หลังจากวันอันยาวนานที่เต็มไปด้วยซ่อมและซ่อมและซ่อม ในที่สุดไมอา เจ๊ใหญ่แห่งบ้านเฮเฟตัสก็ปล่อยเสียงถอนหายใจออกมาแรง ๆ ขณะล้มตัวลงนั่งบนโซฟาของบ้าน ท่าทางของเธอแสดงให้เห็นถึงความเหนื่อยล้าจากการทำงานหนักตลอดทั้งวัน
“เฮ้อ ซ่อมบ้านเสร็จสักทีเหนื่อยสายตัวแทบขาด” เธอพูดพร้อมกับยืดตัวขึ้นแล้วบิดขี้เกียจสองสามที เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
“ขอโทษด้วยนะคะพี่ไมอาที่ฉันไม่ได้อยู่ช่วยพี่ซ่อมบ้านเลย” เอโลอิสพูดเสียงอ่อน น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดที่คราวนี้ไม่ได้ช่วยทุกคนซ่อมบ้านเลยเพราะเพิ่งฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ เรียกได้ว่าตอนนี้ก็แทบจะหายดีเต็มร้อยแล้ว
“ไม่เห็นจำเป็นต้องขอโทษเลย เธอไปพักรักษาตัวน่ะถูกแล้ว พวกฉันเองก็ไปเที่ยวกันสนุกสนานหารู้ไม่ว่าเธอกับสุมิตรกำลังลำบากต่อสู้อยู่ที่ค่ายนี่” ไมอาพูดอย่างเข้าใจและไม่ถือสา เธอหัวเราะเสียงดังพร้อมยกมือขึ้นตบไหล่เอโลอิสสองสามทีดังป้าบ ป้าบ ป้าบ!
“โอ๊ย!!!” เอโลอิสถึงกับสะดุ้งเมื่อโดนฝ่ามืออรหันต์ของพี่สาวฟาดเข้าให้ แขนที่เพิ่งหายดีบัดนี้เหมือนจะกลับมามีรอยช้ำเล็กน้อยเสียแล้วล่ะ
“อะไรกันเนี่ย เธอบอบบางขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันแตะนิดแตะหน่อยทำเป็นโอดโอย” ดูเหมือนว่าไมอาจะไม่ทันรู้ตัวว่าเธอเองมือหนักเพียงใด ก่อนที่เธอจะเปลี่ยนเรื่อง “เอ้อ! จริงสิวันก่อนฉันเจอเจ้าหน้าจืด”
“หน้าจืด? ใครอะ?” เอโลอิสขมวดคิ้วสงสัยแล้วถามออกไป
“ก็คนที่มาหาเธอที่บ้านคราวก่อนไง”
“อ๋อ…คนชื่อดีนอะเหรอ” เอโลอิสเริ่มนึกถึงชายหนุ่มที่เคยมาที่บ้าน แต่แบบนั้นไม่น่าจะเรียกว่าหน้าจืดได้เลยด้วยซ้ำ ออกจะฟีลหนุ่มละตินเข้ม ๆ มากกว่า
“ใช่ เขาให้กาวร้อนอะไรมาก็ไม่รู้บอกว่าติดทนให้เอามาใช้ซ่อมบ้าน ฉันอยากจะรู้จริงหมอนั่นจบสถาบันไหนมาถึงใช้กาวซ่อมบ้านได้”
“แล้วพี่ได้ใช้ไหม?” เอโลอิสถามต่อด้วยความอยากรู้
“ใช้ก็บ้าแล้วน่ะสิ อย่ามาดูถูกสกิลการสร้างชาวเฮเฟตัสเชียว คราวก่อนตอนเห็นสภาพที่ลูกคุณดีมาช่วยซ่อมเข่าฉันแทบทรุด ยังดีที่ซ่อมกลับมาจนเหมือนเดิมได้ เอาเป็นว่ากาวนั่นฉันไม่ใช้เธอก็เอาไปแล้วกันเผื่อจะมีประโยชน์สักวัน” ไมอาพูดไปพร้อมส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ เหมือนกำลังนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้
“ฉันจะเอากาวนี่ไปทำอะไรกัน?”
