(ช่วงเวลาต่อจากนี้เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนรู้ว่ามีช่วงเวลากลางวัน 24 ชั่วโมง)
(ไม่มีกลางคืน มา 1 ปีกว่า ๆ แล้ว แต่มนุษย์ไม่รู้สาเหตุ)
(ความจริงที่ไม่มีช่วงเวลากลางคืนเพราะเทพนิกซ์โดนลักพาตัว)
วันที่ 25 สิงหาคม โมนีก้าได้โดนมิโนทอร์ตามล่าเธอบอกเรื่องนี้กับพ่อ พ่อพยายามหาทางช่วยและพ่อรู้ว่าหากเดินทางไปที่เมืองนิวโรม ที่ซานฟรานซิสโก น่าจะช่วยได้ ทั้งสองยังไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับเดมิก็อด ทั้งพ่อและโมนีก้าเลยเดินทางออกจากบ้านที่ เมืองเอแวนส์วิลล์ รัฐอินเดียน่า สหรัฐอเมริกา
วันที่ 26 สิงหาคม โมนีก้าและพ่อเดินทางมาจนถึงซานฟรานซิสโกด้วยการนั่งเครื่องบิน ระหว่างทางได้พบกับหมาป่าสีขาวโมนีก้ารู้ทันทีว่าต้องตามไปเพราะหมาป่าบอกว่าหากไม่อยากให้พ่อเป็นอันตรายก็ตามไปโมนีก้าเลยลาพ่อแล้วตามไป สรุปหมาป่านั้นคือเทพีลูปา ที่จะพาโมนีก้าไปยังบ้านหมาป่าเพื่อฝึกฝนเตรียมตัวส่งโมนีก้าให้ไปที่ค่ายจูปิเตอร์ที่กรุงโรมใหม่
วันที่ 27 สิงหาคม - 04 กันยายน โมนีก้าโดนลูปาพามาที่บริเวณบ้านหมาป่าเพื่อทำการฝึกฝน โมนีก้าได้รู้ว่าเธอเป็นธิดาของเซเรส และมีเชื้อสายของเทพเจนัสในตัวของเธอด้วยซ้ำ โมนีก้าต้องฝึกหนักมากเพราะเธอค่อนข้างอ่อนแอกว่าคนทั่วไป ทั้งวิชาการต่อสู้ ปรับตัว ขนาดวิชาภาษาโรมันเดมิก็อดคนอื่น ๆ เรียนแค่ 6 วันก็เข้าใจแล้ว แต่โมนีก้าต้องเรียน 10 วัน ไม่งั้นก็จะไม่เข้าใจเลย ระหว่างที่อยู่บ้านหมาป่าโมนีก้ามีรูมเมทและเป็นบัดดี้ของเธอชื่อ อัสทริก เดวอน ซูกิ เป็นบุตรีเทพมาร์ส เป็นสาวทอมที่ทำอาหารเก่ง ทั้งสองสนิทกันมาก
ช่วงเวลาของบันทึกการเดินทาง ติดตามต่อได้ที่นี่ [บันทึกการเดินทาง] From Lupa’s Kick to Jupiter’s Gates
วันที่ 05 กันยายน โมนีก้าต้องออกเดินทางออกจากบ้านหมาป่ากับซูกิเพื่อเดินทางไปยังค่ายจูปิเตอร์ที่อยู่ไกลออกไปแต่ไม่มากแต่เต็มไปด้วยอันตราย เทพีลูปาเป็นคนมาส่งลาทั้งสองคน โมนีก้าและซูกิออกเดินทางด้วยกัน ทั้งสองโดนก็อบลิน กลุ่มใหญ่ ถึง 2 กลุ่ม โจมตี ระหว่างทาง ไหนจะมีกองทหาร อีก 2 กองที่เป็นมนุษย์ที่ต้องการจับตัวเดมิก็อดไปทดลอง และมิโนทอร์ตามล่า ตอนทั้งสองเดินทางถึงทางเข้าค่ายจูปิเตอร์, อุโมงค์คัลลีคอตต์, แคลิฟอร์เนีย โมนีก้าก็จัดการกับมิโนทอร์ได้แล้วก็ได้เข้าค่าย
(จบ [บันทึกการเดินทาง] From Lupa’s Kick to Jupiter’s Gates)
