[ย่านควีนส์] ท่าอากาศยานนานาชาติเจเอฟเค (จอห์น เอฟ. เคนเนดี้)

[คัดลอกลิงก์]

หากท่านเป็นกึ่งเทพผู้หลงทาง สามารถสมัครสมาชิกเข้าร่วมกับเราได้ที่นี่ https://t.me/+etLqVX17bGg5ZjBl

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา ลงทะเบียน

×


ท่าอากาศยานนานาชาติเจเอฟเค (จอห์น เอฟ. เคนเนดี้)






ท่าอากาศยานนานาชาติจอห์น เอฟ. เคนเนดี หรือเดิมคือ

ท่าอากาศยานไอเดิลไวล์ด เป็นท่าอากาศยานนานาชาติ

ที่ตั้งอยู่ในเขตชุมชนจาเมกา, ควีนส์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของนครนิวยอร์ก

อยู่ห่างจากตอนใต้ของเกาะแมนแฮตตันประมาณ 19 กิโลเมตร


เจเอฟเค เป็นประตูหลักสำหรับผู้โดยสาร

ที่จะเดินทางมายังสหรัฐ[5] และยังเป็นจุดขนส่งสินค้า

ที่สำคัญของประเทศอีกด้วย


ท่าอากาศยานแห่งนี้บริหารงานโดยการท่าเรือนิวยอร์กและนิวเจอร์ซีย์

ซึ่งเป็นผู้ดูแลท่าอากาศยานแห่ง 3 แห่ง ในเขตเมืองนิวยอร์กและปริมณฑล

ได้แก่ นูอาร์ก ลิเบอร์ตี, ลากวาเดีย และเทเตอร์โบโร

โดยทั้งหมดนี้เจเอฟเคเป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุด และยังเป็นฐาน

การให้บริการของเจ็ตบลู แอร์เวย์ รวมทั้งเป็นท่าอากาศยานหลักของ

เดลต้า แอร์ไลน์ และอเมริกัน แอร์ไลน์






แสดงความคิดเห็น

God
โพสต์ 5576 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-3-19 23:29
โพสต์ 2024-3-21 11:20:24 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Daemon เมื่อ 2024-3-21 11:23



Hello America




เดม่อนเลือกมุมท้ายแถวของที่นั่งบนเครื่อง เขางีบหลับตลอดเส้นทาง ด้วยคิดว่าบนอากาศแล้วคงจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ซุสคงจะช่วยปกป้องได้ถ้าซุสไม่เล่นงานเขาซะเอง จนเสียงประกาศแจ้งจุดหมายปลายทางใกล้ถึง ก็ทำให้เดม่อนตื่นขึ้น ก่อนมองลอดหน้าต่างบนเครื่องมองจากที่สูงเสียดฟ้าดูนิวยอร์กเบื้องล่าง


'ลิเลียน่า ตอนนี้เธอจะเป็นไงบ้างนะ' เดม่อนมองแผ่นฟ้าพลางหวนนึกถึงลิเลียน่า ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันทำไมถึงนึกถึงลิเลียน่าได้ หากจะเพราะเธอเป็นเพื่อนที่เขาสนิทมากที่สุดในค่ายและเปรียบเสมือนอาจารย์ของเขาอีกก็ได้ 


เมื่อเครื่องลงจอด เดม่อนเดินตามพลเรือนลงจากเครื่อง เขาเดินเข้าสู่ภายในอาคารผู้โดยสารขาออก ก่อนชะงักเมื่อมีบางอย่างมาต้อนรับเขาถึงที่ ซึ่งเขาแน่ใจเลยว่าอสุรกายตัวนั้นมารอเขาชัด ๆ มันมองเขาตาเป็นมัน น้ำลายไหลยืดราวกับกระหายอย่างมาก และเขาตาไม่ฝาดใช่ไหม ทำไมเขาเห็นนกฮูกเกาะคานไม้ใกล้ ๆ มองดูพวกเขา 


นกฮูก ... เทพีอะธีน่างั้นเหรอ นางจะมาจ้องมองอะไรเขาเนี่ย.... 


"ถ้าเป็นท่านจริง ทำอะไรสักอย่างตรงหน้าสิ" ดูเหมือนมันฟังผมรู้เรื่อง แต่มันทำหน้าเชิดหยิ่งไม่สนที่ผมพูดและมองต่อไป ราวกับกำลังรอชมละครสนุก ๆ ว่าผมจะถูกกินหรืออีกฝ่ายจะถูกจัดการลง


อสุรกายกินซากศพ และเจ้าตัวนี้ดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าตัวที่เขาเจอที่ตลาดนัดอีกมาก ก็แหงสิดูขนาดตัวมันใหญ่กว่ามาก และยังกรงเล็บยาวกริบนั่นอีกที่ครูดไปกับพื้นชวนเสียวฟัน


เดม่อนหยิบโล่และดาบออกมาถือไว้ ตั้งท่ารับมือ เขายกดาบตีกระทบโล่เรียกอีกฝ่ายเข้ามา 


อัลกูลดูเหมือนมันฉลาดขึ้นแปลก ๆ ซึ่งมันทำหน้าเอียงมอง ราวกับจะบอกผมว่า กูไม่โง่เปิดก่อน ก่อนมันเดินชิลด์ ๆ ไปมา สายตาผมไปเห็นแผ่นหลังตอนมันเดืนหันไปทางซ้าย เหมือนอักขระรูปนกฮูกสลักบนผิวมันเรืองแสง ผมหันไปมองนกฮูกตัวนั้น มันทำหน้าแบบไม่รู้ไม่ชี้


ผมไม่รอช้าวิ่งพุ่งไปหามัน ก่อนวิ่งได้ครึ่งทางก็ปาโล่กระแทกหน้ามัน ก่อนจะคว้าโล่ที่กระเด้งกลับมา และกระโดดฟาดฟัน อัลกูลที่เพิ่งโดนโล่กระแทกหน้า มันเงยหน้าขึ้นมามองก่อนกระโดดถอยไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว


อัลกูลมันใช้จังหวะที่ผมฟาดกำลังจะดึงดาบ ตะครุปข่วนผมจนแขนทั้งสองข้างเกิดรอยแผลเลือดไหล ก่อนผมตวัดดาบขึ้นมาและฟาดมันสวนคืน


