‘เอโลอิส’ เกิดในครอบครัวของแม่เลี้ยงเดี่ยวฐานะปานกลางค่อนไปทางลำบาก ณ เมืองกัลเวย์ ประเทศไอร์แลนด์ ตั้งแต่จำความได้เธอไม่เคยพบพ่อของตนเลยสักครั้งและเข้าใจมาตลอดว่าพ่อของเธอเสียไปนานแล้ว เมื่อใดที่ถามเรื่องพ่อก็มักจะไม่ได้ข้อมูลอะไรจาก ‘ฟิโอน่า’ ผู้เป็นแม่แม้แต่น้อย เพราะจะถูกเลี่ยงตอบหรือเปลี่ยนหัวข้อในการสนทนาอยู่เสมอ จนเธอเลิกถามไปเองในที่สุด ถึงจะยังเก็บความสงสัยนั้นตลอดมาก็ตาม
ด้วยความที่แม่ของเธอเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ดูแลเธอเพียงลำพังจึงทำให้ต้องเป็นเสาหลักของบ้านไปโดยปริยาย ฟิโอน่านั้นทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง กลับบ้านไม่ค่อยเป็นเวลา สองแม่ลูกจึงแบ่งหน้าที่ในบ้านกันชัดเจนมาตั้งแต่เอโลอิสโตพอที่จะจับไม้กวาดเป็น โดยแม่จะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องการหาเงินและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในครอบครัว ส่วนหน้าที่งานบ้านทั้งหมดตกเป็นของเอโลอิส รวมถึงงานช่างเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น การซ่อมไฟ ซ่อมท่อประปา เธอก็สามารถทำมันได้ราวกับเป็นเรื่องถนัดเพื่อประหยัดเงินไม่ต้องเสียค่าจ้างช่าง สาเหตุที่ต้องประหยัดเพราะเอโลอิสต้องเข้าพบแพทย์อยู่สม่ำเสมอเพื่อรักษาอาการสมาธิสั้นที่มีมาตั้งแต่เกิด เธอมักจะจดจ่อกับอะไรเป็นเวลานานมากไม่ได้ และต้องเปลี่ยนกิจกรรมเป็นประจำ แม้จะเป็นเด็กหัวดีแต่ผลการเรียนกลับลุ่ม ๆ ดอน ๆ อันเป็นผลจากโรคสมาธิสั้นของเธอ
ชีวิตของเอโลอิสและแม่ดำเนินมาอย่างสงบสุขจนกระทั่งเมื่อเธอมีอายุ 12 ปี เหตุการณ์ประหลาดก็เริ่มเกิดขึ้นกับเธออย่างไม่ทราบสาเหตุ เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเห็นสิ่งมีชีวิตเหมือนสัตว์ประหลาดที่ปลายเตียงเวลานอน บางครั้งก็ประสบอุบัติเหตุจากเหตุไม่คาดฝันแต่ก็รอดมาได้ทุกครั้งไป เธอกับแม่ต่างลงความเห็นตรงกันว่าอาจเป็นคราวซวยหรือช่วงดวงตกในชีวิต ประกอบกับตัวเองเป็นโรคตาบอดกลางคืนเลยอาจทำให้มองเห็นสิ่งต่าง ๆ ในตอนกลางคืนได้ไม่ชัดเจนจนจินตนาการไปเองว่าเป็นสัตว์ประหลาด
เรื่องราวดำเนินมาจนเอโลอิสอายุ 17 ปี เหตุการณ์ประหลาดยังคงเกิดขึ้นอยู่ต่อเนื่องจนเธอเริ่มจะชินชา เอโลอิสมาอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในชีวิตอีกครั้งเมื่อเธอกำลังจะเรียนจบไฮสคูล เธอวางแผนที่จะทำ Gap Year สักหนึ่งปีก่อนจะเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย ในวันหนึ่งขณะที่เธอเดินทางไปห้องสมุดโรงเรียนเพื่อคืนหนังสือทั้งหมดที่ยืมมาก่อนที่จะปิดเทอม วันนั้นห้องสมุดเงียบผิดปกติ มีเพียงเธอกับบรรณารักษ์ใหม่อยู่ด้วยกันสองคนในห้อง เอโลอีสเกิดได้ยินเสียงประหลาดขึ้นจึงเดินตามเสียงนั้นไปจนถึงโซนหนังสือเกี่ยวกับเทพปกรณัมกรีก ยังไม่ทันที่เธอจะเอื้อมแตะหนังสือมันก็เกิดขยับเองก่อนที่จะมีอสุรกายหน้าตาน่ากลัวออกมาจากหนังสือแล้วจ้องจะเล่นงานเธอ เอโลอิสตกใจเป็นอย่างมากเธอส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือและพยายามวิ่งหนีลัดเลาะชั้นหนังสือภายในห้องสมุด แต่อสุรกายนั้นมีความว่องไวไม่แพ้กันมันกระโจนเข้าหาเธอ แต่แล้วบรรณารักษ์คนนั้นก็เข้ามาขวางพร้อมใช้ดาบในมือแทงอสรุกายและปราบมันได้สำเร็จ ก่อนที่จะพาเธอหนีออกมาจากห้องสมุดและไปส่งที่บ้าน
หลังจากกลับมาถึงบ้านบรรณารักษ์สาวคนนั้นได้แนะนำตนเองว่าชื่อ ‘นอร่า’ ก่อนจะอธิบายสถานการณ์ต่าง ๆ ให้เธอฟังว่าตอนนี้เธอไม่ปลอดภัยที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไปพร้อมเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้ฟิโอน่าแม่ของเธอฟัง ตอนนั้นเองที่แม่ของเธอได้ยอมปริปากเล่าความจริงเรื่องพ่อที่เธออยากรู้มาตลอด และได้รู้ว่าแท้จริงแล้วพ่อของเธอยังไม่ตาย เอโลอิสรู้สึกสับสนเพราะเรื่องราวที่แม่ของเธอเล่ามันออกจะดูน่าเหลือเชื่อเกินไปสักหน่อย แต่เมื่อประกอบกับเหตุการณ์ที่เธอเพิ่งประสบพบเจอมามันก็มีโอกาสที่เรื่องที่แม่เล่าจะเป็นเรื่องจริง นอร่าเองก็บอกว่าเป็นคนพิเศษเหมือนกับเธอและแนะนำให้เธอรู้จักกับค่ายฮาล์ฟบลัดซึ่งนอร่าเคยเป็นอดีตรุ่นพี่ของค่ายมาก่อน ที่แห่งนั้นตั้งอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของการผจญภัยในแผ่นดินใหม่ที่เธอไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน…