123
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป

[ประเทศญี่ปุ่น] กรุงโตเกียว

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2024-12-11 00:53:09 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Nymeria เมื่อ 2024-12-11 01:42







POSIDON vs SUSANOO - 5
09-12-2024 | 14.00 PM


             แสงแดดยามบ่ายสาดกระทบกระจกใสของโตเกียวทาวเวอร์ที่สูงตระหง่านราวกับปราการของเหล่าเทพ แม้พื้นที่รอบด้านจะยังคงมีน้ำท่วมขัง แต่ชั้นบนสุดของจุดชมวิวกลับเงียบสงบผิดปกติ ไนมีเรียเดินไปตามทางเดินกระจก เธอหยุดยืนมองภาพทิวทัศน์ของเมืองโตเกียวเบื้องล่างที่ถูกปกคลุมด้วยเงาน้ำ


             “เจ้าของเสียงนั่น...” เธอพึมพำกับตัวเอง ขณะที่ก้าวเข้าใกล้ปลายสุดของจุดชมวิว ที่นั่นมีร่างของชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างกล้องส่องทางไกล เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพอดีตัวที่ดูเหมือนเพิ่งออกมาจากร้านซักรีด  ผมสีดำขลับเป็นลอนนุ่มลื่น ราวกับภาพเทพบุตรที่หลุดออกมาจากตำนาน เขาดูไม่เหมือนนักท่องเที่ยวธรรมดาเลยแม้แต่น้อย ด้วยรูปลักษณ์ที่สะอาดสะอ้านเกินไปสำหรับสถานการณ์น้ำท่วมขนาดนี้ 


              "คลาริสซ่า? เธอยังอยู่ไหม?"


             ไม่มีเสียงตอบ ไนมีเรียขมวดคิ้วและกุมสร้อยอัญมณีที่ห้อยอยู่รอบคอแน่น ความรู้สึกอ้างว้างเริ่มเกาะกุมหัวใจเธอ ไนมีเรียชะลอฝีเท้า ความรู้สึกแปลกประหลาดวิ่งผ่านสัญชาตญาณของเธอ คลาริสซ่าซึ่งปกติจะคอยออกความเห็นเงียบหายไป นี่ไม่ใช่เรื่องปกติ


             “ระวังตัวด้วย” วิญญาณแม่มดส่งประโยคสุดท้ายดังก้งอในหัวเธอก่อนจะเงียบงันไป “ชายผู้นั้น… เขาไม่ใช่มนุษย์”


             “ในที่สุดเจ้าก็มาถึง ยินดีที่ได้พบสาวน้อยผู้กล้า” 


             คำแรกที่เขาเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเขานุ่มลึก ราวกับสายลมพัดผ่านในยามเช้าที่พัดพาเมฆหมอก  ท่าทางของเขาสง่างามราวกับจงใจสร้างความประทับใจแรกพบ ดวงตาสีดำสนิทจับจ้องร่างเล็กด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก


             “ใคร?” ต้องยอมรับว่าในบรรดาคนที่เธอพบมาเปลือกนอกนี้ดึงดูดสายตามากทีเดียว ไนมีเรียถามเสียงเรียบ ร่างกายของเธออยู่ในท่าพร้อมป้องกันทุกเมื่อหอกสัมฤทธิ์ในมือยังไม่ถูกปลดออกจากกลไกที่พับเก็บ 


             ชายหนุ่มยิ้มบาง ดวงตาสีดำของเขาดูลึกลับราวกับสามารถกลืนกินทุกความคิดในหัวของเธอได้ “เพียงแค่ผู้เฝ้าดู...และบางครั้งก็เป็นผู้ชี้นำ”


             “คำตอบแบบนี้ทำให้คุณดูไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด” สำหรับเสียงของคนที่ชักนำเธอมาเจออันตรายช่วยไม่ได้ที่จะตอบกลับอย่างไม่ไว้หน้า 


             ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก ดวงตาเป็นประกายเหมือนคนพบของเล่นชิ้นใหม่ “อย่าเพิ่งกังวล ข้าไม่ได้มาในฐานะศัตรู”


             “อ้อ ดีจัง” ไนมีเรียเอ่ยด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “ปกติคนที่จะช่วยฉันปิดจ๊อบไซคลอปส์มักจะไม่โผล่มาหลังจากงานเสร็จแล้วแบบนี้”


             วาจาของเธอทำเขาหัวเราะเบา ๆ “ข้าเฝ้าดูการต่อสู้ของเจ้า...และข้าก็ต้องยอมรับว่าเจ้าทำได้ไม่เลว”


             “นั่นไม่ได้ตอบคำถามฉัน” ไนมีเรียกล่าวพร้อมก้าวเข้าไปใกล้ “คุณเป็นใคร? และคุณต้องการอะไรถึงเรียกฉันมาที่นี่ อย่าต้อบว่าชวนเดทชมวิวเชียวคงมีแต่ปลาสวายเท่านั้นที่ปลื้ม”


             ชายหนุ่มยังคงยิ้มอยู่ “นามแห่งทวยเทพสูงส่งและเป้นภัยต่อมนุษย์ หากเจ้าอยากเรียกข้าในนามใด เอาเป็น ‘ตี้จวิน’ ก็ดี”


             “ดูเหมือนชื่อที่ตั้งเองง่าย ๆ นะ ความจริงใจสักนิดก็ไม่มีแต่ก็ยังไม่ตอบอยู่ดีว่าคุณต้องการอะไร”


             ชายปริศนาไม่สนใจคำพูดของเธอที่เริ่มขมวดคิ้วมุ่น เขามองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงบและลอบประเมินเธอราวกับนักตรวจสอบสินค้า “สำหรับสายเลือดเฮคาที..เจ้าเป็นเด็กสาวที่น่าสนใจ”


             “และคุณก็เป็นคนที่น่าสงสัย” ร่างบางโต้กลับหยักรอยยิ้มไปไม่ถึงแววตา เหลี่ยมมาทำไมต้องดีกลับ “มีอะไรพูดก็รีบพูด ฉันไม่มีเวลามาเล่นเกม”


             “ข้าต้องการให้เจ้าช่วยทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้” ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นเผยกล่องรูบิคสีทองที่ดูเหมือนจะเป็นของโบราณ เงาสูงของเขาก้าวเข้ามาใกล้ นิ้วเรียวลูบกล่องเล็ก ๆ ที่เมื่อมองดูดีๆ เหมือนจะเป็นรูบิคกลไกในมือ “งานง่าย ๆ ให้เจ้า นำสิ่งนี้ไปส่งให้ เอโลอิส เพจ ธิดาแห่งเฮเฟตัสที่ค่ายฮาล์ฟบลัด”

             

             ดวงตาสีเฮเซลจ้องกล่องในมือของเขาด้วยความสงสัย “ง่ายนักทำไมคุณไม่ทำเองล่ะ?”



             “เพราะข้ามีข้อจำกัด” เขาตอบด้วยรอยยิ้มบาง “และเจ้าเองก็เหมาะสมที่สุดที่จะทำหน้าที่นี้”


             อาณาเขตค่ายฮาล์ฟบลัดถูกพิทักษ์ด้วยเทพโอลิมเปียน เสมือนพื้นที่ลับแลไม่ปรากฎในการรับรุ้ของเทพฝ่ายอื่น แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องบอกเธอ.. อย่างน้อยก็ตอนนี้ การครุ่นคิดหาวิธีทำให้เด็กสาวตรงหน้ารับปากเหมือนหยิบยื่นลูกกวาดที่เธอถูกใจ จนกว่าจะถึงตอนนั้นเขาขอเพลิดเพลินต่ออีกสักหน่อย


             ไนท์หัวเราะเสียงใสปิดด้วยรอยยิ้มไปไม่ถึงแววตา “คำตอบไม่เคลียร์เลย ฉันบอกทางไปเฮอร์มีสเอ็กเพรสที่ใกล้ที่สุดได้นะ”


             “เจ้ามักระวังตัวเกินไป” ตี้จวินกล่าว “ข้าเป็นเทพ ไม่ใช่ปีศาจที่จะหลอกลวงเจ้า”


             “อ้อ แล้วคุณเป็นเทพประเภทไหน?” ไนมีเรียถามพร้อมจ้องเขาเขม็ง “คุณรู้ไหม เทพไม่ได้แปลว่าไว้ใจได้ โลกนี้เทพมีทั้งฝ่ายดีและฝ่ายร้าย แล้วคุณกล้าบอกไหมว่าตัวเองเป็นประเภทไหน? หรือคุณแค่เป็นพวกที่ชอบทำตามอำเภอใจ?” 


