12
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
เจ้าของ: God

[เนินฮาล์ฟบลัด] อะธีน่า พาร์เธนอน

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2025-1-29 00:17:38 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Mackenzie เมื่อ 2025-1-29 00:30

Dean ตอบกลับเมื่อ 2025-1-19 04:45 282เราสามสี่คน (+1 ตัว) 18/01/2025 เวลา 07.00 น. ...
79. On my honor

-18.01.25  /  07:00AM.-


[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]


แล้วก็มาถึงวันออกเดินทาง 


หลังจากเมื่อคืนตรวจตราสัมภาระว่าไม่ลืมอะไรแน่ ๆ แล้วแมคเคนซีก็เข้านอน ทั้งที่ตั้งใจว่าจะหลับเอาแรงเพื่อให้พร้อมสำหรับการเดินทางไกลแล้วแท้ ๆ แต่อาจเป็นเพราะความตื่นเต้นหรือความกังวลลึก ๆ ภายในใจก็ตามแต่ เขาจึงได้แค่นอนมองหน้าดีนที่หลับไปก่อนหลายชั่วโมงเพียงเงียบ ๆ กว่าจะข่มตาลงได้ก็เล่นเอานานอยู่เหมือนกันจนแทบลืมตื่นในตอนเช้าหากไม่ได้นาฬิกาปลุกจากมือถือของคนรักช่วยเอาไว้


เมื่อออกมาจากบ้านหมายเลข 20 ดีนขอแยกไปคอกม้าเพื่อไปหาเพกาซัสนามว่า ‘ควีน’ ซึ่งเจ้าตัวไปจับมาได้เมื่อตอนพวกเขาไปลอนดอนด้วยกัน อันที่จริงเรียกว่าจับก็ไม่ถูก จากที่ดีนเคยเล่าให้ฟังว่าไปช่วยทำแผลให้เพกาซัสตัวนั้นแล้วยื่นข้อเสนออะไรสักอย่างที่น่าสนใจให้ ม้าสาว (?) จึงได้ตกลงปลงใจบินจากเมืองหลวงอังกฤษมาถึงลองไอแลนด์และเลิกพยศ ยอมเป็นม้าเลี้ยงของดีนในคอกแต่โดยดี


เดมิก็อดหนุ่มบุตรแห่งเฮคาทีหอบกระเป๋าสัมภาระมารอตรงจุดนัดพบที่บริเวณประตูทางเข้าค่าย เวลานี้นอกจากเขาแล้วก็ยังไม่มีใครมา ดวงตาสีฮาเซลมองรอบ ๆ จนกระทั่งมาหยุดที่รูปปั้นอะธีน่า พาร์เธนอน ตัวแทนเทพีอะธีน่าสัญลักษณ์แห่งความเฉลียวฉลาดและไหวพริบ และหากจำไม่ผิดจากหนังสือที่เขาเคยอ่าน เทพีผู้ชาญฉลาดยังถือเป็นนักรบที่กล้าหาญด้วย ซึ่งเรื่องนี้แมคเคนซีได้เห็นมากับตาตนเองแล้วเมื่อช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา รูปปั้นตรงหน้าเขาต่อสู้กับเทพโลกิที่ชักนำฝูงอสุรกายมาบุกค่ายอย่างไม่หวั่นเกรง


“อรุณสวัสดิ์ครับเทพีอะธีน่า…”


นึกแปลกใจตนเองเหมือนกันที่อยู่ ๆ ก็ทักทายรูปปั้น แต่อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้เขาเริ่มพูดคุยกับมารดาผ่านประติมากรรมที่บ้านและส่งของผ่านเตาผิงที่โรงอาหารบ่อยขึ้นจึงไม่ได้รู้สึกกระดากที่ต้องสนทนาคนเดียวเหมือนแต่ก่อน


“ถึงจะผ่านมาได้เกือบเดือนแล้วแต่ผมยังไม่ได้ขอบคุณท่านเลย ขอบคุณนะครับที่ช่วยปกป้องค่ายและทุกคนในฮาล์ฟบลัดเมื่อช่วงสิ้นปีไว้ สงครามวันนั้นหนักหนามากจริง ๆ หากไม่ได้ท่านคอยช่วยต่อสู้กับเทพโลกิ เหตุการณ์อาจย่ำแย่กว่านี้ก็ได้…”


“แล้วก็ขอบคุณที่คอยช่วยดูแลปกป้องค่ายฮาล์ฟบลัดมาตลอดนะครับ ความเก่งและกล้าหาญของท่านน่านับถือมากทีเดียว หากว่าผมในตอนนี้มีความกล้ามากกว่านี้ก็คงดี…”


ถอนหายใจออกมาบาง ๆ แน่นอนว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้สบายใจขึ้น เขาไม่ชอบความรู้สึกของตัวเองในช่วงนี้เอาซะเลย ไม่เข้าใจแม้แต่น้อยว่ากำลังกังวลอะไร สำหรับเดมิก็อดหลาย ๆ คนคงคิดว่าการได้ออกไปทำภารกิจเป็นการผจญภัยอันน่าตื่นเต้น เป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่นำไปสู่การพัฒนาตนเอง แต่สำหรับแมคเคนซีแล้วการออกไปทำภารกิจนั้นเต็มไปด้วยอันตรายและสิ่งที่ยากจะคาดเดา แม้เคยออกไปทำภารกิจมาบ้างแล้วแต่ก็ยังไม่คุ้นชิน ซึ่งครั้งนี้ถือว่ายากลำบากที่สุดตั้งแต่เจอมาเนื่องจากเขาไม่สามารถย่นเวลาการเดินทางโดยใช้รถไฟเฮเฟตัสหรือขึ้นเครื่องบินได้


แต่ก็อย่างว่า…ทุกอย่างย่อมมีครั้งแรกเสมอ ถ้าไม่ลองไปให้สุดดูสักตั้งแล้วจะรู้ความสามารถที่แท้จริงของตัวเองได้ยังไง