“ไม่รู้สิ เผื่อเผลอทำอะไรซุ่มซ่ามของตกแตกก็คงใช้ได้มั้ง อย่าถามมากเลยรับ ๆ ไป”
“ก็ได้” เอโลอิสถอนหายใจแล้วยอมรับกาวมาไว้ในมืออย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
ก่อนที่เอโลอิสจะได้พูดอะไรมากกว่านี้จู่ ๆ เสียงเคาะประตูหน้าบ้านก็ดังขึ้น เธอขอตัวจากไมอาก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับเคอร์ติสเพื่อดูว่าใครมาเคาะประตู เมื่อเปิดประตูออกไปก็พบเข้ากับชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหน้า ท่าทางก็ดูภูมิฐานดีแต่เธอไม่รู้จัก จะว่าไปหน้าตาเขาก็เหมือนกับอีธาน ฮันต์ ยังไงก็ไม่รู้ ด้วยความสงสัยเธอจึงเอ่ยถามผู้มาเยือนออกไป
“สวัสดีค่ะ คุณลุงมาหาใครหรือเปล่าคะ?”
“เย้ยยยยย! คุณเอโลอิสเรียกแบบนั้นไม่ได้นะขอรับ…เคอร์ติส คาราวะท่านเทพซุสขอรับ!” เคอร์ติสถึงกับสะดุ้งเฮือกกับคำพูดของเอโลอิส ก่อนจะรีบถวายความเคารพมหาเทพอย่างลุกลี้ลุกลน
“ทะ…เทพซุส!” เอโลอิสตาเบิกกว้างตัวแข็งทื่อดูเหมือนเธอจะเผลอพูดอะไรที่เสียมารยาทออกไปเสียแล้ว
“ใช่…ข้าเอง” ซุสตอบเสียงราบเรียบ
“ตะกี๊ไม่ได้ตั้งใจ เอโลอิสขออภัยท่านเทพซุสค่ะ” ใบหน้าของเอโลอิสเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย เธอก้มหน้างุดเหมือนพยายามหลบสายตาของมหาเทพ ใจหนึ่งก็รู้สึกกลัวว่าจะโดนเทพสาปเข้าให้
“ท่านเทพมาเยือนถึงที่นี่เชิญเข้ามาด้านในก่อนขอรับ” เคอร์ติสกล่าวเชื้อเชิญเทพซุสให้เข้าไปในบ้าน น้ำเสียงของมันฟังยังไงก็คือกำลังประจบอยู่ชัด ๆ
“ไม่ต้องหรอกข้ามีธุระเล็กน้อย เสร็จแล้วก็จะไป” เทพซุสปฏิเสธที่จะเข้าไปด้านในเหมือนตั้งใจว่าจะรีบไปรีบกลับ
“ธุระอะไรเหรอขอรับ?” เคอร์ติสเอียงคอเล็กน้อย
“ที่ข้ามาในวันนี้ก็เพื่อที่จะแสดงความยินดีแก่พวกเจ้าที่เป็นหนึ่งในผู้ชนะการประกวดสัตว์เลี้ยงจากผลการประเมินของเหล่าเทพโอลิมเปียนทั้งสิบสององค์ และข้า…ในนามมติสภาโอลิมปัส ขอมอบรางวัลนี้แก่เจ้าในฐานะสัตว์อสูรจอมเท่” คำพูดของเทพซุสทำให้บรรยากาศรอบตัวของเอโลอิสกับเคอร์ติสรู้สึกเหมือนกับอยู่ในงานประกาศรางวัลอันทรงเกียรติอะไรสักอย่าง จนกระทั่งประโยคสุดท้ายที่หลุดออกจากปากเทพซุสนั้นทำให้เอโลอิสได้แต่คิดแล้วก็สงสัย…
