[สหรัฐเม็กซิโก]

[คัดลอกลิงก์]

หากท่านเป็นกึ่งเทพผู้หลงทาง สามารถสมัครสมาชิกเข้าร่วมกับเราได้ที่นี่ https://t.me/+etLqVX17bGg5ZjBl

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา ลงทะเบียน

×



Estados Unidos Mexicanos


สหรัฐเม็กซิโก





สหรัฐเม็กซิโก




          สหรัฐเม็กซิโก เป็นประเทศขนาดใหญ่ในอเมริกาเหนือ ตั้งอยู่ใต้สหรัฐอเมริกา ติดมหาสมุทรแปซิฟิกและอ่าวเม็กซิโก มีประวัติศาสตร์ยาวนานและเป็นแหล่งกำเนิดอารยธรรมโบราณสำคัญของโลก เช่น อัสเตก (Aztec) และมายัน (Maya) ก่อนถูกสเปนเข้าปกครองช่วงศตวรรษที่ 16 จนประกาศเอกราชในปี 1810 เมืองหลวงคือ เม็กซิโกซิตี (Mexico City) ซึ่งเป็นหนึ่งในมหานครใหญ่ที่สุดในซีกโลกตะวันตก เต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์ สถาปัตยกรรมยุคอาณานิคม และเขตประวัติศาสตร์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก


          ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวเมสติซอส (เชื้อสายผสมยุโรป–พื้นเมือง) รองลงมาคือชาวพื้นเมืองหลายเผ่า เช่น นาวัตล์ (Nahua), ซาโปเตก (Zapotec), มิกส์เตก (Mixtec), มายัน และชุมชนเชื้อสายยุโรป ภาษาอย่างเป็นทางการคือภาษาสเปน แต่เม็กซิโกยังยอมรับภาษาพื้นเมืองกว่า 60 ภาษาเป็นภาษาประจำชาติด้วย สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมอันลึกซึ้ง ศาสนาหลักคือคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งผสานกับความเชื่อดั้งเดิมจนเกิดพิธีกรรมและเทศกาลเฉพาะตัว เช่น Día de los Muertos (วันแห่งผู้ล่วงลับ)


          เม็กซิโกโดดเด่นทั้งด้านธรรมชาติและประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ซากพีระมิดเตโอติอัวกาน (Teotihuacan) พอลเอนคาป่อง เมืองโบราณชิเชนอิตซา (Chichén Itzá) ไปจนถึงชายหาดแคริบเบียนอย่างกังกูนและทูลุม รวมถึงเมืองอาณานิคมสวยงาม เช่น กัวนาคัวโต้ และโออาซากา ประเทศนี้ยังมีอาหารที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น ทาโก้ โมเล่ และทามาเล่ ทำให้เม็กซิโกเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยสีสัน วัฒนธรรม การกิน และภูมิทัศน์ที่หลากหลายอย่างไม่เหมือนใคร





แสดงความคิดเห็น

God
โพสต์ 9607 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-11-23 11:31
โพสต์ 2025-12-9 21:03:15 | ดูโพสต์ทั้งหมด
87.aetos dios & the horrible curse

-15.06.25 / 05:00AM-


ปิ๊บ.. ปิ๊บ.. ปิ๊บ…


เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นตอนเช้ามืดในโลกที่ไร้ความมืด นึกอยากปิดมันเสียแล้วนอนต่อทว่าวันนี้เป็นอีกวันที่พวกเขาต้องเดินทางกันตั้งแต่เช้าตรู่


น่าเสียดาย อดใช้บริการเสริมของห้องพักไปเลย…


ดีนควานมือหาโทรศัพท์มือถือเดดาลัสทว่าเขากลับสัมผัสไปโดนกล่องที่วางข้างหัวเตียงเมื่อคืนนี้อีกแล้วจนอดไม่ได้ที่ต้องหยิบมันขึ้นมาดูให้ชัด ๆ หลังจากที่แจ้งเตือนปลุกถูกหยุดลงและสวมแว่นตาเรียบร้อย


“แมคซี่ ดูนี่สิ เหมือนเมื่อวานยังไม่มีกล่องนี่วางอยู่เลยนะ แล้วมัน… ทำไมกล่องคอนด้อมที่เม็กซิโกติดรูปพรีเซนเตอร์บนนี้ด้วยน่าอายชะมัด”


ถึงเขาจะไม่เคยอายเวลาเข้าร้านสะดวกซื้อไปซื้อเครื่องป้องกันแบบนี้มาก็ตาม แต่เพิ่งจะเคยเห็นกล่องถุงยางอนามัยมีรูปคนที่หน้ากล่องเป็นครั้งแรก แถมยังเป็นบุคคลหน้าตาคุ้น ๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนอีกต่างหาก บางทีอาจเป็นดาราสักคนล่ะมั้ง


“อือ….”


ร่างข้าง ๆ ที่ถูกปลุกด้วยประโยคแปลก ๆ ค่อย ๆ ขยับตัวลุกขึ้นนั่งแบบเอื่อยเฉื่อยทั้งที่ยังไม่ตื่นเต็มตาดี เขาขยี้ตามองกล่องปริศนาในมือคนรัก แล้วหยิบมาดูกล่องนึง


“เมื่อคืนพวกเราอาจง่วงเกินไปจนไม่ทันสังเกตก็ได้”


เขาพลิกกล่องในมือไปมาด้วยความสงสัย นอกจากหน้าพรีเซนเตอร์ที่ดีนบอกแล้วก็ไม่มีข้อมูลอะไรเขียนเอาไว้เลย แต่ก็พอเข้าใจได้ คอนด้อมแจกฟรีตามเลิฟโฮเตล คงไม่จำเป็นต้องเขียนอธิบายวิธีการใช้ให้มากความ


“หน้าพรีเซนเตอร์แบบนี้จะเป็นคอนด้อมรุ่นไหนกัน…” 


‘ถ้าให้เดาพรีเซนเตอร์หน้าตาประมาณนี้คงเป็นไซส์มาตรฐาน’


แม้ไม่มีโอกาสใช้ก็ขอเปิดดูสักหน่อย แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่ด้านในกลับไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาคิดกันมาตั้งแต่แรก แมคเคนซีจึงหยิบวัตถุนั้นออกมาดู


“ฉันว่า…นั่นไม่ใช่พรีเซนเตอร์คอนด้อมแล้วที่รัก แต่เป็นอะพอลโล่”


คิดว่าไม่จำเป็นต้องคาดเดาอะไรอีก ทุกสิ่งอย่างถูกยืนยันเป็นที่เรียบร้อยแล้วจากเหรียญทองในมือซึ่งเป็นรูปราชรถเทียมม้าและมีชื่อเทพแห่งดวงอาทิตย์ปั๊มนูนอยู่บนนั้นชัดเจน


ถ้าอย่างนั้น เทพอะพอลโล่จะได้ยินเสียงในหัวของเขาเมื่อครู่ไหม…ไซส์มาตรฐาน—— คงไม่ได้ยินหรอกมั้ง


“เหรียญอะพอลโล่?”


ดีนเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อได้รับของขวัญจากเทพส่งตรงถึงหัวเตียงในยามหลับ ไม่ใช่หัวเตียงธรรมดาแต่เป็นเตียงในเลิฟโฮเตล


“พระเจ้า! ดีนะที่เมื่อคืนพวกเราไม่ได้มีเซ็กส์กันก่อนนอน ไม่อย่างนั้นอะพอลโล่เห็นก้นขาว ๆ ของนายตอนอยู่บนตัวฉันแน่! เอ๊ะ.. ไม่สิ คนส่งของน่าจะเป็นเฮอร์มีส พวกเราเกือบได้ลงหนังสือพิมพ์ข่าวฉาวของเฮอร์มีสแล้วไหมล่ะ!”


เรื่องขอบคุณก็ขอบคุณ แต่รู้สึกแปลก ๆ ยังไงไม่รู้ที่เทพเจ้าแอบย่องเข้าห้องพวกเขาตอนหลับ ชักสังหรณ์ใจแล้วสิว่านี่อาจไม่ใช่ครั้งแรก…


“ยังไงก็แล้วแต่ พวกเรารีบล้างหน้าล้างตากันดีกว่า รถบัสที่จะเดินทางต่อออกตอนหกโมงเช้าแน่ะ”


ดีนใช้พลังของแหวนห้วงมิติก่อนจะโยนเหรียญอะพอลโล่ใส่ลงไปในห้องเก็บของที่ดูเหมือนจะไม่มีวันเต็ม (อย่างน้อยก็ในระยะเวลาช่วงนี้) จากนั้นก็กึ่งดึงกึ่งลากแขนแมคเคนซีให้เข้าห้องน้ำไปด้วยกัน

.


.


.

- 06:00AM -


รถบัสที่จะไปยังเมืองโออาซากาเริ่มออกเดินทางเวลาหกโมงเช้าแบบไม่ขาดไม่เกิน และแน่นอนว่าหลังจากที่เดมิก็อดทั้งสี่ขึ้นรถไปได้ไม่ทันไรก็พากันม่อยหลับไปทีละคนสองคน เมื่อวานว่านั่งรถนานแล้ว แต่วันนี้ยาวนานกว่านั้น กว่าจะถึงจุดหมายปลายทางก็น่าจะเป็นช่วงหัวค่ำตามกำหนดการ


“…ตื่น แมคตื่น”


เสียงที่เหมือนดังมาจากที่ไกล ๆ ปลุกให้แมคเคนซีค่อย ๆ ตื่นจากการหลับใหลที่ยาวนาน เมื่อลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่าเพื่อนร่วมทีมอีกสามคนกำลังมองมาที่เขาเป็นตาเดียว


“อา…พวกเราถึงไหนกันแล้ว”


“พวกเราถึงจุดพักรถจุดที่สองแล้วค่ะ เขาให้ผู้โดยสารแวะกินมื้อกลางวันที่นี่ชั่วโมงนึงแล้วจะออกเดินทางต่อ”


เมื่อฟังที่น้องสาวบอกแล้วก็หยิบสมาร์ทโฟนมาดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาสิบเอ็ดโมงแล้วซึ่งก็สมควรแก่เวลาอาหารกลางวันจริง ๆ แมคเคนซีจึงพอจำได้เลือนลางว่าก่อนหน้านี้รถบัสได้แวะพักครั้งแรกไปแล้ว เขาปฏิเสธที่จะไม่ลงไปเข้าห้องน้ำกับดีนและขอนอนต่อในรถแบบยาว ๆ


“โอเค งั้นไปหาอะไรกินกัน”


แมคเคนซีพยักหน้ารับแล้วทั้งสี่คนก็พากันลงจากรถบัสที่ดับเครื่องไปแล้ว


พอเข้าเขตเม็กซิโกอาหารการกินก็ดูจะถูกปากยิ่งขึ้น อาหารท้องถิ่นอเมริกากลางอย่าง ‘ปลาตาโน มาดูโร’ (ถ้าใครจำไม่ได้ มันคือกล้วยทอดที่รับประทานเป็นของคาว) ยังมีอยู่ แต่ก็มีอาหารที่คุ้นตาอย่างทาโก้ เบอร์ริโต้ หรือเคซาดิญาแบบต้นตำรับกว่าทาโก้เบลล์ให้ได้ลิ้มรส


หลังรับประทานอาหารและเข้าห้องน้ำกันเสร็จเรียบร้อยก็ได้เวลากลับขึ้นรถบัสเพื่อเดินทางต่อ แต่ก็มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นอีกแล้ว


“แถวนี้นกเยอะจังแฮะ”


ดีนแหงนหน้าขึ้นมองฟ้ายกมือขึ้นป้องสายตาเมื่อเห็นฝูงนกประหลาดบินว่อนอยู่เหนือจุดพักรถ คล้ายกำลังต่อสู้กับนกอีกหนึ่งตัวที่หลบหนีการจู่โจมอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่สุดท้ายน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ นกหนึ่งตัวไม่อาจสู้กับนกราวยี่สิบตัวที่อยู่รวมฝูงกันได้ มันถูกกรงเล็บของนกจ่าฝูงจิกเข้าที่ปีกก่อนจะสะบัดร่างลงมาจากฟากฟ้าในตำแหน่งที่พวกขากำลังยืนอยู่พอดี


“อุ้ยแม่ร่วง!!”


ด้วยความที่ตำแหน่งที่ร่วงลงมาอยู่ไม่ไกลจากพวกเขา แมคเคนซีจึงพุ่งไปรับนกตัวนั้นไว้ในอ้อมแขนได้พอดี


“นกอินทรีเหรอเนี่ย…”


เมื่อมองนกที่บาดเจ็บแมคเคนซีก็ตกใจเล็กน้อย นี่ไม่ใช่นกธรรมดาแต่เป็นถึงนกอินทรีที่ตัวโตกว่านกอินทรีทั่วไป ซ้ำยังมีร่างเป็นสีทองอีก


‘นั่นมัน…พวกเดมิก็อด’


‘เจ้านกอินทรีแห่งซุสนั่นพาพวกเรามาเจอเหยื่อใหม่…’


กระแสเสียงไร้ที่มาดังขึ้นในหัวจนต้องหันมองซ้ายขวาแต่ก็ไม่เจอใครที่น่าสงสัย บุตรเทพีแห่งมนตราจึงถามเพื่อนร่วมทีมเพื่อความแน่ใจ


“พวกนายได้ยินอะไรไหม…เหมือนมีคนกำลังพูดถึงพวกเรา”


“แน่สิ ก็เจ้าพวกนั้นคือฮาร์ปี้นี่นา เตรียมตัวปะทะ!” 


ดีนประกาศเตือนผองเพื่อนเมื่อฝูงฮาร์ปี้กว่ายี่สิบตัวมองพวกเขาตาเป็นมันในฐานะ ‘เหยื่อ’ บุตรเจ้าสมุทรเรียกตรีศูลออกมาจากกำไลอัจฉริยะเตรียมตัวสวนกลับการโจมตีที่พุ่งลงมาจากฟากฟ้า เขาเกลียดศัตรูพวกนี้ มันบินได้และว่องไวจนยากที่ระยะหอกจะแทงถึง และเขาไม่อยากระเบิดห้องน้ำอีก


ฉึก!


ธนูทองคำจักรพรรดิพุ่งทะลุร่างของฮาร์ปี้ตนหนึ่งร่วงหล่นแตกสลาย พวกตัวที่เหลือกรีดร้องคำรามลั่นอย่างเคียดแค้น


‘ฆ่านังหัวม่วงนั่นก่อนเลย!’


“ฝันไปเถอะ!!”


บุตรเจ้าสมุทรโยนขวดน้ำขึ้นฟ้าควบคุมให้มันแตกออกเป็นม่านน้ำแรงตึงผิวสูงครอบบาเรียกันขนนกเหล็กที่เหล่านางฮาร์ปี้สลัดใส่เบี่ยงวิถีของขนแหลมปักลงพื้น ในจังหวะนั้นเอง ธิดาแห่งเฮคาทีก็สังหารฮาร์ปี้เพิ่มได้อีกสามตัว


ไฮรี่ชูดาบโค้งขึ้นฟ้าเพ่งสมาธิไปที่ปลายดาบคล้ายใช้มันเป็นสื่อนำพลังแห่งสายเลือดเข้าจู่โจมเลียนแบบเหล่าสายเลือดเฮคาทีเวลาใช้พลังเวท


‘สาปอวัยวะเพศ!’


จากนั้นกลุ่มฮาร์ปี้สาวก็กรีดร้องอย่างทุรนทุรายตกลงมาสู่พื้นทีละตนอย่างน่าตกใจ


‘กรี๊ดดดดด!! โอ๊ยยยย แสบเหลือเกินนนน’


“ฮะ.. ไฮรี่ นายทำอะไรน่ะ?”


ดีนตาโตเมื่อเห็นความสามารถอันทรงพลังของบุตรแห่งเฮอร์มาโฟรไดตัส เกิดอะไรขึ้นไม่รู้ แต่พออสุรกายเพศเมียโดนพลังนี้เข้าไปทีไรเป็นต้องร้องโอดโอยทุกครั้งไป


“อ๋อ ไฮรี่สาป *ปี๊บบบ——* ฮาร์ปี้น่ะ” ผู้ใช้พลังยิ้มแฉ่งอย่างใสซื่อ ทำเอาคนฟังถึงกับรีบหนีบหว่างขาตัวเอง


‘หมอนี่อันตรายชะมัด ห้ามเป็นศัตรูด้วยเด็ดขาด’


“………”


แมคเคนซีเองก็นิ่งอึ้งไปหลังจากได้ยินเช่นนั้น ที่เขาเคยคิดว่าไฮรี่มีทักษะสื่อสารกับนกได้ก็กลายเป็นว่าเข้าใจผิดถนัด แต่ความสามารถนี้ก็ถือว่าเหมาะกับบุตรของเทพเฮอร์มาโฟรไดตัสดีล่ะมั้ง


“พี่แมคดูแลน้องนกดี ๆ นะคะ!”


ชาร์ล็อตที่อยู่ภายใต้บาเรียน้ำของดีนหันมาตะโกนบอก จากนั้นเธอก็หันไปยิงธนูใส่ฝูงฮาร์ปี้ที่ยังอยู่บนฟ้าอีกส่วนจนจำนวนลดลงไปกว่าครึ่ง


แข็งแกร่ง…นี่สินะ ผู้หญิงที่ปกป้องทีมของเราได้


“โอเค ฝากด้วย—!”

 

ยังไม่ทันฝากฝังกันให้เรียบร้อย ฮาร์ปี้สองตนก็บินโฉบลงจากฟ้าพุ่งตรงมาที่เขา ปีศาจครึ่งนกสาวคงเห็นว่าแมคเคนซีคือคนเดียวที่ไม่มีอาวุธติดมือ จึงเป็นจุดอ่อนที่สามารถโจมตีได้ง่าย


ฟึ่บ!


แต่พวกนางไม่รู้ว่าเดมิก็อดผู้นี้สามารถอัญเชิญอาวุธได้เช่นเดียวกัน ทันทีที่ฮาร์ปี้ทั้งสองเข้ามาในระยะใกล้ จึงถูกดาบทองคำจักรพรรดิที่แมคเคนซีเรียกจากหมอกปลิดชีพทั้งที่อีกมือของเขายังอุ้มประคองร่างนกอินทรีที่บาดเจ็บอยู่


เหลือฮาร์ปี้ห้าตัวสุดท้าย พวกมันดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้นอย่างน่าสังเวชใจหลังจากไฮรี่ใช้คำสาป *ปี๊บบบ——* มรณะเสกใส่จนแทบจะสูญพันธ์เป็นครั้งที่สามจนพวกนางร้องขอ….


‘ทรมานเหลือเกินนนนนน แสบแบบนี้ฆ่าข้าให้ตายเถอะ!!!’


ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าความทรมานนั้นจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน บุตรแห่งโพไซดอนได้แต่กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ที่บุตรแห่งเทพสองเพศไม่ยอมจัดการเหล่าฮาร์ปี้ที่เหลือด้วยอาวุธเสียที


“ไฮรี่สาปขนาดนี้ทำไมยังไม่ตายอ่ะ”


‘ปัดโธ่เว้ย! นี่ไม่รู้พลังของตัวเองงั้นเหรอ!?!’


“ไฮรี่พอ พอได้แล้ว เดี๋ยวฉันจัดการเอง”


ได้ยินคำตอบของผู้ใช้คำสาป *ปี๊บบบ——* ระเบิด หนุ่มเท็กซัสก็ตบหน้าผากตัวเองดังแปะ เขาเดินเข้าไปแทงหอกใส่นางปีศาจนกเหล่านั้นด้วยความเวทนา


‘อั่ก! ขะ..ขอบคุณ บุตรแห่งโพไซดอน…’


ฮาร์ปี้ห้าตนสลายเป็นฝุ่นกลับทาร์ทารัส ตอนนี้ดีนไม่รู้จะทำหน้ายังไงดี เกิดมาเพิ่งเคยเจออสุรกายขอบคุณตอนที่เขาสังหารมันเนี่ยแหละ จนรู้สึกว่าเขาต้องตอบรับอะไรพวกนางเสียหน่อย


“อ่า… ไปดีมาดีนะสาว ๆ”


สุดท้ายการต่อสู้อันแสนกระอักกระอ่วนใจก็สิ้นสุดลงเสียที ดีนหันไปทางแมคเคนซี


“แมคซี่ อินทรีสีทองตัวนั้น… เหมือนฉันได้ยินคำว่าอินทรีแห่งซุสเลย”


“อินทรีแห่งซุส…?”


เรียวคิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อยแล้วก้มลงมองสิ่งมีชีวิตมีปีกที่ดูอ่อนแรงอีกครั้ง ร่างของมันมีขนสีทองอร่ามเป็นประกายห่อหุ้มทั้งตัว ดวงตาสีอำพันคู่นั้นมองสบกับดวงตาสีฮาเซลของเขาเพียงเงียบ ๆ


“น้องเป็นอินทรีศักดิ์สิทธิ์แห่งซุสค่ะ หนูเคยอ่านเจอจากตำราในบ้านมาว่าน้องเป็นสัตว์เลี้ยงในสังกัดของมหาเทพซุส ที่เป็นทั้งผู้รับใช้ และคอยส่งสารตามคำสั่งของเทพซุสด้วย”


เมื่อได้ฟังที่ชาร์ล็อตผู้เป็นคลังความรู้ของทีมขยายความให้แล้วก็เข้าใจได้ในทันที คำถามต่อไปจึงบังเกิดขึ้นมา


“แล้วเราควรทำไงกับนกนี่ดี เหมือนจะบาดเจ็บอยู่ด้วย”


จะปล่อยเอาไว้ตรงนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่นัก แม้จะเป็นคนถามแต่แมคเคนซีก็มอบคำตอบให้ตนเองในเวลาถัดมา


“เอาไปด้วยก่อนแล้วกัน ถ้าอาการดีขึ้นแล้วค่อยว่ากันอีกที”


หนุ่มอังกฤษถอดเสื้อคลุมของตนเองมาห่อร่างของนกอินทรีแห่งซุสไว้จากนั้นก็ร่ายคาถาภาพลวงตาขนาดเล็กเพื่อซ่อนตัวมันจากสายตาของคนทั่วไป


ซึ่งก็เป็นไปอย่างราบรื่น พวกเขาพาสัตว์เลี้ยงมหาเทพแห่งท้องฟ้าขึ้นรถมาได้สำเร็จ ก่อนที่รถจะเริ่มออกเดินทางต่อในอีกไม่กี่นาทีถัดไปโดยไม่มีอสุรกายตนใดมากร้ำกรายอีกจนเดินทางเข้าสู้ที่พักใน ‘เมืองโออาซากา’ (ที่ไม่ใช่โอซาก้า)




รับรางวัล 

เหรียญอะพอลโล่ 1 เหรียญ


 หมายเหตุ : แมคเคนซีได้พบกับ ‘อินทรีแห่งซุส’

สัตว์เลี้ยงดังกล่าวคือรางวัลจากกิจกรรม ‘ประกวดโปรไฟล์&ลายเซ็นดีเด่นศรีโอลิมปัส’ ซึ่งเป็นกิจกรรมของทางเว็บไซต์ จึงนำมาเขียนถึงที่มาเพื่อให้มีความสมเหตุสมผล และใช้ประกอบในเนื้อเรื่องจากนี้ไปตามความเหมาะสม

—Hakrabi

แสดงความคิดเห็น

ดี: 5.0
God
ดี: 5
  โพสต์ 2025-12-9 22:49
โพสต์ 119172 ไบต์และได้รับ 42 EXP!  โพสต์ 2025-12-9 21:03
โพสต์ 119,172 ไบต์และได้รับ +9 EXP +9 ความศรัทธา จาก แหวนดาราจรัส  โพสต์ 2025-12-9 21:03
โพสต์ 119,172 ไบต์และได้รับ +25 EXP +35 เกียรติยศ +55 ความศรัทธา จาก น้ำหอมเฮคาที  โพสต์ 2025-12-9 21:03
โพสต์ 119,172 ไบต์และได้รับ +1 Point จาก เหรียญนกฮูก  โพสต์ 2025-12-9 21:03

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส
น้ำหอมเฮคาที
เหรียญนกฮูก
สร้อยคอดีไซน์เท่
กางเกงเดินป่า
ตำราเวทมนต์เฮคาที
เข็มกลัดเฮคาที
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
เกราะนักรบสีทองแดง
การควบคุมหมอกขั้นสูง
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
เรียกอาวุธจากหมอก
Hydro X
การปลุกผี
คบเพลิงเวท
การร่ายคาถา
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
หมวกแก๊ป
แจ็คเก็ต YANKEES
แว่นกันแดด
นาฬิกาสปอร์ต
รองเท้าเซฟตี้
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
x1
x1
x2
x1
x2
x7
x10
x10
x7
x2
x9
x6
x4
x3
x70
x4
x10
x6
x12
x6
x18
x3
x55
x9
x189
x14
x14
x12
x45
x18
x5
x5
x5
x2
x5
x2
x11
x20
x10
x10
x2
x2
x2
x4
x1
x3
x12
x6
x2
x5
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x13
x2
x5
x4
x2
x1
x16
x145
x192
x10
x6
x10
x10
x16
x55
x80
x1
x1
x1
x4
x3
x1
x1
x1
x1
x5
โพสต์ 2025-12-14 17:43:44 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2025-12-14 17:44

367
เที่ยวสลับกลับ

               (MON) 16/06/2025 เวลา 11:30 น.

               เรียกว่าเป็นอีกวันที่ได้นอนแบบเต็มอิ่มโดยไม่ต้องตื่นด้วยเสียงนาฬิกาปลุกตามที่เคยเป็นมาในช่วงหลายวัน เรียวแขนขาว ๆ เอื้อมกอดเอวสอบคนรักที่นอนซุกอยู่ข้างกันก่อนค่อย ๆ ลืมตาตื่น แน่นอนว่าเขายังไม่อยากตื่นในตอนนี้ แต่เสียง ‘โครกคราก’ ในท้องก็ประท้วงขึ้นมาว่าควรลุกไปหาอะไรรับประทานได้แล้ว

               “ดีน…ตื่นกันเถอะที่รัก วันนี้นายวางแผนจะไปเที่ยวใช่ไหม”

               “อา.. อืม ใช่ ฉันหลับจนลืมนาฬิกาปลุกไปเลย”

               ถึงจะพูดแบบนั้นทว่าความจริงแล้วเดมิก็อดหนุ่มไม่ได้ตั้งนาฬิกาปลุกสำหรับวันนี้ไว้เนื่องจากจะได้นอนหลับพักผ่อนให้เต็มอิ่ม ส่วนการออกเที่ยวเป็นโบนัสเสริมที่คนลัลล้าพลาดไม่ได้

               “ว่าแต่… ตอนที่พวกเราออกไปข้างนอกจะทำยังไงกับนกของนายดีล่ะที่รัก”

               ดีนผงกหัวขึ้นมามองเล็กน้อยโดยที่ยังไม่ยอมปล่อยอ้อมแขนที่กอดก่ายคนรัก

               “แต่ฉันคิดว่านะ สิ่งสำคัญอันดับแรกก็คือต้องตั้งชื่อให้มันก่อน เอาเป็นว่า ไข่—....”

               “กิ้วววว!!”

               อินทรีซุสบาดเจ็บที่นอนอยู่บนผ้าขนหนูผืนนุ่มบนโต๊ะกลมข้างหน้าต่างแผดเสียงดังลั่นขัดจังหวะการตั้งชื่อของดีน พอได้ยินเสียงร้องที่เหมือนเสียงแหวของเจ้าอินทรีแล้วแมคเคนซีก็อดหลุดขำในลำคอไม่ได้

               “ดูท่าเจ้านั่นไม่อยากร่วมขบวนการไข่นะ แต่จะว่าไปฉันก็ยังไม่ได้คิดเรื่องชื่อเลย…เราควรเลี้ยงมันไว้หรือเปล่า”

               ที่ถามแบบนั้นเพราะเขาเองก็ไม่แน่ใจ เขาแทบไม่รู้จักนิสัยใจคอของสัตว์ชนิดนี้เลยด้วยซ้ำ เผลอ ๆ ไม่แน่ว่าถ้าหายดีแล้ว มันอาจจะสยายปีกโผบินกลับสู่ธรรมชาติไปก็ได้

               “อินทรีนี่กินอะไรนะ พวกเนื้อหรือเปล่า เราใช้มือถือนี่ซื้อของได้ใช่ไหม”

               จากที่เคยเห็นดีนซื้อของผ่านทางสมาร์ทโฟนเดดาลัส แมคเคนซีก็ไม่รอช้า หยิบมือถือมาลองกดเข้าแอพร้านสารพัดเร็วไวแล้วกดซื้อชุดซาชิมิกับแซลมอนย่างกลิ่นหอมกรุ่นออกมาวางไว้ให้อย่างละชุด

               “เท่านี้น่าจะโอเคแล้ว ครึ่งวันคงอยู่ได้ใช่ไหมเจ้านก”

               “……กิ้ว”

               อินทรีแห่งซุสมองอาหารตรงหน้าแล้วมองหน้าแมคเคนซีก่อนจะร้องตอบเพียงสั้น ๆ เรียกได้ว่าเกรี้ยวกราดน้อยลงกว่าตอนขัดเรื่องการตั้งชื่อของดีนไปหลายหน่วย จากนั้นมันก็เริ่มลงมือจัดการซาชิมิก่อน

               “เจ้านี่พอได้กินแล้วก็ทำเสียงอ่อนเสียงหวานเชียวแฮะ น่ารักจัง”

               “เอาล่ะ คราวนี้ก็ถึงตาเราไปออกหากินบ้างแล้ว ก่อนที่ฉันจะหิวจนทนไม่ไหวแล้วจับนายกินซะก่อน”

               หนุ่มอังกฤษพูดติดตลกก่อนหันมาจูบขมับคนที่ยังนอนอ้อยอิ่งอยู่ แล้วลุกไปจัดการธุระส่วนตัวด้วยกันเพื่อเตรียมตัวออกไปผจญภัยในเมืองโออาซากา

               ภายในตัวเมืองเริ่มประดับประดาไปด้วยธงและกระดาษหลากสีสันเพื่อต้อนรับงานเทศกาล ‘เกวลากีตซา’ ที่จะถูกจัดขึ้นช่วงเดือนกรกฎาคมยาวนานหลายสัปดาห์ เทศกาลนี้เป็นการเฉลิมฉลองของชนเผ่าพื้นเมืองต่าง ๆ ในเม็กซิโก แลกเปลี่ยนศิลปะวัฒนธรรม ร้องเพลงเต้นรำ แบ่งปันอาหาร น่าเสียดายนิดหน่อยที่พวกเขามาถึงเมืองนี้ก่อนเทศกาลถูกจัดขึ้นถึงสิบห้าวันทำให้พลาดเที่ยวชมงาน กระนั้น โออาซากาในยามนี้ก็ยังคึกคักสมกับเป็นเมืองที่ยูเนสโกรับรองว่าเป็นเมืองแห่งอาหารที่ดีที่สุดในสหรัฐเม็กซิโก


               พวกเขาแวะเที่ยวชมสถานที่สำคัญต่าง ๆ ที่น่าไป อาทิ จตุรัสกลางเมืองที่ตั้งของ วิหารซานโตโดมิงโก เดอ กุซมาน โบสถ์คริสต์สไตล์บาโรกที่ด้านในถูกตกแต่งด้วยสีทองอร่ามอลังการงานสร้างกว่าโบสต์แห่งไหนในภูมิภาคนี้ที่เคยแวะไปเยือน ต่อด้วย พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมโออาซากา เดินเล่นยัง ถนนคาเย มาซิโดนิโอ อัลคาลาที่ขึ้นชื่อว่าเป็นถนนคนเดินที่สวยที่สุดของเมืองทั้งสะอาดและหลากสีสัน และปิดท้ายวันที่พลาซ่า ดื่ม เมซคาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเลื่องชื่อของเมืองที่ทำจากพืชอากาเว มีลักษณะคล้ายเตกิลา แต่รสชาติเข้มกว่าและมีกระบวนการผลิตด้วยวิธีการแบบดั้งเดิม แม้เหล้ารสเข้มจะไม่ใช่สิ่งที่ดีนโปรดปรานเป็นอันดับแรก ๆ ทว่าเขาก็ดื่มมากพอที่จะทำให้คืนนี้นอนหลับได้โดยไม่ฝัน


               เมื่อไขประตูกลับเข้ามาในห้อง สองเดมิก็อดคู่รักก็เห็นว่าอินทรีแห่งซุสอยู่อย่างสงบเสงี่ยมภายในห้องพักโดยไม่ทำข้าวของเสียหาย และดูเหมือนว่าอาการบาดเจ็บของมันจะดีขึ้นมากเพียงชั่วข้ามวัน

               “ฮายย ฉันกลับมาแล้ว ไข่ซุ—”

               “กิ้ว!!!” อินทรีขนทองคำแผดเสียงแหลมดังลั่นจนเสียดหู แถมด้วยท่าทีไม่พอใจเป็นอย่างมาก

               “อู้ย โทษทีพวกเรากลับมาช้าไปหน่อย แกคงหิวแล้วสินะเจ้านกน้อยน่ารัก เดี๋ยวคุณพ่อแมคซี่จะให้อาหารนายเองนะ มุมุ”

               บุตรเจ้าสมุทรเอ่ยอย่างอารมณ์ดีกลิ่นละมุดหึ่งออกจากปาก เขาถลาเข้าไปจะเล่นกับมันแต่เจ้าอินทรีกางปีกขู่อย่างน่ากลัว

               “กิ้ว!!!”

