[ประเทศยูเครน] เมืองมารียูปอล

[คัดลอกลิงก์]

หากท่านเป็นกึ่งเทพผู้หลงทาง สามารถสมัครสมาชิกเข้าร่วมกับเราได้ที่นี่ https://t.me/+etLqVX17bGg5ZjBl

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา ลงทะเบียน

×



Mariupol, Donetks, Ukriane

เมืองมารีอูปอล แคว้นดอแนตสก์ ประเทศยูเครน
(สาธารณรัฐประชาชนดอแนตสก์)









เมืองมารีอูปอล



เป็นนครในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศยูเครน

ตั้งอยู่บนชายฝั่งทิศเหนือของทะเลอะซอฟตรงปากแม่น้ำกัลมีอุส ในภูมิภาคปรืออาซอวิยา

เป็นเมืองใหญ่ที่สุดอันดับที่สิบของยูเครน และอันดับที่สองของแคว้นดอแนตสก์

มีประชากร 431,859 คน ประชากรส่วนใหญ่ของนครสื่อสารด้วยภาษารัสเซีย

ในขณะที่สถิติทางชาติพันธุ์พบว่ามีประชากรทั้งชาวยูเครนและชาวรัสเซียอยู่พอ ๆ กัน

นอกจากนี้ยังมีชาติพันธุ์กรีกมารีอูปอลเป็นชนกลุ่มน้อยที่สำคัญของนคร


นครตั้งขึ้นบนค่ายคอสแซ็กเก่าที่มีชื่อว่ากัลมีอุส และได้รับสิทธิ์ในการเป็นนครในปี 1778

ต่อมาในสมัยโซเวียตซึ่งมีธรรมเนียมการเปลี่ยนชื่อนครตามชื่อผู้นำคอมมิวนิสต์

นครได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น จดานอฟ ตามชื่อของ อันเดรย์ จดานอฟ ตั้งแต่ปี 1948 ถึง 1989


...ภายหลังสงครามในดอนบัส...

เมื่อนครดอแนตสก์กลายเป็น เมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาชนดอแนตสก์ ในปี 2014

นครมารีอูปอลได้ขึ้นมาเป็นศูนย์กลางการปกครองชั่วคราวของแคว้นดอแนตสก์


ประเทศ (โดยนิตินัย): ยูเครน

ประเทศ (โดยพฤตินัย): สาธารณรัฐประชาชนดอแนตสก์










แสดงความคิดเห็น

God
โพสต์ 10221 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-6-4 21:35
โพสต์ 2024-6-10 20:45:47 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-11-12 11:28

168
ภารกิจเดินทางฉบับย่อม

             จากสถานนีต้นทาง เคียฟ สู่สถานีปลายทาง ครามาตอร์สค์

             ระยะเวลาเดินทางจริงไม่ได้รวดเร็วอย่างที่คำนวนเอาไว้ ดีนและเลนน็อคมาถึงสถานีรถไฟกรุงเคียฟราว ๆ สามทุ่มของวันที่ออกเดินทาง พวกเขาคิดว่าน่าจะได้ขึ้นรถไฟต่อไปยังครามาตอร์สค์ราว ๆ สี่ทุ่ม แต่ความจริงแล้วกว่ารถไฟจะมาก็เลทไปถึงสองชั่วโมง ไม่ใช่เพราะกูเกิ้ลเซ็ตตารางรถไฟผิดแต่เป็นเพราะดีนลืมไปว่าประเทศที่กำลังอยู่ในระหว่างสงครามย่อมมีเหตุผิดพลาดได้อยู่เสมอ และที่นี่ไม่ใช่นิวยอร์กที่มีรถไฟหลายขบวนวิ่งตลอดทั้งคืน กว่าที่ทั้งสองจะได้ขึ้นรถไฟก็ใกล้เวลาเที่ยงคืนเข้าไปทุกที

             ทิวทัศน์นอกหน้าต่างรถไฟมีแต่ความมืดมิด แต่ยังพอเห็นซากปรักหักพังจากสงครามได้บ้างตามแสงสลัวจากข้างทาง ช่างเป็นภาพที่น่าใจหาย เคียฟคือเมืองหลวงของยูเครนแต่ก็ยังถูกขีปนาวุธถล่ม หากเมืองหลวงถูกโจมตีคงไม่มีที่ไหนที่ปลอดภัยสำหรับประเทศแห่งนี้ ดีนไม่รู้ว่าเลนน็อครู้สึกอย่างไร เพราะเมื่อขึ้นรถไฟมาได้อีกฝ่ายก็ได้แต่สวมหูฟังและหลับตาลงคล้ายกับว่ายังคงนอนหลับอยู่บนรถด่วนพิเศษเฮเฟตัสมาไม่พอ แต่สำหรับดีนแล้วเขาใจเต้นตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ นาทีนี้อสุรกายที่น่ากลัวที่สุดในโลกคงยังไม่น่าหวาดผวาเท่ากับขีปาณาวุธพิสัยไกลที่จะยิงถล่มเข้ามาเมื่อไรก็ไม่รู้

             ชายหนุ่มหวนนึกถึงเพื่อนคนหนึ่ง ดาริน่า อีวาโนวา คงเป็นชื่อคุ้นหูกันดีในค่ายฮาล์ฟบลัด แม้ว่าเขาจะไม่ได้เจอเธอเลยหลังจากแยกย้ายกันไปอยู่คนละบ้าน ดีนจำไม่ได้ว่าบ้านเกิดของหญิงสาวคือเมืองอะไร เธอเคยเล่าให้ฟังว่าเป็นเมืองที่มีชื่อเรื่องงานศิลปะและไม่ใช่เมืองหลวงอย่างเคียฟ ชายหนุ่มหวังว่าบ้านเกิดของเธอจะปลอดภัยดี หากงานศิลปะทั้งหลายถูกทำลายลงไปคงน่าเสียดายแย่ ยังดีที่เธอและพ่อมีญาติที่นิวยอร์คจึงพากันอพยพย้ายที่อยู่กันมา แต่ชาวยูเครนหลายคนคงไม่โชคดีเท่า พวกเขาสูญเสียบ้านที่อยู่อาศัย ครอบครัว คนรัก หรือแม้กระทั่งชีวิตของตนเอง

             การเดินทางบนรถไฟยาวนานราวกับบันทึกการเดินทางฉบับย่อ ดีนนอนหลับไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ตื่นขึ้นมาตอนเช้ารับแสงแดดที่ส่องผ่านหน้าต่างรถไฟจนต้องปิดม่าน เขาดูนาฬิกาข้อมือ ‘แปดนาฬิกา สามสิบหกนาที’ ยังอีกยาวนานกว่าจะถึงครามาตอร์สค์ ตามแมพกูเกิ้ลเขาเห็นว่าใช้เวลาเดินทางราวเจ็ดชั่วโมง แต่ตามความจริงหน้าตั๋วต้องเดินทางถึงสิบห้าชั่วโมง เนื่องจากทางรถไฟบางส่วนถูกทำลายจึงจำเป็นต้องใช้เส้นทางอ้อมไปลงสถานีอื่นก่อนจะสลับขบวนถึงสองครั้ง

             ดีนกะพริบตาปรับโฟกัสรับแสง พอจะจำเรื่องราวของเมื่อคืนได้คร่าว ๆ ช่วงราว ๆ หกโมงเขางัวเงียตื่นขึ้นมาครั้งหนึ่งเมื่อรู้สึกถึงแสงไฟนอกหน้าต่างจากการที่รถไฟสลับขบวนที่ ‘ปาซาชีร์สกี้’ น่าจะเป็นเมืองหนึ่งในยูเครนนี่แหล่ะ และดูเหมือนว่าจะต้องสลับขบวนอีกครั้งที่ ‘สโลเวียนสค์’ ช่วงเที่ยงครึ่ง

             ไหน ๆ ตื่นขึ้นมาแล้วเขาก็หิ้วกระเป๋าใบเล็กที่พกอุปกรณ์ล้างหน้าต่าง ๆ ไปแปรงฟันในห้องน้ำของรถไฟที่ทั้งแคบและไม่สะอาดเทียบไม่ได้เลยกับห้องน้ำรถบ้านที่คณะเดินทางดูแลกันเองอย่างสะอาดเรียบร้อย แต่พวกเขาจำต้องโดยสารอยู่ในขบวนรถไฟตั้งสิบสามชั่วโมงเลยนี่นา ทนได้ก็ต้องทน ท่องเอาไว้ว่าเขาโชคดีแล้วที่ระเบิดไม่ลงเมื่อคืนนี้

             ลูกเรือเข็นรถเข็นมาขายอาหารเช้า จะดีกว่านี้ถ้าได้ทานไก่ทอดกรอบ ๆ กับวาฟเฟิลแผ่นโต ๆ ที่ราดเมเปิ้ลไซรัปเสียจนชุ่ม แต่อาหารบนรถไฟในประเทศที่มีสงครามจะมีอะไรแบบนั้นได้ยังไง สิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้คงไม่พ้นแซนวิชแฮมชีสชืด ๆ ที่พอจะประทังหิวไปได้บ้าง และสถานีที่เขาต้องลงต่อไปคือดอแนตสก์ หนึ่งในเมืองที่เป็นสมรภูมิสงคราม คงต้องหาอาหารการกินยากมากแน่ ๆ ดีนจึงตุนเสบียงเป็นแซนวิชห้าหกชิ้นสำหรับพวกเขาทั้งสองตามสัญญาว่าจะเลี้ยงเลนน็อคตลอดการเดินทาง

             .
             .
             .

             จากครามาตอร์สค์ สู่ดอแนกตสก์

             เมื่อลงจากรถไฟมาชายหนุ่มก็เห็นซากเมืองที่ถูกทำลายอยู่ข้างหน้า สะพานบางแห่งถล่มจากขีปนาวุธ อาคารบ้านเรือนพังพินาศ ยิ่งใกล้พื้นที่ชายแดนทุกอย่างยิ่งดูแย่ลงไปเรื่อย ๆ จะบอกว่าเมืองแห่งนี้เป็นชายแดนของยูเครน ณ ปัจจุบันก็ว่าได้ เพราะเมืองถัดไปที่ต้องเดินทางผ่านคือ ‘ดอแนกตสก์’ ดีนไปศึกษาข้อมูลของดอแนสตสก์มาคร่าว ๆ แม้ว่าเมืองนี้จะถูกระบุว่าเป็นเมืองหนึ่งทางภูมิภาคตะวันออกของยูเครน แต่ในปัจจุบันกองกำลังปลดแอกได้ปกครองเมืองนี้แล้วสถาปนาทั้งแคว้นเป็นประเทศใหม่ชื่อ ‘สาธารณะรัฐดอแนสตสก์’ โดยมีรัสเซียหนุนหลัง

              พวกเขาจำต้องเรียกหาแท็กซี่ไปดอแนกตสก์ซึ่งหารถยากมาก ๆ แค่เรียกรถก็ใช้เวลานานถึงสองชั่วโมง และเดินทางเกือบสามชั่วโมงกว่าจะถึง เรียกได้ว่าใช้เวลาเกินกว่าแผนไปถึงสามเท่าตัว

             เกือบทุ่มกว่าจะถึงดอแนกตสก์ เรียกได้ว่าใช้เวลาไปทั้งวันสำหรับการเดินทาง จากแพลนที่บอกว่าเดินทางสิบสามชั่วโมงคือไม่จริง เอาเข้าจริงแล้วแทบจะเป็นยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยต่างหาก แล้วดึกแบบนี้การหารถไปมารีอูปอลแทบจะเป็นไปไม่ได้พวกเขาจึงจำเป็นต้องหาที่พักเพื่อซุกหัวนอน แต่คนไม่มีวีซ่าเข้าเมืองที่อยู่ระหว่างสงครามแบบนี้จะไปขอเข้าโรงแรมได้ยังไง ดังนั้นคืนนี้พวกเขาจึงจำเป็นต้องไปแอบนอนหลับพักผ่อนที่สวนสาธารณะรกร้างเอา

             ‘นี่ฉันมาทำอะไรที่นี่วะ!’

             ดีนตะโกนถามตัวเองในใจ มากำจัดกูลตามภารกิจเทพีอะธีน่าน่ะใช่ แต่จำเป็นจะต้องมายังเมืองสุดเขตชายแดนแบบนี้ด้วยเหรอ? คล้ายเลนน็อคอ่านสีหน้าเขาออก อีกฝ่ายตบบ่าของดีนเบา ๆ คล้ายให้กำลังใจโดยไม่ได้พูดอะไร อีกฝ่ายเปิดปากพูดก็แค่ตอนที่จำเป็นต้องใช้ภาษารัสเซียสำเนียงแปล่ง ๆ ในการติดต่อเดินทางเพียงเท่านั้น

             การเป็นเดมิก็อดมันไม่ง่าย.. ไม่ง่ายเลยจริง ๆ คืนนี้ทั้งคืนจึงต้องอยู่อย่างหวาดระแวง ระแวงทั้งโจรมาปล้น ทหารมาจับ ระเบิดจากประเทศขั้วตรงข้าม และอสุรกายจากรัสเซีย จะว่าไปก็น่าแปลกที่พวกเขาไม่เจอศัตรูเลยระหว่างการเดินทาง อาจเป็นเพราะอสุรกายถูกระเบิดตายหมดแล้วก็ได้มั้ง? ดีนไม่รู้ว่าระเบิดทำอันตรายแก่อสุรกายได้ไหม แต่ถึงมันจะหนังเหนียวแค่ไหนจะไปทานทนแรงระเบิดได้ยังไงกันล่ะ..

             อย่างไรก็ช่าง ขอให้พรุ่งนี้ดีกว่าวันนี้…

             .
             .
             .

             เช้าวันที่สอง ณ เมืองดอแนกตสก์

             อย่าเรียกว่าเมื่อคืนได้นอนหลับเลย ใครจะไปนอนหลับลงต่อให้เป็นบุตรแห่งพระยมก็เถอะ รถถังที่จอดประจำการอยู่แทบทุกจุดของมุมเมืองทำเอาใจหวิว แต่ถือว่าสองเดมิก็อดยังคงดวงดีอยู่ที่ไม่ถูกอะไรก็แล้วแต่ที่พวกเขากลัวมารังควาน เช้าวันนี้ทั้งสองจึงรีบจัดการธุระส่วนตัวที่สวนสาธารณะแล้วหารถเพื่อเดินทางต่อไปมารีอูปอล

             “ต้องใช้เวลาเท่าไรนะกว่าจะถึงมารีอูปอล”

             ดีนรำพึงรำพันถึงจุดหมายปลายทาง เขารู้สึกว่าการเดินทางมายูเครนครั้งนี้ระทมยิ่งกว่าภารกิจเดินทางเสียอีก ส่วนถ้าเทียบกับที่เฮติเขาตอบไม่ได้ว่าที่ไหนแย่กว่ากัน

             ขณะเดินไปที่ท่ารถ รถถังคันหนึ่งที่จอดนิ่งอยู่อย่างสงบเสงี่ยมก็ติดเครื่องแล้วแล่นตามทั้งสองมาบนถนน

             ‘แปลก ๆ’

             ดีนคิดในใจถึงความผิดปกตินั้น จึงสะกิดเลนน็อคให้เร่งฝีเท้าแล้ววิ่งไปหลบหลังซากตึก

             ตู้ม!!

             ลูกปืนใหญ่ยิงเข้าหากำแพงที่ผุพังจนกำแพงที่พวกเขาหลบลี้อยู่แตกกระจาย

             “เฮ้ย! ทำไมอ่ะ เขายิงพวกเราทำไม!!” ดีนกล่าวอย่างร้อนรน แม้ว่าเขาจะเป็นบุคคลลักลอบเข้าเมืองแต่ไม่เห็นจำเป็นจะต้องจับกุมด้วยวิธีรุนแรงแบบนี้เลยนี่นา

             เลนน็อคชะโงกหน้าไปมองรถถังคันใหญ่ก่อนจะขมวดคิ้ว จากนั้นเขาก็นำหอกสัมฤทธิ์และโล่ออกมาจากกระเป๋าแห่งความมืด

             “ไม่ใช่ นั่นวัวโคลลิส” ชายหนุ่มสายเลือดฮาเดสตอบเสียงเรียบ ท่าทางของเขาคล้ายกับพร้อมจะเข้าไปปะทะเสมอ

             “วัวโคลลิสที่ว่าเป็นของเทพเฮเฟตัส?” ดีนพอจะรู้มาว่ามีวัวหลุดคิวซีบางตัวที่เทพทิ้งขว้างลงมาบนโลกมนุษย์ แต่ไม่คิดว่ามันจะปะปนอยู่ในพื้นที่สงครามแบบนี้.. ไม่สิ นี่น่ะมันเหมาะเหม็งมากเลยต่างหาก ดีนชะโงกหน้ามองตาม ตอนนี้รถถังที่เห็นในตอนแรกกลายเป็นกระทิงเหล็กตัวยักษ์ “เวรล่ะ แล้วทำไง?”

             “ก็ต้องจัดการน่ะสิ” เลนน็อคพุ่งตัวลงเงาหายไปอย่างรวดเร็วทิ้งให้ดีนหน้าเหวออยู่ตรงนี้เพียงลำพัง

             ตู้ม!!

             ปืนใหญ่ลูกที่สองยิงเข้ามาทำเอากำแพงส่วนที่เหลือหายวับไปทันที ดีนรีบกลิ้งตัวหลับออกมาก่อนที่จะถูกซากอิฐและเศษระเบิดกระเด็นใส่ ท่าไม่ดี เสียงดังกล่าวเรียกให้พวกทหารรัสเซียที่อยู่แถวนั้นมาทางนี้

             “เวรล่ะ เวรล่ะ เวรล่ะ!!”

             ต้องรีบปิดฉากเดี๋ยวนี้เลย!!