วันที่ 06 กันยายน โมนีก้าโดนส่งให้ไปอยู่กองร้อยที่ 2 ของค่ายจูปิเตอร์ ส่วนซูกิโดนส่งไปที่กองร้อยที่ 1 ซึ่งดีกว่า แต่โมนีก้าก็ไม่ได้คิดอะไรมากเธอแค่ใช้ชีวิตอยู่ที่ค่ายจูปิเตอร์เท่านั้น
วันที่ 06 - 17 กันยายน โมนีก้าใช้ชีวิตที่ค่ายในฐานะเด็กใหม่ของค่ายจูปิเตอร์ที่มีกิจวัตรประจำวันทั้งการฝึกแบบทหารและการเรียนรู้ โมนีก้าทำทุกอย่างที่ทำได้และพยายามหามิตรภาพใหม่ ๆ แต่โมนีก้าก็รู้สึกว่ามันก็อาจจะดี? ทว่าก็เกิดเรื่องขึ้นโมนีก้าฝันประหลาดจนนอนไม่หลับ
ช่วงเวลาของบันทึกการเดินทาง ติดตามต่อได้ที่นี่ [บันทึกการเดินทาง] Beamed into Duty: Saving Mr. Freckles]
วันที่ 18 กันยายน โมนีก้าไม่ได้นอนแต่ทว่าเธอก็โดนวาร์ปไปยังเมืองแวนคูเวอร์ แคนนาดา โดยมีชายคนหนึ่งที่อายุมากกว่าโมนีก้า 1 ปี ทำพิธีเรียกมา เขาชื่อ เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส เขาบอกว่าเขามีเรื่องให้ช่วยเขาทำพิธีแบบสุ่ม ไม่รู้จะเจอใครมาช่วย เขาเป็นคนที่ต้องทำภารกิจจากค่ายจูปิเตอร์ไปทำให้มีช่วงเวลากลางคืนด้วยการปลุกเทพเอเรบัส แต่ระหว่างทางโดนกลุ่มองค์กรประหลาดโจมตีทำให้เพื่อนของเขาโดนจับตัวไป เขาต้องการให้โมนีก้าเดินทางไปกับเขาเพื่อไปช่วยเพื่อนเขาด้วยเช่นเดียวกัน โมนีก้าเข้าใจผิดว่าหากไปช่วยช่วงเวลากลางคืนจะกลับมาเลยตกลง และโมนีก้าก็ไม่ได้รู้เลยว่า เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส คนนี้คือเทพอะพอลโลในร่างมนุษย์ที่โดนสาปโดยซุสให้ลงมาเป็นมนุษย์ ทว่าเลสเตอร์ที่พึ่งรู้ว่าโมนีก้าเป็นเดมิก็อดหน้าใหม่ที่พึ่งรู้ว่าตัวเองเองเป็นเดมิก็อดก็ตกใจมากเพราะโมนีก้าต้องเป็นเดมิก็อดที่ยังไม่เคยฝึกอะไรแน่ ๆ เขาเลยต้องปกป้องเธอ อีกอย่างโมนีก้ามีกลิ่นกายของดอกไลแลคเหมือนกับดาฟเน่ รักแรกของอะพอลโลเอง ทำให้เขายิ่งรู้สึกว่าต้องปกป้องเธอ
วันที่ 18 - 21 กันยายน โมนีก้าและเลสเตอร์ต้องเดินทางจากเมืองแวนคูเวอร์เพื่อไปยังจุดเรือเหาะตกเป็นเบาะแสสุดท้ายของเพื่อนเลสเตอร์ ระหว่างการเดินทางโมนีก้าและเลสเตอร์ต้องโดนอสุรกายและมนุษย์ องค์กร LoNex ตามล่า โมนีก้าที่ไม่เคยเจอการต่อสู้จริงกับมนุษย์ขนาดนี้มาก่อนทำให้เธอรู้สึกแย่มาก ๆ แต่มีเลสเตอร์คอยอยู่และดูแลเธอเพราะภารกิจครั้งนี้ไม่ใช่แค่พวกอสุรกายที่เป็นศัตรูของโมนีก้าและเลสเตอร์แต่เป็นมนุษย์จากองค์กร LoNex