“วันนี้ผมกำลังจะออกเดินทางไปทำภารกิจครับ มีคนรอความช่วยเหลือจากผมอยู่ ไม่ว่ายังไง…หรือด้วยวิธีไหน ด้วยเกียรติของผม ผมสัญญาว่าจะช่วยให้เขาปลอดภัย และจะพาทุกคนในทีมกลับมาถึงค่ายโดยสวัสดิภาพให้ได้”


ดวงตาสีฮาเซลฉายแววมุ่งมั่นเมื่อยามจ้องมองดวงหน้าของรูปปั้นเทพีแห่งปัญญา หลังก้าวออกจากค่ายไปก็หมดเวลาที่จะมัวมากลัวหรือกังวลอีกต่อไป มีแต่ต้องมุ่งหน้าไปเท่านั้น


“อรุณสวัสดิ์คุณลินคอล์น มารอนานแล้วหรือยัง”


เสียงทักทายจากเบื้องหลังเรียกให้แมคเคนซีหันกลับมามอง คีธกับรูบี้ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมทีมกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ แต่ละคนล้วนหอบหิ้วกระเป๋าสัมภาระส่วนตัวมาด้วย ชายหนุ่มในทีมเพียงคนเดียวจึงช่วยหยิบกระเป๋าถือในมือของหญิงสาวตัวเล็กแห่งบ้านแอรีสมาช่วยถือใบนึง


“ลำบากศิษย์น้องแล้ว รบกวนด้วย”


แม้จะไม่ค่อยเข้าใจภาษาของเธอเท่าไหร่ แต่ท่าทีไม่ปฏิเสธนั้นทำให้แมคเคนซีเหมารวมไปว่าเป็นคำขอบคุณแบบอ้อม ๆ ของรูบี้ เขาจึงยิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะหันไปคุยกับคีธ


“เอาชุดปฐมพยาบาลมาด้วยเลยเหรอ เตรียมพร้อมดีนะ”


“เผื่อฉุกเฉินไงล่ะ ไม่มีใครบอกได้หรอกว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นเมื่อไหร่”


แพทย์สาวเหลือบมองกระเป๋าปฐมพยาบาลขนาดใหญ่ที่สะพายไว้ข้างตัว ไม่รู้ว่าภายในนั้นบรรจุยาหรือเวชภัณฑ์ที่จำเป็นอะไรไว้บ้าง แต่ดูเหมือนเธอค่อนข้างจัดระเบียบสัมภาระได้ดี นอกจากเป้ใบโตที่สะพายหลังแล้วก็มีกระเป๋าปฐมพยาบาลอีกใบหนึ่งเท่านั้น ซึ่งแมคเคนซีเองก็พยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดนี้


“แล้วบุตรแห่งโพไซดอนผู้นั้นล่ะ เห็นว่าจะออกเดินทางพร้อมพวกเราไม่ใช่เหรอ”


ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่เหมือนว่าหญิงสาวเชื้อสายจีนจะดูสนใจคนรักเขาเป็นพิเศษ ตอนที่แมคเคนซีบอกว่าดีนจะเดินทางไปที่สถานีรถไปด้วย เธอก็ดูกระตือรือร้นขึ้นมา


“ดีนไปคอกม้าน่ะ หมอนั่นจะพาเพกาซัสเดินทางไปด้วย เดี๋ยวก็ตามมา”


พอบอกแบบนั้นรูบี้จึงพยักหน้าเข้าใจ แล้วพวกเขาก็ยืนรอดีนพลางคุยเรื่องแผนการเดินทางกันไปด้วย

.


.


.

-07:30AM.-


[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]


รออยู่ไม่นานนักดีนก็ออกจากประตูค่ายมาสมทบตรงหน้ารูปปั้นอะธีน่า พาร์เธนอน ยังไม่ทันที่แมคเคนซีจะอ้าปากแนะนำตัวคนรักให้รู้จักกับเพื่อนใหม่ อีกฝ่ายก็ชิงแนะนำตัวเองไปเสียก่อน 


“ฮาย ทุกคน ขอบคุณที่รอนะ ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันดีน นีล เป็นแฟนของแมคซี่เอง”


หนุ่มอังกฤษอมยิ้มกับประโยคแนะนำตัวของคนรัก เขาไม่ได้ซีเรียสเวลาที่ดีนบอกใครต่อใครถึงสถานภาพของพวกเขา ตรงกันข้ามกลับยินดีเสียด้วยซ้ำที่อีกฝ่ายไม่คิดจะปกปิด


[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]


คีธแนะนำตัวด้วยท่าทางเป็นมิตร ส่วนรูบี้…แม้จะมีสีหน้าเรียบนิ่งจนดูเหมือนเป็นคนหยิ่ง แต่แมคเคนซีก็ค้นพบว่าหากไม่นับการพูดจาที่เหมือนหลุดออกมาจากหนังจีนกำลังภายในจนยากแก่การเข้าใจแล้ว เธอก็ไม่ใช่คนถือตัวแม้แต่น้อย จนกระทั่งเมื่อดีนทักขึ้นมา แมคเคนซีจึงมองที่ใบหน้าหญิงสาวเชื้อสายจีนด้วยความสงสัย แต่รูบี้กลับเบือนหน้ามองไปทางอื่นเสียแล้ว


“ขออภัย แค่คิดว่า... หากมีโอกาสอยากขอให้คุณช่วยชี้แนะ”


คำตอบของรูบี้ไม่ได้ช่วยคลายความสงสัยมากเท่าไหร่ แน่นอนว่าวงสนทนาตกอยู่ในความเงียบชั่วครู่ จนกระทั่งดีนตอบไปในเชิงปฏิเสธ แมคเคนซีจึงพอเข้าใจว่า ‘ชี้แนะ’ ที่รูบี้พูดนั้นหมายความว่าอะไร แต่ที่น่าแปลกใจไม่แพ้กันคือ คนรักเขาพูดภาษาในหนังจีนรู้เรื่องซะด้วย


“พวกเราพร้อมเดินทางกันหรือยัง?”


