คีอาร์ โซล็อตล์ มีชาติกำเนิดที่ซับซ้อนราวกับเรื่องอื้อฉาวในสังคมชั้นสูง เธอเป็นบุตรของ บอเรอัส (Boreas) เทพแห่งลมเหนือ ผู้ให้กำเนิดพลังน้ำแข็งและความเยือกเย็นในตัวเธอ กับ เคานเตส เคียร์สเทน โซล็อตล์ อดีตขุนนางชั้นสูงจากประเทศนอร์เวย์ มารดาของเธอเคยเข้าพิธีสมรสกับเคานต์โอลาฟแห่งนอร์เวย์ ซึ่งเป็นการแต่งงานที่จัดฉากเพื่อผลประโยชน์ทางสังคม เนื่องจากเคานต์โอลาฟเป็นเกย์ เมื่อเคานเตสเคียร์สเทนตั้งครรภ์คีอาร์อันเป็นผลจากการคบชู้กับเทพเจ้า ทั้งสองจึงตกลงหย่าขาดกันอย่างรวดเร็ว โดยฝ่ายเคานต์ประกาศต่อสาธารณชนว่ารักยังคงอยู่แต่เข้ากันไม่ได้ (เพื่อรักษาหน้า) และมอบเงินก้อนใหญ่ให้เคานเตสเคียร์สเทนพร้อมเงื่อนไขที่เด็ดขาดคือ ห้ามกลับสู่ยุโรปและแวดวงสังคมเดิมโดยเด็ดขาด
เคานเตสเคียร์สเทนอพยพมายังสหรัฐอเมริกาในขณะที่กำลังตั้งครรภ์และให้กำเนิดคีอาร์บนแผ่นดินอเมริกัน ทำให้คีอาร์มีสถานะเป็น พลเมืองอเมริกันโดยกำเนิด อย่างถูกต้องตามกฎหมาย แม้จะมีสถานะเป็นพลเมืองแล้ว ชีวิตของคีอาร์ก็ยังคงถูกพันธนาการด้วยความขมขื่นของมารดา เคานเตสเคียร์สเทนใช้ชีวิตในอเมริกาอย่างหรูหราแต่โดดเดี่ยว และยึดติดกับธรรมเนียมแบบชนชั้นสูงอย่างเคร่งครัด เธอถ่ายทอดความคาดหวังที่เกินจริงและความสมบูรณ์แบบที่เธอสูญเสียไปลงบนตัวคีอาร์ ทำให้เด็กหญิงรู้สึกว่าการมีอยู่ของตัวเองคือภาระและความผิดพลาด
เพื่อความอยู่รอดในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความคาดหวังและการตีหน้า คีอาร์จึงสร้าง หน้ากากที่สมบูรณ์แบบขึ้นมา นั่นคือบุคลิกของสาวใสซื่อที่น่ารักและอ่อนโยน เธอสวมแว่นตาที่ดูไร้เดียงสา รอยยิ้มของเธอนุ่มนวลและดูเป็นมิตรเสมอ การวางตัวของเธอสุภาพเรียบร้อยและดูถ่อมตัว แม้กระทั่งอาจแสร้งทำเป็นซุ่มซ่ามหรือสับสนเล็กน้อยเมื่อต้องเผชิญกับเรื่องที่ซับซ้อน เพื่อทำให้ผู้อื่นเข้าใจว่าเธอเป็นคนที่อ่อนแอและต้องการการดูแล ซึ่งเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบหรือการถูกตั้งคำถาม
อย่างไรก็ตาม ภายใต้หน้ากากที่ใสซื่อและเป็นมิตรนั้น คือจิตวิญญาณที่เย็นชาอย่างถึงที่สุด เธอเป็นคนไม่นึกถึงใจใครและใช้ตรรกะที่เห็นแก่ตัวเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจทั้งหมด ความสัมพันธ์ทั้งหมดที่เธอสร้างขึ้นเป็นเพียงเครื่องมือในการอำนวยความสะดวกหรือปกป้องผลประโยชน์ส่วนตนเท่านั้น เธอมีปมเรื่องความเห็นแก่ตัวอย่างที่สุดเป็นข้อบกพร่องร้ายแรง และให้ความสำคัญกับการมีอิสระจากการถูกคาดหวังมากกว่าสิ่งใด ความเย็นชาของเธอแข็งแกร่งพอที่จะทำให้เธอเมินเฉยต่อบาดแผลทางอารมณ์และความผิดหวังในชีวิต การดำรงอยู่ของเธอคือการพิสูจน์ว่าเธอสามารถอยู่รอดได้โดยไม่ต้องพึ่งพาหรือสนใจใคร เพียงแค่สวมบทบาทที่สังคมต้องการอย่างสมบูรณ์แบบเท่านั้น
