
วันที่ 08 เดือน กันยายน ปี 2025
ช่วงเช้ามืด เวลา 04.00 - 05.00 น. ณ สถานพยาบาล เขตหลักกองพันที่สิบสอง ค่ายจูปิเตอร์ (พบ ซูกิ)
ประตูไม้สีอ่อนถูกผลักเปิดอย่างช้า ๆ กลิ่นสะอาดของน้ำยาฆ่าเชื้อผสมกับกลิ่นสมุนไพรอ่อน ๆ ลอยอบอวลในห้องพักผู้ป่วย ข้างในเงียบสงบ มีเพียงเสียงนกจากหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้ให้ลมพัดเข้ามา ผ้าม่านสีขาวพลิ้วเบาไปตามแรงลม แสงแดดยามบ่ายลอดเข้ามาแต่งแต้มบรรยากาศให้ดูอบอุ่น ซูกินั่งเอนอยู่บนเตียงไม้สไตล์โรมัน ข้างเตียงมีขวดน้ำวางไว้ เธอกำลังหยิบขึ้นมาจิบเล็กน้อยเมื่อเสียงประตูดังขึ้นพอดี ดวงตาคมเข้มตวัดมองไปทางนั้นก่อนจะแนบสายตาอ่อนลงเมื่อเห็นโมนีก้าเดินเข้ามา
โมนีก้าในชุดกระโปรงเหมือนเดิมก้าวเข้ามาพร้อมรอยยิ้มสดใส มือยังคงจับประตูไว้ครู่หนึ่งก่อนปล่อยช้า ๆ เธอยกมือปัดเส้นผมที่หล่นลงมาบังแก้มเล็กน้อยแล้วก้าวเข้าไปใกล้ เต็มไปด้วยความคิดถึงและความห่วงใย
“เป็นยังไงบ้างอ่ะซูกิ” โมนีก้าเอ่ยเสียงหวานอย่างพยายามทำให้บรรยากาศสดใสขึ้น “สามวันแล้วนะ อาการดีขึ้นยัง?” ซูกิหัวเราะเบา ๆ แม้สีหน้าจะยังซีดอยู่บ้างแต่แววตากลับสดใส “ดีขึ้นแล้วล่ะ อย่างน้อยก็ไม่รู้สึกเหมือนกระดูกจะหักทุกครั้งที่ขยับเหมือนวันแรก” เธอวางแก้วน้ำลง พลางใช้แขนที่ไม่บาดเจ็บยันตัวลุกขึ้นนั่งตรงขึ้นเล็กน้อย
โมนีก้าเลยเดินเข้ามาข้างเตียง นั่งลงบนเก้าอี้ไม้ใกล้ ๆ แล้วยกมือแตะหลังมือเพื่อนสาวเบา ๆ แววตาเป็นประกายอย่างโล่งใจ “ก็ดีแล้วสิ… ฉันนึกว่าจะต้องลากเธอออกไปเที่ยวไม่ได้อีกซะแล้ว”
ซูกิส่ายหัวนิด ๆ “ยังไงก็ยังไม่หายดีหรอก แต่เห็นหน้าเธอทำให้รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย” โมนีก้ายิ้มกว้างขึ้นจนดวงตาสีเทาเงินสะท้อนแสงแดดเป็นประกายอบอุ่น ราวกับแค่การมาเยี่ยมครั้งนี้ก็พอจะทำให้ทั้งสองลืมความหนักหน่วงของศึกที่เพิ่งผ่านไป หลังจากนั้นเธอก็ถอนหายใจยาวเหมือนปลดความกดดันในใจออกมากับลมอุ่น ๆ ที่เล็ดลอดเข้ามาจากหน้าต่าง เธอหันไปสบตาซูกิ ดวงตาสีเทาเงินสว่างวาบขึ้นมาเล็กน้อยเหมือนกำลังซ่อนบางอย่างในใจ ก่อนเอ่ยถามเสียงเบาแต่ชัดเจน
“ซูกิ… รู้หรือยังว่าเธอได้อยู่กองร้อยไหน?”
