
วันที่ 19-20 เดือน ธันวาคม ปี 2025เวลาดึกวันที่ 19 จนถึงเช้าวันที่ 20 เป็นต้นไป ณ แฟลกสตาฟ รัฐแอริโซนา ไปถึง อัลบูเคอร์คี รัฐนิวเม็กซิโก (520 กม.) ◀️┃▶️
การเดินทางจากเบเกอร์สฟีลด์ถึงแฟลกสตาฟกลายเป็นบททดสอบความอดทนที่ยาวนานเกินกว่าที่คีอาร์ตั้งใจไว้ตอนแรก 800 กว่ากิโลเมตรบนถนนระหว่างรัฐคือเส้นทางที่เหมือนจะไม่มีวันจบ เสียงเครื่องยนต์ของรถประจำทางดังสม่ำเสมอจนกลายเป็นเสียงกล่อม เธอนั่งมองทิวทัศน์ที่เปลี่ยนจากทุ่งแห้งของแคลิฟอร์เนียสู่ภูเขาแดงของแอริโซนา ผ่านเมืองเล็ก ๆ ที่มีป้ายร้านเก่า ๆ และตู้จ่ายน้ำมันสนิมเขรอะ คีอาร์แทบไม่พูดกับใคร มีเพียงเสียงหูฟังที่เปิดคลอเพลงบรรเลงเบา ๆ กับความคิดที่เธอปล่อยให้ไหลไปเรื่อย ๆ เหมือนลม
รถหยุดพักเป็นระยะตามจุดบริการริมทาง เธอลงไปยืดขา ซื้อโซดาเย็น ๆ จากเครื่องหยอดเหรียญแล้วเดินกลับขึ้นรถโดยไม่สบตาใคร ความนิ่งของเธอไม่ใช่การเก็บตัว แต่เป็นการประหยัดพลัง สมองของเธอทำงานอยู่ตลอดเวลา ประเมินสภาพอากาศ เส้นทาง ระยะเวลา และความเสี่ยงของการเดินทางในทุกชั่วโมงที่ผ่านไป
เมื่อถึงแฟลกสตาฟในเวลาราวสามทุ่ม แสงอาทิตย์ไม่ได้ลับขอบฟ้าเสียทีเดียว แต่ฟ้าก็ไม่สว่างพอจะเรียกว่ากลางวัน ความส้มหม่นของแสงเหนือขอบฟ้าทาบเงาเมืองไว้เหมือนโลกกำลังค้างอยู่ระหว่างสองห้วงเวลา นั่นคือผลของกลางคืนที่หายไป ความผิดปกติของโลกหลังเทพีนิกซ์ถูกจับตัวหายไป คีอาร์ไม่แปลกใจอีกต่อไป แค่ยอมรับมันเหมือนยอมรับอากาศหนาวที่ต้องสูดเข้าไปทุกวันใครปรับตัวก็รอด ใครไม่ปรับก็ตาย
เธอเดินข้ามถนนหลักที่เริ่มเงียบ ป้ายไฟของร้านอาหารเม็กซิกันส่องสีแดงและเขียวกระพริบไม่สม่ำเสมอ จนมาหยุดที่ Hotel Aspen Flagstaff โรงแรมขนาดกลางสองชั้นติดถนน ที่มีลานจอดรถกว้างและไฟสีเหลืองอบอุ่น “คืนนี้... แค่ให้มีที่นอนพอ” เธอพูดกับตัวเองขณะดึงประตูเข้าไป
เคาน์เตอร์ต้อนรับมีกระถางไม้ประดับหนึ่งต้นและพนักงานชายวัยสามสิบกว่าคนยืนอ่านโทรศัพท์ เขาเงยหน้าขึ้นเมื่อเห็นเด็กสาวผมสีทองแดงในโค้ตเรียบ ๆ ยืนอยู่ตรงหน้า “เช็กอินเหรอครับ?”
