แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2025-12-11 22:25
366 หนึ่งวันพันเหตุการณ์
(WED) 14/06/2025 เวลา 07.00 น.
จากการนั่งรถบัสข้ามคืนแบบมาราธอนยังไม่ทันได้ตื่นเต็มตา เหล่าวีรบุรุษที่กำลังมุ่งหน้าเดินทางกลับค่ายก็ต้องรีบต่อรถชัตเทิลบัสจากกัวเตมาลาซิตี้ไปยัง ‘เมืองอันติกัว’ เมืองสวยน่าเที่ยวอีกเมืองที่อยู่ไม่ห่างไกลออกไป และยังเป็นทางผ่านสำหรับขึ้นเหนือเพื่อเข้าสู่สหรัฐเม็กซิโกโดยไม่มีเวลาล้างหน้าแปรงฟันที่สถานีขนส่งประจำเมือง
“เหนื่อยชะมัด ฉันจัดตารางกระชั้นชิดเกินไปหน่อยไหมเนี่ย”
ดีนนั่งหาวขณะอยู่บนซัตเทิลบัส เขาเอนคอซบไหล่แมคเคนซีราวกับที่พูดเมื่อกี้เพียงแค่พึมพำกับตัวเอง
“ถ้าอยากให้ทันรอบรถก็คงต้องประมาณนี้ล่ะ” แม้เป็นการรำพึงแต่ยังไงก็ได้ยินอยู่ดี แมคเคนซีจึงตอบแบบไม่ได้คิดอะไร เขาเข้าใจดีว่าบางครั้งการเดินทางจำเป็นต้องทำเวลา หากพลาดรอบรถไปแล้วก็จะต้องเสียเวลารอรอบต่อไปอีกพักหนึ่ง พอเหลือบมองไปยังสมาชิกร่วมทีมอีกสองคนที่มาด้วยกันก็เห็นว่าชาร์ล็อตกับไฮรี่พากันเดินทางไปยังดินแดนแห่งความฝันแล้ว ดูท่าว่าทั้งคู่คงจะหลับกันไปด้วยความเพลียตั้งแต่รถเพิ่งเริ่มออกตัวไม่นาน
“อยากให้ทันรอบด้วย แล้วก็ไม่อยากเสียค่าโรงแรมมากด้วย”
น่าเหลือเชื่อที่เงินรางวัลภารกิจที่ได้รับมาหลังพิชิตอะพอลลีออนเริ่มพร่องลงไปจนเหลือเพียงแค่ครึ่งเดียว แบบนี้อย่าเรียกว่ารางวัลภารกิจเลย ให้เรียกว่าทำภารกิจฟรีแถมเงินกลับบ้านให้ดีกว่า ขนาดว่ารอบนี้ไม่ได้เช่ารถมาขับนะ…
รถชัตเทิลบัสเดินทางต่อไปอีกครึ่งชั่วโมงก็ถึงเมืองอันติกัว เมืองโบราณที่เรียบง่าย โรแมนติก และเต็มไปด้วยเสน่ห์แบบโคโลเนียล ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาไฟสามลูก ได้แก่ ภูเขาไฟอากวา ภูเขาไฟอากาเตนานโก และภูเขาไฟฟูเอโก ทำให้เมืองนี้มีวิวทิวทัศน์ที่สวยสะดุดตาสมฐานะเมืองแห่งภูเขาไฟไม่น้อยหน้าประเทศเอกวาดอร์ ถนนเป็นหินทรายสีพาสเทล ตัดกับหลังคากระเบื้องสีแดง มีร้านสไตล์เกรกซดักกระจายเหมือนเมืองในภาพวาด สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านคาเฟ่เล็ก ๆ น่ารัก กลิ่นกาแฟคั่วหอมฟุ้งเต็มท้องถนน สมแล้วกับที่เป็นแหล่งกาแฟชั้นดี นอกจากนี้ที่นี่ยังถือเป็นเมืองที่ปลอดภัยอันดับต้น ๆ ของประเทศกัวเตมาลาอีกด้วย
“กลิ่นกาแฟหอมจังแฮะ พวกนายคิดยังไงถ้าวันนี้จะกินกาแฟกับขนมปังเป็นอาหารเช้า” ดีนถามสมาชิกที่เดินตามมา ดูเหมือนว่าพวกเขาจะตื่นเต็มตาได้ด้วยกลิ่นของคาเฟอีน
“ก็ดีเหมือนกัน จะดีกว่านี้ถ้ามีโกโก้ร้อนด้วย”
แม้จะถูกกลิ่นเมล็ดกาแฟที่เพิ่งคั่วเสร็จใหม่ ๆ เตะเข้าปลายจมูกจัง ๆ แต่คนที่ไม่ใช่คอกาแฟแบบแมคเคนซีก็ยังนึกถึงเครื่องดื่มที่ตนเองชอบมากกว่า
“ไฮรี่ก็ด้วย อยากกินโกโก้ นมอุ่นก็ได้ แล้วก็ขนมปังนุ่ม ๆ”
พอพูดถึงอาหารเช้าไฮรี่ก็รีบมาร่วมวงด้วยทันที ไม่รู้ว่าตอนที่ยังเป็นปกติชายหนุ่มจะชอบดื่มกาแฟหรือเปล่า แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ชอบรสขมของมันเท่าไหร่
“แล้วชาร์ล็อตล่ะ อยากกิน——”
พอหันไปถามน้องสาวก็เห็นว่าเธอกำลังหยุดดูอะไรบางอย่างอยู่ เมื่อมองตามสายตาคู่นั้นไปก็เห็นคาเฟ่ร้านหนึ่งที่จัดร้านได้น่าสนใจ โต๊ะและเก้าอี้ไม้ซึ่งบุด้วยเบาะนุ่มสีม่วงบางส่วนถูกนำมาจัดวางตรงหน้าร้านเพื่อให้ลูกค้าได้ดื่มกาแฟยามเช้าพร้อมชมวิวเมืองอย่างไม่รีบร้อน นอกจากนี้ยังมีส่วนที่ใช้รับรองลูกค้าภายในร้านและลานโล่งด้านในอีก นับว่าเป็นร้านที่ค่อนข้างใหญ่ร้านหนึ่งในละแวกนี้เลย
“สงสัยเธอจะสนใจร้านนี้ เราแวะกินมื้อเช้าที่ร้านนี้เลยดีไหม”
หนุ่มอังกฤษหันมาถามชายหนุ่มอีกสองคนในทีมแทน
“เอาสิ ฉันไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เช้า ๆ แบบนี้ได้อเมริกาโน่สักแก้วฉันก็ตื่นแล้ว …ว่าแต่ ต้องสั่งกาแฟท้องถิ่นแทนไหมนะ?”
