ด่านเก็บค่าผ่านทางสะพานเบย์

[คัดลอกลิงก์]

หากท่านเป็นกึ่งเทพผู้หลงทาง สามารถสมัครสมาชิกเข้าร่วมกับเราได้ที่นี่ https://t.me/+etLqVX17bGg5ZjBl

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา ลงทะเบียน

×

Bay Bridge Toll Plaza

(รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา)
Hero Image

ด่านเก็บค่าผ่านทางสะพานเบย์

[ ส่งเงินมา ]

ด่านเก็บค่าผ่านทางนี้ตั้งอยู่ทางฝั่งโอ๊คแลนด์ (Oakland) บนทางหลวง I-80 เป็นจุดเริ่มต้นของสะพานข้ามอ่าวซานฟรานซิสโก-โอ๊คแลนด์ (San Francisco-Oakland Bay Bridge) ผู้ขับขี่จะชำระค่าผ่านทางเฉพาะขาเข้าสู่ซานฟรานซิสโกเท่านั้น (ทิศตะวันตก) ปัจจุบันด่านเก็บค่าผ่านทางทั้งหมดเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ ไม่อนุญาตให้ชำระด้วยเงินสดแล้ว โดยใช้ระบบ FasTrak หรือการชำระเงินตามป้ายทะเบียน (Toll-by-Plate) แม้จะเป็นเพียงด่าน แต่จุดนี้คือประตูเชื่อมโยงที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งระหว่างอีสต์เบย์ (East Bay) กับมหานครซานฟรานซิสโก โดยมีทิวทัศน์ของสะพานและเส้นขอบฟ้าเมืองรออยู่เบื้องหน้า

แสดงความคิดเห็น

God
โพสต์ 8537 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-19 09:10
โพสต์ 2025-10-19 22:29:12 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Moneka เมื่อ 2025-10-19 23:47

วันที่ 19 เดือน ตุลาคม ปี 2025

ด่านเก็บค่าผ่านทางสะพานเบย์ ปฐมพยาบาลจำลองและการเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บจากอุบัติรถชน


คมลมจากอ่าวพัดเอากลิ่นเกลือจาง ๆ มาปะทะเกราะและสายหนังจนเย็นเสียดผิว ขบวนของกองร้อยที่ 2 เคลื่อนจากเขตสถานี BART ออกสู่เมืองเปิดโล่ง มุ่งหน้าไปยังด่านเก็บค่าผ่านทางสะพานเบย์ ที่ตั้งตระหง่านอยู่ฝั่งโอ๊คแลนด์เหมือนซี่ฟันเหล็กเรียงรายคุมประตูสู่ซานฟรานซิสโก ระยะทาง 10.0 กิโลเมตร ต้องปิดงานให้ได้ภายใน 2 ชั่วโมง ไม่มีข้อแก้ตัว ไม่มีหยุดพักนอกคำสั่ง พื้นผิวทางคอนกรีตถูกราดยาวเป็นริ้วเลนแยกด้วยแท่งแบริเออร์ เสาไฟฟ้าเหล็กทาสีซีดเรียงรายเหมือนทหารเฝ้าด่าน บางช่วงมีรอยแตกร้าวและก้อนกรวดที่ถ้าพลาดเพียงนิดเดียวก็พอจะทำให้ข้อเท้าบิดเสียจังหวะทั้งหน่วยได้ โมดูลด่านเก็บเงินถูกตั้งคู่อุโมงค์แคบ ๆ ให้ต้องลอดช่องทาง หัวคานต่ำจนโล่สคูทุมเฉียดผ่านเป็นเสี้ยวคืบ ทุกอย่างออกแบบมาเพื่อบังคับระเบียบและวัดวินัย


