บันทึกมนตรา พิชิตอสุรา บุตรีเฮคาที ภริดา

Parida BELIEVER

บันทึกมนตรา พิชิตอสุรา
บุตรีเฮคาที Parida

“เลือดของเทพ ไม่ใช่เกราะป้องกันแต่เป็นแผนที่ — เธอเรียนรู้ที่จะแปลงร่างความกลัวให้เป็นเวท ไม่ใช่เพื่อพิทักษ์ แต่เพื่อล่าคืนความสงบของโลกที่บอบช้ำ”

คำคมนี้สะท้อนหัวใจของ Parida — บุตรีเฮคาทีผู้ยืนหยัดพิชิตอสุรกายด้วยไหวพริบและมนตราจากรอยแผลในอดีต

Parida BELIEVER

อสุรกายฮาร์ปี้
บุตรีเฮคาที Parida ฆ่าได้

การพิชิตครั้งแรก: การต่อสู้ ของ ริดา กับ อสุรกายฮาร์ปี้

ชีวประวัติอสุรกาย:

ฮาร์ปี้เป็นสิ่งมีชีวิตในตำนานที่ปรากฏทั้งในนิยายและตำนานกรีกโบราณ ลักษณะเด่นคือมีร่างกายผสมระหว่างมนุษย์และนก ปีกกว้างและขนเงางามคอยบินได้อย่างว่องไว ใบหน้ามีลักษณะมนุษย์ แต่ร่างกายส่วนล่างเป็นนกกรงเล็บคมคาย ฮาร์ปี้มีนิสัยดุร้าย ขี้โมโห และมักสร้างความวุ่นวายให้ผู้ที่เข้าใกล้ โดยเฉพาะในเขตป่าต้องห้ามหรือพื้นที่ที่มันปกป้องอย่างเข้มงวด

นักวิจัยและนักล่าต่างระบุว่า ฮาร์ปี้มีความสามารถในการตรวจจับสิ่งมีชีวิตจากระยะไกล สามารถโจมตีด้วยความเร็วสูง และใช้เสียงกรีดร้องเพื่อข่มขวัญคู่ต่อสู้ นอกจากนี้ยังมีสัญชาตญาณในการล่าเหยื่อที่ค่อนข้างแม่นยำ

ประสบการณ์ของคุณ (ริดา):

ขณะทำภารกิจบททดสอบเด็กใหม่ ริดาได้พบฮาร์ปี้ตรงบริเวณทางทิศเหนือของป่าต้องห้าม ร่างของมันเคลื่อนไหวอย่างว่องไว ท่ามกลางหมอกหนาที่ปกคลุมบริเวณนั้น ริดารู้สึกถึงความดุร้ายและพลังอันน่ากลัวของมัน การพบเจอครั้งนี้ทำให้ริดาต้องใช้ความระมัดระวังสูงสุดทั้งในการสังเกตพฤติกรรมและหาทางหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าโดยตรง

ได้รับ +1 ตื่นรู้จากการทำบันทึก

Parida BELIEVER

อสุรกายอังกูร
บุตรีเฮคาที Parida ฆ่าได้

การพิชิตครั้งแรก:  การต่อสู้ ของ ริดา และ อสุรกายอังกูล

ชีวประวัติอสุรกาย:

    อสุรกาย “อังกูร” เป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์อสูรเก่าแก่ที่กำเนิดขึ้นจากพลังมืดของเทพีแห่งความตายและความเสื่อมสลาย ว่ากันว่าอังกูรถือกำเนิดจากซากศพของนักรบที่ล้มตายบนสนามรบ เมื่อหลายร้อยปีก่อน โดยซากเหล่านั้นดูดซับความเคียดแค้น ความโศกเศร้า และพลังเวทมนตร์ดำเข้าด้วยกัน จนกลายร่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีหัวใจและวิญญาณ

    รูปร่างของอังกูรมีลักษณะคล้ายซอมบี้ขนาดมหึมา ร่างกายเน่าเปื่อยแต่แข็งแกร่งกว่ามนุษย์หลายเท่า แขนขากร่อนเน่าเหม็นและเต็มไปด้วยเถาวัลย์สีดำที่พันรัดร่างกายอยู่ตลอดเวลา มันมีเขี้ยวและกรงเล็บแหลมคมที่สามารถฉีกเกราะเหล็กได้อย่างง่ายดาย นัยน์ตาของมันเป็นสีแดงเรืองแสง เต็มไปด้วยความกระหายเลือด

