17/02/25 8.10 น. - 9.45 น.
บทที่ 41
เช้านี้อากาศโปร่ง ลมเย็นพัดมาจากมหาสมุทรแอตแลนติก ท้องฟ้าไร้เมฆบดบัง เป็นวันที่เหมาะแก่การออกไปเดินเล่น หลังจากเมื่อวานที่เขาไปดูบอร์ดหินและบังเอิญโดนมันโกง(?) อย่างไร้เยื่อใย คูเปอร์ก็ตัดสินใจแล้วว่า "เขายังไม่อยากไปทำภารกิจ" และจากความรู้สึกของเขาตอนนี้ "ไม่น่าจะใช่เร็ว ๆ นี้ด้วย" ดังนั้น วันนี้เขาตัดสินใจจะออกมาเดินเล่นนอกค่าย ให้ไกลขึ้นจากเมื่อวาน และปล่อยใจให้สบาย...
...ซึ่งไกลในที่นี้หมายถึง นิวยอร์ก
(เอาจริง ๆ จากลองไอส์แลนด์มานิวยอร์กก็ไม่ได้ไกลขนาดนั้นหรอกนะ)
การเดินทางในวันนี้ยังคงใช้บริการเจ้าเก่าเจ้าเดิม "แท็กซี่สามพี่น้องเทา" ถึงแม้เขาจะเคยบอกตัวเองหลายครั้งว่า "จะไม่ขึ้นอีกแล้ว" แต่สุดท้ายก็ต้องเรียกใช้อยู่ดี และพูดตามตรง... บางครั้งเขาก็แอบ ติดใจความเร็วของพวกนางนิด ๆ
"นายมั่นใจนะว่าต้องการไปไชน่าทาวน์?" พี่สาวคนโตถาม ขณะที่ตาซ้ายของเธอลอยอยู่ที่คอนโซลหน้ารถ
"แน่นอน" คูเปอร์ตอบเรียบ ๆ
"โอเค งั้นจับให้แน่นล่ะ"
และก่อนที่เขาจะทันตั้งตัว รถแท็กซี่ก็พุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรุนแรงราวกับติดเครื่องเจ็ต ขับฝ่าเส้นทางที่ไม่มีใครมองเห็นและตัดผ่านการจราจรที่ปกติควรจะติดขัดของนิวยอร์กด้วยความเร็วระดับที่สามารถทำให้มนุษย์ธรรมดาหัวใจวายตายได้ โชคดีที่เขานั่งรถพวกนางมาหลายรอบแล้ว... เลยเริ่มชิน
ไชน่าทาวน์, นิวยอร์ก
เมื่อเท้าของคูเปอร์แตะพื้น เขาก็ต้องใช้เวลาตั้งหลักสักพักเพื่อให้ร่างกายกลับมาอยู่ในสภาวะปกติ
"ให้ตายสิ... ต่อให้นั่งจนชินก็เถอะ มันก็ยัง—"
รถแท็กซี่สามพี่น้องเทาหายไปแล้ว ก่อนที่เขาจะได้บ่นอะไรต่อ
"...เร็วเกินไปไหม?"
เขาถอนหายใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองรอบ ๆ
ไชน่าทาวน์เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ผู้คนเดินขวักไขว่ตามท้องถนน ร้านค้าริมทางตั้งเรียงราย กลิ่นอาหารจีนหอมกรุ่นลอยมาเตะจมูกกลิ่นหมั่นโถว ก๋วยเตี๋ยวเป็ดปักกิ่ง และติ่มซำลอยมาตามลม คูเปอร์พ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ ภารกิจคราวที่แล้วเขาก็มานิวยอร์กก็จริง แต่ก็มาแบบเช้าเย็นกลับ เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการต่อสู้จนแทบไม่มีโอกาสได้เที่ยว ตอนแรกก็นึกว่าจะได้เดินชิล ๆ หลังจบภารกิจ...
