- 10:51PM. -
อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเข้าสู่เดือนใหม่ นั่นหมายความว่าเทศกาลฮาโลวีนในค่ายฮาล์ฟบลัดก็ใกล้หมดเวลาลงแล้วเช่นกัน หลังจากที่ทำกิจกรรมรอบกองไฟเฮสเทียมากันตลอดช่วงค่ำ เหล่าเดมิก็อดบางส่วนก็ทยอยพากันกลับไปนอนที่กระท่อมของตนเอง จนเวลานี้ผู้คนเริ่มบางตาลงไปมาก
แต่ก็ยังมีเดมิก็อดจากกระท่อมหมายเลขยี่สิบทั้งสองคนที่ยังนั่ง ๆ ยืน ๆ เฝ้าบูธของตนเองอย่างแข็งขัน ก็อย่างว่า…กว่ากิจกรรมวันนี้จะจบลงก็ตั้งเที่ยงคืนนี่นะ
“ฮ้าวววว~ ง่วงชิบเป๋ง ปกติเวลานี้ฉันยังไม่ง่วงนะเนี่ย ทำไมวันนี้มันง่วงจังฟะ”
เสียงบ่นกระปอดกระแปดดังมาจากซิลเวอร์พี่ใหญ่ของกระท่อมแห่งเวทมนตร์ เขาหาวหวอดอย่างไม่เกรงใจใครพลางเอียงคอไปทางซ้ายทีขวาทีจนกระดูกลั่นดังกร๊อบแกร๊บ
“ว่างเกินไปน่ะสิครับ ถ้าอยู่ว่าง ๆ มันก็จะน่าเบื่อหน่อย”
นิโคไลมองผู้เป็นพี่แล้วหัวเราะน้อย ๆ ใช่ว่าเขาไม่เซ็งกับบรรยากาศที่ค่อนข้างเงียบเหงาเสียเมื่อไหร่ แต่ก็น่าจะทนเก็บเอาไว้ในใจได้มากกว่าซิลเวอร์ที่พูดออกมาตรง ๆ
“เออ…จริงของนายเจ้าเด็ก ปกติเวลานี้ถ้าอยู่ค่ายฉันคงไปเดินตรวจรอบ ๆ แล้วหวดก้นไอ้พวกเวรในป่าต้องห้ามไปแล้ว เฮอะ พูดแล้วคันมือชะมัด”
ซิลเวอร์พยักหน้าเออออเห็นด้วย เดิมทีเขาก็ไม่ได้กลับมาที่ค่ายฮาล์ฟบลัดบ่อยนัก แต่พอกลับมาทีไรเขาก็มักจะออกไปทำหน้าที่ที่เหล่าลูกเฮคาทีได้รับมอบหมาย นั่นก็คือการตรวจสอบม่านบังตารอบค่ายเพื่อไม่ให้มีจุดไหนที่ปริร้าวหรือชำรุดจนเป็นช่องโหว่ให้ฝูงอสุรกายพากันยกโขยงเข้ามาทำร้ายเหล่าเดมิก็อดในค่าย หรือตกเป็นที่สังเกตของเหล่ามนุษย์จนเรียกทางการมาตรวจสอบได้
และช่วงเวลาที่เขามักจะออกไปทำหน้าที่ที่ว่านั้นก็คือช่วงกลางดึกสงัดที่เจ้าพวกเด็กเล็กเด็กโตในค่ายพากันหลับสบายอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่น ๆ บนเตียงในกระท่อมยังไงล่ะ ส่วนสินสงครามที่ได้มาจากการกำจัดฝูงอสุรกายที่มาขัดแข้งขัดขาระหว่างที่เขากำลังฏิบัติหน้าที่ก็ถือเป็นผลพลอยได้ที่ไม่เลวนัก
“งั้นเรามาหาอะไรเล่นกันไหมครับ….”