   อังกูรมีนิสัยชื่นชอบการกินซากศพ และจะมุ่งหน้าไปยังที่ซึ่งมีความตายหรือพลังวิญญาณหนาแน่น หากมันได้กินซากสิ่งมีชีวิตมากพอ พลังของมันจะเติบโตและวิวัฒนาการ ทำให้ร่างกายยิ่งใหญ่ขึ้นและแข็งแกร่งมากยิ่งกว่าเดิม

    ตำนานกล่าวไว้ว่า อังกูรเคยถูกผนึกไว้ใน “ป่าต้องห้าม” เมื่อหลายร้อยปีก่อนโดยเหล่าผู้กล้าลูกครึ่งเทพ แต่ตราประทับเริ่มเสื่อมสลายเพราะการกาลเวลาและพลังมืดที่คอยกัดกร่อนอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดมันหลุดพ้นออกมาและเริ่มเข่นฆ่าเหล่าผู้ที่หลงเข้ามาในป่าแห่งนั้น

จุดอ่อนของอังกูร คือบริเวณกลางหน้าอก ซึ่งมี “แกนพลังสีม่วงเข้ม” หากทำลายแกนพลังนี้ได้ ร่างกายของมันจะสลายกลายเป็นขี้เถ้าในทันที แต่การเข้าใกล้แกนพลังนั้นเป็นเรื่องยากมากเพราะมันมักซ่อนอยู่ใต้เกราะเนื้อที่แข็งราวกับหิน

ประสบการณ์ของคุณ (ริดา):

    ในการรับเควส “ด่วน ล้างบางป่าต้องห้าม” ข้าพเจ้า ภริดา อารยภักดีเทวราช (ริดา) ได้พบเจอกับอังกูรเป็นครั้งแรก เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในช่วงย่ำค่ำ แสงแดดสุดท้ายของวันสาดส่องผ่านยอดไม้ลงมาอย่างเลือนราง ข้าพเจ้าก้าวเข้าสู่ป่าต้องห้ามด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความหนาวเย็นและบรรยากาศที่กดดันรอบด้าน

    เมื่อเสียง “ครืด…ครืด…” ดังมาจากพงหญ้าด้านหน้า ข้าพเจ้าก็หันไปพบเงาร่างสูงใหญ่ที่ค่อย ๆ โผล่ออกมาจากความมืด กลิ่นเน่าเหม็นคละคลุ้งจนแทบหายใจไม่ออก ดวงตาสีแดงของมันจ้องมองข้าพเจ้าราวกับนักล่าที่เจอเหยื่อ หลังจากนั้นเพียงเสี้ยววินาที มันก็พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วที่เกินคาดคิด

การต่อสู้ครั้งนั้นเต็มไปด้วยความตึงเครียด กรงเล็บของมันกรีดเฉียดแขนเสื้อของข้าพเจ้าขาดเป็นริ้ว ๆ ริดาจำเป็นต้องใช้ทั้งเวทมนตร์ของแม่เทพีเฮคาที และความว่องไวของตนเอง เพื่อหลบหลีกและโจมตีสวนกลับ ข้าพเจ้าได้สังเกตเห็นว่าบริเวณหน้าอกของมันมีแสงสีม่วงแผ่ว ๆ จึงมั่นใจว่านั่นคือจุดอ่อน

    หลังจากต่อสู้กันอย่างยาวนาน ข้าพเจ้ารวบรวมพลังทั้งหมดที่เหลือ ร่ายเวทย์ผนึกพร้อมกับแทงมีดสั้นทะลุแกนพลังนั้นอย่างแม่นยำ เสียงกรีดร้องสยดสยองของอังกูรดังก้องไปทั่วป่า ก่อนที่ร่างของมันจะแตกสลายกลายเป็นฝุ่นดำและควันมืดที่จางหายไปกับอากาศ

    แม้จะได้รับชัยชนะ แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ได้สอนให้ข้าพเจ้ารู้ว่า “อังกูร” ไม่ใช่ศัตรูที่ประมาทได้ และตราบใดที่พลังมืดยังคงอยู่ในโลกนี้ ก็มีโอกาสที่มันจะฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้ง ข้าพเจ้าจึงตั้งใจที่จะฝึกฝนตนเองให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อปกป้องเพื่อนร่วมค่ายและป่าแห่งนี้จากภัยร้ายที่อาจกลับมาอีกในอนาคต.

