ผมสำรวจรอบละแวกใกล้เคียงบ้านคุณมาสซิส กระทั่งเจอต้นไม้สูงใหญ่กว่าต้นอื่น ดูมีสารอาหารหล่อเลี้ยงลำต้นไม่ขนาดสาย อุดมสมบูรณ์ ใบไม้เขียวสด
"บ้านหลังนี้มีสวนดอกไม้" ไฮรี่เดินกลับมาหาผมหลังเราสองคนแยกกันระยะสั้น ๆ "มีความเป็นไปได้ที่จะมีรังผึ้งแถวนี้อีก ผึ้งชอบเกสร"
"พบรังผึ้ง" ผมชี้รังผึ้งบนกิ่งไม้ "ต้องทำลายหรอ เดี๊ยนกับเธอ ไม่ใช่หน่วยกู้ภัยแจ้งมิสมาสซิสโทรเรียกด่วน ๆ"
"ผมว่ามันทะแม่ง ๆ ขอตรวจสอบจนกว่าจะแน่ใจ "
"อย่าเข้ามานะ !" นางพญาผึ้งน้อยปรากฏตัว ขวางทางไม่ให้มนุษย์ทั้งสองคนทำลายรังของเธออีก "มนุษย์คงไม่ได้เสียงเรา แย่แล้วทำยังไงดี ฮือ…ฮือ ๆ จะทำลายรังของเราอีกแล้วเหรอ" น้ำตาไหลนองจากดวงตาสองข้าง
"เอ๊ะ"
"ครับ"
ผมกระตุกเสื้อไฮรี่ "ฉันเห็นหล่อนนะยะ"
"เห็นคมชัดระดับ 4K" ไฮรี่ลูบท้ายทอยหน้าเหวอ
"ห…เห็นเราได้ยังไง ม…มนุษย์" นางพญาผึ้งบินหลบหลังต้นไม้
"พวกผมไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา"
"หลบหลังต้นไม้ยังไงก็ไม่มิดลูกสาว ตัวหล่อนใหญ่บะลั๊กกั๊ก ลองคุยกันหน่อยมั้ย" ผมจือปากถาม นางพญาผึ้งมีความขี้กลัวเกินกว่าจะเป็นอสุรกายป่าเถื่อน ผมเจรจาไกล่เกลี่ยแก้ไขความขัดแย้งด้วยสันติวิธี
นางพญาผึ้งน้อยร้องไห้ต่อทั้ง ๆ ที่ในใจจุกอกแค้นมนุษย์ที่ทำร้ายพวกพ้องของเธอ "คุยแล้วได้อะไร สิ่งที่สูญเสียไปไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิม พวกมนุษย์งี่เง่า ใจร้าย โหดร้ายและนิสัยไม่ดี"
ถ้านี้เป็นคำด่าผมบอกเลย นางพญาผึ้งด่าตะมุตะมิไม่เจ็บไม่คัน "พวกเดี๊ยนไม่มีเจตนาทำร้ายหล่อน หล่อนต่างหากล่ะที่ไปทำลูกสาวบ้านนั้นกลัว รังแกเด็กน้อย"
"เราไม่ได้รังแกน้องเซย์เลอร์ เราเคยเป็นเพื่อนกันต่างหากอย่าใส่ร้ายเรานะ"
"เพื่อนหรอ หมายความว่ายังไง"
"เราเกิดและโตในบ้านหลังนั้น ปล่องไฟนั้นเป็นรังของพ่อแม่ปู่ทวดและบรรพบุรุษเราก่อนพวกเขาย้ายเข้ามา เราและบริวาลในรังไม่เคยยุ่งกับคนในบ้านหลังนั้นเลย" นางพญาผึ้งร้องหาความเป็นธรรม "จนเราได้รู้จักน้องเซย์เลอร์ลูกสาวของบ้านนั้น เธอเป็นเด็กสาวแปลก ๆ ไม่รู้ทำไมได้ยินเสียงคุยของเราและเห็นเราได้"
"น้องคนนั้นเป็นเดมิก็อดไม่แปลกที่จะเห็นหรือได้ยินสิ่งที่คนทั่วไปไม่มีทางรู้"
"เราสองคนก็เป็นเพื่อนกัน อ…อึก ๆๆ ฮือ…ฮือ ๆๆ แล้ววันนึงเธอก็เล่าเรื่องนี้ให้แม่ฟัง พอแม่เธอได้ยินว่ามีผึ้งทำรังในห้องก็กลัวเรียกบริษัทกำจัดผึ้งมาทำลายบริวาลของเราจนหมด จนเราต้องหนีมาทำรังบริเวณนี้" เล่าความทุกข์ระทม "อย่าขับไล่เราไปอยู่ที่อื่นเลย"