การเดินทางของ คีอาร์ โซล็อตล์ เริ่มต้นในบรรยากาศที่ถูกจัดฉากอย่างสมบูรณ์แบบ มารดาของเธอ เคานเตส เคียร์สเทน โซล็อตล์ เดินทางมายังสหรัฐอเมริกาในช่วงที่ตั้งครรภ์อ่อน ๆ หลังจากมีการจัดฉากหย่าร้างเพื่อปกปิดเรื่องอื้อฉาวระหว่างเธอกับเทพ บอเรอัส เคานเตสมาตั้งรกรากในคฤหาสน์หรูหราสไตล์ยุโรปใน กรีนิช รัฐคอนเนทิคัต ซึ่งเป็นเมืองที่มีความมั่งคั่งและเป็นส่วนตัวสูง เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของชนชั้นสูงที่ถูกเนรเทศ
คีอาร์ถือกำเนิดขึ้นที่ Greenwich Hospital ซึ่งเป็นโรงพยาบาลระดับแนวหน้าในพื้นที่นั้น การเกิดของเธอในโรงพยาบาลที่สมบูรณ์แบบที่สุดบนแผ่นดินอเมริกัน ทำให้เธอได้รับสถานะ พลเมืองอเมริกันโดยกำเนิด อย่างไม่มีข้อกังขาใด ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่มารดาของเธอให้ความสำคัญอย่างที่สุด
ชีวิตของคีอาร์ถูกกำหนดด้วยความคาดหวังที่แข็งกระด้างตั้งแต่วัยเยาว์ แทนที่จะได้สัมผัสชีวิตในวัยเด็กอย่างปกติ เธอถูกหล่อหลอมให้เป็น "สุภาพสตรีที่สมบูรณ์แบบ" เพื่อกอบกู้เกียรติยศที่มารดาสูญเสียไป เธอถูกส่งเข้าเรียนในสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงและเป็นแหล่งรวมบุตรหลานชนชั้นนำของกรีนิชอย่าง Greenwich Academy ซึ่งเป็นโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาหญิงล้วนที่มีประวัติยาวนาน ในขณะเดียวกัน เธอก็ถูกมารดาจัดการให้เข้าเรียนโฮมสกูลคู่ขนานเพื่อฝึกฝนหลักสูตรมารยาทแบบยุโรปอย่างเข้มข้น
ภายใต้การดูแลที่เคร่งครัดของมารดา คีอาร์ถูกฝึกฝนในทุกทักษะที่ "ผู้ดี" พึงมี เล่นดนตรี (อาจเป็นเปียโนหรือเชลโล), ศิลปะ (การวาดภาพสีน้ำมันหรือการจัดดอกไม้แบบยุโรป), และกีฬาสำหรับชนชั้นสูง (เช่น การขี่ม้า, กอล์ฟ, หรือฟันดาบ) สิ่งที่น่าทึ่งคือคีอาร์ไม่เคยขัดขืนหรือแสดงความไม่พอใจ เธอทำตามทุกสิ่งที่มารดาคาดหวังและทำได้ดีเสียด้วย ไม่ใช่ด้วยความรักหรือความกระตือรือร้น แต่ด้วยความสามารถทางตรรกะที่เป็นเลิศ และความเฉยชาที่ทำให้เธอเห็นว่าการทำตามคำสั่งเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพที่สุด ในการรักษาความสงบสุขส่วนตัวของเธอ
ด้วยสติปัญญาที่เฉียบคมและการเรียนรู้ที่รวดเร็ว คีอาร์สามารถข้ามชั้นเรียนได้หลายครั้งตั้งแต่อายุยังน้อย จนกระทั่งถึงวัย 15 ปี เธอก็ได้ก้าวเข้าสู่ Grade 12 แล้ว ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จที่มารดาของเธอภาคภูมิใจและนำไปอวดอ้างได้เสมอ ความสำเร็จทางวิชาการและการวางตัวที่สมบูรณ์แบบนี้เองคือหน้ากากสาวใสซื่อที่เธอสร้างขึ้นเพื่อซ่อนความจริงที่อยู่เบื้องหลัง จิตใจที่เย็นชา, ความรู้สึกที่ว่างเปล่า, และความเห็นแก่ตัวอย่างที่สุด ที่ถูกหล่อหลอมขึ้นจากกรงทองอันหรูหราและโดดเดี่ยวของกรีนิชที่เธอเติบโตมา
วัยเด็กของคีอาร์ดำเนินไปภายใต้การควบคุมที่สมบูรณ์แบบของมารดา จนกระทั่งก้าวเข้าสู่ อายุ 12 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พลังของเทพเจ้าเริ่มตื่นขึ้นในตัวเธออย่างช้า ๆ คีอาร์เริ่มรับรู้ถึงสิ่งผิดปกติ เงาร่างแปลก ๆ ที่สะท้อนในหน้าต่างคฤหาสน์ที่กรีนิช, เสียงกระซิบที่เย็นยะเยือกในสายลม, และอุณหภูมิห้องที่ลดฮวบลงอย่างฉับพลันเมื่อเธอรู้สึกไม่สบายใจ