เขานึกย้อนถึงเหตุการณ์ตอนช่วยเทพีฮีบี้ เมื่อลงจากภารกิจเสร็จ พวกเขาก็เหนื่อยล้าจนแทบขยับร่างกายไม่ไหว ความตั้งใจจะเดินเที่ยวก็ถูกล้มเลิกไปโดยปริยาย แต่วันนี้... ไม่มีภารกิจ ไม่มีหมอกประหลาด ไม่มีภาพหลอนจากความทรงจำ มีแค่ตัวเขาเอง กับบรรยากาศในเมืองที่ยังคึกคักเสมอ
คูเปอร์เริ่มก้าวเดินไปเรื่อย ๆ ลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอยของไชน่าทาวน์ พยายามซึมซับบรรยากาศให้ได้มากที่สุด เขาหยุดดูขนมเปี๊ยะหน้าตาน่ากินจากร้านข้างทาง มองพ่อค้ากำลังโชว์ฝีมือดึงเส้นบะหมี่สด ๆ และเผลอฟังการต่อราคาของลูกค้ากับแม่ค้าไปด้วย บางครั้งเขาก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้มกับบทสนทนาแปลก ๆ อย่างชายชราที่กำลังต่อรองราคาปลาแห้งอย่างเอาเป็นเอาตาย หรือเด็กน้อยที่พยายามจะคว้าขนมจากร้านโดยที่แม่ของเธอไม่ทันสังเกต
เสียงตะโกนเรียกลูกค้าของพ่อค้าแม่ค้า ผสมกับเสียงพูดคุยภาษาจีนที่เขาพอฟังออกนิดหน่อย ทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ในอีกโลกหนึ่ง กลิ่นธูปจากศาลเจ้าเล็ก ๆ ลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ ผสมกับกลิ่นอาหารนานาชนิดที่ชวนให้รู้สึกหิวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
เขาเดินผ่านซุ้มขายเครื่องรางจีน สายตากวาดมองยันต์โชคลาภสีแดง โคมไฟกระดาษ และรูปปั้นกวนอูที่ตั้งเรียงรายอยู่บนชั้น มีร้านหนึ่งที่ดึงดูดสายตาของเขาเป็นพิเศษ เพราะเจ้าของร้านกำลังนั่งแกะสลักจี้หยกด้วยมืออย่างประณีต คูเปอร์มองดูอย่างสนใจ ก่อนจะหันไปเห็นแผ่นป้ายไม้ที่เขียนไว้ว่า "เครื่องรางแท้จากเส้าหลิน"
"นายสนใจอะไรเป็นพิเศษไหม?" เสียงแม่ค้าสูงวัยดังขึ้น
"แค่ดูเฉย ๆ ครับ" คูเปอร์ตอบกลับด้วยรอยยิ้มมารยาท
แม่ค้าหัวเราะ "เครื่องรางพวกนี้มีเรื่องเล่ามากมาย ว่ากันว่าบางชิ้นเคยผ่านการครอบครองของผู้วิเศษมาแล้ว"
"เหรอครับ?" เขาพยักหน้าเล็กน้อย แม้จะรู้ว่า 90% ของของพวกนี้อาจจะเป็นแค่เรื่องเล่าทางการตลาด แต่ 10% ที่เหลือ...ก็อาจจะจริงก็ได้
เมื่อเดินออกจากร้านเครื่องราง คูเปอร์ก็อดไม่ได้ที่จะหยุดมองรถเข็นขายเกาลัดย่างที่ตั้งอยู่ริมถนน คนขายกำลังใช้ที่เขี่ยเหล็กพลิกเกาลัดไปมาเหนือเตาถ่าน กลิ่นหอมหวานลอยมาแตะจมูกจนทำให้เขาตัดสินใจควักเงินซื้อหนึ่งถุง
"ขอบคุณครับ" เขาพยักหน้ารับถุงกระดาษสีน้ำตาลมา ก่อนจะหยิบเกาลัดร้อน ๆ ขึ้นมาเป่าแล้วกัดเข้าไป รสชาติหอมมัน อุ่นมือดีด้วย