แต่ก็เหมือนว่าบุตรแห่งโพไซดอนคงไม่ได้ถนัดสนทนาภาษาแห่งวงการยุทธภพแดนมังกรนักจึงรีบเปลี่ยนมาคุยเรื่องการเดินทางแทน


“พร้อมแล้ว ไปกันเลยก็ได้”


แมคเคนซีพยักหน้ารับ เมื่อทุกคนแนะนำตัวทำความรู้จักกันเรียบร้อยพอสมควรแล้วก็ได้เวลาเดินทางกันเสียที


[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]


“ไม่เรียกแท็กซี่สามพี่น้องสีเทาเหรอ ?”


“ไม่เด็ดขาด !”


หลังจากรูบี้ถามถึงแท็กซี่สามพี่น้องสีเทา ดีนกับคีธก็โพล่งขึ้นมาเป็นเสียงเดียวกันแทบจะทันทีจนแมคเคนซีสงสัย


“ทำไมล่ะ ฉันเคยได้ยินว่าแท็กซี่สามพี่น้องสีเทาช่วยประหยัดเวลาเดินทางไปได้เยอะไม่ใช่เหรอ”


[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]


“แบบที่ฉันเคยเล่านั่นแหล่ะ ไอ้แท็กซี่บ้านั่นไปถึงไทม์แสควร์ได้ภายในครึ่งชั่วโมงอยู่หรอก แต่อย่าหาทำถ้ายังไม่อยากตาย ฉันกลัวว่าพวกเราจะซี้ม่องเท่งกันก่อนจะได้ไปทำภารกิจ”


เมื่อได้ฟังที่ดีนอธิบายแมคเคนซีก็ร้อง “อ้อ….” เบา ๆ พร้อมกับพยักหน้าช้า ๆ ยิ่งคีธเสริมมาว่า “เสี่ยงตายได้” ก็รู้แล้วว่าเขาไม่ยังไม่ควรลองขึ้นแท็กซี่ในตำนาน (?) นั่นในตอนนี้ พอเหลือบมองรูบี้ก็เหมือนจะเห็นใบหน้างดงามนั่นง้ำงอนิดหน่อย อาจจะงอนที่โดนขัดใจเข้าล่ะมั้ง


หลังตกลงกันได้ว่าพวกเขาจะเริ่มต้นจากนั่งรถไฟ LIRR ไปเพนน์สเตชั่นซึ่งเป็นสถานีที่กลุ่มของแมคเคนซีจะไปต่อรถไฟแอ็มแทร็กสายที่จะเดินทางไปยังเมืองซีแอตเทิลซึ่งมีอาณาเขตติดต่อกับเมืองแวนคูเวอร์ของประเทศแคนาดาแล้ว ในตอนแรกเขานึกว่าดีนจะโดยสารต่อไปยังสถานีแกรนด์เซ็นทรัลที่อยู่ถัดไป แต่อีกฝ่ายกลับบอกว่าจะแวะไปย่านโซโหก่อนเสียอย่างนั้น


“หือ นายมีธุระที่โซโหงั้นเหรอ”


หนุ่มอังกฤษถามอย่างแปลกใจ ก่อนหน้านี้ดีนไม่เคยบอกมาก่อนว่าจะไปแวะที่ไหน หรือว่ามีเรื่องอะไรกระทันหันหรือเปล่านะ


[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]


แล้วก็ต้องยิ่งแปลกใจไปกันใหญ่กับคำตอบของคนรักที่บอกให้เขาไปที่โซโหด้วยกัน ซ้ำยังบอกว่า “เป็นเรื่องสำคัญ” ก็ยิ่งชวนให้สงสัยเข้าไปใหญ่ ดีนคงไม่ได้คิดจะถือเอาวันที่พวกเขาทั้งคู่ต้องแยกย้ายกันเป็นฤกษ์งามยามดีขอเขาแต่งงานหรอกใช่ไหม 


‘แต่ทำไมถึงต้องเป็นที่โซโหกันล่ะ’


ยิ่งหาเหตุผลก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองช่างเพ้อเจ้อเสียเหลือเกิน จึงต้องรีบสะบัดหัวไล่ความคิดนั้นไป หรือนี่คือสาเหตุที่ดีนไม่ยอมออกเดินทางไปนีออมก่อนแล้วรอเขาที่ต้องเตรียมตัวเรื่องภารกิจมาจนถึงป่านนี้กันนะ ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้น ธุระที่อีกฝ่ายพูดถึงก็คงเป็นเรื่องที่สำคัญจริง ๆ


เมื่อสองสาวจากบ้านฮีบี้และบ้านแอรีสรับรู้แล้วก็ได้เวลาออกเดินทางกันสักที ท่อนแขนซึ่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามของดีนควงเข้าที่แขนของแมคเคนซีแล้วพาออกเดินนำไปยังสถานีรถไฟ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่าวันนี้คนรักของเขาทำตัวแปลก ๆ แต่ก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าแปลกตรงไหน ที่แน่ ๆ คือหางตาของบุตรแห่งบ้านเฮคาทีเหลือบไปเห็นคีธยกมือขึ้นป้องปากแล้วหลุดขำเล็กน้อยราวกับสังเกตเห็นอะไรบางอย่างเช่นกันขณะเดินตามพวกเขามา


[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]


กว่าจะเดินทางไปถึงสถานีเพนน์ หรือที่มีชื่อเต็มว่าสถานีรถไฟเพนซิลเวเนียก็ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงกว่า แมคเคนซีมองคนข้าง ๆ ที่นอนหนุนไหล่เขาต่างหมอน หากดูไม่ผิดเมื่อคืนเขาเห็นดีนหลับสนิทจนเรียกได้ว่าน่าจะได้นอนเต็มอิ่มแท้ ๆ แต่ทำไมหลังจากขึ้นรถไฟมาได้ไม่กี่สถานีอีกฝ่ายก็ถึงได้นอนต่อราวกับไปอดหลับอดนอนที่ไหนมา ซึ่งคนนอนน้อยตัวจริงอย่างแมคเคนซีก็ไม่อยากเสียเวลาคิดให้มากความ ขณะที่ดูทิวทัศน์ข้างทางไปได้สักพักเขาก็เอนศีรษะพิงเข้ากับเส้นผมสีดำสนิทของดีนแล้วผล็อยหลับตามไป

.