ด้วยเหมือนกันจนกระทั่งโมนีก้าได้ช่วยเหลือเพื่อน ๆ ของเลสเตอร์ได้แก่ วินเซนโซ (บุตรวัลแคน) ลูคัส (บุตรมาร์ส) อิลิเซีย (สายเลือดน็อกซ์) ฮารุโตะ (บุตรอะพอลโล) ได้สำเร็จแต่ทว่าโมนีก้ากลับได้พบกับเทพธานาทอส เขาบอกว่าเธอเก่งเพราะเธอฆ่าคนเยอะดี ทำให้โมนีก้าได้รับรู้ว่าเธอได้เผลอฆ่ามนุษย์เป็นครั้งแรก ทำให้โมนีก้ารู้สึกแย่มาก ๆ เธอแทบสติแตก
วันที่ 21 - 25 กันยายน หลังจากที่โมนีก้าและเลสเตอร์ช่วยเพื่อน ๆ ได้แล้ว แต่พวกองค์กร LoNex มีแผนร้ายในการทำให้โลกมืดด้วยพลังของเทพเอเรบัสพวกเขาต้องไปหยุด แม้ว่าโมนีก้าจะสติแตกแต่เธอก็ต้องเข้มแข็งแม้ใจจะสลายมากก็ตามที เลสเตอร์ใช้พลังรักษาจนหมดแรงจนสลบ โมนีก้าเลยรู้สึกแย่ไปอีก และพวกเขาต้องเดินทางจากแคนาดาไปยัง ท่าเรือที่ใกล้ที่สุดคือเมืองควิเบก ท่าเรือมอนทรีออล ระหว่างการเดินทางพวกเขาเจอทั้งอสุรกายและเหล่าองค์กร LoNex ตามล่าตัวเพื่อกำจัดทิ้ง แต่ก็ผ่านมาได้ การต่อสู้นั้นโชคโชนมาก ๆ และโมนีก้าก็เป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่ม แต่เธอก็พยายาทำตัวให้เป็นภาระของทุกคนน้อยที่สุดจนกระทั่งวันที่ 24 พวกเธอก็ถึงท่าเรือและขึ้นเรือของเพื่อนเลสเตอร์เพื่อเดินทางไปยังยุโรป ไปยังกรุงโรมเก่าที่อิตาลี
(ช่วงเวลาหลังจากนี้ช่วงเวลาพลบค่ำมาแทนช่วงเวลากลางคืนเพื่อสมดุลของโลก)
วันที่ 26 กันยายน ระหว่างการเดินทางด้วยเรือข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก โมนีก้าและเพื่อน ๆ ได้พบว่าวันนี้อยู่ ๆ ท้องฟ้าก็เริ่มมีช่วงเวลาพลบค่ำที่มาแทนช่วงเวลากลางวัน 24 ชั่วโมง เลสเตอร์รู้ได้ทันทีเขาบอกกับทุกคนว่าเพราะเทพเวสเปอร์กลับมาจากพักร้อนทำให้มีช่วงเวลาพลบค่ำนานขึ้นจนแทนที่ช่วงกลางคืนชั่วคราวเพื่อคงสมดุลของโลก ตลอดการเดินเรือหลายวันพวกเขาต้องเจออสุรกายจากมหาสมุทรเรื่อย ๆ
วันที่ 01 ตุลาคม โมนีก้าและเพื่อน ๆ เดินทางมาจนถึงช่องแคบยิบรอลตาร์แล้วก็โดนโจมตีจากอสรุกายและเทพแอซเท็คไร้ชื่อกับสัตว์ประหลาดจนเรือแตก แล้วไปเกยตื้นกันที่ชายหาดอาวห์ราน แอลจีเรีย