ได้รับ +1 ตื่นรู้จากการทำบันทึก

Parida BELIEVER

หมาป่าแห่งแอรีส
Ares’ Dire Wolf

การพิชิตครั้งแรก: การต่อสู้ ของ ริดา กับ หมาป่าแห่งแอรีส

ชีวประวัติอสุรกาย:

    หมาป่าแห่งแอรีสเป็นอสุรกายดึกดำบรรพ์ที่กำเนิดจากความโกรธเกรี้ยวและความกระหายในสงครามของเทพเจ้าแห่งสงคราม แอรีส ว่ากันว่ามันถือกำเนิดขึ้นในช่วงที่โลกยังเต็มไปด้วยควันไฟแห่งสงครามครั้งใหญ่ หมาป่าเหล่านี้มีร่างกายใหญ่โตสูงเกือบเท่ามนุษย์ผู้ใหญ่ ดวงตาสีแดงฉานส่องประกายราวกับเปลวเพลิงแห่งความโกรธ

    ขนของมันหนาและหยาบกร้านราวกับเกราะศึก บางตัวยังมีเกราะโลหะโบราณฝังติดอยู่ตามลำตัว เสียงหอนของมันสามารถสั่นสะเทือนจิตใจของผู้ฟัง ทำให้เกิดความหวาดกลัวและสับสนใจกลางสนามรบ พวกมันมักจะรวมฝูงกันออกล่า และจะปรากฏเฉพาะในสถานที่ที่เต็มไปด้วยความตาย เช่น สุสานโบราณ หรือสนามรบเก่า

    ตำนานเล่าว่า แอรีสสร้างมันขึ้นมาเพื่อเป็นกองกำลังเงา คอยคุ้มครองสมบัติและวิญญาณนักรบผู้ล้มตายในสนามรบ บางตำนานยังกล่าวว่า หากผู้ใดสามารถพิชิตหมาป่าแห่งแอรีสได้ จะได้รับพลังแห่งความกล้าหาญและความแข็งแกร่งดั่งนักรบในตำนาน แต่หากพ่ายแพ้ วิญญาณของผู้ท้าทายจะถูกกลืนกินและกลายเป็นหนึ่งในฝูงของมันชั่วกาล

ประสบการณ์ของคุณ:

   ข้าพบหมาป่าแห่งแอรีสครั้งแรกใน ป่าต้องห้าม ขณะที่กำลังทำภารกิจ “ด่วน ล้างบางป่าช้าต้องห้าม” ตอนแรกป่าทั้งป่าถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาทึบจนมองเห็นเพียงเงาลาง ๆ เสียงหอนต่ำ ๆ ดังแว่วมาในความเงียบราวกับจะสั่นสะท้านหัวใจให้หยุดเต้น

    เมื่อก้าวเข้าไปลึกกว่าเดิม เงาตะคุ่มขนาดมหึมาก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางหมอก ดวงตาสีแดงเพลิงจ้องมองมาด้วยความกระหายเลือด ข้ารู้ทันทีว่ามันไม่ใช่หมาป่าธรรมดา แต่คือหมาป่าแห่งแอรีสในตำนาน

    การต่อสู้ครั้งนั้นยากลำบากยิ่งกว่าที่ข้าคิด มันเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับสายฟ้า และทุกครั้งที่มันหอน ข้าจะรู้สึกเหมือนสติแตกสลาย ทว่าด้วยความตั้งใจและคำแนะนำจากรุ่นพี่ที่เคยเผชิญหน้ามาก่อน ข้าจึงใช้กับดักและภูมิประเทศเป็นตัวช่วย ลากมันเข้าไปในพื้นที่ที่วางแผนไว้ ก่อนจะโจมตีจุดอ่อนบริเวณใต้ลำคอ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ไม่มีเกราะโบราณปกป้อง

