【Second Cohort】⚜ ⊣ ENTRANCE ⊢ ⚜

[คัดลอกลิงก์]

หากท่านเป็นกึ่งเทพผู้หลงทาง สามารถสมัครสมาชิกเข้าร่วมกับเราได้ที่นี่ https://t.me/+etLqVX17bGg5ZjBl

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา ลงทะเบียน

×

ภาพหลัก

Ambitio, Certamen, Perfectio

เมื่อเดินทางมายังหอพักของกองร้อยที่ 2 เบื้องหน้าคืออาคารหินทรงโรมันอันสง่างามโดดเด่นด้วยเสาสูงเรียงแถวกันห้าเสา ด้านบนประดับด้วยธงสีแดงสดตัดลายทองสัญลักษณ์ม้าศึกสง่างามแสดงสัญลักษณ์กองร้อยที่ 2 อย่างภาคภูมิ รอบข้างรายล้อมด้วยกระถางดอกไม้ขนาดใหญ่หลากสี กลิ่นอายของระเบียบวินัยและศักดิ์ศรีแผ่กระจายทั่วลานหินกว้าง ธงที่ปักเรียงรายสองข้างทางมีหมายเลข “II” แสดงถึงลำดับกองร้อย พร้อมคำขวัญแห่งศักดิ์ศรีของพวกเขา

ความทะเยอทะยาน, การแข่งขัน, และการแสวงหาความสมบูรณ์แบบ

สถาปัตยกรรมอันโอ่อ่าบ่งบอกถึงความมีระบบและคุณภาพที่เฉียดเคียงกองร้อยที่ 1 จนได้รับการยกย่องว่าเป็นกองร้อยอันดับสองที่น่าภาคภูมิใจในกองพันที่สิบสองฟุลมินาตา มาสคอตประจำกลุ่มของกองร้อยนี้คือ “ม้าสีทอง” สัญลักษณ์แห่งความเร็ว ร้อนแรง และศักดิ์ศรีอันยิ่งใหญ่ จึงไม่แปลกที่หากคุณจะพบเห็นว่าเหล่าสมาชิกกองร้อยที่สองเก่งกาจด้านการขี่ม้าและพุ่งหลาวหอกโรมัน

แสดงความคิดเห็น

God
โพสต์ 13402 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-9 10:58
โพสต์ 2025-9-9 22:51:06 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Moneka เมื่อ 2025-9-10 18:10

วันที่ 08 เดือน กันยายน ปี 2025

ช่วงค่ำ เวลา 18.00 - 21.00 น. ณ ENTRANCE กองร้อยที่สอง เขตที่พักกองร้อย ค่ายจูปิเตอร์ 


ฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีเป็นโทนชมพูอมส้ม แสงแดดที่อ่อนโยนทอดผ่านยอดเสาและธงสีแดงเข้มของกองร้อยที่สองสะท้อนเป็นประกายอุ่น โมนีก้าก้าวเดินไปตามถนนหินอ่อนที่เรียงรายด้วยกระถางดอกไม้ใหญ่หลากสี ทั้งม่วงสด เหลืองทอง และแดงเพลิง กลิ่นหอมของดอกไม้คลุ้งลอยมากับสายลม เธอหยุดยืนอยู่ครู่หนึ่ง มองดอกไม้ที่เอนไหวไปตามแรงลมราวกับกำลังทักทายผู้มาเยือน


เธอเอียงคอน้อย ๆ รอยยิ้มบางแตะริมฝีปาก เหม่อมองภาพตรงหน้าเหมือนปล่อยใจให้ล่องลอย ความเหนื่อยล้าที่สะสมจากการเดินทางและการเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์หลายครั้งค่อย ๆ คลายออกเล็กน้อยเพราะความสงบของสถานที่แห่งนี้ เสียงพูดคุยของเพื่อนร่วมกองร้อยบางกลุ่มที่เดินสวนไปมาคล้ายกลายเป็นเพียงเสียงแผ่วเบาในฉากหลัง


โมนีก้าสูดลมหายใจลึก ๆ รับกลิ่นหอมหวานของดอกไม้เข้าเต็มปอด ก่อนจะก้าวต่อช้า ๆ ไปตามเส้นทางหินอ่อนที่ทอดเข้าสู่ตัวอาคารหอพักใหญ่ของกองร้อยที่สอง ธงสีแดงที่ปักเรียงรายพริ้วสะบัดอยู่เหนือศีรษะ บ่งบอกชัดเจนว่านี่คือบ้านหลังใหม่ที่เธอต้องใช้ชีวิตอยู่ต่อจากนี้


ในที่สุด เธอก็ยกมือดันประตูไม้บานใหญ่ของหอพัก ก้าวข้ามธรณีประตูเข้าสู่ความอบอุ่นและการพักผ่อนที่รออยู่ภายใน


แบบฟอร์มส่งอัปเดทป้ายประจำกองร้อย

สังกัดกองร้อยที่อัปเดท : กองร้อยที่ 2

รูปภาพป้ายประจำกองร้อย : จิ้ม

รูปภาพป้ายหน้ากองร้อย : จิ้ม



รางวัล: +100 เกียรติยศ และ +20 ดีนาเรียส สำหรับผู้อัปเดท


แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ +100 เกียรติยศ โพสต์ 2025-9-10 18:00
โพสต์ 11387 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-9 22:51
โพสต์ 11,387 ไบต์และได้รับ +4 ความศรัทธา จาก น้ำหอมสตรี  โพสต์ 2025-9-9 22:51
โพสต์ 11,387 ไบต์และได้รับ +2 EXP +2 เกียรติยศ +2 ความศรัทธา จาก หนังสือนิยาย  โพสต์ 2025-9-9 22:51
โพสต์ 11,387 ไบต์และได้รับ +4 EXP +4 เกียรติยศ จาก เกมคอนโซลพกพา  โพสต์ 2025-9-9 22:51

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1เหรียญดีนาเรียส +20 ย่อ เหตุผล
God + 20

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-9-20 09:07:37 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 18 เดือน กันยายน ปี 2025

ช่วงเช้า เวลา 09.00 - 10.00 น. ณ ENTRANCE กองร้อยที่สอง เขตที่พักกองร้อย ค่ายจูปิเตอร์ 


โมนีก้าวิ่งสี่คูณร้อยออกจากกองร้อยที่สองด้วยสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อคลุมยูนิฟอร์มเสื้อสีขาวกระโปรงสีน้ำเงินเข้มปลิวตามแรงฝีเท้า เสียงรองเท้ากระทบพื้นหินอ่อนดังตึง ๆ ลั่นไปทั่วทางเดิน เธอเพิ่งแต่งตัวเสร็จและยังไม่ทันตั้งสติ แต่เวลาบนหน้าปัดนาฬิกากลับกดดันให้ต้องรีบเต็มที่ ดวงตาสีเทาเงินวาววับเพราะความลนลาน ทว่าก่อนจะพ้นประตูหน้ากองร้อย เธอกลับพุ่งชนเข้ากับร่างสูงใหญ่ราวกำแพงหิน ราวกับชนเสาโอเบลิสก์ที่ไม่มีวันขยับ โมนีก้าถึงกับล้มก้นจ้ำเบ้าเสียงดัง 


“โอ๊ย!” ความเจ็บแล่นขึ้นมาตามสันหลังจนต้องร้องออกมาโดยไม่ทันคิด


“ระวังหน่อย” เสียงทุ้มเย็นที่คุ้นหูดังขึ้นเหนือศีรษะ เธอเงยหน้าขึ้นก็พบร่างชายหนุ่มในชุดคลุมเสื้อเหมือนจะสบาย ๆ และมีตราตรงนั้น พรินซิเปีย!!! ดวงตาคมเฉียบราวสายฟ้าของโรมมองลงมาอย่างนิ่งสงบ ควินตัส แอนเดอร์สัน แม่ทัพหนุ่มผู้เป็นตำนานของค่ายจูปิเตอร์ยืนอยู่ตรงหน้า แขนยกไขว้พลางเอียงคิ้วเล็กน้อย


โมนีก้าตาเบิกกว้าง “คะ! คุณควินตัส!” เสียงตะกุกตะกักรีบเอ่ยขอโทษ “ขอโทษค่ะ ๆ ฉันรีบไปเรียนที่เซเนกาน่ะค่ะ กลัวสา—”


ควินตัสมองเธอแล้วขยับมุมปากน้อย ๆ คล้ายรอยยิ้มที่ไม่ถึงกับขำ “ตอนนี้เก้าโมงเช้า ถ้าเรียนที่เซเนกา เธอสายนานแล้วล่ะ” หญิงสาวชะงักเหมือนถูกฟาดกลางใจ “หา…อะไรนะคะ!” เธออ้าปากค้างทันที ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ “ไม่นะ! ฉันทั้งไม่ได้กินข้าว ทั้งนอนไม่พอ นี่มัน…โอ๊ย จะบ้าตาย!” เธอทิ้งตัวนั่งกุมศีรษะครู่หนึ่งจนเส้นผมสีม่วงครามกระจายปกแก้มขาว


ควินตัสย่อตัวลงเล็กน้อยส่งมือให้เธอจับ “ลุกไหวไหม” เสียงเรียบแต่แฝงความเอ็นดู เขามองเธอที่กำลังพยายามหอบลมหายใจ โมนีก้าจับมือเขาแบบไม่เก่อเขินพลางลุกขึ้นพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ขอบคุณค่ะ…วันนี้คงเป็นเช้าที่ซวยที่สุดในชีวิตตั้งแต่ที่มาที่ค่ายแล้ว”


“บางครั้งการเริ่มวันด้วยการล้ม อาจเป็นวิธีให้เธอช้าลงบ้าง” แม่ทัพหนุ่มเอ่ยเรียบ ๆ แต่แฝงน้ำเสียงสอนใจ “ไปเถอะ อย่างน้อยก็หาอะไรกินก่อนค่อยไปเรียนรอบบ่าย อย่าฝืนร่างกาย” คำพูดนั้นทำให้โมนีก้าชะงักอีกครั้ง หญิงสาวเม้มปากแล้วพยักหน้าช้า ๆ “ค่ะ…ฉันจะจำไว้” แม้ในใจยังเต้นระส่ำจากทั้งความตกใจและแรงบีบคั้นของเวลา แต่สายตาที่ควินตัสส่งมาทำให้ความลนลานค่อย ๆ คลายลงทีละน้อย


แสงเช้าของกรุงโรมใหม่ยังคงส่องลอดกระจกบานสูงเข้ามาเป็นริ้วทองสวยงาม โมนีก้าขยับถอยหนึ่งก้าวพลางยกมือเช็ดเหงื่อจากขมับ แม้ยังเจ็บสะโพกจากการชนเมื่อครู่ แต่เสียงหัวใจที่เต้นแรงยิ่งกว่ากลับเป็นสิ่งที่ทำให้เธอหายใจติดขัด “งั้น…ขอตัวก่อนนะคะ ตอนนี้จะสิบโมงแล้ว อีกไม่กี่นาทีนี้เอง” น้ำเสียงเธอเจือทั้งความลนลานและความเก้อเขิน


ควินตัสเลิกคิ้วเล็กน้อย “สิบโมง? เธอจะไปทันเรียนรอบบ่ายอยู่แล้ว ทำไมต้องรีบขนาดนั้—”


