-05.01.25 / 02:25PM.-
ช่วงเวลาเดือนแรกของปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่อาจเชื่องช้าไปหน่อยสำหรับแมคเคนซี ตั้งแต่เข้าวันปีใหม่มาเขารู้สึกว่าตัวเองพักผ่อนไม่เพียงพอเอาเสียเลย ความฝันแปลกประหลาดที่เหมือนจริงอันน่าพรั่นพรึงยังคงตามหลอกหลอนเวลาหลับตานอน แม้จะเกิดขึ้นแบบวันเว้นวันแต่ก็ยังจดจำเหตุการณ์ทุกอย่างได้ดี และเขาจะสะดุ้งตื่นทุกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเด็กคนนั้นกรีดร้องอย่างทุกข์ทรมาน จนทำให้แมคเคนซีไม่อยากให้เวลานอนหลับมาถึงตามไปด้วย
“ไง เจ้าเด็ก !…โอ้ สาบานไหมว่านั่นหน้านาย อย่างกับหมีแพนด้าอิมพอร์ตมาจากประเทศจีน”
ซิลเวอร์พี่คนโตของบ้านทักขึ้นมาแบบนั้นเมื่อตอนพวกเขาพบกันที่ห้องเก็บตำรา ในมือเจ้าตัวถือตำรา ‘เวทย์ขั้นสูงและเวทย์ต้องห้าม’ อยู่ ซึ่งแมคเคนซีก็รู้ตัวดีแบบไม่มีข้อโต้แย้ง ด้วยความเป็นคนผิวขาว พอใต้ตาคล้ำเข้าหน่อยจึงเป็นที่สังเกตได้อย่างชัดเจน และใช่…เขานอนไม่หลับติดกันมา 4-5 วันแล้ว
“ช่วงนี้พี่แมคดูโทรม ๆ นะฮะ ไม่สบายหรือเปล่า”
จูลี่น้องเล็กของบ้านถามด้วยความเป็นห่วงมาจากตรงหน้าเตาต้มยาสมุนไพร คงจะกำลังคิดค้นสูตรยาใหม่ ๆ เหมือนเช่นเคย
“อืม…นอนไม่ค่อยหลับน่ะ ช่วงนี้—-”
“นายกับเจ้าเด็กบ้านโพไซดอนทำการบ้านกันหนักไปหน่อย ใช่ไหม ฮ่า ๆๆ”
ยังพูดไม่ทันจบประโยคก็ถูกซิลเวอร์ขัดเข้าเสียก่อน ถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายอายุมากกว่าและเป็นพี่ร่วมมารดา แมคเคนซีคงเอาสันหนังสือที่เพิ่งหยิบมาเคาะกลางศีรษะหมอนั่นไปแล้ว
“ตลกคนเดียวเถอะซิลเวอร์ ผมฝันไม่ค่อยดี…ถ้านับเมื่อคืนด้วยก็ฝันแบบเดิมมาสามวันแล้ว”
หนุ่มอังกฤษนั่งลงตรงโซฟาฝั่งตรงข้ามพี่ชายตนเอง เอนหลังทิ้งพิงพนักอย่างเหนื่อยล้า
“โทษทีน่า ว่าแต่ฝันไม่ดีเรื่องเดิมซ้ำ ๆ งั้นเรอะ…เรื่องอะไรล่ะ อยากเล่าให้ฟังหน่อยไหม”
จากที่กำลังหัวเราะชอบใจซิลเวอร์ก็เลิกคิ้วด้วยความสงสัย หนังสือที่อ่านค้างไว้ถูกปิดลงแล้วหันมาสนทนาเรื่องที่น่าสนใจกว่าแทน
“เขาว่ากันว่าถ้าฝันร้ายแล้วเล่าให้คนอื่นฟัง ฝันร้ายจะกลายเป็นดีนะฮะ”
แม้กระทั่งจู่ลี่เองก็ปิดแก๊สหม้อต้มยาแล้วมานั่งลงด้านข้างเขา แววตาสีอำพันสดใสฉายความเป็นห่วงชัดเจน
“……….คือ…เรื่องมันเป็นอย่างนี้…”
แมคเคนซีมองหน้าพี่น้องทั้งสองของตนเองสลับกันอย่างลังเล มันไม่ใช่ความลับที่เล่าไม่ได้ เพียงแต่เขากลัวว่าหากพูดออกไปจะถูกหาว่าไร้สาระ แต่อย่างที่บอก…เขาฝันถึงเรื่องนี้มาถึงสามครั้งสามคราแล้ว ไม่แน่ว่าสิ่งที่เขากำลังเจอ…อาจไม่ใช่แค่ ‘ฝันร้าย’
.
.
.
“อืมมมมมม…ฉันว่าเรื่องนี้มันไม่ธรรมดา”
หลังจากฟังที่แมคเคนซีเล่าจบ วงสนทนาก็ตกอยู่ในความเงียบ สุดท้ายซิลเวอร์ที่ลูบคางใช้ความคิดชั่วครู่จึงพูดขึ้นมา
“ฉันว่า…นายลองไปปรึกษาเรเชลดูไหม เธออาจช่วยอะไรได้”
“เรเชล…?”
แมคเคนซีทำหน้าสงสัย รู้สึกคุ้น ๆ ชื่อนี้เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
“คุณเรเชลที่พวกเราไปช่วยเธอที่ถ้ำเทพพยากรณ์เมื่อตอนพวกอสุรกายบุกค่ายไงฮะ คุณเรเชลเป็นเทพพยากรณ์แห่งเดลฟี เวลาใครอยากเดินทางไปฝึกฝนตัวเองก็จะไปขอคำพยากรณ์กัน แต่คุณเรเชลก็ช่วยให้คำปรึกษาเรื่องต่าง ๆ ได้นะฮะ”
จูลี่ช่วยอธิบายเสริมให้เหมือนเคย ภาพของหญิงสาวผมสีแดงเพลิงผุดขึ้นมา แมคเคนซีนึกออกแทบจะในทันที
“คุณเรเชล…คนนั้นเอง ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ งั้นผมขอตัวก่อน จูลี่ปรุงยาเสร็จอย่าลืมปิดเตาให้เรียบร้อยนะ”
"เรื่องเล็กน้อย นายรีบไปเอาวิญญาณหมีแพนด้าออกจากร่างเถอะ"
หนุ่มเยอรมันชี้ใต้ตาตนเองแล้วแลบลิ้นอย่างล้อเลียนไม่สมอายุ แมคเคนซีจึงให้รางวัลด้วยการหยิบหมอนอิงแถวนั้นปาอัดหน้ากวน ๆ นั่นไปสักที ซึ่งอีกฝ่ายก็เพียงแค่หัวเราะลั่นกลับมาเท่านั้น เขายิ้มให้พี่ชายด้วยความรู้สึกขอบคุณ ก่อนจะขยี้เส้นผมสีบรอนซ์อ่อนของจูลี่เบา ๆ พร้อมกับเตือนให้ระวังเรื่องฟืนไฟแล้วลุกไปเก็บหนังสือเข้าที่เดิมให้เรียบร้อยก่อนจะออกจากบ้านตรงไปยังถ้ำเทพพยากรณ์
