แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-6-1 02:13
149 บริจาคสิ่งของที่ไม่ต้องการแก่คลังแสง
รู้สึกว่าจะเอาอุปกรณ์ที่ไม่ต้องการมาบริจาคที่คลังค่ายได้นะ
คณะเดินทางตามหาตรีศูลที่หายไปเคยหารือกันในรถบ้านระหว่างเดินทาง นั่นก็เพราะในทีมมีแต่คนเกี่ยงที่จะรับ ‘หมวกบุตรแห่งคำลวง’ เอาไว้ หมวกประดับเขาโง้งสีทองอร่ามจัดว่าเป็นดีไซน์สุดเห่ยที่มีแต่พวกอยากเป็นจุดสนใจสวมใส่กัน ส่วนคุณสมบัติอันแสนพิเศษของมันคือเมื่อสวมใส่แล้วจะทำให้ผู้สวมมีใบหน้าและน้ำเสียงเช่นเดียวกับผู้ที่ต้องการปลอมแปลงตัวตน แต่ขอเสียอันโดดเด่นไม่แพ้กันก็คือมันยังคงรูปร่างของหมวกมีเขาเอาไว้
สำหรับสายเลือดโพไซดอนทั้งสองคิดเหมือนกัน พวกเราไม่ต้องการของจากศัตรูมาให้บั่นทอนจิตใจเล่น ๆ ส่วนเดม่อนก็มีพลังที่เหนือยิ่งกว่าการเปลี่ยนแปลงเฉพาะใบหน้าเสียอีก ทางสองสาวเอมีเลียและอารีแอนน์ก็ไม่ประสงค์ที่จะรับดูแลหมวกใบนี้ต่อหน้าที่นั้นจึงตกทอดมาที่ดีน อันที่จริงเขาก็คิดว่าตอนนั้นเก็บหมวกทรงเห่ยนี่มาทำไม คงเพราะสัญชาตญาณและความจนของตัวเองกระมังถึงได้หยิบอะไรสีทอง ๆ ติดมือมาก่อน
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ ดีน เอลวิน อัลวาเรซ นีล มาหยุดยืนจด ๆ จ้อง ๆ อยู่ที่หน้ากระท่อมอะธีน่า ศูนย์รวมของเดมิก็อดที่มักจะเหม็นขี้หน้าสายเลือดโพไซดอนอย่างเขาเหลือคณานับ (ยกเว้นลิเลียน่าไว้คนนึง)
“ไง คนโรคจิต แวะมาส่องอะไรหน้ากระท่อมฉัน”
น้ำเสียงคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลัง ต่อให้ไม่หันไปมองดีนก็รู้ได้ว่าเป็น โซเฟีย คลาร์ก อาจารย์สอนคลาสหอกที่น่าหมั่นไส้คนนั้น แต่ก็จำเป็นต้องหันไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายอยู่ดี รุ่นพี่สาวอยู่ในชุดออกกำลังกาย แจ๊กเก็ตสีส้มสวมทับสปอร์ตบาร์และกางเกงที่เข้าชุดกัน เผยให้เห็นเนื้อหนังร่องสิบเอ็ดที่เรียกว่าสุขภาพดีมากกว่าโป๊เปลือย จะว่ายังไงดี เรียกว่าเป็นรูปร่างไร้ที่ติได้ไหม? ส่วนเรื่องการแต่งกายพวกเราชาวค่ายไม่จำเป็นต้องสวมเสื้อค่ายทุกวัน บางทีมันก็ต้องเวียนซักกันบ้าง
“โรคจิตอะไรพูดให้มันดี ๆ หน่อย ยัยผู้หญิงร่องสิบเอ็ด” ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาจิกกัด ดีนไม่ชอบที่จะบูลลี่คนอื่นแต่สำหรับโซเฟียแล้วน่าจะเป็นคำชมเสียมากกว่า
“ก็ยังเยอะไม่เท่านายหรอกพ่อหนุ่มฟิตเนส” โซเฟียยักคิ้วให้ คิดไว้แล้วเชียวว่าเธอต้องไปสะทกสะท้านกับคำดังกล่าว “แล้วมีธุระอะไร มาหาลิเลียน่า?”