คำพูดยังไม่ทันจบ เสียงติ๊กของนาฬิกาใหญ่ในกองร้อยก็ดังขึ้นพร้อมกับเข็มสั้นแตะเลขสิบ เข็มยาวตรงเป๊ะพอดี วินาทีนั้นเอง อากาศรอบตัวโมนีก้าราวกับถูกดูดออกไป ความเงียบประหลาดเข้าครอบคลุม ก่อนที่ประกายแสงสีทองขาวจะปะทุขึ้นจากปลายเท้าของเธอ แสงนั้นสว่างจนบาดตาราวกับสายฟ้าแตกกลางวัน “โมนีก้า!” ควินตัสร้องเรียกทันที สายตาคมเบิกกว้าง เขาเอื้อมมือไปข้างหน้า แต่ปลายนิ้วกลับสัมผัสได้เพียงความร้อนวาบรอบตัวหญิงสาว รัศมีทองคำส่องแผ่กว้างออกไปเป็นวง คลื่นพลังบางอย่างพัดกระจายจนธงประจำกองร้อยสั่นไหว


โมนีก้าเองเบิกตากว้างไม่แพ้กัน “นี่มั!” เสียงเธอถูกกลืนหายไปในแสงพร่างพราย ร่างกายเบาหวิวราวกับถูกยกขึ้นจากพื้น ลมหายใจติดขัดจนเธอทำได้เพียงสบตากับควินตัสในเสี้ยววินาทีสุดท้าย ใบหน้าคมของแม่ทัพหนุ่มปรากฏอยู่กลางหมอกแสง ตรึงแน่นในดวงตาสีเทาเงินของเธอ


แล้วทุกอย่างก็ขาวโพลน ราวกับโลกทั้งใบหายไป เหลือเพียงความเงียบและประกายสว่างจ้า


เมื่อแสงดับลง กองโถงกองร้อยกลับคืนสู่ความเงียบสงบเช่นเดิม แต่พื้นที่ที่โมนีก้าเคยยืนอยู่กลับว่างเปล่า เหลือเพียงกลิ่นหอมบางของดอกไลแลคปะปนกับกลิ่นดินอุ่น และสายลมเย็นที่พัดผ่านราวกับทิ้งสัญญาณบางอย่างไว้ ควินตัสยืนนิ่ง ใบหน้าฉายทั้งความตกตะลึงและความเป็นห่วง ดวงตาเรียบสงบของแม่ทัพหนุ่มสั่นระริก เขายกมือที่เอื้อมออกไปค้างไว้กลางอากาศ สัมผัสได้เพียงความว่างเปล่าและคำถามที่ไร้คำตอบว่า โมนีก้าหายไปที่ใดและใครคือผู้เรียกเธอไปในยามสิบนาฬิกาตรงนั้นตรงนั้น



หายวับไปกับตาแม่ทัพ เขาจะได้ไม่บอกว่าเราหนีทัพ จีเนียส


[NPC-13] ควินตัส แอนเดอร์สัน

พูดคุยกับ NPC ความสนิทสนม +5

โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ รุ่นพี่ +20

กลิ่นหอมจาก น้ำหอม Unisex  - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +5

(โรลเพลย์ที่ลงท้ายด้วย 0 2 4 6 8 - ใช้ได้กับรุ่นพี่และเพื่อนร่วมรุ่นเท่านั้น)

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-13] ควินตัส แอนเดอร์สัน เพิ่มขึ้น 30 โพสต์ 2025-10-16 10:02
โพสต์ 28152 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-20 09:07
โพสต์ 28,152 ไบต์และได้รับ +4 EXP +8 ความศรัทธา จาก น้ำหอม Unisex  โพสต์ 2025-9-20 09:07
โพสต์ 28,152 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 เกียรติยศ +10 ความกล้า จาก เสื้อค่ายจูปิเตอร์  โพสต์ 2025-9-20 09:07
โพสต์ 28,152 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 เกียรติยศ +10 ความศรัทธา จาก หนังสือนิยาย  โพสต์ 2025-9-20 09:07
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-11-29 21:56:47 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Moneka เมื่อ 2025-11-30 08:43

วันที่ 27 เดือน พฤศจิกายน ปี 2025

ช่วงเย็น เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป ณ กองร้อยที่สอง เขตที่พักกองร้อย ค่ายจูปิเตอร์ 


ลมอ่อนยามเย็นพัดผ่านแนวธงสีแดงของกองร้อยที่ 2 อย่างแผ่วเบา ผืนผ้าไหมทอทองสะบัดปลิวตามจังหวะลมหายใจของค่ายราวกับกำลังเฝ้ามองผู้คนที่ผ่านไปมา เบื้องหน้าคืออาคารหินทรงโรมันอันสูงสง่า เสาสีเทาอ่อนห้าเสาเรียงกันอย่างมาดมั่น เงาของมันทอดทาบลงบนลานหินกว้างซึ่งกำลังถูกย้อมด้วยสีทองอ่อนของช่วงบ่ายแก่ ๆ โมนีก้านั่งลงบนม้านั่งหินอ่อนใกล้เรือนกระจกข้างอาคารนั้น เธอวางกระเป๋าหนังลงข้างตัวแล้วพ่นลมหายใจออกมาช้า ๆ เหมือนปล่อยโลกทั้งใบให้ลอยหลุดออกจากบ่าในคราวเดียว ร่างเล็กในโค้ทสีอ่อนโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ฝ่ามือทาบเข้าที่หน้าผากราวกับต้องการเก็บเสียงภายในหัวให้สงบลงสักครู่หนึ่ง


วันนี้ยาวนานเหลือเกิน วันนี้หนักเหลือเกิน และวันนี้… เธอไม่รู้ว่าตัวเองทำได้ดีพอไหม


ไม่นาน เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นมาแต่ไกล เสียงที่เธอรู้จักดีตั้งแต่ยังไม่เห็นตัว ราวกับจังหวะดนตรีประจำตัวเขาเอง เมื่อเงาสูงของใครคนหนึ่งทอดลงข้างม้านั่ง เธอก็ไม่จำเป็นต้องมองก็รู้ว่าใคร เลสเตอร์ชะลอฝีเท้าลงก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ แสงสีทองอ่อนรอบตัวเขาเหมือนจะสว่างขึ้นนิดเดียวเมื่อเห็นสีหน้าของเธอ เขาไม่พูดอะไรตอนแรก ไม่ถาม ไม่เร่ง ไม่กลบเกลื่อนด้วยมุกจีบเธอแบบเก่า ๆ


“แสงอาทิตย์ของผมมันหม่นหมองไปหน่อยนะครับ” เขาพูดเบา ๆ เสียงทุ้มละมุนจนเธอเกือบเผลอร้องไห้ออกมา โมนีก้าสะดุ้งเล็กน้อย เธอหันไปมองเขา ตาสีเทาเงินของเธอสว่างขึ้นเล็กน้อยโดยไม่ตั้งใจ แสงจากเนตรฟีบี้สะท้อนจากรัศมีของเขาราวกับทั้งคู่เป็นกลไกเดียวกัน


“มาแล้วเหรอ?” เธอถามเสียงแผ่ว “วันนี้เร็วกว่าปกตินะ”


“ผมรู้สึกว่า… จุดศูนย์กลางของจักรวาลของผมหายใจไม่สะดวกเอาซะเลย” เลสเตอร์ว่าอย่างตรงไปตรงมาจนเธอหลุดยิ้มจาง ๆ ออกมา เขาเอื้อมมือหนึ่งไปจับมือเธอที่วางบนตัก บีบเบา ๆ อย่างปลอบโยน “เป็นอะไรไปครับ เซนจูเรี่ยนของผม ทำไมถึงดูเหนื่อยขนาดนี้” โมนีก้ามองมือเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสูดหายใจลึกแล้วพูดออกมาราวกับความหนักทั้งหมดพรวดพราดออกมาพร้อมคำพูด


“ไม่รู้สิ… มันหนักน่ะ เลสเตอร์” เธอพูดช้า ๆ “ฉันเข้ามาที่นี่ไม่ถึงหกเดือน ทุกอย่างมันถาโถมเหมือนคลื่นซัดตลอดเวลา ฉันต้องเป็นเซนจูเรี่ยนที่ดีให้ทุกคนเชื่อใจ ต้องจัดงานให้ยิ่งใหญ่ ต้องเป็นธิดาเซเรสที่ไม่พลาด… แล้วก็ต้องจัดการเรื่องของเราอีก” เธอหันไปสบตาเขา น้ำเสียงสั่นเล็กน้อยแต่จริงใจอย่างที่สุด “ทำไมทุกคนถึงโยนทุกอย่างมาให้ฉัน? ฉันทำมันได้ไม่ดีพอใช่ไหม? หรือฉันผิดที่ไม่เก่งพอ… ทำไมถึงเหนื่อยขนาดนี้”


“เพราะคุณเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่พวกเขามีครับ โมนีก้า ผมไม่ได้ว่าคนอื่นไม่ดีที่สุดนะ แต่คุณก็คือหนึ่งในคนที่่ทุ่มเทกับมันมาก” เขาพูดชัดถ้อยชัดคำ ไม่มีการล้อเล่น มีเพียงความจริงที่เขาเชื่อเต็มหัวใจ “พวกเขาไม่ได้มอบงานให้คุณเพราะคุณไม่ดีพอ แต่เพราะคุณทำได้ดีที่สุด พวกเขาเชื่อในคุณ มากกว่าที่คุณเชื่อในตัวเองเสียอีก” ในช่วงที่พูดแววตาของเลสเตอร์อ่อนลงจนแทบละลายความกังวลทั้งหมดในอกเธอ “และคนที่เพิ่งผ่านการต่อสู้กับเงามืดของเทพเจ้า จัดการงานบรูมาเลียได้อย่างงดงาม จะมาบอกตัวเองว่าไม่เก่งพอได้ยังไงกันคนดี?”


เขาขยับเข้าไปใกล้จนปลายจมูกเกือบแตะกัน ลมหายใจของเขาอุ่นราวกับแสงฤดูร้อน “ฟังผมนะ มิวส์ของผม คุณกำลังแบกภาระของเทพเจ้าไว้บนไหล่มนุษย์ของคุณรู้ไหม… มันหนักอยู่แล้ว และมันสมควรให้คุณได้พัก” เลสเตอร์ก้มลง จูบหน้าผากเธอแผ่วเบาราวกับวางแสงอาทิตย์ลงบนผิวของเธอ


แล้วเขาก็ดึงเธอเข้ามากอด กอดแน่นพอให้เธอรู้ว่าถ้าหากโลกถล่มลงมาเขาจะยันไว้ให้ กอดที่โอบล้อมความเหนื่อยล้าและปล่อยให้เธอพิงได้โดยไม่ต้องขอโทษ “โอลิมปัสจะยังไม่ระเบิดถ้าคุณพักผ่อนสักครู่” เลสเตอร์ก้มลงกระซิบชิดใบหู น้ำเสียงทุ้มนุ่มของเขาสั่นสะเทือนอยู่ตรงแนวกระดูกไหปลาร้าของเธอ 


โมนีก้ายังคงซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่นและมั่นคงของเลสเตอร์ แผ่นอกของเขาแน่นและอบอุ่นราวกับเก็บแสงอาทิตย์เอาไว้ทั้งดวง เธอซึมซับความร้อนจากกายเขาอย่างเงียบ ๆ ปล่อยให้มันไล่ความเย็นชาและหนักอึ้งที่จับแน่นอยู่ในอกให้คลายตัวลงทีละน้อย ลานหน้าที่พักกองร้อยที่ 2 ซึ่งเต็มไปด้วยกระถางดอกไม้และธงผืนแดงของโรมดูจะเงียบลงกว่าปกติ ราวกับทั้งค่ายเห็นพ้องกันว่าจะปล่อยให้มุมเล็ก ๆ นี้เป็นพื้นที่ของคนสองคนเท่านั้น 


“วันนี้ผมไม่ต้องการอะไร… ผมต้องการแค่ให้คุณได้พักในอ้อมกอดของผม… แล้วบอกผมหน่อยสิ คุณอยากให้ผมเล่นเพลงอะไรให้ฟังดี?”