วันที่ 01 - 02 ตุลาคม พวกโมนีก้าต้องเปลี่ยนการเดินทางจากเรือส่วนตัวเป็นเรือเช่าเฟอร์รี่ข้ามประเทศแทนจาก แอลจีเรีย ข้ามไป อัลเมเรีย สเปน จนถึง บาร์เซโลนา สเปน และต่อเรือไปที่อิตาลีอีกที แน่นอนว่าพวกเขาก็โดนตามล่าจากทางอสุรกายและองค์กร LoNex เหมือนเดิม แต่ทว่ารอบนี้โมนีก้าได้พบว่าพวกองค์กร LoNex ได้จับเด็กเดมิก็อดมาทดลองเปลี่ยนให้เด็กเดมิก็อดกลายเป็นเพียงเครื่องมือสังหาร และบางส่วนก็เปลี่ยนเป็นอสุรกายเทียม เด็กเดมิก็อดที่เป็นเอมพูซ่าขอให้โมนีก้าฆ่าเพราะโดนล้างสมองไม่อาจกลับไปใช้ชีวิตได้แล้วทำให้โมนีก้าต้องฆ่าและสติของเธอก็หลุด เนื่องจากว่าโมนีก้าเป็นสายเลือดเจนัสเธอเลยมีหลายบุคลิกแล้วบุคลิกอื่นของเธอก็มาชั่วคราวทำให้เธอต้องลืมเรื่องนี้เพื่อปกป้องจิตใจโมนีก้า
วันที่ 02 ตุลาคม โมนีก้ากลับมาได้และพวกเขาก็เดินทางมาที่อิตาลีเพื่อที่จะมาหยุดหัวหน้าของพวกองค์กร LoNex ในการสร้างโลกที่มืดมิดตลอดกาล ตลอดการต่อสู้พวกเขาเจอแต่ความยากลำบากโมนีก้าจะโดนโจมตีเป็นคนแรก ๆ และหมดสภาพต่อสู้บ่อยมาก เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระของทุกคนและโดนย้ำบ่อย ๆ ว่าเป็นตัวถ่วงจากพวกศัตรูบอกว่าโมนีก้าอ่อนแอ แต่เลสเตอร์ก็อยู่เคียงข้างโมนีก้าตลอดเวลา ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาก
วันที่ 03 ตุลาคม โมนีก้าและพวกเพื่อน ๆ กำจัดและทำให้เป้าหมายขององค์กร LoNex ต้องจบลง โมนีก้าสารภาพรักกับเลสเตอร์เพราะเธอชอบแต่เธอไม่ได้อยากคบกับเขาเพราะรู้สึกว่าความรักของเธอคงจะไม่เป็นจริงไม่รู้ทำไมเพราะเธอไม่รู้ว่าเลสเตอร์เป็นเทพ และตอนนี้เลสเตอร์บอกว่าจะไปหาโมนีก้าที่ค่ายหลังจากนี้ แต่ไม่ได้บอกอะไรเพิ่มเติม เลสเตอร์เองก็ยอมรับว่าเขารู้สึกอะไรบางอย่างกับโมนีก้าเพราะเธอเหมือนดาฟเน่ที่จากไปแต่โมนีก้าก็คือโมนีก้า
(จบ [บันทึกการเดินทาง] Beamed into Duty: Saving Mr. Freckles] )
วันที่ 04 ตุลาคม โมนีก้าเดินทางกลับค่าย และใช้ชีวิตตามปกติ
วันที่ 06 ตุลาคม โมนีก้าโดนเลือกให้เป็นเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2 จากผลงานของเธอในภารกิจช่วยเหลือพวกวินเซนโซและช่วยโลกนี้เอาไว้ โมนีก้ารู้สึกเป็นเกียรติแต่ภาระมันก็หนักอึ้งสำหรับเธอมาก ๆ หลังจากนั้นเธอก็ใช้เวลาฝึกฝนและดูแลกองร้อย 2 โดยที่ก็คิดถึงเลสเตอร์ไปด้วยเพราะเธอรู้สึกว่าตัวเองมีโอกาสจะได้คบกับเขา
วันที่ 17 ตุลาคม โมนีก้าได้สถานะเปลี่ยนจาก Probatio เป็น Legionary (พลทหารเต็มตัว) ขีดบริเวณแขนของเธอเพิ่ม 1 ขีด
ช่วงเวลาของบันทึกการเดินทาง ติดตามต่อได้ที่นี่ [บันทึกการเดินทาง] พ่อคะ แม่คะ หนูไม่ได้หนีตามผู้ชาย...แค่ไปเป็น 'ความรับผิดชอบสูงสุด' ของอะพอลโลที่ยุโรปค่ะ!