“ห้ะ?...” เอโลอิสติดสตั๊นพร้อมกระพริบตาปริบ ๆ
“เจ้าฟังไม่ชัดเหรอ งั้นข้าจะประกาศอีกรอบ”
“มะ…ไม่ใช่ค่ะ เพียงแต่…จอมเท่งั้นเหรอคะ?” เอโลอิสแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง
“คุณเอโลอิสไม่คิดว่ากระผมเท่เหรอขอรับ” คำถามของเคอร์ติสทำให้เอโลอิสรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
“จริง ๆ มันก็…” เอโลอิสพยายามคิดหาคำตอบเลี่ยง ๆ ที่จะไม่ทำให้เจ้านกกระทารู้สึกเสียใจ แต่คำตอบก็ยังไม่ออกมาง่ายๆ
“ไม่คิดเคยสักนิดเหรอขอรับ” เคอร์ติสยังคงถามเพื่อความแน่ใจ ถ้านกร้องไห้ได้ป่านนี้เคอร์ติสคงน้ำตาคลอแล้ว
“เอาน่าช่างมันเถอะไปรับรางวัลซะ” เอโลอิสเปลี่ยนเรื่องในใจของเธอไม่ได้คิดว่าเคอร์ติสนั้นเป็นมีความเท่เลยสักนิด ตอนแรกเธอคิดว่าเทพซุสจะพูดถึงเคอร์ติสว่าเป็นอสูรเอาฮามากกว่า
“จงรับรางวัลของเจ้าไปเสีย”
คำสั่งของเทพซุสทำให้เอโลอิสต้องก้าวไปข้างหน้าและรับกล่องรางวัลจากเขา ใบหน้าของเคอร์ติสที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ดูเหมือนจะมีรอยยิ้มแฝงไปด้วยความภูมิใจอย่างเห็นได้ชัด รางวัลนี้มันดูเหมือนจะมีความหมายมากสำหรับมัน เห็นแบบนั้นแล้วเอโลอิสก็ไม่คิดจะพูดอะไรมากมายให้เสียเรื่อง
“ขอบคุณค่ะ” เอโลอิสพูดออกไปพร้อมกับรับกล่องจากเทพซุสอย่างระมัดระวัง แม้ว่าในใจจะยังเต็มไปด้วยคำถามว่ามันเท่ตรงไหนวะ? แต่เธอก็พยายามทำตัวให้เป็นธรรมชาติที่สุด
“หมดธุระของข้าแล้ว ข้าขอตัวก่อน คราวหน้าคราวหลังก่อนจะเรียกใครว่าลุงช่วยเช็คก่อนว่าเขาคือใคร”
“คะ…ค่ะ” เอโลอิสถึงกับปาดเหงื่อ
หลังจากนั้นเทพซุสก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าเขาไม่เคยมาที่นี่มาก่อนเลย ทันทีที่เขาหายไปจากสายตาของทั้งสอง บรรยากาศโดยรอบก็กลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง เอโลอิสยังคงยืนมองไปที่จุดที่เทพซุสหายตัวไป พวกเทพนี่มาเร็วไปเร็วจริง ๆ เลยนะ…
รับขวดกาววิเศษ มาจาก NPC ไมอา งาตา
รางวัลสัตว์อสูรจอมเท่: 20 ดรักม่า, +1 ตื่นรู้ , +15 คะแนนบ้าน และ หินแห่งปัญญา
รางวัลเข้าร่วมกิจกรรม: 200 พลังใจ , 15 ดรักม่า , 2,000 ดอลลาร์
+1 ตื่นรู้ และ +30 คะแนนบ้าน
และเสบียง ช็อกโกแลต 20 ชิ้น และ น้ำทิพย์ 2 ขวด