โมนีก้าพ่นลมหายใจออกมาอย่างช้า ๆ เหมือนพยายามระบายทั้งความเครียดและความรู้สึกหมดแรงที่อัดแน่นอยู่ข้างใน ความเหนื่อยล้าทำให้เสียงของเธอเต็มไปด้วยแววสิ้นหวังจนเจ้าตัวเองก็ยังตกใจ “ฉันไม่อยากฟังเพลงหรอก… ฉันแค่อยากพัก” เธอพูดเสียงอู้อี้ซุกอยู่ในอกเขา “อยากพักไปเลย… พักตลอดกาลไปเลย”


สิ้นคำพูดในชั่วขณะนั้นเอง ร่างกายของเลสเตอร์ก็แข็งทื่อขึ้นเล็กน้อยอย่างรู้สึกได้ อ้อมแขนที่โอบเธออยู่กระชับแน่นขึ้นราวกับกลัวว่าเธอจะหลุดหายไปกับลมหายใจถัดไป เขาดันตัวเธอออกห่างเพียงนิดเดียวพอให้เห็นใบหน้าของเธอชัด ๆ ดวงตาสีฟ้าของเขาฉายแววผสมกันทั้งความกังวลและความไม่พอใจที่เธอกล้าพูดประโยคนั้นออกมา


“ไม่พูดแบบนี้สิครับ โมนีก้า” น้ำเสียงของเขากลับมาจริงจังและต่ำลึก ราวกับไม่ใช่แค่ชายหนุ่มธรรมดา แต่เป็นเทพเจ้าที่กำลังปกป้องสิ่งล้ำค่าที่สุดของตน “เราเพิ่งให้คำมั่นสัญญาต่อกันไป… คุณจะหนีผมไปทาทารัสงั้นเหรอ? ผมไม่ให้ไปนะ” เขาเอ่ยนามนรกด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ไม่ใช่เพราะกลัวความตาย แต่เพราะความคิดที่จะต้องสูญเสียคนรักไปอีกครั้งทำให้เขาไม่อาจยอมรับได้เลยสักนิด


เลสเตอร์ยกมือขึ้น เกลี่ยปลายนิ้วโป้งเบา ๆ ไปตามแนวแก้มซีดของเธอ พยายามยกมุมปากตัวเองให้กลายเป็นรอยยิ้มแบบเดิมที่ทั้งขี้โม้และพยายามทำตัวเท่ แต่ตอนนี้ในแววตายังเต็มไปด้วยเงากังวลที่ซ่อนเก็บไว้ไม่มิด “คุณจะทำแบบนั้นไม่ได้หรอก” เขาพูดด้วยความมั่นใจที่เป็นธรรมชาติของเทพแสงอาทิตย์ “เพราะคุณรู้ดีว่าถ้าคุณหายไป… ผมจะตามไปทุกที่ ไม่ว่าจะทาทารัส นรกของโรมัน หรือไปถึงดินแดนของเทพฮินดูนั่นอีกครั้ง ผมจะตามไปเพื่อถามเหตุผล… ว่าทำไมคุณถึงถึงกล้าทิ้งความหล่อเหลาของผมไปได้”


โมนีก้าสบตาเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ในนัยน์ตาเทาเงินของเธอสะท้อนให้เห็นบางอย่างที่เนตรฟีบี้รับรู้ไม่ใช่เพียงความขี้เล่นของเขา แต่เป็นความเป็นเจ้าของและความกลัวที่ถูกซ่อนไว้อย่างเงียบเชียบ เธอพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่ รู้สึกเหมือนหัวใจโดนกระตุกกลับเข้าที่ “ฉันไม่อยากไปไหนหรอก… ฉันแค่อยากหาย ๆ ไปซะ” เธอเอียงหน้าแนบฝ่ามืออุ่นร้อนของเขาเหมือนแมวตัวเล็กที่หาแหล่งความร้อน “หายไปกับนายแค่นั้น… ไม่เป็นแล้วเซนจูเรี่ยน ไม่เป็นแล้วเดมิก็อต”


ทันทีที่คำว่า หายไปกับนายแค่นั้น หลุดจากริมฝีปากของโมนีก้า แววตาของเลสเตอร์ก็อ่อนลงราวกับมีใครดับไฟแห่งความหงุดหงิดทิ้ง แล้วจุดเปลวไฟอีกชนิดขึ้นมาแทนที่ เป็นเปลวไฟของความปรารถนาที่แสนดื้อด้านและเป็นอมตะในแบบของเทพเจ้าผู้เคยหลงรักมนุษย์มานับศตวรรษ เขาคว้าไหล่เธอไว้แน่น โน้มตัวเข้ามาใกล้จนหน้าผากของทั้งคู่ชนกันอย่างนุ่มนวล ลมหายใจร้อนของเขาคลอกับลมหายใจแผ่วของเธอ


“โอ้… ความปรารถนาที่เป็นอมตะของผมนี่เอง” เลสเตอร์กระซิบ ดวงตาสีฟ้าสว่างวาบด้วยความยินดีและเสน่หา “ถ้าอย่างนั้น… ผมก็จะจัดให้” เขาดึงเธอเข้าแนบชิดอีกครั้ง แขนข้างหนึ่งโอบรัดเอวเล็กของเธอไว้มั่นราวกับจะไม่ยอมให้เธอหลุดไปไหนได้อีกแม้แต่ก้าวเดียว


“คุณอยากหายไปกับผมใช่ไหม? ได้สิ”


เลสเตอร์ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว แทนที่จะผลักไสคำขอหลบหนีของเธอ เขากลับเลือกจะสร้างพื้นที่หลบหนีนั้นให้เอง หลบหนีจากความกดดัน หน้าที่ ภารกิจ และดวงตาทั้งค่ายที่จับจ้องมาที่เธออยู่ตลอดเวลา เขาโน้มตัวลงมาใกล้ริมฝีปากของเธอจนระยะห่างคงเหลือเพียงลมหายใจ มองลึกเข้าไปในดวงตาเทาเงินคู่นั้นซึ่งสะท้อนทั้งความอ่อนล้าและความดื้อดึงในคนเดียวกัน


“ในตอนนี้คุณไม่ต้องเป็นเซนจูเรี่ยน… คุณไม่ต้องเป็นเดมิก็อต คุณแค่เป็นของผม” คำพูดของเขาหนักแน่น ราวกับคำประกาศอำนาจกลางสนามรบ แต่แฝงความอ่อนโยนที่มีให้เพียงเธอคนเดียว “แต่ตอนนี้เราอยู่ในค่ายจูปิเตอร์… ผมจะให้คุณพักผ่อนอย่างที่คุณควรได้รับ ท่านพ่อผมคงไม่ว่าหรอกมั้ง ซุสน่ะ” เมื่อพูดจบเลสเตอร์ก็ก้มลงกดจูบเบา ๆ ที่หน้าผากของเธออีกครั้ง คราวนี้แผ่วจนคล้ายการสวดภาวนา จากนั้นเลื่อนสันจมูกไล้ไปตามแก้มของเธอเบา ๆ เป็นสัมผัสอ่อนโยนที่พยายามลบความรู้สึกไร้ค่าทั้งหมดออกไปจากความคิดของเธอ


“ผมจะทำให้ลานนี้… เป็นเหมือนสวนส่วนตัวของเราบนโอลิมปัส” เลสเตอร์ว่าต่อด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “ที่ที่คุณสามารถพักได้เต็มที่โดยไม่มีใครมารบกวน” เขาเอื้อมมือไปหยิบกีตาร์ที่วางพิงอยู่ข้างม้านั่งขึ้นมาอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะจัดท่านั่งให้เหมาะสม


“หลับตาลงนะครับ มิวส์ของผม…” เสียงของเขานุ่มลงอีก “ผมจะทำให้คุณหายไปจากโลกนี้ด้วยเพลงของผมเอง อย่างน้อยก็สามสิบนาที จนกว่าคุณจะรู้สึกว่าตัวเองพร้อมจะกลับมาเป็นเซนจูเรี่ยนที่พร้อมของผมอีกครั้ง” ในจังหวะนั้นลานหินเงียบลง มีเพียงลมเย็นปลายฤดูกาลพัดผ่านธงสีแดงเหนือศีรษะ กับเสียงกีต้าเงียบ ๆ ก็ดังขึ้นมาเหมือนกับปล่อยให้ใครบางคนได้หลับตาฟังเพลงเท่านั้น

[NPC-82] เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส
พูดคุยกับ NPC ความสนิทสนม +5
โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ รุ่นพี่ +20
กลิ่นหอมจาก น้ำหอมเฮคาที - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +10
(ทุกครั้งที่โรลเพลย์ลงท้ายด้วยเลขไบต์ 0 5 7 9 ทำให้ได้รับความโปรดปรานจาก NPC TGC SP Lares Satyr ได้รับความโปรดปราน+10)
สรุปรวมค่าความสัมพันธ์ หาร 2 = โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +17.5

