[รัฐอินเดียนา] เมืองเอแวนส์วิลล์

[คัดลอกลิงก์]

หากท่านเป็นกึ่งเทพผู้หลงทาง สามารถสมัครสมาชิกเข้าร่วมกับเราได้ที่นี่ https://t.me/+etLqVX17bGg5ZjBl

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา ลงทะเบียน

×

เมืองเอแวนส์วิลล์ (Evansville)
รัฐอินเดียนา - สหรัฐอเมริกา
【 เมืองเอแวนส์วิลล์ 】
「 เมืองประวัติศาสตร์ริมแม่น้ำที่อบอุ่น 」

เมืองเอแวนส์วิลล์ (Evansville) ตั้งอยู่อย่างเงียบสงบริมน้ำมโหฬารที่ชื่อว่าแม่น้ำโอไฮโอ ในรัฐอินเดียนา สหรัฐอเมริกา บรรยากาศโดยรวมของที่นี่ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนเมืองเล็กที่ย้อนไปหาอดีต แต่มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกแบบเมืองขนาดใหญ่ เมืองนี้ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1812 และเติบโตขึ้นอย่างมั่นคงจนกลายเป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของรัฐอินเดียนาด้วยประชากรในเขตเมืองราว 117,000 คน และเพิ่มเป็นกว่า 358,000 คน ในเขตเมืองมหานครที่ขยายครอบคลุมหลายมณฑล


แม่น้ำโอไฮโอซึ่งโค้งเป็น "Crescent City" หรือเมืองพระจันทร์เสี้ยว เป็นเสน่ห์สำคัญที่ทำให้เอแวนส์วิลล์โดดเด่น ในอดีตเป็นจุดจอดเรือสำคัญสำหรับพ่อค้า โดยเฉพาะในยุคเติบโตจากการขนส่งทางน้ำและทางรถไฟ จนกลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจ การค้า การแพทย์ การศึกษา และการผลิตของภาคใต้รัฐด้วยกันเอง


เอแวนส์วิลล์ยังมีจุดเด่นด้านวัฒนธรรมและการเรียนรู้ที่เข้มแข็ง มีพิพิธภัณฑ์พื้นที่ประวัติศาสตร์ เช่น Angel Mounds ที่สะท้อนวัฒนธรรมพื้นเมืองโบราณ สวนสัตว์ Mesker Park ที่ได้รับการยอมรับว่ายิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในรัฐอินเดียน่า รวมถึงวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยหลายสถาบัน เช่น University of Evansville และ University of Southern Indiana ที่ช่วยส่งเสริมคนรุ่นใหม่ของเมืองนี้


สิ่งที่ทำให้เมืองแห่งนี้น่าสนใจยิ่ง ได้แก่เทศกาลประจำปีอย่าง West Side Nut Club Fall Festival ที่จัดติดต่อกันราวกับงานคาร์นิวัลในพื้นที่ และตลาดภายในเมืองที่มีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ ทำให้ย่านดาวทาวน์มีชีวิตชีวายิ่งขึ้น...อย่าลืมมาเที่ยวกันล่ะ!


แสดงความคิดเห็น

God
โพสต์ 10653 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-8-25 15:40
โพสต์ 2025-8-25 19:33:19 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 25 เดือนสิงหาคม ปี 2025

ช่วงเช้ามืด 04.00 - 06.00 น. ณ เมืองเอแวนส์วิลล์ รัฐอินเดียน่า สหรัฐอเมริกา


ยามรุ่งสางของเมืองเอแวนส์วิลล์เงียบสงัดแม้โลกทั้งใบจะไม่รู้จักความมืดอีกแล้วก็ตาม แสงสว่างที่เหมือนฟ้าเช้าไม่สิ้นสุดคอยบดบังดวงดาวและดวงจันทร์ไปอย่างไร้ร่องรอย ห้องนอนของโมนีก้าทอประกายอ่อน ๆ จากไฟหรี่ที่ผสมเข้ากับโทนสีม่วง ฟ้า และชมพูพาสเทลของการตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์ที่จัดวางเป็นระเบียบแต่แฝงไปด้วยความเป็นตัวเอง ทำให้ที่นี่เป็นรังเล็ก ๆ ของเธอในโลกที่ไม่เคยหยุดหมุน เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นในเวลา 04.00 น. มือเรียวยาวของหญิงสาวเลื่อนปิดมันอย่างรวดเร็ว เธอลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า ลมหายใจยาวสะท้อนถึงความเหนื่อยล้าที่สั่งสมตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ตั้งแต่โลกนี้ไร้เวลากลางคืน เธอแทบไม่เคยได้พักผ่อนอย่างแท้จริงอีกเลย ความเงียบในเมืองถูกแทนด้วยความสับสน ความหวาดกลัว และผู้คนที่พยายามปรับตัว แต่ในห้องนี้ยังคงอบอุ่นและเต็มไปด้วยกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้ที่เธอปลูกไว้ริมหน้าต่าง


โมนีก้าลากร่างตัวเองไปยังห้องน้ำภายในห้องนอน เปิดก๊อกน้ำ ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นจัดที่ทำให้ผิวซีดขาวตื่นขึ้นทีละน้อย เธอก้มหน้าลงมองน้ำหยดไหลตามไรผมสีม่วงอมฟ้าที่สะท้อนอยู่ในอ่าง พอเงยหน้าขึ้น เธอก็มองเห็นตัวเองในกระจก ดวงตาสีเงินเทาอันเป็นเอกลักษณ์ยังคงงดงาม ทว่าขอบตาที่คล้ำเป็นเงาม่วงอ่อนทำให้ภาพตรงหน้านั้นเหมือนตุ๊กตากระเบื้องที่ถูกแต่งแต้มความอ่อนล้า


“แม่ง…ดูไม่สดใสเลยนี่นา…” เธอพึมพำกับเงาของตัวเองในกระจก เสียงแผ่วเบาแต่แฝงไปด้วยรอยยิ้มจาง ๆ แบบที่มักใช้ปกปิดความอ่อนแอ


ผมยาวที่ย้อมเป็นโทนม่วงครามถูกเธอใช้นิ้วเรียวจัดให้เข้าที่ ความรู้สึกที่ขัดแย้งกันทั้งความเปราะบาง ความเข้มแข็ง ความอ่อนหวานและความเด็ดเดี่ยว ยังคงหมุนวนอยู่ในดวงตาคู่นั้น เช้านี้... เป็นอีกวันหนึ่งที่ไม่มีราตรีมาบดบัง…ช่างน่าขำจริง ๆ 