บุตรเจ้าสมุทรขบคิดขณะเดินนำไปยังที่ตั้งเมนูหน้าร้านที่มีรายการอาหารหลากหลาย ทั้งกาแฟ ของหวาน และอาหารหนัก ๆ อย่างเบอร์เกอร์และพาสต้า
“อาหารที่นี่น่ากินหลายอย่างเลย ไม่ได้มีแค่ถั่วกับกล้วยแล้ว แถมยังมีโกโก้ที่นายกับไฮรี่อยากดื่มด้วยนะ”
ดีนขยับตัวเล็กน้อยให้คนที่เหลือได้เข้ามาดูเมนู
“ของกินเต็มเลย ไฮรี่ชอบที่นี่!”
ในเมื่อได้เสียงไฮรี่เพิ่มขึ้นมาอีกคนคงไม่ต้องหันไปถามแมคเคนซีแล้วมั้งว่าเอายังไง หนุ่มอังกฤษยิ่งชอบตามใจคนสำคัญของเขาอยู่แล้วด้วย ดีนจึงเพียงแต่ยิ้มมุมปากกับยักไหล่ให้อย่างรู้กัน
เมื่อเสียงเป็นเอกฉันท์ แมคเคนซีก็ว่าตามนั้น พอมีลูกค้ามายืนออตรงหน้าร้านแถมยังดูเป็นนักท่องเที่ยวต่างถิ่นเสียด้วย พนักงานในร้านก็รีบออกมาให้การต้อนรับพวกเขาเป็นอย่างดี ทั้งยังช่วยแนะนำอาหารขึ้นชื่อของร้านและเซ็ตอาหารเช้าให้อีกด้วย
แน่นอนว่าคนที่ฟังรู้เรื่องมากที่สุดน่าจะเป็นดีน ส่วนเหล่าบุตรเฮคาทีคราวนี้ยังไม่คิดจะใช้เวทแปลภาษา ด้วยการต่อสู้ที่เพิ่งผ่านมาทำให้พวกเขาใช้พลังเวทกันอย่างหนักหน่วงจนต้องพักสักหน่อยเพื่อไม่ให้ร่างกายรับภาระมากจนเหนื่อยเกินไป
สุดท้ายพวกเขาก็ได้เซ็ตอาหารเช้ากันมาคนละชุด ชาร์ล็อตได้ลาเต้และขนมปังอบใหม่หอมกรุ่นที่สะกดให้เธอหยุดยืนอยู่หน้าร้านสมใจ ไฮรี่ได้โกโก้ร้อนและเซ็ตไข่เบเนดิกท์ที่ดัดแปลงให้เข้ากับท้องที่ ส่วนแมคเคนซีที่แพ้เสียงพนักงานก็ได้ลองอย่างอื่นนอกจากเครื่องดื่มที่ตนชอบมาเป็นมอคค่าหวานน้อยและครัวซองค์อัลมอนด์อบใหม่ที่ผิวด้านนอกเคลือบน้ำผึ้งจนกรอบนอกนุ่มในซึ่งเป็นเมนูแนะนำของที่นี่
“ของนายเป็นไงบ้าง”
แมคเคนซีถามดีนที่นั่งอยู่ด้านข้างหลังจากเริ่มทานไปได้ไม่กี่คำ
“อร่อยดี นายอยากชิมไหม”
ดีนเอ่ยถามพร้อมเลื่อนเซ็ตรวมของทอดมาตรงกลางเผื่อว่าใครจะลองชิม ช่างเป็นอาหารที่ไม่เหมาะกับการรับประทานเป็นมื้อเช้า แต่เมื่อมีในเมนูเขาก็มีสิทธิ์ที่จะสั่งใช่ไหมล่ะ เมื่อพูดจบไฮรี่ก็รีบเอื้อมส้อมมาจกเฟรนฟรายไปจากจานทันทีจนเจ้าของอาหารได้แต่ส่ายศีรษะแล้วหยิบกาแฟแอนติกัวขึ้นมาจิบรับรสชาติอันซับซ้อนของโทนช็อคโกแลต เฮเซลนัท และคาราเมลอันเป็นเอกลักษณ์ของกาแฟชนิดนี้ซึ่งสร้างความพึงพอใจได้อย่างมาก
“ฉันว่ากาแฟที่นี่ดีแฮะ ซื้อกลับไปด้วยเลยดีกว่า คุณไครอนก็น่าจะชอบ”
ส่วนคุณดี… ไม่รู้เลยว่านอกจากไวน์และไดเอ็ตโค้ก เทพแห่งสุราเมรัยจะโปรดปรานกาแฟด้วยหรือเปล่า เขาจึงตัดสินใจจะซื้อของขวัญอื่นที่สีสันเจ็บจี๊ดให้แทน
“ก็ดีนะ น่าจะเป็นของฝากที่ดี”
แมคเคนซีพยักหน้ารับเล็กน้อย เขาไม่ได้ชิมอาหารของดีนเพราะไม่ค่อยรับประทานของทอดตอนเช้า แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่ากาแฟของที่นี่คุณภาพดีจริง ๆ ขนาดผสมกับโกโก้ก็ยังมีรสชาติและกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ ไม่ถูกกลบไปง่าย ๆ
หลังจากรับประทานอาหารกันจนอิ่มหนำสำราญแล้วทั้งหมดก็เดินเที่ยวชมเมืองต่ออีกหน่อยแล้วค่อยนั่งรถบัสออกเดินทางต่อ
เมื่อถึงเวลา เดมิก็อดทั้งสี่ก็พากันขึ้นรถบัสที่จะมุ่งหน้าไปยังเมืองทาปาชูลา ซึ่งรอบนี้เป็นการเดินทางระยะยาว แต่ก็ยังมีจุดแวะพักระหว่างทาง
“นั่งรถอีกแล้วเหรอ ไฮรี่นั่งรถจนเมื่อยก้นไปหมดแล้ว”
เหมือนว่าพอเริ่มสนิทกันมากขึ้น บุตรเฮอร์มาโฟรไดตัสก็บ่นไม่หยุด แต่อีกสามคนก็ไม่ได้ถือสา อย่างน้อยไฮรี่ก็แค่บ่น ไม่ได้ลุกขึ้นมาอาละวาดเหมือนตอนเบื่ออาหารที่รับประทานซ้ำ ๆ จนงอแง และหวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นอีก
รถเริ่มออกได้สักพัก อาการง่วงเหงาหาวนอนก็เริ่มมาเยือนอีกครั้ง ซึ่งก็ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้วตามธรรมดาของคนที่เพิ่งเดินเที่ยวกันจนเหนื่อยและอิ่มจากมื้อกลางวัน
โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัวเลยว่ามีสายตาบางคู่กำลังจับจ้องมาจากตรงที่นั่งหลังสุดของรถ
. . .
สามชั่วโมงต่อมา
“ต้องรออีกนานแค่ไหน ข้าชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ”
“ข้าก็ไม่อยากรอแล้วเหมือนกัน ถ้างั้นก็ลงมือกันเลย… เฮ้ คนขับรถ พอจะมีจุดแวะพักเข้าห้องน้ำข้างหน้าไหม”
เสียงหนึ่งตะโกนถามมาจากเบาะหลังสุดของรถบัส ปลุกบุตรแห่งเจ้าสมุทรให้ตื่นขึ้นมาทว่ายังไม่สร่างขี้ตาดี จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนตอบกลับด้วยภาษาถิ่นจากคนขับ
“อีกสิบนาทีจะถึงปั๊มน้ำมัน เดี๋ยวแวะให้”
ประมาณสิบนาทีให้หลัง รถบัสได้เบี่ยงหัวออกจากถนนสายหลัก เลี้ยวเข้าไปที่จุดพักรถในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งเพื่อให้ผู้โดยสารได้เข้าห้องน้ำ เมื่อส่องดูพิกัดจากโทรศัพท์มือถือก็พบว่าตอนนี้พวกเขาอยู่นอก ‘เมืองซานเซบาสเตียน’ ไม่เกินสองกิโลเมตร
“รถบัสจะหยุดแวะพักยี่สิบนาที ใครต้องการเข้าห้องน้ำก็เชิญเลยครับ”
คนขับรถบัสหันมาแจ้งกับผู้โดยสารก่อนจะเปิดให้ผู้คนลงไปทำธุระส่วนตัว ชาร์ล็อตที่เพิ่งตื่นไม่นานหลังประกาศหันมาถามด้วยความงุนงงเนื่องจากเธอไม่ได้ใช้เวทแปลภาษา
“ถึงจุดพักรถแล้วเหรอคะ หนูอยากเข้าห้องน้ำพอดีเลย”
“ไฮรี่ก็อยากแวะพักด้วย ไฮรี่เมื่อย” บุตรแห่งเทพสองเพศก็รีบบอกความต้องการของตนเอง
“ใช่ แวะพักยี่สิบนาทีน่ะ” ดีนกล่าวก่อนจะยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา “ถ้าไปเข้าห้องน้ำก็มาถึงที่รถก่อนสี่โมงครึ่งนะ”
“ครับ!/ค่า” จากนั้นคู่หูผมสองสีทั้งสองก็ลงจากรถบัสไปทำธุระของตัวเอง
“ฉันก็ปวดฉิ้งฉ่องเหมือนกัน นายลงไปด้วยกันไหมแมคซี่ กว่าจะถึงด่านชายแดนอีกตั้งเกือบสองชั่วโมง” ดีนเอ่ยถามคนรักที่อยู่ข้าง ๆ ถึงไม่ปวดห้องน้ำแต่ก็ควรจะลงมายืดเส้นยืดสายเสียหน่อย
“ไปสิ ดูท่าเขาคงไม่แวะอีกรอบแล้ว”
พอฟังระยะเวลาที่เหลือแล้วก็พอคำนวณได้ว่าหลังจากนี้คนขับคงจะยิงยาวทีเดียวไปจนถึงจุดหมายปลายทางเลย แมคเคนซีกับดีนจึงพากันลงจากรถตามผู้โดยสารคนอื่นไป
. . .