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-82] เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส เพิ่มขึ้น 17 โพสต์ 2025-11-30 13:27
โพสต์ 43,215 ไบต์และได้รับ +18 EXP +20 เกียรติยศ จาก Icarus Mirror  โพสต์ 2025-11-29 21:56
โพสต์ 43,215 ไบต์และได้รับ +15 EXP +15 ความกล้า +15 ความศรัทธา จาก ดาบสุริยคติ  โพสต์ 2025-11-29 21:56
โพสต์ 43,215 ไบต์และได้รับ +9 EXP +9 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก พลังบงการความยาวของร่างกาย  โพสต์ 2025-11-29 21:56
โพสต์ 43,215 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 เกียรติยศ +10 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก โล่สคูทุม  โพสต์ 2025-11-29 21:56
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-12-5 00:29:04 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Clementis
Haus of Ratigan • Daughter of Justitia • Legacy of Orcus
Place
กองร้อยที่สอง
Date and Time
วันที่ 3 ธันวาคม 2025 • 06.00 น.
Purpose
ภารกิจไกด์เดินชมรอบค่าย
NPC
วินเซนโซ เบอร์กาม็อตโต
เช้าวันรุ่งขึ้นคนเป็นไกด์นำเที่ยวเดินทางมาถึงกองร้อยที่ 2 ตามที่นัดหมายไว้ เบื้องหน้าคืออาคารหินทรงโรมันอันสง่างามที่โดดเด่นด้วยเสาสูงห้าเสาเรียงแถวกันอย่างเป็นระเบียบ ธงสีแดงสดตัดลายทองสัญลักษณ์ม้าศึกสง่างามประดับอยู่ด้านบนอย่างภาคภูมิใจ
วินเซนโซยืนรออยู่ไม่นานนัก คลีเมนทิสก็เดินออกมาจากด้านในอาคาร เธออยู่ในเสื้อสีม่วงปักลายสัญลักษณ์ของค่ายจูปิเตอร์เช่นเดียวกันกับเมื่อวาน ต่างกันออกไปตรงที่เปลี่ยนมาสวมคู่กับกางเกงขากระบอกโดยเหน็บชายเสื้อเอาไว้ในนั้น ดวงตาเรียวสีน้ำตาลเทาดูสดใสตามประสาคนที่ได้พักผ่อนเต็มอิ่ม พร้อมสำหรับการทัวร์อีกวัน
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
คนถูกทักทายพยักหน้าตอบรับพลางกวาดสายตาไปที่สถาปัตยกรรมรอบข้างที่รายล้อมด้วยกระถางดอกไม้และธงที่มีหมายเลขโรมัน II กับคำขวัญว่า ความทะเยอทะยาน, การแข่งขัน, และการแสวงหาความสมบูรณ์แบบ ปักอยู่
“อรุณสวัสดิ์ ความยุติธรรมเดินได้ ที่นี่ดูเคร่งครัดสมกับเป็นกองร้อยที่สองจริง ๆ นะ ไม่แปลกใจเลยที่เมื่อวานเธอต้องขอไปอาบน้ำทันทีหลังจบการทัวร์”
คนช่างจ้อแกล้งเน้นเรียกเธอด้วยฉายาที่ตั้งขึ้นใหม่ทันที ทำให้เขาเห็นปฏิกิริยาของคลีเมนทิสที่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อถูกล้อเลียนตั้งแต่เช้า ไม่ได้มีท่าทีโกรธเคืองใด ๆ เพียงแต่เธอจ้องมองเขาด้วยแววตาที่แทบจะแปลงออกมาได้เป็นประโยค ‘จะเริ่มกวนประสาทกันแต่เช้าเลยเหรอ ?’
“ฉันแค่ไม่ค่อยถูกกับกลิ่นเหม็นอับค้่ะ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการแสวงหาความสมบูรณ์แบบของกองร้อยฉันเลยสักนิด”
เธอตอบก่อนจะเป็นฝ่ายเข้าเรื่องเอง
“แล้วเราจะเริ่มทัวร์จากส่วนไหนของค่ายต่อดีคะพี่มะกรูด หรือว่าอยากดื่มกาแฟก่อนดี”
วินเซนโซยิ้มกว้าง ฉายาที่เธอตั้งใจซึ่งเลียนจากนามสกุลเบอร์กาม็อตโตของเขาดูไม่ทำให้เจ้าตัวเดือดร้อนเลยสักนิด
“แน่นอนว่าต้องไปดื่มกาแฟก่อน... ล้อเล่น”
เขาหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางหรี่ตาของเธอในตอนที่ยังไม่เฉลยความจริง ดูเหมือนจะสนุกกับการแกล้งเด็กวัยสิบห้าปีที่เปรียบเสมือนหัวไช้เท้ามีชีวิตซึ่งกวนประสาทได้มากกว่าที่คิดในสายตาของเขา
“ฉันดื่มมาแล้วตั้งแต่ก่อนเดินมาที่นี่ด้วยซ้ำ วันนี้ฉันจะพาเธอไปดูมหาวิทยาลัยนิวโรม — ว่าแต่กองรอยที่สองนี่คงไม่ต้องให้ฉันพาทัวร์หรอกใช่มั้ย”
คลีเมนทิสพ่นลมหายใจ เขากำลังถามในสิ่งที่ทราบคำตอบอยู่แล้ว
“ไม่ต้องค่ะ”

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ 15 EXP โพสต์ 2025-12-5 08:59
โพสต์ 7173 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2025-12-5 00:29
โพสต์ 7,173 ไบต์และได้รับ +2 เกียรติยศ +2 ความกล้า จาก เสื้อค่ายจูปิเตอร์  โพสต์ 2025-12-5 00:29
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กำแพงแห่งคำสั่ง
สัมผัสแห่งความไม่สมดุล
ดาบสปาเธร์
หมวกเกราะกาเลีย
เกราะทหารโรมัน
รองเท้าเดินทัพ
Hydro X
หนังสือนิยาย
กล่องดนตรี
เกมคอนโซลพกพา
ช่อดอกไม้
ต่างหูเงิน
ชุดเครื่องเพชร
เข็มทิศ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
โรคสมาธิสั้น
โรคดิสเล็กเซีย(ละติน)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x2
x2
x1
x3
x2
x1
x5
x5
x2
x1
x1
x30
x3
x5
x2
x1
x2
x1
x2
x1
x1
x10
x5
x1
x2
x2
x5
โพสต์ 2025-12-12 13:02:38 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 11 เดือน ธันวาคม ปี 2025

ช่วงเช้า เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป ณ หน้าทางเข้ากองร้อย 2


ยามเช้าของค่ายจูปิเตอร์ในวันถัดมานั้นงดงามราวกับฉากในเทพนิยาย ท้องฟ้ายังอาบด้วยสีชมพูเรื่อของอรุณรุ่ง กลิ่นหอมของดอกไม้จากกระถางเรียงรายหน้ากองร้อยที่สองลอยอบอวล ผสมกลิ่นหินอ่อนสะอาดที่เพิ่งโดนแสงแรกของวันแตะต้อง เสียงธงสีแดงสดตัดลายทองปลิวสะบัดเบา ๆ ท่ามกลางลมเช้าให้ความรู้สึกทั้งสง่าและเงียบสงบ


และในความงดงามนั้นมีชายคนหนึ่งยืนอยู่ เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าเข้มทับด้วยแจ็กเก็ตลินินสะอาดหมดจด ปกเสื้อพับเรียบ แว่นกันแดดแบรนด์หรูวางอยู่ตรงคอเสื้ออย่างจงใจ เขายืนกอดอกอยู่หน้าประตูอาคารด้วยท่าทีที่ดูดีเกินกว่าจำเป็น ใบหน้าที่มักจะยิ้มพรายในทุกโอกาสกลับดูเคร่งเครียดผิดปกติ ใช่ เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส กำลังอยู่ในภาวะที่ไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด เรื่องเมื่อคืนยังตามหลอกหลอนเขาไม่หยุด ภาพโมนีก้าที่ร้องไห้ในความมืดตรงหน้าวิหารยังติดอยู่ในหัวอย่างฝังแน่น เขาไม่เคยเห็นเธอในสภาพนั้นมาก่อน และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะปลอบยังไงดีในฐานะที่เขาเป็น... เทพเจ้าไร้ความสมบูรณ์แบบที่สุดในสวรรค์…กับการทำให้แฟนสาวคนหนึ่งรู้สึกดียังทำไม่ได้


ไม่นานนักเสียงประตูไม้เปิดเบา ๆ ดึงความคิดของเขากลับมา โมนีก้าเดินออกมาช้า ๆ จากภายในกองร้อยที่สอง ร่างในชุดโค้ทครีมอ่อนกับกางเกงขายาวสีอ่อนเข้าชุดกัน ผมสีน้ำตาลเข้มสะท้อนแสงอาทิตย์จนเห็นประกายไฮไลท์ฟ้าอิเล็กทริก ใบหน้าเธอซีดและบวมเล็กน้อยตรงรอบตา แววตาเทาเงินที่เคยมีประกายกลับมืดหม่นราวกับกระจกที่ผ่านฝน


เลสเตอร์สบตาโมนีก้าในทันที และหัวใจของเขาก็เหมือนหยุดเต้นไปวินาทีหนึ่ง “อรุณสวัสดิ์ครับ แม่สาวไลแลคของผม” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะร่าเริงที่สุดเท่าที่ทำได้ จงใจให้เหมือนทุกครั้งที่เขาแกล้งพูดอวดหล่อเพื่อทำให้เธอขมวดคิ้ว แต่ในแววตากลับมีความกังวลที่ปิดไม่มิด


โมนีก้าไม่ตอบทันที เธอมองเขาอยู่นานจนเลสเตอร์เริ่มรู้สึกว่าทุกวินาทีในสายตานั้นหนักกว่าการถูกยิงด้วยลูกศรซะอีก ก่อนที่เธอจะเดินเข้ามาหาเขาเงียบ ๆ แล้วเอื้อมมือไปจับมือเขาไว้แน่น “ไปคุยกันตรงโน้นหน่อยได้ไหมคะ?” เสียงโมนีก้านั้นเอ่ยถามเบา ๆ เลสเตอร์ยังไม่ทันตอบ เธอก็ออกแรงดึงเขาไปทางเรือนกระจกด้านข้าง ที่นั่นไร้ผู้คนและล้อมรอบด้วยดอกไม้บานในแสงอาทิตย์แรกของวัน เสียงกรอบแกรบของพื้นกรวดใต้ฝ่าเท้าทั้งคู่ดังอยู่ครู่หนึ่งก่อนทุกอย่างจะเงียบลง


ทันทีที่เข้ามาในมุมที่ปลอดสายตา โมนีก้าก็ขยับเข้าหาเลสเตอร์โดยไม่ลังเล และโผเข้ากอดเขาแน่นจนแทบจะหายใจไม่ออก ชายหนุ่มเบิกตาเล็กน้อยแต่ไม่พูดอะไร เขารู้ได้ทันทีจากสัมผัสนั้น … แขนของเธอสั่น หัวไหล่ของเธอเย็น และแรงกอดนั้นหนักแน่นราวกับเธอกลัวจะหลุดหายไปจากโลกนี้จริง ๆ โมนีก้าฝังหน้าเข้ากับอกของเขา ไม่พูดอะไรเลยสักนิดเียว มีเพียงแต่อ้อมแขนรัดแน่นขึ้นเรื่อย ๆ จนเลสเตอร์รู้สึกถึงความเจ็บแปลบในหัวใจตัวเอง เขาไม่รีรออีกต่อไป จะต้องพูดหรือปลอบงั้นหรอ? ไม่จำเป็นต้องเล่นบทใด ๆ อีกแล้ว เขาทิ้งมาดของเทพเจ้าผู้หลงตัวเองลงทั้งหมด และโอบร่างของเธอกลับอย่างแนบแน่นที่สุดเท่าที่มนุษย์จะทำได้


กลิ่นหอมอ่อนของไลแลคและเบอร์รี่จากเรือนผมของเธอลอยแตะจมูกเขาเหมือนกลิ่นแห่งความจริง ความจริงที่ว่า เธอไม่ใช่คนที่ต้องเข้มแข็งเสมอไป และเขาไม่จำเป็นต้องเป็นพระอาทิตย์ตลอดเวลาเพื่อจะอยู่ข้างเธอได้


เลสเตอร์ก้มหน้าลงเล็กน้อย เสียงกระซิบของเขาสั่นเบา ๆ เมื่อจะพูดกับโมนีก้าในยามนี้ “ไม่เป็นไรนะ... ผมอยู่ตรงนี้” โมนีก้าไม่ตอบ แต่เขารู้ว่าเธอกำลังร้องไห้อีกครั้ง เพราะแผ่นอกเขาเริ่มเปียกอุ่นอย่างเงียบ ๆ จึงเลือกที่จะไม่พูดอะไรอีก มือรวบเธอไว้แน่นขึ้นอีกหน่อย โอบเธอเหมือนกลัวว่าถ้าเผลอคลายมือ เธอจะสลายไปกับลมเช้าของค่าย เหมือนฝุ่นละอองของแสงแรกที่หายไปก่อนใครเห็น เสียงหัวใจของเลสเตอร์ดังสม่ำเสมอข้างหูของเธอ เหมือนจังหวะของบทกวีที่เขาไม่เคยกล้าเขียนออกมา เพราะคำที่อยากพูดมากที่สุดในตอนนี้คือสิ่งที่ธรรมดาเกินไปสำหรับเทพเจ้า แต่จำเป็นที่สุดสำหรับมนุษย์คนหนึ่ง “ผมรักคุณนะ โมนีก้า”


คำบอกรักนั้นช่างหวานล้ำและเป็นน้ำหวานผ่านไหลเย็นที่ไหลหล่อเลี้ยงความรู้สึกของโมนีก้า เธอยังคงซุกอยู่ในอ้อมกอดของเลสเตอร์ น้ำตาของเธอไหลอาบลงมาจนเสื้อของเขาเปียกเป็นวงกว้างแต่ไม่มีเสียงสะอื้น ไม่มีเสียงร้องคร่ำครวญ มีเพียงเสียงหายใจสั่นเครือเบา ๆ เหมือนเธอกำลังพยายามกลืนความปวดร้าวทั้งหมดลงไปในอกให้มันหายไปเอง “โลกของเดมิก็อดมันโหดร้ายกับเด็กธรรมดาจังเลยนะ...” เธอเอ่ยเสียงพร่า แผ่วจนแทบเป็นเพียงลมหายใจ “ทุกคนผ่านกันไปได้ยังไงกัน... ทำไมฉันถึงอ่อนแอ ผ่านมันไปไม่ได้สักที...”


