Moneka M. Blossom | โมนีก้า เอ็ม. บลอสซัม

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Moneka เมื่อ 2025-12-19 21:18

Moneka Avatar
Moneka M. Blossom
Demigod Profile · Camp Jupiter
ready to bloom in pastel chaos ♡
Main Photo
About Me
ข้อมูลพื้นฐาน · ชื่อเต็ม · วันเกิด · เชื้อชาติ · ส่วนสูง · น้ำหนัก · ฐานะ ฯลฯ

ชื่อเต็มภาษาไทย: โมนีก้า เอ็ม. บลอสซัม│โมนีก้า มารันเธียร์ บลอสซัม 

ชื่อเต็มภาษาอังกฤษ: Moneka M. Blossom│Moneka Marantear Blossom

ชื่อเล่น: โมนี่│โม│มอนอกอ│มนก บซ (อ่านว่า มอนอกอ บอซอ)

เชื้อชาติ: รัสเซีย

ส่วนสูง (cm): 162 เซนติเมตร

น้ำหนัก (kg): 48 - 52 กิโลกรัม (แล้วแต่ความขยันในการกินช่วงนั้น)

รสนิยม: ชอบทั้งสองเพศ (เอนเอียงไปทางเพศชาย 90%)

ฐานะ: ธิดาแห่งเซเรส ลูกหลานมรดกแห่งเจนัส



วันเกิด: 21 กรกฎาคม 2010 

สถานที่เกิด: Mission Mcdowell Hospital ฟอเรสต์ซิตี้ รัฐนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐอเมริกา

Likes, Family & Little Things

ความชอบและครอบครัว

สิ่งที่ชอบ: ดอกไม้และพืชพรรณ (ชอบทุกชนิดแต่ชอบโทนม่วงครามเป็นพิเศษ)│กลิ่นหอม (ที่ตัวเองคิดว่าหอม)│เห็ดและอาหารที่มีส่วนผสมของเห็ดเป็นส่วนประกอบ│อาหารที่มีไก่เป็นส่วนประกอบ│อาหารอร่อยรสชาติจัดจ้าน (ชอบอาหารไทยและอาหารญี่ปุ่นมากเป็นพิเศษ)│วัฒนธรรมของชาวเอเชีย│สิ่งมีชีวิตที่น่ารักทุกชนิดที่คิดว่าน่ารัก (ชอบสัตว์ขนนุ่มฟูเป็นพิเศษ)│อากาศอบอุ่น│รอยยิ้ม│การได้รับและส่งมอบความรักและความเข้าใจ│ฤดูกาลที่เปลี่ยนผ่าน│เงินตรา│เครื่องประดับสวยงาม│เพลงและดนตรีที่มีเนื้อร้อง│การเต้นทุกชนิด│เรื่องน่าตื่นเต้นและท้าทาย│การสกินชิพ│ความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคน│ข่าวลือ│การพูดคุยกับคนอื่น ๆ│การอยู่ไม่นิ่ง│หินสวยงาม│รองเท้ามีส้นที่เพิ่มความสูง│กิจกรรมทางเพศ

สิ่งที่ไม่ชอบ: ความยุ่งยากวุ่นวาย│ฤดูหนาวหรืออากาศหนาวเย็น│การต่อสู้│เรื่องขัดแย้งที่ตนเองเกี่ยวข้องหรือเป็นประเด็น│คนที่คุยด้วยไม่รู้เรื่อง (พวกฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด)│เลือด│การเล่าเรียนที่น่าเบื่อ│การอาบน้ำบ่อย ๆ │ต้องอ่านหนังสือยาว ๆ ยาก ๆ│คณิตศาสตร์และฟิสิกข์│การอ่านคู่มือ (ชอบไปตายเอาดาบหน้า)│ผักใบเบียว (ขม ๆ ยิ่งไม่ชอบ)

การศึกษา: 

          Grade 1-8 : Rutherford County Schools 

          Grade 9 : Signature School Inc 

ครอบครัว:
     พ่อ: แคนทัส บลอสซัม (Mr.Canthus Blossom) - เภสัชกร ที่ทำงานในโรงพยาบาลของเมืองฟอเรสต์ซิตี้ รัฐนอร์ทแคโรไลนา เขาเป็นคนใจดีและรักครอบครัวมาก เมื่อเสียภรรยาสุดที่รักไปจากโรคร้ายไม่มีวันกลับ เขาก็ครองตัวเป็นโสดตลอดมาและใชัชีวิตเลี้ยงลูกสาวเพียงคนเดียวของเขาอย่างให้ไม่มีสิ่งใดบกพร่อง ก่อนที่จะย้ายมาเปิดร้านขายยาย่านใจกลางเมืองเอแวนส์วิลล์ รัฐอินเดียนาเมื่อไม่นานมานี้