เสียงบันไดไม้ดังเอี๊ยดอ๊าดเบา ๆ ขณะโมนีก้าก้าวลงจากชั้นบน กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นลอยมาแตะจมูกทันทีที่เท้าเปล่าของเธอสัมผัสพื้นไม้เรียบเย็น คุณพ่อนั่งอยู่ที่โต๊ะครัวตัวเก่า เปิดหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นพลางจิบกาแฟไปด้วย เขาเงยหน้าขึ้นยิ้มอ่อน ๆ ให้ลูกสาวเพียงคนเดียว "ตื่นเช้าอีกแล้วนะโม"


“อรุณสวัสดิ์ค่ะพ่อ” เสียงทักทายใส ๆ แต่ยังแฝงความง่วงงุนเล็กน้อยหลุดออกมาจากริมฝีปากของเธอ ดวงตาสีเงินยังมีรอยคล้ำเล็กน้อยบ่งบอกถึงการพักผ่อนไม่เต็มอิ่ม ทว่ารอยยิ้มที่ส่งให้บิดาก็ยังอบอุ่นเหมือนเคย เธอเดินผ่านครัวไปนั่งโซฟาในห้องนั่งเล่น มือเอื้อมหยิบรีโมทกดเปิดทีวี ภาพบนจอกำลังรายงานข่าวสดจากกรุงโรมใหม่เมืองที่ถูกเปิดเผยขึ้นมา ในเน็ตว่ากันว่าถอดแบบจากสถาปัตยกรรมโรมโบราณอย่างพิถีพิถัน ทั้งวิหาร เสาโรมัน และจัตุรัสกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยฝูงชน นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกกำลังเดินชมด้วยสายตาตื่นตะลึง เสียงผู้ประกาศกล่าวด้วยน้ำเสียงเร้าใจถึงการฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมที่กำลังเกิดขึ้นแม้จะผ่านไปหนึ่งปีแล้วก็ตาม


โมนีก้านั่งจ้องมองภาพนั้นนิ่ง ๆ ขณะที่เสียงพากย์บรรยายเรื่องค่าเงินดีนาเรียสที่กำลังพุ่งสูงลิบ แต่ถึงอย่างนั้นผู้คนก็ยังยินดีจ่าย เพียงเพื่อได้สัมผัสกลิ่นอายประวัติศาสตร์ที่เหมือนหลุดพ้นมาจากกาลเวลา


ในแววตาเธอปรากฏประกายบางอย่าง ไม่ใช่แค่ความสนใจในความงดงามของโรมัน แต่เป็นความรู้สึกที่ลึกกว่านั้น เหมือนหัวใจถูกกระตุกจากความคุ้นเคยบางอย่าง เธอพึมพำเบา ๆ ราวกับคุยกับตัวเอง “โรม… ที่ไม่เคยหายไป ที่ยังคงอยู่จริง ๆ สินะ?” สำหรับใครหลายคนเมืองนี้อาจเป็นแค่สถานที่ท่องเที่ยวหรือการแสดงพลังวัฒนธรรม แต่สำหรับโมนีก้าแล้ว มันเหมือนสานที่ ที่รอเรียกหาเธออยู่เงียบ ๆ ทั้งที่เธอเองยังไม่เข้าใจว่าทำไมเลือดเนื้อของเธอถึงสั่นสะท้านเพียงแค่เห็นภาพเหล่านั้น

 

ข้างหลังของเธอตนนี้คุณพ่อเดินมาวางแก้วน้ำส้มคั้นสดลงบนโต๊ะหน้าทีวี “ดูท่าจะสนใจข่าวนี้มากเลยนะโมนีก้า พ่อเห็นเราชอบหยุดดูข่าวนี้ทุกที” เขาพูดด้วยรอยยิ้ม แต่ในน้ำเสียงมีแววกังวลเล็ก ๆ เหมือนเขาเองก็รู้ดีว่าโรมไม่ใช่แค่เมืองในข่าวธรรมดาสำหรับลูกสาวคนนี้ เธอหันไปยิ้มบาง ๆ แต่ไม่ได้ตอบ เพียงแค่ยกแก้วน้ำส้มขึ้นจิบ ปล่อยให้รสหวานอมเปรี้ยวไหลผ่านลำคอ ในใจกลับเต็มไปด้วยความคิดว่า…บางที เรื่องราวที่ถูกซ่อนเร้นมาทั้งชีวิต อาจใกล้ถึงเวลาถูกเปิดเผยแล้วก็ได้


หลังจากนั้นเธอและพ่อก็มุ่งหน้าตรงไปยังโซนด้านข้างที่เป็นร้านขายยา แสงเช้าที่ไม่เคยจางหายสาดลอดผ่านม่านกรองแสงที่พ่อบรรจงเลือกมาติดไว้ทุกบานหน้าต่างในบ้าน ทำให้บรรยากาศข้างในร้านขายยาดูอบอุ่นและนุ่มนวล ไม่ร้อนแรงเหมือนโลกภายนอกที่ไร้ช่วงเวลากลางคืน โมนีก้าเดินตามพ่อไปเปิดร้านเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่บนถนนเดียวกับบ้านหลังเล็กของพวกเขา ประตูไม้สีขาวถูกผลักเปิดออกพร้อมเสียงกระดิ่งเบา ๆ ดังต้อนรับวันใหม่ กลิ่นยาและสมุนไพรลอยอบอวลไปทั่วร้าน ขวดแก้วเรียงรายอย่างเป็นระเบียบบนชั้นสูงเรียบ ๆ พ่อของเธอกำลังตรวจสอบตู้ยา เช็กสต็อกกับบัญชีอย่างเคร่งครัด ขณะที่โมนีก้าเดินไปหยิบผ้าสะอาดมาค่อย ๆ เช็ดเคาน์เตอร์หน้าร้าน ดวงตาสีเงินเหลือบไปเห็นถุงยาที่เตรียมไว้สำหรับลูกค้าประจำพ่อของเธอเป็นคนจัดมันเองกับมือ


“โชคดีนะคะ ที่คนเราปรับตัวเก่งกับไอ้ความไม่มีเวลากลางคืนเนี้ย” เสียงหวานเอ่ยขึ้นขณะมือยังขยับไม่หยุด เธอมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นผู้คนเดินผ่านไปมาบนถนน แต่ละคนก็เหมือนคุ้นชินกับโลกที่ไม่มีค่ำคืนเสียแล้ว บางคนสวมแว่นกันแดดตลอดเวลา บางคนใช้เสื้อคลุมที่ปกปิดผิวจากแสงที่ไม่เคยหยุด


