แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2025-1-23 07:52
284 ยังไม่ทันได้ออกเดินทาง ก็มี ‘งาน’ มาดักหน้าเสียแล้ว
18/01/2025 เวลา 11.45 น.
แยกจากคนรักได้ไม่เท่าไรหัวใจในอกก็เต้นหวิวอย่างประหลาด สองขาที่เดินขึ้นซับเวย์เพื่อไปยังแกรนด์เซ็นทรัลหยุดชะงัก อดใจไม่ไหวที่ต้องหยิบสมาร์ทโฟนเดดาลัสขึ้นมา จากนั้นกดโทรออกเบอร์โทรศัพท์เดียวที่ปรากฏอยู่บนเครื่อง ‘860-2941’ หมายเลขนี้ไม่มีส่วนไหนที่จำง่าย ตัวเลขทั้งเจ็ดไม่มีตัวใดเลยที่ซ้ำกัน ทว่าเขาสามารถจดจำได้อย่างขึ้นใจ
ตรู๊ดดดดด.. ตรู๊ดดดดด..
ถือสายรอหนึ่งอึดใจที่ปลายสายถึงได้รับโทรศัพท์
“ที่รัก...”
เสียงคู่สนทนาดังขึ้นที่ปลายสาย จากน้ำเสียงฟังดูงุนงง เขาได้ยินเสียงรอบข้างดังแว่วเข้ามาบ้างแต่ถือว่าระบบตัดเสียงรบกวนจะทำได้ดีประมาณนึง
“ไม่มีอะไร ฉันแค่.. ลองทดสอบดูว่าโทรศัพท์ใช้ได้จริงไหม ถ้าโทรไม่ได้จะได้เอาไปคืน” ดีนกล่าวติดตลก ซึ่งนั่นไม่ใช่ข้อเท็จจริงของเจตนา เดมิก็อดที่ลงงานในบอร์ดข่าวสารค่ายได้คงไม่ต้มตุ๋นรุ่นน้อง ดีนเงียบไปเล็กน้อยก่อนพูดต่อ “เมื่อกี้โกหกน่ะ ถ้าบอกว่าฉันแค่คิดถึงนาย… นายจะว่าอะไรไหม?”
แมคเคนซียังคงเป็นคนกวนประสาทได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย จุดนั้นทำให้ดีนทั้งหมั่นไส้และทั้งแสนรัก
“ทำไงได้ล่ะ ก็ฉันคิดแบบนั้นจริง ๆ นี่นา ตอนแรกคิดว่าเราห่างกันหน่อยคงไม่เป็นไร นายจะได้คิดถึงฉันมาก ๆ แต่กลายเป็นฉันเองเนี่ยสิ... ที่คิดถึงนายแทบบ้า”
ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังทำหน้าแบบนี้อยู่เมื่อเขาระบายความในใจออกมา ทว่าประโยคที่ได้ยินหลังจากนั้นทำให้ดีนยิ้มได้ สองขาจึงก้าวเดินต่อ รถไฟใต้ดินขบวนที่ต้องขึ้นมาถึงพอดี ดีนจึงแทรกตัวเข้าไปท่ามกลางฝูงชนที่แออัด ให้ตายสิ! ความจอแจของวันเสาร์ช่วงบ่ายช่างต่างจากช่วงเวลาเดียวกันในวันทำงานลิบลับ จนต้องพลิกเอากระเป๋าเป้มาสะพายไว้ด้านหน้ากันคนล้วงกระเป๋าเดินทาง ถึงแม้มันจะไม่มีอะไรให้น่าขโมยแม้แต่น้อยเลยก็ตาม
“แล้ว… นายเจอกับสองคนนั้นหรือยัง?” ดีนถามต่อ แขนแข็งแรงเอื้อมจับราวเหนือหัว “งั้นเหรอ.. ฉันขึ้นซับเวย์มาแล้ว กำลังไปที่แกรนด์เซ็นทรัล… นี่ แมคซี่ นายช่วยอยู่กับฉันจนกว่าฉันจะไปเจอควีนได้ไหม?”
ถึงแม้ ‘กรุณางดใช้เสียง’ จะถือเป็นมารยาทการขั้นพื้นฐานของการขึ้นรถไฟใต้ดิน แต่แล้วมันจะทำไมในเมื่อเขาไม่ได้เคร่งเรื่องแบบนี้ ดีนจึงไม่สนใจแล้วคุยต่อ
“กลัวแบตหมด? โทรศัพท์มันมีไว้คุยน่า ก็ต้องได้คุยสิ แต่โทรศัพท์รุ่นนี้แบตเตอรีอยู่ได้เป็นเดือนเลยไม่ใช่เหรอ? นายคงไปไม่ถึงเดือนหรอกมั้ง”
ดีนพอจะทราบแผนการเดินทางของคนรักมาคร่าว ๆ การไปเมืองเยลโลว์ไนฟ์ไม่ใช่ใกล้ ๆ ระยะทางมันยาวไกลเสียกว่าตอนที่เขาไปซานฟรานซิสโกแล้วต้องวกไปไมอามีก่อนกลับค่ายเสียอีก แต่ที่พูดแบบนั้นคล้ายกับบอกเป็นนัยว่า ‘นายก็รีบ ๆ กลับมาสิ’
“ถ้างั้น… ตอนแบตใกล้หมดแต่นายยังกลับมาไม่ได้ก็โทรเรียกฉัน แล้วเดี๋ยวฉันจะวาร์ปไปหาทันที แบบนี้ดีไหม?”
แม้เป็นคำกล่าวทีเล่นทีจริงแต่ไม่แน่เขาอาจจะทำแบบนั้นจริง ๆ ก็ได้ ถ้าในเมื่อความคิดถึงมันห้ามไม่ไหวแล้วล่ะก็.. ถึงภารกิจเดินทางจะกำหนดให้พาเพื่อนร่วมทางไปได้แค่สองคน แต่ถ้าจู่ ๆ ‘บังเอิญเจอกัน’ คงไม่เป็นไรมั้ง เหมือนกับที่ปาร์ตี้ของพวกเขาบังเอิญเจอกับเอมีเลียและอารีแอนน์ระหว่างทาง จากทีมเล็กกลับกลายเป็นทีมใหญ่ได้ยังไงก็ไม่รู้
“ใครจะรู้ ไม่แน่ว่าฉันอาจจะทำงั้นจริงก็ได้”
ประตูรถไฟเปิดออกสู่สถานีเบื้องหน้า ‘แกรนด์เซ็นทรัล’ การเดินทางเพียงแค่สถานีเดียวช่างสั้น คงได้เวลาที่เขาต้องวางสายแล้ว…
“ฉันถึงแกรนด์เซ็นทรัลแล้ว ต้องวางสายแล้วล่ะ” ร่างสูงถอนหายใจออกมาช้า ๆ หลังจากที่เขาถูกฝูงชนพัดพาออกจากประตูรถไฟมา “แมคซี่ ฉันขอให้นายเดินทางปลอดภัยนะ นายจะไม่เป็นไรที่รัก แล้วฉันจะรอนายกลับมา”
คล้ายไม่มีใครอยากตัดการเชื่อมต่อนี้ออกจากกัน ตั้งแต่คบกันมาได้ครึ่งปีค่อนทั้งสองไม่เคยจากกันนานเกินวัน มันจึงค่อนข้างยากเสียหน่อยสำหรับการบอกลา แม้ไม่อยากจากลาแต่ต้องทำใจ ดีนจึงต้องจำใจกดปุ่มสีแดงบนหน้าจอเพื่อวางสายด้วยความยากเย็น ลมหายใจพรูไออุ่นออกมาท่ามกลางสายลมหนาวจนเกิดเป็นฝ้าขาว
ภารกิจต่อไปคือการหาควีนที่ล่วงหน้ามาก่อน แล้วเพกาซัสที่มีปีกจะไปหลบอยู่ที่ไหนได้ล่ะถ้าไม่ใช่บนหลังคาของยอดอาคาร และเมื่อแหงนหน้ามองขึ้นไปก็เห็นอะไรบางอย่างสีดำผลุบ ๆ โผล่ ๆ อยู่บนนั้นตัดกับกระเบื้องสีเขียวอ่อนของสถานีรถไฟหลัก
. . .