             มีข้อเท็จจริงเรื่องหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้ โลกนี้เทพมีทั้งฝ่ายดีและฝ่ายร้าย ในบรรดานั้นเทพที่ก่อเรื่องวุ่นวายอำเภอใจตัวเองโดยไม่สนว่ามนุษย์หรือลูกหลานของพวกเขาจะเดือดร้อนแค่ไหนมีอัตรามากกว่าครึ่ง ยกตัวอย่างหนึ่งในนั้นก็เป็นต้นเหตุน้ำท่วมโตเกียว


             ชายปริศนาหรุบสายตาลงจดจ้องแฝงกลิ่นอายกดดัน “หากข้าเป็นเทพฝ่ายร้าย เจ้าคงไม่ได้ยืนพูดคุยกับข้าแบบนี้”


             “นามบัตรไม่มี ชื่อไม่แจ้ง เปิดปากมาก็ขู่กันแล้ว” ทุกคำตอบของเธอชี้ชัดถึงความระแวดระวัง สถานการณ์ใกล้เคียงคำว่าหลุมพรายดูเหมาะเจาะจนเกินไป และใครบางคนตรงหน้าก็ดูไม่น่าไว้วางใจเลยสักนิด “ทำไมฉันต้องช่วยคุณด้วยล่ะ? จรรยาบรรณเทพของพวกคุณนี่เจริญลงทุกวันจริง ๆ”


             “นามของข้าไม่อาจเอ่ยถึงในหมู่มนุษย์ได้ มันสูงส่งเกินกว่าจะบอกแก่ผู้ที่ไม่ใช่เทพ หากเจ้าช่วยงานนี้จะได้รับความโปรดปรานและประสบการณ์ต่อสู้จากข้า”


             “เหมือนจะมาขายตรงเลยนะ เสนออะไรให้ฉันเป็นการแลกเปลี่ยนกันดีล่ะ?”


             “ฉลาดสมกับเป็นบุตรีของเฮคาที” ตี้จวินยกกล่องรูบิคขึ้นเขากล่าวด้วยรอยยิ้มที่ทำให้เธอรู้สึกถึงความเย้ยหยันบางอย่าง “กล่องนี้จำเป็นต้องไปถึงมือของ เอโลอิส เพจ ธิดาแห่งเฮเฟตัสที่ค่ายฮาล์ฟบลัด และเจ้าเหมาะสมที่สุดที่จะทำเช่นนั้น “ข้าจะมอบหยกเครื่องรางที่นำโชคมาให้เจ้าหากเจ้าทำงานนี้ให้สำเร็จ”


             “ไม่มีข้อยืนยันว่าเป็นหลุมพราง คุณควรเพิ่มโบนัสด้านความรักด้วยสิ จะได้คุ้มกับความเสี่ยง”


             “ข้าไม่ได้ดูแลวาสนาความรักของมนุษย์” น้ำเสียงเขาติดจะถือตัวแม้รอยยิ้มนั้นไม่เปลี่ยนแปลง 


             “ปิดดีล ไว้พบกันใหม่โอกาสหน้า ลาก่อน”

             

             เทพปริศนาเอ่ยรั้งเธอไว้ก่อนคู่ค้าจะเก็บประเป๋าแล้วจากไป “หยุดก่อน ดูเหมือนวิญญาณของเจ้าจะถูกตราคำสาปบางอย่างจากเฮเฟตัส.. ข้าลบล้างออกให้แล้ว อีกอย่าง.. ถ้าเจ้ารับปากช่วยงานข้า องค์ความรู้ รึแม้แต่ความลับของเหล่าเทพเอเชียข้าก็เล่าให้ฟังได้ เทียบเอเชียไม่ค่อยชอบเกรคัสเท่าไร มนต์สเน่ห์ของพวกโอลิมเปียนทำผู้ศรัทธาเราเอาใจออกห่าง”


             โดนสาปอะไรตอนไหนก่อนยังไม่รู้เลยโว้ยย!!


             ไนมีเรียหมุนตัวกลับมาเหมือนมีระฆังในหัวว่ายกที่สอง เริ่ม!


             “ถ้าสเน่ห์แรงไม่พอเอง รึไม่กล้าเป็นฝ่ายรุกจีบสาวก่อนก็ยื่นอุธรณ์ไม่ได้นะคะ” รอบหน้าเธอจะเผาตำรากลยุทธิ์บริหารสเน่ห์ให้เทพเอเชียสักลัง


             “นั่นเพราะพวกเขาถูกเทพของพวกเจ้าเป่าหูสร้างความเคลือบแคลงต่อเผ่าเทพของข้า”


             สาวเคบินยี่สิบยินตรงแขนกอดอกแล้วพยักหน้ารับก่อนเอดดูเขตท่านเทพอีกสักกระบวน “ถ้าพวกคุณศักดิ์สิทธิ์หรือทรงพลังน่าศรัทธาจริงอย่างที่อ้าง มนุษย์ไม่ใช่เผ่าที่ทอดทิ้งลืมเลือนเทพของพวกเขาโดยง่าย ให้เดา คุณหรือพวกพ้องเทพของคุณคงนิ่งดูดายด้วยกฎที่ว่าไม่ยุ่งเกี่ยวชะตามนุษย์ อยู่เฉยๆ มองพวกเขาเดือดร้อนหนแล้วหนเล่า ไม่ว่าจะภัยพิบัติจากเทพรึมนุษย์ด้วยกันเอง สุดท้ายคนเราจะเสื่อมศรัทธามันก็เป็นแค่เรื่องที่ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น โทษใครได้นอกจากตัวเอง?” 


             “เจ้าไม่เคยได้ยินตำนานหนี่วาอุดรูรั่วฟ้าช่วยชาวจีนนับล้านชีวิตให้ปลอดภัยสินะ นั่นไม่เรียกว่าการนิ่งดูดาย”


             “นั่นมันผ่านมากี่ยุคสมัยแล้ว เอาที่ใหม่กว่านี้ไมไ่ด้รึไง มนุษย์เราอายุขับไม่กี่สิบปี ช่วยทำงานให้สมเป็นเทพที่พวกเขาให้ความศรัทธาหน่อย ดูอย่างน้ำท่วมวันนี้เทพีแอมฟิไรต์ก็ขอให้เดมิก็อดมาช่วยเหลือ จะบอกว่าเทพอีกซีกโลกหูตาไวกว่ารึไง” ไนมีเรียกลอกตาเรื่องที่เขายกมาดึกดำบรรพ์เป็นตำนานเรียกแขกของบริษัททัวร์ยังพอว่า สรรหาอะไรมาโต้เธอไม่ได้เลย คนตรงหน้าตามแฮชแท็คเรื่องราวรอบโลกบ้างไหมนะ


             ดูเหมือนเทพองค์นี้นานครัง้จะลงมาโลกจริงๆ เพราะสิ่งที่เขายกเรื่องถัดมาก็คือ..