ซ่าาาา
หลังทำธุระเสร็จเรียบร้อย แมคเคนซีก็ออกมาเปิดก๊อกน้ำที่หน้าห้องน้ำล้างมือและล้างหน้าเพื่อให้รู้สึกสดชื่นขึ้นพลางรอดีนที่ยังอยู่ด้านใน จากนั้นก็มีร่างของใครบางคนมายืนอยู่ด้านข้าง “มาเที่ยวเหรอพี่ชาย”
น้ำเสียงที่ทักทายดูไม่เหมือนเด็กเท่าไหร่ หนุ่มอังกฤษที่กำลังเช็ดหน้าเช็ดตาเหลือบมองร่างข้าง ๆ เล็กน้อยเพื่อเช็คให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายกำลังสนทนากับเขาอยู่หรือเปล่า
“ก็…ประมาณนั้นครับ”
แมคเคนซีเลือกตอบแบบไม่ลงรายละเอียด จากสัญชาตญาณของตนเองลึก ๆ มันกำลังบอกว่าชายหนุ่มที่แต่งกายด้วยชุดท้องถิ่นคนนี้ดูท่าทางไม่ค่อยน่าไว้ใจ
“ไม่ใช่เพราะมีคนที่นั่งเครื่องบินไม่ได้งั้นเหรอ”
ประโยคนั้นทำเอาบุตรเทพีแห่งมนตราชะงักกึก บทสนทนาเงียบลงเพียงเท่านั้น เมื่อดวงตาสีฮาเซลเลื่อนกลับมามองที่กระจกก็เห็นว่าใบหน้าของอีกฝ่ายกลับกลายเป็นไซคลอปส์ไปซะแล้ว กระบองไฟฟ้าที่อยู่ในมือของมันแสดงถึงความได้เปรียบที่มากกว่าเขาซึ่งไม่มีอาวุธติดมือ…อย่างน้อยก็ในเวลานี้
“อยู่เฉย ๆ ถ้ายังไม่อยากรีบตาย รอให้พวกของฉันจัดการลูกโพไซดอนให้เสร็จก่อนเถอะ”
หลังจากที่ไซคลอปส์ตนนั้นพูดไม่ทันขาดคำ เสียงระเบิดตูมตามก็ดังมาจากในห้องน้ำชายของปั๊มน้ำมัน ผู้ใช้งานที่เป็นมนุษย์ส่วนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นออกมา
“เหวอ! คนตีกัน แจ้งตำรวจเร็ว!!”
สำหรับมนุษย์ธรรมดา พวกเขาเห็นนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันคนหนึ่งกำลังทำธุระส่วนตัวอยู่ที่โถปัสสาวะ ทว่าอยู่ดี ๆ ก็มีชายร่างกำยำสองคนตามมาประกบหลังซ้ายขวา ก่อนจะชักไม้เบสบอลออกมาแล้วรุมฟาดนักท่องเที่ยวคนนั้น แต่ดูเหมือนเหยื่อจะหลบทันจนโถปัสสาวะถูกทำลายเสียหายแทน พวกเขาไม่กล้าดูเหตุการณ์ต่อเพราะกลัวถูกลูกหลงจึงวิ่งหนีออกมาเพื่อตามตำรวจ
ตู้ม! โครม! เพล้ง! ตุ้บ! ผั่วะ! ซ่า!!!
เสียงการต่อสู้ดังอยู่สักพัก น้ำจากท่อที่แตกด้วยเหตุอันใดไม่ทราบไหลนองออกมาถึงข้างนอก จากนั้นหนุ่มเท็กซัสก็ออกจากห้องน้ำมาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“แมคซี่ฉันเจอไซคลอปส์ในห้องน้ำตั้งสองตัวด้วยล่ะ แต่จัดการมันไปหมดแล้ว เกือบเก็บดีนน้อยเข้ากางเกงรูดซิปไม่ทันแหน่ะ–.. อุ่ย..!”
ดีนชะงักการฟ้องแฟนทันทีเมื่อเบื้องหน้าของเขาก็มีไซคลอปส์อีกตนยกกระบองชี้หน้าแมคเคนซีอยู่
เสียงโครมครามในห้องน้ำทำให้รู้สึกกังวลไม่น้อย แต่เมื่อร่างที่ออกจากห้องน้ำตามหลังกลุ่มคนที่แตกฮือคือดีนก็ทำให้โล่งใจแทบจะทันที จะติดก็แค่อสุรกายอีกตนตรงหน้าเขานี่ล่ะ
“แกฆ่าเพื่อนข้า! เพื่อนแกก็ต้องตายตามไป!”