เลสเตอร์ไม่ได้ตอบทันทีกับคำถามนั้นของโมนีก้า เขาเพียงแค่ก้มหน้าลงมองเส้นผมสีน้ำตาลเข้มที่สั่นอยู่ตรงอกตัวเอง มือหนาของเขาลูบผ่านเรือนผมนุ่มนั้นเบา ๆ ราวกับกลัวว่าการแตะต้องจะทำให้เธอแตกสลาย “เพราะเดมิก็อดไม่ใช่คนธรรมดาไง” เขาตอบในที่สุด เสียงของเขานุ่มแต่แฝงด้วยความจริงจัง “พวกเขาเป็นครึ่งหนึ่งของสิ่งที่เกินกว่ามนุษย์ มีพลังของเทพเจ้าไหลเวียนอยู่ในตัว แต่ร่างกายก็ยังเป็นมนุษย์อยู่... มันเลยไม่เคยง่ายเลยสักอย่าง”


โมนีก้าเงยหน้าขึ้นนิดหนึ่งเมื่อส่งสายตาให้เลสเตอร์ได้รับรู้ น้ำตายังไหลแต่แววตาเธอสั่นระริก “เกิดเป็นเดมิก็อด... มันต้องเป็นขนาดนี้เลยหรอ?”

เลสเตอร์สบตาเธอจนดวงตาสีฟ้าของเขาฉายแววเศร้าที่แทบไม่เคยเห็นมาก่อน “มันไม่ควรเป็นแบบนี้หรอก แต่โลกใบนี้ไม่ได้ให้ทางเลือกกับเรา เด็กทุกคนที่นี่ต้องโตเร็วกว่าที่ควร ต้องมีแผลก่อนถึงจะรู้จักคำว่ากล้าและเมื่อกล้าเราก็จะรอดจากโลกอสุรกายที่โหดร้ายนี้”

“งั้นเด็กพวกนั้น...” โมนีก้าเสียงสั่น “พวกเขามีจิตใจที่เปราะบาง... ที่ถูกปกคลุมไว้ด้วยความจำเป็นต้องเป็นวีรบุรุษใช่ไหม?” เลสเตอร์นิ่งไปกับคำนั้น หยุดลูบผมโมนีก้าชั่วขณะก่อนพยักหน้า “ใช่... และความโหดร้ายที่สุดคือ พวกเขาถูกสอนให้เชื่อว่ามันคือเกียรติ มันคือสิ่งที่ต้องภาคภูมิใจ ทั้งที่จริงมันคือการเอาชีวิตตัวเองไปแลกกับความสงบของโลก”


โมนีก้าสูดหายใจแรง น้ำเสียงเธอสั่นพร่า “การมีภารกิจ... การมีศัตรูให้ต่อสู้... มันทำให้ทุกคนจมอยู่กับปัจจุบัน จนไม่มีใครได้เยียวยาแผลเก่าของตัวเองเลยใช่ไหมคะ?”


เลสเตอร์ยกมืออีกข้างขึ้นแตะข้างแก้มเธอเบา ๆ นิ้วโป้งของเขาเช็ดน้ำตาที่ไม่ยอมหยุดไหลของโมนีก้าเบา ๆ “เพราะถ้าเขาหยุดเพื่อมองแผล... เขาจะล้มก่อนถึงเส้นชัย” เขาพูดช้า ๆ ราวกับกำลังสารภาพ “และผมเองก็เคยเป็นแบบนั้น ผมเคยหลงคิดว่าการเดินต่อคือความกล้า ทั้งที่จริงมันคือการหนี”


“พวกเขาจะตายเอานะ...” โมนีก้าเสียงแผ่วจนแทบเป็นเสียงลมหายใจ “และฉัน...” โมนีก้ากลืนคำต่อไปไว้ในคอ แต่ร่างกายกลับสั่นเทา น้ำตาไหลพรั่งพรูเหมือนทำนบที่แตกออก เลสเตอร์ไม่พูดอะไรอีก เขาเพียงรวบเธอไว้แน่น โอบจนร่างเล็กของเธอแทบจมหายไปในวงแขน


“ชู่ว...” เสียงเลสเตอร์แผ่วคล้ายบทเพลงที่ขับกล่อมกลางราตรี “ไม่ต้องพูดแล้วนะ ผมรู้ว่าคุณเหนื่อย... ผมรู้ว่ามันหนัก แต่คุณไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไปแล้ว โมนี่” มือของเขาลูบหลังเธอขึ้นลงเป็นจังหวะ ราวกับปลอบเด็กที่ฝันร้าย โมนีก้าไม่ตอบแต่ขยับเข้ามาใกล้จนหน้าแนบกับอกของเขาอีกครั้ง ความอบอุ่นจากร่างกายเลสเตอร์แทรกซึมเข้าสู่ผิว เธอรู้สึกถึงจังหวะหัวใจของเขาเต้นสม่ำเสมออยู่ข้างหู มันกล่อมให้เธอได้พักหายใจในโลกที่ไม่เคยปรานีใครเลยสักนิด


“ถ้าฉันไม่เจอคุณ ฉันคงสติแตกไปแล้ว...” โมนีก้าพูดช้า ๆ เหมือนคำทุกคำกำลังลากหัวใจของตัวเองออกมาทีละส่วนให้เลสเตอร์ฟัง “ถ้าฉันไม่มีเพื่อน ๆ ที่กองร้อยที่สอง ฉันคงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปในค่ายนี้หรอกเลสเตอร์ แต่ขนาดตอนนี้... ฉันยังไม่อยากอยู่เลยด้วยซ้ำ” น้ำเสียงเธอสั่นพร่า “พวกเขาฝึกจิตใจกันขนาดไหนกันถึงต้องเจอแบบนั้นแทบจะตลอดเวลาหรอคะ? เพื่อน ๆ ของคุณ... คนแต่ละคนต้องผ่านอะไรกันบ้าง ทำไมฉันถึงใช้ตรรกะของคนปกติกับโลกนี้ไม่ได้เลย?”


“จะบอกว่าฉันไม่เหมาะกับมันงั้นหรอ? ฉันก็มีเลือดครึ่งหนึ่งเป็นมนุษย์เหมือนกันนะคะ เลสเตอร์... แล้วทำไมฉันถึงต้องถูกคาดหวังให้เป็นเหมือนคนที่ไม่รู้จักกลัวด้วย? ฉันอยากพัก... แค่อยากพัก แบบหายไปสักพัก” คำพูดที่พรั่งพรูของโมนีก้าทำให้เลสเตอร์ยังคงเงียบ เขารวบร่างเธอไว้ในอ้อมแขนแน่นขึ้นจนเธอได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นแรง มือของเลสเตอร์เลื่อนขึ้นมาลูบเส้นผมสีน้ำตาลเข้มไฮไลท์ฟ้าอ่อนนั้นเบา ๆ ราวกับกำลังกล่อมให้เธอกลับสู่ความสงบ “โมนีก้า... คุณมีคนที่ซัพพอร์ตคุณอยู่เสมอนะ” เสียงเขาแผ่วแต่มั่นคง “มีผม มีเพื่อน ๆ มีแม่กับพ่อของคุณที่รักคุณมาก”


โมนีก้าส่ายหัวช้า ๆ ดวงตาเธอยังคงพร่า น้ำเสียงเธอแผ่วเหมือนจะหลุดไปกับลมหายใจ “ฉันรู้ค่ะ ฉันน่ะโชคดีมาก... แม่ไม่เคยทิ้งฉันเหมือนเทพองค์อื่น ๆ เลย คอยส่งของมาให้ตลอด กอดฉันทุกครั้งที่เจอกัน ถึงจะรู้ว่าติดต่อกันมากไม่ได้ แต่แม่ก็ฝากนายมาบอกฉันเสมอว่าแม่รักลูกนะ... พ่อก็ยังทักหาฉันบ่อย ๆ แต่ทำไม... ทำไมฉันยังมองไม่เห็นอะไรเลย จิตใจฉันมันอ่อนแอเหลือเกิน จนฉันรู้สึกว่า—” คำพูดของเธอขาดห้วงกลางประโยค น้ำตาเริ่มไหลอีกครั้งโดยไม่ต้องสะอื้น และในความเงียบระหว่างนั้น เลสเตอร์เพียงยกมือขึ้นแตะข้างแก้มของเธอเบา ๆ นิ้วโป้งของเขาเกลี่ยน้ำตาออกอย่างแผ่วราวกับจะกลัวทำร้ายเธอ


“โมนีก้า...” เขาเอ่ยชื่อเธอด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “คุณรู้ไหมว่าคุณเหมือนอะไรในสายตาผม”


หญิงสาวที่โดนถามเช่นนั้นก็ส่ายหัวช้า ๆ อย่างอ่อนแรงต่อการกระทำนี้ “คุณเหมือนฤดูใบไม้ผลิ ที่รัก” เลสเตอร์ยิ้มบางให้กับแฟนสาวของตัวเอง “เป็นกลีบดอกไม้ที่งดงามที่สุดหลังฤดูหนาว เป็นสิ่งที่งดงามแต่เปราะบางที่สุดในโลก ต้องได้รับแสงอาทิตย์ ความอบอุ่น และความอ่อนโยน เพื่อจะได้ผลิบานอีกครั้ง” มือของเขาเลื่อนมาประคองใบหน้าเธอก่อนก้มลงเล็กน้อย กระซิบชิดหูราวกับบทกวีที่เขาเขียนเพื่อเธอโดยเฉพาะ


แสงแรกอาบกลีบ

ใจเย็นเฉกสายลม

ใบไม้ผลิยิ้ม


“คุณคือฤดูที่ทำให้โลกมีสีสันขึ้นอีกครั้งนะ โมนี่ บางครั้งดอกไม้ก็แค่ต้องการเวลาพักจากพายุหิมะที่พัดโหมกระหน่ำตลอดฤดูหนาว ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่ผลิบานอีกครั้งในช่วงฤดูแห่งการเริ่มต้นใหม่โมนีก้า” เพราะคำนั้นทำให้โมนีก้ารู้สึกอะไรบางอย่าง เธอาสูดหายใจช้า ๆ พิงอกของเขาไว้แน่น “ถ้าฉันคือฤดูใบไม้ผลิ...” เธอพึมพำเสียงสั่น “งั้นคุณก็คือดวงอาทิตย์ที่ส่องให้ฉันผลิบานอีกครั้งใช่ไหมคะ?”