นิโคไลเงียบลงเล็กน้อยแล้วชี้ไปยัง ‘ลูกแก้วเวทมนตร์’ บนโต๊ะกิจกรรมที่ตอนนี้สภาพเหมือนคริสตัลบอลที่มีเพียงแสงวิบวับธรรมดา
“เวลานี้คงไม่มีใครมาเล่นแล้ว พี่ซิลเวอร์สนใจทดสอบโชคตัวเองดูไหม”
“หื้มมม จะชวนฉันเล่นเจ้าลูกแก้วนี่น่ะเรอะ กล้ามากเจ้าเด็กที่มาท้าทายเรื่องดวงกับฉัน ไหนมาลองซิว่าวันนี้ดวงฉันจะแจ่มแจ๋วหรือเปล่า”
อันที่จริงซิลเวอร์ก็ไม่ได้สนใจลูกแก้วนี่เท่าไหร่ มันค่อนข้างเหมือนของเด็กเล่นที่แสดงอภินิหารได้นิดหน่อย แต่ถ้าให้พูดออกมาตรง ๆ ล่ะก็…ใครจะไปรู้ว่าผู้เป็นมารดาจะเชื่อมกระแสจิตมาที่ลูกแก้วนี่เมื่อไหร่ หากนางได้ยินเขาพูดว่า ‘ลูกแก้วกิ๊กก๊อก’ ขึ้นมา จะโดนสาปให้กลายเป็นหมาเป็นการลงโทษหรือเปล่าก็ไม่รู้
“ต้องทำงี้สินะ….”
โดยไม่ต้องให้นิโคไลแนะนำวิธีการใช้เหมือนเดมิก็อดที่มาร่วมกิจกรรมคนก่อน ๆ ด้วยเขาที่อยู่บูธข้าง ๆ ได้ฟังซ้ำ ๆ จนจำขึ้นใจแล้ว ฝ่ามือใหญ่วางทาบใกล้ผิวใสเรียบเนียนทรงกลมของลูกแก้ว ก่อนจะเอ่ยคำว่า “ทริค ออร์ ทรีท”
ปุ๊ง~!
หมอกควันสีม่วงจางลอยคลุ้งภายในลูกแก้วเคล้าไปกับประกายระยิบระยับราวกับถูกร่ายมนตร์ มันวนอวลอยู่เพียงครู่ก่อนจะมีม้วนกระดาษเล็ก ๆ แผ่นนึงลอยขึ้นมากลางอากาศ หนุ่มเยอรมันไม่รีรอที่จะคว้ามันเอาไว้ในกำมือแล้วคลี่เปิดออกอ่านทันที

"เป็นไงบ้างครับพี่ซิลเวอร์"
เด็กชายผมสีมอคค่าถามด้วยน้ำเสียงเจือความตื่นเต้นเล็ก ๆ เช่นทุกครั้งที่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้รับคำทำนายจากลูกแล้ว
“ให้ตาย…ได้ของหนักกระเป๋าอีกแล้ว”
ซิลเวอร์ม้วนกระดาษไว้ตามเดิมแล้วโยนให้นิโคไลที่รับมันไว้ได้แบบสบาย ๆ เมื่ออีกฝ่ายอ่านแล้วก็ถึงกับตาโต
“หินรัตติกาลเลยนะครับ ไม่ดีใจหน่อยเหรอ”
“นายรู้สึกดีที่ต้องแบกหินไปไหนมาไหนงั้นเรอะเจ้าเด็ก ลำพังแค่สินสงครามก็มีเยอะแยะจนหยิบมาใช้แทบไม่ถูก….เอาไปให้เจ้าเด็กแมคดีกว่า วัน ๆ โดนเจ้าเด็กดีนชมจนตัวลอยแล้วมั้ง เอาหินไปถ่วงไว้มั่ง เท้าจะได้ติดพื้น ฮ่า ๆๆๆ”
อยู่ ๆ ก็นึกถึงน้องชายอีกคนขึ้นมา เจ้าหนุ่มอังกฤษที่มักจะตัวติดกับแฟนหนุ่มหน้าละตินบุตรแห่งเจ้าสมุทรจนช่วงนี้อยู่ไม่ค่อยติดค่าย ล่าสุดก็เพิ่งพากันไปทำภารกิจที่เอกวาดอร์ ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะกระเตงพากันไปที่ไหนอีก
เรื่องเอาหินถ่วงอะไรนั่นมันก็แค่มุก…เขาก็แค่ขี้เกียจเก็บแล้วหาคนมารับไปแทนเท่านั้นล่ะน่า
“แล้วนายไม่ลองเล่นมั่งล่ะ จะได้รู้ว่าดวงรุ่งหรือร่วง”
“ไม่ดีกว่าครับ ผมเป็นคนดูแลกิจกรรมนี่นา ให้คนอื่นเล่นกันดีกว่า”