ผมเห็นใจเธอจึงปรึกษาหารือไฮรี่ "สงสารชะนีน้อย ไม่อยากไล่นางเลย"
"เอาเรื่องนี้ไปเล่าให้คุณมาสซิสฟัง แล้วถ้าเธอเปิดไฟเขียวให้ ทีนี้นางพญาผึ้งน้อยก็ไม่ต้องย้ายไปสร้างรังใหม่" ไฮรี่พูดเสริม "ส่วนตัวผมไม่แนะนำวิธีการเห็นใจก็ดี แต่ถ้านางพญาผึ้งแอบเล่นแง่ขึ้นมาล่ะ น้องเซย์เลอร์กับคุณมาสซิสจะลำบาก ล้างแค้นสิบปียังไม่สายจนถึงตอนนั้นนางพญาผึ้งสะสมพลังได้เยอะโข"
สมกับเป็นยอดนักแก้แค้น วีรกรรมให้คนที่เคยบุลลี่ตัวเองเลียร้องเท้า ผมยังอึ้งไม่หาย แนวคิดซับซ้อนเกินกว่าผมหยั่งถึงหรือทำความเข้าใจ

อาร์ตี้จิบชายามบ่ายผสมผสานกลิ่นอายของความเป็นผู้ดีอังกฤษ "เรื่องทั้งหมดก็เป็นอย่างนี้แหละค่ะ"
ไฮรี่กับอาร์ตี้โต้วาทีชุดใหญ่กว่าจะสรุปกันได้ จะเอาความคิดของใครเป็นตัวเสนอ ตัวแม่อย่างอาร์ตี้คว้าชนะหวุดหวิด เกือบหลงคารมไปกับชายหนุ่มร่างสูงที่ยกประโยคเด็ดสำคัญ 'นางพญาผึ้งโตมาแก้แค้นแน่' , 'ไว้ใจพวกอสุรกายไม่ได้' , 'เชือดทิ้งดีกว่าไหม'
ผู้ชนะไขว่ห้างจิบพลาง ไฮรี่คิดการณ์ไกล มุมมองอาร์ตี้ไม่คิดถึงขั้นนั้น
"คุณมาสซิส ทราบดีอยู่แล้วใช่ไหมครับลูกสาวของคุณพิเศษกว่าเด็กปกติทั่วไป เด็กที่เกิดมาพร้อมกับสายเลือดเทพเจ้ากึ่งหนึ่ง มันก็อาจจะดีกว่าถ้าคุณมาสซิสอนุญาตให้มีรังผึ้งเกิดใหม่ในห้องลูกสาวคุณ เพื่อช่วยปกป้องจากอสุรกายตัวอื่น"
"เรื่องของสามีฉันเองเพิ่งมาทราบหลังจากคลอดเซย์เลอร์ไม่กี่เดือน ทำให้เราต้องห่างกัน แต่ก็มีติดต่อมาหาฉันบ้าง แค่ไม่บ่อยเหมือนตอนคบกัน" เธอเศร้าใจเมื่อต้องเล่าเรื่องสามี
"ผมเข้าใจความรู้สึกคุณมาสซิส เพราะพ่อผมก็เป็น ทั้งเรื่องตัวตนคุณดีและสิ่งที่น้องเห็น ห้ามเล่าเรื่องนี้ให้ฟังเด็ดขาด จนกว่าจะถึงเวลาของมัน" ร่างสูงกระซิบก่อนยันตัวลุกขึ้น "หมดธุระแล้ว ขอตัวกลับก่อน"
"ไม่อยู่เล่นกับเซย์เลอร์ก่อนเหรอคะ"
ร่างเล็กซึ่งจิบชาสบายใจเชิบ ปล่อยให้ไฮรี่สะสางงานแทน "ไม่ดีกว่าค่ะ ว้ายยย" เรียวขาขาวจ้ำอ้าวตามหลังร่างสูงที่เดินนำไปไกล "รอด้วย"
เสียงรองเท้าสูงสีแดงดังตึก ๆ
เจ้าของผมบลอนด์แพลตตินั่มหน้าซีด เห็นรถแท็กซี่สามพี่น้องสีเทาเจ้าปัญหา ขึ้นรถจับเบาะแน่นกลัวแรงเหวี่ยงพาทะลุกระจก
อาร์ตี้ไม่พร้อมมีข่าวสลดนักร้องชื่อดัง ประสบอุบัติเหตุดับอนาถข้างถนน เหมือนหมามาที่ถูกรถชนตายนะยะ