             “ในช่วงยุคเหนือใต้ของจีน ไม่เพียงแผ่นดินโกลาหล แต่ยังมีภัยจากกระบี่โบราณจากเผ่าเทพตกลงไปในโลกมนุษย์จนสร้างจอมมาร พวกเราเผ่าเทพก็ส่งตัวแทนลงไปช่วยเหลือและร่วมสู้กับเผ่ามนุษย์.... ใหม่พอรึยัง” น้ำเสียงเขาดูไม่ยอมรับคำของเธออยุ่บ้าง จะเรียกนิ่งดูดาย มองอยู่เฉยๆ ได้ยังไงถึงครั้งนั้นจับเซียมซีเลือกกันลงไปก็ยังถือว่าหยิบยื่นความช่วยเหลือ สวรรค์ประทานวีรบุรุษอยู่ดี


             “นั่นไม่เรียกว่าการช่วยเหลือ ในเมื่อต้นเหตุเกิดจากเทพอย่างคุณเก็บของในบ้านไม่ดีพอ ทำให้เพื่อนบ้านด้านล่างเดือดร้อนต้องไปตามแก้ไขสิถูกแล้ว จะปัดความรับผิดชอบไปให้คนอื่นได้ยังไง?”  มือเรียวลูบริมฝีปากตัวเองส่งเสียงเค่นในลำคอ “พวกคุณควรเรียนรู้งานจากเทพเกรคัสนะ”


             “ตกลงเจ้าต้องการอะไรสำหรับข้อแลกเปลี่ยนนี้?” น้ำเสียงยิ่งมายิ่งไม่เป็นมิตร หรือกลายเป็นมิจขึ้นเขาก็ไม่ทราบ


             “ข้าสามารถเล่าเรื่องราวของเทพในฝั่งเอเชียให้ฟังได้ รวมถึงความลับบางอย่างที่อาจเป็นประโยชน์กับเจ้าในอนาคต รู้อะไรไหม เจ้าควรรับไมตรีในยามที่มีคนหยิบยื่นให้


             “บางที เริ่มจากความจริงใจคงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีนะคะ” ประโยคลงหางเสียงครั้งแรกของสาวบลอนด์บ่งบอกว่าเธอคือกุหลาบหนามคม หลังจากชั่งใจอยู่สักพักเธอไมไ่ด้เห็นแก่สินน้ำใจหรือตกบ่วงสเน่ห์หา ตรงกันข้ามไนมีเรียกับสงสัยว่าเขาจะเล่นลูกไม้อะไรกันแน่ “อย่าทำให้ขำหน่อยเลย ฉันไม่ใช่ผู้ศรัทธาของคุณเอาอะไรมารู้สึกเป็นเกียรติกัน? ปุบปับมาบอกจะส่งกลับไปนิวยอร์คให้ทำงานให้ เจ้านายก็ไม่ใช่ ผู้ปกครองหรือก็เปล่า ค่าตอบแทนยังเป็นความโปรดปรานกับอะไรที่จับต้องไม่ได้อีก… ข้อเสนอของคุณไม่เอาเปรียบเกินไปหน่อยหรอ?  ความไว้ใจของธิดาแห่งเฮคาทีไม่ได้ได้มาฟรี ๆ นะ”


             รอยยิ้มของเขาจางลงเล็กน้อย แต่ดวงตายังคงนิ่งสนิท “น้อยครั้งข้าจะมอบหมายงานให้มนุษย์ การที่ข้าเลือกเจ้าคือเกียรติที่ยิ่งใหญ่ และข้าเองก็หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”


             ด้วยความค้างคาใจว่าในกล่องนั้นเป็นอะไรกันแน่ไนมีเรียหยิบกล่องรูบิคจากมือเขาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความระแวง ดวงตาคู่คมจ้องมองเขาอยู่ครู่หนึ่งเหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่าน ถ้าอีกฝ่ายตุกติกเธอแค่โยนกล่องนี่ลงทะเลไปซะ


             “นี่มันดีลธุรกิจ ฉันทำการค้ากับผู้ที่มีที่มาที่ไปชัดเจนเท่านั้น ในธุรกิจเราถือความน่าเชื่อถือเป็นสำคัญนี่คือกฎของบ้านเฮนลาดิส  ส่วนเรื่องจะรับข้อเสนอรึไม่... ขึ้นอยู่กับอารมณ์และความพึงพอใจของฉัน” ไนมีเรียกล่าวพลางยกกล่องขึ้น “และขอโทษที ฟังแล้วไม่ได้รู้สึกเป็นเกียรติเลยสักนิด คุณน่าจะลองปรับปรุงการตลาดก่อนจะมาขายตรงนะ ถ้าคุณคิดว่าจะได้อะไรจากฉันมากกว่านั้น …คิดผิดแล้วเทพนิรนาม”


             “เด็กดี.. เจ้าเป็นคนที่น่าสนใจจริง ๆ สาวน้อย ข้าหวังว่าเราได้พบกันอีกแน่”  แววตาคมปลาบจดจ้องสตรีตรงหน้าด้วยความคิดยากจะอ่านออก เมื่อเขายิ้มออกมาอีกครั้งเสียงดีดนิ้วก็ดังขึ้นวาร์ปส่งเธอกลับไปยังนิวยอร์ค ไทม์สแควร์


             โอ้ อย่าเลย อย่าพบฉัน!

         

             “ย้ำอีกครั้งว่าข้อแลกเปลี่ยนของฉันทำเพราะธุรกิจ ไม่ใช่เพราะฉันเชื่อใจคุณ ทุกอย่างจบแค่กล่องนี้ถึงมือคนรับ”  ก่อนร่างเธอจะหายวับไปยังอีกซักโลกคำทิ้งท้ายของเธอคล้ายกับเสียงถอนหายใจ


              “ฉันเองก็หวังว่างานครั้งนี้จะไม่ใช่ข้อเสนอที่ขาดทุน”



รับคำขอ ก็ได้ๆๆ
@God 





แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ +30 เกียรติยศ โพสต์ 2024-12-11 00:59
God
คุณได้รับ --50 ความศรัทธา โพสต์ 2024-12-11 00:58
God
คุณได้รับ +35 ความกล้า --50 ความศรัทธา โพสต์ 2024-12-11 00:58
โพสต์ 60018 ไบต์และได้รับ 36 EXP!  โพสต์ 2024-12-11 00:53
โพสต์ 60,018 ไบต์และได้รับ +5 ความกล้า จาก โล่อัสพิส  โพสต์ 2024-12-11 00:53
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เวทมนต์ [II]
ศาสตร์การปรุงยา
คบเพลิงเวท
ผลิตภัณฑ์กันแดด
แหวนจันทราทมิฬ
หยกหงส์คู่นิรันดร์
โล่อัสพิส
เกราะหนัง
หมวกเกราะ
ชุดเครื่องเพชร
รองเท้าส้นสูง
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
โรคสมาธิสั้น
แว่นกันแดด
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
มีดสั้นสัมฤทธิ์
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x5
x2
x3
x6
x17
x5
x4
x4
x1
x2
x1
x1
x2
x1
x1
x9
x1
x1
x20
x1
x1
x2
x3
x3
x11
โพสต์ 2025-5-22 03:43:42 | ดูโพสต์ทั้งหมด
NPC CABIN 6 | Daughter of AthenaC l a r a       S c h u l z
22.05.2025 --- 01.52 PM

ใช้เวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมง 12 นาที เดมิก็อดสาวลุยเดี่ยวแบบชิค ๆ คูล ๆ ก็เดินทางมาถึงโตเกียว ด้วยยานพานหนะสุดเจ๋งที่เป็นความภาคภูมิใจของเฮเฟตัส หากโลกแห่งทวยเทพมี  Gods Expo  เทพเจ้ากรีกคงไม่พ้นส่งรถไฟความเร็วสู๊งสูงให้เทพเจ้าบ้านอื่นได้ดูงาน และอีกสิ่งที่น่าชูหน้าชูตาคือ  Daedalus's Legacy  สมาร์ทโฟนของเหล่าเดมิก็อดที่จะช่วยให้พวกเขาใช้ชีวิตง่ายขึ้นในโลกที่วิวัฒน์ไปไกลว่ายุคที่เทพเจ้ามีชื่อเสียง

ดังนั้นความรู้สึกของเดมิก็อดสาวยังหยุดอยู่ที่เวลาเที่ยงคืนอื่นอยู่เลย ทั้งที่เวลาท้องถิ่นปาเข้าไปบ่าย 2 ของอีกวันแล้ว 