             เลนน็อคพุ่งตัวขึ้นมาจากเงา เขาทิ่มแทงใต้ท้องของวัวโคลลิส เสียงของโลหะปะทะกันเข้าอย่างจัง มันเองก็เป็นสิ่งประดิษฐ์ของทวยเทพคงไม่ใช่เหล็กกาก ๆ ที่ชนทีแล้วบุบ จากระยะไกลดีนเห็นเพื่อนต่อสู้นัวอยู่กับวัวเหล็ก ส่วนเขาหาวิถีทางที่จะกำจัดมันลงโดยไว

             “แถวนี้มีน้ำบ้างไหมเนี่ย!”

             ดีนตั้งจิตหากระแสน้ำ เขาสัมผัสได้ว่าใต้ฝ่าเท้ามีทางระบายน้ำใต้ดินอยู่ ถ้าอย่างนั้นก็ได้เวลาระเบิดถนนกันอีกรอบ

             ตู้ม!!

             เสียงระเบิดดังขึ้นครั้งที่สาม แต่คราวนี้มาจากพื้นด้านล่างของวัวโคลลิส ถนนที่ผุพังแตกออก จากนั้นมวลน้ำมหาศาลก็ผุดขึ้นกระแทกเจ้าวัวคลั่งจนปลิวตกกระทบพื้น ด้วยน้ำหนักของมันเองทำให้ชิ้นส่วนบางแห่งแตกออก มันสะบัดหัวไปมาไล่ความมึน แต่สิ่งประดิษฐ์แบบนั้นจะมึนได้เหรอ? แต่ก็ใช่เวลามาหาคำถาม ดีนควบคุมน้ำจู่โจมมันอีกครั้ง แต่คราวนี้วัวที่ว่องไวติดเจ็ทพุ่งกระแทกตัวมาทางดีน

             ‘ฉิบหายแล้ว หลบไม่ทันแน่ ๆ!’

             “ระวัง!!”

             เลนน็อคพุ่งตัวออกมาจากเงาแล้วยกโล่กันดีนเข้าไว้ จนทั้งสองถูกชนกระเด็นไปพร้อม ๆ กัน แต่ด้วยความที่ตัวของทั้งสองใส่เกราะสัมฤทธิ์สุดแกร่งของดีจากค่ายฮาล์ฟบลัดเอาไว้จึงไม่บาดเจ็บอะไรมาก แต่ก็ทำเอาจุกแล้วมึนไปหลายวินาที

             “แค่ก! โอ๊ย จุกชะมัด!” ดีนไอโขลกออกมา ดีที่เลนน็อคมาช่วยไว้ไม่งั้นเขาคงได้รับบาดเจ็บเยอะกว่านี้แน่ ๆ

             “ยืนไหวไหม?” หนุ่มบ้านฮาเดสรีบลุกขึ้นก่อนจะยื่นมือมาให้เขาจับเพื่อลุกตาม

             “ไหว แต่.. ทหารจะมากันแล้ว เอาไงดี” สถานการณ์ยิ่งแย่ก็ยิ่งทำให้สายเลือดจากโพไซดอนล่ก

             “....” แม้แต่เลนน็อคคนคูลก็ยังต้องถอนหายใจออกมาแรง ๆ “ไม่เป็นไร เราล้มพวกมันได้ ฉันจะล่อมันไว้ จากนั้นนายควบคุมน้ำทำลายมัน”

             “เอ่อ.. เอางั้นก็ได้”

             หลังจากที่ดีนรับปากเลนน็อคก็มุดเงาหายไป เขาพุ่งตัวออกมาจากเงาที่ข้างตึกในแนวระนาบจากนั้นก็ปักหอกลงบนรอยต่อบริเวณคอของวัวโคลลิส มันออกอาการพยศหนักเมื่อได้รับความเสียหาย ตอนนี้อีกฝ่ายเหมือนกับเล่น ‘กระทิงดุ’ เลนน็อคเรียกดาบสัมฤทธิ์จากเงามาอีกเล่มแล้วแทงคอของมันแล้วพยายามจับยึดอาวุธในมือทั้งสองไว้ให้มั่นเพื่อที่จะได้ไม่กระเด็นตกลงมา

             วัวโคลลิสที่คุ้มคลั่งวิ่งมาทางดีนอีกครั้ง คราวนี้ปากของมันอ้าออกเตรียมยิงกระสุนปืนใหญ่มาอีกหน ดีนเห็นภายในช่องปากของมันเป็นสีแดงวูบวาบมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่คราวนี้เขาไม่ยอมปล่อยให้มันยิงพลังออกมาหรอก!

             “ไปเลยพลังน้ำ จัดการมัน!!”

             ดีนควบคุมน้ำที่ด้านหน้าพ่นปืนแรงดันน้ำพลังสูงเข้าไปในปากของวัวเหล็ก จากมวลน้ำปริมาณมากที่ยิงเข้าไปทำให้ตัวของมันปริแตกระเบิดออก

             บรึ้ม!!

             ฉากนี้ช่างเหมือนฉากพิชิตสัตว์ประหลาดในหนังโทคุซึทสึ (ขบวนการห้าสีต่าง ๆ)

             ในชั่วพริบตานั้นเลนน็อคหายตัวเข้าไปในเงา ก่อนจะปรากฏตัวออกมาอีกทีหลังจากที่วัวโคลลิสระเบิดตัวไปแล้วเก็บสินสงครามที่โคลลิสเหลือทิ้งเอาไว้ก่อนที่ทหารรัสเซียจะแห่กันมา

             .
             .
             .

             ดีนและเลนน็อคหลบลี้ไปตามถนนหนทางจนถึงจุดที่รู้สึกว่าปลอดภัย เขาไม่รู้ว่าหนีกันมาไกลเท่าไรแต่บริเวณนี้ไร้เงาจากทหารรัสเซีย

             “เอาไงกันต่อดีพวกเรา จะหารถบัสไปมารีอูปอลยังไงดี?”

             “ไม่มีบัสไปมารีอูปอลหรอก พวกเราคงต้องหาแท็กซี่” เลนน็อคตอบ

             “อ้าว ไม่มีบัสเหรอ” ดีนขมวดคิ้ว ทั้งที่ในกูเกิ้ลบอกว่าขึ้นรถบัสไปได้เนี่ยนะ แต่การเดินทางครั้งนี้มีแต่เรื่องผิดแผนเต็มไปหมดเพราะเป็นประเทศสงคราม “ว่าแต่.. นายรู้ได้ไงน่ะเลนนี่?”

             เลนน็อคโคลงหัวเล็กน้อยก่อนจะตอบเขา

             “มิฮาอิลบอกมา” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบเหมือนอีกครั้งบนรถไฟ พร้อมส่งสายตากำชับมาให้ดีนที่ทำหน้างงอยู่ว่า ‘ไม่ใช่เรื่องสำคัญ อย่าไปใส่ใจเลย’ จากนั้นอีกฝ่ายก็พยักหน้าให้อากาศ “มาทางนี้เถอะ เหมือนว่าเราจะไปเรียกแท็กซี่ได้จากตรงนั้น”

             หนุ่มบ้านฮาเดสชี้นิ้วไปที่เส้นทางข้างหน้าที่ดูไม่ออกเลยว่าจะมีแท็กซี่ผ่านมาแถวนี้ แต่รอไม่ถึงห้านาทีก็มีรถรับจ้างผ่านมาจริง ๆ เลนน็อคเข้าไปเจรจากับคนขับรถก่อนจะหันมาพูดกับดีน

             “คนขับขอให้จ่ายสองเท่า เป็นสองร้อยรูเบิล นายโอเคหรือเปล่า?”

             “สองร้อยรูเบิลเหรอ ได้สิ ได้เลย แค่อย่าทิ้งไว้กลางทางก็พอ.. งั้นก็ไปกันเลย”

             จากนั้นทั้งสองก็นั่งแท็กซี่เก่า ๆ ไปยังมารีอูปอล ซึ่งเหมือนเดิม คูณสามเวลาการเดินทางได้เลย…


ตื่นรู้+2 จากการพิชิตครั้งแรก
ของรางวัล หาร 2 กับเลนน็อค

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 39444 ไบต์และได้รับ 18 EXP!  โพสต์ 2024-6-10 20:45
โพสต์ 39,444 ไบต์และได้รับ +7 EXP +6 เกียรติยศ จาก นาฬิกาสปอร์ต  โพสต์ 2024-6-10 20:45
โพสต์ 39,444 ไบต์และได้รับ +4 เกียรติยศ +4 ความกล้า +4 ความศรัทธา จาก ล็อคเก็ตรูปหัวใจ  โพสต์ 2024-6-10 20:45
โพสต์ 39,444 ไบต์และได้รับ +8 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก ควบคุมน้ำ  โพสต์ 2024-6-10 20:45
โพสต์ 39,444 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 เกียรติยศ +10 ความศรัทธา จาก ภูมิคุ้มกันเปียก  โพสต์ 2024-6-10 20:45

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
น้ำมันหอมกลิ่นสุริยะ
กางเกงเดินป่า
Anker PowerCore
หมวกคอรินเธียน
เข็มทิศมหาสมุทร
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
เข็มกลัดโพไซดอน
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่อัสพิสขัดเกลา
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
แว่นตา
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ควบคุมน้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x5
x2
x1
x10
x1
x3
x9
x1
x2
x5
x1
x3
x3
x1
x2
x3
x1
x1
x1
x2
โพสต์ 2024-6-11 21:33:42 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-11-12 11:40

169
บทส่งวิญญาณ

             “โอ๊ยยย ในที่สุดก็ถึงสักที”

             ดีนลงมายืดเส้นยืดสายหลังจากที่เขาได้แต่นั่งคุดคู่อยู่ในแท็กซี่ท้องถิ่นนานถึงสามชั่วโมง ให้นั่งเฉย ๆ ไม่เท่าไร แต่คุยอะไรไม่ได้เลยสิที่น่าอึดอัดมาก คู่หูทำภารกิจครั้งนี้เป็นคนพูดน้อย ส่วนจะชวนลุงคนขับคุยเล่นก็ดันไม่เข้าใจภาษารัสเซียอีก ไม่งั้นคงได้สัมภาษณ์โชเฟอร์ไปแล้วว่าชีวิตช่วงนี้เป็นไงบ้าง อยู่อาศัยท่ามกลางสงครามลำบากมากไหม

             อีกอย่างเขาไม่มี ‘อีวาน’ กับ ‘มิฮาอิล’ ที่เลนน็อคอ้างว่า ‘แค่พูดตาม’ คอยช่วยเหลือเสียด้วย แม้ว่าเขาจะไม่รู้ที่มาที่ไปของสองชื่อนั้นเลยก็ตามที ดีนรู้จักอีกฝ่ายประมาณนึงแม้จะไม่สนิทกันมาก พอจะรู้ว่าเลนน็อคเป็นคนตรงไปตรงมาจึงไม่น่าเล่นมุก จะบอกว่าเพ้อเจ้อก็.. ตนยังคุยกับม้าและสัตว์ทะเลได้เลย บางทีเด็กบ้านฮาเดสอาจจะมีเพื่อนในจินตนาการคอยช่วยเหลือก็ได้มั้ง

             “ดีน คนขับบอกว่าขอทิป” เลนน็อคสะกิดหลังเขาที่ลงมาก่อน เนี่ยคนแบบนี้จะเอาอะไรมาล้อเล่น

             “ทิปเหรอ ได้ ๆ ห้าสิบรูเบิลพอไหม เมื่อกี้ยังคิดราคาสองเท่าแล้วเลย”

             ดีนยื่นแบงก์รูเบิลให้อีกฝ่ายไปเพื่อตัดปัญหา แต่ถ้ามองโลกในแง่ดีคงปลอบตัวเองได้ว่า ลุงแกก็ต้องเสี่ยงตายพาพวกเขาขับรถมาที่นี่ คนมันก็ต้องกินต้องใช่อ่ะเนอะ รัฐบาลคงซัพพอร์ตทุกคนในระหว่างสงครามไม่ได้หรอก จากนั้นดีนก็นึกไอเดียนึงได้กระทันหัน

             “เออ ใช่ เลนนี่ คุยกับลุงให้ที ถ้าลุงมารับเราหลังจากทำภารกิจเสร็จไปส่งที่เมืองอะไรนะที่พวกเราลงรถไฟกันมา”

             “ครามาตอร์สค์?”

             “ใช่ ๆ นั่นแหล่ะ ถ้าลงไปส่งพวกเราที่ครามาตอร์สค์ฉันให้ลุงเลยห้าพันรูเบิล พวกเราต้องสู้กับกูลตอนกลางคืนใช่ไหม? ถ้างั้นให้แปดโมงเช้าลุงมารับเราที่นี่ก็ได้”

             ที่นี่ที่หมายถึงคือสุสานประจำเมืองมารีอูปอล… เมื่อได้รับสารเลนน็อคก็พยักหน้าแล้วหันไปสนทนากับโชเฟอร์ ดีนเห็นคนขับรถทำตาโตก่อนจะพยักหน้ารับงาน อันที่จริงเงินห้าพันรูเบิลมีอัตราการแลกเปลี่ยนอยู่ที่ราว ๆ ห้าสิบกว่าดอลลาร์สหรัฐเท่านั้นเอง แม้จะไม่ใช่คนรวยแต่เมื่ออยู่ในเมืองที่ค่าครองชีพต่ำก็ไม่ต่างอะไรกับการเป็นเศรษฐี

             ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายโมง กว่าจะเย็นก็ต้องรอเง็กถึงตั้งสิบสองชั่วโมงผีถึงจะออกมา ในตอนนี้ดีนอยากทำอะไรตั้งหลายอย่าง เช่น อาบน้ำ ทานอาหารดี ๆ แล้วก็นอนหลับพักผ่อน ทว่าตอนนี้ทำได้เพียงแค่รับประทานแซนวิชที่ซื้อตุนมาจากบนรถไฟ

             “เลนนี่เรามากินมื้อเที่ยงกันก่อนไหม?”

             ดีนนั่งลงที่ริมฟุตบาทข้างทางก่อนจะหยิบเอาเสบียงอาหารที่เหลืออยู่น้อยนิดออกมายื่นให้อีกฝ่าย ส่วนเลนน็อคก็นั่งลงข้าง ๆ แล้วรับแซนวิชมาเปิดทาน แม้อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรแต่ท่าทางหิวโหยน่าดู ในยามหิวแม้จะเป็นแซนวิชชืด ๆ ก็อร่อยขึ้นมาได้ถ้าไม่สนใจฉากหลังของสุสานที่ชวนให้รู้สึกหนาวหลัง ดีนกัดแซนวิชไปคำพลางมองภาพบ้านเรือนตรงหน้า

             มารีอูปอลมีร่องรอยของการสู้รบทิ้งระเบิดมาก่อนแต่ถือว่าสภาพดีกว่าอีกสองเมืองที่ผ่านมานิดหน่อย เพราะเมืองนี้เป็นจุดสู้รบแรก ๆ ของสองปีก่อน จากนั้นก็ถูกรัสเซียยึดแล้วรุกพื้นที่ไปข้างหน้าเรื่อย ๆ ในตอนนี้พื้นที่ปะทะจึงเป็นดอแนกตสก์เสียมากกว่า พื้นที่ที่ถูกยึดจึงได้รับการบูรณะในบางส่วนจนประชาชนกลับเข้ามาอยู่อาศัยได้บ้าง แต่วันดีคืนดีก็อาจมีขีปณาวุธของทางฝั่งยูเครนยิงเข้ามาถล่ม และมีกลุ่มคนที่ออกมาเดินขบวนเรียกร้องจนทางการต้องจัดการ ดังนั้นจะบอกว่ามารีอูปอลเป็นเขตแดนของยูเครนก็พูดได้ไม่เต็มปาก จนกว่าที่สงความจะสงบเมื่อนั้นถึงได้รู้ว่าดินแดนนี้จะเป็นของประเทศไหนกันแน่

             “จะว่าไป.. อีวาน กับมิฮาอิลนี่ใครเหรอ? คงไม่ใช่ว่านายล้อฉันเล่นใช่ไหม?” ดีนยังคงสงสัยถึงชื่อเพื่อนในจิตนาการของอีกฝ่าย ถ้าแค่อำกันเล่นจะได้รู้ไปเลย

             เลนน็อคชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่จะส่งแซนวิชที่เหลือเข้าปากจนหมดจึงได้เล่า

             “วิญญาณของเด็กที่ยังไม่ถูกรับรอง พวกเขามาทำภารกิจรัสเซียเมื่อคราวก่อน ทีมมีกันสามคน อีวาน มิฮาอิล และเยเลน่า อีวานเป็นชาวรัสเซีย เยเลน่าเป็นชาวยูเครน ส่วนมิฮาอิลเป็นชาวไครเมีย.. ต้องเรียกว่าประเทศอะไรดีล่ะ” ชายหนุ่มยักไหล่ “โชคไม่ดีมิฮาอิลเสียชีวิตที่ดอแนกสตก์เป็นคนแรกจากเหตุปะทะเมื่อสามเดือนก่อน คนต่อมาคือเยเลน่าเธอเสียชีวิตที่มารีอูปอล หรือก็คือที่นี่”

             “โอ้…” พอได้ฟังแบบนี้แซนวิชในมือดีนก็รสชาติกร่อยลงไปถนัดตา สีหน้าของคู่หูไม่ได้ล้อเล่น และไม่มีเหตุจำเป็นจะเอาชื่อคนอื่นมาปั้นเรื่อง ดีนฝืนยัดมันเข้าปากแล้วเคี้ยวกลืนก่อนจะกินมันไม่ลงจริง ๆ “แล้ว… อีวานล่ะ?”