เดม่อนพุ่งโจมตีมันอีกครั้ง คราวนี้เขาวิ่งใกล้ถึงตัวก่อนสไลด์ตัวเอง และตวัดดาบฟาดลำตัวมัน  ก่อนปาโล่กระแทกมันกระเด็นไป โล่กระเด็นกลับมาเขากระโดดมือขวายื่นออกไปจับโล่ แะใช้โล่ทุบเข้าเต็ม ๆ หัวมัน ก่อนแทงมันซ้ำอย่างกระหน่ำ จนร่างกายอัลกูลค่อย ๆ สลายเป็นฝุ่นละอองสีทอง


เดม่อนแทงสะปั้นครั้งสุดท้ายก่อนร่างอัลกูลค่อย ๆ สลายเป็นฝุ่นละอองสีทอง เขาเก็บสินสงครามและออกวิ่งออกจากสนามบิน เพราะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเป่านกหวีดเรียกเขา ตะโกนบอก คนร้ายฆ่าเด็กทารก ก็โกยสิครับ เจอแบบนี้ ไม่งั้นเขาคงได้ไปนอนกินข้าวแดงในคุกนิวยอร์กแน่






รางวัลจากพลเรือนที่ช่วยชีวิต: 100 ดอลลาร์






แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 12020 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-3-21 11:20
โพสต์ 12,020 ไบต์และได้รับ +4 EXP +5 เกียรติยศ +5 ความศรัทธา จาก เปลี่ยนชุดใจปรารถนา  โพสต์ 2024-3-21 11:20
โพสต์ 12,020 ไบต์และได้รับ +4 เกียรติยศ +4 ความกล้า +4 ความศรัทธา จาก ล็อคเก็ตรูปหัวใจ  โพสต์ 2024-3-21 11:20
โพสต์ 12,020 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 เกียรติยศ +4 ความกล้า จาก รองเท้าเซฟตี้  โพสต์ 2024-3-21 11:20
โพสต์ 12,020 ไบต์และได้รับ +2 ความกล้า +3 ความศรัทธา จาก กำไลหินนำโชค  โพสต์ 2024-3-21 11:20

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1เงินดอลลาร์ +100 ย่อ เหตุผล
God + 100

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
มนต์มหาเสน่ห์
ดาบเธซีอุส
หมวกนีเมียน
ทักษะดาบ
นาฬิกาสปอร์ต
แปลงร่าง
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
รองเท้าเซฟตี้
กำไลหินนำโชค
หอมเย้ายวน
ตาหลากสี
เกราะหนัง
โล่อัสพิส
โรคสมาธิสั้น
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
เสน่ห์อันเลิศล้ำ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x9
x7
x10
x1
x2
x1
x11
x2
x8
x1
x2
x1
x3
x2
x1
x18
x1
โพสต์ 2025-1-5 20:06:02 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Daemon เมื่อ 2025-1-5 20:08








Daemon  Kannel

5 · มกราคม · 2025
 · 18.00 น.
             เดม่อนแพ็คกระเป๋าเป้ เขาไม่มีอะไรมากนอกจากของใช้ส่วนตัวเท่านั้น และอาวุธรวมถึงแหวนเธซีอุส เขาถอดมันเก็บไว้ในกระเป๋าเป้ เมืองปิซาเป็นที่ ๆ สุดท้ายที่พ่อพาเขาไปเที่ยวและมีความทรงจำครั้งสุดท้ายที่มีความสุขกับพ่อ...

            เดม่อนแปลงกายเป็นนกพิราบเพื่อบินเข้ามาในนิวยอร์ก ตอนนี้สภาพเขาดูเหมือนพิราบแบกเป้ใบจิ๋วกำลังมุ่งหน้าไปยังสนามบิน หวังว่าคืนนี้จะมีตั๋วบินไปปิซาสักเที่ยว...

             คุณคงสงสัยสินะว่าทำไมเดม่อนต้องเลือกเดินทางไกลแถมยังไปถิ่นยุโรปที่อันตรายสำหรับเขา อีกนัยหนึ่งเขาคงอยากจะไปหาอะไรระบายกับความรู้สึกภายในใจที่รู้สึกปวดตุบ ๆ อย่างอธิบายไม่ถูก ทั้งที่เขาเลือกยอมรับและเข้าใจการตัดสินใจลิเลียน่า บางทีเพราะข่าวลือในค่ายทำให้เธอกับเขาถูกมองเป็นคู่รักทั้งที่เราเป็นเพื่อนสนิท เธออาจจะขอเลือกเว้นระยะห่างกับผมเพื่อไม่ให้ข่าวลือหนักข้อขึ้นไปอีก แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมในใจของผมถึงโหวง ๆ ยังไงไม่รู้ ความรู้สึกที่ผมเองก็ยากจะอธิบายให้คุณผู้อ่านได้เข้าใจ

            เดม่อนหยุดหน้าเคาน์เตอร์สนามบิน เขากำลังมองเที่ยวบินที่จะไปยังปิซา ก่อนจะเดินไปหาพนักงานเพื่อซื้อตั๋ว โชคดีที่ราคาตั๋วไม่แพงเกินไปในเวลานี้ เขายังพอจะจ่ายได้จากเงินเก็บจากงานที่ทำสะสมมาเล็กน้อย

           "สวัสดีครับ ผมอยากจะจองเที่ยวบินไปเมืองปิซา" เขายิ้มทักทายพนักงานสาว โดยไม่รู้ตัวว่า เสน่ห์ของบุตรแห่งอะโฟรไดท์กำลังแผ่รัศมีออกไป

            "532 USD ค่ะ"  เธอบอกพร้อมกับส่งยิ้มหวาน "แต่ถ้าน้องอยากได้ส่วนลดพิเศษ พี่  ขอเบอร์โทรหน่อยได้มั้ยคะ?"

