แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-6-24 15:47
181
ภารกิจหาสมุนไพรที่อันตรายกว่ายักษ์น้ำแข็ง
หลังออกจากการต่อสู้กับพวกสมุนยีเมียร์ที่ชายหาด ทั้งคู่ก็กลับค่ายมาโดยใช้ทางป่าต้องห้าม จากนั้นดีนก็พาแมคเคนซีมาที่บ้านพักหมายเลข 20 ซึ่งในเวลานี้เหมือนจะเป็นบ้านหลังที่สองของดีนไปแล้ว ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปพบกับจูลี่ บุตรคนเล็กของเทพีเฮคาทีเข้าพอดี
“โอ๊ะ พวกพี่ ๆ กลับมากันแล้ว ตอนนี้สถานการณ์ข้างนอกเป็นยังไงบ้างครับ”
เด็กชายวัย 12 ปีถามด้วยความอยากรู้ ที่จริงเจ้าตัวอยากออกไปร่วมต่อสู้ด้วย แต่เนื่องจากร่างกายที่ไม่แข็งแรง เพียงแค่เจออากาศหนาวเข้าก็ป่วยเสียแล้ว จึงต้องคอยอยู่แต่ในบ้านจนกว่าสุขภาพจะดีขึ้น
“ยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ข้างนอกนั่นพวกมอนสเตอร์ยังเต็มไปหมด อากาศก็เย็นมากด้วย แล้วนั่นนายกำลังจะไปไหน”
แมคเคนซีบอกเล่าถึงสถานการณ์ภายนอกให้น้องชายฟัง ก่อนจะมุ่นคิ้วเมื่อเห็นจูลี่อยู่ในชุดกันหนาวที่หนากว่าปกติเพื่อเตรียมตัวออกไปข้างนอก
“คือว่าสมุนไพรที่ผมจะเอามาใช้ปรุงยามันหมดพอดี ผมเลยว่าจะออกไปเก็บสักหน่อย…นั่น! พี่ชายมีแผลด้วยนี่นา เดี๋ยวผมปรุงยาที่เป็นสีผึ้งทาแผลให้ไหมฮะ ทาแค่ไม่กี่วันก็หาย แถมไม่ทิ้งแผลเป็นไว้ด้วย”
พอเห็นแผลตามตัวแมคเคนซีแล้วจูลี่เลยเสนอตัวจะปรุงยาให้ จากนั้นก็เงียบไปเล็กน้อยก่อนจะนึกขึ้นได้
“เอะ…สงสัยจะไม่ได้ซะแล้วสิ มันขาดสมุนไพรบางตัวไป แต่ผมกำลังจะไปที่หน้าค่ายพอดี ตรงนั้นมีสมุนไพรเยอะเลยล่ะฮะ”
“ไม่ต้องไปเลย ข้างนอกอันตรายแล้วก็หนาวมากด้วย เดี๋ยวก็ไข้ขึ้นอีก เรื่องยาทาช่างเถอะ แผลแค่นี้เดี๋ยวก็หาย ส่วนยาอีกอย่างก็ต้มอย่างอื่นแทนไปก่อนได้ไหม”
พอพูดแบบนั้นจูลี่ก็หน้าเบะขึ้นมาเล็กน้อย
“ไม่เอาฮะ…นั่นเป็นยาใหม่ ผมกำลังคิดค้นสูตรอยู่ ส่วนยาทาผมก็อยากทำให้พี่ชายจริง ๆ นะฮะ พี่ดีนนนน…พี่ช่วยไปเก็บสมุนไพรให้ผมที่หน้าประตูค่ายหน่อยได้ไหมฮะ”
พอเห็นคนที่พึ่งได้ จูลี่ก็เข้าไปขอร้องทันที มือที่ขาวซีดแบบคนขี้โรคเขย่าแขนดีนไปมาเบา ๆ แล้วมองด้วยสายตาออดอ้อน
“ไม่เอาน่าจูลี่ ดีนเพิ่งไปสู้กับพวกมอนสเตอร์มา ให้เขาได้พักบ้าง”
แมคเคนซีบอกน้องชายเสียงเข้ม แต่เหมือนว่าคำพูดเหล่านั้นจะไม่เข้าหูเด็กชายเอาเสียเลย จูลี่วิ่งเข้าไปในห้องเก็บสมุนไพรก่อนจะกลับออกมาหาพวกเขาอีกครั้ง
“อันนี้เป็นตัวอย่างสมุนไพรฮะ ต้นนี้สำหรับปรุงยา ส่วนต้นนี้สำหรับทำสีผึ้งทาแผล ตรงแถวประตูค่ายมีทั้งหมดเลย ถ้าตรงหน้าประตูค่ายหาไม่เจอก็ไปตรงสวนโนมเอ็มโพเรี่ยมแถวร้านป้าเอมได้นะฮะ ผมฝากพี่ดีนด้วยน้าาาา”
เหมือนเป็นการมัดมือชกอีกฝ่ายยังไงก็ไม่รู้ แมคเคนซีมองดีนอย่างเกรงใจก่อนจะยิ้มเจื่อนให้
“ลำบากนายแล้วหรือเปล่า ถ้ายังไงรบกวนนายหน่อยนะ จูลี่ไม่ค่อยสบาย ฉันไม่อยากให้เขาออกไปข้างนอก”
(โดย @Mackenzie)
. . .