“ผมจะยอมเป็นแสงนั้นตราบใดที่คุณยังต้องการมันเลยครับ”


รอยยิ้มของโมนีก้าปรากฎเล็ก ๆ กับคำของเลสเตอร์ แม้ความมืดและทรมารในใจยังไม่หายไปทว่ารอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปากก็ปรากฎขึ้น  “ขอฉันพักนะเลสเตอร์” เสียงนั้นเบาจนแทบกลืนไปกับลมหายใจ เลสเตอร์นิ่งไปชั่วขณะเมื่อได้ยินเสียงขอร้องนั้นมันไม่ใช่คำที่เขาได้ยินบ่อยจากเธอ และไม่ใช่คำที่เขาเคยคิดว่าจะได้ยินจากคนที่แข็งแกร่งพอจะยืนหยัดในโลกที่โหดร้ายแบบนี้ได้ เขาใช้เวลาเพียงอึดใจเดียวในการคิด ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ “ได้สิครับ…พักเถอะ” เสียงเลสเตอร์นั้นอ่อนโยนเหมือนกับแสงอาทิตย์ในยามเช้า “ผมจะอยู่ตรงนี้ อยู่ข้าง ๆ คุณเสมอ”


โมนีก้านิ่งไปในอ้อมแขนนั้นนานกว่าที่เลสเตอร์คิด เธอเงียบจนเขาคิดว่าเธอคงผล็อยหลับไปในที่สุด ร่างเธออบอุ่นแต่สั่นไหวราวกับเด็กที่เพิ่งผ่านฝันร้าย เขาโอบเธอไว้แน่นอีกนิด รู้สึกโล่งใจที่อย่างน้อยเธอได้พัก... จนกระทั่งมีเสียง 


“ฟืดดดดดดดดดดดดดด” ดังขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ตามด้วยสัมผัสอุ่นชื้นเหนียว ๆ แปะเต็มหน้าอก


เลสเตอร์ก้มมองลงมา สีหน้าชะงักเมื่อรู้สึกถึงของเหลวอุ่นเหนียวที่แผ่กระจายเต็มหน้าอกเสื้อเชิ้ตตัวใหม่ราคาแพงของแบรนด์อิตาเลียนแท้ น้ำมูกของโมนีก้า! “เดี๋ยวนะ...” เขากะพริบตาเร็ว ๆ เหมือนไม่อยากเชื่อสายตา “โมนีก้า... คุณพ่นน้ำมูกใส่เสื้อผมเหรอ…” โมนีก้าที่อยู่ในอ้อมกอดนั้นชะงักไปชั่วครู่ ราวกับสมองของเธอกำลังโหลดข้อมูลใหม่ ก่อนที่เธอจะค่อย ๆ ผละตัวออกจากอ้อมแขนของเขา แล้วทำหน้ามึน ๆ ใส่เขา “โห กอดอะไรกันนักหนายะ ร้อนชิบ…” เธอพูดเสียงเรียบแต่แฝงความหงุดหงิดแบบไม่อายเลยสักนิด พลางปัดเสื้อของตัวเองไปมาอย่างรำคาญ เลสเตอร์นิ่งค้างกับปฎิกิริยานั้นริมฝีปากอ้าค้างแต่พูดอะไรไม่ออก เขาจำได้ในทันที 


บุคลิกนี้! ใช่เลย…บุคลิกที่เขาเคยเจอตอนเรือเฟอร์รี่จากสเปนไปอิตาลีกลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เมื่อครั้งที่โมนีก้า (หรือก็คือเธออีกคนหนึ่ง) ฆ่าคนแล้วบอกว่าถ้าไม่ผิดกฎหมายก็ถือว่าไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วหลังจากนั้นก็เดินว่อนไปทั่วเรือในชุดบิกินี่กับกางเกงขาสั้น ไม่ยอมใส่เสื้อผ้าเต็มตัวสักครั้ง แล้วบ่นเขาเสียงดังเรื่องครีมกันแดด เดินซนไปว่อนทั่วเรือจนแทบจะตะครุบไล่จับไม่ทัน ใช่, เขาไม่มีวันลืม


ตอนนั้นโมนีก้าอีกคนเป็นตัวป่วนของจริง ไม่กลัวอะไรเลย พูดเร็วคิดไว และชอบทำให้เขาปวดหัวสุด ๆ ตอนนี้ก็เหมือนกัน แค่ไม่ถึงห้านาทีหลังพักจากการร้องไห้ เธอก็กลายเป็นคนละคนไปแล้ว “อะ อืม…สวัสดีครับ คุณ...อีกคนหนึ่ง” เขาพูดช้า ๆ อย่างระมัดระวัง ทั้งที่น้ำเสียงยังมีความตกใจปนอยู่ ปกติเขาจะมั่นใจในตัวเองแต่เวลาอยู่ต่อหน้าแบบนี้เขาไปไม่ค่อยเป็นเท่าไร “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”


“อย่ามาทำเสียงเรียบใส่ฉันหน่อยเลยนายหน้าตกกระ ฉันจำได้นะ รอบที่แล้วฉันโดนนายตามต้อย ๆ ขนาดไหน” เธอว่าพลางยักคิ้ว หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อโค้ทออกมาเช็ดจมูกตัวเองแบบไม่แคร์สายตาเขาเลยสักนิด เลสเตอร์ถึงกับยกมือปิดหน้าในสภาพนั้นเพราะเมื่อก้มลงมองเสื้อของตัวเองสภาพมันไม่จืดเลยสักนิด “พระบิดาช่วยด้วย...” เขาพึมพำกับตัวเอง “ผมเพิ่งรีดเสื้อตัวนี้เมื่อเช้านะ โมนี่...”


“ใครโมนี่ยะ ฉันชื่อไม่ใช่นั่นซะหน่อย” เธอตอบทันควัน น้ำเสียงมีแววท้าทายและติดจะหงุดหงิดเล็กน้อย “เรียกฉันว่า...อืม...เรียกอะไรก็แล้วแต่นั่นแหละ ฉันไม่ใช่คนที่นายเพิ่งกอดเมื่อกี้แน่นอน”


“ก็เห็นอยู่ว่าไม่ใช่...คนที่ผมกอดเมื่อกี้น่ารักกว่าเยอะเลย” เลสเตอร์ถอนหายใจยาวแต่ยังอดขำไม่ได้ เพราะหากเขาเป็นเลสเตอร์ที่ไร้ซึ่งพลังของเทพเจ้าเขาคงทำอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำกับสถานะการณ์นี้ “พูดงี้คือหาเรื่องกันปะเนี้ย” เธอปรายตาใส่เขาแล้วสะบัดผมพลางเดินไปเปิดประตูเรือนกระจก “ฉันขี้ร้อนจะตายอยู่แล้ว ขอนอนตากลมหน่อยเหอะ” เลสเตอร์ได้แต่มองตามพร้อมรอยยิ้มมุมปาก เขารู้ดีว่าบุคลิกนี้ของโมนีก้าเป็นเสมือนลิ้นชักซน ๆที่หลบซ่อนอยู่ในหัวของเธอ และในทางหนึ่ง...เขาก็รู้สึกดีที่ได้เห็นเธอกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แม้ว่ามันจะมาในรูปแบบของการทำให้เสื้อเขาเปรอะน้ำมูกก็ตาม


“ก็เอาเถอะ...” เขาพึมพำเบา ๆ แล้วเดินตามเธอออกไปช้า ๆ “ตราบใดที่คุณยังยิ้มได้ ถึงจะเป็นในร่างของตัวป่วนก็ตาม ผมก็พอใจแล้วล่ะ”


โมนีก้าหันขวับกลับมามองหน้าเลสเตอร์ แววตาวาววับเหมือนมีประกายซุกซนแอบซ่อนอยู่ใต้เส้นผมที่สะบัดเบา ๆ ก่อนจะยกคางขึ้นพูดอย่างถือดี “ฉันชื่อเอสต้า” เสียงนั้นมีน้ำหนักมั่นใจแต่ติดจะยียวนหน่อย ๆ เลสเตอร์กระตุกคิ้วทันที “เอสต้า? ตั้งชื่อห่วยมากเลยนะ” เขาเอ่ยเสียงเรียบแต่เจือรอยยิ้มมุมปากอย่างคนเริ่มหาเรื่อง “รู้ไหมว่า Aesta ในภาษาละตินมันแปลว่า ฤดูร้อนนี้ ฟังดูเหมาะกับคนที่ไม่คิดอะไรเลยแบบคุณดี” เอสต้าหรี่ตา หน้ายู่ในทันทีใส่เลสเตอร์ “ห่วยตรงไหนยะ? อย่างน้อยมันก็ดูร้อนแรงกว่าอารมณ์ของคุณนั่นแหละ คุณพ่อพระอาทิตย์” น้ำเสียงเหน็บแนมจากเอสต้าชัดเจนพอจนเลสเตอร์หัวเราะออกมาเสียงดัง เขายกมือพนมขึ้นเหมือนยอมแพ้


“โอเค ๆ ฤดูร้อน…เหมาะกับคุณก็ได้ เพราะคุณก็ร้อนจนผมแทบไหม้อยู่แล้ว ถึงผมจะเป็นพระอาทิตย์ที่งดงามและสง่าผ่าเผยก็ตาม”

“ก็อย่ามากอดสิ ร้อนจะตายอยู่แล้ว!” เอสต้าตอบกลับพลางเอานิ้วจิ้มหน้าอกเขาเบา ๆ แต่เต็มไปด้วยท่าทีท้าทาย แถมยังจิ้ม ๆ เหมือนกับตอนกดตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญสมัยก่อนด้วย

“แล้วใครเป็นคนพ่นน้ำมูกใส่เสื้อผมก่อนละ” เลสเตอร์สวนกลับทันควัน แววตาเจ้าเล่ห์ระคนขบขัน “นี่ยังดีนะที่ผมไม่คิดว่าเป็นการโจมตีด้วยอย่างอื่น” 

“นายว่าไงนะ?!” เอสต้าถลึงตาใส่ก่อนจะหัวเราะออกมาจริง ๆ เสียงหัวเราะของเธอสดใสแต่มีแววซน “โอ๊ย พ่อคุณขี้บ่นอีกแล้ว ไม่เปลี่ยนเลยนะ ฉันว่าเสื้อนายน่าจะขอบคุณฉันด้วยซ้ำ อย่างน้อยมันก็ได้สัมผัสความมีชีวิตชีวา!”

“ชีวิตชีวาแบบเหนียว ๆ นี่สินะ” เลสเตอร์พูดประชด มือข้างหนึ่งยกขึ้นขยี้ผมเธอแรง ๆ จนเส้นผมยุ่งฟู “พูดมากจริง ๆ เลยแม่สาวฤดูร้อน”

“อ๊าย! หยุดนะ! อย่ามายุ่งกับผมฉันสิ!” เอสต้าตะโกนทั้งที่หัวเราะไม่หยุด มือพยายามปัดมือเขาออกแต่ก็ไม่ทัน เขายิ่งขยี้แรงกว่าเดิม แกล้งจนผมเธอยุ่งเหมือนรังนก “เลสเตอร์! นี่มันเส้นผมของผู้หญิงนะ!”


“ก็ไม่เห็นเธอจะดูแลมันเลยนี่นา” เขายักคิ้วตอบกลับ ยิ้มแบบคนได้เปรียบสุดขีด “ผมช่วยจัดทรงใหม่ให้ฟรี ๆ เลย ถือว่าเป็นบริการจากเทพแห่งความงามและดวงอาทิตย์”

“อ๋อ จริงเหรอคะคุณชายย?” เอสต้าตอบด้วยน้ำเสียงประชดจัดจ้าน “บริการเฮงซวยอะไรเนี่ย! ฉันจะไปคิดเงินเพิ่มนะที่ทำให้ผมฉันยุ่งแบบนี้!” เลสเตอร์หัวเราะก้องกับคำนั้น

“คิดเงินเพิ่มเหรอ? คุณคิดจะเรียกเก็บค่ากอดจากเทพด้วยเหรอแม่สาวฤดูร้อน?”

