Apollo's Shrine ⋘ เทวสถานอะพอลโล่ ⋙

[คัดลอกลิงก์]

หากท่านเป็นกึ่งเทพผู้หลงทาง สามารถสมัครสมาชิกเข้าร่วมกับเราได้ที่นี่ https://t.me/+etLqVX17bGg5ZjBl

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา ลงทะเบียน

×





Apollo's Shrine


⋘ เทวสถานอะพอลโล่ ⋙









เทวสถานอะพอลโล่

ตั้งตระหง่านบนยอดเนินเทมเพิล ไม่ห่างจากวิหารไดอาน่าซึ่งเป็นเทพีคู่แฝด ตัวอาคารสร้างขึ้นจากหินอ่อนสีขาวบริสุทธิ์และทองคำที่เปล่งประกายระยิบระยับ ประตูทางเข้าแกะสลักเป็นรูปดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้น พร้อมกับคำพยากรณ์ที่สลักไว้บนผนัง ที่นี่ไม่ใช่เพียงแค่สถานที่ศักการะบูชา แต่เป็นศูนย์รวมพลังแห่งปัญญาและการรักษาที่ซึ่งเหล่าบุตรธิดาแห่งอะพอลโลจะใช้ในการทำสมาธิและฝึกฝนพลังของตนเอง
ภายในเทวสถานอบอวลไปด้วยแสงสว่างและกลิ่นหอมของดอกทานตะวัน ที่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความหวังและแสงอาทิตย์ นอกจากนี้ยังมีเครื่องดนตรีโบราณและตำราการแพทย์วางเรียงรายอยู่ทั่วบริเวณ ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์และความสงบอย่างลึกซึ้ง
เทวสถานอะพอลโลจึงเป็นสัญลักษณ์ของ ความหวัง, ปัญญา, และศิลปะ เป็นสถานที่ที่คอยย้ำเตือนว่าแสงสว่างและความจริงจะนำทางเราไปสู่เส้นทางที่ถูกต้องเสมอ




แสดงความคิดเห็น

God
โพสต์ 7862 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-8 10:41
โพสต์ 2025-10-18 06:09:33 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Moneka เมื่อ 2025-11-8 19:50

วันที่ 17 เดือน ตุลาคม ปี 2025

ช่วงสาย เวลา 09.00 - 10.00 น. ณ ณ เทวสถานอะพอลโล่ เนินเทมเพิล ค่ายจูปิเตอร์


ภายในวิหารของเทพอะพอลโล่ เสียงดนตรีแผ่วเบาจากสายพิณที่ลมพัดให้สั่นสะเทือนดังก้องสะท้อนในห้องโถงอันโอ่อ่าซึ่งสว่างไปด้วยแสงทองอบอุ่นจากหน้าต่างกระจกสีสลับลวดลายเทพพยากรณ์และดอกทานตะวัน โมนีก้าเดินเข้าสู่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ด้วยหัวใจที่สงบนิ่ง เธออุ้มกระเป๋าผ้าที่มีไข่ฟีนิกซ์แนบอกไว้แน่น รู้สึกถึงแรงอุ่นไหวภายในมันเหมือนจังหวะเต้นของหัวใจอีกดวงหนึ่ง ข้างในวิหารนี้เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้และกลิ่นไม้จันทน์ผสมกันอย่างละเอียดอ่อน เครื่องพิณทองคำถูกจัดวางเรียงข้างแท่นบูชาใหญ่ที่มีรูปสลักเทพอะพอลโล่ยืนถือพิณและคันศร ร่างสูงสง่าถูกส่องด้วยแสงที่ลอดผ่านกระจกด้านบนราวกับดวงอาทิตย์ส่องตรงมายังผู้เป็นเจ้าของสถานที่โดยเฉพาะ


โมนีก้าเงยหน้าขึ้นมอง แล้วคลี่ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวเข้าไป แต่ก่อนที่เธอจะเริ่มพิธี เธอกลับเห็นชายหนุ่มคุ้นหน้าในเสื้อสีดำเรียบ ๆ นั่งอยู่ใกล้มุมหนึ่งของวิหาร แสงอ่อนจากหน้าต่างสาดลงบนเส้นผมดำสนิทของเขา เผยให้เห็นสีหน้าเงียบสงบและสายตาที่กำลังจดจ่ออยู่กับโทรศัพท์ในมือ หยาน? 


เธอก้าวเข้าไปอย่างระมัดระวังและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอบอุ่น "พี่หยาน… ไม่คิดว่าจะเจอที่นี่เลยค่ะ" ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นพลางคลี่ยิ้มบาง ๆ เขามีแววตาอ่อนโยนแต่ก็แฝงความนิ่งสงบแบบคนที่ผ่านการพิจารณาโลกมาอย่างลึกซึ้ง "ไม่ได้พบกันตั้งนานเลยนะ" เขาตอบเบา ๆ พร้อมวางโทรศัพท์ลงข้างตัว


โมนีก้านั่งลงข้าง ๆ แล้วหัวเราะเบา ๆ "ขอโทษจริง ๆ นะคะ ที่ไม่ได้ไปเรียนภาษาจีนกับพี่เลย พอดีมีภารกิจของค่ายจูปิเตอร์ด่วนมาก… กลับมาก็แทบไม่ได้พัก"


หยานส่ายหน้าน้อย ๆ พร้อมรอยยิ้มที่มีแววเอ็นดู "ไม่ต้องขอโทษหรอก ฉันรู้แล้ว เห็นข่าวจากพวกคนของค่ายจูปิเตอร์ว่าเธอกลับมาพร้อมบาดแผลไม่น้อยเลยนะ ร่างกายดีขึ้นแล้วใช่ไหม" น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใยที่ไม่ต้องแต่งเติม เธอพยักหน้าเล็กน้อย "ค่ะ ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วค่ะ ถึงยังไม่หายดีเต็มร้อยแต่ก็ดีกว่าช่วงนั้นมาก อีกไม่นานถ้าไม่มีภารกิจคงได้ไปเรียนกับพี่หยานสักที"


เขาหัวเราะในลำคอเบา ๆ "ไม่ต้องรีบก็ได้ ภาษามันไม่หนีไปไหนหรอก สิ่งสำคัญคือสุขภาพเธอนั่นแหละ" เสียงของเขานุ่มและอบอุ่นราวกับแสงแดดที่ลอดผ่านกระจกใสตกลงบนพื้นหินอ่อน


โมนีก้าส่งยิ้มตอบ แต่พลันสังเกตว่าเมื่อครู่เขามองหน้าจอโทรศัพท์อย่างจริงจังจนน่าสงสัย "เมื่อกี้พี่หยานดูอะไรอยู่น่ะคะ?" เธอถามอย่างสุภาพแต่แฝงความอยากรู้ 


หยานเหลือบมองเธอครู่หนึ่งก่อนจะยื่นโทรศัพท์ให้บรรยากาศเงียบสงบถูกทำลายลงด้วยเสียงข่าวจากคลิปที่พี่หยานเปิดให้ดูบนโทรศัพท์ หน้าจอแสดงภาพ “เหตุการณ์พิเศษ ร่างฉายมนุษย์อะพอลโล่บนท้องฟ้าที่คนในตำนานมองเห็นจากทุกมุมโลกน่ะ” พร้อมเสียงบรรยายที่ยังไม่ทันจบ ภาพตรงหน้าก็เปลี่ยนเป็นชายคนหนึ่งในชุดเรียบแต่สง่างาม แสงอาทิตย์ระยิบระยับล้อมรอบร่างของเขาราวกับเป็นจุดศูนย์กลางจักรวาล


“เอาล่ะ เอาล่ะ!” เสียงในคลิปดังขึ้นด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “ฉันเข้าใจดีว่าทุกคนตื่นเต้นที่จะได้พบฉัน ใครบ้างจะไม่ตื่นเต้นล่ะ จริงไหม? ฉันคือ อะพอลโล เทพแห่งแสงสว่างและดวงอาทิตย์ ผู้สร้างบทเพลงที่ทำให้แม้แต่ซุสยังต้องโยกหัวตาม!” เสียงหัวเราะของเขาตามมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่กล้องจะจับภาพเขาเท้าสะเอว ยิ้มอย่างผู้รู้คุณในเสน่ห์ของตัวเอง


“ฉันคือเทพแห่งคำพยากรณ์ ผู้รู้ทุกอย่าง... ถึงแม้ตอนนี้จะขี้เกียจทำนายไปหน่อย และแน่นอนว่าฉันก็คือเทพแห่งการยิงธนูที่ไม่เคยพลาดเป้า... ยกเว้นตอนที่ธาเลียขับรถม้าของฉันนั่นแหละ” เสียงเขาแผ่วลงพร้อมการยักไหล่ที่เจือรอยยิ้มจงใจให้ดูเท่ราวกับคนที่รู้ดีว่าตัวเองหล่อจนโลกต้องหยุดมอง


โมนีก้ามองภาพนั้นแล้วค้างไปนิดหนึ่ง แววตาเธอเหมือนคนที่ไม่แน่ใจว่าควรจะกราบไหว้หรือปิดหน้าแล้วหัวเราะกันแน่ ขณะที่ในคลิป อะพอลโลยังพูดต่อด้วยความภาคภูมิใจ “ตอนนี้ฉันมีฉายาใหม่ที่เพิ่งได้รับจากการกู้โลกน่ะนะ... พวกคุณสามารถเรียกฉันว่า ‘เทพแห่งความมืดมิดชั่วคราว’ หรือผู้สังเคราะห์สุริยคราสก็ได้! ฉันคือคนเดียวที่จะสามารถนำความมืดมาบดบังแสงของตัวเองเพื่อช่วยรักษาสมดุลของโลกไว้ได้ยังไงล่ะ!”