คุณพ่อแคนทัสหัวเราะเบา ๆ พลางส่ายหน้า “มนุษย์น่ะ มีสิ่งที่เรียกว่าวิทยาการ...เขาสร้างทุกอย่างขึ้นมาปกป้องตัวเอง อย่างม่านบังแดดนี่ไง แสงผ่านไม่ได้ถึงบ้านเราจะเล็กแต่พ่อก็อยากให้หนูได้มีที่สงบเย็นบ้าง” โมนีก้ายิ้มหวานให้กับเขารอยยิ้มที่เหมือนดอกไม้แรกแย้มในเช้าวันอุ่น เธอเอียงศีรษะเล็กน้อยแล้วตอบเบา ๆ “หนูรู้ค่ะ...พ่อห่วงหนูเสมอเลย”


ขณะนั้นเธอหยุดมือมองพ่อสักครู่ แววตาสีเงินสะท้อนถึงความรักและผูกพันอย่างแน่นแฟ้น ตั้งแต่แม่จากไป พ่อก็เป็นทั้งที่พึ่งทั้งร่มเงาและหัวใจดวงเดียวที่เธอยึดไว้ในโลกที่ไม่เคยปกติอีกต่อไป แม้ในใจเธอรู้ดีว่าที่นี่ เมืองเอแวนส์วิลล์ ยังไม่ใช่บ้านจริง ๆ ของเธอ แต่เพราะอยู่กับพ่อทุกมุมมองทุกเสียงหัวเราะ และทุกการทำงานเล็ก ๆ อย่างเช็ดโต๊ะ จัดยา มันก็ทำให้โลกที่ไม่เคยมีค่ำคืนดูไม่โหดร้ายเกินไปนัก และบางที...นี่อาจเป็นช่วงเวลาที่เธออยากหยุดไว้ให้นานที่สุด ก่อนที่เส้นทางแห่งโชคชะตาที่ซ่อนอยู่ในสายเลือดจะเรียกหาเธอออกไปไกลจากบ้านหลังเล็กนี้


หลังจากนั้นไม่นานโมนีก้าก็เดินทางออกมาจากร้านค้า เธอพึ่งย้ายมาที่เมืองนี้ได้ประมาณไม่ถึงสองเดือนเลยชอบเดินเล่นรอบ ๆ เมืองเสียหน่อย อย่างน้อยก็อาจจะช่วยทำให้เธอสบายใจขึ้นกับความรู้สึกที่ค่อนข้างอึดอัดในตัว เธอเดินผ่านสายลมในสวนสาธารณะพัดเอื่อย ๆ แต่กลับเต็มไปด้วยความอึดอัดบางอย่างที่โมนีก้าสัมผัสได้ทันทีที่เธอเงยหน้ามองต้นไม้ตรงหน้า กิ่งไม้แห้งกรอบเหมือนไม่เคยมีใครเหลียวแล เธอก้าวเข้าไปใกล้ ก้มลงเปิดก๊อกน้ำสาธารณะแล้วใช้ฝ่ามือเรียวรองน้ำเย็น ๆ ก่อนจะยกขึ้นพรมน้ำหยดใส่ดินรอบโคนต้นอย่างอ่อนโยน


ทันใดนั้นกลีบใบที่เหี่ยวเฉากลับฟื้นตัวเล็กน้อย ราวกับตอบสนองต่อสัมผัสของเธอเอง ดวงตาสีเงินของโมนีก้าเบิกกว้างเล็กน้อย หัวใจเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง ความรู้สึกแบบนี้...เธอรู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ซึมซับความประหลาดนั้น เสียง "หืดหอบ" หนัก ๆ ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง ราวกับสัตว์ร้ายกำลังสูดดมอากาศเพื่อจับกลิ่น มันหนาแน่นและดังก้องจนต้นคอเธอเย็นวาบ เธอค่อย ๆ หันหลังกลับอย่างระมัดระวังและภาพที่เห็นทำให้ร่างกายชะงักงันในทันที


“!!!?”


สัตว์ประหลาดตัวยักษ์สูงเกือบสี่เมตรยืนตระหง่านอยู่ไม่ไกล ผิวกายเต็มไปด้วยขนสีเทาแข็งแกร่ง หัวกระทิงที่ดวงตาแดงวาวก้มต่ำลงมาสบตากับเธอ ในมือใหญ่ถือขวานสองคมอันมหึมาที่สะท้อนประกายแดดลอดก้อนเมฆราวกับเตือนว่า มันสามารถฉีกทุกอย่างเป็นชิ้น ๆ ได้ง่ายดาย กล้ามเนื้อแข็งราวกับเหล็กเคลื่อนตัวช้า ๆ แต่มั่นคง มันก้าวเท้าแผ่นดินสะเทือนเล็กน้อย ทุกฝีเท้าคือการข่มขู่ เงาของมันทอดยาวคลุมร่างโมนีก้าไว้ราวกับเหยื่อที่ถูกหมายตา


มิโนทอร์ อสุรกายแห่งตำนานกรีกที่ไม่ควรปรากฏตัวในสวนสาธารณะเงียบ ๆ ของเมืองเล็ก ๆ แต่ตอนนี้...มันอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว


หัวใจของโมนีก้าเต้นแรงความหวาดกลัวพุ่งเข้ามา แต่ก็ปะปนกับความรู้สึกคุ้นแปลก ๆ ในเส้นเลือด เหมือนสายเลือดกำลังตอบสนองต่อภัยตรงหน้าอย่างเงียบงัน มิโนทอร์ส่งเสียงคำรามต่ำ ๆ ราวกับจะประกาศว่าเธอคือเป้าหมายต่อไปของมัน และตอนนี้เจ้าของดวงตาสีเงินของโมนีก้าสั่นสะท้อนพร้อมกับมือเรียวที่เผลอกำแน่นจนเล็บจิกผิว


“ตึกกก!! ตึก โคร่ม!!” เสียงก้าวเท้าโครมครามดังก้องไปทั่วสวนสาธารณะ มิโนทอร์พุ่งเข้ามาเหมือนพายุร้าย โมนีก้าแทบไม่ทันคิด เธอหมุนตัวแล้วออกวิ่งสุดแรงเกิด ขาเรียวเล็กขยับเร็วเสียจนแทบไม่ทันหายใจ ลมหายใจหอบแรงจนเหมือนหน้าอกกำลังจะระเบิดออกมา