นิโคไลส่ายหน้าปฏิเสธเมื่อซิลเวอร์ชักชวน หนุ่มเยอรมันเพียงแค่ยักไหล่เป็นเชิงตามใจด้วยไม่คิดจะบังคับใครอยู่แล้วพลางรับรางวัลกิจกรรมจากน้องชายมาเก็บไว้ (เพียงชั่วคราว)
“เอ้อ จะว่าไปพวกเราก็ยังไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้เลยนี่หว่า มานี่ดิ๊เจ้าเด็ก มาชักภาพร่วมกันสักเฟรม”
ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว พวกเขาอุตส่าห์แต่งตัวตามธีมเทศกาลทั้งที จะไม่ถ่ายรูปเก็บไว้สักหน่อยก็น่าเสียดาย ซิลเวอร์จึงเดินนำไปที่บูธกิจกรรมของตนเองแล้วกวักมือเรียกให้อีกฝ่ายตามมา
“เอาล่ะ นายยืนตรงนี้ ส่วนฉันจะยืนตรงนี้ โอเค แจ่มสุด แอคท่าเท่ ๆ ไว้เลยเจ้าเด็ก”
เมื่อจัดแจงตำแหน่งและท่าทางให้นิโคไลเรียบร้อยแล้ว ซิลเวอร์ก็ตั้งเวลากล้องถ่ายรูปที่วางบนโต๊ะให้นับถอยหลังก่อนจะรีบไปยืนขนาบข้างน้องชายในระยะห่างที่พอดี เพียงไม่กี่วินาทีให้หลังเสียงชัตเตอร์ก็ดังขึ้นพร้อมกับรูปใบหนึ่งที่โผล่ออกมา


ท่านเคาน์หล่อปะล้ำปะเหลือ
แถมรูปแมค
“เท่ไม่เบาเลยนะครับพวกเราเนี่ย”
เมื่อรูปจากแผ่นฟิล์มของกล้องโพลารอยด์ปรากฏขึ้นมา เด็กชายก็พึมพำเบา ๆ
“แหงสิ เคยได้ยินไหม นายแบบดีเพราะตากล้องเก่งไงล่ะ”
ได้ทีก็อวดตัวเองนิด ๆ หน่อย ๆ พอให้กระชุ่มกระชวยหัวใจ พวกเขาถ่ายรูปคู่อีกใบเพื่อให้นิโคไลเก็บไว้ ส่วนใบแรกก็หย่อนลงในกล่องเพื่อรวบรวมรูปผู้มาร่วมกิจกรรมเอาไว้สำหรับไปติดบอร์ดประมวลภาพที่ตรงกระดานบ้านใหญ่
“ถ้าปีหน้าพวกเราในบ้านได้ถ่ายรูปพร้อมหน้ากันคงดีนะครับ”
นิโคไลบอกขณะมองรูปในมือ ดวงตาสีอ่อนของซิลเวอร์ปรายมองน้องชายร่วมมารดาแล้วยิ้มบาง ๆ เมื่อรู้ว่าไม่ใช่แค่ตนเพียงคนเดียวที่อยากพบสมาชิกในบ้านแบบพร้อมหน้า ฝ่ามือใหญ่ตบไหล่คนข้าง ๆ เบา ๆ ไม่ใช่เป็นการเรียกสติ แต่เป็นการให้กำลังใจ
“เวลานั้นต้องมาถึงสักวันล่ะน่า แต่ตอนนี้มีคนมาที่บูธนายแล้วเจ้าเด็ก รีบไปดูเร็วเข้า”
“อะ..จริงด้วย งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
เมื่อเห็นว่ามีเดมิก็อดผู้สนใจร่วมกิจกรรมหน้าใหม่มายืนอยู่ตรงหน้าบูธ นิโคไลก็รีบกุลีกุจอกลับไปทำหน้าที่ต่อทันที
“โอเค้ เที่ยงคืนค่อยมาปิดงานนี้กัน”
ซิลเวอร์ทำมือเป็นสัญลักษณ์ ‘โอเค’ แล้วคอยเฝ้าบูธถ่ายรูปต่อ แม้จะเรียกได้ว่าเป็นช่วงท้าย ๆ ของงาน แต่ค่ำคืนวันฮาโลวีนนี้ยังอีกยาวไกลนัก
จะว่าไปหลังจากจบกิจกรรมนี้แล้ว หากเขาออกไปเดินตรวจตราม่านบังตารอบค่ายด้วยชุดนี้ก็ไม่เลว

รางวัลเข้าร่วมกิจกรรมที่ 1
หินรัตติกาล 5 ก้อน (ได้รับหลังจากสิ้นสุดกิจกรรม)
+50Exp (ผู้ที่ Lv.Max จะได้รับ Point +1 แทน)
รางวัลเข้าร่วมกิจกรรมที่ 2
+50Exp (ผู้ที่ Lv.Max จะได้รับ Point +1 แทน)
หินแห่งนิทรา จำนวน 1 ก้อน