เฟเบียส รูฟัส ยังคงอยู่ในกิ่งไม้ที่เหน็บข้างเอวของโมนีก้า “จังหวะที่สาม ยืดช่วงก้าวให้คงที่ รักษาระยะครึ่งช่วงแขน!” เสียงเขาก้องลอยเหนือเสียงลม กองร้อยเดินทัพกัดฟันบังคับจังหวะ เหงื่อซึมผ่านเสื้อซับเกราะจนหนักและชื้น กล้ามเนื้อหลังและบ่าของทุกคนเผาไหม้อย่างเงียบ ๆ จาก สัมภาระเต็มรูปแบบ ที่ถูกรัดเพิ่มมาตั้งแต่ก่อนขึ้น BART แต่เมื่อเลขเวลาเดินบนครองเส้นหนึ่งชั่วโมง เหลือ อีกหนึ่งชั่วโมง เสียงคำสั่งใหม่ก็ตัดอากาศ


“หยุด!” เฟเบียสสั่ง ขบวนชะงักกลางคอขวดช่องทางแคบที่ล้อมด้วยเสาคอนกรีตและเหล็กเส้นจำลองยื่นงอเหมือนเถาวัลย์โลหะ


ทันทีตอนนั้นเสียง “อั่ก!” สองครั้งดังแทบพร้อมกัน ทหารฝึกสองนายที่รับบทภาวะฉุกเฉิน ล้มลงข้างซากคอนกรีตเป็นการโดนรสชน...เนียนซะไม่มี(ประชด) นายหนึ่งกุมต้นขาเลือดจำลองซึมผ้ากางเกงจนแดงฉาน อีกนายโอบไหล่ซ้ายแสดงอาการไหล่เคลื่อนและเจ็บจนยกแขนไม่ได้ เฟเบียสประกาศหนักแน่น “สถานการณ์บาดเจ็บ! ปฐมพยาบาลและเคลื่อนย้าย ภารกิจต้องดำเนินต่อ!” ทุกอย่างเกิดขึ้นแทบพร้อมกัน โมนีก้าที่อยู่หัวแถวลดย่อตัว เข้าถึงพื้นที่ก่อนใคร เธอไม่แตะตัวผู้บาดเจ็บทันทีแต่สแกนสภาพแวดล้อม ก่อนใช้เข็มทิศจำลองชี้จุดเศษเหล็กแหลมด้านขวา, แผ่นคอนกรีตร้าวที่อาจยุบ, และช่องว่างแคบที่เหมาะทำเลนปลอดภัยให้ทีม “พื้นที่ปลอด! เปิดช่องซ้ายหนึ่งเมตร!” เธอสั่งสั้น ๆ มืออีกข้างชูสัญญาณให้ถอยโล่ออกจากแนวเสี่ยง


ทหารหมายเลขสอง มือชุดแพทย์ก็เปิดสัมภาระ รูดซิปถุงปฐมพยาบาลขนาดเล็ก หยิบผ้าพันแผลแบบกดห้ามเลือดและผ้ายืด เธอย้ายเข็มขัดดาบของตนให้คล้องสูงขึ้นเพื่อไม่เกะกะมือ จากนั้น กดตรงเหนือแผล ที่ต้นขาผู้บาดเจ็บตำแหน่งเหนือจุดเลือดไหล ก่อนพันรัดเป็นชั้น กดซ้ำด้วยแผ่นอัดลงแรง โมนีก้าก้ม ตรวจดูผิวหนัง ปลายเท้า สีผิว ของผู้บาดเจ็บ ประเมินการไหลเวียนจำลองตามบทฝึก “พันแน่นได้ แต่ต้องยังรู้สึกเต้นชีพจรปลายเท้า” เธอเอ่ยเสียงนิ่ง “ดีคงที่!”


