จากร้านผ้าที่เงียบสงบ ทั้งคู่เดินถัดมายังร้านที่ดูมีสีสันฉูดฉาดที่สุดในย่านนี้ ‘Pantheon's Pockets’ ทันทีที่ผลักประตูเข้าไป เสียงกระดิ่งลมกรุ๊งกริ๊งก็ต้อนรับพร้อมกับกลิ่นอายของเวทมนตร์จาง ๆ ที่ลอยอบอวล ชั้นวางไม้ขัดเงาเต็มไปด้วยฟิกเกอร์ย่อส่วนของทวยเทพและอสุรกายที่แกะสลักอย่างละเอียดลออจนดูเหมือนจะขยับได้หากเผลอกะพริบตา
ไคกวาดสายตามองบรรดาของเล่นเหล่านี้ด้วยสีหน้าเรียบเฉยตามปกติ แต่ในแววตากลับมีความสนใจเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ ไม่ใช่ในฐานะเด็กที่อยากได้ตุ๊กตา แต่ในฐานะนักวางแผนที่มองเห็นกระดานหมากรุกแบบใหม่ เขาหยิบฟิกเกอร์ทหารโรมันจิ๋วที่ทำจากดีบุกขึ้นมาพิจารณา น้ำหนักกำลังดี รายละเอียดชุดเกราะถูกต้องตามประวัติศาสตร์เป๊ะ
“งานละเอียด” ไคพึมพำ หมุนตัวฟิกเกอร์ในมือไปมา “ถ้าเอามาใช้จำลองแผนการรบบนโต๊ะทรายน่าจะเห็นภาพชัดกว่าใช้ก้อนหินสมมติ... เสียดายที่มันดูแฟนตาซีไปหน่อยสำหรับห้องยุทธการ”
“นั่นมันร้านขายของเล่นนะคุณชาย ไม่ใช่ร้านอุปกรณ์เสนาธิการ” โนอาห์เอ่ยแซวขณะหยิบฟิกเกอร์รูปเทพมาร์สถือดาบขึ้นมาดู “แต่ก็จริง... เด็กที่นี่ถูกปลูกฝังเรื่องเทพเจ้าและการรบตั้งแต่ยังเดินไม่แข็ง ตุ๊กตาพวกนี้ก็แค่เครื่องมือชวนเชื่อรูปแบบหนึ่ง”
ไควางทหารจิ๋วลง แล้วหันไปหยิบฟิกเกอร์จูปิเตอร์ตัวใหญ่สุดบนชั้นวาง ใบหน้าของรูปสลักดูใจดีและเปี่ยมเมตตา ซึ่งขัดกับภาพจำความดุดันของบิดาในหัวของเขาอย่างสิ้นเชิง
“หน้าตาใจดีเกินจริงไปเยอะ” ไควิจารณ์เสียงเรียบ ก่อนวางรูปปั้นพ่อตัวเองกลับที่เดิมอย่างไม่ไยดี
“ถ้าท่านพ่อลงมาเห็นคงสั่งฟ้าผ่าร้านนี้ข้อหาบิดเบือนภาพลักษณ์ให้นุ่มนิ่มเกินไป”
“ฮึ” โนอาห์หลุดขำในลำคอ “เก็บความเห็นนั่นไว้เถอะ ก่อนที่สายฟ้าจะผ่าลงมาที่นายแทน... ไปกันได้แล้ว ขืนอยู่นานกว่านี้ฉันกลัวว่านายจะเผลอเหมาทหารจิ๋วพวกนี้ไปสร้างกองทัพส่วนตัวจริง ๆ”
“ก็แค่คิดว่ามันจัดทัพง่ายกว่าคนจริง ๆ ที่ชอบเถียงคำสั่งน่ะครับ” ไคยักไหล่ ก่อนจะเดินตามรุ่นพี่ออกจากร้าน ทิ้งเหล่าทวยเทพย่อส่วนไว้เบื้องหลัง แต่ในหัวเริ่มคำนวณราคาคร่าว ๆ แล้วว่าถ้าจะซื้อยกชุดไปตั้งโชว์ในห้องนอนต้องใช้กี่ดีนาเรียส