“เปล่า” เขาปฏิเสธ ไหน ๆ แล้วเข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน “คือว่า ฉันเอาไอเท็มที่ได้จากภารกิจแต่ไม่มีใครเอามาบริจาค เห็นว่าเอามาไว้ที่คลังค่ายได้” ดีนชูหมวกบุตรแห่งคำลวงให้ดู
“ดีไซน์เห่ยมาก เป็นฉันก็ไม่ใส่หรอก” หญิงสาวจะบ้านอะธีน่าเบะปาก “โอเค จะมาบริจาคของสินะ เดี๋ยวฉันไปเอากุญแจมาเปิดก่อน”
จากนั้นโซเฟียก็หายเข้าไปในกระท่อมหมายเลขหกก่อนที่เธอจะกลับมาอีกครั้งพร้อมกุญแจโกดังแล้วพาผมไปยังคลังศัสตราวุธที่อยู่ข้าง ๆ เมื่อก้าวขาเข้ามาที่คลังศัตราวุธก็รู้สึกได้ถึงความเคร่งขลังจากการตกแต่งด้วยศิลปะของยุคกลาง ไม่ได้รีโนเวทให้รูปลักษณ์ทันสมัยเหมือนสถานที่อื่น ๆ ภายในค่าย ซึ่งก็รู้สึกได้ถึงพลังงานที่ชวนให้จิตใจฮึกเหิมดี
“ดีจังแฮะ บ้านเธอมีคลังเก็บของส่วนตัวด้วย ฉันมีของตั้งเยอะแต่ไม่มีที่เก็บ” เขาหมายถึงหัวไฮดร้าเอย ลูกตาไซคลอปส์เอย เลือดชูปาคาบราเอย แต่ละสิ่งอย่างกับของสยองขวัญ
“ที่นี่ไม่ใช่คลังส่วนตัวของบ้านอะธีน่าสักหน่อย คลังแสงของค่ายต่างหากย่ะ แค่เด็กบ้านนี้เป็นคนดูแลเฉย ๆ แบบว่าเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง” โซเฟียยักไหล่ก่อนจะยิ้มภูมิใจซึ่งชวนให้น่าหมั่นไส้ขึ้นมาอีกครั้ง “แต่ถ้าของเยอะนายไปขอให้พ่อสร้างห้องเก็บของได้”
“ยังไงนะ? ขอให้พ่อสร้างห้องเก็บของให้ พูดเล่นป่ะเนี่ย” ได้ยินแบบนี้ก็แทบหลุดขำออกมา จะกลายเป็น ‘โพไซดอนการช่าง’ ไปแล้วเหรอ เขารู้ว่าเทพเสกอะไรออกมาก็ได้กระนั้นก็แอบนึกภาพพ่อใส่ชุดช่างไม่ได้อยู่ดี “จะว่าไปกระท่อมที่พวกเราอยู่นี่สร้างด้วยเวทมนตร์งั้นเหรอ? ฉันเคยไปกระท่อมเฮคาที ข้างในอย่างหรูมีห้องปรุงยา ห้องหนังสือ แถมห้องนอนยังเป็นห้องเดี่ยวอีกต่างหาก หรูหราหมาเห่ากว่ากระท่อมโพไซดอนเยอะเลย”
“ทีพูดจริงล่ะไม่เชื่อ พวกนายนี่มันสมองสาหร่ายเหมือนกันไม่มีผิด”
“ห๊ะ สมองสาหร่ายเหมือนกับใคร?” ดีนขมวดคิ้ว ไม่ได้ติดใจกับคำต่อว่าแต่สงสัยมากกว่า
“พี่ชายนายไง พี-อี-อาร์-ซี-วาย”
“อ้อ นั่นฉายาเขาเหรอ” ดีนหัวเราะ เกือบลืมไปเลยว่าโซเฟียกับเพอร์ซีย์เป็นเด็กค่ายรุ่นเดียวกัน “แหม่ เป็นเกียรติมะ ฉายาเดียวกันกับเจ็ดวีรบุรุษที่ยังมีลมหายใจอะไรนั่นซะด้วย”
“อือฮึ ส่วนเรื่องกระท่อมสร้างด้วยเวทมนตร์ก็ใช่ เมื่อก่อนกระท่อมแต่ละหลังไม่ได้ดีแบบนี้หรอก ฉันเคยเข้าไปในกระท่อมโพไซดอนครั้งนึง ข้างในเหมือนกับโรงเก็บเรือ ประดับไปด้วยแหอะไรก็ไม่รู้รกรุงรังไปหมด ตรงกลางเป็นบ่อน้ำแล้วก็เตียง ใช่ ที่ฉันกำลังพูดอยู่ก็คือเมื่อก่อนทุกบ้านมีห้องอยู่ห้องเดียว และอะไรรก ๆ ทุกอย่างในนั้นก็สุมรวมกันในนั้นหมดเหมือนกับนอนอยู่ในห้องเก็บของ”
“เอ่อ.. เท่าที่เธอเล่าฟังดูแย่จังแฮะ”
“ใช่ แย่มาก ไม่ต้องคิดเลยว่าเด็กบ้านเฮอร์มีสต้องอยู่กันยังไง อย่างกับห้องนอนทาสสมัยปีพันแปดร้อย ก็ต้องยกความดีความชอบให้เพอร์ซีย์ที่เสนอการปรับปรุงค่ายครั้งใหญ่ รวมถึงยอมรับเหล่ามินิก็อดด้วย อ้อ.. สมัยนั้นไม่ได้มียี่สิบกว่ากระท่อมเหมือนตอนนี้หรอกนะ”