อีกฝั่งผู้บาดเจ็บไหล่ซ้าย เพื่อนร่วมหน่วยเปิดชุดสลิงพยุงแขนจากผ้าพันสามเหลี่ยม พาดใต้ข้อมือขึ้นผูกท้ายทอย เสริมด้วยผ้าพันรอบอกเพื่อยึดต้นแขนตรึงกับลำตัว ลดแรงกระเทือน แววตาโมนีก้ากวาดดวงตาไหล่ห้อย, ตำแหน่งกระดูก, อาการชา เธอสรุปทันที “ตรึงเพิ่ม อย่าให้แบกน้ำหนักแขนซ้ายเลยแม้แต่นิดเดียว” ทั้งหมดใช้เวลาไม่ถึงห้านาที แต่ทุกวินาทีคือการสอบ มือของทุกคนสั่นจากความล้า ไม่ใช่จากความกลัว


“รูปขบวนเคลื่อนย้าย!” โมนีก้าสลักคำสั่งใหม่ทันที


เธอคลี่ผ้าห่มฉุกเฉินจากสัมภาระ ผืนผ้าสะท้อนความร้อนสีเงินพับซ้อนเป็นสาม ทบเชือกสนามสองเส้น ม้วนเป็นขอบ สอดใต้กับคานโล่สคูทุมสองผืน กลายเป็นเปลสนามเฉพาะกิจน้ำหนักเบาแต่กระจายน้ำหนักได้ดี เธอเข้าที่จับหัวเปล ส่วนเพื่อนอีกคนจับท้าย ทหารคนที่สาม แบกหามผู้บาดเจ็บไหล่ด้วยเทคนิค fireman’s carry แบบลดแรง ควงลงบ่าแต่ล็อกกะดูกสันหลังให้ตรง ใช้มืออีกข้างยึดหน้าขาเพื่อป้องกันแกว่ง


เฟเบียสไม่ให้ช่องว่างแม้ลมหายใจ “เดินหน้า! จังหวะที่สาม! รักษาระยะห่าง! ผู้บาดเจ็บห้ามตก!” ขบวนเคลื่อนหนักขึ้นกว่าสองเท่า สำหรับสองตำแหน่งนำ เปลสนามสั่นเล็กน้อยตามจังหวะก้าว โมนีก้าคุมด้วยไหล่และข้อมือย่อต่ำ, แกว่งแขนสั้น, ปรับฝีเท้าให้นุ่มเพื่อไม่ให้แรงกระแทกวิ่งเข้าตัวผู้บาดเจ็บ ทุกก้าวเหมือนตะกุยโคลนหนืด ทั้งที่เป็นคอนกรีตเพราะน้ำหนักและลมสวนจากอ่าวที่ผลักแนวหน้าตลอดเวลา


หนึ่งกิโล… สองกิโล… เสาไฟสลับแบริเออร์เหมือนกรอบภาพเดิมวนซ้ำ เสียงหายใจ “ฮึ่ม ฮึ่ม” กลืนกับเสียงโล่ขัดกัน “ครืด” และ เสียงนับจังหวะที่โมนีก้าเปล่งให้ทีมฟังเบา ๆ เพื่อหลอมก้าวให้เป็นอันหนึ่งอันเดียว “ซ้ายขวา… ซ้ายขวา…” เธอคุมลมหายใจ เข้า 2, ออก 2 เพื่อให้คนแบกผู้บาดเจ็บไหล่ตามทันโดยไม่กระชากจังหวะ


ด่านจำลองโปรยซากคอนกรีตเตี้ย ๆ เป็นช่วง ๆ บังคับให้ยกระดับปลายเท้า โมนีก้าใช้ส้นเท้ารับแล้วถ่ายน้ำหนักไปกลางเท้ากันข้อเท้าพลิก ขณะผ่านซอกเหล็กงอ เธอสั่งสั้น ๆ “เอียงโล่เข้ากันเสี้ยวแรงลม!” บอกเพื่อลดแรงปะทะให้คนท้ายที่กำลังรับบาดเจ็บบนบ่า เวลาบนนาฬิกาดิจิทัลจำลองไหลเร็วอย่างโหดร้าย 1:20:00… 1:35:00… 1:45:00 กล้ามเนื้อแขนของโมนีก้าเริ่มชา เส้นเอ็นข้อศอกตึงถึงหัวไหล่ แต่ดวงตาสีเทาเงินยังเย็นนิ่ง เธอแค่ขยับคางเล็กน้อยส่งสัญญาณสลับมือซ้ายนำเพื่อลดล้าจุดเดิมโดยไม่หยุดก้าว