               “โอ๋ ๆๆๆ อย่าเพิ่งกลัวสิ ฉันมาดีนะ มาแบบเป็นมิตร เนอะ แมคซี่” ดีนหันกลับไปขอความเห็นจากคนรักตาหวานเยิ้มยิ่งกว่าเดิม

               “อืม…ใช่ ฉันว่ามันรู้นะว่าใครมาแบบเป็นมิตร”

               แมคเคนซีที่ดื่มไปไม่เยอะเท่าเพื่อให้ตนเองยังพอครองสติที่จะดูแลคนอีกสามคนไว้ได้ตลอดทริปการท่องเที่ยววันนี้ยืนกอดอกพิงกรอบประตูมองท่าทีระหว่างคนรักกับนกนักล่าสมาชิกใหม่ด้วยแววตาเจือความขบขัน แน่นอนว่าคนชอบสัตว์แบบดีนพร้อมเสมอที่จะเป็นมิตรกับสัตว์ทุกประเภท แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมเจ้านกอินทรีตัวนี้ถึงดูไม่ชอบหนุ่มละตินเอาซะเลย

               เขาเดินมาย่อตัวลงนั่งตรงหน้าเจ้านกอินทรีข้าง ๆ ดีน มันจึงได้ยอมหุบปีกลงแล้วขยับเดินมาหาแมคเคนซีแทนโดยที่สายตายังมองไปที่บุตรแห่งเจ้าสมุทรอย่างไม่วางใจ

               “ไม่เป็นไร ที่นี่ไม่มีใครทำอะไรแกแล้ว จะว่าไปก็ดูดีขึ้นเยอะแล้วนี่นะ อยากกลับบ้านหรือยังล่ะ”

               เหมือนพูดเป็นวรรคเป็นเวรคนเดียว แต่ก็ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับเขาที่คุยกับสุนัขที่บ้านและเจ้าลูกก็อบลินที่เลี้ยงไว้ด้วยความเคยชิน แม้ว่ากลุ่มเพื่อนรักสัตว์เลี้ยงของเขาจะไม่เคยตอบกลับมาด้วยภาษาเดียวกันก็ตาม แล้วก็เช่นเดียวกัน สิ่งที่อินทรีแห่งซุสตอบกลับมาคือความเงียบ มันไม่ร้องตอบแต่นั่งลงไปบนกองผ้าขนหนูเหมือนเดิม จะว่าหิวก็คงไม่ใช่ เพราะแซลมอนย่างที่เขาซื้อไว้ให้ยังเหลืออยู่เกือบครึ่ง

               “บ้านเหรอ…”

               ดีนพยายามนึกภาพตามคำของแมคเคนซี หากเจ้านกตัวนี้เป็นอินทรีป่าธรรมดา ๆ เขาคงสนับสนุนการปล่อยสัตว์สู่ป่าโดยไม่ลังเล ทว่าเจ้านี่ไม่ใช่นกนักล่าธรรมดา ๆ เนี่ยสิ แต่เป็นอินทรีศักดิ์สิทธิ์แห่งซุส (ตามคำบอกเล่าของชาร์ล็อต) ซึ่งเขาไม่อาจจำแนกได้เลยว่าสิ่งมีชีวิตตัวนี้ เป็นอสุรกายหรือสัตว์เทพกันแน่ บางทีอาจเป็นมนุษย์ที่ถูกสาปให้เป็นสัตว์รับใช้ก็ได้ใครจะไปรู้ เพราะว่าดีนเคยฟังพอดแคสต์เรื่องเทพเจ้ามาบ้างว่า เทพชอบเปลี่ยนให้คนสนิทเป็นสัตว์เทพเพื่อรับใช้ใกล้ชิดและมอบความพิเศษกึ่งอมตะให้

               “งั้นบ้านของไข่ซุสก็คือโอลิมปัสสินะ”

               “กิ้ว!!!” อินทรีศักดิ์สิทธิ์แห่งซุสไม่ทน คราวนี้มันขยับปีกยกตัวสูง ลอยตัวไล่จิกดีน

               “โอ๊ย ๆๆๆๆ ทำไมอยู่ ๆ เจ้านี่ก็ไล่จิกฉันอ่าาาา”

               บุตรแห่งโพไซดอนเปลี่ยนกำไลอัจฉริยะเป็นโล่กลมสลักรูปฮิปโปแคมปัส คล้ายยิ่งทำให้มันเดือดดาลยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นสัตว์วิเศษบนหน้าโล่ จะงอยปากคมกริบกระทบโล่สัมฤทธิ์เสียงดัง แป๊ง ๆๆ!

               “เฮ้ อย่าเพิ่งทะเลาะกันสิ”

               แมคเคนซีรีบห้ามทัพถึงแม้จะเห็นอยู่ว่ามีฝ่ายที่เกรี้ยวกราดอยู่ฝ่ายเดียวก็ตามที แต่เขาควรห้ามยังไงดีล่ะ พอนึกถึงคลิปการเลี้ยงนกอินทรีที่ดีนเคยเปิดดูแล้ว เขาก็รีบหยิบผ้าขนหนูบนโต๊ะมาพันแขนตนเองไว้แล้วยื่นออกไป

               “เจ้านกมาทางนี้”

               ทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก อินทรีแห่งซุสที่จิกรูปฮิปโปแคมปัสบนโล่ไม่ยั้งก็ชะงักไป มันบินมาเกาะตรงแขนที่บุตรเทพีแห่งมนตราใช้ผ้าขนหนูพันแขนไว้แล้วยืนด้วยท่าทางสง่าผ่าเผยราวกับว่ามันเพิ่งกำราบศัตรูตัวฉกาจ (?) ไปได้

               “ดูท่าคืนนี้พวกนายอยู่ด้วยกันไม่ได้แน่ นายรอเดี๋ยวนะ ฉันจะเอาอินทรีซุสไปฝากชาร์ล็อตช่วยเลี้ยงสักคืนก่อน รอให้มันอารมณ์เย็นลงกว่านี้แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาดูกันต่อว่าจะเอายังไง”

               ว่าแล้วแมคเคนซีก็หายออกไปจากห้องเพื่อเอาสัตว์เลี้ยงใต้อาณัติเทพสายฟ้าไปฝากน้องสาวที่อยู่ห้องข้าง ๆ ก่อนจะกลับมาในเวลาไม่นานนัก
               
               “แมคซี่ ฉันคิดถึงนายจัง นายไม่อยู่ตั้งห้าสิบแปดวินาที เกือบหนึ่งนาทีแน่ะ”

               ดีนถลาเข้าไปกอดเอวเอาหน้ามุดอกแมคเคนซีทันทีที่อีกฝ่ายเปิดประตูเข้ามาในห้องเสมือนว่าคนรักทิ้งเขาไปนานแสนนาน ส่วนตัวเลขที่กล่าวนั้นไม่ได้โมเม หนุ่มโพไซดอนนับเลขในใจช่วงที่อีกฝ่ายหายออกไปจริง ๆ

               “แต่ก็ไม่ได้นานเท่าไหร่ นายรีบกลับมาเพราะคิดถึงฉันล่ะสิ”

               หนุ่มตาเยิ้มยิ้มเผล่เงยหน้าขึ้นมามองคนที่อยู่สูงกว่า

               หนุ่มอังกฤษรับกอดคนรักไว้แล้วมองตอบดวงตาสีเปลือกไม้หางตาตกอันเป็นเอกลักษณ์ของคนตรงหน้า คงไม่ต้องให้พูดว่าเขาแพ้สายตาแบบนี้ของดีนแค่ไหน แม้เวลานี้อีกฝ่ายจะตาฉ่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็ตาม

               “นายนับขนาดนั้นเชียว แน่นอน ฉันอยากตัวติดกับนายจะแย่”

               มือข้างนึงวางทาบแก้มที่เริ่มมีไรหนวดจาง ๆ ขึ้นบนใบหน้าคมสันพลางเกลี่ยนิ้วหัวแม่มือคลึงไปตามแก้มสีน้ำผึ้งเบา ๆ

               “บรรยากาศเป็นใจดีนะนายว่าไหม จะเป็นอะไรไหมถ้าเรา……”

               แมคเคนซีเงียบไปเพียงแค่นั้น ก่อนจะขยับใบหน้าไปกระซิบข้างหูคนรักด้วยประโยคที่ได้ยินกันเพียงแค่สองคน

               .
               .
               .

               (TUE) 17/06/2025 เวลา 7:00 น.