เขาเดินกินเกาลัดพลางสำรวจตรอกเล็กตรอกน้อยไปเรื่อย ๆ ผ่านร้านขายชาสมุนไพรที่มีกล่องชาเรียงรายเป็นสิบ ๆ แบบ ผ่านโรงน้ำชาเก่าแก่ที่มีเสียงเครื่องดนตรีจีนดังลอดออกมา และผ่านซอยแคบ ๆ ที่เต็มไปด้วยผนังอิฐสีแดงและโปสเตอร์ภาษาจีนเก่า ๆ
บรรยากาศที่นี่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความมีชีวิตชีวา คูเปอร์อดคิดไม่ได้ว่า เฮอร์มีสคงจะชอบที่นี่ เพราะมันเต็มไปด้วยข้าวของแปลก ๆ และการต่อรองราคาที่ดุเดือด
ในขณะที่เขากำลังคิดอะไรเพลิน ๆ ดวงตาก็เหลือบไปเห็นป้ายร้านบะหมี่ที่เขียนว่า "บะหมี่เป็ดสูตรต้นตำรับ"
"...จริงหรอ"
คูเปอร์หยุดยืนมองร้านนั้นอยู่นานพอสมควร ระหว่างที่กำลังตัดสินใจว่าจะเดินเข้าไปดีไหม เพราะหลังจากเดินเที่ยวมาสักพัก ท้องก็เริ่มร้องประท้วงขึ้นมาเบา ๆ
แต่ก่อนที่เขาจะได้ก้าวเข้าไปในร้าน เสียงดัง "แกร๊ก!" ก็ดังขึ้นจากตรอกด้านข้าง
เขาชะงัก หันไปมองต้นเสียง มันเป็นตรอกเล็ก ๆ ที่เงียบสงัด ไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน
แล้วนั่นเองที่สายตาของเขาสะดุดเข้ากับบางสิ่งที่ซ่อนตัวอยู่ข้าง ๆ รถที่จอดอยู่
มันมีลักษณะคล้ายเครื่องจักร... แต่ก็คล้ายวัว...
ร่างขนาดมหึมาทำจากโลหะทองสัมฤทธิ์ มีเขาสีเงินแวววาว ดวงตาเป็นประกายทับทิมที่ส่องแสงแปลกประหลาด และมันกำลังแฝงตัวอยู่ข้าง ๆ รถที่จอดเรียงรายอยู่ ราวกับต้องการพรางตัวให้ดูกลมกลืน
"วัวโคลคีส..."
"ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่?"
คูเปอร์ขยับตัวอย่างระมัดระวัง เขากวาดตามองรอบ ๆ ไม่มีคนอยู่แถวนี้ ไม่มีแม้แต่กล้องวงจรปิด สถานที่กว้างพอที่จะต่อสู้ได้...
(และรวมถึงหนีด้วย ถ้าจำเป็น)
แต่ไม่มีเวลาให้คิดมากไปกว่านี้ เพราะทันทีที่เขาหยิบหอกออกมา—
แกร๊ก!
วัวโคลคีสขยับตัว หันมาประจันหน้ากับเขา ดวงตาทับทิมเรืองแสงขึ้น ก่อนที่เสียงคำรามโลหะจะดังขึ้น
เปลวไฟสีส้มแดงพวยพุ่งออกมาจากปากของมัน!
"โอ้ ไม่นะ!"
คูเปอร์กระโจนหลบอย่างฉับไว เปลวไฟพุ่งผ่านเฉียดไปเผาผนังด้านหลังเป็นสีดำ
"แย่ล่ะสิ..."
เขาไม่มีพลังต้านไฟ และวัวตัวนี้ก็เป็นโลหะทั้งตัว เล่นแรงไม่ได้เพราะอาจทำให้ไฟลุกลาม หรือทำให้วัวคลั่งจนสร้างความเสียหายไปทั่ว
ต้องใช้สมองมากกว่ากำลัง
เขากลั้นหายใจ ก่อนจะพุ่งไปด้านข้าง หลอกล่อให้วัวพ่นไฟใส่ที่ผิดจุด แล้วอาศัยจังหวะที่มันหยุดเพื่อชาร์จพลังโจมตี แทงเข้าไปที่รอยต่อขาขวาหน้า
เสียงโลหะบดกระทบกันดังสนั่น วัวโคลคีสกระตุกก่อนที่พลังงานของมันจะดับลงในที่สุด
คูเปอร์ยืนนิ่ง หอบหายใจเบา ๆ
"นี่ฉันแค่มาเดินเล่นนะ..."