เมื่อเดินทางถึงช่องด่านโมนีก้าก็ชัดขึ้นข้างหน้า เสากั้นเลนตั้งเรียงเหมือนซี่หอก โมนีก้าเช็คอีกครั้ง “ผู้บาดเจ็บคงที่” เสียงเธอบอกตอบ “คงที่!” ทุกคนก็ตอบเหมือนกันดังพร้อมกัน เมื่อเดินทางผ่านใต้คานสุดท้าย เสียงลมแรงเปิดเป็นผืนกว้าง เห็นเส้นขอบฟ้าซานฟรานซิสโกลาง ๆ หลังโครงสะพาน 


“หยุด!” เสียงคุณไคลน์สาดลงมาจากกิ่งไม้


ขบวนหยุดนิ่งพร้อมกันแบบเสี้ยววินาที โล่ลงพื้น ครืน เดียว กลิ่นเหล็กร้อนกับเกลือทะเลคลุ้งขึ้น โมนีก้าค่อย ๆ วางเปลสนามลงอย่างนุ่มที่สุดเท่าที่ไหล่อ่อนล้าคู่นี้จะทำได้ ผู้บาดเจ็บทั้งสองปลอดภัย ผ้าพันแผลยังแน่นดี สลิงไหล่ตรึงอยู่ตำแหน่งเดิม ไม่มีการตกหล่นไม่มีการเซทับขบวนหลัง เธอพิงสันโล่กับต้นขา หอบลมยาวหนึ่งครั้งเหมือนยืมอากาศทั้งอ่าวมาแบ่งปอด ดวงตาสีเทาเงินหรี่ลง เหงื่อไหลผ่านแนวคางหยดลงพื้นเป็นจุดเข้ม ๆ บนคอนกรีต


เฟเบียสที่เป็นกิ่งไม้อยู่นั้นเขาเอ่ยสั้นและคมใส่ทุกคน “ผู้บาดเจ็บปลอดภัย การเคลื่อนย้ายเป็นระเบียบ วินัยชัดเจน ดีมาก!!” หยุดหนึ่งจังหวะ ก่อนเพิ่มแรงกดเล็กน้อยในน้ำเสียง “จำไว้ความเห็นอกเห็นใจโดยไม่มีวินัยคือความหุนหัน วินัยโดยไร้ความเห็นใจคือความว่างเปล่า เลกิโอนารีต้องมีทั้งสอง” โมนีก้าพยักหน้ารับเล็กน้อย ส่งให้เพื่อนร่วมหน่วยทั้งสี่คนพยักหน้าตอบ ไม่มีคำพูด มีแต่แววตาที่บอกว่า เรา แบกผ่านมันมาด้วยกันจริง ๆ เสียงคลื่นลมจากอ่าวพาดผ่านด่านเหมือนฉากปิดลำดับหนึ่งเท่านั้น เพราะทุกคนรู้ดีว่าการเดินทัพยังไม่จบ เส้นทางต่อไปยังรออยู่ข้างหน้า และตราบใดที่ยังมีคำสั่งจากลาร์เรสสุดโหด ก็ยังไม่จบตรงนั้นแหละ

รางวัล: พูดคุยกับ NPC ความสนิทสนม +5 [Lares-02] เฟเบียส รูฟัส


แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [Lares-02] เฟเบียส รูฟัส เพิ่มขึ้น 5 โพสต์ 2025-10-19 22:51
โพสต์ 30786 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-19 22:29
โพสต์ 30,786 ไบต์และได้รับ +10 EXP +12 ความกล้า +9 ความศรัทธา จาก การควบคุมธรนี  โพสต์ 2025-10-19 22:29
โพสต์ 30,786 ไบต์และได้รับ +9 EXP +8 เกียรติยศ +9 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก สัมภาระเต็มรูปแบบ  โพสต์ 2025-10-19 22:29
โพสต์ 30,786 ไบต์และได้รับ +9 EXP +12 เกียรติยศ +12 ความศรัทธา จาก เข็มทิศ  โพสต์ 2025-10-19 22:29
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-12-15 23:54:43 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 14 เดือน ธันวาคม ปี 2025

เวลาเย็น เวลา 15.30 น. เป็นต้นไป ณ สะพานเบย์ (การควบคุมความเร็วและจิตใจ)


หลังจากตรวจสอบทุกระบบจนมั่นใจ เอสต้าก็ขึ้นไปนั่งบนที่นั่งคนขับของซีซ่าร์ แม็กซิมัส รถม้าคลาสสิกที่เธอยังคงคิดในใจว่า เสร่อเกินบรรยาย แต่ก็ต้องยอมรับว่าพลังของมันนิ่งและสมดุลอย่างน่าประหลาด เสียงเครื่องยนต์ไม้เริ่มคำรามเบา ๆ ราวกับสัตว์โบราณที่ถูกปลุกให้ตื่นและแน่นอนว่าเธอภาวนาว่ามันคงไม่ได้ดังมากจนรถคันข้าง ๆ สังเกต “พร้อมไหมครับ?” ยาซานถามอย่างใจเย็น พลางคาดเข็มขัด เขาโน้มตัวเล็กน้อยเพื่อดูว่าทุกอย่างเรียบร้อย “จำไว้นะ ถนนข้างหน้าเป็นถนนสาธารณะแล้ว กฎทุกอย่างต้องใช้ตามจริงทั้งหมด”


“ค่ะ รุ่นพี่” เอสต้าตอบเสียงราบเรียบ แต่ในใจกลับตะโกน ใครบอกว่าฉันอยากขับไอ้ของเสร่อคันนี้ออกไปโชว์ใครเขากันล่ะเนี่ย!


รถม้ารุ่นใหม่ล่าสุด (?) วิ่งออกจากอุโมงค์คัลลีคอตต์อย่างราบรื่น แสงแดดยามบ่ายกระทบกับพื้นไม้โอ๊คด้านหน้า แสงสะท้อนผ่านม่านโปร่งบางเหนือหลังคา เอสต้ากระพริบตาเล็กน้อยเพื่อปรับสายตา มองผ่านกระจกใสที่สลักตรา SPQR เหมือนภาพฝันของโรมันยุคใหม่ ระยะทางช่วงแรกผ่านเขตภูเขาเบิร์กลีย์ ถนนคดเคี้ยวแต่ไม่ชันนัก เธอค่อย ๆ กดคันเร่ง พวงมาลัยไม้ตอบสนองอย่างนุ่มนวล ไมล์ขึ้นจาก 0 ไป 15 ... 30 ... 40 อย่างเป็นจังหวะ


“ดีมากครับ ควบคุมความเร็วได้ดี” ยาซานพูดพร้อมพยักหน้า เขาชี้ไปป้ายทางข้างหน้า “พอถึงเมืองให้จำไว้ว่า เขตที่อยู่อาศัยจะจำกัดไม่เกิน 25 ไมล์ต่อชั่วโมงนะครับ”

“ค่ะ ๆ เข้าใจค่ะ” เอสต้าตอบเสียงเรียบแต่ในใจแอบบ่น ยี่สิบห้าน่ะเหรอ... ขนาดปีกแมลงยังเร็วกว่าเลยมั้ง

ระยะ 7.3 ไมล์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมืองเบื้องหน้าคือซานฟรานซิสโกในยามบ่าย รถราวิ่งขวักไขว่ตามสภาพเมืองใหญ่ เสียงแตรแผ่วเบาแทรกอยู่ไกล ๆ แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตามากกว่าคือเส้นทางคดโค้งที่มุ่งสู่ สะพาน Bay Bridge เส้นทางข้ามอ่าวอันคับคั่งของเมือง เมื่อรถเข้าใกล้ทางขึ้นสะพาน การจราจรเริ่มหนาแน่นจนเกือบหยุดนิ่ง ลมจากอ่าวพัดแรงกระแทกตัวถังไม้โอ๊คจนรถสั่นเบา ๆ เธอจับพวงมาลัยแน่น ดวงตาเทาเงินกะพริบวูบ เนตรแห่งฟีบี้ส่องแสงทองจางช่วยให้มองเห็นการเคลื่อนไหวของรถรอบข้างชัดเจนยิ่งขึ้น เธอเว้นระยะรถได้พอดีราวกับคำนวณด้วยสัญชาตญาณ


“ใจเย็นครับ” ยาซานพูดพร้อมหัวเราะนุ่ม “ลมแรงช่วงนี้เป็นปกติของอ่าว ถ้ารู้สึกไม่มั่นใจให้ชะลอนะ”


"ไม่เป็นไรค่ะ” เอสต้าตอบพลางหันหน้ากลับไปทางถนน “แต่รถติดนี่สิ... ถ้าไม่ติดก็คงดีมาก” ในใจเธอบ่นรัว ๆ แถมยังหนักมากด้วย โอ้ พระเจ้า! แกคิดว่าเป็นกรุงเทพหรือไงกัน?! ฉันจะต้องใช้เวลาอีกกี่นาทีในการลากเจ้าเฟอร์นิเจอร์ติดล้อคันนี้ไปถึงกลางสะพานกันแน่!?


เมื่อถึงช่องทางเก็บเงิน เอสต้าค่อย ๆ จ่ายเงินตามรนะบบให้เรียบร้อย เสียง ติ๊ง! ดังขึ้นพร้อมแสงเขียวจากการชำรัเงิน ประตูยกขึ้นอย่างนุ่มนวล เธอค่อย ๆ กดคันเร่งอีกครั้ง รถม้าเวทเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ในช่วงลมเย็นจัดจากอ่าวพัดผ่านกระจกหน้ารถ เธอมองท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนสีจากทองบ่ายเป็นฟ้าอมส้มของยามเย็น เสียงเครื่องยนต์ไม้ดังครืดเบา ๆ สม่ำเสมอ “ยอดเยี่ยมครับ เซนจูเรี่ยนบลอสซัม” ยาซานพูดขณะจ้องท้องฟ้าเหนือสะพาน “คุณขับได้ดีนะ”


เมื่อรถซีซ่าร์ แม็กซิมัสแล่นขึ้นสู่ช่วงกลางสะพาน Bay Bridge เสียงเครื่องยนต์ไม้ผสานเข้ากับเสียงลมแรงที่พัดซัดมาจากอ่าวซานฟรานซิสโกจนเกิดเป็นจังหวะสั่นสะเทือนเบา ๆ รอบตัว เอสต้ากระชับมือบนพวงมาลัยแน่น ดวงตาสีเทาเงินของเธอฉายแสงทองจางในแสงแดดยามเย็นเนตรแห่งฟีบี้เริ่มทำงาน มองเห็นการเคลื่อนไหวรอบข้างชัดเจนราวกับทุกอย่างชะลอความเร็วลง รถมอร์ทัลทั้งหลายขวักไขว่ในทุกเลน แสงไฟท้ายกระพริบวูบวาบดั่งดาวแดงระยิบ