             “อีวานเป็นคนเดียวที่ทำภารกิจสำเร็จ แต่มีเหตุบางอย่างที่เขาติดต่อกับเทพีอะธีน่าไม่ได้จึงต้องหาทางกลับมานิวยอร์กด้วยตัวเอง เขาเสียชีวิตขากลับ ถูกขีปณาวุธยิงถล่มที่เคียฟ”

             “พวกเขาน่าสงสารจัง ถ้างี้.. ตอนนี้มีวิญญาณสามดวงตามเรามาเหรอ”

             “ถ้าที่นี่.. ก็มีมากกว่าสามนะ” เลนน็อคตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยราวกับเป็นเรื่องปกติที่เขาพบเจอเป็นวิสัย “แม้จะผ่านมานานสามเดือนแล้วแต่พวกเขายังไม่ได้ถูกรับตัวไปปรโลก ที่ยูเครนมีคนตายมากเกินไปจนธานาทอสรับพวกเขาไปไม่ทัน แต่คิดว่าคืนนี้แหล่ะที่ทุกอย่างจะจบลง”

             “เหรอ.. ถ้าแบบนั้นดีสำหรับพวกเขาล่ะก็นะ.. พวกเราก็ทำหน้าที่ของพวกเราให้เต็มที่กันเถอะ”

             “อืม”

             .
             .
             .

             เวลาห้าทุ่มครึ่ง

             ได้หลับไปหนึ่งตื่น สุสานแห่งนี้เงียบสงบเหมาะสำหรับเป็นสถานที่พักผ่อนทั้งคนเป็นและคนตาย ส่วนตอนนี้ดีนและเลนน็อคสภาพคงเหมือนกับคนไร้บ้านที่ใครผ่านไปผ่านมาต่างไม่ใส่ใจ เพราะคนไร้บ้านที่เมืองนี้มีอยู่เต็มไปหมด

             “ใกล้ได้เวลาแล้ว เข้าไปในสุสานกันเถอะ”

             เลนน็อคสะกิดดีนจากนั้นอีกฝ่ายก็มุดเงาเข้าไปโผล่ที่อีกฟากของรั้วเหล็ก

             “โอเค..” ดีนได้แค่ตอบรับสั้น ๆ หลังจากอ้าปากค้าง ทั้งอิจฉาพลังที่สะดวกสบายของเด็กบ้านฮาเดส แล้วอึ้งที่อีกฝ่ายทิ้งเขาไว้ฝั่งนี้โดยไม่ทันตั้งตัว ดีนมองรั้วเหล็กสูงแถมปลายยังเป็นยอดแหลม “โอ้ไม่.. ถ้าถูกเสียบล่ะก็ไม่สนุกแน่”

             ยังดีที่บริเวณใกล้ ๆ มีรางน้ำอยู่ชายหนุ่มสายเลือดโพไซดอนจึงควบคุมน้ำดันตัวเองให้ลอยข้ามรั้วเหล็กมา แม้จะเป็นเมืองติดชายทะเลก็ตรงแต่ทะเลอยู่ตั้งนู่น ไม่ได้ใกล้สุสานเลยแม้แต่น้อยคงพึ่งพาพลังจากน้ำทะเลไม่ได้ เมื่อเข้ามาในสุสานกันเรียบร้อยแล้วทั้งสองก็เดินเข้าไปในส่วนลึกเรื่อย ๆ บรรยากาศที่วิเวกวังเวงทำเอาดีนเกาะหลังเลนน็อคไม่ปล่อยจนมาถึงโกดังเก็บศพขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นอย่างลวก ๆ เพื่อเก็บศพผู้เสียชีวิตที่ยังไม่ได้ประกอบพิธีกรรม

             “ถะ..แถวนี้หรือเปล่า?”

             “อืม เยเลน่าบอกว่าน่าจะแถวนี้ อีกเดี๋ยวกูลน่าจะออกมา” เลนน็อคหันมาบอก “ปล่อยก่อนได้ไหม แบบนี้มันสู้ไม่ถนัด”

             “อะ.. โอเค” ในเมื่อเพื่อนบอกให้ปล่อยงั้นปล่อยก็ได้แม้ว่าดีนจะสั่นไปทั้งตัว

             ‘กลัวอะไรวะ ผีก็แค่พลาสม่าแหล่ะน่า!’

             เขาพยายามใช้วิทยาศาสตร์มาปลอบตัวเอง ก่อนหน้านี้คิดว่าไม่เคยกลัวผีมาก่อนและคิดว่าความเชื่อเรื่องวิญญาณมันช่างเพ้อเจ้อ แต่พอมาอยู่ในสถานการณ์จริงที่บรรยากาศเป็นใจมันน่ากลัวสุด ๆ ดีนเอาหอกมาถือไว้ในมือให้มั่นเผื่อความฮึกเหิมจะทำให้เขาหายขาสั่น

             ไม่นานเกินรอ บางสิ่งบางอย่างวิ่งออกมาจากทิวไม้รกครึ้มเป็นกองทัพ มันคือ ‘กูล’ อสุรกายกินซากศพลูกพี่ลูกน้องของอัลกูลที่มีขนาดตัวเล็กกว่า อาจจะดุร้ายน้อยกว่า (มั้ง) แต่ปริมาณที่เจอไม่ใช่น้อย ๆ เลยทีเดียว ไม่ใช่แค่สิบ ยี่สิบ แต่ดูแล้วน่าจะราว ๆ สี่สิบตัว
               
             “โอ้ เชี่ย… ทำไมมันเยอะแบบนี้เนี่ย!”

             “ที่นี่มีศพคนตายที่ยังไม่ได้ประกอบพิธีกรรมเยอะ กูลจะเยอะก็ไม่แปลกหรอก ตอนนี้เตรียมตัวปะทะดีกว่า” เลนน็อคกล่าว เขาปักหอกสัมฤทธ์ลงบนพื้นจากนั้นร่างโครงกระดูกก็โผล่ขึ้นมาพร้อมกับอาวุธสงครามในมือ

             “นายเป็นเนโครแมนเซอร์เหรอ ทำแบบนี้ได้ด้วย?” ดีนทำตาโต แต่หากว่านั่นคือพวกเดียวกันกับเราก็ถือว่ามีผู้ช่วยรับมือกำจัดกูลฝูงนี้

             เลนน็อคพุ่งตัวออกไปต่อสู้ด้านหน้า กวาดหอกสัมฤทธิ์อย่างรวดเร็วและรุนแรงราวกับเป็นปรมาจารย์หอก สายเลือดฮาเดสและทหารโครงกระดูกพยายามปกป้องโกดังเก็บศพแห่งนี้สุดชีวิต ซึ่งดีนก็ต้องทำแบบนั้นบ้างแล้ว เลือดในกายเริ่มร้อนขึ้น ดีนพุ่งตัวออกไปอีกด้านหนึ่งของโกดังจากนั้นก็ใช้หอกจ้วงแทงตวัดฟาดกูลเหล่านั้นจนกระเด็นกระดอน พวกมันเป็นอสุรกายชั้นต่ำที่จัดการตัวต่อตัวได้ไม่ยาก แต่ที่ยากก็คือปริมาณที่เยอะและกลิ่นเหม็นเน่าราวกับซากศพของพวกมัน

             ดีนสังเกตเห็นว่าระแวกนี้มีบ่อน้ำเก่าอยู่ ไม่แน่ว่าอาจจะเรียกน้ำในบ่อมาช่วยสู้ได้ก็ได้ ทว่าเมื่อเขาใช้พลังเรียกหาน้ำกลับไม่มีของเหลวพุ่งออกมาเลยสักหยด บ่อน้ำนั้นคงจะแห้งสนิทไปแล้ว

             “โธ่เว้ย! แค่หอกอย่างเดียวก็ได้วะ!!”

             ฝูงกูลกรูเข้ามาเรื่อย ๆ ราวกับไม่มีที่สิ้นสุดจนดีนคิดว่ามันมีแค่ยี่สิบตัวจริงเหรอเนี่ย การต่อสู้ยืดเยื้อเป็นชั่วโมง ช่วงเวลาพักหายใจหายคอมีไม่ถึงห้านาที ทั้งกำลังและเรี่ยวแรงของพวกเราเริ่มจะร่อยหรอลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งตะวันขึ้นเหนือฟ้าฝูงกูลในสุสานถึงได้ถูกกำจัดไปจนหมด

             .
             .
             .


[เพลงประกอบ กด ► ฟังเพื่อเพิ่มอรรถรส]

             “แฮ่ก.. แฮ่ก.. มันจบแล้ว… ใช่ไหม?” ดีนทรุดตัวลงนั่งลงกับพื้น แม้จะไม่บาดเจ็บร้ายแรงแต่สภาพของเขาไม่ได้ต่างอะไรเลยกับคนที่ออกกำลังกายหนักมา

             “อืม.. ธานาทอสมาแล้ว”

             เลนน็อคกล่าว ในน้ำเสียงที่เรียบนิ่งยังสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่เหนื่อยหอบ ดวงตาสีทมิฬของอีกฝ่ายจ้องมองไปที่อะไรบางอย่างที่ดีนมองไม่เห็น จากนั้นเขาก็พยักหน้าหงักหงักให้กับอะไรบ้างอย่าง ไม่แน่ว่าอาจเป็น อีวาน มิฮาอิล และเยเลน่าก็ได้ ไม่น่าคิดไปเองคล้ายกับว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่หาได้ยากสำหรับคน ๆ นี้

             มาคิดดูแล้ววิญญาณของเด็กค่ายฮาล์ฟบลัดทั้งสามอาจจะเป็นกลุ่มของเด็กที่เคยชวนเขาไปงานปาร์ตี้ของคุณดีก็ได้ น่าเสียดายที่เขาไม่อาจเอ่ยคำร่ำลากับทั้งสามได้เลย ดีนหลับตาลงก่อนจะอธิษฐานในใจ

             ‘ขอให้พวกนายไปดีนะ ไม่รู้ว่าใช่คนที่เคยชวนฉันไปงานปาร์ตี้หรือเปล่า ถ้าใช่ล่ะก็ ฉันจะบอกว่างานปาร์ตี้สนุกมาก ฉันสนุกสุดเหวี่ยงสุด ๆ ถ้าพวกนายน่าจะได้อยู่ด้วยก็คงดี..’

             แต่สุ่มเสียงในใจจะส่งผ่านให้ดวงวิญญาณได้ยินได้หรือเปล่านะ? จู่ ๆ ก็รู้สึกเศร้าอย่างสุดหัวใจจนน้ำตาเกือบจะไหลออกมา แต่ดีที่เลนน็อคกล่าวออกมาก่อน…

             “สามคนนั้นไปแล้ว รวมถึงคนอื่น ๆ ที่ตายในเมืองนี้ด้วย”

             “เฮ้อ สุดท้ายก็จบแบบแฮปปี้เอนด์ดิ้งสินะ” ดีนใช้หอกยันตัวเองให้ลุกขึ้นมา แล้วพยายามพูดจาติดตลกกลบความหวั่นไหวในใจ “อยากอาบน้ำชะมัดเลย ตอนนี้ฉันตัวเหม็นฉึ่งไปหมด”

             “ยังพอมีเวลาก่อนโชเฟอร์จะมา ห้องน้ำสาธารณะ”

             “โอ้ จริงด้วย ตอนขามาเหมือนจะเห็นอยู่ใช่ไหม?”

             จากนั้นทั้งสองก็เดินออกมาจากบริเวณสุสานและเข้าใช้บริการห้องน้ำสาธารณะใกล้ ๆ มันไม่ได้สะดวกสบายแต่ก็ดีกว่าไม่ได้จัดการกับตัวเองหลังจากฟัดกับซากศพมาเลย และเมื่อได้เวลาลุงโชเฟอร์เมื่อวานก็มารับพวกเขาตามนัดหมาย ก็อย่างว่าเงินตั้งห้าพันรูเบิลใช้ชีวิตได้เกือบเดือนเลยนี่นา

             แต่แล้วปัญหาก็เกิดเพราะล่ามส่วนตัวของเลนน็อคไปสู่ปรโลกกันหมดแล้ว…

             ทว่าปัญหาที่เกิดขึ้นก็แก้ได้ด้วยกูเกิ้ลแปลภาษา เลนน็อคหยิบสมาร์ทโฟนออกมาเปิดใช้เครือข่ายโรมมิ่งราคาแพงหูฉี่ ดีนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ได้แต่อ้าปากหวอ

             “เดี๋ยวนะเลนนี่ ถ้านายเปิดใช้สัญญาณแบบนี้อสุรกายก็แห่กันมาน่ะสิ!”

             “แห่กันมาแล้วไงล่ะ?” หนุ่มสายเลือดฮาเดสยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ จากนั้นก็หยิบหูฟังออกมาสวมแล้วฟังเพลงราวกับเป็นเรื่องชิล ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ

             จากนั้นความบันเทิงก็เกิดขึ้นตลอดเส้นทางจนไปถึงครามาตอร์สค์ อสุรกายที่คิดว่าตายจากลูกระเบิดไปแล้ววิ่งตามรถแท็กซี่บุโรทั่ง แต่เลนน็อคก็มุดเงาแว้บไปจัดการปีศาจพวกนั้นแล้วกลับมานั่งในรถอย่างรวดเร็วราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น พนันได้เลยว่ากว่าจะถึงสถานีรถไฟเคียฟหมอนี่ต้องได้สินสงครามเยอะจนกระเป๋าปิดไม่สนิทแน่ ๆ


ตื่นรู้ +2 จากการพิชิตครั้งแรก
(แยกกันจัดการกูลกับเลนน็อค คนละ 20 ตัว)


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 42989 ไบต์และได้รับ 24 EXP!  โพสต์ 2024-6-11 21:33
โพสต์ 42,989 ไบต์และได้รับ +7 EXP +6 เกียรติยศ จาก นาฬิกาสปอร์ต  โพสต์ 2024-6-11 21:33
โพสต์ 42,989 ไบต์และได้รับ +4 เกียรติยศ +4 ความกล้า +4 ความศรัทธา จาก ล็อคเก็ตรูปหัวใจ  โพสต์ 2024-6-11 21:33
โพสต์ 42,989 ไบต์และได้รับ +8 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก ควบคุมน้ำ  โพสต์ 2024-6-11 21:33
โพสต์ 42,989 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 เกียรติยศ +10 ความศรัทธา จาก ภูมิคุ้มกันเปียก  โพสต์ 2024-6-11 21:33

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
น้ำมันหอมกลิ่นสุริยะ
กางเกงเดินป่า
Anker PowerCore
หมวกคอรินเธียน
เข็มทิศมหาสมุทร
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
เข็มกลัดโพไซดอน
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่อัสพิสขัดเกลา
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
แว่นตา
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ควบคุมน้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x5
x2
x1
x10
x1
x3
x9
x1
x2
x5
x1
x3
x3
x1
x2
x3
x1
x1
x1
x2
โพสต์ 2025-7-16 04:32:45 | ดูโพสต์ทั้งหมด
14-07-2025 23.45 PM

I want to be your everything little darling




สี่ชั่วโมงกว่าหลังจากการเผชิญหน้ากับยามเฝ้าสุสานจักรกล การเดินทางช่วงสุดท้ายก็สิ้นสุดลงอย่างทุลักทุเล รถตู้เก่าคร่ำคร่าของดมิทรีพาเธอมาส่งที่ชายขอบของเมืองมารียูปอล ท่ามกลางความมืดที่ควรจะมาเยือนแต่กลับไม่มา ถนนที่นำเข้าสู่ใจกลางเมืองนั้นว่างเปล่าอย่างน่าใจหาย มีเพียงรถฮัมวี่ของทหารและรถพยาบาลที่เปิดไซเรนเป็นครั้งคราวเท่านั้นที่สวนทางออกไป ราวกับกำลังหลีกหนีจากขุมนรกเบื้องหน้า

“ฉันว่าฉันเริ่มจะเข้าใจแล้ว” เสียงของคลาริสซ่าดังขึ้นในห้วงคำนึง เจือด้วยความสมเพช “ที่เขาเรียกพวกบ้านแอรีสว่าพวกสมองกล้าม ก็เพราะมีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละที่จะส่งเด็กสาวตัวคนเดียวเข้ามาเดินเล่นในสนามรบจริงๆ แบบนี้”

“เขาคงมีเส้นสายกับนายกองสักคนที่นี่ล่ะมั้ง” ไนมีเรียตอบกลับในใจ พลางก้าวลงจากรถตู้ที่รีบขับจากไปอย่างรวดเร็วราวกับกลัววิญญาณตามหลอกหลอน “หรือไม่ เขาก็แค่เชื่อมั่นในตัวฉันมากเกินไปหน่อย เอาเถอะ อย่างน้อยก็บอกจะตามมาแล้วนี่”

กลิ่นแรกที่ปะทะเข้ากับจมูกของเธอคือกลิ่นฝุ่นปูนซีเมนต์ที่ผสมกับกลิ่นไหม้จางๆ ภาพของเมืองที่เคยงดงามด้วยสถาปัตยกรรมริมทะเล บัดนี้เหลือเพียงซากปรักหักพังที่ดำเป็นตอตะโก โครงสร้างเหล็กเส้นของอาคารบิดเบี้ยวชี้ขึ้นฟ้าอย่างสิ้นหวังราวกับโครงกระดูกของอสูรกายที่ตายไปแล้ว โบสถ์โดมทองที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คน บัดนี้เหลือเพียงผนังที่เต็มไปด้วยรูกระสุนและยอดโดมที่พังทลายลงมาบางส่วน มันคือภาพที่ชวนให้หดหู่และสิ้นหวังจนยากจะทานทน

นี่คือสิ่งที่เลเวอเรทท์ต้องการให้ฉันเห็นงั้นเหรอ? สตรีตาคมเม้มปากแน่น ความกล้าหาญที่จะเผชิญหน้ากับสงคราม หรือความพินาศย่อยยับที่เกิดจากมัน?

สำหรับคนอย่างเธอที่ให้คุณค่ากับชีวิตเหนือสิ่งอื่นใด ภาพเบื้องหน้านี้คือความสูญเสียที่ไม่คุ้มค่าอย่างที่สุด

เธอผู้นั้นเดินไปตามถนนที่เงียบงันอย่างไร้จุดหมาย คอยเดินตามกลุ่มเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์และอาสาสมัครที่กำลังอพยพผู้คนออกจากซากตึกอย่างเงียบๆ หวังว่าจะเจอทหารหรือหัวหน้ากองสักคนที่พอจะให้ข้อมูลเธอได้ เวลาล่วงเลยไปจนเกือบเที่ยงคืน ในที่สุดเธอก็ได้รับอนุญาตให้เข้าไปอาศัยพักพิงในบังเกอร์ขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นใต้ดิน แม้เสียงปืนใหญ่จะเงียบลงไปแล้ว แต่ก็ยังคงมีเสียงปืนกลและเสียงระเบิดดังแว่วมาเป็นระยะๆ ทำให้บรรยากาศภายในเต็มไปด้วยความตึงเครียด

บังเกอร์นั้นแออัดและอบอวลไปด้วยกลิ่นเหงื่อ ความกลัว และความสิ้นหวัง ไนท์หาซอกหลืบเล็กๆ ได้มุมหนึ่ง เธอทิ้งตัวลงนั่งพิงกำแพงคอนกรีตเย็นเฉียบ ตั้งใจจะข่มตาหลับเอาแรงสักงีบ แต่แล้วสัญชาตญาณของเธอก็เริ่มส่งเสียงเตือน

“ไนท์” เสียงของวิญญาณสาวดังขึ้นอย่างเฉียบคม “ชายคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามน่ะ เขามองเธอไม่วางตาเลย”

เจ้าของนัยน์ตาลึกลับค่อยๆ ปรือตาขึ้นอย่างแผ่วเบา เธอมองผ่านกลุ่มผู้ลี้ภัยคนอื่นๆ ไปยังชายร่างใหญ่คนหนึ่ง เขาสวมเสื้อผ้าเก่าซอมซ่อและมีใบหน้าที่ดูเหนื่อยล้าเหมือนคนอื่นๆ แต่ดวงตาของเขากลับไม่มีแววของความหวาดกลัวหรือสิ้นหวังเลย มันเป็นดวงตาที่ว่างเปล่าและจับจ้องมาที่เธออย่างไม่ลดละ ราวกับนักล่าที่กำลังจ้องมองเหยื่อ

“กลิ่นของเขา” แม่มดจอมวีนกระซิบต่อ “เหมือนกลิ่นดินชื้นๆ กับหินในถ้ำ ไม่ใช่กลิ่นของมนุษย์”

ร่างทรงเสน่ห์ทำทีเป็นบิดขี้เกียจแล้วลุกขึ้นยืน “ฉันไปหาห้องน้ำก่อนนะ” เธอบอกกับอากาศธาตุ ก่อนจะเดินลึกเข้าไปในส่วนที่เป็นทางเดินเปลี่ยวๆ ของบังเกอร์ เธอรู้สึกได้ถึงฝีเท้าหนักๆ ที่เดินตามมาห่างๆ

เมื่อมาถึงทางตันที่เป็นห้องเก็บของเก่าๆ ไนมีเรียก็หยุดเดินแล้วหันกลับไปเผชิญหน้า

“ตามมามีอะไรไม่ทราบคะ” เธอถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ อีกนิดหนึง่จะยืนเท้าเอวใส่

ชายร่างใหญ่มองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีใคร เขาก็แสยะยิ้มออกมา เผยให้เห็นฟันที่แหลมคมและไม่เป็นระเบียบ ทันใดนั้น ร่างของเขาก็พลันสั่นไหวราวกับภาพในม่านหมอก ก่อนจะขยายใหญ่ขึ้นจนศีรษะเกือบจะชนเพดาน ผิวหนังที่เคยดูเหมือนมนุษย์กลายเป็นสีเทาหยาบกร้านเหมือนหิน ร่างกายกำยำล่ำสันจนเสื้อผ้าขาดวิ่น มันคือ โทรลส์ ที่แฝงตัวเข้ามาในคราบผู้ลี้ภัย

“กลิ่น หอม กลิ่นเลือดเทพ” มันคำรามเสียงแหบพร่า

สำหรับคนที่ร่างกายอ่อนเพลียจากการเดินทางและต่อสู้มาตลอดทั้งวัน การเผชิญหน้ากับอสูรกายที่ได้เปรียบทั้งขนาดและพละกำลังเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่น้อย

โทรลส์คำรามลั่นแล้วพุ่งเข้าใส่ทันที มันเหวี่ยงหมัดขนาดเท่าหัวเธอเข้าใส่หมายจะบดขยี้ให้แหลกคามือ!

ว่าที่แม่มดสาวดีดตัวหลบไปด้านข้างได้อย่างฉิวเฉียด หมัดนั้นกระแทกเข้ากับกำแพงคอนกรีตจนเกิดรอยร้าวและเศษปูนร่วงกราว พลังทำลายของมันมหาศาลจนน่ากลัว

โง่ และช้า เธอคิดในใจพลางประเมินจุดอ่อนของมัน

เธอไม่ได้พยายามจะสู้กลับ แต่กลับใช้ความคล่องตัวที่ยังพอมีเหลืออยู่ในการวิ่งหลอกล่อให้มันโจมตีพลาดครั้งแล้วครั้งเล่าในพื้นที่ที่คับแคบนี้ เธอวิ่งวนไปรอบๆ ลังไม้เก่าๆ กระโดดข้ามกองเศษเหล็ก ปล่อยให้โทรลส์ที่เกรี้ยวกราดทำลายข้าวของไปทั่วด้วยความหงุดหงิด

“จับตัวขี้ขลาดให้ได้สิ เจ้าก้อนหินเดินได้!” เธอยั่วยุ

มันได้ผล! โทรลส์คำรามอย่างบ้าคลั่งแล้วพุ่งเข้าใส่เธออีกครั้งโดยไม่ทันได้มองทางข้างหน้า ไนมีเรียยิ้มมุมปาก เธอหลบวูบไปด้านข้างในวินาทีสุดท้าย ปล่อยให้ร่างมหึมานั้นพุ่งเข้าชนเสาค้ำยันที่เป็นสนิมต้นหนึ่งอย่างจัง!

โครม!

เพดานส่วนนั้นสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ท่อเหล็กขนาดใหญ่ที่พาดอยู่ด้านบนหลุดออกจากที่ยึดแล้วร่วงลงมาทับร่างของโทรลส์จนมันร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด

สตรีตาคมไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป เธอพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว ใช้แรงทั้งหมดที่มีแทงดาบซิฟอสเข้าที่ใต้คางของมันซึ่งเป็นจุดเดียวที่ไม่มีกระดูกหนาป้องกัน คมดาบสัมฤทธิ์สวรรค์จมลึกเข้าไปในเนื้อที่อ่อนนุ่ม

โทรลส์เบิกตากว้างด้วยความตกใจ ก่อนที่ร่างของมันจะค่อยๆ สลายกลายเป็นผงธุลีสีเทาไปจนหมดสิ้น ทิ้งไว้เพียงเขี้ยวขนาดใหญ่ที่แตกหักหนึ่งซี่และเศษผ้าขี้ริ้ว

ธิดาแห่งเฮคาทีทิ้งตัวลงนั่งหอบหายใจอย่างหมดแรง เธอเก็บสินสงครามใส่กระเป๋าแล้วเดินปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้ากลับไปยังที่นอนของเธออย่างเงียบๆ ไม่มีใครรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น

เธอทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีใครมารบกวน เปลือกตาที่หนักอึ้งปิดลงสนิท ร่างกายและจิตใจที่อ่อนล้าดำดิ่งสู่ห้วงนิทรา รอคอยวันใหม่และสมรภูมิที่แท้จริงที่จะมาถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า

*****

ฝึกกับเลเวอเรทท์ ฟรีมอนท์ 8/10 ภาคสนามปล่อยมาใช้ชีวิตในสงครามจริงแบบสับ

พิชิตครั้งแรก : โทรลส์ +2 ตื่นรู้
สินสงคราม: กระบองโทรลล์
(LUK 70+ และเลขไบต์ 2/5/9 จะมีโอกาสดรอป ไข่โทรลส์ แทน)

@God 

i'll melt your heart into two @HyeRi Codes

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 23925 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-16 04:32
โพสต์ 23,925 ไบต์และได้รับ +8 EXP +8 เกียรติยศ จาก Daedalus's Legacy  โพสต์ 2025-7-16 04:32
โพสต์ 23,925 ไบต์และได้รับ +7 EXP จาก Anker PowerCore  โพสต์ 2025-7-16 04:32
โพสต์ 23,925 ไบต์และได้รับ +15 EXP +12 เกียรติยศ +12 ความกล้า จาก บันทึกโซเฟีย  โพสต์ 2025-7-16 04:32
โพสต์ 23,925 ไบต์และได้รับ +20 EXP +15 เกียรติยศ +15 ความกล้า จาก ชุดบำรุงอาวุธ  โพสต์ 2025-7-16 04:32

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ต้านทานเวทมนตร์
สื่อสารกับสุนัข
ไฟแช็ค
ปากกาหมึกซึม
กิ๊บติดผม
กล่องดนตรี
ตำราเวทมนต์เฮคาที
การควบคุมหมอกขั้นสูง
เข็มกลัดเฮคาที
ทักษะยิงปืน
แหวนดาราจรัส(D)
คิดค้นคาถา
เส้นทางลับ
เรียกอาวุธจากหมอก
กล้องถ่ายรูป
Daedalus's Legacy
กำไลมิตรประสาน
บันทึกโซเฟีย
ชุดบำรุงอาวุธ
การปลุกผี
การร่ายคาถา
ศาสตร์การปรุงยา
คบเพลิงเวท
ผลิตภัณฑ์กันแดด
แหวนจันทราทมิฬ
โล่อัสพิส
เกราะหนัง
ชุดเครื่องเพชร
รองเท้าส้นสูง
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
โรคสมาธิสั้น
แว่นกันแดด
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x1
x10
x2
x18
x9
x11
x16
x5
x5
x2
x4
x1
x1
x4
x1
x5
x2
x20
x10
x4
x3
x1
x2
x5
x1
x1
x3
x1
x40
x7
x4
x35
x1
x3
x3
x35
x4
x16
x1
x1
x1
x1
x4
x1
x6
x2
x8
x10
x2
x1
x1
x9
x1
x1
x28
x1
x5
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-7-16 23:37:39 | ดูโพสต์ทั้งหมด
15-07-2025 06.02 AM

I want to be your everything little darling




การนอนหลับในบังเกอร์ที่อัดแน่นไปด้วยความกลัวและความสิ้นหวังไม่ใช่การพักผ่อนที่แท้จริง มันเป็นเพียงการหยุดพักชั่วคราวจากความเป็นจริงอันโหดร้ายภายนอก ไนมีเรียสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยเสียงอึกทึกครึกโครมที่ดังมาจากด้านบน มันไม่ใช่เสียงปืนหรือเสียงระเบิดที่คุ้นเคย แต่เป็นเสียงคำรามก้องที่สั่นสะเทือนไปถึงกระดูก ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของผู้คน

“เกิดบ้าอะไรขึ้นอีกวะเนี่ย” วิญญาณแม่มดสาวสบถในหัว “นี่พวกเขาทิ้งระเบิดนิวเคลียร์กันตั้งแต่เช้าเลยรึไง”

ร่างอรชรลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอเดินตามผู้ลี้ภัยคนอื่นๆ ที่วิ่งกรูไปยังทางออกของบังเกอร์เพื่อดูเหตุการณ์ ภาพเบื้องหน้าคือความโกลาหลที่สมบูรณ์แบบ สำหรับสายตาของมนุษย์ทั่วไป พวกเขาเห็นเพียงรถถังหุ้มเกราะของทหารคันหนึ่งที่เกิดเหตุขัดข้องจนมีเปลวไฟและควันดำพวยพุ่งออกมาจากป้อมปืนอย่างรุนแรง

แต่สำหรับสายตาของเดมิก็อด มันคือภาพที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง

หมอกที่บิดเบือนความจริงไม่สามารถหลอกลวงสายเลือดแห่งเทพได้ สิ่งที่ธิดาแห่งเฮคาทีเห็นไม่ใช่รถถัง แต่มันคืออสูรกายขนาดมหึมาที่มีลำตัวเป็นเกล็ดหนาสีเขียวคล้ำ และที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดคือ หัวงูขนาดใหญ่สามหัวที่กำลังชูคอแผ่แม่เบี้ยและพ่นไอน้ำลายที่เป็นกรดออกมาจากปาก!

มันคือ ไฮดร้า อสูรกายในตำนานที่แม้แต่วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่อย่างเฮอร์คิวลีสยังต้องลำบากในการสังหาร

“หนีเร็ว! ไนท์!” เสียงของแคลร์กรีดร้องในหัวอย่างตื่นตระหนกที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา “อย่าแม้แต่จะคิดสู้กับมัน! นั่นมันอสูรกายระดับท็อปเท็น! เธอไม่มีทางชนะแน่!”

สตรีตาคมเองก็รู้ดี เธอไม่ใช่คนโง่ที่จะวิ่งเข้าหาความตายโดยไม่จำเป็น แต่ดูเหมือนโชคชะตาจะไม่ได้คิดเช่นนั้น

ขณะที่อสูรร้ายกำลังอาละวาดทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้าอยู่นั้น จู่ๆ หัวทั้งสามของมันก็หยุดชะงักพร้อมกัน พวกมันหันขวับมาทางนี้ราวกับถูกแม่เหล็กดึงดูด รูม่านตาที่เรียวยาวของพวกมันหรี่ลง จับจ้องมาที่เธอเพียงคนเดียว กลิ่นเลือดเทพที่หอมหวานของเธอได้ทรยศเธอเสียแล้ว ไฮดร้าละทิ้งฝูงชนที่กำลังแตกตื่นไว้เบื้องหลัง แล้วพุ่งตรงมาหาด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อ!

“ให้มันได้อย่างนี้สิ! วันนี้ฉันก้าวเท้าขวาออกจากค่ายรึไง!” สาวเคบิน 20 สบถในใจ พลางหันหลังวิ่งสุดฝีเท้า

วิ่งไปตามถนนที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพังโดยไม่คิดชีวิต เสียงคำรามและเสียงฝีเท้าหนักๆ ของอสูรกายดังไล่หลังมาติดๆ วิ่งไปจนกระทั่งมาถึงสะพานเหล็กเก่าๆ ที่ทอดข้ามแม่น้ำที่แห้งขอด แต่ปลายอีกด้านของสะพานนั้นพังทลายลงไปแล้ว มันคือทางตัน!

ไนมีเรียหันกลับมาเผชิญหน้ากับศัตรู ลมหายใจของเธอหอบถี่ หัวใจเต้นรัวเหมือนกลองศึก เธอไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว การหนีไม่ใช่ทางออกอีกต่อไป

ฉันยังตายตอนนี้ไม่ได้ ป๊ายังรออยู่ที่บ้านนะ! มรดกป๊าใครจะรับผิดชอบ! เธอคิดในใจพลางกระชับดาบสัมฤทธิ์ในมือให้มั่น

ไฮดร้าคำรามลั่นแล้วพุ่งเข้าใส่ทันที หัวหนึ่งของมันอ้าปากกว้างพ่นลำธารของเหลวสีเขียวที่เป็นกรดเข้าใส่ เธอดีดตัวหลบไปด้านข้างได้อย่างฉิวเฉียด กรดนั้นสาดลงบนพื้นถนนจนเกิดเป็นควันฉุนและรอยไหม้ดำเป็นทาง

เมื่อมันเข้าใกล้พอ เธอจึงตัดสินใจโจมตี! ดาบสัมฤทธิ์สวรรค์ในมือตวัดเป็นประกายสีเงิน ตัดฉับเข้าที่ลำคอของหัวที่อยู่ใกล้ที่สุดจนขาดสะบั้น! หัวงูมหึมาร่วงลงไปกองกับพื้น แต่ก่อนที่เธอจะทันได้ดีใจ แผลที่ถูกตัดนั้นก็สั่นระริก ก่อนที่หัวใหม่สองหัวจะงอกขึ้นมาแทนที่ในพริบตา!

“บ้าจริง! ใส่สูตรโกงมารึไง” เธอกัดฟันกรอด ตอนนี้ศัตรูของเธอมีสี่หัวแล้ว!

เธอพยายามสู้ต่อไป ลองใช้ทุกอย่างที่มี ทั้งหอกที่เพิ่งได้เรียนรู้และมีดสั้นที่พกติดตัว แต่ยิ่งเธอตัดหัวของมันออกไปมากเท่าไหร่ จำนวนหัวของมันก็ยิ่งงอกเพิ่มขึ้นมาใหม่เป็นทวีคูณ จากสี่เป็นหก จากหกเป็นแปด จนในที่สุด อสูรกายเบื้องหน้าของเธอก็มีหัวมหึมาถึงสิบหัวที่กำลังชูคอขู่ฟ่อและพ่นพิษใส่เธอจากทุกทิศทาง!