วันที่ 20 ตุลาคม โมนีก้าได้พบกับเลสเตอร์อีกครั้ง แต่เขากำลังโดนปีศาจตามล่า ทำให้โมนีก้าต้องเข้าไปช่วยเหลือ และทั้งสองก็ได้รับภารกิจใหม่ในการตามหาคริสตันแห่งเสียงก้องเพื่อที่จะทำให้สัตว์ประหลาดไม่โจมตีเลสเตอร์
วันที่ 20 - 30 ตุลาคม โมนีก้าและเลสเตอร์ได้ใช้ชีวิตและช่วงเวลาอยู่ด้วยกันผ่านการต่อสู้ด้วยกันอีกครั้ง โมนีก้าได้รู้ว่าเลสเตอร์คือเทพอะพอลโลในที่สุด แน่นอนว่าอะพอลโลเป็นเทพที่เจ้าชู้เขาเลยมักจะเต๊าะโมนีก้าบ่อย ๆ และโมนีก้าก็ชอบเขาในฐานะของเลสเตอร์อยู่แล้วทำให้เธอก็ตกหลุมรักเขาไปเสียทุกที จนสุดท้ายภารกิจครั้งนี้มันทำให้เห็นว่าเลสเตอร์นั้นมีบางอย่างในใจคือเขาเสียใจกับเหตุการณ์คนรักคนเก่า ๆ ตั้งแต่นางไม้ดาฟเน่ และคนอื่น ๆ เป็นแผลใจของเลสเตอร์ โมนีก้าได้รับรู้ว่าที่เลสเตอร์มีความสนใจในเธอเพราะเธอเหมือนดาฟเน่ แม้ว่าโมนีก้าจะเสียใจมากแต่เลสเตอร์ก็พยายามจะแสดงความรับผิดชอบในฐานะมนุษย์ของเขาให้ดีที่สุด เขาปรับปรุงตัวเองแล้ว ทั้งสองต้องผ่านอุปสรรคความรักด้วยกันทำให้โมนีก้าและเลสเตอร์ค่อย ๆ เข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ โมนีก้ายอมรับได้ว่าเลสเตอร์ไม่ใช่คนหรือเทพเจ้าที่สมบูรณ์แบบ เลสเตอร์เองก็ยอมรับได้ว่าเขาควรที่จะรับผิดชอบต่อความรู้สึกของตัวเองไม่ใช่กลัวและเลือกที่จะไม่ดูแลหรือปฎิเสธรักของโมนีก้าเพราะเขาเองก็รักโมนีก้าเหมือนกัน ทั้งสองเลยตกลงเป็นแฟนกันในที่สุด
วันที่ 1 - 7 พฤศจิกายน เลสเตอร์พาโมนีก้าเดินทางกลับค่ายมันเป็นช่วงเวลาที่เลสเตอร์ได้ใช้เวลากับโมนีก้าด้วยความสุข แต่ก็ต้องโดนโจมตีหนักขึ้นเพราะกลิ่นของเทพมักจะดึงดูดอสุรกายบ่อย ๆ
(จบ [บันทึกการเดินทาง] พ่อคะ แม่คะ หนูไม่ได้หนีตามผู้ชาย...แค่ไปเป็น 'ความรับผิดชอบสูงสุด' ของอะพอลโลที่ยุโรปค่ะ!)