คีอาร์พยักหน้า “ค่ะ ห้องเดี่ยว หนึ่งคืน” “หกสิบดอลลาร์ครับ”
เธอควักเงินส่งให้โดยไม่ต่อรอง รับคีย์การ์ดมาและเดินตรงขึ้นบันได เสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นไม้ลั่นแผ่ว ๆ ห้องที่ได้อยู่มุมอาคาร มีกลิ่นสะอาดของน้ำยาถูพื้น เธอโยนกระเป๋าไว้ปลายเตียงแล้วปล่อยตัวนั่งลง ผมที่รวบไว้คลายลงมาแตะไหล่ คีอาร์ถอดรองเท้า แล้วเอนหลังพิงหมอน มองเพดานนิ่งเงียบ “เหนื่อยเกินไปหน่อย... แต่ยังไม่ถึงครึ่งทาง” เธอพึมพำเบา ๆ ก่อนปิดไฟและปล่อยให้ตัวเองหลับไปในความมืดครึ่ง ๆ กลาง ๆ ของค่ำคืนที่ไม่มีดวงดาว
รุ่งเช้า เธอตื่นสายกว่าปกติเล็กน้อย แสงอุ่นลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้อง เธอลุกขึ้นช้า ๆ ยกแขนบิดขี้เกียจ ร่างกายรู้สึกหนักจากการนั่งรถทั้งวันก่อนหน้า หลังอาบน้ำและจัดของเสร็จ เธอลงมาทานอาหารเช้าริมล็อบบี้ กาแฟร้อน ขนมปังปิ้งกับแยม และโยเกิร์ตหนึ่งถ้วย เรียบง่ายและเพียงพอ
เมื่อเวลาใกล้แปดโมงเช้า เธอออกจากโรงแรมพร้อมกระเป๋าผ้าใบเดิม มุ่งหน้าไปยังสถานีรถประจำทางของเมืองแฟลกสตาฟ รถคันใหญ่สีเทาเงินจอดรออยู่ก่อนแล้ว กลิ่นน้ำมันดีเซลคละคลุ้งอยู่ในอากาศ “ปลายทางนิวเม็กซิโกครับ” คนขับพูดขึ้นเมื่อเธอยื่นตั๋วให้ เขามองเด็กสาวตัวเล็กในโค้ตยาวด้วยสายตาแปลกใจเล็กน้อย แต่คีอาร์เพียงยิ้มบาง ๆ “ขอบคุณค่ะ” ก่อนจะเดินไปนั่งที่ริมหน้าต่าง รถค่อย ๆ เคลื่อนออกจากสถานี เสียงล้อบดบนถนนคอนกรีตเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง ภูมิทัศน์ของแฟลกสตาฟค่อย ๆ หายไปทางด้านหลังแทนที่ด้วยเส้นทางสายยาวที่มุ่งไปทางตะวันออกเฉียงใต้
เส้นทางสู่รัฐนิวเม็กซิโก
ลมพัดผ่านกระจกข้างที่เปิดแง้มไว้ เธอวางศอกบนขอบหน้าต่าง มองดูทิวเขาสีสนิมกับป่าสนที่ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นทะเลทรายหิน เธอเงียบ ราวกับกำลังคุยกับสายลมที่วิ่งไปพร้อมรถ
อีกห้าร้อยกว่ากิโลเมตร... แล้วจะถึงอัลบูเคอร์คี เธอคิด ขณะสายตายังคงทอดยาวไปข้างหน้า เหนือเส้นทางที่ดูไม่มีที่สิ้นสุด ดวงตาเทาอมเขียวสะท้อนแสงอาทิตย์ขึ้นสีเงินเจือเขียวจาง ๆ ในกระจกสะท้อน เธอเห็นใบหน้าตัวเองนิ่งเรียบเหมือนเดิม ไม่มีความตื่นเต้นหรือความกลัว มีเพียงการคำนวณอย่างเยือกเย็นว่าต้องใช้เวลาอีกกี่ชั่วโมง กี่แวะพัก กี่จุดเสี่ยงที่จะต้องระวัง
สำหรับคนอื่น การเดินทางอาจคือการแสวงหาความหมาย แต่สำหรับคีอาร์ มันคือการเคลื่อนที่ของชีวิตอย่างมีเหตุผล
|