ตามแผนการ คลาร่าตัดสินใจซื้อตั๋วชินคันเซนไปโอซาก้า ด้วย  Japan Rail Pass  ทำให้สามารถนั่งชินคันเซนและรถไฟในเครือ JR ไม่รวมค่าโดยสารรถท้องถิ่น ไปไหนก็ ได้กี่รอบก็ได้ในเวลา 7 วัน ราคา 50,000 เยน (320 ดอลลาร์) นับว่าคุ้มค่ามาก ๆ สำหรับการท่องเที่ยวในช่วงเวลา 4-5 วันต่อจากนี้

ก่อนขึ้นชินคันเซนเธอเดินเข้าไปดูอาหารในร้านข้าวกล่องอันเลื่องชื่อของสถานีรถไฟโตเกียว  Ekiben  ถือเป็นหนึ่งสิ่งที่ห้ามพลาดสำหรับการมาเที่ยวประเทศญี่ปุ่น  'คุณควรมีประสบการณ์รับประทานข้าวกล่องรถไฟสักครั้ง'  ความจริงคลาร่าไม่หิวเท่าไร ออกจะง่วงเสียมากกว่า เธอรับประทานอาหารเย็นฟรีตั้งแต่ก่อนออกจากค่ายมาแล้ว ปกติหญิงสาวเป็นคนเจ้าระเบียบและเคร่งครัด ให้เทียบแล้วอาจมากกว่าทุกคนในหมู่พี่น้องเลยก็ได้ ดังนั้นการรับประทานอาหารหลัง 2 ทุ่ม จึงเป็นสิ่งที่รับไม่ได้

'แต่เรามาเที่ยวสนุก ๆ นี่นา ไม่ต้องเคร่งครัดกับตัวเองให้มากก็ได้มั้ง แถมข้าวกล่องก็น่ารักมากด้วย ซื้อแต่กล่องไปเก็บแล้วไม่กินของข้างในก็กลายเป็น Food waste อีก แหกกฎของตัวเองนิด ๆ หน่อย ๆ คงไม่เป็นไรหรอก ยังไงตอนนี้เวลาท้องถิ่นก็คือบ่าย 2 ไม่ใช่ 2 ทุ่มสักหน่อย'

หาสารพัดข้ออ้างมาทำให้ตัวเองถูก แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ผิด มันคือประสบการณ์ครั้งหนึ่งของชีวิตที่มาอยู่ตรงหน้า ทำไมถึงจะไม่คว้าเอาไว้ เธอจึงหยิบ Ebiken รูปรถไฟชินคันเซนกล่องหนึ่งไปจ่ายเงินที่แลกมา และเพื่อเติมเต็มประสบการณ์อันสำคัญก็ต้องเอาขึ้นไปรับประทานบนรถด่วนพิเศษ (แต่ยังเร็วไม่เท่ารถไฟเฮเฟตัส) ด้วย

'หึหึ ถ่ายรูปไปอวดลิเลียน่าดีกว่า'


.
.
.

--- 06.00 PM

การเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงของมนุษยช้ากว่ารถไฟเฮเฟตัสหลายเท่าตัว ขนาดว่าเป็นการเดินทางข้ามเมืองภายในประเทศยังใช้เวลาตั้ง 3 ชั่วโมง เมื่อหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน คลาร่าที่เข้านอนเลทกว่าเวลาปกติจึงงีบหลับไปในรถไฟได้หนึ่งตื่น พอรู้สึกตัวอีกครั้งรถไฟชินคันเซนขบวน Hikari ก็มาถึงที่สถานีชินโอซาก้าแล้ว

หญิงสาวจองที่พักเป็น Business Hotel ราคาถูก แถว ๆ ย่านเบนเทนโช ซึ่งอยู่ห่างจากยูเมะชิมะสถานที่จัดงานเพียงแค่ 1 สถานี เธอคิดว่าการจะชมงานให้ครบน่าจะใช้เวลาอย่างต่ำ 3 วันด้วยกัน ฉะนั้นจึงเลือกที่ใกล้ ๆ ไว้ก่อนดีกว่า และโชคดีเสียด้วยที่ตอนจองมีที่ว่างพอดี

'ง่วงชะมัด'

เดมิก็อดสาวแทบจะล้มตัวลงนอนบนเตียงทันทีหลังจากลากกระเป๋าเดินทางเข้ามาเก็บในห้องพักแคบ ๆ เสร็จ 'โรงแรมญี่ปุ่นช่างแคบสมกับคำร่ำลือ'

เรื่องอื่นค่อยว่ากันแต่วันนี้นอนก่อนดีกว่า...



 รางวัลโปรโมชั่นเดือนพฤษภาคม  หินตีบวกตามจำนวนไบต์

แสดงความคิดเห็น

ดี: 5.0
God
ดี: 5
  โพสต์ 2025-5-22 09:38
โพสต์ 10986 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2025-5-22 03:43
โพสต์ 10,986 ไบต์และได้รับ +4 เกียรติยศ +4 ความกล้า +4 ความศรัทธา จาก ล็อคเก็ตรูปหัวใจ  โพสต์ 2025-5-22 03:43
โพสต์ 10,986 ไบต์และได้รับ +3 EXP +3 เกียรติยศ +3 ความกล้า +2 ความศรัทธา จาก โล่แห่งเกียรติยศ  โพสต์ 2025-5-22 03:43
โพสต์ 10,986 ไบต์และได้รับ +2 EXP +5 เกียรติยศ +5 ความกล้า จาก หนังสือรับรองไครอน  โพสต์ 2025-5-22 03:43
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หมวกคอรินเธียน
เข็มทิศมหาสมุทร
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
เข็มกลัดโพไซดอน
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่แห่งเกียรติยศ
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
แว่นตา
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ควบคุมน้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
น้ำหอม Unisex
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x50
x1
x1
x1
x4
x1
x1
x1
x3
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x1
x1
x1
x5
x4
โพสต์ 2025-5-29 07:22:03 | ดูโพสต์ทั้งหมด
NPC CABIN 6 | Daughter of AthenaC l a r a       S c h u l z
26.05.2025 --- 09.30 PM

3 ชั่วโมงผ่านไป คลาร่าและกัปปะของเธอก็เดินทางมาถึงสถานีรถไฟโตเกียว ยังเหลือเวลาก่อนกลับไปนิวยอร์กอีกตั้ง 2 ชั่วโมง จึงมีเวลาเหลือ ๆ ที่จะเดินเล่นละหาอะไรกินอย่างไม่รีบร้อนที่โตเกียว เพราะงั้นก็เลยเสิร์ชเลย 'ร้านอร่อยใกล้ฉัน' มีร้านอาหารให้เลือกมากมาย ซึ่งเมื่อไล่ดูแล้วหญิงสาวเลือกร้านที่หากินไม่ได้ง่าย ๆ ที่นิวยอร์ก นั่นก็คือ ซูชิสายพานเจ้าดังย่านชิบุยะ!