           เดม่อนหัวเราะแห้ง "เอ่อ... คือผมไม่มีมือถือน่ะครับ" ก่อนเขาจะควักธนบัตรและเหรียญออกมานับอย่างทุลักทุเล

           "นี่ครับ 532 USD"

           พนักงานสาวยิ้มอย่างเสียดาย "งั้นก็ไม่ได้ส่วนลดสิคะ เสียดายจัง"

           เดม่อนรับตั๋วเครื่องบินมาพร้อมกับถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาไม่ถนัดที่จะปฏิเสธคนอื่นเอาซะเลย

           เขาเดินไปยังจุดรอเครื่องขึ้น พลางแปลงกายเป็นชายหนุ่มหน้าตาธรรมดาที่พบเห็นได้ทั่วไป เพื่อหลบเลี่ยงสายตาของอสุรกาย

           ในระหว่างที่รอเครื่อง เดม่อนนั่งเหม่อลอย ใบหน้าเศร้าหมอง ความทรงจำเมื่อไม่นานมานี้ผุดขึ้นมาในหัว

             เดม่อนตื่นขึ้นในห้องพยาบาล หลังจากพิธีไว้อาลัยเอลลิสผ่านไป เขาเดินค้ำไม้เท้า ไปยังกองไฟเฮสเทีย เพื่อวางช่อดอกไม้

             เขาเหลือบไปเห็นลิเลียน่าที่เพิ่งกลับมาจากภารกิจ

             "ยัยฉลาด!" เดม่อนร้องเรียก

             ลิเลียน่าหันมามอง แต่แววตาของเธอกลับว่างเปล่า

             "บาดเจ็บขนาดนี้นอนพักที่ห้องพยาบาลไม่ดีเหรอ?" เธอพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

             เดม่อนชะงักไป "แค่นี้เอง ไม่เป็นไรหรอก" เขาพยายามยิ้ม "จริงสิ ภารกิจที่เฮติเป็นยังไงบ้าง?"

             ลิเลียน่าขมวดคิ้ว "ภารกิจที่เฮติ? นายเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ?"

             เดม่อนตกใจ "เธอ... จำผมไม่ได้เหรอ?"

             ลิเลียน่าส่ายหน้า "ฉันไม่รู้จักนาย"

             ในตอนนี้เดม่อนรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังทลายลงต่อหน้าต่อตา เขามักจะเห็นภาพฉากนี้วนเวียนไปแบบรวบรัดและเน้นย้ำอยู่ตลอด และความรู้สึกบางอย่างที่ปะทุในใจเขาทำให้เขาแปลกประหลาดมากขึ้น


           เสียงประกาศเรียกขึ้นเครื่องดังขึ้น ปลุกให้เดม่อนตื่นจากภวังค์แห่งความทรงจำ  เขาลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า เดินไปขึ้นเครื่องเหมือนคนไร้วิญญาณ


           บนเครื่องบิน เดม่อนเลือกที่นั่งริมหน้าต่าง เขาทอดสายตามองท้องฟ้ากว้างเบื้องล่าง เมฆสีขาวลอยละล่องราวกับปุยฝ้าย ตัดกับสีฟ้าเข้มของท้องฟ้า อาณาจักรแห่งซุส... เขาได้แต่สวดภาวนาถึงซุส  เสียงเครื่องยนต์ดังครางเบา ๆ ชวนขับกล่อมให้รู้สึกผ่อนคลาย  แต่ทิวทัศน์อันงดงามเหล่านั้น ก็ไม่อาจจะเยียวยาหัวใจที่แหลกสลายของเขาได้


           "ทำไม..."  เขาครุ่นคิดในใจ  "ทำไมเธอถึงลืมผมกันนะ? หรือว่าเธอโกรธที่ผมโกหก เรื่องที่ดีทรอยต์?  หรือว่า..."


           ท่ามกลางความเงียบ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น


           "หนุ่มน้อย ดูเหมือนเธอจะมีเรื่องไม่สบายใจนะ"


           เดม่อนหันไปมองผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขา  เธอมีผมสีเงินสั้น  ดวงตาสีฟ้าอ่อนโยน และรอยยิ้มที่อบอุ่นราวกับแสงตะวัน เธอสวมชุดสีขาวเรียบง่าย ดู  สง่าและลึกลับ


           "ป้ารู้ได้ยังไงครับ?" เดม่อนหันไปถามด้วยความสงสัย


           "ป้าผ่านโลกมามากแล้วนะ หนุ่มน้อย"  ผู้หญิงคนนั้นยิ้ม  "เล่าให้ป้าฟังหน่อยสิ เผื่อ  ป้าจะช่วยได้"


           เดม่อนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่แน่ใจว่าควรจะไว้ใจป้าคนนี้หรือไม่ แต่แววตาที่เปี่ยม  ไปด้วยความเข้าใจของเธอ ทำให้เขารู้สึกปลอดภัย


           'บางที...  การระบายให้ใครสักคนฟัง ก็อาจจะช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นก็ได้'  เดม่อนคิดในใจ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจที่จะระบายความในใจให้ป้าคนนั้นฟัง


           "ป้าครับ..." เดม่อนเอ่ยขึ้น เสียงของเขาสั่นเครือ "ผม... ผมกำลังสับสนและเสียใจมาก... มันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ผมเองก็ไม่เข้าใจ..."


           หญิงวัยกลางคนผู้นั้นพยักหน้ารับฟังอย่างตั้งใจ "เล่าให้ป้าฟังสิ หนุ่มน้อย" เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน


           เดม่อนสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะเริ่มต้นเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเขา ตั้งแต่การเดินทางไปดีทรอยต์ การต่อสู้กับเหล่าสาวกของจักรพรรดิโรมัน การพบกับพัควัดจิ และที่สำคัญที่สุด... การสูญเสียความทรงจำของลิเลียน่า


           จนเดม่อนค่อนข้างคิดว่าป้าคงหาว่าเขาบ้าหรือเสียสติไปแล้วแน่ แต่เขาก็เริ่มจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้างเล็กน้อย หลังจากได้ระบายเรื่องภายในใจออกมาจนหมด


           ระหว่างที่เดม่อนเล่า หญิงวัยกลางคนผู้นั้นก็นั่งฟังอย่างตั้งใจโดยไม่ขัดจังหวะ เธอพยักหน้าเป็นระยะและส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจมาให้เดม่อน


           เมื่อเดม่อนเล่าจบ หญิงวัยกลางคนผู้นั้นก็เอ่ยขึ้น "หนุ่มน้อย ป้าเข้าใจความรู้สึกของเธอนะ การสูญเสียคนที่เรารักเป็นเรื่องที่เจ็บปวดมาก"


           เดม่อนพยักหน้า น้ำตาเริ่มคลอหน่วยก่อนจะตกใจบางคำในประโยคป้าที่เขาเพิ่งนึกออก 


           "เดี๋---" 


           เดม่อนจะรีบปฏิเสธว่าเขากับลิเลียน่าไม่ใช่คนรักกัน แต่ป้าชิงพูดก่อน


           "แต่เธอต้องเข้มแข็งนะ" หญิงวัยกลางคนผู้นั้นพูดต่อ "เธอต้องยอมรับความจริงและก้าวต่อไป"