               เข้าสู่เช้าอันสดใส วันนี้ดีนและแมคเคนซียังคงตื่นกันไหวทั้งที่เมื่อคืนเพิ่งเล่นกีฬามัน ๆ ก่อนนอนกันมา บางทีอาจเป็นความเคยชิน… หมายถึงตื่นเช้าติด ๆ กันจนเคยชิน

               หลังจากเตรียมตัวกันเรียบร้อยแล้วพวกเขาก็พากันเช็คเอาท์ออกจากโรงแรม และตอนนี้ก็ได้เวลาต้องบอกลาสมาชิกชั่วคราวของทีมแล้ว

               “เอาล่ะ ได้เวลากลับบ้านของแกแล้ว กลับถูกใช่ไหม อย่าให้ใครมารุมอีกล่ะ”

               แมคเคนซีบอกอินทรีร่างทองอร่ามที่เกาะแขนของตนเองราวกับว่ามันเริ่มคุ้นชินที่จะอยู่ตรงนี้ไปแล้ว

               “กิ้ว——”

               นกนักล่าเพียงแค่เอียงคอเล็กน้อย ตอนนี้สภาพร่างกายของมันดูแข็งแรงขึ้นมาก และมันก็ได้กินอาหารมื้อเช้าจนอิ่มหนำไปแล้ว น่าจะเดินทางไปได้อีกไกลโข จากที่ชาร์ล็อตเคยบอกว่านี่คือนกส่งสารของเทพซุส นั่นแปลว่าอินทรีตัวนี้คงมีความสามารถในการจดจำเส้นทางได้เป็นอย่างดี

               “บ๊ายบายนะจ๊ะน้องนก ถ้ามีโอกาสเราคงได้เจอกันอีกนะ”

               ชาร์ล็อตบอกลาด้วยรอยยิ้ม ปลายนิ้วเรียวเล็กของเธอแตะเข้าที่หัวของมันอย่างแผ่วเบา ซึ่งอินทรีแห่งซุสก็ไม่ได้ต่อต้านแต่อย่างใด จนเมื่อเด็กสาวละมือออก มันก็สยายปีกบินขึ้นไปด้านบน วนอยู่เหนือศีรษะเดมิก็อดทั้งสี่

               “พวกเราก็ต้องรีบไปขึ้นรถที่จะไปเม็กซิโกซิตี้ได้แล้ว เดี๋ยวจะตกรถเอา”

               แมคเคนซีเงยหน้าขึ้นมองอินทรีแห่งซุสที่บินเป็นวงกลมอีกครั้ง ก่อนที่มันจะบินหายลับไป โดยที่ภายในใจก็หวังว่าการเดินทางครั้งนี้ของมันจะปลอดภัยและไม่โดนใครทำร้ายอีก จากนั้นพวกเขาก็เดินทางกันไปยังท่ารถ เพื่อเริ่มต้นการเดินทางต่อไป

               จุดหมายปลายทางของวันนี้คือ ‘เม็กซิโกซิตี้’ เมืองหลวงของสหรัฐเม็กซิโก อาจเป็นอีกหนึ่งวันอันน่าเบื่อที่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรนอกจากการนั่งอยู่บนรถบัส ชมวิวข้างทาง แล้วก็งีบหลับ แวะพักที่จุดพักรถเพื่อรับประทานมื้อเที่ยงแบบลุ้น ๆ ว่าจะมีตัวอะไรโผล่มารังควาญอีกไหม แต่วันนี้ก็สงบสุขกว่าที่คาดจนพวกเขาทั้งสี่มาถึงที่หมายโดยไม่เจ็บตัว แถมยังได้ที่พักดี ๆ ราคาไม่แรงมากแต่อยู่บริเวณจตุรัสใจกลางเมือง

               “จริงสิ ฉันอยากซื้อของที่มินิมาร์ทใกล้ ๆ นี้หน่อยแฮะ นายจะเอาอะไรไหม หรือจะไปด้วยกัน?”

               บุตรเจ้าสมุทรเอ่ยขึ้นหลังพวกเขาทั้งสี่คนเพิ่งกลับเข้าที่พักหลังจากรับประทานอาหารเย็นกันได้ไม่นานโดยที่ชาร์ล็อตและไฮรี่แยกย้ายไปพักผ่อนกันอีกห้อง

               “ไปสิ ไปเดินเล่นอีกสักหน่อยก็ดี เพิ่งหัวค่ำเองนี่นะ”

               ดูจากเวลาแล้วก็ยังพอออกไปเดินเตร่กันได้อีกหน่อย ดีกว่าจะต้องมานั่งไม่มีอะไรทำในห้องตั้งแต่หัวค่ำ ครั้นจะเล่นกีฬามัน ๆ กันต่ออีกวันก็ดูจะเร็วเกินไป ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของคืนนี้ไปดีกว่า

               เมื่อตกลงกันได้แล้ว สองหนุ่มเดมิก็อดก็พากันเดินออกจากโรงแรมมายังร้านสะดวกซื้อแถวนั้น หลังจากซื้อเครื่องดื่มมีฟองของโปรดของดีน รวมถึงของใช้จำเป็นอีกนิดหน่อยเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่ก็พากันเดินเล่นแถวนั้นต่ออีกหน่อย

               “ฉันเคยเล่าไหมว่าแม่ฉันเป็นคนเม็กซิกันโดยกำเนิด แต่ว่าไม่ได้อยู่ที่เม็กซิโกซิตี้หรอกนะ”

               “เหมือนจะไม่เคยนะ แต่คุณแม่นายก็หน้าตาสวยเข้ม ไม่เหมือนชาวอเมริกันเท่าไหร่”

               อยู่ ๆ ดีนก็เกริ่นขึ้นมา สำหรับตัวเขาที่มีสายเลือดเม็กซิกันไหลเวียนอยู่ในตัวครึ่งหนึ่ง สายเลือดเทพสมุทรครึ่งหนึ่ง ส่วนสัญชาติเป็นอเมริกันเพราะว่าเกิดและเติบโตที่นี่ ไม่มีญาติฝั่งแม่ในเท็กซัส ดังนั้นเขาจึงคิดว่าตัวเองเป็นประชาชนอเมริกันเต็มร้อยเปอร์เซ็น

               “แม่ไม่ค่อยเล่าเรื่องครอบครัวแม่ให้ฉันฟังเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนว่าแม่จะเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้าน ถ้าจำไม่ผิดฉันมีลุงหนึ่งคนแล้วก็น้าชายอีกสองมั้ง”

               เรื่องราวเหล่านั้นช่างเลือนลางในความทรงจำ ดีนฟังเรื่องของแม่มาจากพ่อ ‘โดนัลด์ นีล’ เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งพ่อกับแม่สนิทกันหลังจากที่แม่อพยพมาอยู่ซานอันโตนิโอแล้วด้วยซ้ำ ข้อมูลจากปากสู่ปาก ดังนั้นข้อมูลที่มีอาจไม่ใช่เรื่องจริงเลยก็ได้

               “เอาจริงนะ ฉันไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะได้มาเยือนแผ่นดินเกิดของแม่ รู้สึกเสียดายนิดหน่อยที่ไม่ได้แวะไปหาญาติที่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคือใคร”

               ดีนเว้นเล็กน้อยทอดสายตามองทิวทัศน์ยามค่ำของเม็กซิโกซิตี้ที่ไม่ดับแสง ไม่มีอะไรแตกต่างจากตอนกลางวัน มีเพียงวิถีชีวิตของผู้คนที่แตกต่างออกไปตามช่วงเวลา จากนั้นหันกลับมาหาคนรักที่เดินเคียงกัน



               หลังจากที่เงียบฟังดีนเล่าเรื่องของผู้เป็นมารดามาตลอดทางอย่างตั้งใจ แมคเคนซีก็เริ่มพูดขึ้นมาบ้างพร้อมกับหันมาสบตาคนข้าง ๆ ตอบ เครื่องหน้าคมเข้มของคนตรงหน้า ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าได้จากใครมา

               “ถ้านายเกิดอยากไปขึ้นมาเมื่อไหร่…ถึงตอนนั้นเราค่อยมากันใหม่ก็ได้”

               ด้วยความที่ไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของครอบครัวผู้เป็นแม่ของคนรักมาก่อน (และดีนเองก็คงไม่รู้เช่นกัน) มันจึงค่อนข้างเป็นเรื่องยากสำหรับแมคเคนซีที่จะหาถ้อยคำมาสนับสนุนเรื่องการไปเยี่ยมผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นญาติกัน มือที่ว่างอยู่จากการถือของจึงทำได้เพียงแค่คว้ามือเก้งก้างของอีกฝ่ายมากุมไว้แล้วยิ้มให้เหมือนทุกครั้ง


               “ให้นายทายว่าแม่ฉันมาจากเมืองไหน ใบ้ให้ว่าเป็นชื่อเมืองที่พอนายฟังแล้วต้องร้องอ๋อ”

               “อืมมมม…ให้ฉันทายน่ะเหรอ แปลว่าจากเมืองที่เราผ่านมานี่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด อา…นายถามคำถามยากจังที่รัก ฉันไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับภูมิประเทศนี้ซะด้วย แต่ถ้าให้เดาล่ะก็….ดูรังโก?”

               “ดูรังโกเหรอ นายเดาได้ดีนะ แต่ยังไม่ใช่ เอางี้ฉันให้นายทายอีกหนึ่งครั้ง เพิ่มคำใบให้คือเมืองนั้นเกี่ยวกับมะ-....”

               “โฮ่ง!!”

               ยังไม่ทันที่ดีนจะพูดจบ เดมิก็อดทั้งคู่ก็ต้องเหลียวไปมองข้างหลังจากเสียงเห่ากรรโชกอย่างรุนแรงจากสุนัขตัวใหญ่ แล้วไม่ได้มีเพียงหนึ่งแต่มาถึงสี่ตัว

               “เหวอ!”

               แม้แต่คนที่ชื่นชอบสัตว์อย่างดีนยังต้องร้องเหวอเมื่อพวกเขาถูกสุนัขขี้เรื้อนเจ้าถิ่นตัวใหญ่ล้อมหลังเอาไว้ ท่าทางของพวกมันดูเอาเรื่องเหมือนว่าทั้งสองคนทำอะไรผิดต่อพวกมันมา ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไปทำอะไรให้ ไม่แน่ว่ามันอาจจะหวงถิ่นหรือไม่ก็แค่อยากปล้นของกินที่อยู่ในถุงร้านสะดวกซื้อที่หิ้วอยู่

               สุนัขขี้เรื้อนตัวหนึ่งกระโจนใส่หนุ่มทั้งสองทันที ด้วยสัญชาตญาณทำให้ดีนจูงมือแมคเคนซีวิ่งหนีโดยไม่ทันได้พินิจวิเคราะห์ถึงรูปลักษณ์ภายนอกของเจ้าหมาแก๊งนี้ดี ๆ

               “แมคซี่วิ่งเร็ว!!!”

               พวกเขาทั้งสองวิ่งหนีแบบลืมทิศจนถูกต้อนเข้ามาสู่ซอยตันแคบ ๆ แห่งหนึ่งที่มีชายเร่ร่อนตัวใหญ่โตเสื้อผ้าขาดวิ่นในมือทั้งสองข้างถือกระบองไม้ข้างละท่อนยืนจังก้ารออยู่ ภัยจากทั้งด้านหน้าด้านหลังทำให้พวกเขาเบรกเอี๊ยดแทบไม่ทัน

               “อะ… อะไรอีกเนี่ย!!”

               “หึ! ทำดีมากลูกพ่อ ขย้ำมัน!”