"คาวะคุระมารุไม่ต้องเกรงใจนะ สั่งอย่างอื่นนอกจากกุนกังแตงกวาก็ได้"

ตอนแรกคาวะคุระมารุเกรงใจไม่ยอมสั่งอาหารจากแทบเล็ตเลยด้วยซ้ำ แต่พอสั่งมั่นก็เลือกกดแต่ซูชิแตงกว่าที่ดูไม่อร่อย

"とんでもないことでございまする。かっぱ巻きの軍艦寿司は、拙者の大好物にございます、お嬢様。" (หามิได้ขอรับนายหญิง 'กัปปะซูชิ' คือของโปรดของข้าน้อยขอรับ)

"เจ้านี่เรียกว่ากัปปะซูชิสินะ.. เข้าใจล่ะ แปลว่ากัปปะทุกตัวชอบแตงกวาสิเนี่ย"

ให้กินแต่แตงกวาแบบนี้ก็กินง่ายอยู่ง่ายดีแฮะ ถ้างั้นจากตำนานที่ว่ากัปปะชอบล่อลวงเด็กจมน้ำอาจจะแค่อยากเล่นด้วยแต่ไม่ใช่จับกินสินะ

"ถ้าชอบก็กินเยอะ ๆ นะคาวะคุระมารุ เดี๋ยวไปอยู่ที่นิวยอร์กด้วยกันก็ไม่ได้กินอาหารญี่ปุ่นบ่อย ๆ แล้ว" 

หลังอิ่มจากซูชิสายพานก็เดินเล่นกันรอบ ๆ สถานีชินจูกุ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วถ่ายรูปคู่กับรูปปั้นฮาจิโกะ หมาน้อยผู้ซื่อสัตย์ไม่เหมือนเจ้าโคมะมารุสักน่อย เธอถ่ายทั้งภาพของรูปปั้นเดี่ยว ๆ แล้วขอให้กัปปะช่วยถ่ายรูปให้เหมือนเดิม


"คาวะคุระมารุ นายเองก็ถ่ายรูปด้วยสิ เป็นที่ระลึกก่อนจะออกจากญี่ปุ่น"

"拙者でございますか?" (ข้าน้อยหรือขอรับ?) คาวะคุระมารุชี้หน้าตัวเอง

"ใช่สิ นายนั่นแหล่ะ มาตรงนี้เลย" คลาร่ากวักมือเรียกคาวะคุระมารุไปยืนข้าง ๆ รูปปั้นฮาจิโกะ จากนั้นถ่ายรูปให้มัน "นี่ไง มีรูปของนายแล้ว แต่เอิ่ม.. ไหงรูปที่นายถ่ายให้ถึงดูดีกว่าภาพที่ฉันถ่ายได้ล่ะเนี่ย!"

แม้ภาพจะออกมาห่วยแล้วก็เบลอนิดหน่อย แต่เจ้ากัปปะทำตาเป็นประกายวิววับหลังจากที่มันดูรูปของตัวเอง

"誠にありがとうございます
、お嬢様!" (ขอบพระคุณมากขอรับคุณหนู!)

"ไม่เป็นไรน่า เดี๋ยวได้ถ่ายอีกเยอะ อ้อ แต่ต้องเป็นที่นิวยอร์กนะ ตอนนี้ได้เวลาที่เราต้องไปชานชาลาที่ 9 กันแล้ว"

หญิงสาวชี้ที่หน้าปัดนาฬิกา ไม่รู้ว่ากัปปะจะดูเวลาออกไหม แต่ตอนนี้เป็นเวลา 5 ทุ่มแล้ว อีกแค่ 40 นาที รถไฟก็จะออกจากโตเกียว

คลาร่าและคาวะคุระมารุเดินทางไปที่ชานชาลาหมายเลข 9 สถานีรถไฟโตเกียว ขาไปซื้อตัวแค่ 1 ที่ แต่ขากลับเป็น 2 ใครจะไปคิดล่ะว่าจะได้สมาชิกร่วมทางเพิ่ม นอกจากตุ๊กตาเมียคุเมียคุแล้วลิเลียน่าต้องประหลาดใจกับกัปปะจากแดนอาทิตย์อุทัยแน่ ๆ



 จ่ายค่ารถไฟเฮเฟตัส  40 ดรักม่า (2 ที่นั่ง)
 รางวัลโปรโมชั่นเดือนพฤษภาคม  หินตีบวกตามจำนวนไบต์

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 10078 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2025-5-29 07:22
โพสต์ 10,078 ไบต์และได้รับ +2 EXP +5 เกียรติยศ +5 ความศรัทธา จาก เข็มกลัดโพไซดอน  โพสต์ 2025-5-29 07:22
โพสต์ 10,078 ไบต์และได้รับ +4 เกียรติยศ +4 ความกล้า +4 ความศรัทธา จาก ล็อคเก็ตรูปหัวใจ  โพสต์ 2025-5-29 07:22
โพสต์ 10,078 ไบต์และได้รับ +5 EXP +2 เกียรติยศ +2 ความศรัทธา จาก กุหลาบสีน้ำเงินทอง  โพสต์ 2025-5-29 07:22
โพสต์ 10,078 ไบต์และได้รับ +2 EXP +4 เกียรติยศ จาก Hydro X  โพสต์ 2025-5-29 07:22
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หมวกคอรินเธียน
เข็มทิศมหาสมุทร
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
เข็มกลัดโพไซดอน
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่แห่งเกียรติยศ
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
แว่นตา
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ควบคุมน้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
น้ำหอม Unisex
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x50
x1
x1
x1
x4
x1
x1
x1
x3
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x1
x1
x1
x5
x4
STR
0+0
INT
0+0
LUK
0+0
POW
0+0
CHA
0+0
VIT
0+0
โพสต์ 5 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด
การท่องเที่ยวครั้งสุดท้าย ของ แม่ลูก

บทบันทึกอ้อมกอด ของ แม่ และ ลูก และการออกตามหาหมาป่าสีขาวด้วยหัวใจ


     "แด่หนึ่งวัน แห่งความทรงจำ ที่เราได้ใช้ชีวิตในฐานะแม่ ของ ลูก ก่อนที่มันจะกลายเป็นเพียงความทรงจำ






     สายลมยามราตรี ยังไม่ทันที่ลูกสาว จองโซยอน หรือ โยนา ของ เธอจะเดินจางหาย หรือ เดินผ่านพ้นไป จากบานประตูไม้โอ๊ค ของ คฤหาสน์ จอง ...

     
      เด็กน้อยโยนา ในตอนนี้เธอมีอายุสิบสองปีบริบูรณ์ และกำลังไว้ผมยาว วันนี้เธอสวมใส่ชุดเดรสผ้าฝ้ายสีฟ้าอ่อน ที่แม่ตั้งใจเตรียมไว้ให้ อย่างประณีต มือเล็กๆ ค่อยๆ เริ่มทำการคว้ากระเป๋าเดินทางใบสีขาวสะอาด มาถือเอาไว้แน่น เธอกำลังจะก้าวเท้า เดินออกจากบริเวณประตู ของ คฤหาสน์จอง อย่างเงียบงัน ถึงแม้ว่าในตอนนี้ หัวใจ ของ เด็กหญิงตัวน้อยจะยังไม่เข้มแข็งมากพอที่จะเอ่ยคำลา 


      แต่แล้ว ... จู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากเบื้องหลัง เป็นเสียงที่เธอได้ยิน และ ได้ฟัง ไม่รู้กี่ครั้ง ต่อกี่ครั้ง ก็ยังคงรู้สึกได้ถึง ความนุ่มนวล และ ความอบอุ่น และเสียงที่เด็กหญิงตัวน้อยคุ้นเคย เพราะมัน คือ เสียงที่คอยขับกล่อมเวลาก่อนเธอจะนอนหลับ มาตลอดสิบสองปีที่ผ่านมา


     "โยนา ... ลูกรัก ของ แม่เราไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยกันสักครั้งหนึ่งเถอะนะลูก .... การเที่ยวในครั้งนี้ สำหรับแม่ถือว่าเป็นการเที่ยวครั้งสุดท้าย ก่อนที่แม่จะต้องปล่อยลูกออกเดินทาง และ โบยบินสู่โลกกว้างก็แล้วกันนะ ลูกรัก"

    มือที่แสนอบอุ่น ของ ผู้เป็นแม่ ค่อยๆ เอื้อมมาทำการจับมือเล็ก ของ เธอเอาไว้อย่างอ่อนโยน ดวงตาคู่นั้น ของ แม่ช่างดูเปล่งประกาย คล้ายคนกำลังจะร้องไห้ 
แต่ก็ฝืนกลั้นเอาไว้ ด้วยรอยยิ้มที่หวานที่สุด ที่คนเป็นแม่จะมีให้


     โยนาพยักหน้าช้าๆ ก่อนที่เธอจะพุ่งเข้าสู้อ้อมกอด ของ ผู้เป็นแม่ อีกครั้ง
 
     