           "เฮ้อ---" ดูเหมือนพูดไปป้าก็คงจะไม่ฟัง แต่ดูเหมือนป้าจะไม่ได้มองผมเป็นคนเสียสติ นี่แปลกชะมัด ก่อนจะพูดขึ้นต่อ 


           "แล้วผมควรทำยังไงต่อไปดีเหรอครับ?" เดม่อนถามเสียงสั่นเครือ


           "เธอต้องเชื่อมั่นในตัวเอง และในความรักของเธอ" หญิงวัยกลางคนผู้นั้นตอบ "ความรักเป็นสิ่งที่สวยงามและทรงพลัง มันสามารถเยียวยาทุกสิ่งได้"


           เดม่อนมองหน้าหญิงวัยกลางคนผู้นั้นด้วยความหวัง "ขอบคุณครับ ป้า" เดม่อนพูดพลางคิด แม้เขากับลิเลียน่าจะไมไ่ด้เป็นคนรักกัน แต่ความรักฉันท์เพื่อนร่วมรบและมิตรสหายที่สนิทคนหนึ่งเขาสก็ไม่อยากจะสูญเสียเธอไป เขายังเชื่อว่าต้องมีสักวันที่เขากับลิเลียน่าจะกลับมาเป็นเพื่อนกันได้อีกครั้ง บางทีอาจจะหลังจากเธอใจเย็นลงและหายโกรธเขา(?)


           "ไม่เป็นไรจ๊ะ หนุ่มน้อย" หญิงวัยกลางคนผู้นั้นยิ้มก่อนจะลุกขึ้นและหันมาทางเขา "ป้าชื่อเฮสเทียนะ"


           เดม่อนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ


           "เทพีเฮสเทีย?" เขาถามเสียงสั่น แต่เธอก็หายไปแล้ว และนั่นค่อนข้างอธิบายได้อย่างชัดเจนว่าทำไมเธอถึงไม่ว่าเขาเสียสติหรือบ้าไปแล้วที่พูดเรื่องพวกนี้



ขออนุญาตยืมเทพีเฮสเทียประกอบโรลเท่านั้น

ไม่ใช้สิทธิ์ให้ของ และ ไม่ใช้เอฟเฟกต์เพิ่มความโปรดปราน @God 


โอนเงิน 532 USD แล้ว

 

NC

แสดงความคิดเห็น

God
อนุมัติ (เนื้อหาโรลไม่เกี่ยวกับความช่วยเหลือใดๆ แค่ประกอบให้คำปรึกษาเรื่องเล็กน้อย)  โพสต์ 2025-1-5 20:11
God
อนุมัติ (ถูกต้อง ไม่ใช่สถานที่ๆเฮสเทียปรากฎตัวไม่ควรมีอะไรเกี่ยวข้องกับระบบ)  โพสต์ 2025-1-5 20:11
โพสต์ 37955 ไบต์และได้รับ 18 EXP!  โพสต์ 2025-1-5 20:06
โพสต์ 37,955 ไบต์และได้รับ +5 EXP +8 ความศรัทธา จาก มนต์มหาเสน่ห์  โพสต์ 2025-1-5 20:06
โพสต์ 37,955 ไบต์และได้รับ +15 EXP +1 Point +8 เกียรติยศ +15 ความกล้า จาก ดาบเธซีอุส  โพสต์ 2025-1-5 20:06
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
มนต์มหาเสน่ห์
ดาบเธซีอุส
หมวกนีเมียน
ทักษะดาบ
นาฬิกาสปอร์ต
แปลงร่าง
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
รองเท้าเซฟตี้
กำไลหินนำโชค
หอมเย้ายวน
ตาหลากสี
เกราะหนัง
โล่อัสพิส
โรคสมาธิสั้น
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
เสน่ห์อันเลิศล้ำ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x9
x7
x10
x1
x2
x1
x11
x2
x8
x1
x2
x1
x3
x2
x1
x18
x1
โพสต์ 2025-2-9 17:33:02 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Ertah เมื่อ 2025-2-9 18:32

ERTAH BROWN
Marriott New York, JFK Airport

Feb, 9, 2025 | 9.00AM

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังจากที่รับรู้ว่าจะต้องย้ายออกจากที่นี่ไป ด้วยความจำยอม

หญิงสาวร่างโปร่งคนหนึ่งยังคงใช้ชีวิตในช่วงกลางวันอยู่บนเตียงนอน โดยไม่มีทีท่าว่าจะลุกไปไหน มันไม่ใช่สิ่งที่เธอคนนั้นทำเป็นเรื่องปกติ เธอมักเป็นคนที่ตื่นและลุกมารับแสงแดดยามเช้าซึ่งเป็นสิ่งที่เธอชอบใจ แต่หากในวันนี้ ไม่สิ ในช่วงนี้กลับไม่เป็นอย่างนั้นเลย ราวกับว่าอารมณ์ของเธอในช่วงนี้มันไม่ได้เป็นปกติเสียเท่าไหร่ แล้วยิ่งสถานที่ที่อยู่ในตอนนี้มันไม่ใช่บ้านของเธอเองด้วยแล้ว ยิ่งไม่อยากทำอะไรเข้าไปใหญ่ ที่นี่เป็นโรงแรมที่อยู่ใกล้กับท่าอากาศยาน และคิดว่ามีความปลอดภัยมากกว่าที่บ้านของเธอที่อยู่กลางเมืองนิวยอร์คมากเลยทีเดียว เพราะจากที่เซเทอร์ตนนนั้นได้ว่ามา การย้ายออกมาจากบ้านคงเป็นเรื่องที่ดีที่สุดในในเวลานี้ ไม่อย่างนั้นเธอคงจะมีอันตรายมากกว่าแค่บาดเจ็บอย่างที่เคยเป็นมาแน่ ๆ

ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ๆ จนเริ่มจะตามอะไรไม่ทัน


ก๊อก ๆ ๆ

เสียงเคาะประตูดังขึ้นเป็นจังหวะที่สม่ำเสมอสามครั้ง และเว้นระยะไปครู่หนึ่งราวกับรออะไรบางอย่าง แต่กลับไม่มีอะไรที่ตอบรับเสียงนั่นกลับมาเลย มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่รับรู้ได้


ก๊อก ๆ ๆ

ยังคงไร้เสียงตอบกลับจากคนที่อยู่ภายในห้องนี้ ทำให้คนที่ยืนเคาะประตูอยู่นานนั้นถึงกับถอนหายใจออกมา เพราะนี่ไม่ใช่การกระทำที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่อยู่ในสภาพนี้มาประมาณสามวันได้แล้ว จะปล่อยไปก็ทำไม่ได้ จึงทำได้เพียงดูแลไปทั้งแบบนี้เท่านั้นเอง


“ เออต้า ตื่นหรือยังลูก ”

เสียงเอื้อนเอ่ยของหญิงสาววัยกลางคนซึ่งเป็นเจ้าของเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา ความห่วงใยและกังวลแฝงอยู่ในน้ำเสียงอย่างชัดเจน ในใจของหล่อนหวังว่าจะได้รับเสียงตอบกลับมาให้คลายกงัวลบ้าง แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่ได้รับกลับมายังคงเป็นความเงียบเช่นเดิม

         “ ตื่นแล้วก็ออกมากินอาหารนะ น้าเตรียมเอาไว้ให้แล้ว เฮ่อ...”