“ไม่นะ… เชี่ย!! ไม่จริง มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม มิโนทอร์มีจริงได้ยังไงวะ!!?” ความคิดแตกเป็นเสี่ยง ๆ ในหัวจนเผลอพูดออกมาตามที่คิด สติแทบไม่เหลือแต่สัญชาตญาณเอาชีวิตรอดของเธอถูกปลุกขึ้นมาเต็มที่ หัวใจเต้นรัวเหมือนกลองศึก ขณะที่เสียงคำรามต่ำ ๆ ของสัตว์ร้ายไล่ตามมาติด ๆ ร่างกายของเธอสั่นสะท้านไปหมด มือเย็นชืดดวงตาสีเงินพร่ามัวจากทั้งเหงื่อและน้ำตาที่เอ่อรื้น แต่เธอยังวิ่ง สับตีนแตกเหมือนวิ่งผลัด 4x100 ที่เส้นชัยคือการมีชีวิตรอดของตัวเอง


นั้น!!!


ถนนด้านหน้ามีผู้คนพลุกพล่าน เธอพุ่งไปทางนั้นหวังว่าความวุ่นวายของฝูงชนจะเป็นเกราะกำบังชั่วคราว แต่ไม่ทันที่ความหวังจะสมบูรณ์ เสียงหวีดหวิวของโลหะหนักแหวกอากาศก็ดังขึ้น


ฟึ่บ!


ขวานยักษ์ขนาดมหึมาพุ่งเฉียดศีรษะของเธอไปเพียงไม่กี่เซนติเมตรก่อนจะปักลงกลางพื้นถนนด้านหน้า ด้วยแรงมหาศาลจนพื้นแตกสะเทือนฝุ่นและเศษดินพุ่งกระจายไปทั่ว โมนีก้าชะงักกึก ร่างกายแข็งทื่อขาแทบไม่ขยับได้หัวใจตกไปอยู่ตาตุ่ม เธอหอบหายใจรุนแรง ดวงตากลมโตเบิกโพลงด้วยความหวาดกลัวจนฉี่จะราดอยู่แล้ว


มิโนทอร์ยืนห่างออกไปเล็กน้อย มันหอบลมหายใจแรง ๆ ผ่านจมูกใหญ่ คำรามต่ำ ๆ อย่างเจตนาจะข่มขู่ แต่แทนที่จะเข้ามาปลิดชีพ มันกลับค่อย ๆ ถอนสายตาออกไป เหมือนเพียงต้องการประกาศตัวว่าโลกนี้ไม่ปลอดภัยสำหรับเธออีกต่อไป เสียงกีบเท้ากระแทกพื้นดังก้อง ก่อนเงามหึมานั้นจะถอยหายไปกับแนวไม้ด้านหลัง ทิ้งไว้เพียงขวานที่ฝังลึกอยู่ในพื้นถนน กับความจริงที่ทำให้เลือดในกายของโมนีก้าเย็นเยียบ


หญิงสาวทรุดฮวบลงกับพื้น มือสั่นระริก กำเสื้อตัวเองแน่น หัวใจยังเต้นแรงจนแทบหลุดออกมานอกอก เธอหอบหายใจแทบไม่เป็นจังหวะ ภาพเหตุการณ์ยังคงวนซ้ำในหัวไม่หยุด “พระเจ้า…นี่มันเรื่องอะไรกัน…” เสียงสั่นพร่าเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปาก เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าทำไมสัตว์ประหลาดจากตำนานถึงปรากฏตรงหน้าเธอ แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือชีวิตธรรมดาของเธอไม่มีวันเหมือนเดิมอีกแล้ว


ไม่นานหลังจากนั้นเสียงกระดิ่งประตูร้านยาดังกรุ๊งกริ๊งเมื่อโมนีก้าวิ่งเข้ามาในร้านขายยาของพ่อ ร่างบางของเธอสั่นสะท้าน หอบหายใจแรงเหมือนจะขาดใจในทุกจังหวะ เธอแทบไม่สนใจลูกค้าที่พึ่งออกจากร้านไปเมื่อครู่ รีบพุ่งตัวเข้าหาคุณพ่อที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ กอดเขาแน่นราวกับจะไม่ยอมปล่อย “พ่อ! พ่อคะ…มันมีสัตว์ประหลาด! มีเขา มีขวานใหญ่ยักษ์ มัน…มันเกือบฆ่าหนูแล้ว!” เสียงของเธอสั่นเครือ น้ำตาเอ่อรื้นเต็มดวงตาสีเงิน ดวงหน้าซีดขาวยิ่งกว่าปกติ ขาทั้งสองข้างแทบไม่มีแรงยืน


คุณพ่อแคนทัสตกใจแต่รีบวางทุกอย่างลง กอดลูกสาวกลับแน่น มือใหญ่ลูบเส้นผมยาวสีม่วงครามของเธอเบา ๆ ราวกับจะกลบเสียงสั่นกลัวนั้นให้หายไป “ชู่ว…ไม่เป็นไรแล้วโม ไม่เป็นไรแล้ว พ่ออยู่นี่แล้ว” เสียงทุ้มอ่อนโยนแต่แฝงความร้อนรนสะท้อนออกมา เขารู้ดีว่าลูกสาวไม่ได้พูดโกหกเพราะตั้งแต่ย้ายมาเอแวนส์วิลล์ โมนีก้าเป็นคนบอกเขาเองว่าสัมผัสได้ถึงสายตาประหลาดที่เหมือนเฝ้ามองอยู่รอบ ๆ


โมนีก้าซุกหน้าเข้ากับอกพ่อ น้ำตาไหลเปียกเสื้อเชิ้ตของเขา “พ่อคะมัน…มันจ้องหนูเหมือนหนูเป็นเหยื่อ หนูไม่ใช่คนกล้านะพ่อ หนูกลัว หนูไม่อยากเจออีกแล้ว…” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหวาดผวาจริงแท้ ร่างเล็กในอ้อมแขนเหมือนจะหายใจไม่ทัน