12.20 น.
“เฮ้อ… กว่าจะหาทางขึ้นมาได้”
ชายหนุ่มที่เพิ่งเปิดประตูดาดฟ้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบ ดีนเสียเวลาไปนานกับการลอบเร้นขึ้นมาที่ดาดฟ้าของแกรนด์เซ็นทรัล ขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ในนิวยอร์กโดยไม่สนใจป้าย ‘เฉพาะเจ้าหน้าที่เท่านั้น’ ให้ตายสิ นับวันเขายิ่งห่างไกลจากคำว่า ‘พลเมืองดีศรีอเมริกา’ เข้าไปทุกที เอาวะ.. อย่างน้อยก็ไปเลือกตั้ง ถึงจะแพ้ก็เถอะ..
“ฮรี้!” oO(ช้ามาก!) เมื่อเจอเพกาซัสสาว คำทักทายแรกคือคำบ่น
“ฉันขอโทษ ใช้เวลาหาทางขึ้นมาหาเธอตั้งนาน อาหารเที่ยงยังไม่ได้กินเลยเนี่ย” ดีนขอโทษสัตว์พาหนะของตนเอง แต่ก็ไม่วายเรียกคะแนนสงสาร
“ฮรี้!” oO(เดมิก็อดนี่อ่อนหัดเสียจริง ตะวันยังไม่ตกดินเจ้าก็หิวเสียแล้วรึ!)
“ก็ปกติกินวันละสามมื้อนี่นา ว่าแต่เธอไม่หิวเหรอ ปกติเห็นกินหญ้าทั้งวันเลยนี่”
“ฮรี้!” oO(เสียมารยาท! เจ้าจะหาว่าข้าอ้วนอย่างนั้นรึ!) เพกาซัสดำตีโพยตีพาย
“ใจเย็นซี่ ยังไม่มีคำว่าอ้วนหลุดมาสักคำ อีกอย่างมันก็ปกติของม้าไม่ใช่เหรอที่ต้องกินหญ้าทั้งวันน่ะ”
“ฮรี้!” oO(ไม่ใช่เพกาซัสรูปงามอย่างข้าแล้วตนนึง!) มันปฏิเสธ ก็จริงมั้ง นางม้าดูห่วงภาพลักษณ์ตัวเองมากกว่าเพกาซัสอื่นหลายขุม “ฮรี้” oO(จะว่าไป ตอนร่อนลงมาเหมือนกับว่ามองเห็นความผิดปกติอะไรบางอย่าง)
“ความผิดปกติงั้นเหรอ? มันคืออะไร จะมีผลต่อการเดินทางของเราหรือเปล่านะ”
“ฮรี้” oO(ไม่รู้สิ.. ดีน เอลวิน อัลวาเรซ นีล เจ้าขึ้นมาเสียสิ ข้าจะพาเจ้าไปดู)
“โอ้ ให้ฉันขี่เธองั้นเหรอ งั้นก็รบกวนด้วยล่ะ”