เมื่อสูญเสียเพื่อนและตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ไซคลอปส์ตนนั้นก็สติหลุดอย่างเห็นได้ชัด มันเงื้อกระบองขึ้นเตรียมฟาดแมคเคนซีเต็มแรงจนบุตรเทพีแห่งมนตราต้องงัดวิชาป้องกันตัวที่เคยร่ำเรียนตั้งแต่เด็กขึ้นมาใช้ สองแขนของหนุ่มอังกฤษยกขึ้นไขว้กันเพื่อบล็อคอาวุธที่กำลังจะโจมตีลงมา แน่นอนว่าแรงของอสุรกายย่อมมากกว่ามนุษย์ธรรมดาจนเขาเกือบต้านไม่ไหว เมื่อบล็อคและเบี่ยงอาวุธอีกฝ่ายไปด้านข้างให้พ้นทางได้แล้ว แมคเคนซีก็ถือโอกาสแย่งกระบองไฟฟ้านั่นมาแล้วหวดเข้าที่อวัยวะสำคัญของไซคลอปส์ตนนั้นอย่างแรงจนมันล้มลงไปแน่นิ่งกับพื้นทันที
“ให้ตาย อาวุธนี่อันตรายชะมัด”
แมคเคนซีมองกระบองที่ยังมีกระแสไฟฟ้าแล่นเปรี๊ยะ ๆ ในมือแล้วโยนทิ้งภายหลังจากที่ร่างใหญ่โตของเจ้าของมันได้สลายเป็นฝุ่นผงกลับทาร์ทารัสไปแล้ว
“เรารีบกลับไปขึ้นรถกันดีกว่า น่าจะใกล้เวลาออกรถแล้ว”
“นั่นสิ ถ้าไม่รีบไปมีหวังถูกสอบสวนเรื่องที่ทำห้องน้ำพังแหงม”
สองหนุ่มเดมิก็อดรีบกลับไปขึ้นรถบัสก็พบว่าชาร์ล็อตกับไฮรี่กลับมานั่งประจำที่ก่อนแล้ว โชคดีที่ทั้งสองยังปลอดภัยอยู่ และผู้คนบนรถก็จดจำถึงการมีอยู่ของผู้โดยสารเบาะหลังสุดทั้งสามคนก่อนหน้านี้ไม่ได้เช่นกัน เมื่อถึงเวลารถบัสก็เริ่มออกเดินทางต่อ สวนทางกับรถตำรวจที่เพิ่งมาถึงสถานที่เกิดเหตุพอดีเป๊ะเหมือนในตอนจบของซีรี่ย์ทุนต่ำและพวกเขาก็คงงงว่าทำไมถึงแจ้งตำรวจแทนที่จะแจ้งช่างประปา
รถบัสโดยสารวิ่งต่อไปยังถนนสายหลักเพียงสองชั่วโมงก็เดินทางถึงด่านชายแดนกัวเตมาลา-เม็กซิโก เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองดูอิดโรยอย่างเห็นได้ชัดหลังจากทำงานหนักมาทั้งวัน การอนุญาตผ่านทางจึงหละหลวมเป็นอย่างมาก แต่ก็โทษพวกเขาไม่ได้เพราะคงทำหน้าที่ดีที่สุดในฐานะข้าราชการเช้าชามเย็นชามแล้ว แถมผู้ลักลอบเข้าเมืองสี่คนนี้ใช้วิธีการปกติเสียที่ไหน หากไม่ใช่เดมิก็อดด้วยกันก็ไม่มีใครดูออกหรอกว่าพวกเขาต้องใช้ทักษะควบคุมหมอกและใช้คทาลวงใจสร้างข้อมูลเท็จกันคนละกี่รอบ
เมื่อผ่านด่านตรวจได้แล้ว สี่เดมิก็อดก็แวะรับประทานมื้อเย็นก่อนจะขึ้นรถบัสคันเดิมมุ่งตรงสู่เมืองทาปาชูลาซึ่งใช้เวลาเดินทางนานถึงสี่ชั่วโมง กว่าจะถึงที่หมายพวกเขาก็หลับกันไปก่อนแล้ว
. . .
โครม!!
แรงสั่นสะเทือนจากด้านข้างของรถบัสทำให้ผู้โดยสารทุกคนสะดุ้งตื่น ขณะนี้พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นทว่ารถบัสที่วิ่งมาด้วยความเร็วตามกฎหมายกำหนดหมุนคว้างอยู่กลางถนนอันเงียบสงัดยามยี่สิบสามนาฬิกาเมื่อถูกชนจนเกือบพลิกคว่ำ หลายคนกรีดร้องอย่างเสียขวัญด้วยอุบัติเหตุที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน
“ว้ากกก ไม่นะฉันยังไม่อยากตาย!!”
หนึ่งในคนที่แหกปากคือดีน เขากอดแมคเคนซีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แน่น มือกอดป้องกันศีรษะของคนรักไว้ไม่ให้ได้รับบาดเจ็บแม้มือของตัวเองกระแทกกับกระจกหน้าต่างจนห้อเลือดไปหมด
รถบัสหยุดหมุน แต่คราวนี้ถูกกระแทกจากท้ายรถจนสะเทือนไปอีกทาง
“โว้ยยย ไอ้บ้านั่นมันขับรถอะไรของมันวะ เป็นบ้าไปแล้วหรือไง!?!”