แคนทัสหลับตาลงชั่วขณะ เขาไม่รู้คำตอบไม่รู้เหตุผลว่าทำไมสิ่งเหล่านี้ถึงเกิดขึ้น “พ่อไม่รู้หรอกว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง…แต่พ่อเชื่อหนูโมนี่ พ่อเชื่อทุกคำที่หนูเล่า” เขาผละออกเล็กน้อย ประคองใบหน้าของเธอขึ้นมาให้สบตากัน “ใจเย็น ๆ ยัยหนูของพ่อ จำไว้นะ ไม่ว่าอะไรจะตามหนูมา…พ่อจะปกป้องหนูจนถึงที่สุด” คำพูดนั้นทำให้หัวใจที่เต้นระส่ำของโมนีก้าคลายลงเล็กน้อย แต่ความจริงที่ฝังอยู่ในหัวก็ยังชัดเจน นี่ไม่ใช่ภาพหลอน ไม่ใช่ฝันร้าย หลังจากนั้นตลอดทั้งวันโมนีก้าอยู่ที่ร้านกับพ่อจนกลับบ้าน เธอขังตัวเองอยู่ในห้องนอนของตนเอง


ในห้องนอนเล็กที่ถูกผ้าม่านหนาทึบปิดกั้นแสงจากโลกภายนอกจนมืดสนิท มีเพียงโคมไฟข้างเตียงที่ส่องแสงอุ่นสลัว ๆ โมนีก้านั่งอยู่บนเตียง มือเรียวขาวซีดเอื้อมไปจับกรอบรูปครอบครัวที่วางอยู่ตรงหัวเตียง ภาพถ่ายที่ซีดจางเล็กน้อยเผยให้เห็นเด็กหญิงตัวน้อยวัยเพียงสองขวบยิ้มสดใสในอ้อมกอดของพ่อข้าง ๆ และร่างของผู้หญิงที่สวยอ่อนหวาน ใช่…นั้นคือแม่ของเธอ นิ้วของโมนีก้าลูบไล้ไปบนรอยยิ้มของแม่ในรูป ใจเธอสั่นระริก ราวกับในห้วงความเงียบนี้ ความคิดถึงและความกลัวถูกขับออกมาจนแน่นอก น้ำตาคลอหน่วยช้า ๆ ดวงตาสีเงินพราวสะท้อนเงาไฟ “แม่คะ…ได้ยินหนูบ้างไหมคะ…ช่วยหนูกับพ่อทีช่วยปกป้องเราด้วย ถ้าแม่อยู่บนสวรรค์แล้วยังรออยู่ที่อาณาจักรของพระเจ้า...” เสียงแผ่วเบาแทบเหมือนคำภาวนา


ทันใดนั้น ความเงียบก็กลายเป็นสิ่งผิดปกติ ลมเย็นวูบหนึ่งพัดผ่านห้องทั้งที่หน้าต่างปิดสนิท ม่านผ้าสั่นไหวเล็กน้อย แสงไฟสลัวกระพริบชั่วครู่ ดอกไม้แห้งในแจกันบนโต๊ะข้างเตียงกลับชูช่อขึ้นราวกับมีใครปลุกชีวิตให้คืนมา เสียงนั้นแว่วก้องมาในห้วงความเงียบ มันไม่ใช่ภาษาอังกฤษ ไม่ใช่สำเนียงอเมริกัน แต่เป็นถ้อยคำโบราณที่หนักแน่นและคมชัดเหมือนดาบกล้าแทงทะลุความมืด โมนีก้านิ่งค้าง หัวใจเต้นแรงจนเจ็บอก เธอขมวดคิ้วพยายามตั้งสติ ฟังให้ได้ว่าเป็นภาษาอะไร

 

ริมฝีปากเธอพึมพำเบา ๆ “…ภาษาโรมัน?” เสียงสั่นพร่า หลายคำเธอฟังไม่ออก แต่บางคำชัดเจนพอจะตีความได้ securitas… tutela… ความปลอดภัย…การคุ้มครอง… “ใครกัน…แม่เหรอ?” เธอหันซ้ายทีขวาที สายตาไล่หาต้นเสียง แต่กลับว่างเปล่า ห้องทั้งห้องเงียบสนิทจนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองดังโครมคราม ความเย็นลึกลับเริ่มเกาะผิวเนื้อ


แล้วทันใดนั้น เพล้ง!


กรอบรูปที่เธอวางไว้บนหัวเตียงร่วงลงพื้นเองอย่างไร้สาเหตุ แก้วแตกเล็กน้อย เสียงก้องชัดจนเธอสะดุ้งเฮือก ทั้งที่ในห้องไม่มีพัดลมหน้าต่างปิด ไม่มีแม้แต่ลมลอดเข้ามา


มือสั่นระริกของโมนีก้าเอื้อมไปหยิบกรอบรูปขึ้นมา หัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา เธอสังเกตเห็นว่าภาพถ่ายที่เคยแนบสนิทอยู่ในกรอบกลับหลุดออกมาเล็กน้อย และที่ด้านหลังภาพถ่ายนั้น มีลายมือหวัด ๆ เขียนเอาไว้ ร่องรอยหมึกซีดลงตามกาลเวลา แต่เธอจำได้ทันที มันคือลายมือของแม่…ลายมือที่เธอเคยเห็นจากบันทึกเก่า ๆ ที่พ่อเก็บไว้ ข้อความนั้นสั้น แต่กลับเหมือนคำสั่งเสียที่บาดลึกถึงขั้วหัวใจ


เมื่อไม่ปลอดภัย จงทำตามสัญชาตญาณแห่งโรม รักลูกเสมอไลแลคน้อยของแม่


มือเล็กของโมนีก้าสั่นจนแทบทำกระดาษหล่น น้ำตาไหลรินเงียบ ๆ บนแก้มซีดขาว เธอจ้องมองลายมือที่ไม่ได้เห็นมานาน…แต่กลับแน่นอนเกินกว่าจะเป็นภาพหลอน “แม่…นี่แม่เขียนไว้จริง ๆ ใช่ไหม…” เสียงกระซิบสะท้อนในห้องที่มืดสนิท ดวงตาสีเงินสั่นสะท้อนทั้งความกลัว ความสับสน และความอบอุ่นที่ปะปนกัน โลกทั้งใบของเธอเหมือนกำลังสั่นคลอน แต่ก็มีบางอย่างในเส้นเลือดที่เริ่มร้อนวูบขึ้นมามันคือบางสิ่งที่แม่ฝากเอาไว้…มันกำลังตื่นในร่างกายของเธอ…


แสงไฟสลัวจากโคมไฟหัวเตียงสะท้อนในดวงตาสีเงินของโมนีก้า ขณะที่เธอยังคงถือรูปถ่ายครอบครัวนั้นแนบอก หัวใจยังคงเต้นแรงจากเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เมื่ออ่านลายมือที่อยู่ด้านหลังรูปแล้ว ความอบอุ่นบางอย่างก็แทรกเข้ามาแทนที่ความหวาดกลัว เธอพึมพำเบา ๆ เหมือนคุยกับตัวเองและกับแม่ที่จากไป “บางที…พรุ่งนี้หนูอาจต้องเล่าเรื่องนี้ให้พ่อฟังแล้วล่ะ ถ้าแม่ทิ้งข้อความไว้แบบนี้แปลว่ามันต้องสำคัญจริง ๆ ใช่ไหมคะ…” รอยยิ้มบาง ๆ แต้มที่มุมปาก แม้จะยังมีน้ำตาคลอแต่รอยยิ้มนี้ดูอ่อนโยนและเปราะบางในเวลาเดียวกัน


ภาพในหัวเริ่มเล่นไปข้างหน้าเป็นจิตนาการที่เธอเห็นตัวเองกำลังหัวเราะอ้อนพ่อขอเงินค่าเครื่องบิน บอกว่าอยากลองไปโรมใหม่เมืองที่เพิ่งเปิดตัวและกำลังฮือฮาไปทั่วโลก บางทีนั่นอาจเป็นคำตอบ บางทีที่นั่นอาจเชื่อมโยงกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเธอ แต่คืนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินใจ โมนีก้าวางรูปถ่ายกลับลงข้างหมอน ปิดโคมไฟจนห้องมืดสนิทอีกครั้ง ม่านหนาทึบทำให้โลกภายนอกที่ยังคงสว่างเหมือนกลางวันไม่อาจรบกวนเธอได้อีก เสียงลมหายใจเริ่มผ่อนคลายทีละน้อย


“คืนนี้…ขอให้ฝันดีถึงแม่ทีเถอะ…” เธอพึมพำเบา ๆ ก่อนดวงตาจะค่อย ๆ ปิดลง ร่างเล็กขดกายใต้ผ้าห่ม ความอบอุ่นจากคำว่า รักลูกเสมอ ยังคงก้องอยู่ในใจ ในห้วงนิทราที่กำลังจะพาเธอดำดิ่งลงไปนั้น แสงเงินวูบหนึ่งส่องลอดเข้ามาในความมืด เหมือนมีใครกำลังรอเธออยู่ในความฝัน…


ทว่า..


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


เสียงเคาะประตูสามครั้งแผ่วเบาดังขึ้นในห้องเงียบสนิท โมนีก้าที่นอนขดตัวใต้ผ้าห่มสะดุ้งตื่น ดวงตาสีเงินเบิกกว้างทันทีเพราะยังหลับไม่สนิท ใจหนึ่งคิดว่าเป็นเพราะเหตุการณ์ประหลาดยังคงตามมา แต่เมื่อได้ยินเสียงของพ่อดังขึ้นจากด้านนอก เธอจึงผ่อนลมหายใจออกเล็กน้อย “โม…ขอพ่อเข้าไปได้ไหม?” น้ำเสียงทุ้มที่พยายามคุมให้มั่นคง แต่แฝงความสั่นสะเทือนเล็กน้อย โมนีก้าลุกจากเตียง เดินไปเปิดประตูอย่างระมัดระวัง ภาพที่เห็นทำให้เธอใจหายผมของพ่อมีหยากไย่ติดอยู่ราวกับเพิ่งปีนป่ายห้องเก็บของเก่า ใบหน้าซีดเคร่งเครียดดวงตาคมนั้นบ่งบอกว่าเขาไม่ได้แค่กังวลธรรมดา แต่กำลังค้นหาทางออกให้ลูกสาวคนเดียวของเขาอย่างหัวใจแทบแตกสลาย


“พ่อ…เกิดอะไรขึ้นหรือคะ?” เธอถามเสียงแผ่ว มือยังจับลูกบิดแน่น


แคนทัสไม่ตอบทันที เขาส่งจดหมายเก่าเก็บฉบับหนึ่งที่ห่อด้วยซองกระดาษสีน้ำตาลซีดตามกาลเวลาให้กับเธอ “พ่อเพิ่งเจอ…มันอยู่ในหีบเก่าของตระกูลเรา”


โมนีก้ารับจดหมายนั้นมาอย่างสับสนนิ้วเรียวสั่นเล็กน้อยขณะคลี่มันออก กลิ่นกระดาษเก่าลอยแตะจมูก แสงไฟในห้องสลัวสะท้อนหมึกที่เลือนลางแต่ยังคงอ่านได้ชัดเจน ตัวอักษรเขียนไว้ว่า Asher Blossom …ชื่อที่เธอไม่คุ้น แต่พ่อพึมพำบอกช้า ๆ “ชื่อปู่ทวดของลูก…ทวดแอชเชอร์”


เธอเงยหน้าขึ้นงงงัน “ปู่ทวด? แล้วทำไมพ่อถึงเอามาให้หนูตอนนี้หรอคะ?”


แคนทัสถอนหายใจยาว ร่างสูงใหญ่โน้มลงนั่งขอบเตียงข้างเธอ “พ่อเองก็ไม่รู้รายละเอียด แต่ปู่ทวดของเราเคยพูดไว้…ถ้าวันหนึ่งตระกูลบลอสซัมตกอยู่ในอันตราย ให้ลูกหลานทำตามสัญชาตญาณแห่งโรมหะ?! หัวใจโมนีก้ากระตุกแรงทันที เธอแทบปล่อยจดหมายหลุดมือ “ว่า…ว่าอะไรนะคะพ่อ? สัญชาตญาณแห่งโรม?” เสียงสั่นเครือเหมือนสายฟ้าฟาดในใจ เพราะมันคือประโยคเดียวกันกับที่เธอเพิ่งเห็นจากลายมือแม่บนรูปถ่ายเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน เธอหันไปมองพ่อ ดวงตาสีเงินพราวสะท้อนความสับสนและหวาดหวั่น “ทำไมถึงเป็นประโยคเดียวกันพ่อ? แม่ก็เคยเขียนไว้…”