ได้รับ +1 ตื่นรู้จากการทำบันทึก

Parida BELIEVER

อสุรกายก็อบลิน
บุตรีเฮคาที Parida ฆ่าได้

การพิชิตครั้งแรก ณ ที่ใด:  พิชิตอสุรกายก็อบลิน ของ ภริดา

ชีวประวัติอสุรกาย:

   ก็อบลิน เป็นอสุรกายขนาดเล็กที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในโลกเวทมนตร์และตำนานโบราณทั่วโลก พวกมันมีรูปร่างเตี้ยป้อม ผิวหนังมีสีตั้งแต่เขียวหม่น เทา ไปจนถึงสีน้ำตาลอมแดง ดวงตาโปนโตเป็นประกายคล้ายแสงเพลิงในยามค่ำคืน มีเล็บยาวแหลมคมและฟันแหลมดุจใบมีด ก็อบลินขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าเล่ห์และโลภมาก พวกมันมักจะอาศัยรวมกันเป็นฝูงในสถานที่มืดและรกชัฏ เช่น ถ้ำเก่า ป่าลึก หรือแม้แต่ตลาดมืดที่ซ่อนอยู่ตามมิติ ซึ่งเป็นแหล่งค้าขายของเวทมนตร์เถื่อน

   พวกมันมีความสามารถพิเศษในการดมกลิ่นโลหะล้ำค่า โดยเฉพาะทองคำและเงิน และมักถูกพบในสถานที่ที่มีการแลกเปลี่ยนวัตถุเวทย์มนตร์หรือสมบัติโบราณ ว่ากันว่าในบางตำนาน ก็อบลินเป็นผู้คุมสมบัติของเทพโบราณ แต่เมื่อพวกมันทรยศและขโมยสมบัติหนี จึงถูกสาปให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้เกียรติ มีชีวิตเพื่อแสวงหาความมั่งคั่งไปชั่วนิรันดร์

   ลักษณะการต่อสู้ของก็อบลินคือการโจมตีเป็นฝูง พวกมันมักใช้กลยุทธ์ล้อมเหยื่อและใช้ความเร็วกับความคล่องตัวเป็นอาวุธ แม้จะตัวเล็กแต่ก็อันตรายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในพื้นที่คับแคบ หากพบก็อบลินเพียงตัวเดียว มักหมายความว่ามีฝูงซ่อนตัวอยู่ไม่ไกลนัก

ประสบการณ์ของคุณ:

   การเผชิญหน้ากับก็อบลินครั้งแรกของฉันเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดเลยสักนิด วันนั้นฉันเพียงตั้งใจจะไปฝึกฝนฝีมือของตัวเองและออกไปเที่ยวตลาดนัดลองไอช์แลนด์กับ เฟลิทซ์ ไฟร์เยอร์ เพื่อนร่วมค่ายที่มีไฟแห่งการผจญภัยเช่นเดียวกับฉัน ตลาดแห่งนั้นคึกคักเต็มไปด้วยผู้คนและพ่อค้าแม่ค้าจากมิติหลากหลาย มีทั้งกลิ่นเครื่องเทศ เครื่องราง และเสียงตะโกนเรียกลูกค้าดังก้องไปทั่ว ท่ามกลางบรรยากาศชวนตื่นตาตื่นใจ ฉันแทบไม่ทันสังเกตถึงเงามืดที่แอบซ่อนอยู่ตามตรอกแคบ ๆ

   ทันทีที่เราเดินเข้าไปยังย่านขายวัตถุเวทย์มนตร์เก่าแก่ เสียงคำรามต่ำแหบแห้งดังขึ้นจากมุมมืด ก่อนที่ดวงตาสีแดงเพลิงหลายคู่จะปรากฏขึ้นตามความมืดราวกับเปลวไฟเล็ก ๆ เฟลิทซ์ดึงแขนฉันไว้พร้อมเตือนด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า

"ระวัง... นั่นมันก็อบลิน!"