หลังจากนั้นไม่นาน ร่างของวัวโคลคีสก็เริ่มสั่นสะท้านก่อนที่โลหะทองสัมฤทธิ์จะค่อย ๆ แตกร้าว เสียงก้องต่ำดังขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่มันจะสลายกลายเป็นฝุ่นสีทอง ลอยฟุ้งขึ้นกลางอากาศแล้วจางหายไป หลงเหลือไว้เพียงสินสงครามที่ตกอยู่เบื้องหน้า
คูเปอร์ถอนหายใจอย่างโล่งอก ขยับไหล่เพื่อคลายความตึงเครียด ก่อนจะก้มลงสำรวจสิ่งที่ตกอยู่ มันเป็นเศษโลหะขนาดไม่ใหญ่นัก แต่เมื่อเขาลองเอื้อมมือไปแตะ ก็ต้องรีบดึงกลับแทบไม่ทัน
“โอ้โห ร้อนเป็นบ้า…”
แม้ว่าเปลวไฟของวัวโคลคีสจะดับไปแล้ว แต่ความร้อนจากร่างกายของมันยังคงหลงเหลืออยู่ โลหะชิ้นนั้นร้อนจนแทบจับไม่ได้ และดูไม่มีทีท่าว่าจะเย็นลงในเร็ว ๆ นี้
คูเปอร์ยืนมองมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ
“ก็ได้… งั้นก็ปล่อยมันไว้ที่นี่ละกัน”
เขาหันหลังเดินออกไปโดยหวังว่า ใครบางคน ที่มีภูมิคุ้มกันไฟ หรืออย่างน้อยก็มือหนาพอจะหยิบมันขึ้นมาได้ จะผ่านมาเจอและเก็บมันไปใช้ประโยชน์ต่อเอง
"...โอเค ได้เวลากลับไปเดินเที่ยวต่อซะที"
หลังจากเจอวัวพ่นไฟมาแบบไม่ทันตั้งตัว คูเปอร์ก็รู้สึกว่าเขาสมควรได้กินอาหารดี ๆ สักมื้อ
เขาเดินกลับออกไปจากตรอกแคบ ๆ ทันทีที่พ้นจากเงาตึก เสียงจอแจและบรรยากาศคึกคักของไชน่าทาวน์ก็ต้อนรับเขากลับมาอีกครั้ง ราวกับเมื่อครู่ไม่มีการต่อสู้อะไรเกิดขึ้น
คราวนี้เขาตั้งใจเดินหาของกินอย่างจริงจัง กลิ่นหอมของอาหารลอยมาจากทุกทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นซาลาเปานึ่งร้อน ๆ หมูแดงย่างเกลือในตู้กระจก หรือหม้อไฟที่กำลังเดือดปุด ๆ อยู่ในร้านเล็ก ๆ ข้างทาง
สุดท้าย คูเปอร์ก็หยุดที่ร้านบะหมี่เป็ดที่เขาเล็งไว้ก่อนหน้านี้ เข้าไปนั่งในร้านเล็ก ๆ ที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยเสียงพูดคุย พอได้กลิ่นน้ำซุปร้อน ๆ และเสียงเส้นบะหมี่ถูกลวกในน้ำเดือด เขาก็รู้สึกว่าตัดสินใจถูกแล้วที่เลือกที่นี่
เมื่อชามบะหมี่เป็ดถูกวางลงตรงหน้า คูเปอร์ก็ไม่รอช้า เขาใช้ตะเกียบคีบเส้นขึ้นมา พลางเป่าให้คลายร้อนก่อนจะลองซดน้ำซุป
"โอ้โห…" เขาพึมพำกับตัวเอง น้ำซุปเข้มข้นกลมกล่อม ส่วนเป็ดก็หนังกรอบเนื้อนุ่มพอดี ฟังดูอาจจะเป็นแค่มื้ออาหารธรรมดา ๆ แต่สำหรับคนที่เพิ่งผ่านการต่อสู้มาเมื่อกี้ นี่มันเหมือนของขวัญจากโอลิมปัส
เขากินบะหมี่ไปเรื่อย ๆ อย่างไม่เร่งรีบ ปล่อยให้ตัวเองได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ หลังจากจัดการกับชามบะหมี่เสร็จ เขาก็สั่งน้ำเก๊กฮวยเย็น ๆ มาดื่มอีกแก้ว รสหวานอ่อน ๆ กับความเย็นจากน้ำแข็งช่วยให้เขารู้สึกสดชื่นขึ้นทันตา