    

     "ค่ะหนูอยากไปเที่ยว กับ แม่"




      เส้นทางจากคฤหาสน์จอง  สู่สนามบินอินซอน รถยนต์สีเงินเงางาม แล่นฝ่าความเงียบ ของ ยามค่ำคืนโดยมีเพียงแค่เสียงดนตรีเบาๆ คลอ จากวิทยุคลาสสิกจอง ซูคี เป็นคนขับรถยนต์ ด้วยตัว ของ เธอเอง หญิงสาวผู้ที่หัวใจ ทั้งสี่ดวง ของ เธอในตอนนี้กำลังถูกฉีกออกเป็นครึ่งๆ คนที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆ เบาะคนขับ คือ โยนา ลูกสาวตัวน้อย ของ เธอ ผู้เป็นเสมือนแสงสุดท้ายในโลกใบนี้ พอเดินทางมาถึงสนามบิน ทั้งสองเดินเคียงข้างกัน ซื้อตั๋ว ตรวจสัมภาระ จับมือกันแน่น ไม่ยอมปล่อย และเมื่อถึงเวลา ... พวกเธอก็ขึ้นเครื่องบิน
 



      บนเครื่องบิน ... โยนานั่งชิดริมหน้าต่าง ดวงตาใสกำลังจ้องมองทะเลหมอก นอกหน้าต่างอย่างเงียบงันทันใดนั้น เธอสะกิดแม่เบาๆ  แล้วชี้ไปยังพนักงานต้อนรับสาวคนหนึ่ง ที่กำลังยืนยิ้มให้เธอจากทางด้านหน้าเครื่อง

       "แม่ขา .... พี่แอร์คนนั้นสวยจังเลย เธอยิ้ม

      
      จองซูคี ผู้เป็นแม่ พอได้ยินสิ่งที่ลูกบอก เธอก็ทำได้แค่เพียงยิ้ม อย่างเงียบงัน พร้อม กับ ค่อยๆ เอื้อมมือไปโอบร่างเล็ก ของ ลูกสาวตัวน้อยเข้ามาแนบอก เพราะผู้เป็นแม่อย่างเธอ รู้และทราบดีว่า ... หญิงสาวในเครื่องแบบสีขาวสะอาดตานั้นหาใช่เพียงมนุษย์ หรือ คนธรรมดาทั่วไปไม่ แต่ทว่าแท้ที่จริงแล้วเธอก็คือ ลูปา หมาป่าสีขาว ในร่าง ของ มนุษย์ เธอเป็นผู้พิทักษ์ แห่ง "บ้านหมาป่า" ที่หุบเขาโซโนมา แคลิฟอร์เนีย การมาปรากฏตัว ของ นาง ในครั้งนี้ก็เพื่อ ให้แน่ใจว่าเดมี่ก็อต และสายเลือดบรรพบุรุษแห่งโรมตัวน้อยๆ จะได้รับการนำทาง อย่างปลอดภัย คนเป็นแม่ไม่ได้พูดอะไร เพราะเธอรู้ดีว่า ... บางความจริง ควรเปิดเผยเมื่อหัวใจพร้อม




      เที่ยวบินแห่งโชคชะตา แล่นลัดขอบฟ้าไปสู่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเครื่องบินได้ทำการจอดสนิทลง ทั้งสองก็รับกระเป๋าเรียบร้อย และเรียกรถผ่านแอปส่วนตัว นั่งรถไฟมุ่งหน้าสู่เขต ชินจุกุ มหานครแห่งแสง สี และ ความมีชีวิตชีวา



      กลางใจเมืองอันวุ่นวาย เสียงรถราวิ่งผ่านไปมาราว กับ เสียงชีพจร ของ มหานคร เด็กหญิงตัวน้อยๆ โยนาเดินจับมือแม่ อย่างแน่น เธอกำลังจับจ้องมองดูทุกมุมทุกแสง นั้นอยู่อย่างเงียบๆ ราวกับกำลัง ตามหาใครบางคน คนเป็นแม่เหลือบมองเธอ แล้วยิ้มบางๆ ก่อนจะเอ๋ยเสียงเบาว่า 

   
  "โยนา ... ถ้าลูกอยากพบหมาป่าสีขาวที่แท้จริง ... อย่าใช้ดวงตา จงใช้หัวใจ และ สัญชาตญาณ ของ ลูกแทน เพราะนางจะปรากฏตัว เฉพาะเมื่อเจ้าพร้อมจะยอมรับโชคชะตา ของ ตน"


      เด็กหญิงตัวน้อย ค่อยๆ พยักหน้าเบาๆ ก่อนที่เธอจะเริ่มเดินเที่ยวต่อ กับ แม่ ชมสวนเล็กๆ ริมทาง ดูศิลปินวาดภาพข้างถนน แต่ทว่าหมาป่าสีขาวก็ยังไม่ปรากฏจอง ซูคี ผู้เป็นแม่ ค่อยๆ เอื้อมมือไปลูบหัวลูกสาวตัวน้อยอย่างแผ่วเบา แล้วพูดปลอบโยนด้วยรอยยิ้ม ว่า


       "ไม่เจอวันนี้ ก็ไม่เป็นไร ... เรากลับไปพักกันก่อนนะลูก พรุ่งนี้ค่อยลองหา จากสถานที่เที่ยวอื่นๆ  ใหม่อีกครั้ง"

     
       แล้วทั้งสองแม่ลูก จึงค่อยๆ ก้าวเท้าเดินเข้าสู่โรงแรมเงียบสงบใจกลางเมืองชินจุกุทันที

     


     
 

     


     


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 19660 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 5 วันที่แล้ว
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
STR
0+0
INT
0+0
LUK
0+0
POW
0+0
CHA
0+0
VIT
0+0
โพสต์ 5 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด
การท่องเที่ยว ครั้งสุดท้าย ของ แม่ลูก (2)

ย่างก้าว ของ จองโซยอน หรือ โยนา เดมี่ก็อตตัวน้อยและผู้สืบเชื้อสายจากบรรพบุรุษแห่งโรม ... ในย่านที่ผู้คนจอแจ แต่หัวใจเธอกลับเงียบงัน




     
      แสงแดด ของ ช่วงเพลายามเช้ารินไหล และ สาดส่องเข้ามาผ่านผ้าม่านบางเบา ในบริเวณห้องพัก ของ โรงแรมกลางเมือง เสียงนกกำลังพากันร้องขับขาลอย่างแผ่วเบา กลมกลืนไป กับ เสียง ของ การจราจรจากถนนเบื้องล่าง เช้านี้ ... สายตา ของ เด็กหญิงจองโซยอน ค่อยๆ ลืมขึ้น พร้อมเสียงหาวเบาๆ หลังจากนั้นเธอก็เริ่มหันไปมองดู ผู้เป็นแม่ที่กำลังยืนหวีผมอยู่ที่ตรงบริเวณโต๊ะหน้ากระจก ด้วยรอยยิ้มจางๆ ที่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนเสมอ


      หลังจากที่ทั้งสองอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าในชุดสีพาสเทล เข้าชุดกันอย่างเรียบง่าย กลิ่นหอม ของ ขนมปังปิ้ง ไข่คน และซุปมิโซะ ก็ลอยมาจากห้องอาหารชั้นล่าง


      "วันนี้หนูรู้สึกหิวมากเป็นพิเศษเลยค่ะ แม่"


      "ดีเลยลูก งั้นวันนี้ต้องกินเยอะๆ เลยนะ เพราะว่าวันนี้เรายังต้องเดินอีกไกล"


     หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เดินทางลงจากห้องพัก และ ทำการรับประทานอาหารเช้า ด้วยความเอร็ดอร่อย เสียงหัวเราะ ของ ทั้งสองแม่ลูกแทรกตัว อยู่ในห้วงยามเช้า เป็นเสียงเดียว ที่เบ่งบานท่ามกลางช่วงฤดูร้อน ของโตเกียว