วันที่ 8 พฤศจิกายน โมนีก้าถึงค่ายและแยกกับเลสเตอร์ แต่เลสเตอร์บอกว่าจะมาหาทุกเย็นนะ เพราะเขาเองก็มีงานของเขา โมนีก้าก็ตกลง
วันที่ 10 - 24 พฤศจิกายน โมนีก้าต้องออกไปทำภารกิจอีกแล้วครั้งนี้เป็นภารกิจกู้ภัยทางทะเลที่มหาสมุทรอินเดีย ทว่าโมนีก้าต้องหลงเข้าไปในเมืองลับแลของอินเดียทวารกา ทำให้อะพอลโลไม่รู้สึกถึงเธอเลยเป็นห่วงมาก แต่พอออกมาก็ติดต่อได้ ทำให้อะพอลโลโล่งอก การเดินทางกลับค่ายโมนีก้าได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ดูแลกิจกรรมวันบรูมาเรียจากสภาเซเนทเธอรู้สึกว่าเธอเหนื่อยมากแต่ก็ต้องทำ โมนีก้าต้องบริหารการจัดงานทางไกลเพราะเธอทำภารกิจอยู่และงานจะเริ่มวันที่ 24 ที่จะถึงโมนีก้าก็ไปถึงพอดีเพราะต้องเป็นคนเปิดงาน
วันที่ 24 - 5 ธันวาคม โมนีก้าใช้ชีวิตและดูแลงานบรูมาเลีย
วันที่ 5 ธันวาคม โมนีก้ามาหาเลสเตอร์ที่หน้ามหาลัยนิวโรมเพราะเขามาคุมสอบเด็กนักเรียนมหาลัยนิวโรมในฐานะอะพอลโลที่เป็นคนออกข้อสอบ เลสเตอร์บอกว่าหลังจากงานบรูมาเลียเขาอยากพาโมนีก้าไปพักผ่อนที่ฮาวายสัก 3 วัน โมนีก้าก็ตกลง แต่หลังจากแยกกับเลสเตอร์โมนีก้าเกิดหัวใจวายจนหัวใจหยุดเต้นเพราะเธอทำงานหนักเกินไปในช่วงที่ผ่าน ๆ มา เอโลอีส บุตรีเฮเฟตัส ที่เป็นคนจากค่ายฮาล์ฟบลัดมาสอบที่มหาลัยนิวโรม เป็นคนช่วยเหลือและพาโมนีก้าส่งสถานพยาบาลค่ายจูปิเตอร์ได้ทัน
วันที่ 6 - 9 ธันวาคม โมนีก้าเข้ารับการรักษาพยาบาลที่สถานพยาบาลค่ายจูปิเตอร์ โดยที่มีเลสเตอร์และคนในกองร้อยที่ 2 คอยเทียวไปเทียวมาเยี่ยมเรื่อย ๆ ทำให้สภาพจิตใจของโมนีก้าเริ่มดีขึ้นและร่างกายเองก็เช่นเดียวกัน
วันที่ 10 ธันวาคม โมนีก้าได้ออกจากสถานพยาบาลค่าย ทว่าเธอรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไรจึงชวนเลสเตอร์ไปวิหารเทพจูปิเตอร์ ทว่าทั้งสองกลับพบว่าโมนีก้าเหมือนจะได้รับคำพยากรณ์ เลสเตอร์ไม่ค่อยพอใจเท่าไรนักเพราะโมนีก้าพึ่งออกจากการรักษาไม่ถึงวัน โมนีก้าพยายามบอกว่าตัวเองโอเค และปรึกษากับพรินซิเปียแต่ความจริงแล้วในใจของเธอเหนื่อยจนแทบขาดใจ ในคืนนั้นเธอไปนั่งร้องไห้เงียบ ๆ คนเดียวที่วิหารอะพอลโล
วันที่ 11 ธันวาคม เลสเตอร์มาหาโมนีก้าทันทีในช่วงเช้า เขาจะพาเธอไปเที่ยวเพราะรู้ว่าสภาพจิตใจของโมนีก้าไม่ไหวและเธอฝืนรับคำพยากรณ์ โมนีก้าร้องไห้กับเลสเตอร์เธอไม่ไหว ตัวตนของโมนีก้าเปลี่ยนแปลง เธอเป็นลูกหลานเจนัส เมื่อจิตใจของเธอไม่ไหว จะมีอีกคนเข้ามาแทนที่เสมอและแน่นอนว่าเลสเตอร์เองก็รับรู้เพราะเขาคืออะพอลโล บุคลิกฤดูร้อนของโมนีก้าคือ เอสต้า เธอเป็นสาวร่าเริงสดใสแก่นแก้วที่ไม่แคร์อะไรเลยสักนิด เหมือนจะคบได้แต่ความจริงแล้วเธอเป็นคนที่ไม่แคร์ใครทั้งนั้น
(ช่วงเวลาหลังจากนี้เอสต้า อีกบุคลิกหนึ่งของโมนีก้าจะเข้ามาแทนที่โมนีก้า)
วันที่ 11-19 ธันวาคม เอสต้าใช้ชีวิตในฐานะโมนีก้าโดยที่ไม่มีใครรู้ (ความจริงรู้แต่เธอไม่แคร์) และพร้อมสำหรับการไปทำภารกิจคำพยากรณ์ของโมนีก้าแบบสุดขั้ว
[รอการอัพเดทต่อเมื่อได้รับแถบรอยสักที่ 2]