แล้วเขาก็เริ่มอ่านกลอนของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ “ราตรีทดแทน แสงดับลงชั่วขณะหนึ่ง ฉันยังเทพเสมอ” 


(หน้า มนก ตอนนี้)

…….อึ้ง


โมนีก้าค้างไปอีกครั้ง ก่อนจะค่อย ๆ หันไปมองพี่หยานด้วยสายตาอึ้งปนตะลึงสุดขีดเหมือนคำว่าพูดไม่ออก ถูกประทับไว้กลางหน้าผาก เธอหลุดหัวเราะเบา ๆ แต่พยายามกลั้นไว้ให้สุภาพที่สุดในวิหาร “พี่หยาน... คนนี้... พ่อพี่จริง ๆ เหรอคะ?” หยานถอนหายใจยาวอย่างคนทำใจได้มานาน เขากดปิดคลิปแล้วพยักหน้าช้า ๆ “อืม... ใช่แล้ว” น้ำเสียงเขาราบเรียบแต่แฝงความจำยอมแบบคนที่ผ่านเรื่องนี้มาไม่รู้กี่รอบ “เขาเป็นแบบนี้เสมอ... เหมือนทุกครั้งที่...ทุกครั้งที่หมายถึงทุกครั้งจริง ๆ”


โมนีก้ากลั้นหัวเราะไม่อยู่แล้วในที่สุด หลุดหัวเราะเบา ๆ ออกมาอย่างอดไม่ได้ “พี่หยานคงเหนื่อยสินะคะ... พ่อหลงตัวเองขนาดนี้ ฉันแทบจะกราบวิหารนี้อีกครั้งเพื่อขอให้เทพอะพอลโล่ลดระดับความมั่นใจลงหน่อยเลยค่ะ”


หยานมองเธอด้วยรอยยิ้มมุมปาก “ไม่ต้องหรอก เธอขอไปก็เท่านั้น เขาคงเพิ่มมันขึ้นอีกเป็นสองเท่า” ทั้งคู่หัวเราะพร้อมกันเบา ๆ เสียงนั้นสะท้อนในวิหารราวกับดนตรีที่เบาสบาย แต่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา แสงอาทิตย์ลอดผ่านกระจกสีทองตกกระทบหน้าโมนีก้าทำให้เธอดูเหมือนมีออร่าของตนเอง พี่หยานหันไปมองรูปสลักเทพอะพอลโล่แล้วส่ายหัวเบา ๆ “อย่างน้อย... เขาก็ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคน ถึงจะพูดมากไปหน่อยก็เถอะ”


โมนีก้าอดยิ้มไม่ได้ “แต่ก็จริงค่ะ ถ้าไม่มีเขา เราคงไม่มีทั้งเพลงและแสงในตอนนี้” เธอพูดอย่างจริงใจ ก่อนจะมองกลับไปยังรูปสลักอีกครั้ง ในใจลึก ๆ เธอกลับรู้สึกถึงพลังบางอย่างจากเทพแห่งแสงสว่างนั้น พลังที่อาจจะหลงตัวเองหน่อยแต่ก็เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นที่จะปกป้องสิ่งที่รักเสมอ 


ภายในวิหารอะพอลโล่ที่ยังคงอบอวลไปด้วยแสงสีทองอ่อน ๆ จากกระจกสเตนกลาส โมนีก้าเงยหน้ามองรูปสลักของเทพเจ้าแห่งแสงอีกครั้งหลังจากที่คลิปข่าวบ้า ๆ นั่นจบลงในหัว เธอถอนหายใจอย่างคนที่พยายามตั้งสติ ก่อนจะหันกลับไปมองหยานที่ยังถือโทรศัพท์อยู่ในมือ “ความจริงนะคะ...” เธอเอ่ยขึ้นพลางยิ้มมุมปากเบา ๆ “จากที่ดูเหมือนว่าเทพอะพอลโล่น่าจะต้องการของบางอย่างเพื่อ... ฉันว่าฉันพอจะส่งให้ได้ค่ะ พอดีเมื่อวานไปจัดการเจ้าซาลาแมนเดอร์ไฟมาพอดีเลย ของครบทุกอย่างที่เกี่ยวกับที่เทพอะพอลโล่บอกเลยค่ะ”


หยานหันมามองเธอทันที ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่เคยนิ่งสงบมีประกายบางอย่างคล้ายเอ็นดู “งั้นก็อย่าลืมส่งของที่วิหารเมอร์คิวรี่นะ เขาจะเป็นคนจัดส่งต่อให้ท่านอะพอลโล่โดยตรง” น้ำเสียงของเขาเรียบ สุภาพ แต่ยังคงอบอุ่นในแบบของพี่ชายที่คอยดูแลเธออยู่ห่าง ๆ


โมนีก้าพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ค่ะ ได้เลย เดี๋ยวฉันจะไปส่งให้” เธอเอื้อมมือไปหยิบน้ำแร่เย็น ๆ จากแหวนดาราจรัสแล้วยื่นให้เขา “พี่ต้องดื่มน้ำบ้างนะคะ ของชอบนี้นะ” เขาเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่งอย่างประหลาดใจ ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ แล้วรับขวดน้ำมาจากมือเธอ “ขอบใจนะ เธอนี่รู้ดีเกินไปทุกที” เขาเปิดขวดแล้วจิบอย่างสงบ แววตาที่มองเธอมีทั้งความเอ็นดูและความห่วงใยแบบคนที่คุ้นเคยกันมานาน


โมนีก้าส่งยิ้มอบอุ่นกลับไป “งั้นฉันขอตัวไปไหว้เทพอะพอลโล่ก่อนนะคะ”

หยานพยักหน้า “ได้สิ แล้วพบกัน”


ทั้งสองแยกกันตรงกลางโถง วิหารที่ปกคลุมด้วยกลิ่นดอกทานตะวันและแสงแดดยามสายทำให้บรรยากาศดูศักดิ์สิทธิ์ราวกับอยู่ในความฝัน โมนีก้าเดินไปยังแท่นบูชาสูงสุดที่มีรูปสลักเทพอะพอลโล่ในท่วงท่าถือพิณและคันศรอย่างสง่างาม ใบหน้าเปี่ยมด้วยความมั่นใจหรือเรียกให้ตรงกว่านั้นก็คือความมั่นหน้าจนแทบจะทะลุออกมาจากหินอ่อน เธอขมวดคิ้วนิดหน่อย หัวเราะในลำคอเบา ๆ “ทำไมฉันถึงรู้สึกหมั่นไส้ท่านขนาดนี้ก็ไม่รู้นะคะ...” เธอพูดพลางวางช่อดอกแสงตะวันลงตรงฐานรูปสลัก แล้วค้อมศีรษะเล็กน้อย “แต่ก็มาไหว้ตามที่สัญญาไว้เมื่อวานแล้วค่ะ ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องมาทำให้จริงจังขนาดนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน”


มือเรียวแตะที่แท่นบูชาเบา ๆ พลังรอบตัวพลันเปล่งประกายขึ้นเล็กน้อย ความอุ่นจากแสงรอบตัวทำให้เธอรู้ทันทีว่าพลังของเทพอะพอลโล่ยังคงอยู่ที่นี่แน่นหนา “ช่วยรับของที่ฉันจะส่งไปให้ด้วยนะคะ... ฉันเชื่อว่าคงจะจัดการส่งถึงท่านเรียบร้อยแน่”


เสียงลมหายใจของเธอเบาลง ก่อนจะหัวเราะแผ่วเบา “รอบตัวฉันมีแต่พลังของคุณเต็มไปหมดเลยค่ะ ฉันเลยอดคิดไม่ได้... ว่าบางทีฉันก็คิดถึงคนที่คล้ายท่านอยู่นิดหน่อย” เธอพูดด้วยรอยยิ้มบาง ๆ “อย่างตอนที่ไปช่วยคนที่ไม่รู้จักหน้าคาดตา...ต้องไปเสี่ยงอันตรายทั้งที่...มัน... ไม่รู้สิ มันเหมือนจะดีแต่ก็ เห่อ...เอาเถอะ ทั้งหมดก็เพราะเลสเตอร์ เจ้าคนขี้เก็กที่ไม่ต่างกับท่านเลยด้วยซ้ำ” เธอส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นพนมอีกครั้ง “เอาเป็นว่า... เกียรติอันนี้ฉันยกให้ท่านแล้วกันนะคะ หวังว่าถ้าได้เจอกันตัวจริงเมื่อไหร่ ท่านจะลดระดับความมั่นหน้าลงบ้าง... อย่างน้อยให้เหลือแค่ครึ่งเดียวของวันนี้ก็ยังดี”


หลังจากพูดจบ เธอหันหลังให้แท่นบูชา เดินออกไปอย่างสงบ ทิ้งไว้เพียงแสงแดดที่สะท้อนกับกลีบดอกแสงตะวันราวกับคำอธิษฐานเล็ก ๆ ที่ยังคงลอยอยู่กลางอากาศ เสียงพิณแผ่วบางจากลมหวิว ๆ ผ่านเสาใหญ่ดังก้องคล้ายเสียงหัวเราะของเทพเจ้าแห่งแสงสว่างผู้มั่นใจในเสน่ห์ของตนเองแต่สำหรับโมนีก้าแล้ว มันคือเสียงล้อเลียนอ่อน ๆ จากฟากฟ้า



[God-09] อะพอลโล

ถวาย ช่อดอกไม้ ของจิปาถะ เกรดเขียว - เพิ่มความโปรดปรานเทพ +15

โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความโปรดปราน  +25

โบนัสจาก (ผู้โปรดปรานเหล่าเทพ) - โบนัสเพิ่มความโปรดปราน +15


เผาค่าความศรัทธาแก่เทพ

ข้า โมนีก้า เอ็ม. บลอสซัม ขอมอบศรัทธาต่อเหล่าเทพแก่ เทพอะพอลโล จำนวนศรัทธาที่มอบให้: 2000 แต้ม

(ทุก ๆ 1000 ศรัทธา = 50 ความโปรดปรานต่อเทพองค์นั้น) = ได้รับความโปรดปราน +100


เผาเกียรติยศแก่เทพ

ข้า โมนีก้า เอ็ม. บลอสซัม ขอถวายเกียรติยศแก่เหล่าเทพ แก่เทพอะพอลโล เทพแห่งพระอาทิตย์

จำนวนเกียรติยศที่มอบให้: 3000 แต้ม

ได้รับ: +3 เหรียญอะพอลโล, ความโปรดปราน +15 (ทุก ๆ 1000 เกียรติยศ = +1 เหรียญอะพอลโล , +5 ความโปรดปรานต่ออะพอลโล)



[TGC-09] หยาน

พูดคุยกับ TGC ความสนิทสนม +7

โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ TGC +5

มอบ น้ำแร่ สิ่งที่ชอบที่สุดของ TGC - เพิ่มความสัมพันธ์ +20

กลิ่นหอมจาก น้ำหอม Unisex  - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +5

(โรลเพลย์ที่ลงท้ายด้วย 0 2 4 6 8 - ใช้ได้กับรุ่นพี่และเพื่อนร่วมรุ่นเท่านั้น)


แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [God-09] อะพอลโล เพิ่มขึ้น 170 โพสต์ 2025-10-18 12:38
God
คุณได้รับ --3000 เกียรติยศ โพสต์ 2025-10-18 12:38
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [TGC-09] หยาน เพิ่มขึ้น 37 โพสต์ 2025-10-18 12:38
God
คุณได้รับ --2000 ความศรัทธา โพสต์ 2025-10-18 12:37
โพสต์ 64291 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-18 06:09
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-11-8 19:59:34 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 08 เดือน พฤศจิกายน ปี 2025

ยามเย็น เวลา 15.30 น. ณ เทวสถานอะพอลโล่ เนินเทมเพิล ค่ายจูปิเตอร์


วิหารแห่งอะพอลโลในยามบ่ายเปล่งแสงราวสวรรค์ที่หลอมรวมกับแสงทองของอาทิตย์ ประตูหินอ่อนเปิดกว้างรับสายลมอบอุ่นที่พัดกลิ่นดอกทานตะวันและกลิ่นเรซินจากเทียนหอมลอยกระจายอยู่ทั่วห้องโถง เสากลมสูงเรียงรายขึ้นไปสู่เพดานโค้งที่ประดับด้วยกระจกสีทองอร่ามสะท้อนภาพเทพแห่งแสงสว่างผู้ยืนอยู่ตรงกลาง รูปปั้นของอะพอลโล สูงสง่าในท่วงท่าถือพิณและคันธนู ดวงตาหินอ่อนแกะสลักงดงามจนเหมือนมีแสงอาทิตย์จริง ๆ เปล่งประกายออกมาจากภายใน


