ชื่อ: Rita Chanakarnwarukpinit

บทที่ 1: ความลับที่ไม่อาจเอ่ย
 
ริต้าเดินขึ้นบันไดด้วยหัวใจที่สั่นระรัว น้ำตาไหลพรั่งพรูราวกับเขื่อนแตก การโต้เถียงกับคุณพ่อภูธเนศเมื่อครู่ได้ทำลายสิ่งที่เหลืออยู่ของความสัมพันธ์อันบอบบางระหว่างพวกเขา เธอกลับเข้ามาในห้องของตัวเอง ก่อนจะล็อกประตูและล้มตัวลงนั่งบนเตียง เสียงสะอื้นดังขาดห้วง
 
“ทำไม…ทำไมต้องปิดบังฉันด้วย” ริต้าพึมพำกับตัวเอง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความผิดหวังและสับสน ความจริงที่คุณพ่อไม่ยอมบอกทำให้เธอรู้สึกเหมือนไม่มีที่ยืนในโลกนี้อีกต่อไป
 
เธอลุกขึ้นและเริ่มเก็บของอย่างลวกๆ เสื้อผ้า หนังสือ และสิ่งของจำเป็นถูกรวบรวมใส่กระเป๋าเป้ เธอไม่แม้แต่จะเหลียวมองรอบๆ ห้องเป็นครั้งสุดท้าย“ฉันต้องไปจากที่นี่… ฉันต้องหาคำตอบด้วยตัวเอง”

---
 
บทที่ 2: ชีวิตในโลกแห่งความสับสน
 
ในเช้าวันรุ่งขึ้น ริต้ายังเดินทางไปโรงเรียนตามปกติ เธอพยายามทำตัวให้เหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ในใจของเธอกลับวุ่นวายจนแทบทนไม่ไหว
 
วันหนึ่งระหว่างเรียน ริต้ารู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เธอไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งที่ครูสอนได้ สายตาของเธอพร่ามัว และเสียงรอบตัวกลับฟังดูเหมือนเสียงกระซิบอันแปลกประหลาด
 
“ริต้า! เป็นอะไรหรือเปล่า?” เพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งสะกิดเธอด้วยความเป็นห่วง แต่เธอเพียงส่ายหน้า ก่อนจะขอตัวไปห้องพยาบาล
 
หลังจากตรวจสุขภาพเบื้องต้นที่โรงเรียน เธอตัดสินใจเดินทางไปโรงพยาบาลด้วยตัวเอง คุณหมอที่ตรวจเธอเป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่ดูใจดี
 
“หนูมีอาการบางอย่างที่ทำให้เราเป็นห่วงนะ” คุณหมอกล่าวพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน “ผลตรวจแสดงว่าหนูเป็นโรคสมาธิสั้นและดิสเล็กเซีย ซึ่งอาจทำให้การเรียนรู้และการจดจำยากขึ้นกว่าคนทั่วไป”
ริต้านิ่งงัน เธอไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองมีปัญหานี้มาก่อน แต่เธอก็ยอมรับการรักษาและทำตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด

---

บทที่ 3: การล่าที่ไม่สิ้นสุด

ไม่นานหลังจากนั้น เหตุการณ์ประหลาดก็เริ่มต้นขึ้น ริต้ารู้สึกเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างตามติดเธอ ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน เธอก็มักจะเห็นเงาลางๆ หรือได้ยินเสียงกระซิบจากที่ไกลๆ

จนกระทั่งคืนหนึ่งขณะที่เธอกำลังเดินกลับบ้านจากโรงเรียน อสูรกายตัวหนึ่งโผล่ออกมาจากเงามืด มันเป็นสิ่งมีชีวิตประหลาด รูปร่างคล้ายมนุษย์แต่มีกรงเล็บแหลมคมและดวงตาสีแดงเพลิง

“อะ…อะไรน่ะ!” ริต้ากรีดร้องด้วยความตกใจ เธอพยายามวิ่งหนี แต่ดูเหมือนมันจะเร็วกว่าเธอมาก
ทันใดนั้น รุ่นพี่ชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า เฟเทล ก็ปรากฏตัวขึ้น เขาถือดาบสีเงินเรืองแสงและปัดการโจมตีของอสูรกายอย่างชำนาญ

“รีบตามฉันมา! เธอไม่ปลอดภัยที่นี่” เฟเทลเอ่ยพลางจูงมือเธอออกจากพื้นที่อันตราย
หลังจากที่พวกเขาหนีมาจนถึงที่ปลอดภัย เฟเทลจึงเริ่มอธิบาย

“ริต้า เธอไม่ใช่คนธรรมดา เธอเป็นลูกครึ่งเทพ ครึ่งมนุษย์ นั่นคือเหตุผลที่อสูรกายตามล่าเธอ”
ริต้าจ้องมองเฟเทลด้วยความตกตะลึง “ไม่จริง… ฉันจะเป็นอะไรแบบนั้นได้ยังไง”

“เธอจะเชื่อหรือไม่ก็เรื่องของเธอ แต่ถ้าเธอไม่ไปที่ค่ายฮาล์ฟบลัด เธอจะไม่รอด” เฟเทลตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง

---

บทที่ 4: การเดินทางครั้งใหม่

ในที่สุด ริต้าก็ตัดสินใจเชื่อในคำพูดของเฟเทล เธอรวบรวมความกล้าและเตรียมตัวออกเดินทางออกจากประเทศไทยเพื่อมุ่งหน้าสู่ค่ายฮาล์ฟบลัด

เธอหันกลับมามองบ้านของเธออีกครั้งก่อนจะขึ้นเครื่องบิน “พ่อ…แม่…ถ้าฉันได้คำตอบเมื่อไหร่ ฉันจะกลับมาหาคุณ” เธอพึมพำเบาๆ ก่อนจะเดินไปสู่เส้นทางแห่งโชคชะตาที่รอคอยเธออยู่

(จบตอน)

หมายเหตุ: หนีออกจากบ้าน