               ยังไม่ทันได้ตั้งตัวหรือตั้งสติ ชายร่างยักษ์ก็สั่งให้ฝูงสุนัขขี้เรื้อนจู่โจมทั้งสองทันที ในสถานการณ์แบบนี้ต่อให้ไม่ใช่อสุรกายแต่ก็คงต้องใช้พลังแห่งเทพรับมือเสียแล้ว

               หลังจากที่โดนลากให้วิ่งมาเป็นระยะทางเท่าไหร่ไม่รู้ แต่มันก็พอจะทำให้คนที่วิ่งไม่ทนแบบแมคเคนซีหอบแฮ่กได้ ซ้ำตอนนี้สถานการณ์ยังดูเข้าตาจนสุด ๆ แต่อาจเป็นเพราะสายเลือดของเทพีผู้สร้างม่านหมอกบังตาไว้ก็หรือเปล่าก็ไม่ทราบได้ ที่ทำให้หนุ่มอังกฤษมองเห็นร่างจริงของสุนัขฝูงนั้นและเจ้าของของมัน

               และอาจถือเป็นความโชคร้ายของแมคเคนซีที่เขาคิดว่าแค่มาร้านสะดวกซื้อใกล้ ๆ คงไม่มีอะไร จึงทำให้เขาไม่ได้พกคทาเวทมาด้วย แต่มันก็เพียงแค่นิดหน่อยเท่านั้น เพราะถึงยังไงสกิลความมือเท้าไวก็ยังทำงานได้ดีอยู่

               พลั่ก!

               ไม้หน้าสามแถวนั้นถูกหยิบมาใช้เป็นอาวุธจำเป็นเฉพาะหน้า เมื่อเป็นอสุรกายที่จ้องจะเอาชีวิตพวกเขาแล้วก็ไม่จำเป็นต้องปรานีกันอีก แมคเคนซีหวดไม้เข้าไปเต็มแรงจนสุนัขตัวหนึ่งที่กระโจนนำมากระเด็นไปติดกำแพง

               “ดีน! พวกนี้มันคือมอนสเตอร์ พวกหมานั่นคือชูปาคาบรา ส่วนไอ้เจ้าตัวยักษ์นั่น…ฉันว่ามันเหมือนโทรลล์!”

               แมคเคนซีรีบหันไปบอกคนรักพร้อมใช้ไม้หน้าสามฟาดชูปาคาบราอีกตัวที่โดดเข้ามาจนร่างมันลอยไปอีกทาง เขาใช้เวลานึกชื่อจอมบงการนั่นเล็กน้อย ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ามันเหมือนเจ้าสัตว์ประหลาดตัวเขียวซึ่งเป็นตัวการ์ตูนชื่อดัง

               “ห๊ะ อสุรกาย!?”

               เมื่อตั้งสติพินิจมองดี ๆ จึงได้เห็นว่านักเลงและฝูงสุนัขคืออสุรกายที่ต้องกำจัด แถมเจ้าตัวที่อยู่ตรงหน้ายังเหมือนกับ

               “เชร็ค!!!”

               “เชร็ค เชิร์ค บ้าบออะไร ตายซะ!!!”

               โทรลล์ที่หลุดออกจากมนตราจำแลงกายเงื้อกระบองขึ้นฟาดอย่างรุนแรง หากเมื่อกี้ไม่กระโดดหลบมีหวังได้ถูกทุบหัวแบะลงไปเหมือนพื้นที่แตกระแหงนี้แน่ ๆ

               “วี้ด~”

               โทรลล์ตัวใหญ่ผิวปากเรียกชูปาคาบราสองตัวให้มาต่อสู้เคียงกายคล้ายเป็นสมุนซ้ายขวาคอยปกป้อง มันฉลาดผิดวิสัยโทรลล์ที่ปกติจะโง่เง่ามีดีแต่แรง แต่ดูจากอาวุธในมือทั้งสองข้างไม่แน่ว่าเจ้านี่อาจจะวิวัฒนาการขึ้นมาเป็นโทรลล์ชั้นสูงที่มีสติปัญญามากกว่าโทรลล์ทั่วไป …อะไรแบบนี้

               ที่น่าประหลาดใจอีกอย่างคือทำไมโทรลล์ถึงรวมกลุ่มกับชูปาคาบราได้ทั้งที่เป็นอสุรกายคนละสังกัดกัน

               แต่จะด้วยอะไรก็ช่าง ในเมื่อไม่ใช่คนและน้องหมาจริง ๆ ดีนก็ไม่ออมมือ เขาเปลี่ยนกำไลอัจฉริยะเป็นตรีศูลสีเข้ม เมื่อมองไปทางคนรักเขาเห็นอีกฝ่ายถือแค่ท่อนไม้หน้าสามที่ไม่รู้หยิบมาตอนไหน จึงเพิ่งคิดได้ว่าแมคเคนซีไม่ได้เอากระบอกซูมและกริชเวทมนตร์มาด้วย

               “แย่ล่ะสิ แมคซี่นายสู้ไหวไหม? ฉัน…ฉันต้องทำอะไรบางอย่าง”

               “คิดว่าได้นะ…ได้อยู่ อุ๊บ!”

               ถึงจะบอกว่า ‘ได้’ แต่สภาพแมคเคนซีตอนนี้ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่ ชูปาคาบราตัวนึงที่เขาเพิ่งตีไปดูบ้าเลือดกว่าที่คิด ทันทีที่ตั้งตัวได้มันก็กระโจนเข้ามาอีกรอบแล้วอ้าปากกว้างจนเห็นเขี้ยวแหลมเต็มไปหมด จนแมคเคนซีต้องใช้ไม้ในมือขัดปากมันเสียก่อนที่แขนของตนจะโดนขย้ำจนหายไปแทน ทุกอย่างดูรีบร้อนไปหมดแต่เขาก็จำเป็นต้องรวบรวมสมาธิที่มีอยู่น้อยนิดและสติที่พร้อมจะแตกทุกเมื่อเรียกอาวุธจากหมอกออกมา

               “นี่น่าจะใช้ได้ แต่ตอนนี้พวกเรากำลังจะโดนรุม นายต้องทำอะไรสักอย่างจริง ๆ แล้วดีน!”

               ทันทีที่ดาบทองคำจักรพรรดิปรากฏขึ้นมาในมือ แมคเคนซีก็รีบหันไปบอกดีนอีกครั้ง

               บุตรเจ้าสมุทรเม้มปาก เขาพยายามเพ่งสมาธิหาน้ำใต้ดินเพื่อหยิบยืมมาใช้เป็นอาวุธในขณะที่ต้องหลบการโจมตีจากทั้งชูปาคาบราและโทรลล์ร่างยักษ์ไปในตัว ฝาท่อระบายน้ำสั่นกึกกักอยู่ใต้ดินแต่มันพุ่งตัวออกมาไม่ได้ อาจเพราะเศษขยะที่อุดตันอยู่ข้างใน ชื่อว่าท่อระบายน้ำแต่มันกลับระบายน้ำไม่ได้เสียอย่างนั้น

               “ฮึ้ย!”

               ดีนพุ่งตรีศูลแทงเข้ากลางอกของชูปาคาบราบ้าเลือดที่กระโจนใส่จนร่างของมันแหลกสลาย ก่อนจะพยายามเรียกน้ำใต้พิภพขึ้นมาอีกครั้งอย่างสุดพลังโดยพยายามไม่ให้เครื่องดื่มที่ซื้อมาแตกเสียเอง น้ำในท่อพุ่งออกมาพร้อมกับเศษขยะจำนวนหนึ่ง น้ำสีขุ่นเหล่านั้นพุ่งแทงฝูงชูปาคาบราราวกับฝนเข็ม

               “หลบดี ๆ นะแมคซี่ ถ้านายโดนน้ำพวกนี้เข้าไปมีหวังเชื้อราขึ้นสมองแน่ ๆ!”

               “อี๋—-!”

               ทั้งกลิ่นทั้งสีที่ตีขึ้นจมูกทำเอาแมคเคนซีร้องออกมาด้วยความพะอืดพะอม ไม่ใช่แค่พวกชูปาคราบาที่จะตาย แต่หากเขาไม่หลบน่าจะต้องติดเชื้ออย่างที่ดีนบอกแน่ ๆ แต่ในขณะที่กำลังจะวิ่งหาที่หลบนั้นเอง เจ้าโทรลล์ตัวยักษ์ก็ฟาดกระบองมาขวางหน้าเขาไว้จนไปไหนไม่ได้

               “จะหนีไปไหนเดมิก็อด”

               ไม่พูดพร่ำทำเพลง อสุรกายร่างเขียวตัวเขื่องก็ฟาดกระบองอีกอันใส่แมคเคนซีทันทีจนต้องรีบหมอบหลบแล้วกลิ้งตัวหนีไปด้านข้าง ช่างเป็นโทรลล์ที่มีพละกำลังมหาศาลและโจมตีได้ว่องไว เขาเองก็คงต้องทำอะไรสักอย่างเหมือนกัน

               “ดีน! นายควบคุมน้ำพวกนั้นที”

               น้ำพวกนั้นที่ว่าคงไม่ต้องบอกว่าเป็นน้ำอะไร แมคเคนซีพยายามใช้ขนาดตัวที่เล็กกว่าอันเป็นข้อได้เปรียบ วิ่งไปที่ด้านหลังของโทรลล์ตนนั้นเพื่อทำให้มันกลายเป็นเป้านิ่งสำหรับบุตรแห่งเจ้าสมุทร

               “ได้!”

               ดีนขานรับสั้น ๆ ก่อนจะควบคุมแรงตึงผิวของน้ำให้มากพอที่จะเป็นใบมีดขนาดใหญ่ พุ่งแทงสะกัดแขนและขาของโทรลล์ให้เคลื่อนไหวช้าลงในระหว่างที่แมคเคนซีวิ่งล่อจนเจ้าตัวใหญ่เงอะงะงุ่นง่านไม่ทันระวังตัว อสุรกายร่างยักษ์ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด แต่ด้วยพละกำลังอันมหาศาลของมันจึงสามารถสลัดใบมีดน้ำ (เน่า) ให้หลุดออกไปได้แล้ววิ่งพุ่งตรงไปหาเหยื่อที่มองเห็นได้ง่ายกว่าอย่างดีนในทันที

               “ไอ้เวรเอ๊ย! หลุดได้ไงเนี่ย!”

               เตรียมตัวรับแรงปะทะ แต่ไม่รับจะดีกว่า เขาอาจไวพอที่จะสังหารมัน หนุ่มโพไซดอนจึงรีบพุ่งตัวแทงตรีศูลใส่ท้องของโทรลล์เขียว แต่ด้วยความอึดทนทายาดของมันจึงทำให้การโจมตีครั้งนี้ยังไม่ถึงตายและในระยะประชิดแบบนี้ไม่ใช่จังหวะที่ดีของดีนเอาเสียเลย

               ฉึก!