ตอนนี้ลำพังแค่การหลบหลีกก็เป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้แล้ว ร่างบางเต็มไปด้วยบาดแผลถลอกและรอยไหม้จากกรดพิษ เธอถูกไล่ต้อนจนมาหยุดอยู่ที่ขอบสะพานที่พังทลายเบื้องหลังคือความตาย และเบื้องหน้าก็คืออสูรกายสิบหัวที่กำลังจะขย้ำเธอ

ในชั่ววินาทีแห่งความเป็นความตายนั้นเอง ไหวพริบของธิดาแห่งเฮคาทีก็ทำงานอย่างเต็มที่ เธอคิดถึงบทเรียนที่เคยเรียนมา คิดถึงกลยุทธ์ของโซเฟีย คิดถึงความบ้าบิ่นของเลเวอเรทท์

ถ้าสู้ด้วยกำลังไม่ได้ ก็ต้องสู้ด้วยสมอง!

ตัดสินใจอย่างฉับพลัน! มือที่วาดเฮนน่าจนเต็มถอดเสื้อแจ็กเก็ตตัวนอกที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อและกลิ่นกายของเธอออกอย่างรวดเร็ว เธอใช้มันคลุมลงไปบนหัวหนึ่งของไฮดร้าที่พุ่งเข้ามาใกล้ที่สุด!

ในจังหวะเดียวกันนั้นเอง เธอร่ายเวทบิดเบือนมายาของเฮคาทีที่ซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยใช้มา! พลังเวทมนตร์สีม่วงดำแผ่ออกมาจากตัวเธอ สร้างภาพลวงตาที่ทรงพลัง ทำให้หัวอีกเก้าหัวที่เหลือมองเห็นหัวที่ถูกคลุมด้วยเสื้อแจ็กเก็ตนั้นเป็นศัตรูตัวฉกาจ เป็นตัวตนที่ส่งกลิ่นคาวเลือดเทพที่หอมหวานที่สุด!

มันได้ผล!

ไฮดร้าที่ถูกควบคุมด้วยสัญชาตญาณดิบเกิดความสับสน พวกมันหันมาคำรามใส่พวกเดียวกันเอง ก่อนที่นรกจะบังเกิด! หัวแต่ละหัวเริ่มพ่นพิษและไฟกรดเข้าใส่หัวที่ถูกคลุมเสื้อไว้และหัวอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงอย่างบ้าคลั่ง! พวกมันเริ่มโจมตีกันเอง!

ขณะที่อสูรกายกำลังทำลายตัวเองอย่างช้าๆ ไนมีเรียก็มองหาอาวุธที่เหมาะสม เห็นคบเพลิงที่ตกอยู่ข้างซากรถทหารที่พังยับเยิน เธอวิ่งไปคว้ามันมาแล้วใช้มนตราของสายเลือดเฮคาทีจุดไฟขึ้น!

เมื่อไฮดร้าอ่อนแรงลงจากการต่อสู้กันเองจนหัวหลายหัวบาดเจ็บสาหัสและเคลื่อนไหวช้าลง สตรีตาคมก็ไม่รอช้า เธอพุ่งเข้าใส่ร่างมหึมานั้นอีกครั้ง แต่คราวนี้อาวุธในมือของเธอไม่ใช่ดาบ แต่เป็นคบเพลิงที่ลุกโชน! เธอใช้มันจี้เข้าไปที่รอยแผลทุกรอยที่เธอเคยตัดไว้!

เสียงเนื้อไหม้และเสียงกรีดร้องโหยหวนของอสูรกายดังลั่นไปทั่วบริเวณ ความร้อนจากเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ป้องกันไม่ให้หัวใหม่งอกขึ้นมาได้อีก!

ชั่ววินาทีที่เธอใช้คบเพลิงจี้ที่หัวสุดท้ายจนครบ ร่างกายที่มหึมาของไฮดร้าก็พลันแข็งทื่อ ก่อนจะค่อยๆ สลายกลายเป็นผงธุลีสีทองไปจนหมดสิ้น ทิ้งไว้เพียงเลือดอสูรสีเขียวที่เปรอะเปื้อนไปทั่วร่างของเธอ และความเงียบงันที่กลับคืนมา

ร่างทรงเสน่ห์ยืนหอบหายใจอย่างหมดแรงอยู่บนซากที่กำลังสลายไปของอสูรกาย ในมือยังคงถือคบเพลิงที่ลุกโชนอยู่ และในจังหวะนั้นเอง เธอก็เห็นเขา

เลเวอเรทท์ ฟรีมอนท์ ยืนนิ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ในชุดเดินทางที่พร้อมรบเต็มที่ ดวงตาสีฟ้าคมกริบคู่นั้นเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงอย่างไม่ปิดบัง เขาพูดอะไรไม่ออกกับภาพตรงหน้า อสุรกายระดับไฮดร้า ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะสามารถจัดการได้ตามลำพัง


ไนมีเรียมองสบตาเขานิ่ง รอยยิ้มที่สื่อความหมายได้หลากหลาย ทั้งความเหนื่อยล้า, ความโล่งใจ, และการประชดประชันปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เปื้อนเลือดของเธอ เธอก้มลงหยิบหมวกกันน็อกของทหารที่ตกอยู่ใกล้ๆ ขึ้นมา มันเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของเธอและของอสูร ภายในนั้นบรรจุสินสงครามเอาไว้ ก่อนจะโยนมันไปให้เขา

“รุ่นพี่พึ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมฉันไว้ในสมรภูมิหรอ? อืดอาดชะมัดเลย”

สิ้นคำพูดนั้น พลังงานทั้งหมดในร่างของเธอก็หมดลง เปลือกตาของเธอหนักอึ้งและภาพเบื้องหน้าก็ดับวูบลง ร่างทั้งร่างของเธอล้มพับลงไปกองกับพื้น

แต่ก่อนที่มันจะกระแทกกับพื้นถนนที่เย็นเฉียบ ร่างสูงของบุตรแห่งแอรีสก็พุ่งเข้ามาประคองรับร่างที่ไร้สติของเธอไว้ได้ทันเวลาพอดี

วินาทีที่ร่างของไนมีเรียอ่อนยวบลงในอ้อมแขน แรงปะทะของความจริงก็กระแทกเข้าใส่เลเวอเรทท์อย่างจัง กลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งในอากาศผสมกับกลิ่นฉุนรุนแรงของพิษอสูรที่ไหม้เกรียม และฝุ่นผงสีทองที่กำลังค่อยๆ จางหายไปในสายลมยามเช้า ทุกอย่างดูราวกับภาพฝันร้ายที่หลุดออกมาจากตำนานโบราณ

เขาไม่ได้เตรียมใจมาเพื่อสิ่งนี้

บุตรแห่งแอรีสก้มลงมองร่างที่ไร้สติในอ้อมแขนของเขา เด็กใหม่ที่เขาเคยคิดว่ามีดีแค่สมองกับเล่ห์เหลี่ยม เด็กสาวที่เขาทั้งกดดันและทดสอบอย่างหนักหน่วงตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา บัดนี้กลับนอนแน่นิ่ง ผิวขาวราวหิมะซีดเซียวจนน่ากลัว เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของตัวเองและของอสูร เสื้อผ้าของเธอขาดวิ่นและเต็มไปด้วยรอยไหม้จากกรดพิษ ลมหายใจแผ่วเบาจนแทบไม่รู้สึก

แต่เธอยังมีชีวิตอยู่ นั่นดีที่สุดแล้วในตอนนี้

ดวงตาสีฟ้าคมกริบของเขากวาดมองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้มองหาภัยคุกคามอื่น แต่กำลังพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากซากที่เหลืออยู่ สายตาของเขาจับจ้องไปยังเสื้อแจ็กเก็ตที่ถูกเผาจนเป็นรูพรุนและยังคงมีไอน้ำกรดระอุอยู่จางๆ, คบเพลิงที่มอดดับไปแล้วข้างซากรถถัง, และรอยแผลที่ถูกจี้ด้วยความร้อนบนซากของไฮดร้าที่กำลังสลายไป

สมองของนักรบผู้ช่ำชองประมวลผลอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด เขาเข้าใจในทันทีว่าเธอทำอะไรลงไป

ไม่ใช่การปะทะตรงๆ แต่เป็นกลอุบาย เป็นการใช้สมองบงการสัญชาตญาณดิบของศัตรูให้ทำลายตัวเอง

ความรู้สึกที่แล่นเข้ามาในใจของเขาไม่ใช่แค่ความตกตะลึงอีกต่อไป แต่มันคือความทึ่งและความนับถืออย่างสุดซึ้งที่หาได้ยากยิ่งจากบุตรแห่งเทพแห่งสงคราม มันคือกลยุทธ์ที่แม้แต่ธิดาแห่งอะธีน่ายังต้องยกย่อง ไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดหวังว่าจะได้เห็นจากเด็กสาวคนนี้

แล้วเขาก็ก้มลงมองหมวกกันน็อกในมือที่ยังถือค้างอยู่ มันหนักอึ้งด้วยน้ำหนักของเขี้ยวอสูรที่อยู่ภายใน คำพูดสุดท้ายของเธอดังขึ้นในหัวอีกครั้ง “อืดอาดชะมัดเลย” มันไม่ใช่คำถาม ไม่ใช่คำตัดพ้อ แต่มันคือการตอกย้ำชัยชนะ คือคำถากถางสุดท้ายที่ส่งตรงมาจากผู้ที่สู้อย่างถวายชีวิตและกำลังจะหมดแรง

เลเวอเรทท์สบถออกมาเบาๆ อย่างอดไม่ได้ มุมปากของเขากระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งความโล่งใจ, ความโมโหในความบ้าบิ่นของเธอ, และความขบขันในความปากดีที่ไม่เคยยอมใครแม้ในวาระสุดท้าย

“ยัยเด็กบ้า… บอกแล้วไงว่าให้รอฉันก่อน” เขาพึมพำกับตัวเอง

ในแหวนที่นิ้วของเธอ วิญญาณของคลาริสซ่าเงียบกริบ บางทีอาจเป็นเพราะพลังเวทของไนท์ที่ใช้ไปจนหมดสิ้น หรืออาจเป็นเพราะความเหนื่อยล้าเกินกว่าจะเอื้อนเอ่ยคำใดๆ ออกมาได้

บุตรแห่งแอรีสจัดท่าอุ้มร่างที่ไร้เรี่ยวแรงของเธอขึ้นมาอย่างระวังแต่ทว่ามั่นคง เขาอุ้มเธอในท่าเจ้าสาวเพื่อระวังไม่ให้กระทบกระเทือนบาดแผลที่อยู่ตามลำตัว แขนข้างหนึ่งของเขายังคงถือหมวกกันน็อกที่บรรจุเกียรติยศและชัยชนะของรุ่นน้องเอาไว้แน่น

สายตาของเขามองตรงไปยังถนนเบื้องหน้าที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพังของสงคราม เขาต้องพาเธอไปยังที่ที่ปลอดภัย ที่ที่มีแพทย์ทหาร ที่ที่มีน้ำทิพย์หรือผ้าพันแผล ความรู้สึกผิดจางๆ ก่อตัวขึ้นในใจ เขามาช้าเกินไป เขาคือคนที่ส่งเธอมาที่นี่ แต่เขากลับปล่อยให้เธอต้องเผชิญหน้ากับฝันร้ายนี้เพียงลำพัง

เขาสาบานในใจ... จะไม่มีวันปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก

ร่างสูงของนักรบผู้แข็งแกร่งเริ่มก้าวเดินอย่างมั่นคงท่ามกลางความเงียบงันของสมรภูมิที่เพิ่งสงบลง แบกรับร่างของเด็กสาวผู้พิชิตอสูรร้ายด้วยตัวคนเดียวไว้ในอ้อมแขน เวลานี้ให้เธอได้พักขณะสองเท้าก้าวอย่างหนักแน่นมุ่งหน้าไปยังศูนย์บัญชาการที่รออยู่เบื้องหน้า ทิ้งไว้เพียงตำนานบทใหม่ที่เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นบนผืนดินแห่งสงครามแห่งนี้

******

ฝึกกับเลเวอเรทท์ ฟรีมอนท์ 9/10 ภาคสนามปล่อยมาใช้ชีวิตในสงครามจริงแบบสับ


[NPC-28] เลเวอเรทท์ ฟรีมอนท์
โบนัสความสัมพันธ์จากการพูดคุย +5 คุณลองอ่านตำนานด้านบนดูคับ
มอบ หมวกกันน็อคที่ด้านในสอดใส้สินสงครามจากอสุรกายผ่านทาง + 20*2
กำไลมิตรประสาน : ทุกครั้งที่โรลเพลย์คู่สนทนาจะรู้สึกถึงออร่าบางอย่างที่ทำให้รู้สึกคุ้นเคยและสนิทสนมกับคุณขึ้นเล็กน้อย ได้รับโบนัสพิเศษ +10 แต้ม
กิจกรรมฝึกฝนกับรุ่นพี่ : ในการฝึกแต่ละครั้งความสัมพันธ์กับ NPC รุ่นพี่ที่สังกัด x2 เฉพาะการมอบของ

******

พิชิตครั้งแรก : ไฮดร้า +2 ตื่นรู้
สินสงคราม:
หัวไฮดร้า (เลขไบต์ 1/6/9)
เกล็ดไฮดร้า (เลขไบต์ที่เหลือ)
(LUK 60+ จะมีโอกาสได้เกล็ดมากกว่าหนึ่งหน่วยตามจำนวนเลขไบต์)
(หากโรลสู้จนหัวไฮดร้างอกถึงสิบหัว) จะสุ่มได้ ทับทิมขนาดมหึมา (เลขไบต์ 0/8)

@God 


i'll melt your heart into two @HyeRi Codes

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-28] เลเวอเรทท์ ฟรีมอนท์ เพิ่มขึ้น 10 โพสต์ 2025-7-17 00:17
God
โบนัส+5 จากการมอบหมวกกันน็อก 15 รวมโบนัส = 20 x2 = 40  โพสต์ 2025-7-16 23:51
God
(เลเวอร์กลับถึงค่ายได้แต่กุมขมับกับการสอดไส้......)  โพสต์ 2025-7-16 23:48
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-28] เลเวอเรทท์ ฟรีมอนท์ เพิ่มขึ้น 45 โพสต์ 2025-7-16 23:47
โพสต์ 42,877 ไบต์และได้รับ +5 ความศรัทธา จาก แว่นกันแดด  โพสต์ 2025-7-16 23:37

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ต้านทานเวทมนตร์
สื่อสารกับสุนัข
ไฟแช็ค
ปากกาหมึกซึม
กิ๊บติดผม
กล่องดนตรี
ตำราเวทมนต์เฮคาที
การควบคุมหมอกขั้นสูง
เข็มกลัดเฮคาที
ทักษะยิงปืน
แหวนดาราจรัส(D)
คิดค้นคาถา
เส้นทางลับ
เรียกอาวุธจากหมอก
กล้องถ่ายรูป
Daedalus's Legacy
กำไลมิตรประสาน
บันทึกโซเฟีย
ชุดบำรุงอาวุธ
การปลุกผี
การร่ายคาถา
ศาสตร์การปรุงยา
คบเพลิงเวท
ผลิตภัณฑ์กันแดด
แหวนจันทราทมิฬ
โล่อัสพิส
เกราะหนัง
ชุดเครื่องเพชร
รองเท้าส้นสูง
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
โรคสมาธิสั้น
แว่นกันแดด
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x1
x10
x2
x18
x9
x11
x16
x5
x5
x2
x4
x1
x1
x4
x1
x5
x2
x20
x10
x4
x3
x1
x2
x5
x1
x1
x3
x1
x40
x7
x4
x35
x1
x3
x3
x35
x4
x16
x1
x1
x1
x1
x4
x1
x6
x2
x8
x10
x2
x1
x1
x9
x1
x1
x28
x1
x5
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-7-17 03:34:03 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Nymeria เมื่อ 2025-7-17 08:19

15-07-2025 15.32 PM

I want to be your everything little darling




เกือบสิบชั่วโมงที่ผ่านไปในม่านหมอกแห่งความเหนื่อยล้า ไนมีเรียรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาบนเตียงผ้าใบแคบๆ ในเต็นท์พยาบาลชั่วคราว กลิ่นยาฆ่าเชื้อที่ฉุนกึ้กและเสียงลมที่พัดหวีดหวิวลอดผ่านผืนผ้าใบคือสิ่งแรกที่ต้อนรับสติที่เพิ่งกลับคืนมาของเธอ ร่างกายยังคงปวดเมื่อย แต่ความรู้สึกหนักอึ้งราวกับแบกโลกทั้งใบไว้ได้ทุเลาลงไปมาก

เลเวอเรทท์จัดการทุกอย่างได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสมกับเป็นบุตรแห่งเทพแห่งสงคราม เขาพบคนรู้จักเก่าซึ่งเป็นนายกองร้อยของหน่วยทหารยูเครนที่ตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ที่นี่ และได้รับความอนุเคราะห์ให้ใช้เต็นท์พยาบาลส่วนหนึ่งสำหรับผู้บาดเจ็บพิเศษอย่างเธอได้ แพทย์ทหารหญิงที่เข้ามาทำแผลให้เธอแสดงความประหลาดใจอย่างไม่ปิดบัง เมื่อพบว่านอกจากรอยถลอกและรอยขีดข่วนเล็กๆ น้อยๆ แล้ว ร่างกายของสตรีตาคมกลับไม่มีบาดแผลฉกรรจ์หรือร่องรอยการไหม้จากกรดพิษเลยแม้แต่น้อย ราวกับมีพรวิเศษบางอย่างคอยคุ้มครองอยู่

บุตรแห่งแอรีสไม่ใช่สายประคบประหงม เขาไม่ได้นั่งเฝ้าเธอข้างเตียง แต่กลับใช้วิธีการดูแลในแบบของเขา นั่นคือการสร้างความปลอดภัย เขาให้อาสาสมัครหญิงช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นและเปรอะเปื้อนของเธอออก แล้วตัวเขาก็ออกไปลาดตระเวนรอบๆ ค่ายรักษาการณ์ตลอดเวลาที่เธอหลับใหล

“ฟื้นแล้วเหรอ” เสียงทุ้มเรียบดังขึ้นทันทีที่เธอขยับตัว เขานั่งอยู่บนลังไม้ที่มุมเต็นท์ กำลังทำความสะอาดดาบของเขาอยู่

“ฉันหลับไปนานแค่ไหนคะ” เธอผู้นั้นถามพลางยันตัวลุกขึ้นนั่ง

“เกือบสิบชั่วโมง” เขาตอบ “ฉันคิดว่าเธอคงอยากจะนอนต่ออีกสักหน่อย”

“ไม่ล่ะค่ะ” ร่างอรชรปฏิเสธทันที “ฉันพร้อมจะฝึกต่อแล้ว”

เลเวอเรทท์ขมวดคิ้ว แววตาของเขาฉายแววดุขึ้นมาเล็กน้อย “นี่ไม่ใช่การฝึก ไนมีเรีย ที่นี่คือของจริง และเธอเกือบตายไปแล้วนะ” เขาพูดพลางลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “จากนี้ไป เธอต้องอยู่ในสายตาฉันตลอดเวลา ห้ามแยกไปไหนคนเดียวเด็ดขาด เข้าใจไหม”

มันไม่ใช่คำขอร้อง แต่เป็นคำสั่ง

สุดท้าย ทั้งสองก็ออกมาลาดตระเวนด้วยกัน เธอเดินตามหลังเขาไปตามถนนที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพังอย่างเงียบๆ ซึมซับบรรยากาศแห่งสงครามที่แท้จริง ทันใดนั้น ที่หัวมุมถนนเบื้องหน้า ร่างของหน่วยรบพิเศษในชุดเกราะสีดำทมิฬก็ก้าวออกมาจากหลังซากรถบัสที่ไหม้เกรียม

“พลเรือน! กลับเข้าไปในที่กำบัง!” นายทหารที่อยู่ใกล้ๆ ตะโกนเตือน

แต่สำหรับเดมิก็อดแล้ว ภาพที่เห็นนั้นแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง

หมอกที่เคยบดบังพลันจางหาย เผยให้เห็นร่างที่แท้จริงของมัน มันคือจักรกลสังหารขนาดมหึมาที่ทำจากโลหะสีดำด้าน ผิวของมันถูกออกแบบมาให้ดูดกลืนแสง ดวงตาที่เป็นเลนส์สีแดงเพลิงหลายดวงกวาดมองไปมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมาหยุดนิ่งที่พวกเขา เดธแมชชีน

มันยกแขนที่เป็นปืนเลเซอร์พลังงานสูงขึ้นแล้วยิงเข้าใส่พวกเขาทันทีโดยไม่มีการเตือน!