โมนีก้าเดินเข้ามาช้า ๆ เสียงส้นสูงดังคลิกเบา ๆ บนพื้นหินอ่อนสีขาว เธอหยุดตรงบันไดหน้ารูปปั้นแล้วมองขึ้นไป ก่อนจะหัวเราะในลำคอเบา ๆ “โอ้ย...จริงดิ ฉันต้องมาบูชาแฟนตัวเองเนี่ยนะ? บ้าบอที่สุดเลย” เธอพึมพำกับตัวเอง แต่สายตาก็ยังมองรูปปั้นอย่างอดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม


เธอขยับแหวนดาราจรัสตรงนิ้วกลางข้างซ้าย ก่อนเทียนหอมกลิ่นไลแลคผสมเบอร์รี่หวานจะปรากฏขึ้นในมือ “เอ้า นี่ของถวายค่ะ คุณเทพดวงอาทิตย์สุดฮอตของโอลิมปัส” เธอวางเทียนไว้ตรงฐานแท่นหินหน้ารูปปั้น แสงไฟจากเทียนส่องสะท้อนเส้นโครงแกะสลักของพิณในมือเทพเจ้าให้ดูเหมือนกำลังเปล่งเสียงอยู่ “เทียนหอมเอาไว้จุดตอนทำงานนะ เผื่อคุณเหนื่อยจากการส่องแสงทั้งวัน” เธอกล่าวติดขี้เล่น ดวงตาเทาเงินของเธอไหวระยับราวกับสะท้อนแสงจากเปลวเทียน


โมนีก้าวางมือทาบอก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลปนขี้บ่นตามแบบฉบับของเธอ “แล้วก็จะมาถวายเกียรติยศให้ด้วย คือฉันต้องบอกคุณอีกหรอว่าวีรกรรมของฉันคืออะไร เอาเป็นว่าการได้คบกับเลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส นี่แหละคือวีรกรรมอันกล้าหาญที่สุดในชีวิตฉันเลยล่ะ” เธอพูดพลางหัวเราะในลำคอเบา ๆ “ไหนจะต้องมาเจอไพธอน...แล้วโดนมันฟาดหางใส่เกือบตายอีก แต่ฉันก็ไม่ถอยนะ เห็นไหม ยังอยู่ดี แถมยังน่ารักเหมือนเดิมด้วย”


เธอยักไหล่เบา ๆ แล้วมองขึ้นไปบนรูปปั้นอีกครั้ง “ยังไงก็อยากจะบอกนะว่าการเดินทางครั้งนี้มันสนุกมาก ถึงจะมีช่วงที่อ่อม ๆ ไปบ้างก็เถอะ แต่...ขอบคุณนะที่อยู่ด้วยกันมาตลอด” น้ำเสียงตอนท้ายอ่อนลงจนแทบเป็นกระซิบ ความอบอุ่นแผ่วในคำพูดนั้นช่างขัดกับรอยยิ้มขี้เล่นบนริมฝีปากที่เธอพยายามคงไว้ โมนีก้าถอยออกมาหนึ่งก้าว โน้มศีรษะลงอย่างอ่อนน้อม “ฝากเนื้อฝากตัวต่อจากนี้ด้วยนะคะ คุณเทพระอาทิตย์แสนหลงตัวเอง” แล้วหมุนตัวกลับ เส้นผมสีน้ำตาลเข้มพลิ้วตามแรงลมที่ลอดเข้ามาจากหน้าต่างสูง


พอเดินออกจากวิหาร เสียงหัวเราะของเธอก็ดังแผ่ว “โอ๊ย เขินชะมัด รูปปั้นแฟนตัวเองจะไม่ให้เขินได้ยังไงเนี่ย” เธอยกมือแตะหน้าตัวเองที่เริ่มร้อนนิด ๆ ก่อนจะหัวเราะอีกครั้งเบา ๆ พลางพูดกับตัวเอง “แต่ก็ว่าไม่ได้หรอก การได้เป็นแฟนกับพ่อหนุ่มเจ้าชู้แสนฮอตของโอลิมปัส...ก็ไม่ได้แย่นี่นา อิอิ” ลมอบอุ่นพัดผ่าน เสียงเทียนหอมในวิหารยังคงส่องแสงนุ่มไหวเบา ๆ เหมือนคำตอบเงียบ ๆ จากเทพผู้ถูกบูชา ว่าเขาเองก็คงกำลังยิ้มอยู่เช่นกัน


[God-09] อะพอลโล

ถวาย เทียนหอม ของจิปาถะ - เพิ่มความโปรดปรานเทพ +15

โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความโปรดปราน  +25

โบนัสจาก (ผู้โปรดปรานเหล่าเทพ) - โบนัสเพิ่มความโปรดปราน +15



เผาเกียรติยศแก่เทพ

ข้า โมนีก้า เอ็ม. บลอสซัม ขอถวายเกียรติยศแก่เหล่าเทพ แก่เทพอะพอลโล เทพแห่งพระอาทิตย์

จำนวนเกียรติยศที่มอบให้: 20000 แต้ม

ได้รับ: +20 เหรียญอะพอลโล, ความโปรดปราน +100 (ทุก ๆ 1000 เกียรติยศ = +1 เหรียญอะพอลโล , +5 ความโปรดปรานต่ออะพอลโล)


(มาทำให้แฟนเต็ม 10 ดวงสักที เขิน 555+)

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [God-09] อะพอลโล เพิ่มขึ้น 155 โพสต์ 2025-11-9 10:51
God
คุณได้รับ --20000 เกียรติยศ โพสต์ 2025-11-9 10:51
โพสต์ 24764 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-11-8 19:59
โพสต์ 24,764 ไบต์และได้รับ +2 EXP +2 เกียรติยศ +2 ความศรัทธา จาก เนตรแห่งฟีบี้  โพสต์ 2025-11-8 19:59
โพสต์ 24,764 ไบต์และได้รับ +15 EXP +15 เกียรติยศ +20 ความศรัทธา จาก น้ำหอมเฮคาที  โพสต์ 2025-11-8 19:59
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-11-9 19:28:36 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 09 เดือน พฤศจิกายน ปี 2025

ยามบ่าย เวลา 14.00 น. ณ เทวสถานอะพอลโล่ เนินเทมเพิล ค่ายจูปิเตอร์


แสงของยามบ่ายทอดผ่านยอดโดมทองของวิหารอะพอลโลจนเกิดเป็นประกายระยับทั่วลานหินขาว เสียงสายลมอุ่นพัดแผ่วพาเอากลิ่นกำยานและเสียงพิณอันแผ่วเบาล่องลอยอยู่ในอากาศ เมื่อโมนีก้า เอ็ม. บลอสซัม ก้าวเข้ามาในวิหารแห่งแสงสว่างอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่เพื่อสักการะ หากแต่เพื่อทำบางสิ่งที่เธอเตรียมใจไว้นานแล้ว เธอค่อย ๆ ยกมือแตะที่แหวนดาราจรัส วงแหวนเปล่งประกายเล็กน้อยก่อนจะปรากฏกระเป๋าผ้ากำมะหยี่สีดำในมือ โมนีก้าจ้องมันอยู่พักหนึ่ง ใบหน้าขาวซีดสะท้อนแสงทองอ่อนของวิหาร ดวงตาเทาเงินของเธอฉายแววลังเลอยู่ครู่ ก่อนที่เสียงทุ้มอบอุ่นจากด้านหลังจะดังขึ้น


“โมนีก้าเหรอ? ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”


เธอหันกลับไปทันที เห็นร่างสูงของพี่หยานเดมิก็อดลูกครึ่งแห่งอะพอลโลในเสื้อกันหนาวสีดำเรียบ ยืนถือดอกไม้อยู่หน้ารูปปั้นของเทพบิดา เขาเงยหน้ามามองพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ที่อบอุ่นพอจะทำให้ใจใครสักคนเต้นผิดจังหวะ “อ้าว พี่หยาน...สวัสดีค่ะ พี่มาสักการะเทพอะพอลโลเหรอคะ?” เธอถามพี่หยานด้วยน้ำเสียงสุภาพ


“อืม… ก่อนสอบ แต่ไม่คิดว่าจะเจอเธอวันนี้ ไม่ค่อยเห็นเลยช่วงนี้ ไปทำภารกิจมาอีกแล้วเหรอ?” โมนีก้าพยักหน้าเบา ๆ “ใช่ค่ะ ช่วงนี้เรื่องเยอะนิดหน่อย แต่ก็...กลับมาพักแล้วล่ะ” หยานหัวเราะในลำคอเบา ๆ ตอนได้ยิน เสียงเขาเหมือนสายลมอุ่นเล็ก ๆ “ดีแล้ว พักบ้างนะอย่าฝืนมากนัก”


“ขอบคุณค่ะพี่หยาน” เธอยิ้มบาง ก่อนจะหยิบเหรียญทองที่สลักตราแห่งดวงอาทิตย์ขึ้นมาจากกระเป๋า “จริงสิ พี่หยาน ฉันอยากถามหน่อย เหรียญอะพอลโลนี่…ใช้ยังไงเหรอคะ?” เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย “จะใช้ทำอะไรเหรอ?”


“คือ...ฉันเห็นว่า ถ้านำมาถวายเทพ จะช่วยเพิ่มพลังให้สัตว์เลี้ยงวิเศษได้ ฉันเลยอยากลองดูค่ะ แต่ไม่แน่ใจว่าต้องทำยังไง” เมื่อโมนีก้าบอกแบบนั้น หยานก็เดินเข้ามาใกล้เพื่อดูตัวเหรียญ ในจังหวะที่แสงแดดกระทบเส้นผมดำขลับของเขาจนดูมีประกายทอง “อ๋อ ถ้าแบบนั้น...ต้องเผามันในเปลวไฟบูชาของท่านพ่อ เผาพร้อมคำถวายเกียรติ เพื่อส่งพลังศักดิ์สิทธิ์ให้สัตว์ที่เราปรารถนา แต่ต้องพามันมาด้วยนะไม่งั้นพลังจะไม่ถึง หรืออาจจะถึงก็ไม่แน่ใจ แต่ควรพามาน่ะ”


โมนีก้าพยักหน้า “เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”

“ว่าแต่...” เขาโน้มตัวเล็กน้อย “สัตว์วิเศษของเธอนี่ตัวไหนเหรอ?”