หล่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูระอาพร้อมทั้งเสียงถอนหายใจที่ดังขึ้นมาเมื่อสิ้นเสียง เห็นได้อย่างชัดเจนว่าหล่อนนั้นคงเหนื่อยกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมาก ในฐานะแม่นมของหญิงสาวที่อยู่ในห้องนอน เธอคงจะปล่อยให้คนที่เธอรักราวกับลูกของเธอเองเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ อีกใจหนึ่งก็รู้สึกสงสารจับใจที่เด็กน้อยของเธอจะต้องมาเจอโชคชะตาแบบนี้ อยากดูแลและปกป้องด้วยตนเองอย่างที่ทำมาตลอดหลายปี หากไม่ใช่ว่าสิ่งที่กำลังหวังทำร้ายอยู่นั้นเป็นสิ่งที่เธอไม่สามารถต่อกรได้เลย เธอจึงจำเป็นที่จะต้องเห็นด้วย เพื่อความปลอดภัยของคนที่เธอรัก

แล้วก็เป็นอย่างที่เห็น นั่นเลยทำให้ลูซี่จะต้องมาเหนื่อยใจและกายอยู่อย่างนี้

ลูซี่เลือกที่จะไม่รบเร้าต่อไป และเดินจากหน้าประตูบานนั้นที่เธอยืนอยู่นานสองไป ให้โอกาสเด็กสาวตัวน้อยที่อยู่ภายในห้องได้ปล่อยความรู้สึกที่ตกค้างอยู่มากมายจนกว่าจะดีขึ้น

.

.

.

“ เฮ่อ... ”

เนิ่นนานกว่าที่ร่างโปร่งของหญิงสาวภายในห้องนอนจะมีเสียงหลุดลอดออกมา เสียงถอนหายใจเล็ก ๆ ของหญิงสาวเต็มไปด้วยความเหนื่อยใจและเลื่อนลอย ไม่มีน้ำหนักในน้ำเสียงอย่างที่คนที่เรียนร้องเพลงมาตั้งแต่เล็กควรจะเป็นเลยจริง ๆ มันคงเป็นการแสดงออกมาได้เป็นอย่างดีเลยว่า เจ้าของเสียงเป็นเช่นไรในเวลานี้

        “ ค่ายหรอ... ให้ตายเถอะ ”

ในสมองของเออต้า ยังคงมีแต่เรื่องของค่ายฮาล์ฟบลัดอยู่เต็มไปหมด มันเป้นสถานที่ที่เธอไม่ได้รู้จักหรือเคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำ ได้ยินคราวแรกก็ตื่นเต้นได้อยู่หรอก เพราะเธอชอบที่จะเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ แต่หากด้วยเหตุผลที่จำเป้นจะต้องไป และไหนจะเป็นความลับที่เธอไม่เคยได้รับรู้มาก่อนหน้านี้อีก ยิ่งทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นไม่ลงไปเลยจริง

มือเรียวสวยถูกยกขึ้นมาสุดความยาวแขน ฝ่ามือกางแบออกแล้วค่อยบีบกำเป็นจังหวะ ดวงตากลมโตสีเปลือกไม้จับจ้องที่มือของเธอเองด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก เธอไม่รู้ว่าในขณะนี้จะต้องรู้สึกอย่างไรดี จะต้องออกไปเจอหน้าของคุณแม่ คุณน้า และเซเทอร์ตนนั้นอย่างไรดี เธอจำเป็นจะต้องยอมรับทุกอย่างให้ได้ก็จริง และนั่นคือสิ่งที่เธอจะต้องทำ แต่ความรู้สึกภายใน มุมเล็ก ๆ ของเด็กสาวที่ยังคงอยากจะอยู่กับคนที่รักที่นี่ มันกำลังดื้อดึงให้ความคิดเชิงเหตุผลของเธอไม่อยากทำงาน

แต่สุดท้าย เหตุผลพวกนั้นก็มาเหนืออารมณ์ของเธอจนได้ เพื่อความปลอดภัยของเธอผู้เป็นที่รักของครอบครัว เธอจึงจำเป็นต้องทำ ถึงจะมีความคิดถึงอยู่บ้าง แต่ก็ยังดีกว่าที่จะไม่ได้พบหน้ากันเองเพราะความตายพรากจาก

         “ เริ่มจากเก็บของสินะ... ”

ร่างโปร่งของเออต้าค่อย ๆ ดันตัวเองให้ลุกจากเตียงด้วยท่าทางที่ดูไม่ได้กระตือรือร้นเท่าไหร่นัก แล้วจึงพาตัวเองไปจัดการร่างกายให้พร้อมก่อนเป็นอย่างแรก

มือเรียวสวยของเออต้าเปิดประตูห้องนอนของเธอออกไปเมื่ออยู่ในชุดลำลอง ขายาวตรงไปยังโต๊ะอาหารที่มีอาหารเช้าเมนูโปรดของเธออยู่เต็มไปหมด เธอลงมือกินทันทีโดยที่ไม่ได้เอ่ยบอกอะไรกับคุณน้าสาวที่กำลังจัดการข้าวของอยู่ในครัว แน่นอนว่าคุณน้าของเธอสังเกตเห็นแน่นอน แต่เธอคนนั้นเลือกที่จะไม่พูดอะไรและปล่อยให้เด็กน้อยสุดที่รักของเธอจัดการตัวเองไปอย่างที่ต้องการ หากมีอะไรให้ช่วย คงจะเอ่ยปากเองอย่างทุกครั้ง

ใช้เวลาไม่นาน เออต้าก็จัดการกับอาหารเช้าตรงหน้าเสร็จแล้ว เธอยกจานอาหารไปเก็บในครัวอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เสียงทุ้มหวานจะเอ่ยบางอย่างกับคุณน้าที่อยู่ใกล้เธอ