   ไม่กี่อึดใจ ฝูงก็อบลินจำนวนมากก็กรูกันออกมา พวกมันตัวเล็กแต่เคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับเงา ฉันรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงและมือที่สั่นเล็กน้อย แต่นั่นก็เป็นการทดสอบความกล้าของฉันครั้งสำคัญ เฟลิทซ์จุดไฟที่มือของเขาเพื่อส่องสว่างและขู่ให้พวกมันถอย แต่ก็อบลินกลับคำรามดังลั่นและกระโจนเข้ามา

   ฉันคว้ามีดสั้นออกมาพร้อมตั้งท่า แม้จะหวาดกลัวแต่ความมุ่งมั่นในใจกลับชัดเจนยิ่งกว่าเดิม เสียงโลหะกระทบกันดังสนั่นเมื่อใบมีดสั้นของฉันฟาดปะทะกับกรงเล็บของมัน เราสู้กันอย่างดุเดือดในตรอกแคบ ๆ ฉันใช้ความคล่องตัวเป็นข้อได้เปรียบ หลบการโจมตีแล้วตอบโต้ด้วยความแม่นยำและความเร็ว เฟลิทซ์คอยปกป้องด้านหลังและสาดไฟใส่ศัตรูอย่างไม่หยุดยั้ง

   ท้ายที่สุด เมื่อก็อบลินตัวหัวหน้าล้มลง พวกที่เหลือก็ส่งเสียงกรีดร้องแล้วพากันถอยหนีไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงซากความเสียหายและความเหนื่อยหอบที่คลออยู่ในอกของเรา ฉันยืนมองมีดสั้นในมือที่เปื้อนคราบสีดำของอสุรกาย พลางรับรู้ได้ว่าตัวเองได้ก้าวข้ามความกลัวและแข็งแกร่งขึ้นอีกขั้น

   การเผชิญหน้าครั้งนั้นสอนให้ฉันเข้าใจว่า ความแข็งแกร่งไม่ได้มาจากอาวุธหรือเวทมนตร์เพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ต่อความหวาดกลัว และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางนักล่าของฉัน ที่จะไม่หยุดพัฒนาและพร้อมปกป้องทุกคนที่ฉันรักเสมอ

ได้รับ +1 ตื่นรู้จากการทำบันทึก

Parida BELIEVER

อสุรกายพัดวัดจิ
บุตรีเฮคาที Parida ฆ่าได้

การพิชิตครั้งแรก ณ ที่ใด:  การพิชิตอสุรกาย พัดวัดจิ ครั้งแรก ของ ริดา

ชีวประวัติอสุรกาย:

   พัดวัดจิเป็นอสุรกายขนาดเล็ก สูงประมาณ 2–3 ฟุต ลักษณะคล้ายมนุษย์ แต่มีร่างกายบางเบาและเคลื่อนไหวได้ว่องไว สามารถปรากฏตัวหรือหายไปได้ตามต้องการ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีผู้คนหนาแน่นหรือมีแหล่งพลังงานเวทมนตร์ พัดวัดจิมีพฤติกรรมซุกซนและมักสร้างความสับสนให้ผู้เผชิญหน้า ด้วยท่าทางที่คาดเดาไม่ได้และความสามารถในการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ที่ไม่ชำนาญอาจถูกลวงหรือเสียสมาธิ

ประสบการณ์ของคุณ:

   ริดาได้เผชิญหน้ากับพัดวัดจิครั้งแรกในขณะที่ไปตลาดนัดลองไอช์แลนด์พร้อมกับ เฟลิทซ์ ไฟร์เยอร์ ขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินเลือกซื้อของ พัดวัดจิปรากฏตัวอย่างกะทันหัน สร้างความตื่นตกใจและความวุ่นวายให้กับผู้คนรอบข้าง ริดาต้องใช้ทั้งไหวพริบและทักษะการต่อสู้เพื่อควบคุมสถานการณ์ ขณะที่เฟลิทซ์ช่วยสนับสนุนธอจากทางด้านหลัง พวกเขาสามารถบังคับพัดวัดจิให้ถอยไปได้ และเรียนรู้วิธีรับมือกับพฤติกรรมซุกซนของมันอย่างมีประสิทธิภาพ

ได้รับ +1 ตื่นรู้จากการทำบันทึก