เปรี้ยง!

เลเวอเรทท์พุ่งเข้าผลักไนท์หลบไปด้านหลังที่กำบังได้อย่างฉิวเฉียด ลำแสงสีแดงฉานยิงทะลุกำแพงอิฐจนเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่

“หาจุดอ่อนของมัน!” บุตรแห่งแอรีสตะโกนสั่งขณะชักดาบออกมา “ฉันจะล่อมันไว้เอง!”

ไนมีเรียไม่ได้โต้เถียง เธอชักปืนอัจฉริยะออกมาแล้วเริ่มยิงสนับสนุนจากที่กำบัง เธอไม่ได้ตั้งใจจะสร้างความเสียหาย แต่เธอกำลังสังเกต เรียนรู้ ทุกการเคลื่อนไหว ทุกรูปแบบการโจมตีของมัน เธอเห็นว่าทุกครั้งที่มันจะยิงเลเซอร์ เซลล์พลังงานที่หน้าอกของมันจะสว่างวาบขึ้น และทุกครั้งที่มันใช้ใบมีดพลังงานที่แขนอีกข้าง ระบบระบายความร้อนที่แผ่นหลังของมันจะเปิดออกเพื่อระบายไอร้อนออกมา

“แผ่นหลังกับหน้าอกค่ะ!” เธอตะโกนบอก “นั่นคือจุดอ่อนของมัน!”

เมื่อได้ข้อมูลที่ต้องการ ทั้งสองก็ทำงานประสานกันอย่างลงตัว เลเวอเรทท์เข้าปะทะตรงๆ ด้วยความเร็วและความดุดันที่น่าทึ่ง ล่อให้มันเปิดช่องว่าง ขณะที่ไนมีเรียคอยยิงสกัดไปที่จุดอ่อนเหล่านั้นอย่างแม่นยำ การต่อสู้จบลงเมื่อดาบของบุตรแห่งเทพแห่งสงครามตัดผ่านระบบระบายความร้อนจนเกิดการระเบิดจากภายใน ร่างของเดธแมชชีนล้มลงแน่นิ่งไป

ทว่า ในช่วงเวลาแห่งความเงียบที่ควรจะปลอดภัยนั้นเอง พื้นดินใต้เท้าของพวกเขาก็สั่นสะเทือนเบาๆ ตามมาด้วยเสียงขูดลึกๆ ของโลหะบดกับคอนกรีตที่ดังมาจากในตรอกแคบๆ ข้างๆ กลิ่นโอโซนและกำมะถันที่ไหม้เกรียมโชยออกมาพร้อมกับไอร้อนที่แผ่กระจายออกมาจนรู้สึกได้

ครืดดดด! ครึ่ก!

วัวกระทิงขนาดมหึมาที่ทำจากทองเหลืองทั้งตัวก้าวออกมาจากความมืด ดวงตาของมันไม่ใช่แค่สีแดง แต่เป็นถ่านที่ลุกโชนเปล่งประกายเจิดจ้า ลมหายใจที่พ่นออกมาจากจมูกไม่ใช่แค่ไอน้ำ แต่เป็นเปลวเพลิงที่ร้อนระอุจนอากาศรอบๆ บิดเบี้ยว! วัวโคลคีส!

มันคำรามลั่น เสียงของมันไม่ใช่เสียงของสิ่งมีชีวิต แต่เป็นเสียงของโรงหลอมเหล็กที่กำลังจะระเบิด ก่อนจะก้มหัวลงแล้วพุ่งเข้าใส่พวกเขาราวกับตอร์ปิโดโลหะ!

แต่ก่อนที่กีบทองเหลืองของมันจะกระทืบร่างของพวกเขาจนแหลกละเอียด เสียงหวีดหวิวที่แหลมสูงจนแสบแก้วหูก็กรีดผ่านอากาศลงมาจากเบื้องบน! วัตถุสีเงินแวววาวพุ่งลงมาราวกับอุกกาบาต ก่อนจะกระแทกพื้นถนนเบื้องหน้าพวกเขาสนั่นหวั่นไหว!

ตู้ม!

พื้นคอนกรีตแตกกระจายออกเป็นวงกว้าง ร่างในชุดเกราะชิลด์เมทสีเงินที่ขัดเงาจนสะท้อนภาพซากเมืองราวกับกระจก ย่อตัวลงตั้งหลักอย่างมั่นคง ไอพ่นขนาดเล็กที่หลังและข้อเท้าของเขาพ่นไอเย็นออกมาเพื่อลดแรงกระแทก โล่ทรงกลมขนาดใหญ่ในมือซ้ายถูกยกขึ้นมาตั้งรับการพุ่งชนของอสูรจักรกลได้อย่างเหมาะเจาะ

ก๊องงงงงงง!

เสียงโลหะปะทะโลหะดังสนั่นราวกับระฆังของเทพเจ้าถูกตีจนแตก แรงปะทะมหาศาลผลักให้ร่างในชุดเกราะไถลถอยหลังไปหลายเมตร ทิ้งรอยครูดลึกไว้บนพื้นถนน แต่เขาก็ยังคงยืนหยัดอยู่ได้

เลเวอเรทท์กำลังจะตะโกนถามว่าเขาเป็นใคร มิตรหรือศัตรู แต่สัญชาตญาณของไนมีเรียทำงานเร็วกว่านั้น ในสนามรบ ตัวแปรที่ไม่รู้จักคือภัยคุกคาม เธอเห็นเพียงร่างในชุดเกราะปริศนาที่ปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่า ปืนในมือของเธอถูกยกขึ้นโดยอัตโนมัติ สมองสั่งการก่อนที่ความคิดจะตามทัน

ปัง!

“หยุดก่อนอย่ายิง!!”

แน่นอนว่าบุตรแห่งแอรีสห้ามไม่ทัน กระสุนสัมฤทธิ์สวรรค์พุ่งออกจากปากกระบอกปืนด้วยความเร็วสูง มันไม่ได้กระทบหน้ากากเหล็กกล้าโดยตรง แต่กลับมีสนามพลังงานสีฟ้าบางๆ สว่างวาบขึ้นมารับไว้ ทำให้เกิดเสียงร้องหวีดแหลมของโลหะที่สะท้อนกลับแล้วแฉลบขึ้นฟ้าไป

ร่างในชุดเกราะค่อยๆ หันมาทางเธออย่างช้าๆ การเคลื่อนไหวของเขาราบรื่นและเงียบกริบจนน่าขนลุก ก่อนที่หน้ากากส่วนหน้าจะพับเก็บเข้าไปด้านในด้วยเสียงฟู่ของระบบนิวแมติก เผยให้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของชายหนุ่มผิวสีในแว่นตากันลมทรงสี่เหลี่ยม แววตาของเขาที่มองมานั้นเต็มไปด้วยความเหนื่อยใจระคนโล่งอก

“ไนมีเรีย….” เขาเอ่ยชื่อเธอด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แฝงความหมายไว้มากมาย “ในบรรดาวิธีส่งการบ้านทั้งหมดที่ฉันเคยจินตนาการไว้ การยิงแสกหน้าครูตัวเองไม่เคยอยู่ในลิสต์นะ”

“รุ่นพี่คริส!” เจ้าของนัยน์ตาลึกลับอุทานออกมาอย่างตกใจจนเกือบจะทำปืนหลุดมือแล้วหัวเราะออกมาแหยๆ “เห็นแบบนี้เป้นใครก็ต้องยิงรึเปล่า คุณมาทำอะไรที่นี่คะ!?”

คริสโตเฟอร์ บราวน์ ถอนหายใจยาว “ฉันเห็นโพสต์ของเธอในโซเชียลเน็ตเวิร์กของเดมิก็อด ‘มารียูปอล’ เนี่ยนะ? เธอคิดอะไรอยู่” เขามองสภาพมอมแมมและร่องรอยการต่อสู้ของเธอแล้วส่ายหน้า “ฉันเลยคิดว่า บางทีการบ้านวิชายิงปืนชิ้นต่อไป อาจจะต้องมาทวงด้วยตัวเองถึงที่”

“เอาไว้ก่อน!” เลเวอเรทท์ตะโกนขัดจังหวะการพบกันอีกครั้งที่ดูผิดที่ผิดเวลาที่สุด “รุมกระทืบมันก่อน แล้วค่อยเคลียร์กันทีหลัง!” เขาชี้ดาบไปยังวัวโคลคีสที่กำลังสลัดหัวด้วยความมึนงง

เมื่อสองรุ่นพี่ผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้และเทคโนโลยีลงสนามด้วยตัวเอง วัวโคลคีสที่น่าเกรงขามก็ไม่ต่างอะไรกับของเล่นกระป๋อง

“เลนส์ปัญญาทำงาน!” คริสตะโกน แว่นตากันลมของเขาส่องแสงสีฟ้าอ่อนๆ ฉายภาพโฮโลแกรมสามมิติที่เป็นโครงสร้างของวัวเหล็กซ้อนทับกับร่างจริงของมัน “ข้อต่อสะโพกซ้าย! กลไกเซอร์โวอ่อนแอที่สุด!”

“จัดให้!” เลเวอเรทท์รับคำแล้วพุ่งเข้าใส่ทันที ดาบของบุตรแห่งแอรีสฟาดเข้าใส่จุดนั้นอย่างจังจนเกิดประกายไฟกระจายไปทั่ว

“ยิงไปที่เซ็นเซอร์ดวงตาของมัน!” คริสสั่งการต่อ

ปุ! ไนมีเรียยิงสกัดไปที่ดวงตาที่ลุกโชนของมันอย่างแม่นยำ ทำให้มันคำรามอย่างเจ็บปวดและหันมาสนใจเธอ เปิดช่องว่างให้เลเวอเรทท์โจมตีซ้ำที่จุดเดิมจนข้อต่อขาหลังของมันพังยับเยิน

การต่อสู้จบลงเมื่อคริสใช้ลำแสงพลังงานขนาดเล็กจากข้อมือยิงตัดท่อส่งเชื้อเพลิงที่ท้องของมัน ก่อนที่เลเวอเรทท์จะใช้ดาบแทงทะลุเข้าไปในห้องเครื่องจนเกิดการระเบิดจากภายใน ร่างของวัวเหล็กกระตุกเป็นครั้งสุดท้ายแล้วล้มลงแน่นิ่งไป

หลังจากที่ทุกอย่างสงบลง ทั้งสามก็ยืนมองหน้ากันท่ามกลางซากปรักหักพังที่เพิ่มขึ้นอีกชิ้น

เลเวอเรทท์มองคริสด้วยความแปลกใจและทึ่งในความสามารถ เขาไม่คิดว่าคนพูดน้อยและค่อนข้างขี้อายอย่างบุตรแห่งเฮเฟตัสคนนี้จะรู้จักกับหล่อน แถมยังดูเหมือนจะเข้าขากันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ

“สรุปว่าการบ้านก็ยังไม่ต้องทำใช่ไหมคะ” สตรีรอยยิ้มเรียบเดินเข้าไปหาครูฝึกของเธออย่างไม่เกรงกลัว รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เปื้อนฝุ่นของเธอ “งั้นขอสอบปากเปล่าแทนได้ไหมคะ พอดีสมุดจดเลคเชอร์ของฉันเปียกน้ำน่ะค่ะ”

คำพูดนั้นทำให้คริสหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ในที่สุด เขาส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ “ให้มันได้อย่างนี้สิ ศิษย์คนแรกของฉัน”

เพื่อเป็นการไถ่โทษและฉลองการรวมตัวกันโดยไม่ได้นัดหมาย ไนท์จึงหยิบทาโก้เนื้อและไส้กรอกย่างที่พกติดตัวมาจากค่าย ออกมาแบ่งให้รุ่นพี่ทั้งสองคนกินเป็นมื้อเย็นท่ามกลางซากเมืองที่พังทลาย มันอาจจะเป็นมื้ออาหารที่แปลกประหลาดที่สุดในโลก ทั้งสามคนนั่งลงบนซากกำแพงที่พังทลาย กัดทาโก้คำโตท่ามกลางกลิ่นควันปืนและฝุ่นปูน แต่ในวินาทีนั้น มันคืออาหารที่อร่อยที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยกินมา

*******

[NPC-28] เลเวอเรทท์ ฟรีมอนท์
โบนัสความสัมพันธ์จากการพูดคุย +5 เราสู้กันเคียงบ่าเคียงไหล่ไงคับ
มอบ ใส้กรอกย่างหลังญาติดี + 20*2
กำไลมิตรประสาน : ทุกครั้งที่สนทนาคู่สนทนาจะรู้สึกถึงออร่าบางอย่างที่ทำให้รู้สึกคุ้นเคยและสนิทสนมกับคุณขึ้นเล็กน้อย ได้รับโบนัสพิเศษ +10 แต้ม (เฉพาะรุ่นพี่และเพื่อนเท่านั้น)
กิจกรรมฝึกฝนกับรุ่นพี่ : ในการฝึกแต่ละครั้งความสัมพันธ์กับ NPC รุ่นพี่ที่สังกัด x2 เฉพาะการมอบของ


[NPC-05] คริสโตเฟอร์ บราวน์
โบนัสความสัมพันธ์จากการพูดคุย +5 ผมยิงแสกหน้าทัทกายคุณ
มอบ ทาโก้ของโปดคุณ! +20
กำไลมิตรประสาน : ทุกครั้งที่สนทนาคู่สนทนาจะรู้สึกถึงออร่าบางอย่างที่ทำให้รู้สึกคุ้นเคยและสนิทสนมกับคุณขึ้นเล็กน้อย ได้รับโบนัสพิเศษ +10 แต้ม (เฉพาะรุ่นพี่และเพื่อนเท่านั้น)
ใช้ค่าเกียรติยศ: อวยรุ่นพี่คริส ใช้ 4000 ค่าเกียรติยศ + 200 ควาสนิทสนม (ทุก ๆ การใช้ค่าเกียรติยศ 1000 เกียรติยศ จะได้รับความสนิทสนมโบนัส +50)

******
พิชิตครั้งแรก : เดธแมชชีน +2 ตื่นรู้
สินสงคราม:
โลหะผสมพิเศษ (10 หน่วย) (ดรอปทุกกรณีไม่สุ่ม)
เซลล์พลังงาน (เลขไบต์ 6/9)
น้ำมันหล่อลื่น (เลขไบต์ 2/7)
แปลนเฮเฟตัส (เลขไบต์ 0)
เกราะไทเทเนียม (เลขไบต์ 8)
มอเตอร์ไฮดรอลิก (เลขไบต์อื่น ๆ ทั้งหมด)

สินสงครามพิเศษ: หากมีค่า LUK 100 หน่วย
เลขไบต์สุดท้าย (1) ได้รับ ปืนเลเซอร์พลังงาน
เลขไบต์สุดท้าย (5) ได้รับ ชิปประมวลผล AI
เลขไบต์สุดท้าย (3) ได้รับ โปรแกรม AI