อาจแปลกกว่าเจ้าของเพกาซัสอื่น ๆ ดีนเคลมควีนมาโดยที่เขาไม่เคยได้ขึ้นขี่หลังมันมาก่อนเลยสักครั้ง ซึ่งนี่จะเป็นครั้งแรกที่ดีนได้ขึ้นขี่เพกาซัสของตนเอง และนางม้าก็เป็นผู้เชื้อเชิญก่อน ร่างสูงจึงกระโดดปีนขึ้นไปบนหลังอาชาสาว จากนั้นมันก็สยายปีกโผบินขึ้นเหนือน่านฟ้า ดีนค่อนข้างกลัวนิดหน่อยว่าคนจะมองเห็นคนขี่ม้าบินหรือเปล่า ทว่าคนด้านล่างไม่มีใครมองขึ้นมา แต่ถึงจะมองเห็นพวกเขาเหล่านั้นก็ไม่สนใจ คล้ายกับว่าเห็นทั้งสองเป็นเพียงโดรนลำหนึ่งที่ได้รับอนุญาตให้บินถ่ายฟุตเทจภาพยนตร์แบบที่ชาวนิวยอร์กมักคุ้นตา
“ฮรี้!” oO(นั่น! อยู่ตรงนั้น)
ควีนเรียกให้ดูเมื่อนางบินร่อนเหนือไทม์สแควร์ ภาพที่เห็นชวนให้ขมวดคิ้ว หมอกจำนวนมากปกคลุมไปทั่วบริเวณย่านเศรษฐกิจที่คึกคักที่สุดราวกับอยู่ในหนังสัตว์ประหลาด
“แปลกจริง ๆ ด้วยแฮะ ข้างล่างนั่นคงไม่ใช่ไฟไหม้อะไรที่เลวร้ายกว่านั้นหรอกนะ”
“ฮรี้?” oO(แล้วเจ้าจะเอายังไง จะลงไปดูหรือเปล่า?) นางม้าถาม
“เอ่อ…” ดีนครุ่นคิด ด้วยเซนส์บางอย่างบอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องของตน อีกอย่างเขาไม่รู้ว่าที่ด้านล่างนั้นมีอะไรรออยู่ ถ้าเป็นรังอสุรกายล่ะก็ฉิบหายแน่นอน “ไม่ดีกว่า พวกเรายังมีเรื่องที่ต้องทำกันอีก เดินทางไปนีออมก็อีกตั้งยาวไกลเดี๋ยวพวกเราจะไม่ทันการแข่งขันเอา อีกอย่าง.. ฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ควรสอดไปยุ่ง”
“ฮรี้!” oO(ฮึ! ทำตามสัญชาตญาณส่วนตัวสินะ ตามใจเจ้าก็แล้วกัน)
ควีนพาบินวนชมสถานการณ์จากด้านบนอยู่รอบครึ่งจากนั้นนางก็พาเขาลงมาที่ตรอกซอยหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กับแกรนด์เซ็นทรัล
เอาล่ะได้เวลาออกเดินทางแล้ว! แต่ก่อนอื่น…
ชายหนุ่มนำคทาลวงใจจำลองออกมา จากนั้นเพ่งสมาธิไปยังเพกาซัสสาว ‘โอม ทุกคนจงเห็นว่าเธอเป็นเซอร์วิสด๊อก!’