         “ คุณน้า ฉันจะเก็บกระเป๋าเตรียมไปค่าย ”

ไม่ใช่คำเอ่ยที่พิเศษอะไร แต่มันแสดงออกมาอย่างชัดเจนเลยว่าในตอนนี้เออต้ากำลังต้องการความช่วยเหลือจากคุณน้าของเธอแล้ว ใบหน้าของเออต้ายังไม่ได้ประดับรอยยิ้มน่ารักดั่งดวงอาทิตย์เช่นทุกครั้ง แต่เพียงเท่านี้ ก็คงจะดีมากแล้วสำหรับคุณน้าลูซี่

 

Feb, 9, 2025 | 5.00PM

ใช้เวลาเตรียมสัมภาระไม่ได้นานเท่าไหร่ เพราะของใช้และเสื้อผ้าที่เออต้าต้องการนำติดตัวไปนั้นไม่เยอะอะไร แต่สิ่งที่เยอะน่าจะเป็นอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับดนตรีของเธอเสียมากกว่า กีต้าร์โปร่งตัวโปรดจำเป็นจะต้องติดตัวไปด้วย เฮดโฟนที่เป็นอุปกรณ์ทำมาหากินซึ่งเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันจะสามารถใช้ได้หรือเปล่า แต่อย่างไรก็ตาม การมีติดตัวเอาไว้ถือเป็นเรื่องหนึ่งที่ทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจ

         “ น้าจะยกกระเป๋าไปข้างนอกห้องให้นะ ป่านนี้คุณแม่กับคุณเซเทอร์คนนั้นคงจะรอแย่แล้ว ”

คุณน้าลูซี่เอ่ยด้วยรอยยิ้มพร้อมกับมือบางของหล่อนที่ยกกระเป๋าเป้สัมภาระของเออต้าลงไปให้ เออต้าเพียงพยักหน้ารับคำแล้วสะพายกระเป๋ากีต้าร์โปร่งของเธอเอาไว้ ใบหน้าน่ารักของเออต้าผินมองกลับมาภายในห้องนอนอีกครั้ง ที่นี่ไม่ได้มีความทรงจำอะไรของเธอเท่าไหร่ มันเป็นเพียงที่พักพิงและให้ความปลอดภัย ไม่ได้เหมือนกันที่บ้าน แต่ก็อดที่จะรู้สึกขอบคุณไม่ได้

เออต้าถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ใบหน้าน่ารักหันกลับไปมองที่ประตูห้องนอน มือเรียวเปิดประตูออกก่อนที่ขายาวของเธอจะก้าวเดินออกไปนอกห้องนอน

          “ จะไปกันหรือยังคะ? ”

เสียงหวานของเออต้าเอ่ยขึ้นเมื่อเธอลงมาถึงชั้นล่างแล้ว ใบหน้าน่ารักของเธอยังคงไม่มีรอยยิ้มพระอาทิตย์ประดับอยู่ แต่ก็ไม่ได้บึ้งตึงอย่างวันก่อนที่รู้เรื่องราวแล้ว ดวงตากลมโตไล่มองบุคคลที่อยู่ในที่นี้ เหมือนว่า... จะไม่ได้มีคุณแม่ของเธออยู่?

          “ คุณแม่? ”

          “ ตอนนี้ที่มิดทาวน์ ที่บ้านของเธอสถานการณ์ไม่ดีนักหรอก เราจะต้องไปกันเดี๋ยวนี้เลย ฉันจะเป็นคนไปส่งเธอเอง ”

ยังไม่ทันที่จะได้รู้เลยว่าเพราะอะไรคุณแม่ของเธอถึงไม่มาอยู่ที่นี่ทั้งที่นัดหมายกันเอาไว้ว่าจะไปส่งเธอด้วยตัวเอง แต่ดูจากความรีบร้อนของเซเทอร์คนนี้แล้ว มันอาจจะเป็นเรื่องไม่ดีจริง ๆ ก็ได้ ใบหน้าน่ารักของเออต้าจึงได้แต่ขมวดคิ้ว มือเรียวกำสายกระเป๋ากีต้าร์ของตัวเองเอาไว้แน่นราวกับกำลังเก็บอารมณ์ในตอนนี้ ไม่ให้มันระเบิดออกมา ในเวลาแบบนี้คงจะมัวมาทำอะไรแบบนั้นไม่ได้

          “ พวกท่านจะปลอดภัยใช่มั้ย? ”

เป็นคำถามสุดท้ายที่เธอเอ่ยถามไปด้วยใบหน้าจริงจัง ปฏิเสธไม่ได้ว่าถึงเธอจะยังโกรธคุณแม่อยู่ แต่เพราะความรักที่มีต่อครอบครัวนั่นก็มีมากมายกว่านั้นหลายเท่า เธอยังคงอยากรู้...

และคำตอบที่ได้รับจากเซเทอร์เป็นเพียงการพยักหน้าเท่านั้น ไม่ได้มีคำเอ่ยอะไรที่มากกว่านั้น แต่นั่นก็เป็นคำตอบของคำถามที่เธอถามไปได้แล้ว ตอนนี้สิ่งที่เธอควรจะทำมากที่สุดคือทำให้ตัวเองปลอดภัยอยากที่พวกเขาต้องการ

          “ แล้วต้องไปที่ไหนต่อ พาไปได้เลยค่ะ ”

มือเรียวของเออต้าคว้ากระเป้สัมภาระมาจากคุณน้าด้วยรอยยิ้มบางที่ส่งไปให้เธอ คงอีกนานกว่าที่จะได้กลับมาพบกันอีก

          “ คุณน้าดูแลตัวเองด้วยนะ ฝากคุณแม่ของหนูด้วย ”

สิ้นเสียงหวานของเออต้า เธอก็หันหลังกลับไปพาตัวเองเดินออกจากห้องพักในโรงแรมแห่งนี้ไปตามเซเทอร์ตนนั้น คุณน้าลูซี่ที่ได้ยินอย่างนั้นก็เพียงพยักหน้าและโบกมือเด็กน้อยสุดที่รักของเธอไปจนกว่าจะออกจากห้องพักและลับสายตาไปเท่านั้น


ไม่รู้ว่าทางข้างหน้าจะมีอะไรหรือเปล่า แต่คิดว่า มันก็คงจะดีกว่าที่เป็นอยู่นี่ เชื่อตามที่คุณแม่ของเธอตัดสินใจไว้ก็พอแล้ว