คนขับรถบัสโวยวายเสียงดังหลังจากที่หยุดรถลงได้ การที่เขายังสามารถควบคุมรถไว้ได้ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้แสดงให้เห็นว่าโชเฟอร์เป็นมือขับชั้นเซียนแค่ไหน แต่กระนั้นเขาก็ไม่สามารถรับมือกับคนบ้าที่ขับรถตามไล่จี้ได้
“ว้ายยย พี่ไฮรี่เลือดออก”
เสียงกรีดร้องของชาร์ล็อตดังมาจากแถวหน้าเมื่อเห็นว่าบุตรเฮอร์มาโฟรไดตัสที่นั่งข้าง ๆ เลือดออกตรงหัวคิ้วจากการใส่แว่นกันแดดนอนงีบแล้วกระแทกกับกระจกตอนที่ถูกรถชนเมื่อกี้
ทว่าท่าทีของบุตรสองเพศกลับไม่ได้ใส่ใจอาการบาดเจ็บของตัวเองอย่างที่ควรจะเป็น
“วัว! มีวัวกำลังชนรถของพวกเรา!?” เขาร้องบอก ทว่าผู้โดยสารคนอื่นไม่ได้มองเห็นเป็นเช่นนั้น
“วัว… เดี๋ยวนะ อสุรกายงั้นเหรอ!?”
รถหยุดลงแล้วแต่ผู้โดยสารในรถต่างยังคงเลิ่กลั่กไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีกับสถานการณ์ในตอนนี้ จะให้ลงไปกลางคันก็ไม่รู้ว่าคนขับรถคลั่ง (ในสายตาพวกเขา) คันนั้นจะวิ่งไล่ชนพวกเขาเข้าหรือเปล่า
แมคเคนซีที่สติสตังกลับมาจนเกือบเต็มร้อยสะบัดศีรษะไล่ความง่วงงุน เขามองดีนที่กอดเขาไว้ซ้ำยังใช้มือรองศีรษะของตนให้ไม่ไปกระแทกเข้ากับส่วนหนึ่งส่วนใดของรถแล้วจับมือข้างที่ระบมของอีกฝ่ายมากุมไว้ก่อนหันมองออกไปนอกกระจก
“ฉันว่าใช่ เราเจอมอนสเตอร์อีกตัวแล้ว”
รถกระบะคันเขื่องที่ผู้คนเห็นตอนนี้กลับกลายมาเป็นวัวตัวใหญ่ที่ร่างกายเหมือนถูกสร้างขึ้นจากโลหะ และตอนนี้มันก็กำลังวิ่งมายังฝั่งที่พวกเขานั่งอยู่ราวกับล่วงรู้ถึงตัวตนของสายเลือดครึ่งเทพทั้งสี่
“เอายังไงดี พวกเราควรลงไปจัดการก่อนที่มันจะคว่ำรถหรือเปล่า”
แมคเคนซีหันมาถามคนในทีม ซึ่งก็เหมือนเพียงแค่ถามแต่ตัวพร้อมลงไปฟัดกับเจ้าวัวคลั่งนั่นแล้ว
“คงต้องแบบนั้นแล้ว ไม่งั้นอันตรายกว่าเก่าแน่-....”
พูดยังไม่ทันขาดคำก็เห็นว่าวัวเหล็กคลั่งตาเรืองแสงเป็นสีเพลิง อุณหภูมิโดยรอบค่อย ๆ พุ่งสูงขึ้นก่อนที่มันจะพ่นเพลิงร้อนออกมาจากทางรูจมูก
“ว้ายยยย รถระเบิด!”
เสียงผู้โดยสารหญิงกรีดร้องจากนั้นเหล่าผู้คนก็รีบวิ่งออกจากรถหนีตายกันจ้าละหวั่นไม่เว้นแม้แต่กระทั่งคนขับรถบัสผู้มากฝีมือ วัยรุ่นบางคนห่วงคอนเทนต์หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายวีดีโอภาพเหตุการณ์ (แต่ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ากล้องจะบันทึกภาพได้อย่างไร) กลายเป็นความโกลาหลขนาดย่อมบนถนนอันเงียบสงัดก่อนเข้าสู่ตัวเมืองทาปาชูลาเพียงไม่กี่ร้อยเมตร
แต่ท่ามกลางความชุลมุนนี้กลายเป็นงานง่ายที่เหล่าเดมิก็อดจะกำจัดอสุรกายซึ่งถูกประดิษฐ์ด้วยฝีมือเทพ พวกเขาลงมาจากรถบัส ชาร์ล็อตร่ายมนตร์สร้างหมอกบังตาทันทีอย่างรู้งานเหมือนกับหลาย ๆ ครั้งที่ต้องต่อสู้ท่ามกลางฝูงชน
“ถึงรถจะยังไม่ระเบิดแต่ถ้าเจ้าวัวนั่นพ่นไฟมาอีกมีหวังได้ระเบิดจริงแน่ ฉันจะควบคุมน้ำสแตนบายดับไฟไว้ก่อน ที่เหลือฝากพวกนายจัดการด้วยนะ”
“ได้! ไฮรี่จะจัดการเอง!”