โมนีก้าเงียบไปชั่วอึดใจ เธอกะพริบตา มองซ้ายมองขวาในวิหารที่ว่างเปล่า ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาแต่ชัด “เอ่อ...มานี่หน่อยสิ เจ้าเหมียว...” ทันใดนั้น ลมเย็นแผ่วผ่านเข้ามาในวิหารราวกับม่านหมอกบาง ๆ เลื้อยเข้ามาจากเงามุมเสา และร่างเงาดำโปร่งแสงก็โผล่ขึ้นอย่างเงียบงัน ดวงตาสีอำพันของมันส่องแสงราวเทียนในคืนจันทร์หงาย หางของมันเรืองสีม่วงระยับอ่อน ๆ คล้ายม่านหมอกแห่งความลึกลับ แมวผีนำโชคปรากฏตัวอย่างสง่างาม มันเดินทอดน่องอย่างเงียบเชียบเข้ามาหาเธอ ก่อนจะคลอเคลียที่ข้อเท้าแล้วนั่งนิ่งเหมือนกำลังมองทุกอย่างเข้าใจ


หยานชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะหลุดหัวเราะเบา ๆ “นี่แมวผีนำโชคเหรอ... เธอนี่เลือกเพื่อนร่วมทางได้ไม่ธรรมดาจริง ๆ”


“มันเลือกฉันเองน่ะค่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ฮ่ะ ๆ” เธอตอบพร้อมรอยยิ้มบาง แต่ในน้ำเสียงมีความอบอุ่นแฝงอยู่เมื่อคิดถึงช่วงเวลาที่ช่วยมันจากสัตว์ประหลาดตัวอื่นกับเลสเตอร์ “มันมาเจอตอนคืนฮาโลวีนน่ะค่ะ ไม่สิ ก่อนฮาโลวีน เจอที่เรือเฟอร์รี่ข้ามฟากไปอิตาลีค่ะ ตั้งแต่นั้นก็ไม่ยอมไปไหนอีกเลย”


หยานพยักหน้ารับเมื่อโมนีก้าพูดจบ ก่อนจะเดินไปยังด้านข้างแท่นบูชา หยิบเตาเผาเล็ก ๆ ทำจากสำริดที่สลักลวดลายคลื่นแสงอาทิตย์รอบขอบขึ้นมา เขายื่นให้เธอด้วยท่าทีเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความใส่ใจ “เผาเหรียญในนี้แหละ เปลวไฟจะส่งผ่านพลังโดยตรงถึงท่านพ่อ” เขากล่าวด้วยเสียงนุ่มลึกประจำตัว


โมนีก้ารับมาอย่างระมัดระวัง นิ้วเรียวสัมผัสถึงความอุ่นของโลหะที่เพิ่งถูกใช้เมื่อไม่นานมานี้ “ขอบคุณมากค่ะพี่หยาน” เธอพูดพลางเงยหน้ามองเขา แววตาเทาเงินมีประกายสดใสขึ้นเล็กน้อย ชายหนุ่มตั้งท่าจะขอตัวก่อน “งั้นผมขอตัว ยังมีแท็คบุคอีกหลายเล่มต้องอ่าน คืนจันทร์นี้มีควิชพอดี”


“ค่ะพี่ ขอบคุณนะคะ” โมนีก้าพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มบาง “อ้อ… เดี๋ยวก่อนสิคะพี่หยาน ถึงจะช้าไปเก้าวันแต่… นี่ค่ะ ขนมนิ้วมือแม่มด สุขสันต์ฮาโลวีนย้อนหลังนะคะ” เธอยื่นกล่องเล็ก ๆ ห่อด้วยกระดาษสีม่วงเข้มให้ กลิ่นหอมของอบเชยและน้ำตาลไหม้อ่อน ๆ ลอยขึ้นจาง ๆ หยานเลิกคิ้วเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มบาง รับของไปอย่างสุภาพ “ของฝากงั้นสินะ ขอบคุณมากเลยนะโมนีก้า”


“อย่าลืมกินตอนอ่านหนังสือนะคะ จะได้ไม่ง่วง”

เขาหัวเราะเบา ๆ เพื่อตอบรับโมนีก้า “จะพยายาม…แล้วเธอก็อย่าโหมงานนักล่ะ รู้ไหม”

โมนีก้าชะงักไปครู่เมื่อโดนเตือนอีกแล้ว ก่อนจะหัวเราะน้อย ๆ “ค่ะ จะพยายามนะคะ”


หลังจากนั้นหยานก็โบกมือลา แล้วเดินจากไปทางประตูวิหาร ร่างสูงของเขาถูกกลืนไปกับแสงอาทิตย์ยามเย็นที่ทอดลงบนพื้นหินอ่อน เหลือไว้เพียงกลิ่นขนมอบอุ่นในมือเธอและความรู้สึกบางอย่างที่อบอุ่นอยู่ในอก เมื่อเขาลับตา โมนีก้าก็หันกลับมาทางแท่นบูชาอีกครั้ง เธอวางเตาเผาสำริดลงบนแท่น จุดไฟด้วยคาถาเล็ก ๆ จากปลายนิ้ว เปลวไฟสีทองลุกขึ้นเงียบ ๆ เธอหยิบเหรียญอะพอลโลขึ้นมาในมือ แสงจากมันสะท้อนเข้าตาเธอระยิบระยับ


“ข้า โมนีก้า เอ็ม. บลอสซัม ขอถวายเหรียญนี้แด่ท่านอะพอลโล ผู้เป็นแสงแห่งฟ้า...(?) ขอให้พลังแห่งท่านมอบความเข้มแข็งแก่เจ้าเหมียวออร่าของข้า ให้มันมีแรงอีกนิดไว้แกล้งท่านคืน” เธอพูดพลางยิ้มมุมปากน้อย ๆ เสียงหัวเราะในลำคอแผ่วเบาเมื่อคิดถึงแฟนหนุ่มของเธอ เทพเจ้าผู้เอาแต่ใจและมักทะเลาะกับแมวผีของเธอไม่เว้นวัน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะฝากคำขอไว้ในควันไฟนั้น


โมนีก้าหลุบตาลงเล็กน้อย สูดลมหายใจเข้าเบา ๆ ก่อนจะพูดเสียงแผ่วเหมือนกระซิบ “ขอให้นายช่วยมันด้วยนะ ถึงจะตีกันทุกครั้งที่เจอก็เถอะ…” เสียง “เมี้ยว” เบา ๆ ดังมาจากมุมวิหาร ออร่าปรากฏตัวอีกครั้ง มันเดินเข้ามานั่งข้างเธอ เงยหน้าขึ้นมองเปลวไฟที่ยังคงส่องแสงสุดท้ายอยู่ ก่อนจะกระพริบตาช้า ๆ เหมือนเข้าใจทุกอย่าง โมนีก้าลูบหัวมันเบา ๆ รอยยิ้มอบอุ่นแตะที่มุมปาก “ดีล่ะ เจ้าเหมียว เรามีแรงเพิ่มแล้วนะ... แต่อย่าไปกวนเขามากล่ะ” ออร่าแค่มองกลับ ดวงตาอำพันของมันทอแสงวาว ๆ เหมือนหัวเราะอยู่ในใจ ในความเงียบของวิหาร เสียงเตาไฟแตกเปรี๊ยะเบา ๆ


เผา เหรียญอะพอลโล บูชาเทพ จำนวน 6 เหรียญ

สัตว์เลี้ยงได้รับ 5 Lv. ต่อ 1 เหรียญ = 6 x 5 = 30 Lv.

เอฟเฟคที่ 4: สามารถเผาบูชาแก่อะพอลโลพร้อมถวาย -1000 เกียรติยศ เพื่อมอบพรพัฒนาสัตว์วิเศษแก่ลูกของคุณเลื่อนระดับ 5 Level ได้


เผาเกียรติยศแก่เทพ

ข้า โมนีก้า เอ็ม. บลอสซัม ขอถวายเกียรติยศแก่เหล่าเทพ แก่เทพอะพอลโล เทพแห่งพระอาทิตย์

จำนวนเกียรติยศที่มอบให้: 6000 แต้ม

เอฟเฟคที่ 4: สามารถเผาบูชาแก่อะพอลโลพร้อมถวาย -1000 เกียรติยศ เพื่อมอบพรพัฒนาสัตว์วิเศษแก่ลูกของคุณเลื่อนระดับ 5 Level ได้



[TGC-09] หยาน

พูดคุยกับ TGC ความสนิทสนม +7

โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ TGC +5

มอบ นิ้วมือแม่มด (ขนม) - เพิ่มความสัมพันธ์ NPC ทุกประเภท +40

กลิ่นหอมจาก น้ำหอมเฮคาที - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +10
(ทุกครั้งที่โรลเพลย์ลงท้ายด้วยเลขไบต์ 0 5 7 9 ทำให้ได้รับความโปรดปรานจาก NPC TGC SP Lares Satyr ได้รับความโปรดปราน+10)

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ --6000 เกียรติยศ โพสต์ 2025-11-9 20:29
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [TGC-09] หยาน เพิ่มขึ้น 62 โพสต์ 2025-11-9 20:29
โพสต์ 45,297 ไบต์และได้รับ +7 EXP +7 เกียรติยศ +10 ความศรัทธา จาก กล่องดนตรี  โพสต์ 2025-11-9 19:28
โพสต์ 45,297 ไบต์และได้รับ +8 EXP +9 ความกล้า +9 ความศรัทธา จาก กระซิบแห่งพงไพร  โพสต์ 2025-11-9 19:28
โพสต์ 45,297 ไบต์และได้รับ +9 EXP +9 เกียรติยศ +9 ความศรัทธา จาก แหวนดาราจรัส(D)  โพสต์ 2025-11-9 19:28
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-12-10 06:36:01 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Clementis
Haus of Ratigan • Daughter of Justitia • Legacy of Orcus
Place
เทวสถานอะพอลโล่
Date and Time
วันที่ 3 ธันวาคม 2025 • 10.54 น.
Purpose
ภารกิจไกด์เดินชมรอบค่าย
NPC
วินเซนโซ เบอร์กาม็อตโต
อาคารที่ใช้ทองคำและดวงอาทิตย์เป็นสัญญะ ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็เดาได้ไม่ยากว่าพวกเขามาถึงเทวสถานของอะพอลโลแล้วเรียบร้อย แน่นอนว่าดอกไม้ชนิดแรก ๆ ที่ได้เห็นและได้กลิ่นเมื่อก้าวเข้ามาด้านในคือทานตะวันซึ่งมีความเชื่อมโยงกับทิวาโดยตรง แต่สิ่งที่เธอเตรียมมานั้นไม่ใช่ดอกไม้ชนิดเดียวกัน
“เผื่อว่าท่านจะได้รับทานตะวันจนเบื่อแล้ว ทางนี้ขอถวายดอกลอเรลแทนนะคะ”
เสียงนุ่มบอกขณะวางช่อบุปผาดังกล่าวลงบนแท่นบูชา เธอทำความเคารพแก่เขาต่ออีกพักหนึ่งก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปเมื่อหมดธุระ ไม่วายถูกเซ้าซี้ให้เล่าถึงแนวคิดเบื้องหลังการเลือกมันจากวินเซนโซ
“รุ่นพี่นี่ขี้สงสัยเหมือนกันนะคะ แต่ก็ — ลอเรลเป็นพืชที่มีความสัมพันธ์กับเทพอะพอลโลมาก มันคือสัญลักษณ์ของชัยชนะ บทกวี และคำทำนาย ถ้านำไปทำเป็นพวงหรีดก็มักจะถูกมอบให้กับผู้ชนะหรือกวีด้วยค่ะ”
“เธอมีความรู้เรื่องแบบนี้เยอะจังแฮะ ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใครคงนึกว่าบุตรีแห่งฟลอร่า”
คำพูดนั้นทำให้คลีเมนทิสหรี่ตามองเขาอย่างคาดโทษ แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้น แสดงชัดว่าไม่ได้ถือสา รวมถึงได้ไม่ชี้แจงต่อด้วยว่าที่มีข้อมูลจำพวกนี้มากเป็นพิเศษเพราะชอบค้นหนังสือในห้องสมุดของครอบครัวตั้งแต่เด็ก
ตอนนั้นเล่มที่มีภาพประกอบสวย ๆ เท่าที่หาเจอก็มีแค่สารานุกรมดอกไม้พืชพรรณนี่นะ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 8212 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2025-12-10 06:36
โพสต์ 8,212 ไบต์และได้รับ +2 EXP +2 เกียรติยศ +2 ความศรัทธา จาก กล่องดนตรี  โพสต์ 2025-12-10 06:36
โพสต์ 8,212 ไบต์และได้รับ +2 EXP +2 เกียรติยศ จาก เกมคอนโซลพกพา  โพสต์ 2025-12-10 06:36
โพสต์ 8,212 ไบต์และได้รับ +2 เกียรติยศ จาก ต่างหูเงิน  โพสต์ 2025-12-10 06:36
โพสต์ 8,212 ไบต์และได้รับ +2 เกียรติยศ +3 ความศรัทธา จาก ช่อดอกไม้  โพสต์ 2025-12-10 06:36
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กำแพงแห่งคำสั่ง
สัมผัสแห่งความไม่สมดุล
ดาบสปาเธร์
หมวกเกราะกาเลีย
เกราะทหารโรมัน
รองเท้าเดินทัพ
Hydro X
หนังสือนิยาย
กล่องดนตรี
เกมคอนโซลพกพา
ช่อดอกไม้
ต่างหูเงิน
ชุดเครื่องเพชร
เข็มทิศ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
โรคสมาธิสั้น
โรคดิสเล็กเซีย(ละติน)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x2
x2
x1
x3
x2
x1
x5
x5
x2
x1
x1
x30
x3
x5
x2
x1
x2
x1
x2
x1
x1
x10
x5
x1
x2
x2
x5
โพสต์ 2025-12-11 19:17:54 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 10 เดือน ธันวาคม ปี 2025