แคนทัสจ้องลูกสาวด้วยแววตาแน่นิ่งแต่เปี่ยมไปด้วยความเจ็บปวด เขาส่ายหน้าเบา ๆ “แม่ลูกเขียนไว้งั้นหรอ?...พ่อไม่รู้หรอกโม…พ่อแค่รู้ว่า ตอนนี้หนูไม่ปลอดภัยแล้วจริง ๆ” มือใหญ่ของเขาวางลงบนไหล่เล็ก บีบแน่นอย่างคนที่ไม่อยากปล่อย “ลูกอาจต้องเดินทางไกลกว่าที่คิด…พ่อไม่อยากพูดแบบนี้ แต่ดูเหมือนลูกต้องห่างไกลพ่อเหลือเกิน” โมนีก้ารู้สึกเหมือนพื้นโลกทั้งใบกำลังโคลงไหว ข้างในอกเหมือนมีไฟและน้ำแข็งประทะกัน เธอสับสน กลัวและไม่อยากเชื่อ แต่ทุกคำ ทุกสัญญาณที่ได้รับมันเชื่อมโยงกันหมด ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ประหลาดที่ปรากฏในสวนสาธารณะ ลายมือแม่ที่ฝากข้อความและตอนนี้ก็คือ…จดหมายของบรรพบุรุษ


เธอกอดจดหมายนั้นแนบอก น้ำตาเอ่อคลอ “หนูไม่เข้าใจเลยพ่อ…แต่ถ้าแม่กับทวดบอกเหมือนกัน…หนูคงไม่มีทางเลือกใช่ไหม?” แคนทัสลูบศีรษะลูกสาวเบา ๆ “ไม่ว่าลูกจะเลือกยังไง พ่อจะอยู่ข้างลูกเสมอ แต่บางครั้ง…สิ่งที่เขียนไว้ในสายเลือดมันก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกโมนี” ในห้องที่เงียบสงัด เสียงหัวใจสองดวงเต้นประสานกัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความรักและความกลัวที่ผสมปนเปอย่างเข้มข้น และเหนือสิ่งอื่นใด มันคือเสียงก้าวแรกของเส้นทางที่จะพาโมนีก้าไปไกลจากบ้านเล็กแห่งนี้ สู่โลกที่เธอไม่เคยจินตนาการ



อื่น ๆ: มาเจอสัตว์ประหลาด มาเปงลูกแมร๊ มาสับสนวุ่นวายยย ก็ใจมันหายละลาย ๆ


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 91092 ไบต์และได้รับ 72 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-8-25 19:33
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
การควบคุมธรนี
สัมภาระเต็มรูปแบบ
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หนังสือนิยาย
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
Icarus Mirror
ดาบสุริยคติ
น้ำหอม Unisex
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
เกราะทหารโรมัน
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
นาฬิกาสปอร์ต
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x5
x5
x5
x2
x2
x8
x2
x10
x5
x5
x20
x20
x6
x16
x63
x1
x7
x2
x4
x8
x6
x6
x1
x3
x8
x14
x10
x2
x22
x17
x2
x3
x3
x2
x5
x5
x2
x18
x26
x7
x5
x13
x6
x45
x36
x13
x69
x1
x1
x32
x2
x9
x70
x2
x2
x2
x20
x5
x4
x5
โพสต์ 2025-8-26 02:30:54 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Moneka เมื่อ 2025-8-26 14:13

วันที่ 26 เดือนสิงหาคม ปี 2558

ช่วงเช้ามืด 04.00 - 06.00 น. ณ เมืองเอแวนส์วิลล์ รัฐอินเดียน่า สหรัฐอเมริกา


ช่วงเวลากลางคืนที่ยังคงมีแสงผ่านไป ม่านทึบที่กรองแสง UV เอาไว้ทำให้ห้องนอนของโมนีก้ายังคงมืดเหมือนค่ำคืนจริง ๆ ทั้งที่โลกภายนอกสว่างจ้าไม่รู้จักจบสิ้น ร่างบางของเธอกำลังนอนแผ่หลับสนิทบนเตียง น้ำลายยืดเล็ก ๆ ติดมุมปาก เส้นผมสีม่วงครามฟูยุ่งกระจายเต็มหมอน ดูแล้วแทบไม่ต่างอะไรจากลูกแมวน้อยที่เหนื่อยล้าเกินทน เสียงประตูห้องถูกเคาะหลายครั้งจนสุดท้ายมันเป็นเสียงเปิดเบา ๆ พ่อของเธอเดินเข้ามาในความมืด เขานั่งลงข้างเตียงแล้วแตะไหล่ลูกสาวเบา ๆ “โมนี…ตื่นได้แล้วลูก” น้ำเสียงของเขาสงบ แต่แฝงความจริงจังบางอย่าง


“อื้อออ…อีกห้านาที…” เสียงงัวเงียดังขึ้น ร่างเล็กขยับตัวพลิกไปอีกด้านแต่เมื่อมือใหญ่ของพ่อเขย่าปลุกอีกครั้ง ดวงตาสีเงินก็ค่อย ๆ ลืมขึ้นอย่างไม่เต็มใจ ผมฟูยิ่งกว่าเดิม ใบหน้ายับยู่ยี่เหมือนเด็กที่ไม่อยากตื่น


“ลุกเถอะโม…เราไม่มีเวลาแล้ว วันนี้เราต้องออกเดินทาง”


“ห้ะ? ไปไหนคะพ่อ…” เธอถามเสียงงัวเงีย ตายังปรือ มือยกขึ้นขยี้ตาแรง ๆ


“ไปซานฟรานซิสโกไง...” เขาตอบสั้น ๆ แต่หนักแน่น โมนีก้าชะงักตอนที่เธอได้ยิน ตอนนี้หญิงสาวหายง่วงทันทีที่เขาบอก “ซะ…ซานฟรานซิสโก!?” เธอเด้งตัวลุกนั่ง ผมยาวสีม่วงฟูราวกับรังนก ดวงตาเบิกกว้างเหมือนโดนสาดน้ำเย็น “ทำไมต้องไปที่นั่นคะพ่อ อยู่ ๆ จะให้ขึ้นเครื่องบินไปเลยเหรอ?” คุณพ่อถอนหายใจเล็กน้อย มองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจปนงุนงงของลูกสาว “พ่อก็ไม่คิดว่าเราจะหัวสมองปลาทองขนานี้นะโม…เมื่อคืนเราคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ…สัญชาตญาณกำลังชี้ทาง และที่พ่อคิดได้ตอนนี้คือเราต้องไปให้ไกลกว่านี้ ไปที่ฝั่งตะวันตกก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้นอีก”


โมนีก้ากัดริมฝีปาก ดวงตาสีเงินไหววูบ ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวทันที “ที่พวกเราคุยกันว่าโรมใหม่มันเกี่ยวข้องแน่ ๆ ใช่ไหมคะพ่อ?…มันอยู่ที่แคลิฟอร์เนียใช่ไหมพ่อ?” แคนทัสพยักหน้าเบา ๆ แม้สีหน้าจะอ่อนล้า แต่แววตามั่นคง “พ่อก็คิดแบบนั้น ถึงจะไม่รู้คำตอบทั้งหมด แต่ถ้าแม่กับทวดต่างพูดถึงสัญชาตญาณแห่งโรม หนูก็ต้องไปเจอมันด้วยตัวเอง”


หญิงสาววัยรุ่นนั่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะย่นคิ้วถามเสียงเบา “แล้ว…พ่อจะไปด้วยไหมคะ?”