กล่าวจบบุตรแห่งเฮอร์มาโฟรไดตัสก็ชักดาบและโล่ออกมา เหนือคิ้วของเขามีพลาสเตอร์ยาสีชมพูลายตัวการ์ตูนหวานแหววแปะอยู่ คาดว่าก่อนหน้านี้ในเวลาไม่กี่นาทีชาร์ล็อตได้ช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้แล้วด้วยวิธีการปกติ เขาวิ่งซัดดาบใส่ข้อต่อของวัวโคลคีสทว่าดาบโลหะสัมฤทธิ์ฟันแทงไม่เข้าเลยแม้แต่น้อย การต่อสู้ระยะประชิดดูเหมือนไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง ไหนจะต้องรับมือกับลูกไฟที่พ่นออกมาเป็นช่วง ๆ อีก
“อุ้ก…”
นอกจากดาบสัมฤทธิ์จะไม่ทำให้เจ้าวัวตนนี้ระคายผิวแล้ว ดูเหมือนมันจะรำคาญไฮรี่ที่คอยเอาดาบมาสะกิดมันอยู่ไม่น้อย สุดท้ายบุตรเฮอร์มาโฟรไดตัสจึงถูกขาอันทรงพลังเตะเข้าไปทีนึงจนตัวลอยกระเด็นออกมา ยังดีที่แมคเคนซีรับเขาเอาไว้จากด้านหลังได้ทัน
“ไหวหรือเปล่าไฮรี่”
“ไฮรี่ไหว ไฮรี่สู้ ๆ แต่แมคระวังนะ วัวตัวร้อนมากเลย”
เมื่อกลับมายืนทรงตัวดี ๆ ได้ไฮรี่ก็พยักหน้าหงึกหงัก ยิ่งได้ข้อมูลเพิ่มเติมมาจากเพื่อนร่วมทีมแล้ว แมคเคนซีที่เตรียมจะใช้เวทไฟยิงก็เป็นอันต้องพับแผนนี้เก็บไปก่อน วัวนี่นอกจากจะสร้างจากโลหะแล้วยังทนความร้อนได้ด้วย การใช้ไฟจัดการคงไม่ได้ผลเหมือนอสุรกายตนอื่น ๆ
“ฟู่วววว”
วัวโคลคีสหายใจดังฟืดฟาด ไอควันที่ออกมาจากจมูกกลายเป็นเปลวเพลิงในเวลาต่อมา มันกำลังขยับเท้าหน้าข้างหนึ่งไปมาอยู่กับที่เหมือนวัวกระทิงที่กำลังจะพุ่งชนเป้าหมายไม่มีผิด
“ไฮรี่นายช่วยอะไรฉันหน่อย”
แมคเคนซีกุมไหล่เพื่อนร่วมทีมที่ยืนอยู่ด้านหน้าไว้ แน่นอนว่าหนุ่มเฮอร์มาโฟรไดตัสยังคงพยักหน้ารับอย่างแข็งขันเหมือนทุกครั้ง
“ได้! ได้เลย แมคให้ไฮรี่ช่วยอะไร”
“ช่วยยืนเป็นเป้าให้วัวนั่นหน่อย”
“ด้ายยยย—— เดี๋ยวน้าาา แมคล้อไฮรี่เล่นป่าว ไฮรี่กลัว”
ไฮรี่หันมามองแมคเคนซีหน้าตาตื่น แต่ก็พบกับใบหน้าจริงจังของแมคเคนซีที่แม้แต่คนสติไม่เต็มมองก็รู้ว่าไม่ได้พูดเล่น
“นายจะไม่เป็นไรไฮรี่ ยกโล่นั่นขึ้นมาบังตัวนายไว้ แล้วยืนกางขาออกกว้าง ๆ นอกนั้นฉันจัดการเอง”
“แมคเอาจริงนะ?”
ไฮรี่ยังคงมีทีท่ากล้า ๆ กลัว ๆ บอกตรง ๆ ว่าให้เขาวิ่งเข้าสู้ยังดีกว่าให้ยืนเป็นเป้านิ่งเสียอีก แต่พอบุตรแห่งเฮคาทีเพียงแค่พยักหน้าให้อีกครั้งจึงเข้าใจได้ทันทีว่าตนเองคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ซะแล้ว
โล่โรมันสีแดงเลือดหมูถูกยกขึ้นเพื่อกำบังร่างเจ้าของ ไม่รู้ว่าสีนั้นไปเตะตาวัวโคลคีสเข้าหรือเปล่า มันจึงเปลี่ยนทิศทางจากดีนกับชาร์ล็อตมาเป็นไฮรี่แทน วัวโลหะย่ำเท้าหน้าข้างหนึ่งครูดไปมากับพื้นอีกครั้ง จากนั้นก็ไม่รอช้ารีบวิ่งพุ่งตรงมายังหนุ่มร่างบางทันที
แมคเคนซีที่อยู่ด้านหลังไฮรี่ซึ่งกะจังหวะไว้อย่างดีก็ออกวิ่งเช่นกัน เมื่อได้ระยะที่เหมาะสมเขาก็ย่อตัวลงต่ำพร้อมกับสไลด์ร่างตัวเองกับพื้นไปด้านหน้าลอดผ่านหว่างขาของไฮรี่ไป จากนั้นก็เรียกหอกทองคำจักรพรรดิออกมา แทงเข้าช่องว่างระหว่างคอทะลุหัวของวัวโคลคีสที่วิ่งมาจนเกือบถึงตัวไฮรี่ในอีกเสี้ยววิจนมันหน้าเชิดขึ้นพร้อมกับกรีดร้องโหยหวน ดวงตาเรืองแสงสีแดงเพลิงดับวูบลง ร่างทั้งร่างสลายกลายเป็นฝุ่นละอองสีทองไปพร้อมกับหอกที่ถูกอัญเชิญมา
“ว..วัวหายไปแล้ว! หายไปไหนอะ อ้าว แมค…ไปนอนทำไรตรงนั้น”
ไฮรี่ลดโล่ลงแล้วมองซ้ายมองขวาหาอสุรกายที่กำลังโจมตีพวกเขาจนถึงเมื่อครู่ แต่ก็ไม่พบอะไรนอกจากแมคเคนซีที่นอนหายใจหอบอยู่ตรงหน้า
“นอนเล่นมั้ง ให้ตายสิ อา…..”