“ฮรี้?” oO(นั่นเจ้าทำอะไรน่ะ?)ควีนถามเหมือนว่านางไม่รู้ตัวว่าตอนนี้มันกลายเป็นสุนัขลาบราดอร์รีทรีฟเวอร์สีดำสนิท สวมเสื้อ ‘เซอร์วิสด๊อก’ ที่มีปีกนางฟ้ามุ้งมิ้งอยู่กลางหลังในสายตาประชาชนไปแล้ว
“มายากลนิดหน่อย ให้คนไม่แตกตื่น... ไม่มีอะไรหรอก พวกเราไปกันเถอะ”
ดีนพูดโดยไม่เปิดโอกาสให้เพกาซัสสาวเอ่ยถามอะไรต่อ เขาจูงเธอเข้าไปยังสถานีรถไฟได้โดยไม่ถูกใครสงสัย
ผ่านด่านแรกมาได้แล้วดีนรีบตรงไปยังด่านต่อไปทันที นั่นก็คือเสาหินที่อยู่ใต้ป้ายชานชาลาหมายเลขเก้า ใช้ประตูลับเวทมนตร์ทะลุเข้าไปยังสถานีรถไฟเฮเฟตัส ทันทีที่เข้ามาในนี้ได้เวทมนตร์ลวงตาก็ถูกคลายออก จากสุนัขช่วยเหลือจึงกลับกลายมาเป็นเพกาซัสสีดำปลอดสู่สายตาประชาชี
ชายหนุ่มไปที่ตู้ขายตั๋ว ปกติไม่เคยพาสัตว์เลี้ยงที่ตัวใหญ่กว่าลูกสิงโตไปไหนมาไหนด้วยสิ ไม่รู้ว่าเขาจะโหลดควีนขึ้นรถไฟได้ไหม แต่เชื่อว่าระดับเทพเฮเฟตัสย่อมทำได้ มันต้องมีตู้สำหรับบรรทุกสัมภาระขนาดใหญ่บ้างแหล่ะ
แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรหนุ่มสายเลือดโพไซดอนก็ได้ถูกเรียกตัวไว้โดยเจ้าหน้าที่สถานีที่เป็นลาเมียสาวคนเดิมกับที่เคยเจอตอนออกไปทำหลาย ๆ ภารกิจ
“คุณดีน เอลวิน อัลวาเรซ นีล ใช่ไหมคะ ท่านเฮเฟตัสขอเรียกพบคุณเป็นการส่วนตัวค่ะ”
“ผมเหรอ?” หนุ่มผิวน้ำผึ้งชี้หน้าตัวเอง ดวงตาหวานเบิกกว้างด้วยความตกใจ ไหงจู่ ๆ เทพเจ้าถึงเรียกพบล่ะ หรือว่า… “เอ่อ.. การพาเพกาซัสเข้ามาถือว่าผิดกฎเหรอครับ?”
“คิก.. ไม่ใช่ค่ะ คุณพาเพกาซัสหรือสัมภาระที่ใหญ่กว่านั้นเข้ามาได้ เพียงแต่ท่านเฮเฟตัสต้องการปรึกษาอะไรบางอย่างด้วยเฉย ๆ”
“ปรึกษาผม?” ยิ่งงงกว่าเดิม เทพแห่งการช่างจำเขาสลับกับลูกชายสักคนในบ้านหรือเปล่านะ? แต่พ่อแม่ที่ไหนจะตั้งชื่อลูกยาวเฟื้อยแบบนี้อีกก็เลยถามให้ชัดเพื่อความแน่ใจ “แน่ใจใช่ไหมว่าคือ ดีน เอลวิน อัลวาเรซ นีล ไม่ใช่ ดีน อัซวาล อิลวาเรซ หรืออะไรทำนองนั้น...”
“ถูกต้องแน่นอน! ขอให้คุณตามมาก่อนเถอะค่ะ ส่วนเพกาซัสทางสถานีจะดูแลให้เป็นการชั่วคราว ทางนี้มีคอกพักสัตว์อสุรกายให้บริการอยู่ด้วยค่ะ” เจ้าหน้าที่สาวบอก
“ก็ได้ครับ แต่ว่าขอผมไปส่งควีนก่อน ต้องดูให้ชัดว่าเธอจะไม่ถูกเอาไปขังในที่แย่ ๆ”
“แบบนั้นก็ได้นะคะ ถ้าอย่างนั้นตามมาทางนี้ค่ะ” กล่าวจบเจ้าหน้าที่ลาเมียร์ก็เลื้อยนำไป
“ไปกันควีน”
“ฮรี้?” oO(ไปกันอะไร.. เมื่อกี้เจ้าคุยอะไรกับนาง?)