“ทำไม จะเบี้ยวหรือไงยะ” เอสต้าทำตากรุ่มกริ่ม พูดพร้อมยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขาแบบท้าทาย “หรือว่ากลัวเสียศักดิ์ศรีหนุ่มหล่อ? อันนี้คือหล่อแล้วชะ?”

“นี้คุณกำลังท้าท้ายผมอยู่นะเนี้ย ผมไม่เคยกลัวเรื่องนั้นอยู่แล้ว” เลสเตอร์ตอบพลางยกคิ้วสูง ดวงตาสีฟ้าคมกริบส่องประกายหยิ่งอย่างคนรู้ว่าตัวเองหล่อจนโลกหมุน “แต่ระวังไว้เถอะ คุณอาจจะตกหลุมรักผมอีกรอบ”
“โอ้ คุณนี่มันหลงตัวเองเกินมนุษย์ไปแล้วนะ เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส”
“คุณพูดเหมือนผมเป็นมนุษย์จริง ๆ งั้นแหละ มนุษย์ที่ไหนจะเสน่ห์ร้อนแรงเกินห้ามใจขนาดนี้” เขาตอบเสียงเรียบแต่น้ำเสียงมีรอยยิ้ม “แต่ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยผมก็มีฤดูร้อนของตัวเองแล้ว”
“พูดหวานแบบนี้กับทุกคนหรือแค่กับคนที่ทำเสื้อคุณเปื้อนน้ำมูกเท่านั้น?”

“เฉพาะคนที่ทำให้หัวใจผมเปื้อนด้วยครับ” เขาตอบอย่างไม่ลังเล

“โอ๊ย พอเลย!” เอสต้าปัดมือเขาแล้วหัวเราะออกมาขำ ๆ กับท่าทาง “พูดแบบนี้นี่แหละ ฉันถึงเข้าใจว่าทำไมคนอื่นถึงมองว่านายเป็นเทพที่ลูกดกที่สุดในจักรวาล”

“แต่คุณก็ยังอยู่ตรงนี้ ข้าง ๆ ผม”


[NPC-82] เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส
พูดคุยกับ NPC ความสนิทสนม +5
โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ รุ่นพี่ +20
กลิ่นหอมจาก น้ำหอมเฮคาที - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +10
(ทุกครั้งที่โรลเพลย์ลงท้ายด้วยเลขไบต์ 0 5 7 9 ทำให้ได้รับความโปรดปรานจาก NPC TGC SP Lares Satyr ได้รับความโปรดปราน+10)

สรุปรวมค่าความสัมพันธ์ หาร 2 = โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +17.5

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-82] เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส เพิ่มขึ้น 17 โพสต์ 2025-12-12 14:07
โพสต์ 87535 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-12-12 13:02
โพสต์ 87,535 ไบต์และได้รับ +1 Point จาก ดาบสุริยคติ  โพสต์ 2025-12-12 13:02
โพสต์ 87,535 ไบต์และได้รับ +1 Point +35 เกียรติยศ จาก Icarus Mirror  โพสต์ 2025-12-12 13:02
โพสต์ 87,535 ไบต์และได้รับ +12 EXP +12 ความกล้า +12 ความศรัทธา จาก แหวนเคลื่อนย้าย  โพสต์ 2025-12-12 13:02
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-12-12 23:58:14 | ดูโพสต์ทั้งหมด
17:15 น. ทางเข้ากองร้อยที่ 2 (12/12/2025)
จากสีม่วงอันสูงศักดิ์ของกองร้อยที่หนึ่ง พวกเขาเดินถัดมาไม่ไกลก็พบกับอาณาเขตที่ถูกย้อมไปด้วยสีแดงสดและสีทอง อาคารตรงหน้านั้นดูโอ่อ่าและแข็งแกร่งไม่แพ้กัน เสาหินห้าต้นตั้งตระหง่านรับน้ำหนักอาคารอย่างมั่นคง ธงทิวรูปม้าศึกสีทองโบกสะบัดอย่างองอาจ กลิ่นอายของที่นี่แตกต่างออกไปเล็กน้อย... มันไม่ใช่ความนิ่งสงบของผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุด แต่เป็นความร้อนแรงของผู้ที่กำลังตะเกียกตะกายขึ้นไป
ไคหยุดอ่านป้ายคำขวัญภาษาละตินที่สลักไว้เหนือซุ้มประตู ‘Ambitio, Certamen, Perfectio’
“ความทะเยอทะยาน การแข่งขัน และความสมบูรณ์แบบ...” ไคทวนคำเหล่านั้นเบา ๆ ก่อนจะหันไปมองคนข้างกาย “ฟังดู... ดุดันกว่ากองร้อยของเรานะครับ”
โนอาห์ยืนกอดอกมองอาคารหลังนั้นด้วยสายตาที่ซับซ้อน มันคือความผูกพันและชัยชนะที่เขาเคยสร้างไว้ “กองร้อยที่สองคือเงาที่ไล่ตามหลังกองร้อยที่หนึ่งอย่างไม่ลดละ พวกเขาคือที่รวมของคนที่มีฝีมือแต่ขาดโอกาส หรือคนที่กระหายจะพิสูจน์ตัวเองว่าดีพอที่จะขึ้นไปอยู่ข้างบน”
“เหมือนที่คุณเคยทำสินะครับ” ไคเอ่ยดักคออย่างรู้ทัน
“ใช่” โนอาห์ยอมรับหน้าตาเฉย มุมปากยกยิ้มภูมิใจ “ตอนที่ฉันถูกส่งมาที่นี่ ฉันเปลี่ยนความโกรธให้เป็นระเบียบวินัย เปลี่ยนพวกที่เดินสะเปะสะปะให้กลายเป็นกองทหารม้าที่เร็วที่สุดในค่าย... ม้าสีทองนั่นไม่ได้ได้มาเพราะโชคช่วย แต่ได้มาเพราะพวกเราขี่ม้าจนก้นระบมและฝึกปาทวนจนไหล่แทบหลุด”
ไคพยักหน้าช้า ๆ สายตามองเข้าไปในลานหินกว้าง เห็นสมาชิกกองร้อยบางคนที่กำลังเช็ดถูอาวุธอย่างขะมักเขม้น ไม่มีใครนั่งอู้งาน
“มิน่าล่ะ... บรรยากาศถึงดูเคร่งเครียดกว่านิดหน่อย” ไคตั้งข้อสังเกต “เหมือนคนที่กำลังกลั้นหายใจรอจังหวะจะแซง”
“ถูกต้อง” โนอาห์หันกลับมาสบตาไค “อย่าประมาทพวกเขาเด็ดขาด ไค โดยเฉพาะในสนามรบ ถ้ากองร้อยที่หนึ่งเผลอสะดุดขาตัวเองเมื่อไหร่ กองร้อยที่สองพร้อมจะควบม้าข้ามหัวเราไปคว้าชัยชนะทันที... และเชื่อเถอะ ฉันรู้ดีกว่าใครว่าพวกเขากัดไม่ปล่อย”
“น่าสนใจครับ” ไคกระตุกยิ้ม แววตาเป็นประกายท้าทาย “การเป็นที่หนึ่งโดยไร้คู่แข่งคงน่าเบื่อแย่ การมีหมาป่า ไม่สิ หรือในกรณีนี้คือ ม้าศึกมาคอยไล่กวด คงทำให้บัลลังก์ของพวกเราสนุกขึ้นเยอะ”
“ปากดี” โนอาห์ส่ายหน้าขำ ๆ ก่อนจะออกเดินต่อ “ไปกันเถอะ ไปดูกองร้อยที่เหลือ จะได้รู้ว่าทำไมเราถึงโชคดีที่ไม่ได้ไปอยู่ตรงนั้น”
รับภารกิจไกด์เดินชมรอบค่าย
  • ทัวร์กองร้อยที่สอง EXP +15

ปฏิสัมพันธ์กับ NPC
  • ได้รับค่าความสนิทสนมกับ โนอาห์ คลาร์ก +5

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ 15 EXP โพสต์ 2025-12-13 00:01
Kai
โพสต์ 8767 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2025-12-12 23:58
Kai
โพสต์ 8,767 ไบต์และได้รับ +2 เกียรติยศ +2 ความกล้า จาก เสื้อค่ายจูปิเตอร์  โพสต์ 2025-12-12 23:58
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
โรคดิสเล็กเซีย(ละติน)
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x4
โพสต์ 2025-12-15 04:33:17 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 13 เดือน ธันวาคม ปี 2025

เวลาเย็น เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป ณ หน้ากองร้อยที่ 2


ยามเย็นย่ำฟ้ากรุงนิวโรมเปลี่ยนจากสีทองอ่อนเป็นส้มอมแดง อาคารหินของกองร้อยที่ 2 ตั้งเด่นท่ามกลางลานกว้าง ล้อมด้วยธงสีแดงสดสะบัดปลิวอยู่เหนือกระถางดอกไม้หอมกรุ่น เอสต้ายืนอยู่ตรงทางเดินหินหน้าอาคารในชุดเดรสผ้าไหมสีแดงเข้มที่ขับกับผิวซีดจนราวกับเปลวเพลิงที่เดินได้ เธอสางผมที่ตอนนี้ถูกเปลี่ยนสีให้กลายเป็นแดงสด พลางมองเงาสะท้อนตัวเองในกระจกหน้าต่างบานสูงด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ 


“ถ้าโมนีก้าไม่ตื่น งั้นฉันก็จะไปแทนเอง จะเป็นมิวส์หรือปีศาจคืนนี้ก็แล้วแต่ว่าคืนนี้จะสนุกแค่ไหน”


เสียงเครื่องยนต์ดังก้องขึ้นจากปลายถนน รถมาเซราติสีเชอร์รี่คันหรูแล่นเข้ามาจอดอย่างสง่างามราวกับตั้งใจจะอวดใครสักคน เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส เทพอพอลโลในคราบมนุษย์หนุ่ม เดินลงจากรถในชุดสูทสีดำสนิทพอดีตัว กระดุมเสื้อเชิ้ตเปิดเผยช่วงลำคอเล็กน้อยอย่างตั้งใจให้ดูเท่ เขายักคิ้วส่งให้พร้อมรอยยิ้มกวนประสาเทพที่รู้ตัวดีว่าตัวเองหล่อ “ถ้าเป็นโมนีก้าตัวจริงก็คงสวยกว่านี้นะ แต่ตอนนี้ก็ถือว่าสวยใช้ได้เลยล่ะ”


เอสต้าหัวเราะในลำคอ ยกคิ้วขึ้นอย่างขี้เล่น “คุณนี่มันพูดเหมือนคนมีประสบการณ์เยอะเลยนะคะ เจ้าคนเจ้าชู้ แต่ระวังหน่อย ไฟมันไหม้มือได้เหมือนกันละมั้ง ในร่างมนุษย์เนี้ย”


เลสเตอร์หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะยื่นช่อดอกไม้ในมือให้ เป็นช่อกุหลาบสีแดงสดสลับด้วยไลแลคอ่อน “ผมควรจะบอกว่า ดอกไม้นี่เหมาะกับคุณ แต่พูดแบบนั้นก็ดูจำเจ เพราะเอาเข้าจริง ผมว่าดอกไม้พวกนี้น่ะ... อิจฉาคุณด้วยซ้ำที่คุณใส่ชุดแดงแล้วเด่นกว่า”


“ปากหวานแบบนี้ อย่าลืมบอกแฟนคุณด้วยนะคะ เดี๋ยวหึงตาย” เอสต้ารับดอกไม้มาถือไว้ในมือข้างหนึ่ง ทำเสียงเน้นคำว่าแฟนชัดเจนราวกับจงใจ

เลสเตอร์เลิกคิ้ว “พูดเหมือนคนอื่นไม่ใช่เธออย่างนั้นแหละ โมนีก้า”

เอสต้าหัวเราะเบา ๆ “แหม ก็ในเมื่อฉันยืนอยู่ตรงนี้ มันก็เหมือนฉันเป็นแฟนคุณจริง ไม่ใช่เหรอคะ?” น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความยั่วเย้าแบบที่โมนีก้าตัวจริงไม่ค่อยใช้ บ่งบอกได้ว่านั้นไม่ใช่โมนีก้าเลยสักนิด จนเลสเตอร์หัวเราะลั่น “ให้ตายสิ วันนี้คุณพูดจาได้แสบกว่าปกติอีกนะ แม่สาวไลแลคของผม”


“วันนี้ไม่ใช่ไลแลคค่ะ เป็นสีแดงและมันก็แดงเถือก เหมือนไฟเลย” เอสต้าตอบพร้อมเดินอ้อมมานั่งข้างเขาในรถ เธอไขว้ขาอย่างสบายอารมณ์ สายตาเฉียงมองเขาจากด้านข้าง “แล้วไงคะ จะขับรถหรือจะนั่งมองฉันทั้งคืน?”