      หลังจากที่ท้องอิ่ม หัวใจเบา  มือ ของ จองซูคี ผู้เป็นแม่ ก็ค่อยๆ ทำการโอบที่ไหล่ ของ ลูกสาว เบาๆ แล้วเอ่ยคำพูดขึ้น ด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูละมุน ละไม ว่า


     "ไปกันเถอะนะลูกรัก ... วันนี้เราจะไปกันที่ ย่านกินซ่ากันนะ"






ย่านกินซ่า ....  ย่านนี้ขึ้นชื่อ ว่าเป็นมหานครแห่งแสงเงิน และความหรูหรา ถนนที่ปูด้วยความละเมียด ของ อารยธรรมญี่ปุ่น ที่ผสมผสาน กับ ความเป็นตะวันตก ร้านรวงหรูเรียงราย โปสเตอร์หลากสี  พนักงานในชุดยูนิฟอร์ม เดินผ่านไป ผ่านมา ทุกอย่างงดงาม และ เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ... หากแต่ทว่า หัวใจ ของ เด็กน้อยจองโซยอน กำลังตั้งใจฟังบางสิ่ง บางอย่างที่ลึกยิ่งกว่า

  
       แม่เปิดประตู .... ความลับเปิดเผย


     ประตูไม้โอ๊คสีเข้มเปิดออกเบาๆ พร้อมเสียงฝีเท้านุ่มนวลที่เดินเข้ามา หญิงสาวในวัยสามสิบปลาย ผู้มีใบหน้าสง่างาม ผิวขาวซีดราวหยาดหิมะฤดูหนาว และนัยน์ตาสีน้ำผึ้งอ่อนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย จอง ซูคีมารดา ของ โซยอน นั่งลงเบาๆ ข้างลูกสาว ของ ตน

"โซยอน ... ลูกของแม่ ... แม่อยู่ตรงนี้แล้วนะคะ" เสียงของเธอนุ่มดั่งกลีบกุหลาบที่ร่วงลงพื้น


     มือเรียวลูบศีรษะ ของ โซยอนเบาๆ เธอสัมผัสได้ถึงอาการสั่นไหวเล็กๆ ใต้เส้นผม ของ ลูกน้ำตาเริ่มเอ่อคลอ ในดวงตาคู่งามนั้น ... แต่เธอยังยิ้ม


     "ใช้หัวใจ ของ หนู ฟังเสียง ของ หมาป่าสีขาวนะคะ โซยอน" เสียง คำพูด ของ จองซูคี เมื่อวานนี้ ยังคงดังกึกก้องขึ้น อยู่ภายในใจ ของ เด็กน้อยจองโซยอน อยู่เสมอ หลังจากนั้นเด็กหญิงวัยสิบสอง จึงเริ่มต้นการค้นหาอีกครั้ง คราวนี้การหา ของ เธอก็ยังไม่ใช่ด้วยการใช้สายตา หากแต่เป็นการตามหาด้วยสัญชาตญาณ เธอค่อยๆ ทำการหลับตาลงสักครู่หนึ่ง ในตอนนี้เธอกำลังยืนหยุดนิ่งท่ามกลางฝูงชน ดั่งรูปปั้นเล็กกลางสายลม เธอค่อยๆ เริ่มทำการปล่อยให้หัวใจเป็นเข็มทิศ และปล่อยให้เสียงเงียบในจิตใจ เป็นตัวนำพาเธอไป

      
      .... แต่ทว่าไม่มีสิ่งใดตอบกลับ ไม่มีแม้แต่เงาสีขาว

      .... ไม่มีแม้แต่เสียงเห่าหอน หรือ แม้กระทั่ง ไม่มีแม้แต่เสียง ของ ลมหายใจ ของ บางสิ่ง บางอย่างที่แตกต่างไปจากมนุษย์ธรรมดาทั่วไป





   
      เด็กหญิงตัวน้อย จองโซยอน หรือ โยนา ค่อยๆ ลืมตาขึ้น อย่างเงียบงัน เธอหันไปมองดูคุณแม่ด้วยแววตาน้อยๆ ที่เหมือนต้องการจะพูดสื่อสาร บอก กับ นางออกไปว่า


      "หนูยังไม่พบเจอหมาป่าตัวสีขาว ตัวที่แม่พูดถึงเลยค่ะ" หลังจากที่จบคำพูด ของ ลูกสาวตัวน้อยลง จองซูคีผู้เป็นแม่ทำได้แค่เพียงยิ้ม รอยยิ้ม ของ เธอเป็นยิ้มที่เข้าใจในทุกๆ ความรู้สึก ของ ลูกสาว ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้เอ่ยคำพูดใดๆ ออกไปก็ตาม แต่ก็ควรจะต้องพูดปลอบอกปลอบใจ จองโซยอน ลูกสาวตัวน้อยสุดที่รักออกไปสักนิดหนึ่ง ว่า


      "ไม่เป็นไร เลยค่ะโยนา ลูกรัก บางที ... หมาป่าสีขาวอาจจะยังให้หนู มองหานางต่อไปก็ได้นะ" หลังจากนั้นมือที่แสนอบอุ่น ของ ผู้เป็นแม่ ก็ค่อยๆ เอื้อมมาลูบศีรษะลูกน้อยเบาๆ และสำหรับจองโซยอน หรือ โยนา เธอเองก็มีความคิดเห็นว่า ไม่มีอ้อมกอดใด อบอุ่น เท่ากับ อ้อมกอด ของ แม่ อีกแล้ว และถึงแม้ว่าโชคชะตาจะเริ่มขีดเส้นให้เธอ ก้าวห่างกันทีละน้อย และแล้วหนึ่งวันในย่านกินซ่า ก็ล่วงเลยผ่านไป โดยที่ไม่มีหมาป่า ไม่มีแม้แต่เสียงเรียก แต่ทว่าที่แห่งนี้มีเพียง "ความรัก" ระหว่างแม่และลูก ที่ทั้งสองคนคงเริ่มต้นที่จะเตรียมหัวใจ ... เพื่อบอกลาในวันที่เงา ของ โชคชะตาจะนำพาเธอไปไกลแสนไกล









       

     
     

    

  

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 19648 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 5 วันที่แล้ว
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
STR
0+0
INT
0+0
LUK
0+0
POW
0+0
CHA
0+0
VIT
0+0
โพสต์ 5 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด
การพบเจอหมาป่าสีขาวลูปา 

บทกวีแห่งการร่ำลา ... ในวันที่เด็กหญิงตัวน้อยจองโซยอน หรือ โยนา ได้ตัดสินใจเลือกทางเดินตามเสียงเงียบ แห่งโชคชะตา


     เป็นระยะเวลาหลายต่อหลายวันผ่านไป ... เด็กหญิงตัวน้อยๆ เธอมีนามว่าจองโซยอน หรือ ยูนา ที่เดินเคียงข้างกาย ของ จองซูคี ผู้เป็นแม่ ของ เธอ ไปตามเมืองใหญ่ต่างๆ ของ ญี่ปุ่น จากชินจูกุ ...สู่กินซ่า และจากอาซากุสะ ... สู่โอไดบะ ตลอดการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ เด็กหญิงตัวน้อยเฝ้ามองหา หมาป่าสีขาวลูปา ตัวนั้น ตามที่แม่ ของ เธอได้ทำการบอกเล่าเอาไว้ให้เธอได้รับรู้ หากแต่ในทุกย่างก้าว ของ การเดินทางออกตามหา
เธอก็ยังไม่พบ





     กระทั่งในช่วงเวลายามเย็น ของ วันหนึ่ง เมื่อแสงอาทิตย์ กำลังจะลาลับขอบฟ้าไป หลังขอบตึกสูง
 ของเมืองฟุกุโอกะ ในบริเวณสวนเล็กริมแม่น้ำ ท่ามกลางความเงียบสงบ ของ กลิ่นไม้ และ ลมที่พัดโชยอ่อนๆ เธอก็หันไปพบเห็น หมาป่าสีขาวลูปา ที่มีร่างใหญ่สง่างาม ขนขาว ของ นางราวกับหิมะแรกแห่งฤดูหนาว นัยน์ตาสีอำพันลึกสงบ คล้ายกับทะเลนิ่งที่เคยรู้จักพายุ นางกำลังยืนอยู่นิ่งๆ ใต้ต้นซากุระที่ยังไม่ผลิดอก ดั่งกำลังรอใครบางคน โดยไม่เร่งเร้า