ช่วงดึก เวลา 21.00 น. เป็นต้นไป ณ เทวสถานอะพอลโล่ เนินเทมเพิล ค่ายจูปิเตอร์


ยามราตรีของค่ายจูปิเตอร์ยืดยาว ท้องฟ้าไม่มืดสนิท แต่ถูกย้อมด้วยม่วงอมส้มเรื่อรางราวกับแสงสุดท้ายของอาทิตย์ไม่ยอมดับลงเสียที เพราะพลังของเทพเวสเปอร์ยังตรึงขอบฟ้าไว้ให้สว่างคล้ายพลบค่ำไม่รู้จบ ลมเย็นจากเนินเทมเพิลพัดโชยผ่านต้นไซเปรสที่เรียงรายนำทางสู่เทวสถานอะพอลโล่ เสียงสายลมเสียดผ่านช่องเสาหินอ่อนดังแผ่วเบา ดุจบทเพลงเศร้าที่ไร้ผู้บรรเลง โมนีก้านั่งอยู่ตรงบริเวณหน้าวิหารอะพอโลที่มีกำแพงสลักรูปดวงอาทิตย์ เธอเลือกที่จะมาที่นี่แทนวิหารของแม่อย่างวิหารเซเรสที่กำลังมีกิจกรรมช่วงบรูมาเลียอยู่ ไม่ใช่เพราะอยากจะสักการะอะพอลโลหรือวิงวอนสิ่งใด เพียงเพราะโมนีก้าก็แค่อยากหาที่พักใจจากโลกที่ทำให้เธอเหนื่อยเกินไปจนร่างกายแทบแตกสลายออกเป็นฝุ่นละออง


หญิงสาวนั้นนั่งลงกับขั้นหินตรงบันได พิงหลังกับเสาหินสีขาวที่เย็นเฉียบ ร่างบางของโมนีก้าในตอนนี้ดูโดดเดี่ยวท่ามกลางอาหารสีขาวทองที่งดงามเกินกว่าที่มนุษย์จะขาดคิด ดวงตาสีเทาเงินบริสุทธิ์ทอดมองออกไปนอกเนินเทมเพิล เมืองทั้งเมืองเบื้องล่างนั้นว่างไสวราวกับทะเลแห่งแสงของการเฉลิมฉลิง แต่ในแววตางามราวกับกระจกแก้วคู่นั้นกลับว่างเปล่าอย่างน่ากลัวเกินกว่าที่ใครจะคิด


หยดน้ำตาสีใสไหลอาบแก้วขาวซีดของโมนีก้าเงียบ ๆ ไม่มีเสียงสะอื้นจากเซนจูเรี่ยนสาว ไม่มีแม้แต่เสียงสูดลมหายใจ มันสั่นจนไม่รู้จะสั่นยังไงแล้ว มันเป็นการร้องไห้ของคนที่เหนื่อยเกินกว่าที่จะพูดออกมาเป็นเสียงหรือคำบ่นด่าว่าเปล่า ราวกับหัวใจของเธอได้แตกสลายไปก่อนแล้ว เหลือเพียงร่างที่ยับขยับตามคำสั่งและความเคยชินเท่านั้นแหละ ในห้วงความคิดที่แน่นหนักและเริ่มดำมืดเรื่อย ๆ โมนีก้าเริ่มคิดสิ่งที่ทำให้เธออยากจะหายไปจากโลกใบนี้ขึ้นทุกที


ทำไมฉันต้องทำแบบนี้ด้วย? ทำไมต้องกู้โลกซ้ำวนไปมา ๆ ทั้ง ๆ ที่มันไม่เคยจะกู้ฉันเลยสักนิดเดียว…


แต่ถึงอย่างงั้นพออยู่หน้าคนอื่นเธอก็ยังคงยิ้มออกมา เธอยังแกล้งหัวเราะกับเลสเตอร์อย่างมีความสุขบอกเขาว่าเธอไม่เป็นอะไร แกล้งทำให้ทุกอย่างมันดูง่าย ดูว่าเธอรับได้ ส่งอะไรมาเธอก็รับได้ ทั้งที่ในใจของเธอก็รู้ดีว่าตัวเองกำลังสั่นสะเทือนแตกสลายราวกับจะล้มลงไปเสียให้ได้ โมนีก้าอยากจะหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่ตัวเองจะไปได้ อยากทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลังให้หมด เธอไม่เคยภูมิใจในความที่ตัวเองต้องมาแบกรับอะไรแบบนี้เลย แต่เสียงในหัวกลับตะโกนกลับมาซ้ำมาซ้ำไป


ม่ได้โมนีก้า ไม่ใช่เธอ เธอคือคนที่ทุกคนพึ่งพาได้ เธอโตแล้วนะ เธอต้องยิ้ม ต้องเข้มแข็งต้องเป็นแบบนั้นต่อไปต่อให้เธอต้องแตกสลายก็ตาม


น้ำตาของโมนีก้านั้นไหลต่อเนื่องจากเสื้อของเธอเปียก ก่อนที่จะก้มหน้าลงมองมือที่สั่นเทาเบา ๆ รอยกำไลสุริยคติที่สะท้อนแสงม่วงอ่อน ๆ จากผ้าเหมือนเตือนว่าเธอเป็นใครและทำอะไรได้ แต่ในตอนนี้นั้นแสงกลับดูเย็นชาจนเธออยากโยนมันทิ้งไปเสียให้มันพ้น ๆ มือของเธอ ในใจของโมนีก้ามีบางอย่างที่หนักอึ้งเหมือนก้อนหินใหญ่นั้นคอยถ่วงจิตใจอยู่ภายในกลางอกของเธอ ความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเครื่องจักรทำภารกิจของค่ายจูปิเตอร์ ที่ต้องทำงานเพื่อเป้าหมายที่เธอเองก็ไม่เข้าใจ ไม่ใช่เพราะยาอกทำ แต่มันเพราะเธอต้องทำ


โมนีก้ารู้สึกหัวใจของความเป็นมนุษย์ที่มีครึ่งหนึ่งในตัวเองถูกยึดไปนานแล้ว เหมือนมีใครบอกให้เธอเดินต่อทั้ง ๆ ที่เธออยากจะหยุดพักเต็มที

“ฉันเหนื่อย…” น้ำเสียงของโมนีก้าเอ่ยออกมาจนแทบไม่ได้ยิน “เหนื่อยจนไม่รู้แล้วว่าตอนนี้ฉันสู้เพื่ออะไร…” 

เพียงแค่นั้นน้ำตาของโมนีก้าก็ไหลออกมาแบบพรั่งพรูอย่างไม่รู้ตัว ตอนแรกเธอสู้เพราะอยากจะเอาตัวรอด แต่เหมือนกลับโดนโยนลงไปที่หุบเหวครั้งแล้วครั้งเล่า เธอเคยคิดว่าจะต้องปกป้องคนที่เธอรักให้ได้ แต่รู้ไหม? ถ้าคนที่เรารักเก่งกว่าเรา เราจะต้องปกป้องเขาอีกทำไมกัน?


สายลมพัดแรงขึ้นนิดหนึ่ง กลีบดอกทานตะวันปลิวจากบริเวณแทนบูชาภายในวิหารแตะมาที่ไหล่ของโมนีก้าราวกับการปลอบประโลมจากเทพเจ้าแห่งแสงอาทิตย์ที่หลงตัวเอง แต่ถึงอย่างงั้นมันก็ไม่อุ่นพอที่จะกลบความหนาวในใจของเธอออกไปได้เลยสักนิด โมนีก้ารู้ว่าเลสเตอร์เข้าใจเธอในแบบของเขา เขารู้ว่าเวลาที่เธอไม่พูดหรือเวลาที่เห็นเธอฝืนยิ้มมันไม่ได้หมายความว่าโอเค… เลสเตอร์รู้ทุกอย่าง


แต่คนอื่นล่ะ?...