“ระวังขวาไว้ด้วยครับ รถตู้กำลังเบรก” เสียงยาซานดังอย่างใจเย็นราวครูฝึกประจำสนาม เขามองเธอจากด้านข้าง พลางตรวจความเร็วบนแผงเรือนไมล์ที่คงที่อยู่ที่ 52 ไมล์ต่อชั่วโมง


“เห็นแล้วค่ะ รุ่นพี่” เอสต้าตอบอย่างมั่นใจ มือเธอขยับพวงมาลัยนิดเดียวเพื่อเบี่ยงเลนซ้ายอย่างนุ่มนวลก่อนใช้สัญญาณไฟเปิดไว้ล่วงหน้า เสียง ติ๊กติ๊กติ๊ก ดังอย่างเป็นจังหวะก่อนที่รถจะเคลื่อนไปในช่องว่างเล็ก ๆ ระหว่างรถเก๋งสีเงินกับมินิแวน เธอหมุนพวงมาลัยในองศาพอดี รักษาความเร็วให้สมดุลโดยไม่ต้องเบรกหนัก รถทั้งคันไหลไปตามจังหวะถนนอย่างนุ่มราวกับมีเส้นล่องหนคอยนำทาง


ในหัวของเอสต้ามีแต่เสียงพึมพำประชดตัวเอง โอ้ ไอ้เชี้ย... ฉันกำลังขับตู้โชว์ไม้กลางฝูงเหล็กนี่นะ... ถ้าใครรู้ว่ามันมีมนต์พรางคงขำกลิ้งแน่


เมื่อเข้าเลนหลักได้ เอสต้าคงระยะห่างจากรถข้างหน้าไว้เป๊ะราวกับจับตาด้วยไม้บรรทัด ดวงตาเนตรทองของเธอมองทะลุม่านพลังเล็ก ๆ ที่พรางอยู่ เห็นไอระเหยของเครื่องยนต์คันหน้าไหลวนอย่างสมมาตร “ระยะปลอดภัย... สามคันรถพอดี” เธอพึมพำเบา ๆ


“ดีมากครับ” ยาซานเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “คุณเริ่มเข้าใจการอ่านจังหวะของการขับรถบนถนนแล้ว”

“ค่ะ ก็ไม่ยากเท่าไหร่... แค่ต้องพยายามไม่อยากขับรถคนข้างหน้าทิ้งลงอ่าวก็พอ” เธอว่าหน้านิ่ง แต่เสียงนั้นเจือความหงุดหงิดปนขำ ยาซานหัวเราะเบา ๆ จนแทบกลั้นไม่อยู่


แสงสีทองของยามเย็นค่อย ๆ ละเลียดไปทั่วสะพาน รถทุกคันเริ่มหนาแน่นอีกครั้งก่อนเข้าสู่ทางลาดชันขึ้นสู่ตอนกลางสะพาน เอสต้ามองกระจกข้างตรวจช่องว่างซ้ายขวาอย่างชำนาญ เธอใช้จังหวะสั้น ๆ ในการเปลี่ยนเลนอีกครั้ง ขยับมือเปิดไฟเลี้ยวติดขึ้น เสียงเครื่องยนต์ตอบรับในระดับคงที่ รถไหลเรียบโดยไม่สะดุดแม้ในระยะห่างแค่ไม่กี่ฟุต


“ดีมากครับ เซนจูเรี่ยนบลอสซัม” ยาซานพูดพร้อมรอยยิ้มบางที่มุมปาก “แต่ตอนนี้มาลองอะไรสนุก ๆ กันหน่อย”

“สนุก? หืออ” เอสต้าหันมามองครึ่งตา “อย่าบอกนะว่ารุ่นพี่จะให้ขับแบบ Fast & Furious บนสะพานที่มีมอร์ทัลอยู่เต็มไปหมดเนี่ย”