.


.

“เดี๋ยวฉันกับแมคซี่จะขอไปที่โซโหกันต่อล่ะ พวกเธอเอาไงกันต่อ ? จะไปด้วยไหม หรือว่ารอแถวนี้”


ดีนหันมาถามหญิงสาวทั้งสองคนหลังจากที่พวกเขามาถึงสถานีเพนน์ ซึ่งแน่นอนว่าคีธปฏิเสธและนัดแนะสถานที่ใกล้ ๆ สถานีไว้เพื่อเป็นจุดนัดพบหลังจากพวกเขาทำธุระที่โซโหเสร็จก่อนจะพารูบี้แยกตัวออกไป


“ไปกันที่รัก เราขึ้นซับเวย์ไปที่โซโหกันต่อ”


“โอเค ดีน…ฉันว่าวันนี้นายดูแปลก ๆ นะ มีเรื่องอะไรในใจหรือเปล่า”


แมคเคนซีมองรอยยิ้มหวานจับใจจนตาแทบปิดของดีน มันยังงดงามและดูดีสำหรับเขาเสมอ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีบางอย่างเล็ก ๆ ที่บอกว่าไม่ปกติให้ติดใจสงสัยจึงลองถามออกไป แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาคือ


“ไม่มีอะไรนี่ นายคิดมากไปแล้วที่รัก”


พร้อมกับเสียงหัวเราะทุ้ม ๆ ของอีกฝ่าย ซึ่งเขาอยากจะเชื่อว่าเป็นแบบนั้น 


 ‘มันอาจไม่มีอะไรจริง ๆ ก็ได้’ 


อย่างน้อยเขาก็ไม่อยากผิดใจอะไรก็ตามกับคนรักก่อนจะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง แมคเคนซีภาวนาให้เป็นแบบนั้นพลางเดินเคียงข้างดีนไปขึ้นรถไฟใต้ดินเพื่อเดินทางไปยังย่านโซโหต่อ




“ข้า แมคเคนซี คลอดด์ ลินคอล์น ขอถวายเกียรติยศแก่เหล่าเทพ แก่เทพีอะธีน่า เทพีแห่งปัญญา”

จำนวนเกียรติยศที่มอบให้   5,000


BELIEVER (ผู้ศรัทธาเหล่าเทพ)  :  โบนัสเพิ่มความโปรดปราน +15


@God 

—Hakrabi

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ 150 EXP โพสต์ 2025-1-29 10:27
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [God-08-1] อะธีน่า เพิ่มขึ้น 40 โพสต์ 2025-1-29 10:27
God
คุณได้รับ --5000 เกียรติยศ โพสต์ 2025-1-29 10:26
โพสต์ 99652 ไบต์และได้รับ 54 EXP!  โพสต์ 2025-1-29 00:17
โพสต์ 99,652 ไบต์และได้รับ +10 EXP +15 ความศรัทธา จาก ควบคุมหมอก  โพสต์ 2025-1-29 00:17
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Hydro X
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
แจ็คเก็ต YANKEES
รองเท้าเซฟตี้
น้ำหอม Unisex
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
สร้อยข้อมือถัก
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x13
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x15
x15
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x2
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x2
โพสต์ 2025-2-22 11:13:45 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Cooper เมื่อ 2025-2-22 11:24

Activity Form

21/02/25  11.30 น. -  12.00 น.


บทที่ 52


ดวงอาทิตย์ยามเที่ยงตรงทอแสงแรงกล้า คูเปอร์เหยียดแขนพลางสูดหายใจลึก มันเป็นอีกวันที่ลมจากชายฝั่งพัดโชยมาเบาๆ ทำให้รู้สึกเย็นขึ้นไปอีกนอกเหนือจากอากาศฤดูหนาว แม้ว่าเขาจะชอบบรรยากาศครึกครื้นของค่าย แต่บางครั้งการได้เดินทอดน่องคนเดียวโดยไม่มีเสียงดาบกระทบกันหรือเสียงฝีเท้าของเหล่าเดมิก็อดที่วิ่งอย่างเร่งรีบก็เป็นอะไรที่น่าพอใจไม่น้อย  


เท้าก้าวขึ้นเนิน ฮาล์ฟบลัดแห่งนี้ยังคงเงียบสงบ  ท้องฟ้าไร้ซึ่งเมฆบดบัง และที่เบื้องหน้าของชายหนุ่ม อาธีน่า พาร์เธนอน ตั้งตระหง่าน ประหนึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่นี้มาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ (หากไม่นับความจริงที่ว่ามันพึ่งได้ถูกนำมาตั้งตรงนี้ไม่ถึงร้อยปีด้วยซ้ำ)


ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ คูเปอร์ยิ่งรู้สึกได้ถึงความอลังการของรูปปั้นที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่เทพีแห่งปัญญา แสงอาทิตย์สะท้อนกับสีทองของรูปปั้น แทบจะทำให้ดวงตาของเขาหรี่ลงโดยอัตโนมัติ มันยืนสูงเด่นเกินกว่าที่จะมองข้าม ไม่ว่าใครที่เดินเข้ามาในบริเวณนี้ก็ต้องเผลอรู้สึกไปว่ากำลังถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลา  


"ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะรู้สึกกดดันอะไรหรอกนะครับ" เขาพึมพำ พลางจ้องมองใบหน้าสงบนิ่งของรูปปั้น องค์เทพีมองตรงมาด้วยสายตาที่ดูจะไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ แต่ในขณะเดียวกันกลับให้ความรู้สึกเหมือนกำลังประเมินอะไรบางอย่างอยู่  


ชายหนุ่มเอียงศีรษะ จ้องสบตากับดวงตาของรูปปั้น "รู้ไหม? ถ้ารูปปั้นนี้พูดได้ ผมว่าคุณคงตำหนิผมทุกวันเรื่องความไม่มีระเบียบของห้องนอนแน่ ๆ"  


สายลมพัดผ่านพอให้รู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวเงียบไปพักหนึ่ง  


"แต่แม่ไม่พูดไง" เจ้าของดวงตาสีเทาเหยียดยิ้ม พลางยกมือขึ้นลูบปลายคางตัวเองราวกับกำลังพินิจพิเคราะห์บางอย่าง "ดังนั้นเราจะถือว่าแม่เห็นด้วยกับผมละกัน"  


แน่นอนว่าไม่มีเสียงตอบกลับ นอกจากเสียงกระพือปีกของนกตัวหนึ่งที่บินผ่านยอดของรูปปั้นไป  


คูเปอร์ถอนหายใจ เดินไปหย่อนตัวลงบนโขดหินที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากฐานของรูปปั้น ทอดสายตามองทิวทัศน์รอบตัว ค่ายแห่งนี้มีเรื่องราวมากมายซ่อนอยู่ในทุกซอกทุกมุม ทั้งเรื่องเล่าจากวีรบุรุษที่ผ่านไป และเรื่องราวของคนที่ยังคงอยู่  


"บางทีผมก็สงสัยนะ" เขาพูดขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งที่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น "หากรูปปั้นของแม่มีชีวิตจริงๆ คุณจะพูดอะไรกับพวกเรา? จะตำหนิ หรือจะให้คำแนะนำ? หรือคุณจะนั่งฟังเฉยๆ เหมือนอย่างตอนนี้?"  


ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อยให้กับตัวเอง นิสัยพูดคนเดียวของเขาไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หากอยู่ในโรงละครก็คงจะเรียกว่าการรำพึงรำพันเป็นฉากเด่นของตัวละครเอกก็ว่าได้  


เขายกมือขึ้นบังแสงอาทิตย์ มองดูเมฆก้อนเล็ก ๆ ที่ลอยอยู่ไกลออกไป วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใสเป็นพิเศษ ราวกับไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น หรืออย่างน้อยก็ยังไม่มี


คูเปอร์ทอดสายตามองรูปปั้นตรงหน้า พลางพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ ขยับเสื้อแจ็กเก็ตให้เข้าที่ก่อนจะยืนกอดอกจ้องดวงตารูปปั้นที่มองตรงมา "โอเค เรามาคุยกันหน่อย"  


แน่นอนว่าไม่มีคำตอบกลับมา แต่ชายหนุ่มไม่ได้คาดหวังว่าจะมีอยู่แล้ว  


"คุณรู้ไหมว่าเวลาผมเดินผ่านที่นี่ ผมรู้สึกยังไง?" เขายกคิ้วขึ้นเล็กน้อยขณะมองรูปปั้นสูงตระหง่าน "มันเหมือนกับกำลังเข้าร่วมการสอบไล่วิชาปรัชญาที่ผมไม่เคยเตรียมตัวมาก่อนเลยสักครั้ง แล้วอาจารย์ก็ดันเป็นเทพีแห่งปัญญาซะด้วย"  


เงียบ... มีแค่เสียงลมพัดผ่าน  


"แน่นอน แม่คงกำลังคิดว่าผมพูดมากไป" คูเปอร์ยักไหล่ เดินวนไปรอบฐานของรูปปั้นเล็กน้อย "แต่ช่วยไม่ได้ ผมเป็นคนแบบนี้ และเอาจริงๆ นะ บางทีก็แอบคิดว่าถ้าคุณมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ เราจะคุยกันได้รู้เรื่องมั้ย?"  


  


เขาหัวเราะกับตัวเองก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโขดหินข้างๆ "พูดตรงๆ นะ ผมไม่ได้เกลียดที่นี่หรอก รูปปั้นของแม่ มันยิ่งใหญ่มาก น่าเกรงขามสุดๆ แบบที่ไม่ว่าผมจะเดินผ่านกี่ครั้งก็ต้องหยุดมองทุกที"  


เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเท้าคางกับมือ มองขึ้นไปยังใบหน้าของเทพีอีกครั้ง "แต่บางที...ผมก็อยากให้แม่พูดอะไรออกมาจริงๆ นะ จะตำหนิ จะให้คำแนะนำ หรือแค่ถามว่า ‘วันนี้เป็นยังไงบ้าง?’ ผมก็ยังจะดีใจเลย"  


สายลมพัดผ่านอีกครั้ง ครั้งนี้มันเย็นกว่าเดิมเล็กน้อย หรืออาจจะเป็นเพราะเงาของรูปปั้นที่ทอดมาบดบังแสงแดดบางส่วน  


"รู้ไหม เดี๋ยวนี้เวลาผมต้องตัดสินใจอะไรสำคัญ ๆ ผมก็เดินมาที่นี่เสมอ" คูเปอร์พูดพลางใช้ปลายรองเท้าขีดเขียนอะไรบางอย่างลงบนดิน "ไม่รู้ทำไม อาจจะเป็นเพราะคุณดูฉลาดสุด ๆ หรืออาจจะเป็นเพราะไม่มีใครมาที่นี่บ่อยเท่าผม ผมก็เลยได้ที่สงบๆ ไว้คุยกับตัวเอง"  


เขายกนิ้วขึ้นมาชี้ไปที่รูปปั้น "แม่น่ะ เป็นผู้ฟังที่ดีที่สุดที่ผมเคยมีเลยนะ"  


เงียบอีกครั้ง มีเพียงเสียงของใบไม้เสียดสีกันตามแรงลม คูเปอร์เอนตัวไปด้านหลังพิงกับก้อนหินก่อนจะทอดสายตามองท้องฟ้า "แต่ถ้าให้พูดจริงๆ ผมก็ยังคงสงสัย..."  


เขาชะโงกตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย จ้องใบหน้าสงบนิ่งของเทพีด้วยแววตาครุ่นคิด "แม่เคยยิ้มจริง ๆ ไหมครับ?"  


แน่นอน ไม่มีคำตอบกลับมา  


"บางที ถ้าคุณมีชีวิตขึ้นมาจริง ๆ ผมอาจจะลองเล่าเรื่องตลกให้คุณฟังบ้างก็ได้นะ" คูเปอร์หัวเราะพลางยกมือขึ้นลูบคาง "แต่เดี๋ยวสิ คุณจะขำเหรอ? หรือคุณจะมองหน้าผมแบบ ‘ไร้สาระ’ แล้วเดินหนีไปเลย?"  



เขาส่ายหน้าให้ตัวเองก่อนจะลุกขึ้นปัดฝุ่นออกจากกางเกง "เอาล่ะ ผมไม่อยากรบกวนเวลาของคุณไปมากกว่านี้"  



"เอาล่ะ" คูเปอร์ลุกขึ้น ยืดเส้นยืดสายเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปมองรูปปั้นอีกครั้ง "ถึงเวลาที่ผมจะไปหาบางอย่างทำก่อนที่จะถูกลากไปทำอะไรที่อันตรายกว่าการเดินเล่นแถวนี้"  


เขาเอื้อมมือไปแตะที่ฐานของรูปปั้นเบาๆ ราวกับเป็นการบอกลา จากนั้นจึงหมุนตัวก้าวเดินกลับลงเนิน โดยไม่ลืมที่จะเหลียวกลับไปมองเป็นครั้งสุดท้าย ราวกับอยากให้แน่ใจว่ารูปปั้นนั้นยังคงอยู่ที่เดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง  


และแน่นอนว่าอาธีน่า พาร์เธนอน ยังคงตั้งอยู่เช่นเดิม  


และเป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกเหมือนรอยยิ้มของรูปปั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย หรือมันอาจจะเป็นแค่จินตนาการของเขาเองก็ได้





ข้า คูเปอร์ โจนส์ ขอมอบศรัทธาต่อเหล่าเทพ แก่ เทพี อะธีน่า เทพีแห่งปัญญาและสงคราม



จำนวนศรัทธาที่มอบให้: 1000




ข้า คูเปอร์ โจนส์ ขอถวายเกียรติยศแก่เหล่าเทพ แก่เทพี อะธีน่า เทพีแห่งปัญญาและสงคราม



จำนวนเกียรติยศที่มอบให้: 1000



ผู้โปรดปรานเหล่าเทพ โบนัสความโปรดปราน +15



Heroes โบนัสความโปรดปราน +25

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [God-08-1] อะธีน่า เพิ่มขึ้น 50 โพสต์ 2025-2-22 11:43
God
คุณได้รับ --1000 ความศรัทธา โพสต์ 2025-2-22 11:43
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [God-08-1] อะธีน่า เพิ่มขึ้น 45 โพสต์ 2025-2-22 11:42
God
คุณได้รับ 30 EXP โพสต์ 2025-2-22 11:42
God
คุณได้รับ --1000 เกียรติยศ โพสต์ 2025-2-22 11:42
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลง
พริบตาแห่งวีรชน
ปัญญาแห่งการรบ
ร่างจำแลง
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กลยุทธ์การรบ
ยาดม
สายตาแห่งนกฮูก
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
แว่นกันแดด
กำไลหินนำโชค
หมวกเกราะ
เกราะหนัง
โล่อัสพิส
หอกกรีก
อัจฉริยะ
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
รองเท้าเซฟตี้
ต่างหูเงิน
น้ำหอมบุรุษ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x10
x20
x4
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x3
x1
x1
x4
x5
x1
x2
โพสต์ 4 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด
84. The end of aurora borealis mission

-11.02.25  /  06:42PM-


หลังจากใช้เวลาเดินทางโดยรถบัสอีกสามชั่วโมงกว่าและเดินมาจนถึงหน้าประตูค่ายก็เข้าสู่ช่วงเวลาเย็นย่ำแล้ว ในที่สุดทีมทำภารกิจล่าแสงเหนือ (ซึ่งที่จริงชื่อยาวกว่านี้) ก็กลับมาถึงค่ายฮาล์ฟบลัดโดยสวัสดิภาพ อาจถือว่ายังดีก็ได้ที่ตอนนี้โลกยังอยู่ในปรากฏการณ์รัติกาลสาปสูญ แม้พวกเขาจะมาถึงเวลาใกล้ค่ำแต่ท้องฟ้าก็ยังสว่างจ้าราวกับเที่ยงวัน จึงไม่ต้องคอยระวังเหล่าอสุรกายที่มักจะแฝงตัวมากับความมืดดักลอบโจมตี


“กลับมาถึงกันจนได้นะพวกเรา เดินทางกันแค่ไม่ถึงเดือนแต่รู้สึกเหมือนยาวนานเป็นปีเลย”


คีธยิ้มเล็กน้อยพลางพูดติดตลกในขณะที่พวกยืนอยู่ตรงหน้ารูปปั้นอะธีน่า พาร์เธนอน ซึ่งสมาชิกในทีมก็เห็นด้วยกับคำพูดนั้น


“อย่างไรเสียเราก็ถือว่าเป็นมิตรกันแล้ว หากมีโอกาสก็หาเวลามาร่วมโต๊ะทานอาหารกันบ้างล่ะ”