“ทั้งสองอย่างก็ได้” เขาตอบกลับทันควันก่อนจะสตาร์ทรถ เสียงเครื่องยนต์คำรามต่ำ ก่อนที่รถมาเซราติจะเคลื่อนตัวแล่นออกจากหน้ากองร้อยสองผ่านเสาธงสีแดงที่สะท้อนแสงไฟยามเย็น “รู้ไหม บรูมาเลียสำหรับผมน่ะ คือเทศกาลที่ไว้ฉลองสิ่งที่ยังคงอบอุ่นอยู่ในฤดูหนาว ถ้าไม่มีคุณ... ผมว่ามันคงหนาวมาก”


เอสต้าหัวเราะในลำคออีกครั้ง เอนตัวพิงเบาะ เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นเบา “โอ้ย หยุดเถอะ คำพูดแบบนั้นมันทำให้ฉันอยากเปิดประตูลงจากรถมากเลยนะคะ คุณพูดเหมือนกำลังจีบใครอยู่อย่างงั้นแหละ”


“ผมก็จีบอยู่นี่ไง” เลสเตอร์ตอบพลางเหลือบมองเธอด้วยรอยยิ้มร้าย ๆ


เอสต้าหันมามองเลสเตอร์ตรง ๆ ในแสงไฟจากถนนที่สะท้อนผ่านกระจกหน้า “งั้นเหรอคะ คุณรู้ไหม ถ้าคุณพูดแบบนี้กับโมนีก้า... เธอคงละลาย แต่พูดกับฉัน…คุณต้องระวังจะโดนจูบกลับนะคะ เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส” เสียงหัวเราะของเขากับเสียงล้อรถบดบนถนนหินดังสลับกันเป็นจังหวะก่อนที่รถจะมุ่งหน้าไปยังอาคารจัดเลี้ยงของมหาวิทยาลัยนิวโรมซึ่งส่องแสงระยิบระยับอยู่ลิบ ๆ ในค่ำคืนของเทศกาลบรูมาเลียที่เพิ่งเริ่มต้น





[NPC-82] เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส
พูดคุยกับ NPC ความสนิทสนม +5
โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ รุ่นพี่ +20
กลิ่นหอมจาก น้ำหอมเฮคาที - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +10
(ทุกครั้งที่โรลเพลย์ลงท้ายด้วยเลขไบต์ 0 5 7 9 ทำให้ได้รับความโปรดปรานจาก NPC TGC SP Lares Satyr ได้รับความโปรดปราน+10)
สรุปรวมค่าความสัมพันธ์ หาร 2 = โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +17.5

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-82] เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส เพิ่มขึ้น 17 โพสต์ 2025-12-15 12:44
โพสต์ 21495 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-12-15 04:33
โพสต์ 21,495 ไบต์และได้รับ +5 EXP +6 ความกล้า +6 ความศรัทธา จาก ดาบสุริยคติ  โพสต์ 2025-12-15 04:33
โพสต์ 21,495 ไบต์และได้รับ +9 EXP +8 เกียรติยศ จาก Icarus Mirror  โพสต์ 2025-12-15 04:33
โพสต์ 21,495 ไบต์และได้รับ +2 EXP +2 ความกล้า +2 ความศรัทธา จาก แหวนเคลื่อนย้าย  โพสต์ 2025-12-15 04:33
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-12-15 20:20:41 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 14 เดือน ธันวาคม ปี 2025

เวลาบ่าย เวลา 14.30 น. เป็นต้นไป ณ กองร้อยที่ 2 (เดินทางไปสอบ)


บ่ายคล้อยของวันนั้น แสงอาทิตย์ยามบ่ายสองสาดทาบบนอาคารหินสีเทาของกองร้อยที่ 2 จนเกิดประกายทองอ่อนสะท้อนจากขอบเสาหินเรียงราย ธงสีแดงเข้มของจูปิเตอร์ที่ประดับอยู่ด้านหน้าไหวพลิ้วในสายลมอบอุ่น ส่งเสียงกรอบแกรบเบา ๆ เหมือนจังหวะกลองเรียกนักรบให้กลับที่ประจำการ เอสต้าเดินข้ามลานกว้างด้วยท่าทีสบาย ๆ มือหนึ่งถือกล่องไม้ที่เพิ่งได้มาจากร้านมาร์คัส อีกมือแกว่งไปมาอย่างไร้จุดหมาย ดวงตาสีเทาเงินของเธอมองอาคารตรงหน้าด้วยความรู้สึกคุ้นเคยประหลาด ทั้งที่จริงแล้วเธอไม่ใช่เจ้าของร่างนี้แท้ ๆ


เมื่อก้าวเข้ามาถึงห้องพักส่วนตัวในเขตกองร้อย เธอวางกล่องลงบนโต๊ะหินแล้วเปิดออก กลิ่นหนังใหม่ปนกลิ่นเหล็กอ่อน ๆ ลอยขึ้นทันที ข้างในคือชุดบอดี้สูทที่โมนีก้าสั่งตัดไว้ เนื้อผ้ายืดหยุ่นสีดำแวววาวที่ออกแบบมาเพื่อรับพลังของเซเรสโดยเฉพาะ เอสต้าจับเนื้อผ้าขึ้นมาทาบกับแสงก่อนจะยิ้มกริ่ม “โอ้... ดูไม่เลวเลยนี่นา” เธอสวมมันอย่างรวดเร็ว เมื่อรูดซิปขึ้นจนสุด เอสต้าก็หมุนตัวหน้ากระจกสองสามรอบ ผ้ายืดแนบไปกับรูปร่างอย่างพอดีราวกับร่างกายนี้เกิดมาเพื่อใส่มันโดยเฉพาะ “ไม่อึดอัดอย่างที่คิดแฮะ... แถมยังเบาอีก” เธอบิดตัว ทดสอบการเคลื่อนไหว แล้วหัวเราะเบา ๆ “บางแต่ไม่ขาด แถมเย็นด้วย นี่มันโคตรน่ากลัวเลยนะโมนีก้า เธอสั่งอะไรไว้กันแน่เนี่ย”


ขณะก้าวออกจากห้องจนถึงหน้าประตูทางออก เสียงรองเท้ากระทบหินดังขึ้นก้องในทางเดิน เธอยกมือขึ้นปัดปอยผมแดงเชอร์รี่ที่ตกลงมาบังหน้า ลมจากนอกอาคารพัดผ่านปลายผมให้พลิ้วสะท้อนแสงแดดบ่ายจาง ๆ และในวินาทีนั้นเอง ความทรงจำหนึ่งก็แล่นกลับมาในหัวของเธอเหมือนฉายภาพซ้ำ


ตอนเจ็ดโมงเช้า หน้าค่ายกองร้อยที่ 2 มีกลุ่มเดมิก็อดบางส่วนกำลังรวมตัวฝึกตามตารางเช้า ขณะที่เอสต้าในคราบโมนีก้ายืนหาวหวอดอยู่ตรงบันไดหิน เสียงของใครบางคนดังขึ้นด้านหลังเธอตอนนั้น ‘คุณบลอสซัม! วันนี้ผมมีเรื่องจะบอก’


ตอนนั้นเธอจำได้ว่าเธอหันกลับไปมอง เห็นชายหนุ่มร่างสูงในเสื้อกั๊กหนังและกางเกงแข่งรถตัวเรืองแสงสีเหลือง ๆ เขาก็คือลาร์เรส แจ็คสัน ฟอสเตอร์ ครูผู้สอนวิชาขับยานยนต์ในภารกิจยืนเท้าเอวอยู่ เขาดูเหมือนคนเพิ่งหลุดจากสนามแข่งมากกว่าครูสอนหนังสือ ‘หลังจากกิจวัตรประจำวันเสร็จ เจอกันที่อุโมงค์คัลลีคอตต์นะ จะเริ่มการทดสอบสนามครั้งแรก อย่าสายนะ เซนจูเรี่ยน’ ตอนนั้นเอสต้าก็แค่พยักหน้ารับส่ง ๆ ด้วยท่าทางเบื่อหน่าย ก่อนจะหันกลับไปทำท่าจะหลับคาเสาของค่าย พอถึงตอนนี้พอคิดย้อนกลับมา เธอหัวเราะเบา ๆ ออกมาเอง “โอ้ ฉันลืมสนิทเลย...”


เธอเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ เข็มชี้เกือบบ่ายสามโมงเย็น “อ๊ะ เห้ย...” เอสต้าดึงผ้าคลุมสั้นขึ้นมาสวมพาดไหล่อย่างลวก ๆ แล้วรีบสาวเท้าออกจากเขตกองร้อยทันที ท้องฟ้ายามบ่ายทอดเงาทับเสาหินจนดูเหมือนระเบียบทัพที่ยืนรอคำสั่ง แสงแดดกระทบธงสีแดงสดจนกลายเป็นสีเลือดอ่อนที่สะท้อนเข้าดวงตาเธอ เสียงฝีเท้าของเอสต้าดังก้องบนลานหินก่อนจะค่อย ๆ เบาลงเมื่อเข้าใกล้ทางลาดไปยังอุโมงค์คัลลีคอตต์



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 13532 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-12-15 20:20
โพสต์ 13,532 ไบต์และได้รับ +2 EXP +2 ความกล้า +2 ความศรัทธา จาก ดาบสุริยคติ  โพสต์ 2025-12-15 20:20
โพสต์ 13,532 ไบต์และได้รับ +2 EXP +4 เกียรติยศ จาก Icarus Mirror  โพสต์ 2025-12-15 20:20
โพสต์ 13,532 ไบต์และได้รับ +2 EXP +2 ความศรัทธา จาก จำแลงร่าง  โพสต์ 2025-12-15 20:20
โพสต์ 13,532 ไบต์และได้รับ +2 EXP +2 เกียรติยศ +2 ความศรัทธา จาก น้ำหอมเฮคาที  โพสต์ 2025-12-15 20:20
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้