอาไงกันต่อดีพวกเรา จะหารถบัสไปมารีอูปอลยังไงดี?”
“ไม่มีบัสไปมารีอูปอลหรอก พวกเราคงต้องหาแท็กซี่” เลนน็อคตอบ
“อ้าว ไม่มีบัสเหรอ” ดีนขมวดคิ้ว ทั้งที่ในกูเกิ้ลบอกว่าขึ้นรถบัสไปได้เนี่ยนะ แต่การเดินทางครั้งนี้มีแต่เรื่องผิดแผนเต็มไปหมดเพราะเป็นประเทศสงคราม “ว่าแต่.. นายรู้ได้ไงน่ะเลนนี่?”
เลนน็อคโคลงหัวเล็กน้อยก่อนจะตอบเขา
“มิฮาอิลบอกมา” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบเหมือนอีกครั้งบนรถไฟ พร้อมส่งสายตากำชับมาให้ดีนที่ทำหน้างงอยู่ว่า ‘ไม่ใช่เรื่องสำคัญ อย่าไปใส่ใจเลย’ จากนั้นอีกฝ่ายก็พยักหน้าให้อากาศ “มาทางนี้เถอะ เหมือนว่าเราจะไปเรียกแท็กซี่ได้จากตรงนั้น”
หนุ่มบ้านฮาเดสชี้นิ้วไปที่เส้นทางข้างหน้าที่ดูไม่ออกเลยว่าจะมีแท็กซี่ผ่านมาแถวนี้ แต่รอไม่ถึงห้านาทีก็มีรถรับจ้างผ่านมาจริง ๆ เลนน็อคเข้าไปเจรจากับคนขับรถก่อนจะหันมาพูดกับดีน
“คนขับขอให้จ่ายสองเท่า เป็นสองร้อยรูเบิล นายโอเคหรือเปล่า?”
“สองร้อยรูเบิลเหรอ ได้สิ ได้เลย แค่อย่าทิ้งไว้กลางทางก็พอ.. งั้นก็ไปกันเลย”
จากนั้นทั้งสองก็นั่งแท็กซี่เก่า ๆ ไปยังมารีอูปอล ซึ่งเหมือนเดิม คูณสามเวลาการเดินทางได้เลย…
ตื่นรู้+2 จากการพิชิตครั้งแรก
ของรางวัล หาร 2 กับเลนน็อค
|