ซูกิที่ยังมีผ้าพันแผลพาดตรงไหล่ขยับตัวเล็กน้อย ริมฝีปากยกยิ้มแม้สีหน้าจะยังไม่เต็มร้อย “รู้แล้วสิ… ฉันได้อยู่กองร้อยที่หนึ่ง” น้ำเสียงเรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความมั่นใจ กองร้อยที่หนึ่งคือสุดยอดของค่าย ใคร ๆ ก็รู้ว่าที่นั่นคือที่รวมคนเก่งที่สุด โมนีก้าเงยหน้าขึ้นหัวเราะเบา ๆ สั่นศีรษะน้อย ๆ ก่อนจะตอบกลับ “งั้นฉันต่างออกไปหน่อยนะ… ฉันได้อยู่กองร้อยที่สอง ไม่ได้อยู่ด้วยกันจริง ๆ ด้วย” เธอพูดพลางยักไหล่เหมือนไม่คิดมาก แต่ในแววตากลับฉายความรู้สึกที่ลึกกว่านั้น ทั้งความโล่งใจและความดื้อรั้นผสมกัน
ซูกิเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ มองโมนีก้าแล้วพ่นลมหายใจออกมา “ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยก็ติดกัน… กองร้อยหนึ่งกับกองร้อยสองอยู่ใกล้กันมาก เวลาอยากเจอกันก็ไม่ยาก” เธอหยุดไปครู่หนึ่งเหมือนกำลังชั่งใจ ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่จริงจังกว่าเดิม “แต่แปลกนะ ฉันนึกว่าเธอจะได้กองร้อยหนึ่งด้วยซ้ำดูจากสิ่งที่เธอทำระหว่างทาง ฉันไม่เห็นใครฆ่าก๊อบลินสามสิบกว่าตัวได้ชิล ๆ แบบเด็ดผักเหมือนเธอ”
โมนีก้าได้ยินแบบนั้นกลับส่ายหัวทันที หน้าสวย ๆ ทำเป็นบึนิด ๆ แล้วหันหน้าหนีเหมือนเด็กดื้อ “ไม่หรอก ฉันไม่อยากอยู่หรอกกองร้อยที่หนึ่งน่ะ… เก่งก็จริงแต่ก็เข้มงวดเกินไป ไม่เหมาะกับฉันหรอก ฉันแค่… อยากอยู่ที่ที่ฉันหายใจได้ไม่ต้องแข่งขันทุกลมหายใจ แต่เหมือนจะคิดผิดนิดหน่อยกองร้อยที่สองดูกระหายชัยชนะแปลก ๆ จนฉันเหนื่อยใจ”
คำพูดนั้นออกมาพร้อมรอยยิ้มเอ๋อ ๆ ประจำตัว แต่ในน้ำเสียงกลับมีบางสิ่งที่หนักแน่นกว่าที่ซูกิเคยได้ยินมาก่อน จนซูกิเพียงแต่จ้องเธอนิ่ง ๆ แล้วตอบด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “ก็แล้วแต่เธอสิ… แต่อย่าลืมว่ากองร้อยไหนก็ไม่ได้สำคัญไปกว่าตัวเธอเองนะโมนีก้า” โมนีก้าเบิกตาโตนิด ๆ ก่อนจะยิ้มหวานให้ซูกิในที่สุด ราวกับคำพูดนั้นช่วยยืนยันความคิดของเธอว่าการเลือกเส้นทางที่เหมาะกับหัวใจตัวเอง… คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว
หลังจากคุยกันเสร็จโมนีก้าลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้ เสียงขาเก้าอี้เสียดสีกับพื้นหินขัดในห้องเงียบ ๆ ของสถานพยาบาลดังขึ้นเบา ๆ เธอยกมือจัดชายเสื้อให้เข้าที่แล้วโน้มตัวลงเล็กน้อย เอ่ยกับซูกิด้วยน้ำเสียงที่ทั้งอ่อนโยนและขี้เล่น “เธอพักผ่อนเถอะน่า… ฉันไม่กวนแล้ว เดี๋ยวฉันไปทำภารกิจประจำวันต่อก่อน ไม่งั้นจะโดนมองแรงด้วยมั้งเป็นเด็กใหม่ด้วย” เธอพูดพลางทำหน้าล้อเลียนแบบเด็ก ๆ พร้อมแลบลิ้นเล็กน้อยให้เพื่อนสาวทอมบอยที่ยังนั่งพิงหมอนอยู่บนเตียง
ซูกิเลิกคิ้ว มองเธอเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็เลือกถอนหายใจแทน ริมฝีปากโค้งขึ้นเล็กน้อย “ไปเถอะ… แต่กลับมาเล่าให้ฟังด้วยว่าทำอะไรบ้าง อย่าหาเรื่องใส่ตัวเองอีกล่ะ”
โมนีก้าแกล้งยกมือขึ้นทำท่าเซอร์วิสเหมือนทหาร “รับทราบค่ะคุณผู้ป่วย!” แล้วหัวเราะคิก ก่อนจะเดินไปที่ประตู เธอหยุดเล็กน้อยเหลือบตามองซูกิอีกครั้ง แววตาสีเทาเงินฉายแสงอบอุ่นจาง ๆ คล้ายจะบอกเป็นนัยว่า ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะอยู่ตรงนี้เสมอ จากนั้นเธอก็เปิดประตูออกไป ทิ้งไว้เพียงเสียงฝีเท้าเบา ๆ ที่ค่อย ๆ ไกลออกไป ขณะที่ซูกิเอนตัวลงกับหมอนอีกครั้งอย่างเหนื่อยอ่อน แต่ริมฝีปากยังคงมีรอยยิ้มเล็ก ๆ ติดอยู่ เหมือนพอใจที่เห็นเพื่อนยังมีแรงและร่าเริงพอจะเดินหน้าต่อไป
รางวัล: พูดคุยกับ TGC ความสนิทสนม +7 [TGC-10] อัสทริก เดวอน ซูกิ
โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ TGC +5
กลิ่นหอมจาก น้ำหอมสตรี - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +2
(โรลเพลย์ที่ลงท้ายด้วย 2 4 6 8 - ใช้ได้กับรุ่นพี่และเพื่อนร่วมรุ่นเท่านั้น)