       
      เด็กหญิงตัวน้อยๆ จองโซยอน หรือ ยูนาหยุดยืนอยู่นิ่งๆ เธอไม่เอ่ยคำพูดใดๆ ออกมาแม้แต่นิด และเช่นเดียวกันหมาป่าสีขาวลูปา ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเอ่ยคำพูดใดออกมาเช่นเดียวกัน สายตา ของ ทั้งสองสบตากัน และกันอยู่เช่นนั้น นานพอที่จะบรรจุบทสนทนาทั้งหมดในหัวใจ แต่ทว่าในวินาทีนั้นเอง เด็กหญิงตัวน้อยจองโซยอน หรือ ว่ายูนา ก็รับรู้ว่า ถึงเวลาแล้ว





     แม่กับลูกพากันเดินทางกลับสู่โรงแรม ภายในห้องพักเต็มไปด้วยความเงียบ และไม่มีแม้แต่เสียงพูด หรือการสนทนาใดๆ เกิดขึ้น แสงไฟภายในห้อง เริ่มมืดสลัวลง ขณะที่ทั้งสองคนแม่ลูกกำลังช่วยกันจัดกระเป๋าก็เริ่มเกิดรอยยิ้มบางๆ ขึ้นมาแทนคำพูด มือที่สัมผัส มือของกัน และ กันแทนการกล่าวคำร่ำลา และสายตาที่เปียกชื้นไปด้วยหยาดน้ำตา ของ ท่านสองคน ที่บอกเล่าและแทนคำพูดว่า อย่าจากไปเลย ก่อนที่เด็กหญิงตัวน้อยๆ จะเป็นฝ่ายเริ่มต้นพูดขึ้นว่า


    

     "แม่จ๋า ..." ยูนาเอ๋ยคำพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเบา ก่อนจะพูดต่อว่า "หนูตัดสินใจแล้วค่ะ ว่าหนูจะเดินทางติดตามคุณหมาป่าสีขาวลูปา ถึงแม้ว่าหนูจะกลัว ... แต่หนูก็มีความรู้สึกว่า คุณหมาป่าสีขาวลูปา นางจะไม่มีทางทำร้ายหนู หนูรู้สึก แลัสัมผัสได้ค่ะ"



     คนเป็นแม่ค่อยๆ เริ่มพยักหน้าทั้งน้ำตา ก่อนที่เธอจะค่อยๆ เริ่มทำการยื่นกระเป๋าใบเล็กๆ ส่งให้ถึงมือ ของ ลูกสาว ริมฝีปากพยายามโค้งเป็นรอยยิ้ม พร้อม กับ เอ่ยคำพูดว่า


      "แม่เชื่อในตัวลูกเสมอนะโยนา ... และแม่จะรอวันที่ลูกกลับมา ในฐานะของใครคนหนึ่งที่ยิ่งใหญ่"




      ก่อนที่ทั้งสองแม่ลูก จะต้องร่ำลา และ จากกันไกลทั้งสองออกเดินเล่น รอบฟุกุโอกะอีกครั้ง และถ่ายภาพด้วยกล้องเก่าๆ ที่ผู้เป็นแม่พกนำติดตัวมาด้วยเสมอ หลังจากนั้นเสียงหัวเราะดังขึ้น สลับ กับ ความเงียบงัน ของ การนับเวลาถอยหลังไปด้วยอยู่ภายในใจ จนกระทั่งช่วงเวลายามค่ำคืนมาเยือนอีกครั้ง บริเวณหน้าสวนเดิมหมาป่าสีขาวลูปา ปรากฏตัวอย่างสง่างาม เด็กหญิงตัวน้อยยูนา ค่อยๆ ทำการหันไปกอดแม่แน่น การกอดครั้งนี้เป็นการกอดแน่นกว่าครั้งใดๆ ที่เธอเคยกอดมา พร้อมกับคำพูดว่า


     "ขอบคุณนะคะแม่ ที่รักหนูมากขนาดนี้ และ ขอบคุณที่ปล่อยให้หนูเลือกเดินไปตามเส้นทาง ของ ตัวเอง"



     หลังจากนั้น เด็กหญิงตัวน้อยๆ ในชุดเรียบง่าย ก็ค่อยๆ ทำการถือกระเป๋าเดินทางไว้ภายในมือหมาป่าสีขาวลูปา เริ่มออกเดินไปยังบริเวณเบื้องหน้า โดยมีเด็กหญิงจองโซยอน หรือ ว่ายูนา กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามหลังนางไป ราวกับกลัวจะหลง จากเงาอันอบอุ่น ของ โชคชะตา แต่เด็กหญิงตัวน้อยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับไป เพราะถ้าหากว่า เธอหันหลังกลับไป เธออาจจะไม่มีวันที่จะกล้าก้าวออกจากรอยเท้าแห่งความรัก ของ ผู้เป็นแม่


     เป็นระยะเวลานานแค่ไหน ก็ไม่รู้ จองโซยอน หรือโยนา เริ่มสัมผัส และ รับรู้ได้ถึงลมหายใจที่เหนื่อยล้า และข้อเท้าที่กำลังเริ่มมีอาการบาดเจ็บจากการก้าวเดิน สลับกับการวิ่งมาเป็นระยะทางที่ค่อนข้างไกลพอสมควร และในที่สุดเธอก็มาหยุดยืนอยู่ตรงบริเวณหน้าสนามบินฟุกุโอกะ แต่ทว่ายูนาไม่มีตั๋วเดินทาง และ เธอก็ไม่มีเอกสารการเดินทางใดๆ ในตอนนี้ตัว ของ เธอไม่มีสิ่งใดเลยที่จะพาเธอ เดินทางข้ามฟากฟ้า ไปได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย






          และภายใต้ความมืดสลัว ของ ค่ำคืนวันนั้น เด็กหญิงตัวน้อยๆ ยูนา แอบลักลอบผ่านทางช่องว่าง ของ สายตาไต่ขึ้นทางลำเลียงสัมภาระ ด้วยหัวใจที่กำลังเต้นแรง จนแทบจะแตกสลาย ก่อยที่เธอจะเริ่มค่อยๆ ทำการซุกตัวอยู่ในมุมมุมหนึ่ง ของ ชั้นเก็บสัมภาระ บนเครื่องบิน ภายใต้กล่องไม้ และ กระเป๋าเดินทางมากมายเธอกำลังกอดกระเป๋าเดินทาง ของ ตัวเองเอาไว้แน่น กอด กับ ความกลัว กอด กับ ความกล้าหาญ  และกอดกับความหวังทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นในช่วงที่เธอมีอายุได้สิบสองปีบริบูรณ์ และเมื่อเสียงเครื่องยนต์ ของ เครื่องบินโดยสาร เริ่มทำงาน ในตอนนี้กานเดินทาง ของ เด็กน้อยจองโซยอน หรือ ว่า ยูนา  ... ก็ได้เริ่มต้นขึ้นอย่าแท้จริง 

     โดยที่ตัวเธอเองในตอนนี้เป็นเพียง เด็กหญิงตัวน้อยๆ  ผู้ซึ่งไร้ตั๋ว และ ชื่อในการโดยสารเดินทาง แต่ทว่าเธอเป็นเด็กหญิงเพียงคนเดียว ที่โชคชะตารับรองให้เดินทางต่อ เพราะว่าเธอ คือบุตรแห่งอพอลโล ทายาทแห่งวีนัสและคือผู้ถูกเลือกให้เป็นแสงสว่างในความมืดที่กำลังจะมา

     

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 19230 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 5 วันที่แล้ว
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
123
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้