ควีนถามด้วยความงุนงง จากที่สนทนากันยืดยาวเมื่อครู่เพกาซัสสาวฟังอะไรไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย อาจด้วยเพราะลาเมียร์นางนั้นไม่สามารถสื่อสารเป็นภาษาม้าได้จึงไม่เข้าใจ ซึ่งนั่นสร้างความงุนงงกับดีนนิดหน่อย เพราะเวลาที่เขาพูดกับทุกคนก็ขยับปากด้วยภาษาอังกฤษเหมือนกัน
“อ้าว เธอฟังไม่ออกงั้นเหรอ แปลกจังแฮะ ฉันก็ใช้ภาษาเดียวกันพูดกับทุกคนแท้ ๆ แต่ช่างเถอะ.. คืองี้ อยู่ ๆ เทพเฮเฟตัสเรียกฉันเข้าพบทำไมก็ไม่รู้ เลยต้องไปหา ส่วนเธอไปด้วยไม่ได้ เจ้าหน้าที่เลยจะพาไปฝากที่คอกม้าในสถานีไว้ก่อนน่ะ”
“ฮรี้!” oO(คอกม้า? ฮึ! นี่ข้าต้องรออยู่ในคอกสี่เหลี่ยมแคบ ๆ อีกแล้วรึ)
“เอาน่า ๆ ขอโทษด้วยนะ ฉันก็ไม่คิดว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ ถูกเรียกไปพบด้วยเรื่องอะไรก็ยังไม่รู้เลย หวังว่าฉันจะไม่เผลอทำอะไรผิดจนถูกสาปเข้าหรอกนะ”
คอกพักม้าในสถานีรถไฟไม่ใหญ่โตแต่ก็ดูแล้วไม่ลำบาก ไม่ใช่เป็นเพียงแค่คอกสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ เหมือนบนรถขนส่งม้า แต่ยังมีฟางนุ่ม ๆ และน้ำสะอาดให้สัตว์อสุรกายได้พักผ่อนและดื่มกิน หลังจากที่ฝากควีนไว้แล้วก็ได้เวลาเข้าพบเทพเจ้าเสียที
. . . 13.00 น.
“ขออนุญาตค่ะท่านเฮเฟตัส ดิฉันพา ดีน เอลวิน อัลวาเรซ นีล มาพบท่านแล้วค่ะ”
ลาเมียร์สาวรายงานก่อนจะถอยฉากออกมา ปล่อยให้ดีนเผชิญหน้ากับชายที่ยืนหันหลังดูบอร์ดผังรถไฟที่ถูกจัดวางอย่างสะเปะสะปะเพียงลำพังในห้อง ‘ผู้จัดการทั่วไป’ หลังได้ยินเสียงทักชายผู้นั่นก็หันกลับมา เขาเป็นชายวัยกลางคน ผมสีดอกเลา สวมแว่นตา ในมือมีไม้เท้าที่ช่วยพยุงตัว
“สวัสดีครับ เอ่อ… คุณคือ เทพเฮเฟตัส?”
เฮเฟตัสยิ้มให้เล็กน้อยที่มุมปากก่อนจะพยักหน้าลง
“ใช่ แต่เจ้านั่งลงก่อนเถิด ดีน เอลวิน อัลวาเรซ นีล”
‘ให้ตายสิ.. วันนี้จะถูกเรียกด้วยชื่อเต็มอีกกี่รอบกันนะ!’