               ไม่ต้องรอให้มีการตอบโต้หรือการปะทะใด ๆ เกิดขึ้นอีก ปลายดาบทองคำจักรพรรดิแทงจากอกด้านหลังทะลุมาที่ด้านหน้า ผ่านจุดสำคัญที่เรียกว่าจุดตายจนโทรลล์ตนนั้นทำกระบองร่วงหล่นจากมือ ดวงตาของมันเบิกโพลงมองค้างไปยังบุตรแห่งโพไซดอนก่อนที่ร่างใหญ่โตของมันจะสลายเป็นฝุ่นผงเหลือทิ้งไว้เพียงแต่กระบองสองอันซึ่งเป็นอาวุธประจำตัว

               “…..แย่ชะมัด ฉันต้องกลับไปอาบน้ำอีกรอบใช่ไหม”

               หนุ่มรักสะอาดอย่างแมคเคนซียกแขนตัวเองขึ้นมาดมทีละข้างแล้วต้องทำหน้าเบ้ ถึงจะไม่ได้โดนน้ำเน่าจากท่อระบายน้ำโดยตรงแต่กลิ่นอันรุนแรงที่ติดตามเนื้อตัวก็ทำให้เหม็นจนแทบทนไม่ได้

               “พวกเราน่าจะต้องอาบกันทั้งคู่เลย”

               เพิ่งอาบน้ำตัวหอม ๆ กันก่อนออกมาเดินเล่นแท้ ๆ ถ้ารู้ว่าจะต้องบู๊แหลกแจกแต้มแบบนี้สู้ไม่อาบน้ำเสียก็ดี ไม่สิถ้ารู้ว่าต้องสู้ไม่ออกจากโรงแรมมาเลยดีกว่า

               “คิดแล้วก็เศร้า ถ้าฉันเรียกน้ำออกมาได้แบบในการ์ตูนก็ดีสิ นี่ทำได้แค่ควบคุมน้ำ พลังไม่เจ๋งแจ๋วสมกับเป็นลูกโพไซดอนเลยอะ แต่อย่างน้อย… ไอ้นี่ก็น่าจะเก็บไปหลอมได้ล่ะนะ”
               ดีนบ่นกระปอดกระแปดขณะที่เขาตาไวหยิบสินสงครามขึ้นมา กระบองไม้สองอันกับขวดเลือดจากชูปาคาบราจำนวนหนึ่ง

               “เจ้าพวกนี้ตายไปกลายเป็นผงแต่ดันดรอปเลือดซะงั้น สรุปว่าอสุรกายก็มีเลือดเหมือนกันสินะ แต่ระบบทาร์ทารัสเซ็นเซอร์เลือดตอนเจ้าพวกนี้ตายเลยเห็นแค่ผงดำ ๆ ทอง ๆ อย่างกับพวกเราอยู่ในจักรวาลของดิสนีย์”

               แต่ถ้าอยู่จริงก็ไม่ควรมีคนเจ็บไม่ควรมีคนตายสิถูกไหม?

               “จะว่าไปนายยังติดต่อกับพ่อไม่ได้ใช่ไหม ไว้ถ้ามีโอกาสได้เจอก็ลองถามดูสิ เผื่อว่าพ่อนายอาจจะมีทักษะใหม่ ๆ มาสอน…ประมาณอัพแพทช์ในเกมน่ะ”

               แมคเคนซีพูดเปรียเปรยไปตามที่ตนเองเข้าใจได้ง่าย ๆ พลางช่วยกันแบกกระบองกลับโรงแรมกับดีนมาคนละด้าม ดีที่มันเอาไปหลอมได้ หากทำประโยชน์อะไรไม่ได้คงไม่คิดจะเสียเวลาเอากลับมา

               ความจริงแล้วเขาก็แอบสงสัยอยู่เหมือนกันว่าสายเลือดที่สามารถใช้เวทมนตร์ได้อย่างเขาสามารถใช้เวทเกี่ยวกับน้ำได้บ้างหรือไม่ ตั้งแต่ที่เดินทางร่วมกับชาร์ล็อตมา เขาเองก็ยังไม่เคยเห็นเธอใช้เวทเกี่ยวกับน้ำเหมือนกัน

               ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าตำราเวทพื้นฐานของเฮคาทีไม่ครอบคลุมเวทน้ำอย่างนั้นสิ?

               ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ แต่ก็นึกเสียดายว่าหากเขาสามารถใช้เวทน้ำได้คงดีไม่น้อย น่าจะช่วยพอเป็นกำลังเสริมให้ดีนได้เป็นอย่างดี

               “มาเป็นแบบนี้ยังดีกว่าเลือดสาดใส่ล่ะมั้ง ไม่งั้นสภาพพวกเราคงไม่ต่างจากฆาตกรร้อยศพแน่ ๆ”

               แค่นึกภาพตามแมคเคนซีก็ได้แต่ส่ายหน้ายิ้มน้อย ๆ ไม่ใช่รู้สึกขบขัน แต่เหมือนเห็นมันเป็นตลกร้ายเสียมากกว่า…ถึงสิ่งที่พวกเขาจะฆ่าไปคือพวกอสุรกาย แต่มันต่างอะไรกับอาชญากรรมกันล่ะ

               เดินคุยกันไปเรื่อย ๆ ก็กลับมาถึงโรงแรมเสียที สิ่งแรกที่ทั้งคู่ทำเมื่อกลับถึงห้องคืออาบน้ำกันยกใหญ่อีกรอบแทนที่จะได้นั่งจิบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และนั่งพูดคุยเรื่องสัพเพเหระแล้วเข้านอนกันแบบสบาย ๆ

               .
               .
               .

               (WED) 18/06/2025 เวลา 08:00 น.

               วันนี้เป็นวันที่วางแผนเอาไว้ว่าจะเที่ยวเต็มวันในเมืองหลวงของสหรัฐเม็กซิโก พวกเขาไม่ได้มาที่นี่บ่อย ๆ จึงจำเป็นต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์และความทรงจำเอาไว้ให้เต็มอิ่ม เช็คเอาต์ออกจากโรงแรมในตอนเช้าจากนั้นท่องเที่ยวรอบ ๆ ตัวเมือง

               โดยช่วงเช้าแวะเที่ยวย่านเมืองเก่าของเม็กซิโกซิตี้ ซึ่งเป็นเขตศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของเมือง และเป็นพื้นที่ที่สำคัญที่สุดทางประวัติศาสตร์และการเมืองของประเทศ ตั้งอยู่บนพื้นที่เดิมของเมืองหลวงอาณาจักรแอซเท็กชื่อ ‘เตนอชตีตลัน’ ก่อนที่สเปนจะเข้ามาสร้างเมืองใหม่ทับในยุคอาณานิคม ทำให้พื้นที่นี้เป็นจุดที่โครงสร้างของอารยธรรมดั้งเดิมและอาคารแบบสเปนผสมกันอยู่ในที่เดียว

               ภายในเขตนี้มีสถานที่สำคัญระดับชาติ เช่น ‘จัตุรัสโซคาโล’ ซึ่งเป็นศูนย์กลางกิจกรรมของรัฐ


               “และที่ทุกคนเห็นอยู่ตรงหน้าคือ ‘มหาวิหารเมโทรโพลิแทนแห่งกรุงเม็กซิโก’ ศูนย์กลางศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกที่สำคัญที่สุดของประเทศเม็กซิโก และเป็นมหาวิหารที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในลาตินอเมริกา ถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่เดิมของวิหารศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักรแอซเท็ก สะท้อนการเปลี่ยนผ่านอำนาจจากอารยธรรมดั้งเดิมสู่ยุคอาณานิคมสเปน ตัวอาคารใช้เวลาสร้างยาวนานกว่าสามศตวรรษ จึงผสมผสานสถาปัตยกรรมหลายยุค ตั้งแต่เรอเนซองส์ บาโรก จนถึงนีโอคลาสสิก สะท้อนวัฒนธรรมที่หล่อหลอมเม็กซิโกสมัยใหม่จนถึงปัจจุบัน”

               ชายหนุ่มอ่านข้อมูลที่ได้จากอินเทอร์เน็ตในฐานะไกด์นำเที่ยวแบบที่เคยทำตอนไปเที่ยวกับแมคเคนซี (ขอขอบคุณข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต) จากนั้นเดินชมจนทั่ว แล้วพวกเขาก็ไปกันต่อที่ ‘พระราชวังแห่งชาติ’ และ ‘ซากวิหารแอซเท็ก’ พื้นที่นี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก เพราะสะท้อนประวัติศาสตร์หลายยุค ตั้งแต่ก่อนยุคอาณานิคมจนถึงเม็กซิโกสมัยใหม่ และยังคงเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยว วัฒนธรรม และสัญลักษณ์ของอัตลักษณ์เม็กซิโกในปัจจุบัน


               ดีนทำหน้าที่ไกด์นำเที่ยวอย่างดี ไม่รู้ว่าข้อมูลที่เขาตั้งใจพล่ามจะเข้าหูลูกทัวร์ทั้งสามมากแค่ไหน เขาเห็นชาร์ล็อตฟังอย่างตั้งใจ ส่วนไฮรี่ทำหน้าเหมือนจะหลับทั้งที่กำลังเดินอยู่

               เมื่อหมดโซนนี้ก็ได้เวลารับประทานอาหารเที่ยง ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอาหารเม็กซิกันชุดใหญ่ที่ดีนสั่งมาได้อย่างคล่องแคล่วด้วยความคุ้นชิน (กว่าอาหารประเทศอื่นในอเมริกากลางเยอะ) ทั้งกัวคาโมเลกับแผ่นตอร์ติญ่าทอด ทาโก้หมูหมักย่างเสิร์ฟกับสับปะรด เอนชิลาดาซอสเขียวไส้ไก่ ไก่ราดซอสโมเล (ซอสช็อกโกแลต-พริกแบบดั้งเดิม) และพริกยัดไส้ชีสหรือเนื้อชุบแป้งทอด สั่งเครื่องดื่มเป็นน้ำข้าวหวานไร้แอลกอฮอล์ที่เรียกว่า ‘ฮอร์ชาตา’ โดยกำชับพนักงานเสิร์ฟว่าขอแบบเผ็ดน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
               
               รอไม่นานอาหารก็ถูกเสิร์ฟตรงหน้าเต็มไปหมด


               “อย่างกับกินมื้อส่งท้ายเม็กซิโกแน่ะ”

               แมคเคนซีมองอาหารที่ค่อย ๆ ถูกลำเลียงมาวางที่โต๊ะจนครบ เขาเริ่มคุ้นชินกับสีสันจัดจ้านของอาหารเม็กซิโกแล้ว แต่ลิ้นก็ยังไม่ชินกับอาหารรสเผ็ดร้อนบางชนิดอยู่ดี

               “จะว่างั้นก็ได้นะ ยกเว้นว่านายติดใจจนอยากมาอีก”

               ดีนหัวเราะเบา ๆ ขณะเพลิดเพลินกับอาหารตรงหน้า พอเป็นวันเกือบสุดท้ายสำหรับการเดินทางเขาก็ไม่รัดเข็มขัดสุดขีดเหมือนวันที่ผ่าน ๆ มาอีก แต่ถ้าให้มาอีกรอบก็ขอเป็นมาเที่ยวก็แล้วกัน ไม่ใช่มาทำภารกิจอันยากลำบากแบบนี้