คนอื่นในค่ายที่มองเธอเป็นแค่ผู้ผู้ภัยของคำพยากรณ์ที่ไม่มีคนทำอย่างงั้นหรอ? เข้าใจบ้างไหมว่าเบื้องหลังรอยยิ้มของโมนีก้า คำว่า ค่ะ ได้ค่ะ ของเธอมันมีน้ำหนักเท่ากับภูเขาไกรลาสที่ถ่วงอยู่ในอกเล็ก ๆ ของเธอ “จะมีไหม… สักที่ที่ฉันจะหายไปโดยที่ไม่มีใครรู้…” โมนีก้าพึมพำน้ำเสียงแผ่ว ๆ ในลำคอของเธอ ภาพเบื้องหน้าพร่ามัวไปด้วยน้ำตา ฟ้าที่ไม่ยอมมืดกลับทำให้โลกยิ่งดูโหดร้ายขึ้นทุก ๆ ที เพราะแม้แต่ความมืดก็ไม่เหลือให้เธอได้หลบพักผ่อนกายหรือใจ โมนีก้าได้แต่กอดเข่าตัวเองแน่น ร้องไห้ออกมา หวังเพียงสักวันหนึ่งพระอาทิตย์ที่เธอรักจะไม่ต้องมาเห็นเธอในสภาพแบบนี้อีก 


และแม้ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น ไม่มีเลสเตอร์ ไม่มีเพื่อน ไม่มีแม่ ไม่มีเทพหรือเทพีองค์ใด โมนีก้าก็ยังคงร้องไห้เงียบ ๆ ใต้แสงอาทิตย์ที่ไม่ยอมลับขอบฟ้า ราวกับจะถามท้องฟ้าว่า

 ฉันต้องเป็นคนเข้มแข็งอีกนานแค่ไหนถึงจะหาย ๆ ไปสักที...พอกันทีกับหน้าที่เครื่องจักรของค่ายทหารที่โหดร้าย ที่นี่ไม่ใช่เซฟโซนของฉันเลย...



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 26040 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-12-11 19:17
โพสต์ 26,040 ไบต์และได้รับ +5 EXP +6 ความกล้า +6 ความศรัทธา จาก ดาบสุริยคติ  โพสต์ 2025-12-11 19:17
โพสต์ 26,040 ไบต์และได้รับ +9 EXP +8 เกียรติยศ จาก Icarus Mirror  โพสต์ 2025-12-11 19:17
โพสต์ 26,040 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 ความกล้า +5 ความศรัทธา จาก แหวนเคลื่อนย้าย  โพสต์ 2025-12-11 19:17
โพสต์ 26,040 ไบต์และได้รับ +9 EXP +8 ความศรัทธา จาก จำแลงร่าง  โพสต์ 2025-12-11 19:17
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-12-19 22:05:19 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Moneka เมื่อ 2025-12-19 23:47

วันที่ 17 เดือน ธันวาคม ปี 2025

เวลาเที่ยง เวลา 11.40 น. เป็นต้นไป ณ วิหารอะพอลโล (แฟนขี้งอน!!)


แสงแดดยามสายส่องลอดผ่านกระจกสีของวิหารอะพอลโล ร่วงกระทบพื้นหินอ่อนสีทองจนระยิบระยับไปทั้งทางเดิน เอสต้าในร่างโมนีก้าเดินออกมาจากป่าแห่งวิหารไดอาน่าด้วยอารมณ์สบาย ๆ ตั้งใจจะตรงกลับค่ายจูปิเตอร์เสียที แต่เพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น ปลายเท้ากลับหยุดลงตรงหน้าบันไดหินอ่อนสีขาวของวิหารที่เปล่งแสงอาทิตย์ราวกับจะส่องหน้าเธอให้แสบตา เธอกะพริบตาปริบ ๆ แล้วมองขึ้นไป ตัวอักษรคำว่า APOLLO สลักอยู่เหนือบานประตูขนาดใหญ่ พื้นกระจกสะท้อนเงาเธอกลับมาในมุมที่เหมือนกำลังโดนทดสอบยังไงชอบกล


“อื้อหือ...” เธอพึมพำขณะขมวดคิ้ว หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจยาวแล้วหมุนตัวกลับ “โอเค วิหารผิดแล้ว ฉันจะไปทางนี้—” แต่ยังไม่ทันได้เดินครบสามก้าว โลกทั้งใบเหมือนหมุนกลับ แสงสีทองวาบขึ้นตรงหน้า แล้วเธอก็กลับมายืนที่เดิม หน้าบันไดของวิหารอะพอลโล


“...เฮ้ เดี๋ยว...” เอสต้าชะงัก ก่อนจะลองเดินอีกครั้ง คราวนี้เปลี่ยนทิศ หันซ้าย เดินอ้อมผ่านสวนหินข้าง ๆ ไปทางถนนหลัก แต่พอพ้นต้นทานตะวันไม่กี่กอ แสงทองก็แผ่วไหวเหมือนมีมือบางอย่างดึงเธอกลับมาทีละก้าว โลกสั่นไหววาบอีกครั้ง แล้ว 


เธอก็กลับมายืนอยู่ตรงจุดเดิมเป๊ะ!


เอสต้าหลุดหัวเราะในลำคอ เสียงหัวเราะที่แห้งและปนหงุดหงิด “อ๋อ เข้าใจละ... เล่นงี้ใช่ไหม” มือทั้งสองกอดอกแน่นจนหน้าอกดันขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสีเทาเงินมองขึ้นไปยังประตูทองอย่างเอือมระอา “นายจะเล่นแบบนี้ใช่ไหม เลสเตอร์? นายใช้อำนาจเทพเจ้ากับแฟนตัวเองเนี้ยนะ?”


ไม่มีเสียงตอบกลับจากข้างใน มีเพียงแสงทองอบอุ่นที่สาดผ่านประตูออกมาเหมือนจะหัวเราะใส่เธอเบา ๆ ความเงียบแบบนั้นแหละที่ทำให้เธอยิ่งรู้ ใช่แน่ ๆ นี่มันฝีมือของหมอนั่น!


เอสต้าเอียงคอ ถอนหายใจพลางมองรูปปั้นเทพหนุ่มขนาดมหึมาที่อยู่ภายใน ตัวสูงสง่าดังแสงตะวัน เส้นผมและรัศมีทองสะท้อนแสงราวจะมีชีวิต ดวงหน้าหล่อเหลาจนแทบจะหลุดจากหินมามองสบตาเธอได้จริง ๆ และนั่นทำให้เธอเห็นภาพในหัวชัดเจน ร่างของเลสเตอร์ในเวอร์ชันเทพอะพอลโล ยืนกอดอกพิงเสาค้ำสรวงฟ้า สีหน้าไม่พอใจสุด ๆ ขณะบ่นใส่เธอด้วยน้ำเสียงที่แสนจะหลงตัวเอง


เสียงในหัวของเธอก้องขึ้นอย่างชัดเจนโอ เอสต้า...และโมนีก้าเจ้าด้วย… เจ้ากล้าดียังไงถึงคิดจะเดินผ่านแฟนที่เพอร์เฟกต์ที่สุดในเอกภพอย่างข้าไปได้!  

เอสต้ากลอกตาแทบจะทันที “มาแล้ว...”

เจ้ากลอกตางั้นหรือ? รู้ไหมว่าดวงตาคู่นี้ของเจ้าช่างโชคดีแค่ไหนที่ได้สะท้อนภาพของข้า... อะพอลโล!

เสียงเลสเตอร์ในร่างเทพยังพูดต่ออย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด…และแน่นอนว่าเอสต้านั้นแทบจะเดาได้เลยว่าเขาจะพูดว่าอะไร 

ข้าคือมหาเทพผู้บันดาลรุ่งอรุณทอแสงเหนือโลกมนุษย์ ข้าคือเจ้าของบทเพลงที่ไพเราะจนมิวส์ทั้งเก้าต้องยอมก้มกราบ ข้าคือผู้รักษาที่กุมความลับแห่งชีวิต และข้าคือผู้พยากรณ์ที่มองเห็นจุดจบของดวงดาว! เจ้ารู้หรือไม่ว่าในวินาทีที่เจ้าพยายามจะสะบัดบ๊อบใส่ข้า เหล่านิมฟ์นับพันนางทั่วกรีซกำลังอ้อนวอนขอเพียงแค่เศษเสี้ยวของสายตาที่ข้ามอบให้เจ้าเพียงผู้เดียวในตอนนี้!


เงยหน้าขึ้นมองมาดูท้องฟ้าสิเอสต้า! มองดูความสมบูรณ์แบบนี้ซะ! ร่างกายที่ไร้ตำหนิราวกับหินอ่อนที่ถูกสลักโดยมือของโชคชะตา สติปัญญาที่ลึกซึ้งยิ่งกว่ามหาสมุทร และความรวยที่สามารถซื้อดาวเคราะห์ทั้งดวงมาทำเป็นของขวัญให้เจ้าได้โดยขนหน้าแข้งไม่ร่วง! ข้าคือสัญลักษณ์แห่งความจริง แสงสว่าง และความงามทางศิลปะที่ศิลปินทั่วโลกพยายามจะลอกเลียนแบบมาตลอดนับพันปี แต่ไม่มีใครทำได้... เพราะข้าคือต้นฉบับเพียงหนึ่งเดียว!


เจ้าควรจะสำนึกไว้ทุกวินาทีที่หายใจเข้า ว่าเจ้ากำลังถูกโอบกอดโดยชายที่หล่อเหลาที่สุดในทำเนียบทิพยเทพ ชายที่มีพรสวรรค์ครบทุกด้านจนแม้แต่ซุสยังต้องแอบอิจฉาในบางครั้ง! การเดินผ่านวิหารของข้าโดยไม่หันมามองน่ะหรือ? นั่นมันอาชญากรรมทางอารมณ์ชัด ๆ ! เจ้าควรจะหมอบราบคาบแก้วและขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้เจ้าได้มีแฟนที่เพอร์เฟกต์ รวยสติแตก และเร่าร้อนจนเตียงนี้แทบจะลุกเป็นไฟขนาดนี้!


และตอนนี้... ในเมื่อเจ้าได้รับเกียรติให้เป็นสมบัติของความสมบูรณ์สำหรับข้าแบบนี้แล้ว เจ้าไม่มีสิทธิ์หนีไปไหนทั้งนั้น จนกว่าข้าจะอนุญาต! 


เจ้ายังนิ่งอยู่อีกเหรอ? นี่เจ้าไม่เข้าใจแรงสั่นสะเทือนของประวัติศาสตร์ที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าเจ้าเลยใช่ไหม!


เจ้ารู้ไหมว่ามาตรฐานของแฟนที่ดีในโลกมนุษย์น่ะมันต่ำเตี้ยเรี่ยดินแค่ไหน? ผู้ชายทั่วไปอาจจะพาเจ้าไปกินมื้อค่ำหรูๆ แต่ข้า... ข้าสามารถย่อส่วนกลุ่มดาวลูกไก่มาประดับโต๊ะอาหารให้เจ้าได้! ลองคิดดูสิเอสต้า... เจ้าคบกับใครอยู่? เจ้าคบกับชายที่เป็นเจ้าของใบหน้าซึ่งปรากฏอยู่ในทุกงานประติมากรรมที่สวยที่สุดในโลก ข้าคือต้นแบบของคำว่าดูดี โดยที่ข้าไม่ต้องใช้ฟิลเตอร์ ไม่ต้องพึ่งโบท็อกซ์ เพราะความหล่อของข้ามันเป็นอมตะและเรืองแสงได้เองในที่มืด! เจ้าเคยเห็นพระเอกฮอลลีวูดคนไหนที่มีผิวสีแทนทองเพอร์เฟกต์ตลอดปีโดยไม่ต้องพึ่งสเปรย์ฉีดผิวไหม? ก็ข้านี่ไง! เพราะข้าคือดวงอาทิตย์! ข้าคือแสงแดดที่สาดส่องลงบนซิกแพคของตัวเองทุกเช้าเพื่อให้มันดูคมชัดระดับ 8K ตลอดเวลา!