แมคเคนซีตอบเสียงอ่อน ดวงตาสีฮาเซลมองท้องฟ้าตรงหน้าพลางกลอกวนเป็นวงกลมไปรอบถ้วนกับการกระทำอันบ้าดีเดือดของตนเองเมื่อครู่ นึกว่าขากลับจะได้เดินทางกลับกันแบบสบาย ๆ เสียอีก ยังต้องมาสู้รบกับอสุรกายรายทางอีกงั้นเรอะ เจ้าพวกนี้จะไม่ปล่อยให้พวกเขาได้พักบ้างเลยหรือไง
. . .
หลังจากที่หมอกและควันแห่งความวุ่นวายจบลง เดมิก็อดทั้งสี่ก็เดินเท้าเข้าสู่เมืองทาปาชาลา เมืองใหญ่ทางตอนใต้ของรัฐเชียปัสซึ่งถือเป็นประตูต้อนรับสู่เม็กซิโกอย่างแท้จริง ไอร้อนชื้นและกลิ่นของยางมะตอยลอยขึ้นเตะจมูกเมื่อแสงแดดแผดเผาโลกาตลอดยี่สิบสี่ขั่วโมงมานานหลายเดือน
วันนี้เป็นวันแสนเหนื่อยทั้งต้องตื่นแต่เช้าขึ้นมาเที่ยวครึ่งวัน ใช้ชีวิตบนรถบัสร่วมสิบชั่วโมง ต่อสู้กับอสุรกายสองครั้งในสถานการณ์เสี่ยงตายไม่แพ้ภารกิจเดินทาง เป็นการตอกย้ำว่าโลกภายนอกไม่มีที่ใดปลอดภัยสำหรับเดมิก็อด ไหนจะต้องมาเดินหาที่พักกลางดึกอันเงียบสงัดอีก
โชคดีในตอนนี้มีเพียงไม่กี่อย่าง อย่างแรกพวกเขามีแหวนวิเศษที่เก็บสัมภาระทั้งหมดลงไปในนั้นจึงไม่มีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เกะกะขวางทาง แต่ละคนจึงแค่สะพายกระเป๋าคาดอกคาดเอวใส่ของใช้ส่วนตัวบางอย่างที่นำออกมาใช้บ่อย อย่างเช่น กระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือ โชคดีอย่างที่สองที่เพิ่งกล่าวถึงไปแหมบ ๆ ก็คือสมาร์ทโฟนเดดาลัสและเทคโนโลยีแผนที่ผ่านดาวเทียมที่ช่วยให้พวกเขาหาที่พักได้รวดเร็วทันใจโดยไม่ต้องสุ่มหามั่ว ๆ
แต่ที่พักที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงจะมีที่ไหนได้บ้างล่ะถ้าไม่ใช่ ‘เลิฟโฮเตล’ ดีนกับแมคเคนซีน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ชาร์ล็อตกับไฮรี่นี่สิ… แต่หากไม่เอาโรงแรมนี้ต้องเดินไปอีกสองกิโลเมตรกว่าจะถึงเกสต์เฮาส์ที่ใกล้ที่สุด แค่ที่ซุกหัวนอนคืนเดียวคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
และด้วยความเหนื่อย พอหัวถึงหมอนเดมิก็อดทั้งสี่ก็แทบจะสลบไปทันทีและนอนยาวไปจนถึงเช้า สิ่งเดียวที่จะปลุกให้ตื่นขึ้นมากลางดึกได้คือ…
‘ปวดฉี่…’
บุตรแห่งโพไซดอนลุกขึ้นมานั่งด้วยดวงตาที่ยังไม่เปิดสนิท เมื่อมองไปข้าง ๆ ยังเห็นว่าแมคเคนซีหลับสนิทดีอยู่ เขาเอื้อมมือควานหาแว่นที่หัวเตียงมาใส่ทว่ามือกลับสัมผัสถึงบางสิ่งที่มีลักษณะรูปทรงสี่เหลี่ยมเหมือนกล่อง บางทีอาจจะเป็นสิ่งนั้นที่พวกเขาทั้งสองมักจะใช้กันก่อนนอน…
‘กล่องคอนด้อมเหรอ’
แต่จะใช่ได้ยังในเมื่อเมื่อคืนไม่ได้มีกิจกรรมกระชับมิตรก่อนนอนเป็นกรณีพิเศษ—... ดีนหยิบกล่องนั้นขึ้นมาดู
‘เหมือนจะมีรูปคนแปะอยู่ด้วยแฮะ’
แต่ทั้งหมดเป็นเพียงภาพเลือนลางเมื่อมองผ่านจากคนสายตาสั้นไม่ได้ใส่แว่นแถมยังเมาขี้ตา เขาวางมันลงก่อนจะหาแว่นมาใส่ใหม่ เดินเข้าห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัวให้เสร็จแล้วกลับมานอนต่อ เก็บพลังไว้สำหรับการเดินทางในเช้าวันรุ่งขึ้นซึ่งอาจจะเป็นวันที่หนักหน่วงอีกหนึ่งวัน…
รับรางวัล เหรียญอะพอลโล่ 1 เหรียญ
@Mackenzie จะตอบต่อที่กระทู้เม็กซิโก รางวัลพิชิตอสุรกาย [LUK 120+] แก่นวิญญาณไซคลอปส์ 1 ea ตาไซคลอปส์ 2 ea
วัวโคลคีส [4]
ฟันเฟือง 2 ea
Mackenzie ตื่นรู้ +2 จากการพิชิตครั้งแรก
|