               “โหวววว น่ากินจัง ไฮรี่จะกินให้หมดเลย”

               จากที่ดูเนือย ๆ มาตลอดเวลาช่วงเช้าเหมือนคนยังไม่ตื่นดี ไฮรี่ลงมือรับประทานอาหารอย่างกระตือรือร้นทันทีโดยที่ไม่ต้องรอให้ใครเปิดก่อน จนแยกไม่ออกว่าก่อนหน้าเจ้าตัวไม่เอ็นจอยกับการเดินเที่ยวหรือไม่อิ่มมื้อเช้ากันแน่

               “พวกเราเลี้ยงไฮรี่ดีไปหรือเปล่า ดูมีเนื้อมีหนังขึ้นมาแล้วนะว่าไหม”

               นับจากตอนเจอบุตรเฮอร์มาโฟรไดตัสคนนี้ที่ป่าในแถบช่องแคบดาเรียน ประเทศปานามาก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้ว จากที่ดูมอมแมมผอมจนหนังหุ้มกระดูก ตอนนี้ไฮรี่ดูดีและแข็งแรงขึ้นมาก แม้สติของเจ้าตัวจะยังกลับมาไม่เต็มร้อยจนดูเหมือนเด็กน้อยคนนึง แต่ก็ไม่ค่อยสร้างปัญหาให้เพื่อนร่วมทีมอีกสามคนต้องปวดหัวเท่าเมื่อก่อน (ถ้าไม่งอแงจริง ๆ)

               “อยู่กับพวกเราก็ต้องอยู่ดีกินดีสิใช่มะ ฉันจะปล่อยให้ทุกคนอดอยากกันได้ไง แค่บางทีพวกเราก็เลือกอาหารกันไม่ได้เฉย ๆ แหละน่า”

               ซึ่งก็คงเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ส่วนหนึ่งเพราะดีนเองก็รักสุขภาพ คำนึงถึงการกินให้ครบสามมื้อ (แม้บางวันอาจจะได้แค่สองในช่วงลงแพหรือเดินป่า)

               หลังจากรับประทานอาหารเที่ยงกันเรียบร้อยก็เดินเที่ยวกันต่อ ที่พิพิธภัณฑ์โบราณคดีและวัฒนธรรมพื้นเมืองเม็กซิโก มีไฮไลต์เด่น คือ ปฏิมากรรมหินดวงอาทิตย์ของชาวเอ็ซเท็ก และหุ่นจำลองวัฒนธรรมพื้นเมือง จบจากพิพิธภัณฑ์ก็เดินเตร็ดเตร่ไปตาม ‘ถนนแห่งการปฏิรูป’ ซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และการเมือง ก่อนจะจบวันนี้ด้วยการถ่ายรูปกับ ‘อนุสาวรีย์แห่งเอกราชของเม็กซิโก’ จากนั้นก็ซื้อตั๋วรถบัสเที่ยวเดียวไปยังซานอันโตนิโอ เท็กซัส เพื่อกลับสู่สหรัฐอเมริกา แผ่นดินที่จากมานานร่วมเดือน

               “ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าพวกเราจะทำภารกิจกันนานร่วมเดือนขนาดนี้”

               ดีนกล่าวด้วยท่าทางสบาย ๆ หลังเอนเบาะปรับนอนสำหรับนั่งรถบัสระยะไกลข้ามคืน

               “เอาจริง ๆ เลยนะ ฉันนึกว่าเราจะไปกันนานกว่านี้ซะอีก”

               แมคเคนซีที่นั่งอยู่ด้านข้างเอนหลังลงตามด้วยท่าทีผ่อนคลาย หลังจากที่เดินเที่ยวมาแทบทั้งวัน พอได้ทิ้งตัวลงนั่งบนเบาะนุ่ม ๆ แล้วมันช่างสบายตัวดีจริง ๆ

               “นายคิดดูสิที่รัก คำพยากรณ์มันดูยิ่งใหญ่ชะมัด อย่างกับว่าโลกใบนี้พร้อมจะแตกได้ทุกเมื่อ พวกเราเดินทางบุกป่าฝ่าดงกัน แถมยังไปถึงภูเขาไฟในเอกวาดอร์อีก แต่พวกเราก็มีชีวิตรอดกลับมาได้ในระยะเวลาเดือนเดียว”

               หากจะบอกว่าเป็นเรื่องปาฏิหาริย์ก็คงไม่เกินจริงนัก สำหรับเขามันค่อนข้างเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อทีเดียวที่ตนเองซึ่งใช้ชีวิตธรรมดามาตลอดต้องมาทำเรื่องอะไรที่เกินตัวแบบนี้

               แต่ทุกอย่างมันจบลงแล้ว ตอนนี้เขาควรวางเรื่องอันหนักอึ้งที่ได้รับการคลี่คลายลงไว้ แล้วพักผ่อนให้เต็มที่ดีกว่า

               “ก็จริงของนาย ระหว่างเดินทางฉันคิดว่าพวกเราหายออกจากค่ายไปตั้งครึ่งปีแน่ะ” ดีนกล่าวพลางกลั้วหัวเราะเบา ๆ

               “จะว่าไปเมื่อวานเรามีเรื่องที่คุยค้างกันไว้ใช่ไหม ฉันจำได้นะว่านายยังไม่เฉลยเลยว่าคุณแม่ของนายเป็นชาวเมืองอะไรในเม็กซิโก”

               และการพักผ่อนแรกของแมคเคนซีก็คือการหยิบยกเรื่องเบาสมองมาคุยกับคนรัก ซึ่งเป็นเรื่องที่ยังคุยกันไม่จบ

               “อา…ใช่ เมื่อวานกำลังจะให้คำใบ้นายเลย แต่ว่าฉันเฉลยเลยแล้วกัน พ่อบอกว่าบ้านเกิดของแม่ฉันอยู่ที่เมืองชิวาว่าน่ะ พอได้ยินแบบนี้แล้วเป็นไง รู้สึกคุ้นหูขึ้นมาเลยว่าไหม”

               ดีนยิ้มแฉ่งให้คนรัก น้อยคนนักจะรู้ว่าชิวาว่าคือชื่อเมือง ส่วนใหญ่จะรู้จักกันในนามสินค้าส่งออกที่มีชื่อเสียงอย่างสุนัขพันธุ์ชิวาว่ามากกว่า น่าเสียดายที่เส้นทางกลับไม่ผ่านเมืองชิวาว่าแม้ว่าบ้านเกิดของมารดาจะอยู่ติดชายแดนเหมือนกันกระนั้นก็อยู่กันคนละทิศ บางทีถ้าพวกเขาเลือกเดินทางผ่านนิวเม็กซิโกอาจผ่านเมืองชิวาว่าก็เป็นได้ แต่ถึงจะได้ไปดีนก็ไม่รู้ว่าใครคือคุณตาคุณยายหรือเหล่าญาติ ๆ ของเขาอยู่ดี

               “คุ้นหูเพราะชื่อเหมือนหมานี่ล่ะ”

               แมคเคนซีหลุดขำ ไม่ใช่การล้อเลียนเมืองเกิดของมารดาคนรักแต่อย่างใด แต่ภาพแรกที่ผุดขึ้นมาในความคิดนั้นมันห้ามไม่ได้จริง ๆ ที่จะไม่ให้เป็นใบหน้าของสุนัขตัวเล็กตาโตแทนที่จะเป็นเมืองซึ่งเขาไม่เคยเห็นมาก่อน

               “แต่ตอนนี้พวกเรากลับไปพักผ่อนกันที่บ้านฉันกันดีกว่า ฉันโคตรจะเหนื่อยกับภารกิจรอบนี้เลย นายจะว่าอะไรไหมหากว่าฉันขอหลบไปพักที่บ้านยาว ๆ เลยน่ะที่รัก”

               บางทีการเอาตัวออกห่างจากค่ายฮาล์ฟบลัด เอาตัวออกมาจากโลกแห่งทวยเทพ แล้วหันกลับมาใช้ชีวิตแบบปุถุชนธรรมดาอาจช่วยให้พวกเขาไม่ต้องพบกับเรื่องปวดสมองได้สักห้าถึงหกเดือน
              
               “ก็ดีเหมือนกัน เราไม่ได้กลับบ้านนายกันมานานแล้ว นายอยู่ฮีลตัวเองได้เท่าที่ต้องการ และฉันก็จะอยู่กับนายด้วย”

               แมคเคนซียักไหล่เล็กน้อย จริงอย่างที่ดีนพูด พวกเขาเหนื่อยกันมามากแล้ว ควรให้เวลาตนเองได้พักผ่อนกันเสียที หนุ่มอังกฤษขยับไปวางมือทับมือของคนรักที่วางอยู่ตรงพนักแขนซึ่งนั่งข้างกันแล้วกุมไว้เพียงหลวม ๆ เฝ้ารอให้ถึงเวลารถบัสเดินทางออกจากเขตแดนประเทศเม็กซิโกเพื่อไปยังสถานที่พักใจที่พวกเขาแสนคิดถึง


รางวัลพิชิตอสุรกาย [LUK 120+]
โทรลล์ [1]
Dean ตื่นรู้ +2 จากการพิชิตครั้งแรก
Mackenzie ตื่นรู้ +2 จากการพิชิตครั้งแรก

ชูปาคาบรา [2] [3] [4]
ขวดเลือดชูปาคาบรา 3 ea
เขี้ยวแวมไพร์ 4 ea

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 104160 ไบต์และได้รับ 42 EXP!  โพสต์ 2025-12-14 17:43
โพสต์ 104,160 ไบต์และได้รับ +25 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +55 ความศรัทธา จาก น้ำมันหอมกลิ่นสุริยะ  โพสต์ 2025-12-14 17:43
โพสต์ 104,160 ไบต์และได้รับ +9 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +8 ความกล้า จาก กางเกงเดินป่า  โพสต์ 2025-12-14 17:43
โพสต์ 104,160 ไบต์และได้รับ +7 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ จาก Anker PowerCore  โพสต์ 2025-12-14 17:43
โพสต์ 104,160 ไบต์และได้รับ +13 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +25 ความกล้า +18 ความศรัทธา จาก หมวกคอรินเธียน  โพสต์ 2025-12-14 17:43

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
น้ำมันหอมกลิ่นสุริยะ
กางเกงเดินป่า
Anker PowerCore
หมวกคอรินเธียน
เข็มทิศมหาสมุทร
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
เข็มกลัดโพไซดอน
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่อัสพิสขัดเกลา
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
แว่นตา
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ควบคุมน้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x3
x2
x1
x3
x3
x1
x1
x3
x11
x2
x7
x2
x4
x8
x1
x1
x1
x1
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้