แล้วเรื่องความเปย์น่ะหรือ? อย่าให้ข้าต้องเซด! รถสปอร์ตที่เจ้าเห็นคนรวย ๆ ขับกันน่ะ มันก็แค่เศษเหล็กเมื่อเทียบกับรถศึกพลังแสงอาทิตย์ของข้า รถของข้าไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันราคาแพง แต่มันขับเคลื่อนด้วยพลังงานบริสุทธิ์ของจักรวาล! ถ้าเจ้าอยากไปช้อปปิ้งที่ปารีส ข้าสามารถพาเจ้าพุ่งผ่านชั้นบรรยากาศไปลงจอดที่หน้าหอไอเฟลได้ภายในเวลาที่เจ้ายังไม่ทันจะได้เติมลิปสติกด้วยซ้ำ และข้าการันตีได้เลยว่าไม่มีด่านตรวจไหนกล้าเรียกตรวจใบขับขี่ของเทพแห่งสัจจะอย่างข้าแน่นอน!


ความฉลาดของข้าน่ะเหรอ? ข้าคือเทพแห่งคำพยากรณ์นะเอสต้า! ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะอยากกินอะไรก่อนที่เจ้าจะหิวซะอีก (ถึงแม้บางครั้งข้าจะแกล้งทำเป็นไม่รู้เพื่อให้เจ้าได้มีโอกาสอธิบายความต้องการของตัวเองบ้างก็เถอะ) ข้ารู้จุดจบของดวงดาว รู้สูตรลับของน้ำอมฤต และรู้แม้กระทั่งว่าไอ้พวกกิ๊กเก่าของเจ้าน่ะมันเทียบข้าไม่ได้เลยแม้แต่เล็บขบ! การที่เจ้าได้นั่งอยู่ตรงนี้ เคียงข้างชายที่มีไอคิวระดับอนันต์และมีเสน่ห์ดึงดูดใจยิ่งกว่าหลุมดำน่ะ มันไม่ใช่แค่เรื่องโชคดี แต่มันคือปาฏิหาริย์ที่สวรรค์ประทานลงมาให้ชีวิตอันแสนธรรมดาของเจ้าเลยนะ!


เจ้าควรจะตื่นขึ้นมาทุกเช้าแล้วมองไปที่หน้าต่าง พอเห็นแสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาเจ้าควรจะยิ้มแล้วพูดว่า 'ขอบคุณนะอะพอลโล แฟนของฉันช่างทำงานหนักเหลือเกินเพื่อโลกใบนี้' เพราะทุกครั้งที่ข้าขับรถข้ามขอบฟ้า ข้าก็ทำเพื่อรักษาบรรยากาศโรแมนติกให้เจ้าทั้งนั้น! ใครจะแต่งกวีไฮกุให้เจ้าได้ทุกห้านาที? ใครจะยิงธนูสลักชื่อเจ้าลงบนก้อนเมฆ? ไม่มี! มีแค่ข้าคนเดียวที่รวยพอ สวยงามพอ และมีรสนิยมสูงส่งพอที่จะคู่ควรกับการเป็นยอดดวงใจของข้า!


ดังนั้น เลิกทำหน้าเหมือนเบื่อโลกแบบนั้นได้แล้ว เพราะโลกใต้นี้ไม่มีอะไรน่ามองไปกว่าใบหน้าของข้าอีกแล้วเอสต้า! ยอมรับเถอะว่าการมีแฟนเป็นเทพเจ้าที่เพอร์เฟกต์ขนาดนี้น่ะ มันคือรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่มนุษย์คนหนึ่งจะได้รับในรอบสามพันปี! เจ้าไม่ได้เป็นแค่แฟน... แต่เจ้าคือผู้โชคดีที่ได้รับสิทธิ์ในการครอบครองอัญมณีที่ล้ำค่าที่สุดในโอลิมปัส และสิทธิ์นั้นข้าขอมอบให้เจ้า... เพราะข้าใจกว้างและใจดีที่สุดในบรรดามหาเทพทั้งปวงยังไงล่ะ! (ยาวกว่านี้อีกประมาณ 2 หน้ากระดาษ)


“พอเลย!” เอสต้าตะโกนสวนกลางอากาศ กอดอกแน่นกว่าเดิม “โอ้ย บ่นยาวกว่าคำพยากรณ์ทั้งค่ายอีกมั้งเนี่ย! นายรู้มั้ยว่าฉันแค่จะไปกินข้าวเที่ยง!” เธอพูดพลางจ้องไปที่รูปปั้นราวกับจะเถียงกับตัวจริงตรงหน้า แสงอาทิตย์สะท้อนเข้าตาเธอเหมือนกำลังจ้องตอบราวกับประช“อย่ามามองแบบนั้นนะเลสเตอร์ ฉันไม่ใช่โมนีก้านะ!” เธอชี้นิ้วใส่รูปปั้นอย่างหงุดหงิด แต่ริมฝีปากกลับแอบยิ้มบาง ๆ “นายใช้พลังบังคับทางเดินให้ฉันกลับมาหาอีกเนี้ยนะ โอ้ย ให้ตายสิ นี่มันไม่ใช่การแสดงความรัก นี่มันสตอล์กเกอร์โรคจิตที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์ชัด ๆ”


เสียงเงียบอีกครั้งแต่คราวนี้สายลมพัดกลีบดอกทานตะวันปลิวผ่านเท้าเธอ แสงแดดข้างในเหมือนส่องแรงขึ้นเล็กน้อย ราวกับกำลังจะพูดว่า ก็เพราะข้ารักเจ้าไง


เอสต้าถอนหายใจยาว “เฮ้อ... นายมันบ้าจริง ๆ เลสเตอร์” เธอส่ายหัว หัวเราะน้อย ๆ แล้วเดินขึ้นไปจนถึงบันไดขั้นแรก “ก็ได้ ๆ ถือว่าสักการะให้ละกัน” เธอพูดเสียงยานคางพลางยกมือไหว้แบบขอไปที “แด่ท่านเทพผู้หลงตัวเองแห่งศตวรรษ ขอให้ผมทองของท่านไม่หลุดร่วงแม้ต้องยืนตากแดดไปอีกพันปี” พูดจบก็หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหมุนตัวกลับ เสียงรองเท้าแตะพื้นหินอ่อนก้องไปทั่วลานวิหาร เธอยกมือป้องแดดพร้อมบ่น “แค่ขอให้คราวหน้าอย่าเล่นพลังงอแงใส่อีกละกัน ฉันไม่ได้มีเวลามานั่งทะเลาะกับพระอาทิตย์ทุกวันนะ!”


แสงทองในวิหารอะพอลโลยังคงส่องแรงราวกับตั้งใจจะไม่ให้ใครหนีไปไหนได้ง่าย ๆ เอสต้าในร่างโมนีก้ายังยืนเท้าเอวอยู่ตรงหน้าบันไดหินอ่อน เงาสะท้อนของเธอทอดยาวไปจนเกือบถึงแท่นบูชา กลางอากาศอบอุ่นนั้นยังมีความรู้สึกบางอย่างที่เรียกว่า ดื้อด้าน(โคตร ๆ) ลอยวนอยู่ เธอยักคิ้วมองขึ้นไปบนรูปปั้นเทพเจ้าผู้เปล่งรัศมีจนแทบจะต้องใส่แว่นกันแดด แล้วบ่นพึมพำออกมาเสียงดังพอให้ทั้งวิหารได้ยิน


“โอเค นายชนะแล้วเลสเตอร์ ฉันจะพูดก็ได้ ว่านายมันงอ—” ยังไม่ทันจบคำ แสงสีทองรอบตัวก็ส่องแรงขึ้นจนต้องยกแขนบังหน้า “โอ้โห นี่ไง พูดยังไม่ทันขาดคำ ก็เล่นเอาแสงจ้าจนตาจะบอด!” บรรยากาศรอบ ๆ สั่นเล็กน้อย คล้ายเสียงหัวเราะที่ไม่ได้ยินด้วยหูแต่สัมผัสได้ในอก เสียงของอะพอลโลหรือพูดให้ถูกคือ เสียงของความหลงตัวเองในแบบเลสเตอร์ดังขึ้นในหัวเธออย่างชัดเจน 


งอแง? หลงตัวเองงั้นเหรอ เอสต้า... เธอนี่ช่างใช้คำได้ไม่เข้ากับผู้ชายที่เพอร์เฟ็กต์ขนาดนี้เลยนะ ข้ามันก็มีดีให้หลงจริง ๆ นี่นา จะให้เรียกว่าหลงตัวเองได้ยังไง?


เอสต้ากรอกตาจนแทบจะมองเห็นสมองตัวเอง “โอ้ย ฉันควรเดาได้ตั้งแต่ตอนเห็นดอกทานตะวันพวกนั้นแล้ว...” เธอบ่น ก่อนจะลองหมุนตัวเดินออกไปอีกครั้ง แต่ทว่า เธอไม่สามารถก้าวออกไปพ้นประตูได้จริง ๆ เหมือนมีม่านแสงบาง ๆ กั้นไว้ พอลองผลักเบา ๆ ก็เหมือนดันกำแพงอุ่น ๆ ที่ยืดหยุ่นแต่ไม่ขยับสักนิด


“นี่นายจะไม่ให้ฉันออกไปใช่ไหม!” เธอหันกลับไปพูดเสียงดังจนสะท้อนในวิหาร เสียงในหัวตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบแต่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจแบบคนที่มีซิกซ์แพ็กในใจ 


ใช่!! จนกว่าเจ้าจะสำนึกในความรักอันยิ่งใหญ่ของข้าเสียก่อน


“สำนึกในความ... เฮ้อ เจ้าพระอาทิตย์บ้าเอ๊ย” เอสต้าถอนหายใจยาวอย่างเหลืออด เธอเท้าเอวอีกข้าง มองรูปปั้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “เอางี้ละกัน จะให้ฉันสักการะใช่ไหม จะได้จบ ๆ ไป” ว่าแล้วเธอก็หยิบของบางอย่างออกมาจากแหวนดาราจรัส วงแหวนที่สะท้อนแสงสีรุ้งระยิบระยับ ก่อนที่ช่อกุหลาบสีแดงสดจะค่อย ๆ ปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ เธอหมุนข้อมือหนึ่งทีจนกลีบกุหลาบสะบัดเล่นกับลม แล้ววางมันลงตรงแท่นบูชาเสียงดัง ปั้ง! 


“นี่ค่ะ ช่อดอกไม้แดงสดจากแหวนดาราจรัสของแท้ เอาไปเลย ดอกไม้แห่งความรัก แด่ท่านเทพผู้เพอร์เฟกต์ที่สุดในจักรวาลทั้งสิบสองมิติ” บรรยากาศเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมีแสงสีทองวาบเหมือนแสงกระพริบของใครบางคนที่พยายามกลั้นหัวเราะ เสียงในหัวของเลสเตอร์ดังขึ้นอีก 


พูดแบบนั้นดูประชดชะมัด...