พิชิตครั้งแรก : วัวคัลคีส +2 ตื่นรู้
ฟันเฟือง 2 หน่วย (เลขไบต์คู่)
แปลนเฮเฟตัส (เลขไบต์ 1)
ลมหายใจเพลิง (เลขไบต์คี่ยกเว้น 1)
(หากไม่มีพลังทนทานไฟจะต้องใช้ขวดน้ำราดขวดแก้วให้เย็นลงก่อนจึงจะเก็บได้ ส่งไอเท็มขวดน้ำมาไอดี God เพื่อยืนยันในการเก็บ ยกเว้นพวกมีพลังควบคุมน้ำในพื้นที่แถวนั้น ถ้ามีน้ำ)
หากมีค่า LUK 30 หน่วย 1) เลขไบต์สุดท้ายได้ (0,1) ได้รับแปลนเฮเฟตัส
2) เลขรองสุดท้ายไบต์ นอกเหนือจากด้านบน คือจำนวนฟันเฟืองที่ได้ หากมีค่า LUK 70 หน่วย จะเพิ่มตัวแปรได้แปลน (0,1,2,9)
หากมีค่า LUK 90 จะได้ทับทิมขนาดมหึมา 1 เม็ด

@God 

i'll melt your heart into two @HyeRi Codes

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-54] แลร์รี่ เพิ่มขึ้น 2 โพสต์ 2025-7-18 01:08
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-11] แอนนาเบ็ธ เชส เพิ่มขึ้น 2 โพสต์ 2025-7-18 01:08
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-28] เลเวอเรทท์ ฟรีมอนท์ เพิ่มขึ้น 55 โพสต์ 2025-7-17 03:51
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-05] คริสโตเฟอร์ บราวน์ เพิ่มขึ้น 235 โพสต์ 2025-7-17 03:51
God
คุณได้รับ --4000 เกียรติยศ โพสต์ 2025-7-17 03:50

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +4 ย่อ เหตุผล
God + 4

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ต้านทานเวทมนตร์
สื่อสารกับสุนัข
ไฟแช็ค
ปากกาหมึกซึม
กิ๊บติดผม
กล่องดนตรี
ตำราเวทมนต์เฮคาที
การควบคุมหมอกขั้นสูง
เข็มกลัดเฮคาที
ทักษะยิงปืน
แหวนดาราจรัส(D)
คิดค้นคาถา
เส้นทางลับ
เรียกอาวุธจากหมอก
กล้องถ่ายรูป
Daedalus's Legacy
กำไลมิตรประสาน
บันทึกโซเฟีย
ชุดบำรุงอาวุธ
การปลุกผี
การร่ายคาถา
ศาสตร์การปรุงยา
คบเพลิงเวท
ผลิตภัณฑ์กันแดด
แหวนจันทราทมิฬ
โล่อัสพิส
เกราะหนัง
ชุดเครื่องเพชร
รองเท้าส้นสูง
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
โรคสมาธิสั้น
แว่นกันแดด
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x1
x10
x2
x18
x9
x11
x16
x5
x5
x2
x4
x1
x1
x4
x1
x5
x2
x20
x10
x4
x3
x1
x2
x5
x1
x1
x3
x1
x40
x7
x4
x35
x1
x3
x3
x35
x4
x16
x1
x1
x1
x1
x4
x1
x6
x2
x8
x10
x2
x1
x1
x9
x1
x1
x28
x1
x5
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-7-18 06:32:28 | ดูโพสต์ทั้งหมด
15-07-2025 19.45 PM

I want to be your everything little darling


ภายหลังมื้ออาหารที่น่าจะแปลกประหลาดที่สุดในชีวิต ทั้งสามคนก็นั่งเงียบๆ อยู่รอบกองไฟเล็กๆ ที่ถูกก่อขึ้นเพื่อให้ความอบอุ่นท่ามกลางซากปรักหักพัง ควันไฟลอยอ้อยอิ่งขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ไร้ดวงดาวของเมืองมารียูปอล สร้างเกราะป้องกันบางๆ จากความหนาวเย็นของอากาศและบรรยากาศอันน่าหดหู่

เลเวอเรทท์เพิ่งจะลองสวมแจ็กเก็ตหนังสีดำสนิทตัวใหม่ที่ไนมีเรียมอบให้แทนตัวเก่าที่ขาดวิ่นจนแทบไม่เหลือสภาพ เขาไม่ได้กล่าวขอบคุณเป็นคำพูด แต่แววตาที่เขามองมาที่เธอนั้นมีความหมายลึกซึ้งกว่าคำพูดใดๆ จากนั้นบุตรแห่งแอรีสก็ลุกขึ้นยืนตามสัญชาตญาณนักรบของเขา

“ฉันจะไปลาดตระเวนรอบๆ ที่พัก” เขากล่าวเสียงเรียบ “พวกนายสองคนก็พักผ่อนซะ อย่าก่อเรื่องอะไรอีกเข้าใจไหม”

เขาไม่ได้รอคำตอบ ร่างสูงกำยำของนักรบหายลับไปในความมืด ทิ้งให้สตรีตาคมและครูฝึกวิชายิงปืนของเธออยู่กันตามลำพังหน้ากองไฟที่กำลังลุกโชน

“เขาเป็นแบบนี้เสมอเหรอ” ไนมีเรียเอ่ยถามขึ้นเบาๆ เป็นการทำลายความเงียบ

“เป็นห่วงแต่ไม่แสดงออกน่ะ” ร่างในเกราะเหล็กผู้นั้นตอบพลางเขี่ยกองไฟเล่น “เป็นวิธีแสดงความใส่ใจในแบบของบ้านแอรีสน่ะ”

บรรยากาศระหว่างศิษย์อาจารย์ที่ไม่ได้พบกันมานานเริ่มผ่อนคลายลง ทั้งสองถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันเล็กน้อย ก่อนที่บุตรแห่งเฮเฟตัสจะเข้าเรื่องที่ทำให้เขาต้องบินข้ามทวีปมาถึงที่นี่

“เอาล่ะไหนๆ เธอก็เบี้ยวการบ้านฉันแล้ว” คริสกล่าวพลางขยับแว่นตากันลมของเขา “งั้นก็อย่างที่ว่า สอบปากเปล่าแทนก็แล้วกัน”

ไนมีเรียยืดตัวตรง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์หายไป ถูกแทนที่ด้วยแววตาที่จริงจังของนักเรียนที่พร้อมจะเข้าสอบ

“คำถามแรก” ครูฝึกหนุ่มเริ่มต้น “อธิบายความแตกต่างระหว่างปืนสั้นกับปืนยาวในมุมมองของเธอ”

“ในทางทฤษฎี มันคือเรื่องของความยาวลำกล้องกับระยะหวังผลค่ะ” ว่าที่แม่มดสาวตอบอย่างฉะฉาน “แต่ในทางปฏิบัติ มันคือเรื่องของ ‘สถานการณ์’ ปืนสั้นเหมาะกับพื้นที่จำกัด การต่อสู้ระยะประชิดที่ต้องการความคล่องตัวสูง การปกปิดพกพา แต่ก็ต้องแลกมากับอำนาจหยุดยั้งที่น้อยกว่าและระยะยิงที่สั้นกว่า ในขณะที่ปืนยาวให้ความแม่นยำและพลังทำลายที่สูงกว่ามากในระยะไกล แต่มันก็เกะกะ ไม่เหมาะกับการต่อสู้ในที่แคบหรือการลอบเร้น”

คริสพยักหน้ารับอย่างพอใจ “ดี คำถามต่อไป แล้วปืนพกธรรมดาที่มนุษย์ใช้ กับปืนอัจฉริยะ L&E ที่พวกเราสร้างขึ้น มันต่างกันยังไง”

“กระสุนค่ะ” เธอตอบทันที “ปืนพกธรรมดาใช้ดินปืน แต่ L&E ใช้แกนพลังงานขนาดเล็กที่ผสมผงทองสัมฤทธิ์สวรรค์เพื่อขับดันกระสุน มันไม่ใช่การยิง แต่เป็นการ ‘ปล่อย’ พลังงาน มันจึงชาร์จก่อนยิง และอำนาจทำลายล้างต่ออสูรกายจึงสูงกว่าตะกั่วธรรมดา แต่ข้อเสียก็คือมันยังเทียบไม่ได้กับความแรงของธนูหรือดาบ เพราะถ้าอัดทองสัมฤทธิ์เข้าไปมากเกินไป กลไกที่ซับซ้อนของบ้านเฮเฟตัสกับบ้านเฮอร์มีสจะขัดแย้งกันจนระเบิดคาที่ได้”

“ยอดเยี่ยม” คริสเอ่ยชมอย่างจริงใจ “คำถามสุดท้าย เธอบอกว่าเคยเผชิญหน้ากับหมาป่าแห่งแอรีส วิเคราะห์ข้อบกพร่องของตัวเองตอนที่ใช้ปืนสู้กับมันให้ฉันฟังหน่อย”

คำถามนี้ทำให้เจ้าของนัยน์ตาลึกลับนิ่งไปชั่วครู่ เธอย้อนนึกถึงการต่อสู้ที่เกือบเอาชีวิตไม่รอดครั้งนั้น

“ข้อบกพร่องของฉันคือการยึดติดกับเครื่องมือเกินไปค่ะ” เธอตอบอย่างตรงไปตรงมา “หมาป่าแอรีสขึ้นชื่อเรื่องความเร็วที่เหนือมนุษย์ อัตราการยิงของปืนอัจฉริยะถึงจะเร็วกว่าธนู แต่ก็ยังไม่เร็วพอที่จะตามการเคลื่อนไหวของมันได้ทันท่วงที โดยเฉพาะเมื่อมันมีหลายตัว ฉันมัวแต่พยายามจะเล็งยิงเป้าที่เคลื่อนที่ตลอดเวลา จนลืมไปว่าอาวุธที่ดีที่สุดในตอนนั้นอาจไม่ใช่ปืน แต่เป็นกลยุทธ์และสภาพแวดล้อม ฉันควรจะสร้างกับดัก หรือใช้เวทมนตร์เพื่อจำกัดการเคลื่อนไหวของมันก่อน แล้วค่อยใช้ปืนปิดฉากทีหลัง การใช้ปืนกับศัตรูที่เร็วเกินไปโดยไม่มีแผนสำรอง คือความผิดพลาดมหันต์ค่ะ”

คำตอบนั้นทำให้คริสเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจระคนทึ่ง เขามองศิษย์คนแรกของเขาด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป

“นั่นเป็นคำตอบที่ดีกว่ารายงานหน้าไหนๆ ที่ฉันเคยอ่านซะอีก” เขากล่าว “ประสบการณ์สอนเธอได้ดีกว่าที่ฉันคาดหวังไว้มากจริงๆ ถือว่าเธอสอบผ่าน”

ไนมีเรียยิ้มออกมาอย่างโล่งอก ทันใดนั้น สมาร์ทโฟนเดดาลัสเครื่องใหม่ที่อยู่ในกระเป๋าของเธอก็สั่นขึ้นเบาๆ พร้อมกับมีแสงสีฟ้าอ่อนๆ กะพริบที่ขอบจอ

“มีแจ้งเตือนเหรอ” คริสถาม

“ค่ะ แต่ฉันยังใช้ไม่ค่อยเป็นเลย”

“ไหนเอามาดูสิ” ครูฝึกหนุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีกล่าว รับโทรศัพท์ของเธอมาดูแล้วยิ้มออกมา “อ้อ นี่มันฟังก์ชันใหม่ของเนคทาร์เน็ตเวิร์กน่ะ ระบบส่งของขวัญ” เขาชี้ไปที่ไอคอนรูปกล่องของขวัญ “ลองกดดูสิ”

เธอผู้นั้นทำตาม เมื่อกดที่การแจ้งเตือน หน้าจอก็ปรากฏข้อความขึ้นว่า: ‘ยืนยันการรับของขวัญจากเพื่อนหรือไม่?’ จึงกด ‘ยืนยัน’

ทันใดนั้น ไฟฉายที่ด้านหลังของโทรศัพท์ก็สว่างวาบขึ้นเป็นลำแสงสีฟ้าเข้มพุ่งตรงไปยังพื้นที่ว่างเปล่าข้างกองไฟ แล้วเรื่องมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น! ในจุดที่แสงกระทบนั้น อณูของอากาศค่อยๆ รวมตัวกันเป็นกล่องไม้สีดำสนิทที่ผูกด้วยริบบิ้นสีเงินปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า!

พร้อมกันนั้นหน้าจอโทรศัพท์ก็แสดงข้อความขึ้นมา:

‘Nymeria: ได้รับ 1 เกล็ดไฮดร้า และ 1 แก่นวิญญาณไฮดร้า ผู้ส่งของขวัญ: Reyna Avila Ramirez-Arellano’

สตรีตาคมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “เรย์น่า? ตอนฉันลงชื่อไว้ที่โพสของเธอในเนคทาร์ไม่นึกว่าจะได้จริงๆ”

“ดูเหมือนว่าวีรกรรมของเธอในกลุ่มพรานอาร์เทมิสจะดังไปไกลกว่าที่คิดนะ” คริสกล่าวพลางยื่นโทรศัพท์คืนให้

เพื่อเป็นการขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือและบทเรียนที่ได้รับ ร่างบางจึงหยิบกระป๋องโคล่าเย็นเฉียบที่ถูกถนอมด้วยมนตราของเฮคาทีออกมาจากกระเป๋าส่งให้เขา

“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะรุ่นพี่”

คริสรับโคล่ามาดื่มอย่างเงียบๆ “ฉันคงต้องค้างที่นี่สักคืนแล้วล่ะ ดึกเกินกว่าจะบินกลับ” เขามองเธอด้วยสายตาที่อ่อนลงเล็กน้อย “อีกอย่าง ใครจะไปรู้ว่าเธอจะไปหาเรื่องท้าตีท้าต่อยกับอสุรกายตัวไหนอีกก่อนพระอาทิตย์ขึ้น”

คำพูดนั้นทำให้ทั้งสองหัวเราะออกมาเบาๆ ท่ามกลางความเงียบงันของสมรภูมิ ทิ้งไว้เพียงเสียงแตกเปรี๊ยะๆ ของกองไฟและมิตรภาพที่ก่อตัวขึ้นอย่างไม่คาดคิดในสถานที่ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลย

******

[NPC-28] เลเวอเรทท์ ฟรีมอนท์
โบนัสความสัมพันธ์จากการพูดคุย +5 เราสู้กันเคียงบ่าเคียงไหล่ไงคับ
มอบ แจ็กเก็ตหนังแทนตัวที่ไหม้ไป + 20*2
กำไลมิตรประสาน : ทุกครั้งที่สนทนาคู่สนทนาจะรู้สึกถึงออร่าบางอย่างที่ทำให้รู้สึกคุ้นเคยและสนิทสนมกับคุณขึ้นเล็กน้อย ได้รับโบนัสพิเศษ +10 แต้ม (เฉพาะรุ่นพี่และเพื่อนเท่านั้น) กิจกรรมฝึกฝนกับรุ่นพี่ : ในการฝึกแต่ละครั้งความสัมพันธ์กับ NPC รุ่นพี่ที่สังกัด x2 เฉพาะการมอบของ


[NPC-05] คริสโตเฟอร์ บราวน์
โบนัสความสัมพันธ์จากการพูดคุย +5 ผมส่งการบ้านแล้วคับพี่
มอบ โคล่า 1 กะป๋องให้คริส
กำไลมิตรประสาน : ทุกครั้งที่สนทนาคู่สนทนาจะรู้สึกถึงออร่าบางอย่างที่ทำให้รู้สึกคุ้นเคยและสนิทสนมกับคุณขึ้นเล็กน้อย ได้รับโบนัสพิเศษ +10 แต้ม (เฉพาะรุ่นพี่และเพื่อนเท่านั้น)
ควาสนิทสนมจากการส่งการบ้านปากเปล่า + ??