ดีนได้แต่คิดในใจบอกใครไม่ได้ไปพร้อมกับปั้นหน้ายิ้ม เทพแห่งการช่างผายมือไปทางเก้าอี้ เขามองมันอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ตอนอ่านบันทึกของเพอร์ซีย์เห็นมีบทนึงที่เขียนถึงเก้าอี้จับล็อคแน่นหนึบกระดุกกระดิกไปไหนไม่ได้ด้วยสิ แต่คล้ายเทพอ่านใจออก
“นั่นเป็นเก้าอี้ธรรมดาที่ไร้กลไก แต่หากไม่ไว้ใจ อยากจะยืนก็เรื่องของเจ้า”
“เอ่อ… นั่งก็ได้ครับ” คิดว่าถ้าไม่นั่งจะดูไม่ดีก็เลยนั่งลงตามที่เทพบอก ไม่งั้นอาจโดนสาปอย่างที่กังวลไว้ในครั้งแรกก็ได้ “แต่ว่า.. คุณเรียกผมแค่ ดีน นีล ก็พอ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ นีล” เฮเฟตัสตอบ ซึ่งเจ้าของนามสกุลไม่ได้ว่าอะไร ออกจะห่างเหินหน่อยแต่ก็เข้าใจได้ “ที่ข้าเรียกเจ้ามาในวันนี้มีเรื่องอยากไหว้วาน ข้าได้ข่าวลือเรื่องของเจ้าที่ค่ายฮาล์ฟบลัดมาบ้าง ได้ยินว่างานดีทีเดียว”
“ข่าว… หมายถึงหนังสือพิมพ์เฮอร์มีสเหรอครับ แล้วที่ว่างานดี.. ผะ...ผมไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าผมน่ะงานดี ตะ..แต่ว่าพวกเทพเห็นผมกับแฟนไปถึงไหนต่อไหนกันแล้วเนี่ย! แล้วคุณจะ.. จะใช้งานดีของผมเหรอ!?”
จากบทสนทนาและท่าทางหวงตัวจนโอเวอร์แอคติ้ง ทำเอาเทพแห่งการช่างกลอกตา อยากริบคำชมคืนเสียนี่กระไร
“เข้าใจผิดแล้ว ที่ข้าบอกว่า 'งานดี' หมายถึงงานคู่มือค่ายฮาล์ฟบลัดและตารางสอนของเจ้าที่ทำได้ดีต่างหาก”
“อ๋ออออออ แหะ ๆ ขอบคุณที่ชมครับ” พอความจริงกระจ่างก็ได้แต่ยิ้มแหยแล้วเกาหัวแก้เก้อ
“นั่นคือเหตุผลที่ข้าให้คนไปดักรอเจ้าไว้ ข้าอยากมอบหมายงานสำคัญให้เจ้า… จัดเรียงข้อมูลแผนการเดินรถทั้งหมดของสถานีรถไฟเฮเฟตัสทุกสาขาเท่าที่ได้ข้อมูลมาในตอนนี้ งานนี้มีค่าตอบแทนให้ หวังว่าเท่านี้คงพอ”
เฮเฟตัสกระเทาะไม้เท้าลงกับพื้น จากนั้นเงินจำนวนหนึ่งก็กองอยู่ตรงหน้า คะเนจากสายตาดูแล้วน่าจะราว ๆ หนึ่งร้อยดรักม่าได้ ซึ่งนั่นมากพอที่จะดึงดูดให้คนขี้งกที่เพิ่งเสียทรัพย์ก้อนใหญ่ไปตาลุกวาว และตอบรับทันทีโดยไม่คิดอะไรทั้งสิ้น
“รับครับ!”
“ดี” เฮเฟตัสยิ้มมุมปาก “งั้นเจ้าก็เริ่มงานได้เลย ทรัพย์ยากรที่มีอยู่ในห้องนี้เจ้าก็จัดการใช้งานให้เต็มที่ล่ะ”
“ได้เลยครับคุณเฮเฟตัส แล้วผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง!”
ชายหนุ่มยกมือขึ้นตะเบ๊ะนายจ้างคนใหม่ กลิ่นของดรักม่าที่มากกว่าได้มาจากภารกิจเสี่ยงตายช่างหอมหวาน และแล้วชายหนุ่มก็ตกเป็นทาสนายทุนโดยไม่รู้เลยว่างานที่ต้องทำมากมายจนทำเอาเขาต้องโอดครวญภายหลัง…
รับงานจากเฮเฟตัส: เริ่มจัดทำผังรถไฟทุกสถานี
HEROES (วีรบุรุษผู้โปรดปราน) โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+25
|