“ก็เพราะมันประชดน่ะสิ” เอสต้าตอบกลับทันทีอย่างไม่ลังเล แต่แสงรอบตัวกลับไม่จางลง แถมยังเริ่มระยิบระยับกว่าเดิมอีก เธอหรี่ตาใส่รูปปั้นพลางบ่น “อย่าบอกนะว่ายังไม่พอใจอีก?” แสงทองข้างในเหมือนกระพริบตอบช้า ๆ เหมือนคนพยักหน้า


เอสต้าสูดหายใจลึกก่อนจะพูดช้า ๆ “โอเค ๆ เอาก็เอา...” แล้วเธอก็ยืนเท้าเอว พูดเสียงดังอย่างขัดใจ “รัก! ได้ยินไหม รัก! พอใจยัง?” เธอเงียบไปหนึ่งอึดใจ ก่อนที่ลำแสงสีทองจะอาบทั่ววิหารเหมือนพระอาทิตย์หัวเราะเสียงดังจนสะเทือนทุกผนัง แสงที่ส่องลอดกระจกกลายเป็นประกายเต้นระยับเหมือนมีใครเปิดโหมดอวดดีขั้นสุด เอสต้ากรอกตา “ฉันรู้นะว่านายยิ้มอยู่แน่ ๆ นายมั—โอ้ย ฉันพูดคำว่ารักให้แล้ว! หยุดทำหน้าแบบนั้นในหัวฉันสักทีได้ไหม!” เธอส่ายหัวพร้อมเดินถอยออกจากแท่นบูชา คราวนี้เหมือนม่านแสงค่อย ๆ เปิดทางให้ ขณะเธอกำลังจะก้าวออกจากวิหาร เสียงในหัวเลสเตอร์ยังดังขึ้นเบา ๆ แต่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ที่แทบมองเห็นได้ 


รู้ไหม... เจ้าพูดคำว่ารักได้เสียงน่ารักมากเลยนะ ข้าวเที่ยงของเจ้าวันนี้จะอร่อยขึ้นสิบเท่าแน่ ๆ

“ไอ้พระอาทิตย์หลงตัวเอง!” เธอตะโกนกลับไปโดยไม่หันหลัง เสียงหัวเราะอุ่น ๆ ดังตามหลังมาอีกระลอก

เอาน่า... ข้าก็มีดีให้หลงจริง ๆ นี่นา~

“ฉันจะเอาผ้ามาคลุมรูปปั้นนายไว้ให้มิดเลย!” เอสต้าบ่นพลางเดินออกจากวิหารด้วยใบหน้าแดงนิด ๆ ทั้งจากแดด ทั้งจากความหงุดหงิด และอีกนิดจากความเขินที่ไม่ยอมรับกับใครทั้งนั้น ทิ้งไว้เพียงเสียงหัวเราะของเทพหนุ่มที่สะท้อนก้องไปทั่ว วิหารอะพอลโลเรืองแสงขึ้นเล็กน้อย ราวกับมีใครเพิ่งได้รับคำสารภาพที่นาน ๆ ทีจะได้ยิน



[God-09] อะพอลโล

ถวาย ช่อดอกไม้ (กุหลาบสีแดง) - เพิ่มความโปรดปรานเทพ +15

โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความโปรดปราน  +25

โบนัสจาก (ผู้โปรดปรานเหล่าเทพ) - โบนัสเพิ่มความโปรดปราน +15

(ใส่มาทำไมมมมม)

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 74428 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-12-19 22:05
โพสต์ 74,428 ไบต์และได้รับ +15 EXP +20 ความศรัทธา จาก การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์  โพสต์ 2025-12-19 22:05
โพสต์ 74,428 ไบต์และได้รับ +4 EXP +7 ความกล้า +7 ความศรัทธา จาก ผืนป่าลวงตา  โพสต์ 2025-12-19 22:05
โพสต์ 74,428 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 เกียรติยศ จาก ใบขับขี่สากล  โพสต์ 2025-12-19 22:05
โพสต์ 74,428 ไบต์และได้รับ +4 EXP +5 ความกล้า จาก บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส  โพสต์ 2025-12-19 22:05
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-12-20 13:41:36 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Moneka เมื่อ 2025-12-20 14:05

วันที่ 18 เดือน ธันวาคม ปี 2025

เวลาเช้า เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป ณ วิหารอะพอลโล


เมื่อแสงสายสาดผ่านกระจกสีทองของวิหารอะพอลโล แสงนั้นตกกระทบลงบนพื้นหินอ่อนจนดูคล้ายลำแสงจากสวรรค์ที่ถูกเทรินให้เป็นลวดลายระยิบระยับ เอสต้าในร่างของโมนีก้าเดินเข้ามาด้วยท่าทีไม่ค่อยเต็มใจนัก มือกอดอกแน่นขณะปรายตามองรูปสลักสูงใหญ่ของเทพเจ้าแห่งแสง ดวงตาเทาเงินของเธอสะท้อนเงาเปลวแดดที่ลอดผ่านม่านกระจก ภายในใจมีทั้งความรู้สึกขัดใจและขบขันปะปนกันอยู่เต็มเปา


“ที่ฉันมาเนี่ย... ไม่ใช่เพราะอยากมาหรอกนะ แต่เพราะต้องมาถวายวันนี้ต่างหาก นายก็งอนไปได้เมื่อวานน่ะ” เธอพูดเสียงงึมงำเหมือนเด็กโดนบังคับให้มาขอโทษแม้ไม่รู้ว่าผิดอะไร ท่าทางงอนง้อของเธอขัดแย้งกับรัศมีศักดิ์สิทธิ์รอบตัววิหารเสียจนบรรยากาศดูขัดแปลกแต่ก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบ


เอสต้าเดินเข้าไปยังแท่นบูชา วางช่อกุหลาบสีขาวแซมแดงลงตรงกลางพานทองอย่างระมัดระวัง กลิ่นหอมหวานตัดกับกลิ่นกำยานที่ลอยอ้อยอิ่งอยู่รอบห้อง ก่อนจะพูดพลางยืนเท้าสะเอว “ก็เอาล่ะ นี่ของถวายอย่างเป็นทางการนะคะ ถือว่าหมดหนี้บุญคุณเรื่องที่นายช่วยโมนีก้าไว้ช่วงนี้” เธอหรี่ตาเล็กน้อยแล้วเริ่มบ่นเหมือนเปิดพจนานุกรมความกวน “ระหว่างทางที่ผ่านมา ฉันเจอพวกลูกวัลแคนบ้าเกราะทองที่คิดว่าตัวเองเท่ เจอพ่อค้าปากดี เจอขนกริมาลคินราคาแพงชิบหาย แต่รู้ไหมอะไรที่ภูมิใจที่สุด? การต้องมานั่งฟังนายบ่นเรื่องพรสวรรค์ของตัวเองนั่นแหละ ฟังไปก็สงสัยว่าเทพเจ้ากับกระจกเงานี่ใครหลงตัวเองกว่ากันแน่” และหลังจากนั้นเอสต้าก็เล่าวีรกรรมความซนของตัวเองที่ไปบนบานไหว้ 9 วิหาร 3 วันเต็มให้ฟังว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย


เสียงสะท้อนของเธอวิ่งผ่านเสาหินและเพดานโดมราวกับใครบางคนหัวเราะแผ่ว ๆ ตอบกลับจากอากาศ เธอเบือนหน้าหน่อยหนึ่งแล้วเชิดคางขึ้นอย่างท้าทาย “โอ๊ย ไม่ต้องทำเสียงแบบนั้นเลย ฉันพูดจริงนะ ก็เพราะแบบนี้แหละนายถึงน่ารักดี ยังจะงอนอีกเหรอ”


เอสต้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “ฉันกำลังจะไปแล้วล่ะ แทนโมนีก้า ระหว่างทางเธอคงกลับมาเอง ตอนนี้หัวใจของเธอดีขึ้นเยอะเลยนะ นายก็มีส่วนเยอะด้วยแหละ อย่าทำหน้าภูมิใจล่ะ... ฉันเห็นนะหมายถึงคิดออกอ่ะ” เธอหันหลังให้รูปสลัก ดวงตาสีเทาเงินสะท้อนแสงทองวูบหนึ่งก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วแต่แฝงความอบอุ่น “ไว้เจอกัน อย่าอแงนักล่ะ ฉันต้องไปเตรียมตัวเดินทางต่อแล้ว”


เมื่อเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เธอหันกลับมาพูดอีกทีพร้อมยิ้มมุมปากแบบกวน ๆ “ถ้าคิดถึงก็ทักเนคทาร์ หรือโทรมาก็ได้ ฉันเปิดแจ้งเตือนไว้เฉพาะนายกับแม่นะ จะถือว่าเป็นสิทธิพิเศษเลยล่ะ” แสงแดดลอดผ่านกระจกลงมาสาดบนพื้นตรงที่เธอยืนอยู่พอดี ราวกับเทพเจ้าแห่งแสงยิ้มบาง ๆ ให้คำลาของหญิงสาวผู้เอาแต่ใจคนนี้ เธอก้าวออกจากวิหารอย่างสงบ แต่ปลายเสียงหัวเราะเบา ๆ ของเธอยังสะท้อนอยู่ในห้องโถง




เผาเกียรติยศแก่เทพ

ข้า โมนีก้า เอ็ม. บลอสซัม ขอถวายเกียรติยศแก่เหล่าเทพ แก่เทพอะพอลโล เทพแห่งพระอาทิตย์

จำนวนเกียรติยศที่มอบให้: 24000 แต้ม

ได้รับ: +24 เหรียญอะพอลโล, ความโปรดปราน +120(เต็มแล้ว) (ทุก ๆ 1000 เกียรติยศ = +1 เหรียญอะพอลโล , +5 ความโปรดปรานต่ออะพอลโล)



[God-09] อะพอลโล

ถวาย ช่อดอกไม้ (กุหลาบสีขาวและแดง) - เพิ่มความโปรดปรานเทพ +15

โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความโปรดปราน  +25

โบนัสจาก (ผู้โปรดปรานเหล่าเทพ) - โบนัสเพิ่มความโปรดปราน +15

(กันนางงอนอีก แต่เต็มแล้วนะ รอเดี๋ยวมาปลด)

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ --24000 เกียรติยศ โพสต์ 2025-12-20 14:52
โพสต์ 26324 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-12-20 13:41
โพสต์ 26,324 ไบต์และได้รับ +9 EXP +10 ความกล้า จาก Vulcan's Ember  โพสต์ 2025-12-20 13:41
โพสต์ 26,324 ไบต์และได้รับ +8 EXP +9 ความกล้า +9 ความศรัทธา จาก ควบคุมมด  โพสต์ 2025-12-20 13:41
โพสต์ 26,324 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 ความศรัทธา จาก การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์  โพสต์ 2025-12-20 13:41
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้