ของสุ่มแจกจากเรย์น่าผ่าน เนคทาร์ Nymeria: ได้รับ 1 เกล็ดไฮดร้า และ 1 แก่นวิญญาณไฮดร้า
@God 

i'll melt your heart into two @HyeRi Codes

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-16] เรย์นา อะบีลา รามิเรซ-อาเรลลาโน่ เพิ่มขึ้น 25 โพสต์ 2025-7-21 11:38
โพสต์ 27907 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-18 06:32
โพสต์ 27,907 ไบต์และได้รับ +8 EXP +8 เกียรติยศ จาก Daedalus's Legacy  โพสต์ 2025-7-18 06:32
โพสต์ 27,907 ไบต์และได้รับ +12 EXP +15 เกียรติยศ +15 ความศรัทธา จาก กำไลมิตรประสาน  โพสต์ 2025-7-18 06:32
โพสต์ 27,907 ไบต์และได้รับ +7 EXP จาก Anker PowerCore  โพสต์ 2025-7-18 06:32
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ต้านทานเวทมนตร์
สื่อสารกับสุนัข
ไฟแช็ค
ปากกาหมึกซึม
กิ๊บติดผม
กล่องดนตรี
ตำราเวทมนต์เฮคาที
การควบคุมหมอกขั้นสูง
เข็มกลัดเฮคาที
ทักษะยิงปืน
แหวนดาราจรัส(D)
คิดค้นคาถา
เส้นทางลับ
เรียกอาวุธจากหมอก
กล้องถ่ายรูป
Daedalus's Legacy
กำไลมิตรประสาน
บันทึกโซเฟีย
ชุดบำรุงอาวุธ
การปลุกผี
การร่ายคาถา
ศาสตร์การปรุงยา
คบเพลิงเวท
ผลิตภัณฑ์กันแดด
แหวนจันทราทมิฬ
โล่อัสพิส
เกราะหนัง
ชุดเครื่องเพชร
รองเท้าส้นสูง
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
โรคสมาธิสั้น
แว่นกันแดด
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x1
x10
x2
x18
x9
x11
x16
x5
x5
x2
x4
x1
x1
x4
x1
x5
x2
x20
x10
x4
x3
x1
x2
x5
x1
x1
x3
x1
x40
x7
x4
x35
x1
x3
x3
x35
x4
x16
x1
x1
x1
x1
x4
x1
x6
x2
x8
x10
x2
x1
x1
x9
x1
x1
x28
x1
x5
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-7-18 07:05:37 | ดูโพสต์ทั้งหมด
16-07-2025 06.30 AM

I want to be your everything little darling



แสงแรกของรุ่งอรุณที่สาดส่องผ่านม่านหมอกควันและฝุ่นปูนไม่ได้นำพาความอบอุ่นมาสู่เมืองมารียูปอลเลยแม้แต่น้อย มันเพียงแค่ขับเน้นภาพความพินาศให้ชัดเจนขึ้นเท่านั้น อากาศยามเช้าเย็นเยียบและหนักอึ้งไปด้วยกลิ่นสนิมเหล็กและดินปืน

ชีวิตในสนามรบไม่มีเวลาสำหรับมื้อเช้าที่ละเมียดละไมหรือการนอนตื่นสาย การฝึกฝนของไนมีเรียเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับเสียงปืนที่ดังแว่วมาจากแนวหน้า หญิงสาว เลเวอเรทท์ และคริส เคลื่อนที่ไปตามซากอาคารอย่างเงียบกริบราวกับสามพรานในป่าคอนกรีต พวกเขาไม่ได้สนใจการสู้รบของมนุษย์ เป้าหมายของพวกเขาคือภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่ภายใต้ม่านหมอกเท่านั้น

แล้วมันก็ปรากฏตัวขึ้น

เสียงระเบิดที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันที่สี่แยกเบื้องหน้าไม่ได้มาจากปืนใหญ่ แต่มาจากการที่รถลำเลียงพลหุ้มเกราะคันหนึ่งถูกกระชากจนขาดเป็นสองท่อนด้วยใบมีดพลังงาน! ร่างของเดธแมชชีนสองตัวก้าวออกมาจากเปลวไฟที่ลุกโชน ดวงตาเลนส์สีแดงหลายดวงของพวกมันกวาดสแกนหาเป้าหมายใหม่

“สองตัวพร้อมกัน” คริสพึมพำผ่านระบบสื่อสารในหมวกเกราะ “เหมือนพวกมันจะอัปเกรดซอฟต์แวร์ให้ทำงานเป็นทีมแล้ว”

“งั้นเราก็ต้องทำงานเป็นทีมเหมือนกัน” เลเวอระทท์กล่าวเสียงเรียบ “ฉันจะเข้าปะทะตรงๆ คริส รบกวนระบบเซ็นเซอร์ของมันซะ ไนท์ หาจังหวะโจมตีที่เซลล์พลังงาน!”

สิ้นเสียงคำสั่ง ร่างสูงกำยำของบุตรแห่งแอรีสก็พุ่งทะยานออกไปราวกับกระทิงเปลี่ยว เขาใช้โล่รับลำแสงเลเซอร์ที่ยิงสวนมาได้อย่างไม่สะทกสะท้าน เสียงโลหะปะทะพลังงานดังสนั่นหวั่นไหว ดึงความสนใจของอสูรจักรกลทั้งสองมาที่เขาโดยสมบูรณ์

ในจังหวะนั้นเอง คริสก็ปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าขนาดเล็กออกจากข้อมือของเขา คลื่นพลังงานที่มองไม่เห็นกระแทกเข้าใส่ร่างของเดธแมชชีนตัวหนึ่งจนระบบเซ็นเซอร์ของมันเกิดอาการขัดข้อง มันหันไปยิงเลเซอร์ใส่พวกเดียวกันเองอย่างสับสน

นั่นคือโอกาสที่สตรีตาคมรอคอย! เธอพุ่งออกจากที่กำบังราวกับเงา ปืนอัจฉริยะในมือลั่นไกออกไปสองนัดซ้อน กระสุนสัมฤทธิ์สวรรค์พุ่งเข้าเจาะเซลล์พลังงานที่กำลังสว่างวาบอยู่กลางหน้าอกของเดธแมชชีนตัวที่กำลังถูกล่อโดยเลเวอเรทท์อย่างแม่นยำ!

เกิดเสียงระเบิดจากภายใน ร่างของมันกระตุกอย่างรุนแรงก่อนจะล้มลงแน่นิ่งไป ตัวที่เหลือกำลังจะหันกลับมา แต่ก็ถูกดาบของบุตรแห่งแอรีสฟาดเข้าที่ข้อต่อขาจนเสียหลัก และถูกลำแสงพลังงานของคริสยิงซ้ำจนระบบล่มไปอีกตัว

การต่อสู้จบลงอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพราวกับการซ้อมรบ

ทั้งสามถอยกลับมาตั้งหลักหลังซากกำแพงที่ยังคงสภาพดีอยู่ แสงอาทิตย์เริ่มทอแสงแรงขึ้น ขับไล่ความหนาวเย็นของยามเช้าออกไป เธอผู้นั้นหยิบไส้กรอกย่างที่ยังอุ่นๆ ซึ่งถูกถนอมด้วยมนตราออกมาจากกระเป๋าส่งให้เลเวอเรทท์สองสามชิ้น เขาพยักหน้ารับอย่างเงียบๆ แล้วเริ่มกินมันอย่างหิวกระหาย จากนั้นเธอก็หันไปหาคริส แล้วยื่นบางสิ่งให้เขา มันคือดอกกุหลาบสีน้ำเงินเข้มที่ดูสดใสราวกับเพิ่งเด็ดมาจากสวน กลีบของมันเปล่งประกายจางๆ ด้วยพลังเวท

“เป็นที่ระลึกสำหรับการมาเยือนสมรภูมิของคุณค่ะ รุ่นพี่” ว่าที่แม่มดสาวกล่าวด้วยรอยยิ้ม

คริสรับดอกกไม้มาถือไว้อย่างงงๆ เล็กน้อย “ขอบใจนะ.. ไม่เคยมีใครให้อะไรแบบนี้” เขากล่าว “มัน สวยดี”

ทว่า ช่วงเวลาแห่งความสงบสุขนั้นอยู่ได้ไม่นาน ที่ใจกลางของเมืองซึ่งเคยเป็นจัตุรัสขนาดใหญ่ พลันเกิดความโกลาหลขึ้นอีกครั้ง เดธแมชชีนอีกกลุ่มหนึ่งกำลังอาละวาด แต่ท่ามกลางร่างสีดำทะมึนของพวกมัน มีอสูรกายอีกตัวหนึ่งที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง

มันคือ ไคเมร่า โจทก์เก่าแดนอารีน่า..

หัวสิงโตของมันคำรามก้องจนอากาศสั่นสะเทือน หัวแพะที่อยู่กลางหลังร้องเสียงแหลมสูงน่ารำคาญ และหางที่เป็นงูของมันก็ชูคอขู่ฟ่ออย่างเกรี้ยวกราด เปลวเพลิงที่พ่นออกมาจากปากสิงโตหลอมละลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า

ทันทีที่ไนมีเรียเห็นมัน รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็พลันหายไป แววตาที่เคยขี้เล่นและเจ้าเล่ห์กลับกลายเป็นเย็นเยียบและแข็งกร้าวราวกับน้ำแข็งขั้วโลก ความทรงจำอันขมขื่นในลานประลองของแอรีสบนโอลิมปัสหวนกลับมาอีกครั้ง ความพ่ายแพ้ที่น่าอัปยศ การถูกหยุดยั้งเส้นทางสู่ชัยชนะโดยอสูรลูกผสมตัวนี้

“ตัวนั้น” เสียงของเธอเย็นชาและเฉียบขาดจนรุ่นพี่ทั้งสองต้องหันมามอง “เป็นของฉัน”

มันไม่ใช่คำขอร้อง แต่มันคือคำประกาศิต

โดยไม่รอคำตอบจากใคร ร่างอรชรก็กระโจนออกจากที่กำบังพุ่งตรงไปยังใจกลางของความโกลาหล เลเวอเรทท์กับคริสได้แต่มองตามด้วยความตกตะลึง

“เธอจะบ้าเหรอ! นั่นมันไคเมร่านะ!” คริสร้องออกมา

แต่ไนท์ไม่ฟัง เธอวิ่งหลบเลี่ยงการโจมตีของเดธแมชชีนราวกับสายลม เป้าหมายของเธอมีเพียงหนึ่งเดียว เธอไม่ได้ต่อสู้อย่างมีกลยุทธ์เหมือนปกติ แต่กลับเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดและแรงอารมณ์ที่ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มที่

เธอใช้ดาบฟาดฟันเข้าที่ขาของสิงโต ทำให้มันเสียหลัก ก่อนจะใช้มีดสั้นปักเข้าที่ดวงตาของหัวแพะจนมันร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด เธอไม่ได้พยายามจะฆ่ามันในทันที แต่กำลังทำให้มันทรมานอย่างช้าๆ

หางงูของมันพุ่งฉกเข้าใส่ แต่ถูกเธอคว้าไว้ได้ทัน มือที่วาดเฮนน่าจนเต็มบีบคอของมันอย่างแรงจนกระดูกแทบแหลกละเอียด!

ไคเมร่าคำรามอย่างบ้าคลั่ง มันพ่นไฟเข้าใส่เธอ แต่ธิดาแห่งเฮคาทีกลับใช้พลังเวทมนตร์สร้างม่านเงาสีดำขึ้นมาป้องกันได้อย่างน่าอัศจรรย์ ก่อนจะใช้แส้เงาที่ก่อตัวขึ้นจากความมืดฟาดเข้าใส่ร่างของมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า!

การต่อสู้นั้นดุเดือดและโหดเหี้ยมจนเดธแมชชีนที่อยู่รอบๆ ยังต้องถอยห่าง รุ่นพี่ทั้งสองที่คอยยิงสกัดให้จากระยะไกลได้แต่มองภาพนั้นด้วยความประหลาดใจระคนหวาดหวั่นเล็กน้อย

“ให้ตายเถอะ” เลเวอเรทท์พึมพำกับตัวเอง “ไม่เคยเห็นเธอเป็นแบบนี้มาก่อน ยังกับน้องสาวในบ้านฉัน”

“ฉันก็เหมือนกัน” คริสตอบ “ถ้าเลือกได้ อย่าไปทำให้ธิดาเฮคาทีโกรธจะดีกว่า”

การต่อสู้จบลงเมื่อไนมีเรียกระโดดขึ้นไปบนหลังของไคเมร่าที่อ่อนแรงลง แล้วใช้ดาบซิฟอสแทงทะลุหัวใจของหัวสิงโตจากด้านบน เลือดอสูรสีเข้มสาดกระเซ็นไปทั่วร่างของเธอ แต่เธอกลับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย

เมื่อร่างของไคเมร่าเริ่มสลายกลายเป็นผงธุลี เธอก็ยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางซากนั้น หอบหายใจอย่างหนักหน่วง ชัยชนะครั้งนี้ได้ลบล้างความอัปยศในอดีตของเธอจนหมดสิ้น

การฝึกภาคสนามในสมรภูมิได้สิ้นสุดลงแล้วอย่างแท้จริง

ช่วงบ่ายของวันนั้น หลังจากที่ทุกอย่างสงบลง คริสก็ตัดสินใจที่จะเดินทางกลับ “ฉันมีสอนคลาสยิงปืนพรุ่งนี้เช้า” เขากล่าวขณะที่ชุดเกราะชิลด์เมทค่อยๆ ประกอบตัวเองขึ้นมารอบตัวเขา “เจอกันที่ค่ายนะ แล้วคลาสปืนพ้นฐานขั้นสุดท้ายเรียนกับไฮด์ล่ะ ตอนขึ้นระกับสูงค่อยมาหาฉัน คราวนี้เอาจริงแล้ว” เขายิ้มบางๆ ก่อนที่ไอพ่นจะทำงานแล้วพาร่างของเขาพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าหายลับไป

ส่วนไนมีเรียและเลเวอเรทท์พวกเขาก็ได้เวลาเดินทางกลับเช่นกัน ทั้งสองอาศัยติดรถบรรทุกทหารคันหนึ่งที่กำลังจะเดินทางกลับไปรับเสบียงยังกรุงเคียฟ ร่างบางนั่งอยู่บนท้ายรถ มองภาพซากเมืองที่ค่อยๆ เล็กลงจนลับสายตาไป เธอได้บทเรียนมากมายจากสมรภูมิแห่งนี้ และที่สำคัญที่สุดคือในที่สุดก็ได้กู้คืนศักดิ์ศรีของตัวเองกลับคืนมาแล้ว

********

ฝึกกับเลเวอเรทท์ ฟรีมอนท์ 10/10 ภาคสนามปล่อยมาใช้ชีวิตในสงครามจริงแบบสับ
รางวัลการฝึกครบ 10 ครั้ง: +8 STR

[NPC-28] เลเวอเรทท์ ฟรีมอนท์
โบนัสความสัมพันธ์จากการพูดคุย +5 ใช้ชีวิตท่ามกลางหายนะ
มอบ ใส้กรอกย่าง + 20*2
กำไลมิตรประสาน : ทุกครั้งที่สนทนาคู่สนทนาจะรู้สึกถึงออร่าบางอย่างที่ทำให้รู้สึกคุ้นเคยและสนิทสนมกับคุณขึ้นเล็กน้อย ได้รับโบนัสพิเศษ +10 แต้ม (เฉพาะรุ่นพี่และเพื่อนเท่านั้น)
กิจกรรมฝึกฝนกับรุ่นพี่ : ในการฝึกแต่ละครั้งความสัมพันธ์กับ NPC รุ่นพี่ที่สังกัด x2 เฉพาะการมอบของ

[NPC-05] คริสโตเฟอร์ บราวน์
โบนัสความสัมพันธ์จากการพูดคุย +5 มาคับสู้ด้วยกันชั้นจะปิ้วๆ นาย
มอบ ดอกกุหลาบสีน้ำเงิน +40 ความสัมพันธ์
กำไลมิตรประสาน : ทุกครั้งที่สนทนาคู่สนทนาจะรู้สึกถึงออร่าบางอย่างที่ทำให้รู้สึกคุ้นเคยและสนิทสนมกับคุณขึ้นเล็กน้อย ได้รับโบนัสพิเศษ +10 แต้ม (เฉพาะรุ่นพี่และเพื่อนเท่านั้น)

*****

สินสงคราม: เดธแมชชีน
โลหะผสมพิเศษ (10 หน่วย) (ดรอปทุกกรณีไม่สุ่ม)
เซลล์พลังงาน (เลขไบต์ 6/9)
น้ำมันหล่อลื่น (เลขไบต์ 2/7)
แปลนเฮเฟตัส (เลขไบต์ 0)
เกราะไทเทเนียม (เลขไบต์ 8)
มอเตอร์ไฮดรอลิก (เลขไบต์อื่น ๆ ทั้งหมด)

สินสงครามพิเศษ: หากมีค่า LUK 100 หน่วย
เลขไบต์สุดท้าย (1) ได้รับ ปืนเลเซอร์พลังงาน
เลขไบต์สุดท้าย (5) ได้รับ ชิปประมวลผล AI
เลขไบต์สุดท้าย (3) ได้รับ โปรแกรม AI

พิชิตครั้งแรก: ไคเมร่า +2 ตื่นรู้ ล้างแค้นนน
สินสงคราม: เกล็ดงู (เลขไบต์ 0-3) เขี้ยวสิงโต (เลขไบต์ 4-6) ขนแพะ (เลขไบต์ 7-9)
 (LUK 80+ จะได้รับจำนวนเพิ่มขึ้นตามเลขไบต์รองสุดท้าย)



@God 

i'll melt your heart into two @HyeRi Codes

แสดงความคิดเห็น

God
+8 STR จากการฝึกครบ  โพสต์ 2025-7-20 19:27
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-28] เลเวอเรทท์ ฟรีมอนท์ เพิ่มขึ้น 55 โพสต์ 2025-7-18 10:03
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-05] คริสโตเฟอร์ บราวน์ เพิ่มขึ้น 55 โพสต์ 2025-7-18 10:02
โพสต์ 30953 ไบต์และได้รับ 24 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-18 07:05
โพสต์ 30,953 ไบต์และได้รับ +8 EXP +8 เกียรติยศ จาก Daedalus's Legacy  โพสต์ 2025-7-18 07:05

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ต้านทานเวทมนตร์
สื่อสารกับสุนัข
ไฟแช็ค
ปากกาหมึกซึม
กิ๊บติดผม
กล่องดนตรี
ตำราเวทมนต์เฮคาที
การควบคุมหมอกขั้นสูง
เข็มกลัดเฮคาที
ทักษะยิงปืน
แหวนดาราจรัส(D)
คิดค้นคาถา
เส้นทางลับ
เรียกอาวุธจากหมอก
กล้องถ่ายรูป
Daedalus's Legacy
กำไลมิตรประสาน
บันทึกโซเฟีย
ชุดบำรุงอาวุธ
การปลุกผี
การร่ายคาถา
ศาสตร์การปรุงยา
คบเพลิงเวท
ผลิตภัณฑ์กันแดด
แหวนจันทราทมิฬ
โล่อัสพิส
เกราะหนัง
ชุดเครื่องเพชร
รองเท้าส้นสูง
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
โรคสมาธิสั้น
แว่นกันแดด
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x1
x10
x2
x18
x9
x11
x16
x5
x5
x2
x4
x1
x1
x4
x1
x5
x2
x20
x10
x4
x3
x1
x2
x5
x1
x1
x3
x1
x40
x7
x4
x35
x1
x3
x3
x35
x4
x16
x1
x1
x1
x1
x4
x1
x6
x2
x8
x10
x2
x1
x1
x9
x1
x1
x28
x1
x5
x2
x2
x3
โหมดขั้นสูง
B Color Image Link Quote Code Smilies

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้