“โอ้โห ความรู้ใหม่ ฉันรู้แค่ว่าพี่เพอร์ซีย์เขาออกไอเดียปรับปรุงค่าย ไม่งั้นกระท่อมคงมีแค่สิบสอง.. ไม่สิ สิบสามสินะ”
ดีนคิดตาม ถ้าเกิดว่าเด็ก ๆ สายเลือดมินิก็อดไม่ได้รับการรับรองจะเป็นยังไงกันนะ นอกค่ายสุดแสนอันตราย เด็ก ๆ ไม่สามารถต่อกรกับอสุรกายได้แม้จะเป็นตัวสุดอ่อนอย่างฮาร์ปี้หรือก็อบลิน พลังของเทพเหล่านั้นน่าจะไม่เพียงพอที่จะคุ้มครองลูก ๆ ของพวกเขาด้วย
“ที่บ้านเฮคาทีมีห้องเยอะก็ตรงตามสำนวน ‘ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ตามใจผู้นอน’ ส่วนที่กระท่อมของนายเป็นห้องนอนรวม.. ก็ไม่รู้สิ บางทีเทพโพไซดอนอาจประสงค์เช่นนั้น หรือไม่ก็เด็กรุ่นที่ต่อจากเพอร์ซีย์อยากได้ห้องนอนรวมก็ได้ใครจะไปรู้” โซเฟียยักไหล่
“ฉันก็ไม่ได้รังเกียจหรอกนะที่จะได้ห้องนอนรวม ตอนเจรี่กลับมาก็จะมีเพื่อนด้วย ไหน ๆ มีพี่น้องทั้งทีก็ต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์มีพี่น้องให้เต็มที่นั่นแหล่ะ”
“งั้นถ้านายอยากจะสร้างโกดังเพิ่มก็ลองนำสินสงครามจากอสุรกายเจ็ดตน พร้อมถวายความศรัทธาหรือไม่ก็ดรักมาไปบูชาพ่อของนายที่กองไฟเฮสเทียตรงกลางสวนหย่อมดู ยังไงนายก็เป็นที่ปรึกษาของบ้านอยู่แล้วนี่ใช่ไหมล่ะ” โซเฟียแนะนำวิธีการ แต่นั่นทำให้ดีนฉงน
“ที่กองไฟกลางสวนนั่นเผาของส่งให้พ่อได้ด้วยเหรอ งี้ไม่ต้องไปที่เตาไฟบูชาเทพก็ได้สิ”
“ไม่ได้ มันคนละส่วนกัน ที่เตาไฟบูชาเทพเป็นส่วนงานของเทพเฮอร์มีส แต่กองไฟเฮสเทียคือไฟที่เทพีเฮสเทียครอบครองโดยตรง จะว่าไงดีล่ะ รู้แค่ว่าใช้งานต่างกันก็พอ” โซเฟียตัดบทส่วนหนึ่งคงเพราะว่าเธอขี้เกียจอธิบาย และอีกหนึ่งก็เพราะ… หญิงสาวผุดรอยยิ้ม “ฉันคิดว่านายคงต้องเข้าห้องสมุดไปหาความรู้สักหน่อย พอดีกับว่าฉันมีการบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เด็กในค่ายได้ทำ ‘สมุดบันทึกอสุรกายที่พบเจอ’ ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ อยู่ในบอร์ดประจำค่าย เผื่ออยากไปดู”
“สมุดบันทึกอสุรกาย? หมายถึงว่าให้เขียนบันทึกอสุรกายที่เคยสู้มาน่ะเหรอ” โซเฟียพยักหน้าแทนคำตอบ “เอาไว้ถ้าว่างจะลองคิดดู”
“ต้องคิดจะทำเฉพาะตอนที่ว่างเหรอ คิดตอนนี้เลยก็ได้มั้งว่าจะทำหรือไม่ทำ ส่วนตอนที่ว่างคือช่วงเวลาของการลงมือ ได้ค้นคว้าหาความรู้แล้วก็ทบทวนตัวเองซะบ้างเผื่อจะตื่นรู้อะไรบางอย่างได้ดียิ่งขึ้น”
“ดูพูดเข้า.. เออ ๆ ฉันตกลงก็ได้ว่าจะทำในเวลาที่ว่าง ถ้าไม่ขี้เกียจแล้วก็ไม่ลืม”
“ดูพูดเข้า” หญิงสาวกล่าวทวนพลางหัวเราะ “นั่นมันก็แล้วแต่นาย ฉันแค่เสนอทางเลือกกับรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นเอง” จากนั้นเธอก็ฉกหมวกในมือของดีนไป “ว่าแต่ลองหรือยังว่าหมวกนี่มันทำอะไรได้”
“มีคนเคยลองแล้ว มันเป็นหมวกที่สามารถปลอมใบหน้าของคนที่เพ่งสมาธิถึงได้ แต่ก็ปลอมได้แค่หน้ากับเสียง หมวกพิลึก ๆ นั่นยังคงอยู่บนหัว เธออยากลองไหมล่ะ?”