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 29568 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2025-2-9 17:33
โพสต์ 29,568 ไบต์และได้รับ +8 EXP จาก โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)  โพสต์ 2025-2-9 17:33
โพสต์ 29,568 ไบต์และได้รับ +8 EXP จาก โรคสมาธิสั้น  โพสต์ 2025-2-9 17:33
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบอกลูกธนู
ธนู
น้ำหอมสตรี
หูฟังบลูทูธ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
แสงสว่างศักดิ์สิทธิ์
รองเท้าเซฟตี้
ต่างหูเงิน
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x8
x8
x8
x16
x1
x4
x1
x2
x2
x2
x4
โพสต์ 2025-5-10 12:58:03 | ดูโพสต์ทั้งหมด
83. Landing to new york

-11.02.25  /  10:44AM-


หลังจากได้เวลาเครื่องบินออกจนกระทั่งเปลี่ยนเครื่อง ตอนนี้ก็เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงแล้วที่จะแลนดิ้งลงผืนแผ่นดินเมืองนิวยอร์กที่ห่างหายไปเกือบเดือน รอบขากลับถือว่าดีกว่าขาไปมากที่พวกเขาไม่ต้องวางแผนเดินทางแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ หรือต้องใช้เวทมนต์กลลวงใด ๆ ช่วยในการผ่านตม.อีก นอกจากรูบี้ที่มีสัญชาติอเมริกันแล้วทุกคนก็มีพาสสปอร์ตและวีซ่าถูกกฎหมายกันหมด ส่วนเจ้าลูกก็อบลินที่คนทั่วไปเห็นว่าเป็นชินชิลล่าขนาดตัวโตกว่าทั่วไปนิดหน่อย แมคเคนซีก็จัดการขอใบอนุญาติและนำมันขึ้นเครื่องมาด้วย ซึ่งแอนดี้ก็ให้ความร่วมมืออย่างดีโดยไม่ส่งเสียงดัง ไม่พยายามจะออกมาซุกซนนอกกรง พอได้กินอิ่มก็นอนหลับแทบจะทันที


“ศิษย์น้อง ขอฉันนั่งด้วยครู่นึงได้หรือไม่”


รูบี้ที่เดินมาจากฝั่งตรงข้ามถามขึ้นเสียงเบา ดวงตาทรงอัลมอนด์มองไปยังนิโคไลที่นั่งตรงริมหน้าต่างซึ่งกำลังหลับไหลอยู่ เด็กชายไม่เคยเดินทางไกลขนาดนี้มาก่อนเลยค่อนข้างอ่อนเพลีย ยังดีที่เกล็ดงูที่แขนซึ่งเป็นผลกระทบจากการทดลองอันไร้มนุษยธรรมนั้นค่อย ๆ จางและหายไปหลังจากที่พวกเขาพากลับไปส่งบ้าน นิโคไลจึงไม่มีบาดแผลทางกายคอยย้ำเตือนถึงเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวนั้นอีก จะมีก็แต่บาดแผลทางจิตใจยังคงต้องได้รับการเยียวยาอยู่


“ได้สิ เชิญ”


แมคเคนซีพยักหน้ารับพร้อมกับยกกรงใส่แอนดี้ที่วางอยู่ตรงเบาะริมทางเดินขึ้นมาวางไว้บนตักของตนแทนเพื่อให้ธิดาแอรีสได้นั่ง เมื่อหญิงสาวร่างเล็กนั่งลงแล้ว เธอก็หยิบสมาร์ทโฟนมาเปิดอะไรบางอย่างให้ดู


“ดูนี่สิ เว็บไซต์ท้องถิ่นของเมืองเยลโลวไนฟ์ลงข่าวแล้ว”


แมคเคนซีรับมือถือจากรูบี้มาอ่านข้อความที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ เป็นข่าวเหตุการณ์เกี่ยวกับที่ชาวบ้านละแวกนั้นไปแจ้งตำรวจว่าได้กลิ่นแปลก ๆ โชยออกมาจากอาคารแห่งหนึ่ง เมื่อตำรวจเข้าไปยังพื้นที่ต้องสงสัยก็พบว่ากลิ่นนั้นมาจากห้องที่ถูกล็อคจากด้านนอกทำให้ห้องนั้นกลายสภาพเป็นห้องปิดตาย ภายในห้องพบศพผู้เสียชีวิตมากมาย บางคนที่รอดชีวิตมาได้ก็อยู่ในอาการสติไม่สมประกอบจนไม่สามารถให้การใด ๆ ได้ นับว่าเป็นคดีแปลกประหลาดคดีหนึ่งก็ว่าได้


“ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ สาเหตุมาจากถูกทำร้ายร่างกาย ตามเนื้อตัวพบร่องรอยฟกช้ำ กระดูกร้าวและหักหลายจุด สาเหตุรองลงมาคือขาดน้ำและอาหารเป็นเวลานาน……


ชายหนุ่มอ่านเนื้อข่าวบางช่วงเสียงเบา เรียวคิ้วขมวดมุ่นเป็นปมไม่รู้ตัว


ภายในอาคารไม่พบหลักฐานหรือรอยนิ้วมือของคนร้ายอื่นใด เบื้องต้นคาดว่าเป็นเหตุทะเลาะเบาะแว้งของกลุ่มคนสองฝ่าย ส่วนมูลเหตุจูงใจอื่นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสืบหาเพิ่มเติมในลำดับต่อไป…นี่มัน……


ดวงตาสีฮาเซลเบิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นภาพอาคารที่เป็นข่าว มันคือฐานประกอบพิธีของพวกองค์กรลับที่พวกเขาบุกเข้าไปช่วยนิโคไลกับบุตรแห่งเทพเฟรย์ไม่ผิดแน่ ภายในห้องทำพิธีถูกเบลอภาพที่ไม่น่าดูไว้เพื่อไม่ให้ผู้อ่านรู้สึกสลดหดหู่เกินไป


รุนแรงขนาดนี้เชียว


กว่าจะออกมาสภาพนี้ ไม่รู้ว่าหมอคีธคลายมนตร์สะกดทหารพวกนั้นตอนไหน ดูท่าจะประมาทบุตรเทพีฮีบี้ไม่ได้เสียแล้ว