ยาซานไม่ตอบคำถามนั้น เขาเพียงเอียงตัวเล็กน้อย มือแตะคทาแห่งแสงสนธยาที่แขวนอยู่ข้างเอว ก่อนจะออกคำสั่งเสียงเรียบแต่เด็ดขาด “Evasive Maneuver” เสียงยาซานยังคงนิ่งบอกับทางเอสต้าที่ขับอยู่ “คันหน้าเบรกกะทันหันทางขวา คันหลังเร่งความเร็ว เข้าซ้ายเดี๋ยวนี้” เอสต้าหรี่ตาเล็กน้อย แสงทองในดวงตาเทาเงินพลันลุกวาบ เธอปล่อยลมหายใจสั้น “รับทราบ” มือทั้งสองจับพวงมาลัยแน่นแล้วหมุนควงซ้ายเฉียบ รถม้าพลังเดมิก็อดเบี่ยงตัวในองศาเป๊ะ ร่างทั้งคันเอียงนิด ๆ แต่ไม่เสียสมดุล ล้อไม้กระทบพื้นซีเมนต์เพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะกลับเข้าช่องกลางใหม่อย่างสงบนิ่ง เธอกระตุกพวงมาลัยกลับพร้อมดึงคันเร่งเสริมแรงพลังเวทให้รถทรงตัวอยู่บนความเร็วเดิม เสียงเครื่องยนต์ร้องต่ำแต่มั่นคงราวกับกำลังหัวเราะเยาะแรงโน้มถ่วง


ยาซานยิ้มบาง ดวงตาเปล่งประกายสนธยา “ยอดเยี่ยม... คุณจัดการได้เก่งกว่าที่ผมคาดไว้มาก นึกว่าจะลนลานเสียแล้ว”

เอสต้าหัวเราะในคอ “รุ่นพี่คะ ถ้าอยากจะทดสอบอะไรอีกล่ะก็ ช่วยบอกก่อนนะคะว่าฉันต้องทำในถนนจริง”
“แต่นั่นแหละคือจุดประสงค์ของการสอบ” เขาตอบเรียบ ๆ พลางมองเส้นทางเบื้องหน้า “การเอาตัวรอดในโลกที่ไม่รอให้คุณพร้อมก่อนและไม่ประมาท”

เธอส่ายหน้าเบา ๆ แต่ยิ้มมุมปาก “เข้าใจละ... โลกมันโหดก็ต้องบ้ากว่ามันสินะ” เธอเร่งเครื่องอีกนิด เสียงลมกระแทกหน้ารถดังขึ้นพร้อมความเร็วที่คงที่ 55 ไมล์ต่อชั่วโมง รถม้าพลังเวทคันไม้ไหลเข้าสู่เส้นตรงกลางสะพาน Bay Bridge ท่ามกลางแสงอาทิตย์ช่วงเย็น



[NPC-85] ยาซาน

พูดคุยกับ NPC ความสนิทสนม +5
โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ รุ่นพี่ +20
กลิ่นหอมจาก น้ำหอมเฮคาที - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +10
(ทุกครั้งที่โรลเพลย์ลงท้ายด้วยเลขไบต์ 0 5 7 9 ทำให้ได้รับความโปรดปรานจาก NPC TGC SP Lares Satyr ได้รับความโปรดปราน+10)

รออนุมัติผ่านถึงจะได้ไปต่อ

แสดงความคิดเห็น

God
การขับดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น  โพสต์ 2025-12-16 02:19
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-85] ยาซาน เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2025-12-16 02:17
โพสต์ 41757 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-12-15 23:54
โพสต์ 41,757 ไบต์และได้รับ +4 EXP +5 ความกล้า จาก บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส  โพสต์ 2025-12-15 23:54
โพสต์ 41,757 ไบต์และได้รับ +15 EXP +15 ความกล้า +15 ความศรัทธา จาก ดาบสุริยคติ  โพสต์ 2025-12-15 23:54
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้