รุ่นพี่สาวส่ายหน้าดิ๊กก่อนจะวางมันไว้บนตู้โชว์ที่ว่างเปล่า จากนั้นก็หันมาชี้นิ้วไปทางสมุดบันทึกที่วางอยู่ใกล้ ๆ
“ลงชื่อผู้บริจาคไว้ด้วย หมวกใบนี้ได้มาจากภารกิจใช่ไหม ใส่ชื่อเพื่อนของนายลงไปด้วยล่ะ อ้อ.. เฉพาะคนที่ลงชื่อไปทำ คนที่เพิ่งมาใหม่เมื่อวานไม่นับ”
“ลงชื่อผู้บริจาค… สมุดเล่มนั้นสินะ” ดีนเปิดสมุดบันทึกเล่มเก่าคร่ำครึออก ดูเหมือนว่ารายการส่วนมากมักจะหยิบยืมอุปกรณ์สวมใส่ธรรมดา ๆ ไม่ค่อยมีไอเท็มวิเศษเท่าไร เขาหยิบปากกามาเขียนชื่อตัวเองและเพื่อนอีกสองคนลงไป “งั้น.. ธุระวันนี้ก็เสร็จแล้วสิ?”
“ถ้าแค่บริจาคของก็ประมาณนั้น” โซเฟียปัดมือ
“ถ้างั้น.. อ่ะนี่ ฉันให้ ค่าแรงสำหรับการไปหยิบกุญแจและช่วยอธิบายอะไรตั้งเยอะแยะ” ดีนยื่นอมยิ้มโลลิป็อบให้แก่หญิงสาว เดิมทีเขาตั้งใจจะเอามาให้เป็นสินน้ำใจแก่เด็กบ้านอะธีน่าที่มาช่วยเหลืออยู่แล้ว เผื่อว่าเด็กบ้านนี้จะได้มองเขาดีขึ้น
“มีสินน้ำใจซะด้วย งั้นก็ขอบใจแล้วกัน” โซเฟียปั้นยิ้มให้ เขาไม่รู้ว่าเธอยิ้มออกมาจากใจหรือว่าการแสดง เพราะอีกฝ่ายเคยบีบน้ำตาหลอกเขาสำเร็จมาแล้วครั้งหนึ่ง “งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันจะได้ปิดคลัง”
“อ้อ ได้ ถ้างั้นแยกย้ายเลยแล้วกัน แล้วถ้าว่าง ๆ จะเอาสมุดบันทึกอสุรกายอะไรนั่นไปส่ง”
ดีนโบกมือเบา ๆ ก่อนจะเดินออกมาจากคลังศัตราวุธแล้วปล่อยให้ผู้ดูแลจัดการงานของเธอไป
บริจาคอุปกรณ์ให้แก่คลังค่าย
ชื่ออุปกรณ์: หมวกบุตรคำลวง
ระดับอุปกรณ์: อุปกรณ์เกรดทอง
(300 พลังใจ , 90 คะแนนบ้าน , 300 เกียรติยศ)
ผู้บริจาค:
1. ดีน เอลวิน อัลวาเรซ นีล
2. เดม่อน แคนเนลท์
3. ไบร์ท เอมส์
----------------------------------------------- มอบ [อมยิ้ม] แก่ [โซเฟีย คลาร์ก]
+5 โบนัส จากน้ำหอม
รับเควส (จากโซเฟียโดยตรง) : ศึกษาเกี่ยวกับอสุรกายในเทวตำนาน
|