และนี่คือเหตุผลว่าทำไมบุตรแห่งโพไซดอนผู้ซึ่งไม่ควรอยู่ที่สวนโนมเอ็มโพเรี่ยมมากที่สุดจึงปรากฏตัวอยู่ ณ ที่แห่งนี้หลังการต่อสู้ได้หมาด ๆ สำหรับดีน จูลี่ไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่เป็นน้องชายของเพื่อนสนิทที่เจอหน้ากันแทบทุกวัน (เพราะว่าเขาไปสิงบ้านของอีกฝ่ายแทนกระท่อมของตัวเอง) ดีนรู้ว่าเด็กชายสุขภาพย่ำแย่และต้องพึ่งพายาสมุนไพรสูตรผีบอกของเทพีเฮคาทีอยู่ตลอดเวลา ส่วนแมคเคนซีก็ได้รับบาดเจ็บที่ไม่ร้ายแรงมากพอจะใช้น้ำทิพย์หรืออาหารเทพในการรักษาอาการ หากไม่มียามาใช้รักษาทั้งสองคนอาการเจ็บป่วยอาจทรุดหนักลงไปได้มากกว่าเดิม
ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ขอย้อนความอีกนิด หลังจากที่พวกเขาจบการสู้รบที่ชายหาดก็เข้ามาในค่ายผ่านทางป่าต้องห้าม เป็นอย่างที่ดีนคิดอสุรกายในป่าต่างหวั่นเกรงออร่าของเขากันหมด ฝูงก็อบลินที่เจอหน้าต่างวิ่งแจ้น ฮาร์ปี้ที่โฉบผ่านต่างบินหนี หรือแม้แต่อัลกูลที่เหมือนหมาเน่ามันแทบมุดดินลงหลุมเป็นตัวตุ่น
‘แหม่.. รู้สึกว่าตัวเองเก่งขึ้นมาทันที’
แต่ตรงกันข้ามกับสุนัขป่าน้ำแข็งของยักษ์น้ำแข็งที่หลงฝูงมาตัวหนึ่ง มันตรงเข้าจู่โจมเขาที่หน้าประตูค่ายอย่างไม่กลัวตายแม้มันจะเป็นเพียงแค่อสุรกายระดับต่ำ ดีนเคยได้ยินมาว่าเหล่าไวกิ้งหรือชาวแดนเหนือมีความคิดว่าการตายในสงครามนับเป็นเกียรติสูงสุดเพื่อจะเข้าสู่วัลฮาลา ไม่แน่ยักษ์น้ำแข็งอาจจะมีแนวคิดเดียวกันกับชาวแอสการ์ด สู้ตายเพื่อไปสู่สวรรค์แห่งยักษ์น้ำแข็ง (ว่าแต่มันมีไหม?...) และแนวคิดนั้นอาจส่งมาถึงสัตว์สงครามที่ถูกฝึกมาเพื่อต่อสู้อย่างไม่กลัวตายด้วย
แต่ก็อย่างว่า.. จิ้มสามทีตาย ดีนจะให้เกียรติมันโดยใช้สินสงครามที่ดรอปมาอย่างคุ้มค่าเอง
กลับมาถึงปัจจุบันที่เขาอยู่ตรงนี้ที่หน้าสวนโนมเอ็มโพเรี่ยม ดีนมองป้ายเขียนด้วยอักษรกรีกที่ปักไว้ด้านหน้าสวนเขาอ่านไม่ออก หนุ่มสายเลือดโพไซดอนไม่ได้เป็นทั้งดิสเล็กเซียและไม่เคยเรียนภาษากรีก แต่เคยได้ยินข่าวลือ (ลวง) จากเอลลิสเมื่อนานมาแล้วว่า ‘ป้าเอมขายรูปปั้นอสุรกาย’ บางทีป้ายนั้นอาจจะเขียนว่า ‘ยินดีต้อนรับ’ ก็ได้มั้ง…
แต่ดีนไม่ได้มีธุระอะไรกับเจ้าของร้านอยู่แล้ว ทางที่ดีคืออย่าได้ยุ่งเกี่ยวกันเลยดีที่สุด ถ้าสถานการณ์ไม่บีบบังคับด้วยความเป็นตายของเด็กคนหนึ่งเขาคงจะปฏิเสธงานนี้อย่างง่ายดาย หากว่าเขาถูกยักษ์น้ำแข็งพ่นไอเย็นใส่ก็ยังพอจะรักษาตัวได้ แต่หากเผลอสบตา ‘เมดูซ่า’ เข้าล่ะก็ไม่แคล้วต้องกลายสภาพเป็นเหมือนรูปปั้นแถว ๆ นี้
‘มีรูปปั้นยักษ์น้ำแข็งกับหมาป่าด้วยแฮะ พวกมันก็มาแถวนี้ด้วยสินะ…’
ความระมัดระวังจึงต้องเพิ่มขึ้นคูณสาม เขารีบหาสมุนไพรแบบเดียวกันกับตัวอย่างที่ได้มาจากจูลี่ โชคดีที่สวนโนมเอ็มโพเรี่ยมไม่ได้อยู่ใกล้กับค่ายฮาล์ฟบลัดมากนักจึงไม่ถึงกับถูกปกคลุมด้วยหิมะแต่ก็ถือว่าหนาว สมุนไพรที่ว่าจึงไม่ถูกหิมะปกคลุมจนเฉาตายไปหมด และที่เด็กชายบ้านเฮคาทีให้เขามาที่นี่เพราะสวนโนมค่อยข้างร่มรื่นเต็มไปด้วยพืชพรรณต่าง ๆ ราวกับสวนพฤกษศาสตร์จริง ๆ
“อันนี้หรือเปล่าวะ?”
ดีนชั่งใจขณะเทียบสมุนไพรในมือกับพืชที่คลับคล้ายคลับคลา แม้เขาจะเรียนชีววิทยามาแต่ตนเชี่ยวชาญเรื่องเซลล์ในพืชมากกว่าการแยกสมุนไพร ‘เอาเป็นว่าเก็บ ๆ มาก่อน’ ดีนตัดสินใจเช่นนั้น เก็บมาก่อนแล้วให้ผู้เชี่ยวชาญอย่างจูลี่ไปแยกออกมาเอง เพียงแค่แป๊บเดียวชายหนุ่มก็ฟาร์มสมุนไพรที่หน้าตาคล้ายตัวอย่างมาได้เยอะแยะ
และในขณะที่เขากำลังจะลุกขึ้นแล้วหันหลังกลับไปนั่นเอง ดีนก็รู้สึกได้ถึงเงาของใครบางคนปรากฏอยู่ข้างหลัง ซึ่งนั่นทำเอาเขาตัวแข็งทื่อและใจตกวูบลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ดีนค่อย ๆ กลอกตาลงไปมองที่พื้น เขาเห็นชายกระโปรงสีดำที่ยาวกรอมเท้า คนที่อยู่ด้านหลังเขาย่อมเป็นสตรีอย่างไม่ต้องสงสัย
“บุตรแห่งโพไซดอนอ่านป้ายด้านหน้าไม่ออกรึถึงได้กล้าเข้ามาในสวนของข้า”
น้ำเสียงของหญิงสาวเย็นเฉียบดังมาจากด้านหลัง เขาสัมผัสได้ถึงรังสีพิฆาตได้อย่างชัดเจน ตายล่ะหว่า ชีวิตของเขาคงไม่มาจบลงเอาตรงนี้หรอกนะ
“เอ่อ คือ…” ดีนรู้ว่าการหันหลังสนทนาด้วยเป็นเรื่องเสียมารยาทแต่กรณีนี้มันจำเป็น “สวัสดีครับ คุณป้าเอม ผมแค่มาเก็บสมุนไพรให้น้องในค่ายแค่นั้นเองไม่ได้กะว่าจะมารบกวนอะไรเลยครับ อีกอย่างคือ.. ผมไม่รู้ว่าป้ายนั่นมันอ่านว่าอะไร”
เมดูซ่าหัวเราะหึด้วยน้ำเสียงดูแคลนก่อนจะเฉลย
“ไม่ต้อนรับลูกโพไซดอนและอะธีน่า.. มันเขียนไว้แบบนั้น”
“งี้เอง ผมนึกว่าจะเขียนว่ายินดีต้อนรับอะไรแบบนี้ไว้ซะอีก ทางทีดีผมว่าคุณเพิ่มภาษาอังกฤษไปด้วยดีไหมครับ เดมิก็อดที่อ่านภาษากรีกไม่ออกก็มีอยู่ เช่นผมล่ะหนึ่ง” แม้รู้ว่าไม่สมควรแต่ก็อดที่จะแนะนำไปไม่ได้จริง ๆ ในตอนนี้คิดว่าตัวเองปากไวไปหรือเปล่าวะ
“ช่างต่อล้อต่อเถียงเสียจริง แต่นั่นก็ทำให้รู้ว่าบุตรแห่งเจ้าสมุทรยุคนี้อ่อนหัดแค่ไหน”
“ถูกของคุณเลย ผมอ่อนหัดมากครับเพราะงั้น… ผมขอตัวกลับค่ายก่อนล่ะ”
“เดี๋ยวก่อน”
พูดจบดีนก็รีบเดินหนีออกมาให้ไวแต่กลับถูกมือของหญิงสาวที่สวมถุงมือลูกไม้สีดำจับเอาไว้ นั่นทำเอาเขาสะดุ้งแล้วรีบปัดมือของเธอออก เมดูซ่าจะรั้งเขาไว้เพราะอะไรไม่รู้แต่ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำคือวิ่งหนีให้เร็วที่สุด
‘น้ำ! ช่วยฉันด้วย!!’
ดีนระเบิดน้ำพุที่อยู่บริเวณด้านหน้าร้านป้าเอมแล้วใช้น้ำจากท่อที่แตกกระจายพ่นใส่เพื่อสะกัดกั้นเมดูซ่าเอาไว้ จากนั้นรีบวิ่งหน้าตั้งออกมาโดยไม่คิดจะหันหลังกลับไปมองโดยที่เขาไม่รู้ว่าจะสร้างความโกรธเคืองให้แก่เธอมากแค่ไหน จนชายหนุ่มหนีมาได้ระยะหนึ่งโดยไม่รู้สึกว่ามีใครตามมา
“โอ้ ตายล่ะ เธอจะโกรธฉันแค่ไหนวะเนี่ย!”
ให้ทำไงได้ สำหรับเขาเมดูซ่าน่ากลัวมากเลยนี่นา ดีนเปิดกระเป๋าเป้และรื้อค้นหากระดาษปากกาสำหรับเขียนโน้ต ดีนแนบดรักม่าจำนวนหนึ่งก่อนจะห่อทั้งเงินและจดหมายไว้ด้วยกันแล้วโยนเข้าไปที่ใกล้ประตูร้านของป้าเอมโดยหวังว่าเธอจะเห็นจดหมายนั้น ไม่รู้ว่าเงินดรักม่าจะพอชดเชยความเสียหายได้ไหม จะเหมือนเอาเงินตบหน้าแล้วทำให้เธอโกรธยิ่งกว่าเก่าหรือเปล่า แต่เขาแสดงความบริสุทธิ์ใจมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ให้แล้ว
เอาเป็นว่าจะยังไงก็ช่าง แต่ตอนนี้เขาเผ่นจู๊ดกลับเข้าไปในค่ายฮาล์ฟบลัดก่อนก็แล้วกัน
สัมภาระจากหมาป่าน้ำแข็ง: หินตีบวก x6 ก้อน / +15 ดรักม่า
---------------------------------------------------จ่ายค่าความเสียหาย 100 ดรักม่า
(106 ดรักม่า รวมภาษี)
|