รูบี้บอกแล้วกระแอมไอเล็กน้อย เป็นที่รู้กันดีว่าธิดาเทพแอรีสผู้นี้ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนในค่ายเท่าไหร่ การที่เธอเอ่ยปากชวนก่อนจึงเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายอย่างยิ่ง แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี


“ได้แน่นอน คุณลินคอล์นจะชวนคุณนีลมาด้วยก็ได้นะ”


คีธขยิบตาให้อย่างรู้ทัน แม้จะเป็นคนเงียบ ๆ แต่คุณหมอสาวก็ช่างสังเกตไม่น้อย เธอคงจับอารมณ์ความรู้สึกหึงหวงของดีนได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน แต่ถึงอย่างนั้นเธอเองก็ดูยินดีที่จะทำความรู้จักบุตรแห่งมหาเทพโพไซดอนและรับแฟนของเพื่อนเพิ่มเข้ามาเป็นเพื่อนอีกคนหนึ่ง 


เช่นเดียวกันกับรูบี้ที่เมื่อได้ยินชื่อดีน ดวงตาทรงอัลมอนด์ของเธอก็เหมือนจะเปล่งประกายขึ้นเล็กน้อย แต่เป็นประกายของการต่อสู้ ซึ่งแมคเคนซีมารู้ทีหลังเพราะมีช่วงหนึ่งของการเดินทางรูบี้มักจะคอยถามเกี่ยวกับดีนบ่อย ๆ จนเขาเริ่มระแวงว่าธิดาแห่งแอรีสผู้นี้จะเกิดปิ๊งปั๊งตกหลุมรักแฟนหนุ่มของเขาเข้าหรือเปล่า แต่ทุกอย่างก็กระจ่างชัดเมื่อเธอบอกกับเขาว่าเธอสนใจดีนเพราะดีนเป็นคนเก่งและมีฝีมือจึงอยากลองประลองกับอีกฝ่ายสักยกหนึ่ง แมคเคนซีจึงทำได้แค่ไว้อาลัยให้คนรักในใจเพียงเงียบ ๆ และหวังว่าเมื่อถึงวันนั้นดีนจะไม่โดนรูบี้จัดการจนสะบักสะบอมไปเสียก่อน


“ได้ ผมจะชวนเขามาด้วย เขาอาจจะพูดเก่งไปหน่อย เตรียมหูชากันได้เลย”


ใส่คำว่า ‘อาจจะ’ ไปสักหน่อยเพื่อให้ทั้งสองคนยังพอสบายใจอยู่บ้าง แมคเคนซีรู้ว่าเวลาดีนพูดนั้น พอรวม ๆ แล้วน่าจะมากกว่าที่พวกเขาทั้งสามคนพูดรวมกันเสียอีก


“ก็ดีไม่ใช่เหรอ จะได้ไม่เงียบจนเกินไป นิโคไลกับแอนดี้ก็มาด้วยกันนะ”


คีธหัวเราะน้อย ๆ ก่อนจะหันไปชวนสมาชิกใหม่ของค่ายทั้งสองที่กำลังตื่นตาตื่นใจกับ ‘บ้านหลังใหม่’ อยู่


“โอ๊ะ ได้ฮะ ผมจะมาด้วยแน่ ๆ เลย”


“กี้ !!”


นิโคไลกับแอนดี้ตอบขึ้นพร้อมกันแล้วยิ้มให้ จากนั้นก็หันกลับไปสนใจค่ายต่อ


“ดูท่านิโคไลกับแอนดี้คงจะอยากเข้าไปดูข้างในแย่แล้ว คุณลินคอล์นอย่าลืมพาทั้งคู่ไปแนะนำตัวกับคุณไครอนก่อนนะ แล้วค่อยพาไปที่บ้าน”


“โอเค เดี๋ยวผมพาพวกเขาไปเลย ขอบคุณทั้งสองคนมากนะ ที่ช่วยเหลือผมมาตลอดตั้งแต่ต้นจนจบภารกิจ พวกคุณเป็นเพื่อนร่วมทีมที่ดีมากจริง ๆ”


แมคเคนซีพยักหน้าตอบรับคำเตือนของคีธแล้วกล่าวขอบคุณเพื่อนทั้งสองอย่างจริงใจ


“คุณก็เช่นกันคุณลินคอล์น ขอบคุณที่ช่วยเหลือพวกเรามาตลอด ถ้าขาดเพื่อนร่วมทำภารกิจอีกเมื่อไหร่ก็มาชวนฉันได้ หรือแวะมาหากันที่สถานพยาบาลได้นะ แต่อย่ามาแบบบาดเจ็บจะดีกว่า”


“ฉันก็เช่นกัน ขอบคุณศิษย์น้องมาก แต่อย่าลืมเสียล่ะว่าเรายังมีนัดกัน หาเวลาว่างมาฝึกดาบและวิทยายุทธกับฉันด้วย หากหาผู้ร่วมทางทำภารกิจเมื่อไรก็บอกฉันได้เช่นกัน…ทีมพวกเราก็เก่งไม่ใช่น้อย”


รูบี้กอดอกแล้วส่งเสียง “ฮึ !” เบา ๆ ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยด้วยความภาคภูมิใจจนแมคเคนซีกับคีธหัวเราะออกมาเบา ๆ จะว่าไปแล้วแมคเคนซีเองก็คิดว่าทีมของเขาเป็นทีมที่ดีเช่นกัน หากเกิดจับพลัดจับผลูต้องรับภารกิจอีก นอกจากดีนที่เขาจะนึกถึงเป็นคนแรกแล้ว สองคนนี้คือคนที่เขาจะนึกถึงเป็นลำดับถัดมาแน่นอน

.


.

พวกเขาแยกย้ายกันหลังจากเดินเขามาในค่าย แมคเคนซีพานิโคไลกับแอนดี้ไปแนะนำตัวให้คุณไครอนและคุณดีรู้จัก แน่นอนว่าคุณดียังคงเรียกชื่อเขาไม่ถูกอีกเช่นเคย และนิโคไลเองก็ดูจะประหลาดใจไม่น้อยที่ถูกเทพแห่งไวน์เปลี่ยนชื่อเอาเสียดื้อ ๆ ทั้งที่เพิ่งจะแนะนำตัวไป แต่เด็กชายก็คงจะคุ้นชินในอีกไม่ช้าเช่นเดียวกันกับเขา

.