รูบี้ยกมือข้างนึงป้องปากซุบซิบกับเพื่อนร่วมทีมหนุ่มราวกับป้าข้างบ้านที่จับกลุ่มนินทาเพื่อนบ้าน แมคเคนซีพยักหน้าเห็นด้วย จากท่าทางที่ไม่สนใจใยดีของคีธในตอนนั้น ไม่รู้ว่าเธอลืมไปด้วยซ้ำหรือเปล่าว่าต้องคลายมนตร์สะกด กว่าจะนึกออกอีกทีทั้งทหารและกลุ่มคนในองค์กรลึกลับก็คงสิ้นชีพกันไปไม่มากก็น้อย ทั้งสองคนเหล่มองไปยังเจ้าตัวที่กำลังเป็นประเด็นถูกพูดถึง คุณหมอสาวที่นั่งตรงริมหน้าต่างอีกฝั่งหลับตาเอนหลังพิงพนัก หูทั้งสองข้างสวมเอียร์บัดฟังพอดแคสอย่างสบายอารมณ์ในแบบที่เห็นบ่อย ๆ ตอนนี้พวกเขาได้ข้อสรุปแล้วว่าภายใต้รอยยิ้มและท่าทางอันนุ่มนวลนั้นน่ากลัวกว่าที่คิด หากไม่อยากให้ภัยมาถึงตัวเองก็อย่าไปทำให้เธอรวมถึงเหล่าบุตรแห่งเทพีฮีบี้เกลียดขี้หน้าเป็นอันขาด


“ใกล้ได้เวลามื้อกลางวันแล้ว ฉันขอตัวก่อน อย่าลืมปลุกน้องชายศิษย์น้องด้วย”


ธิดาแอรีสลุกขึ้นเมื่อได้ยินเสียงประกาศจากเจ้าหน้าที่แล้วกลับไปนั่งที่ตนเองตรงด้านข้างคีธ แมคเคนซีพยักหน้ารับก่อนจะวางกรงของแอนดี้ลงตรงที่เดิมแล้วหันไปปลุกนิโคไลให้ตื่นมาทานอาหารที่กำลังจะเสิร์ฟในอีกไม่กี่นาทีถัดไป

.


.

-02:18PM-


ในที่สุดเครื่องก็ลงจอดอย่างปลอดภัย กว่าจะผ่านด่านตม.และรอบรับกระเป๋าที่โหลดใต้ท้องเครื่องจนเสร็จเรียบร้อยก็เป็นเวลาบ่ายแก่เสียแล้ว


“ตื่นเต้นหรือเปล่านิโคไล”


คีธวางมือลงบนบ่าเล็กแล้วถามอย่างเอ็นดู เมื่อเห็นเดมิก็อดน้อยดูตื่นตาตื่นใจกับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ


“ตื่นเต้นมากฮะ ผมเพิ่งเคยมาต่างประเทศเป็นครั้งแรกเลย ที่นี่ทั้งคนเยอะ แล้วก็ใหญ่กว่าที่เยลโลวไนฟ์มาก ๆ”


นิโคไลมองรอบตัวด้วยดวงตาสุกใส เห็นแบบนั้นแล้วแมคเคนซีก็ได้แต่คิดในใจว่าสักวันเขาคงต้องขอให้ดีนช่วยเป็นไกด์จำเป็นพาเด็กชายทัวร์นิวยอร์กสักหน่อย 


ว่าแต่ตอนนี้อีกฝ่ายเป็นยังไงบ้างแล้วก็ไม่รู้ หลังจากที่เขามัวอยู่แต่ยุ่งอยู่กับการเตรียมตัวขึ้นเครื่องบินและต่อเครื่อง พอขึ้นเครื่องก็หลับเป็นตายด้วยความเหนื่อย กว่าจะหยิบสมาร์ทโฟนมาเช็คดูอีกทีก็เห็นข้อความกับมิสคอลจากคนรักกว่าร้อยสายแล้ว ครั้นพอตอบกลับไป อีกฝ่ายก็ไม่อ่านข้อความหรือรับสายอีก


‘ให้มันได้อย่างนี้…’


แมคเคนซีมุ่นคิ้วเล็กน้อยเมื่อยังไม่เห็นข้อความตอบกลับใด ๆ จากดีน คิดแล้วก็น่าโมโหตัวเองชะมัดที่ดันเปิดแอร์เพลนโหมดด้วยความเคยชินเวลาขึ้นเครื่อง อีกฝ่ายคงไม่ได้งอนเขาไปแล้วหรอกใช่ไหม หรือหากคิดในแง่ดีเข้าไว้ ดีนก็คงอาจจะยุ่งอยู่แล้วคลาดกันก็เป็นได้ หรือคิดในแง่บวกกว่านั้น ดีนอาจจะรอเซอร์ไพรส์เขาอยู่ที่ค่ายแล้วก็ได้ หากเป็นเช่นนั้นจริงเขาก็อยากจะวาร์ปกลับไปที่ค่ายซะเดี๋ยวนี้เลย


“ใกล้ได้เวลาแล้ว รีบไปขึ้นรถกันเถอะ หากชักช้ากว่านี้จะไม่ทันการ ต้องรอรอบใหม่อีก”


รูบี้ที่เช็คตารางรถบัสแล้วบอกทุกคนในที่นั้น เมื่อสมาชิกในทีมต่างเห็นด้วยแล้วพวกเขาก็รีบไปขึ้นรถบัสกัน



—Hakrabi

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 45526 ไบต์และได้รับ 24 EXP!  โพสต์ 2025-5-10 12:58
โพสต์ 45,526 ไบต์และได้รับ +8 EXP +8 เกียรติยศ จาก Hydro X  โพสต์ 2025-5-10 12:58
โพสต์ 45,526 ไบต์และได้รับ +15 EXP +25 เกียรติยศ +25 ความศรัทธา จาก คบเพลิงเวท  โพสต์ 2025-5-10 12:58
โพสต์ 45,526 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 ความศรัทธา จาก ศาสตร์การปรุงยา  โพสต์ 2025-5-10 12:58
โพสต์ 45,526 ไบต์และได้รับ +5 EXP +6 เกียรติยศ จาก ต่างหูเงิน  โพสต์ 2025-5-10 12:58
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เขตแดนเฮคาที
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
Hydro X
เวทมนต์ [II]
คบเพลิงเวท
ต่างหูเงิน
หมวกแก๊ป
แจ็คเก็ต YANKEES
แว่นกันแดด
รองเท้าเซฟตี้
น้ำหอม Unisex
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
สร้อยข้อมือถัก
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x3
x6
x3
x3
x3
x2
x3
x1
x1
x5
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x3
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x15
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x3
x2
x2
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้