ด้วยความที่ยังเป็นเด็กแม้จะมีตรรกะเหนือกว่าวัย แต่เธอก็ยังมีความสับสนอยู่บ้าง เธอพยายามรายงานสิ่งที่เห็นต่อมารดา เคานเตสเคียร์สเทน ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและนุ่มนวลตามที่ฝึกฝนมา แต่ปฏิกิริยาของมารดาคือความเย็นชาและปนความรังเกียจ
"ลูกกำลังเรียกร้องความสนใจหรือเปล่า คีอาร์?" มารดาถามกลับด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยแต่แววตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง "เลือดของตระกูลโซล็อตล์นั้นสูงส่งและบริสุทธิ์ เราไม่ได้สืบเชื้อสายมาจากคนที่มีอาการทางจิตแต่อย่างใด ลูกไม่มีทางเป็นโรคประสาทได้แน่นอน"
เคานเตสปัดตกทุกคำพูดของคีอาร์ ด้วยความเชื่อที่ว่าความผิดปกติใด ๆ ก็ตามเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และอาจเป็นหลักฐานที่ทำให้คนอื่นก้าวเข้ามาตรวจสอบชีวิตของพวกเธอได้ ดังนั้น เธอจึง ปฏิเสธการพาคีอาร์ไปพบแพทย์ หรือแม้แต่พูดถึงเรื่องนี้อีก การเพิกเฉยของมารดาทำให้คีอาร์ผู้ซึ่งสวมหน้ากากสาวใสอยู่ตลอดเวลา เริ่มเข้าใจถึงความโดดเดี่ยวที่แท้จริงที่โลกภายในของเธอไม่เคยมีใครให้ความสนใจเลย คีอาร์พยายามใช้ชีวิตต่อไปอย่างปกติในบทบาทของนักเรียนเกรดสูงผู้เฉลียวฉลาดที่ Greenwich Academy เธอทำได้ดีในทุกวิชาและยังคงรักษาพิธีรีตองได้อย่างไร้ที่ติ แต่ความจริงเริ่มกัดกินความสงบของเธอเมื่อเธอย่างก้าวเข้าสู่วัย 15 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่เธอเรียนอยู่ใน Grade 12 แล้ว โลกเทพเจ้าก็เริ่มรุกรานเข้ามาอย่างเปิดเผย
ความผิดปกติเล็กน้อยได้กลายเป็น การตามล่าในชีวิตประจำวัน มอนสเตอร์ปรากฏตัวในรูปแบบที่น่าตื่นตระหนก อาจเป็นครูสอนเปียโนที่กลายร่างเป็นฟิวรี, หรือคนขับรถลีมูซีนที่กลายเป็นไซคลอปส์ เธอต้องใช้สติปัญญาและความเฉยชาทั้งหมดที่มีในการหลบหนีและทำลายพวกมันอย่างเงียบ ๆ โดยไม่ให้ใครสังเกตเห็น แม้กระทั่งเมื่อคราบน้ำแข็งและร่องรอยของการใช้พลังลมปรากฏขึ้น มารดาก็ยังคงไม่เชื่อ
"ลูกต้องควบคุมตัวเอง คีอาร์! นี่เป็นเพียงความตึงเครียดของการสอบปลายภาคเท่านั้น" คือคำตอบที่เคานเตสให้เสมอ
ในเวลานั้นเองที่หน้ากากสาวใสของคีอาร์ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องมือทางสังคม แต่กลายเป็น กลไกการเอาตัวรอดขั้นสูงสุด เธอต้องยิ้ม, สวมแว่นตาที่ไร้เดียงสา, และทำตัวน่ารักน่าเอ็นดูใน Greenwich Academy ในขณะที่จิตใจกำลังคำนวณวิธีการกำจัดมอนสเตอร์ตัวต่อไปที่ซุ่มซ่อนอยู่ตามทางเดิน เธอรู้ดีว่าเธอถูกส่งให้โดดเดี่ยวอย่างสมบูรณ์ ไม่มีใครในโลกนี้ที่พร้อมจะเชื่อในสิ่งที่เธอเห็นหรือช่วยเหลือเธอ เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพึ่งพาเพียงตรรกะที่เห็นแก่ตัวและ พลังน้ำแข็งที่เยือกเย็นของตัวเองเท่านั้น
ซึ่งยืนยันข้อสรุปในใจเธอมาตลอดที่คีอาร์ได้รับรู้ เธอสามารถเชื่อใจได้แค่ตัวเอง และความอยู่รอดของเธอคือสิ่งสำคัญที่สุด ในเมื่อไม่มีใครเชื่อและไม่มีใครช่วยเหลือ ก็ช่วยเหลือตัวเองก็พอ…