หลังจากอิ่มท้องแล้ว คูเปอร์ก็กลับไปเดินเล่นในตลาดต่อ คราวนี้เขาตั้งใจมองหาร้านของที่ระลึก เพราะคิดว่าน่าจะซื้ออะไรติดมือกลับไปเป็นที่ระลึก
เขาเดินผ่านร้านขายพัดกระดาษที่มีลวดลายวาดด้วยมือ หยุดดูพ่อค้ากำลังสาธิตการพับกระดาษเป็นรูปสัตว์ ก่อนจะสะดุดเข้ากับร้านขายถ้วยชาที่เรียงรายเป็นชั้น ๆ มีลวดลายสีฟ้าขาวคลาสสิก บางใบก็เป็นลายมังกร บางใบเป็นดอกเหมย
"สนใจชุดชารึเปล่า?" แม่ค้าถามพร้อมรอยยิ้ม
คูเปอร์มองถ้วยชาก่อนจะยิ้มมารยาทอีกครั้ง "ขอบคุณครับ แค่ดูเฉย ๆ"
เขาเดินต่อไปเรื่อย ๆ อย่างไม่มีจุดหมาย ผ่านซอยที่มีร้านขายโมจิญี่ปุ่น ร้านขายผลไม้สดที่มีทุเรียนและลิ้นจี่วางเรียงกันอยู่ และสุดท้ายก็ไปหยุดที่ร้านหนังสือมือสอง
ร้านหนังสือเล็ก ๆ แห่งนี้ซ่อนตัวอยู่ในซอยแคบ ๆ ภายในเต็มไปด้วยชั้นไม้สูงที่อัดแน่นไปด้วยหนังสือ คูเปอร์เดินเข้าไปอย่างสนใจ กวาดตามองสันหนังสือที่มีทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน บางเล่มเก่าจนกระดาษเริ่มเปลี่ยนสี แต่ก็ดูมีเสน่ห์ในแบบของมัน
ระหว่างที่เดินสำรวจ เขาหยุดที่ชั้นหนังสือด้านหลังสุด นิ้วไล้ไปตามสันหนังสือเล่มหนึ่งที่ดูเก่ากว่าปกติ และเมื่อเขาหยิบออกมาดู...
“ตำราวิชาอาคมแห่งเอเชียตะวันออก”
คูเปอร์เลิกคิ้ว เขาพลิกดูเนื้อหาในเล่ม พบว่ามีการพูดถึงยันต์จีน การใช้สมุนไพร และเรื่องเล่าของภูตผีในวัฒนธรรมเอเชีย อ่านผ่าน ๆ แล้วก็ไม่ได้ดูเหมือนเป็นหนังสือเวทมนตร์จริง ๆ แต่มันก็น่าสนใจดี
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตัดสินใจซื้อหนังสือเล่มนั้นติดมือกลับไปด้วย เพราะอย่างน้อยมันก็เป็นของที่ระลึกจากวันนี้
เมื่อออกจากร้านหนังสือ คูเปอร์ก็กวาดตามองรอบ ๆ ฟ้าในตอนนี้ยังคงเป็นสีฟ้าสดใส แสงแดดยังคงแรงกำลังดี ทอดเงาเป็นเส้นยาวบนพื้นถนน แม้ว่าเขาจะเดินสำรวจไชน่าทาวน์มาพักใหญ่ แต่พอมองนาฬิกาก็พบว่า
"เอาจริงดิ ยังไม่ถึงเที่ยงเลยเหรอ?"
เขาอุตส่าห์คิดว่าเดินมาได้นานพอสมควรแล้ว แต่ดูเหมือนว่ายังเหลือเวลาอีกมาก ก่อนที่เขาจะต้องกลับค่าย
"งั้นไปที่อื่นต่อดีกว่า"
หลังจากคิดได้ดังนั้น คูเปอร์ก็ตัดสินใจออกจากย่านไชน่าทาวน์ ขึ้นรถไฟใต้ดินที่ใกล้ที่สุด และปล่อยให้ตัวเองไปตามเส้นทางของความคิดที่ยังไม่ได้กำหนดจุดหมายปลายทางที่แน่นอน
...บางที นิวยอร์กยังมีอะไรให้เขาสำรวจอีกเยอะก็ได้
+ 2 ตื่นรู้ จากการพิชิตวัววัวโคลคีส ครั้งแรก
ไม่ได้เก็บสินสงครามเนื่องจากไม่มีพลังทนทานไฟ และขวดน้ำสำหรับใช้ราด รวมถึงพลังควบคุมน้ำ
หลักฐานการพิชิต
https://percyjackson.mooorp.com/dzs_npccomrade-fight?aid=652