.

“โอ๊ะ นั่น พี่แมคนี่นา ! พี่แมคกลับมาแล้ว !”


เสียงเจื้อยแจ้วคุ้นหูดังขึ้นขณะที่แมคเคนซีกำลังพานิโคไลกับแอนดี้ไปบ้านหมายเลข 20 เมื่อหันไปมองก็เห็นรีชากับเจโรมแห่งบ้านโพไซดอนกำลังเดินมาทางนี้


แต่กลับไม่มีคนที่เขาอยากเจอที่สุดมาด้วย…


“ไงรีช ไงเจโรม สบายดีกันไหม อ้อ…นี่นิโคไลน้องชายของฉันเอง…เขามาจากเยลโลวไนฟ์”


หลังจากปล่อยให้ทั้งสามคนได้ทำความรู้จักกันแล้ว รวมถึงแนะนำตัวเจ้าลูกก็อบลินตัวน้อยไปด้วย พวกเขาก็คุยกันต่อ


“พวกเราสบายดีค่ะ เนอะพี่เจโรม


ช่ายยยย สบายมาก แต่ที่บ้านเงียบจนเหงาเลย ผมกับรีชอยู่กันสองคนเอง จะว่าไปคุณกลับมาก่อนพี่ดีนอีกนะเนี่ย ทั้งที่คนนั้นแค่ไปช่วยพ่อหาเสียงที่นีออมเอง ไม่ได้ไปทำภารกิจสักหน่อย


นั่นสิ ๆ หนูว่านะ พี่ดีนต้องมัวแต่เถลไถลแน่ ๆ เลย


แมคเคนซีได้แต่ยืนทำตาปริบ ๆ ฟังสองพี่น้องบ้านโพไซดอนคุยจ้อกันไม่หยุด กว่าจะเอ่ยปากถามออกมาได้ก็กินเวลาไปครู่นึง


ดีน…ยังไม่กลับมาอีกเหรอ


ความคิดที่ว่าดีนรอเซอร์ไพรส์เขาอยู่ที่ค่ายเป็นอันต้องถูกปัดตกไป เมื่อบุตรแห่งมหาเทพแห้งจ้าวสมุทรหันมามองหน้าเขา


ยังไม่กลับเลยค่ะ แต่ว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนหนูกับพี่ซันซ์แชทกับพี่ดีนด้วยนะ พี่ดีนยังคุยเรื่องกิจกรรมวันวาเลนไทน์กับพวกหนูอยู่เลย


รีชาบอกแล้วก็หยิบสมาร์ทโฟนมาเปิดหน้ากลุ่มแชทรวมของบ้านหมายเลข 3 ให้ดู ซึ่งวันสุดท้ายที่ดีนติดต่อกับพี่น้องที่ค่ายคือวันที่ 7 ก.พ. ก่อนหน้าที่อีกฝ่ายจะรัวข้อความกับมิสคอลเป็นร้อยสายมาหาเขา


เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า คุณได้ติดต่อกับพี่ดีนไหม


ดูท่าเจโรมคงจะรับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่างจึงถามขึ้นมา แต่แมคเคนซีเองก็ยังไม่อาจฟันธงอะไรได้เช่นกัน และเขาก็ไม่อยากสร้างความไม่สบายใจให้ใครในตอนนี้ ทั้งที่ภายในใจตนเองเป็นห่วงดีนแทบแย่จนจิตใจร้อนรุ่มไปหมด


ก็ติดต่อกันอยู่ แต่บางทีผมก็ยุ่งเลยไม่ได้ตอบข้อความเขา ป่านนี้คงงอนอยู่ล่ะมั้ง


พี่แมคโดนพี่ดีนงอนแล้วแน่ ๆ รีบไปง้อเลยนะคะ


โอเค ๆ เดี๋ยวพี่จะรีบส่งข้อความไปง้อดีนเลย ถ้างั้นขอตัวก่อนนะ จะพานิโคไลไปที่บ้านก่อน แล้วเจอกัน


แมคเคนซีปั้นหน้ายิ้มแล้วพาน้องชายเดินไปยังบ้านหมายเลข 20 ซึ่งเป็นบ้านของบุตรเทพีเฮคาที หลังจากคล้อยหลังเหล่าบุตรแห่งโพไซดอนแล้ว ใบหน้าก็ถูกแทนที่ด้วยความตึงเครียดแทบจะทันที


‘ขอให้นายแค่งอนฉันจริง ๆ เถอะดีน…’



—Hakrabi

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 63,685 ไบต์และได้รับ +18 EXP +30 เกียรติยศ จาก Hydro X  โพสต์ 4 วันที่แล้ว
โพสต์ 63,685 ไบต์และได้รับ +15 EXP +25 เกียรติยศ +25 ความศรัทธา จาก คบเพลิงเวท  โพสต์ 4 วันที่แล้ว
โพสต์ 63,685 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 ความศรัทธา จาก ศาสตร์การปรุงยา  โพสต์ 4 วันที่แล้ว
โพสต์ 63,685 ไบต์และได้รับ +5 EXP +6 เกียรติยศ จาก ต่างหูเงิน  โพสต์ 4 วันที่แล้ว
โพสต์ 63,685 ไบต์และได้รับ +3 ความกล้า +5 ความศรัทธา จาก แจ็คเก็ต YANKEES  โพสต์ 4 วันที่แล้ว
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Hydro X
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
แจ็คเก็ต YANKEES
รองเท้าเซฟตี้
น้ำหอม Unisex
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
สร้อยข้อมือถัก
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x13
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x15
x15
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x2
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x2
12
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้