คุณพ่อยกมือขึ้นลูบผมยุ่ง ๆ ของลูกสาวให้เข้าที่ เขายิ้มบาง “ไปสิ…พ่อจะไม่ปล่อยให้หนูเดินทางคนเดียวแน่นอน อีกอย่างหนูหลงทางขึ้นมาทำยังไง หืม?” คำตอบนั้นทำให้หัวใจที่เต็มไปด้วยความสับสนของโมนีก้าคลายลงเล็กน้อย เธอสูดหายใจยาว พยักหน้าช้า ๆ แม้จะยังเอ๋อหัวฟูอยู่เต็มที่ แต่ก็เริ่มลุกจากเตียง “โอเค…ก็ได้ค่ะ หนูก็ไม่ได้ขี้หลงทางขนาดนั้นไหม...โอเค ๆ ก็ได้ ๆ เซ้าซี้จัง งั้น…หนูไปแต่งตัวก่อนก็แล้วกัน” นั้นคือคำสุดท้ายก่อนที่โมนีก้าจะลุกขึ้นไปอาบน้ำและแต่งตัวด้วยความรีบเร่งเพราะเธอไม่ชอบการอาบน้ำเอาเสียเลย


หญิงสาวนั่งหน้ากระจกในห้อง เธอจัดแต่งผมยาวสีม่วงครามที่มักฟูยุ่งหลังตื่นนอนให้เรียบตรง พลางหยิบเครื่องสำอางที่คุ้นมือมาลงอย่างเบา ๆ พอให้พอสดใสขึ้น วันนี้เธอเลือกสวมเบลเซอร์สีชมพูหวานอ่อนที่ตัดกับชุดลูกไม้สีขาวบาง ๆ ด้านใน บวกกับรองเท้าส้นสูงโทนครีมที่ทำให้เรียวขาดูยาวสง่า พอเสร็จเธอก็หันซ้ายหันขวาส่องกระจกแล้วอมยิ้ม “โอเค…ถ้าจะต้องเจอเรื่องใหญ่ หนูก็อยากสวยไว้ก่อนละกัน เผื่อเจอผู้ชายดี ๆ บ้าง อิอิ”


คุณพ่อที่ยืนรออยู่หน้าห้องทำได้เพียงส่ายหัวพร้อมหัวเราะในลำคอเบา ๆ เมื่อเห็นลูกสาวเดินออกมาเต็มชุด “จะไปสนามบินนะโม…ไม่ใช่เดินทามสแควหาดารา” เขาแกล้งบ่น แต่ในน้ำเสียงก็แฝงความเอ็นดู “โห...พ่อก็…ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี้คะ คนเรามันต้องพร้อมทุกสถานการณ์สิคะ” โมนีก้ายักไหล่พร้อมหยิบกระเป๋าถือสีชมพูอ่อนเข้ากับชุด ก่อนเดินนำออกไปอย่างอารมณ์ดี


จากนั้นไม่นานรถยนต์สีเรียบเคลื่อนออกจากถนนย่านที่พักของพวกเขา มุ่งหน้าสู่สนามบินที่ใกล้ที่สุดเพื่อขึ้นเครื่องตรงไปยังท่าอากาศยานนานาชาติลอสแอนเจลิส เป้าหมายต่อไปคืซานฟรานซิสโกเมืองแห่งสะพานโกลเดนเกตที่รอพวกเขาอยู่ ระหว่างนั่งรถข้างพ่อโมนีก้านั่งกอดกระเป๋าแนบอกภายในมีจดหมายของปู่ทวดด้วย ดวงตาสีเงินจ้องออกไปนอกหน้าต่าง มองทิวทัศน์เมืองเอแวนส์วิลล์ที่เธอเพิ่งย้ายมาได้ไม่นาน แต่ในใจกลับปนเประหว่างความตื่นเต้นกับความกลัว เสียงเครื่องยนต์พ่อเป็นจังหวะเดียวที่ทำให้เธอสงบลงได้


“พ่อคะ…” เธอเอ่ยขึ้นเบา ๆ พลางหันไปยิ้ม “ขอบคุณนะคะ ที่ไปกับหนู”


แคนทัสเหลือบตาไปมองลูกสาวครู่หนึ่ง ก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาวางบนมือของเธอที่วางอยู่บนตัก “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พ่อจะอยู่กับหนูเสมอพ่อสัญญากับแม่ไว้แล้ว ว่าจะไม่ให้ลูกเป็นอะไร” คำพูดเรียบง่ายนั้นทำให้โมนีก้ายิ้มหวานออกมาอีกครั้ง คราวนี้รอยยิ้มไม่ใช่เพื่อปกปิดความกลัว แต่เป็นรอยยิ้มของใครสักคนที่เริ่มพร้อมจะก้าวสู่เส้นทางใหม่จริง ๆ และแล้ว รถก็เลี้ยวเข้าสู่ถนนใหญ่ที่นำตรงไปยังสนามบิน…การเดินทางที่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว



อื่น ๆ: เขินจังเลยคับ


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 24756 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-8-26 02:30
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
การควบคุมธรนี
สัมภาระเต็มรูปแบบ
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หนังสือนิยาย
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
Icarus Mirror
ดาบสุริยคติ
น้ำหอม Unisex
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
เกราะทหารโรมัน
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
นาฬิกาสปอร์ต
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x5
x5
x5
x2
x2
x8
x2
x10
x5
x5
x20
x20
x6
x16
x63
x1
x7
x2
x4
x8
x6
x6
x1
x3
x8
x14
x10
x2
x22
x17
x2
x3
x3
x2
x5
x5
x2
x18
x26
x7
x5
x13
x6
x45
x36
x13
x69
x1
x1
x32
x2
x9
x70
x2
x2
x2
x20
x5
x4
x5
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้