      แม่: โคเกลิโก มารันเธียร์ (Ms.Coquelicot Marantear) (หรือ เทพีเซเรส) - สาวร้านดอกไม้แสนปริศนาที่่ตกหลุมรักรอยยิ้มแสนบริสุทธิ์ของเภสัชกรหนุ่ม จึงใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจนกระทั่งมีบุตรสาวและเธอก็จากไปด้วยโรคร้าย หลังจากที่กลับร่างเทพีเซเรสเธอคอยช่วยเหลือบุตรสาวของตนเองอยู่เสมอ แต่ท่าทางบุตรสาวจะไม่เคยเอะใจอะไรเลยกับเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นกับตนเอง
พี่น้อง: ไม่มีพี่น้อง
อื่น ๆ: -


ข้อมูลอื่นๆ

สิ่งที่ทำให้โมนีก้ามีความสุข: การเปลี่ยนหรือทำสีผมอย่างน้อยทุกไตรมาส│การดูแลร่างกายของตัวเองเพื่อความสวยงาม│การแช่น้ำ (แต่ไม่ชอบอาบน้ำ)│การมีดอกไม้หรือกลิ่นหอมรอบตัว│การมีหรือได้รับความรักกับบางคนหรือบางสิ่ง│การมีเงินใช้ไม่ขาดมือ│ได้เก็บเห็ดป่า

ความกลัว: การไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของคนที่แคร์ได้│กลัวว่าการมีโรคประจำตัวจะสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น│การโดนบังคับให้ต่อสู้โดยไม่เต็มใจ│สิ่งมีชีวิตน่ากลัว (ที่คิดว่าน่ากลัว)│ผีหรือวิญญาณ│ซอบบี้เละ ๆ น่ากลัว ๆ

ข้อบกพร่องร้ายแรง: 

           หากไม่ยิ้มจะหน้านิ่งจนโดนหาว่าหยิ่งและไม่น่าเข้าหาเอาเสียเลย จึงพยายามแสดงอารมณ์และยิ้มเยอะ ๆ

โรคประจำตัว : โรคหลายบุคลิก (Dissociative Identity Disorder - DID)

โรคประจำตัวเดมี่ก็อต: โรคสมาธิสั้น



รูปพรรณสัณฐาน


สีผมตามกำเนิด: สีดำสนิท

สีตาตามกำเนิด: สีเทาเงินบริสุทธิ์ (มักโดนเข้าใจผิดว่าเป็นบุตรของเทพีอะธีน่าหรือมิเนอร์ว่าเป็นประจำ)

สีผิวตามกำเนิด: ผิวขาวซีด

ลักษณะการแต่งตัว: โมนีก้าเป็นคนที่แต่งตัวหลากหลายทั้งแบบสตรีทและสวีตไปพร้อมกันแล้วแต่อารมณ์ ชอบใส่เสื้อผ้าที่ดูเรียบง่ายสไตล์แบบ Classy แต่หากสวมแล้วจะดูเซ็กซี่และมีเอกลักษณ์ในแบบของตัวเอง โดยปกติแล้วในช่วงที่อากาศไม่หนาวหรือเย็นมากนักมักจะสวมใส่เสื้อ Crop Top คู่กับกระโปรงหรือกางเกงขาสั้นสักตัว หรือจะเป็นเดรสสาวหวานโทนพาสเทลก็ย่อมได้หากใจช่วงนั้นหวานพอ ทุกอย่างที่เธอสวมใส่จะดูมีความเข้ากันได้อย่างน่าประหลาดและมักจะสวมเสื้อคลุมอย่างโค้ทหรือเบลเซอร์ไว้เพื่อป้องกันความหนาวของตัวเองกับอากาศ หากออกไปภายนอกรองเท้าส่วนใหญ่ที่เธอสวมมักจะเป็นรองเท้าส้นสูงหรือบูทยาวทรงสวย

           *โมนีก้ามีกลิ่นติดผิวกายเป็นกลิ่นของดอกไลแลคและเบอร์รี่หวานอยู่เสมอ ๆ 


รูปรอยสัก


แรงจูงใจเป้าหมายในชีวิต: การได้แต่งงานและมีลูกมากกว่า 1 คน




Personality

Moneka

โมนีก้าเป็นหญิงสาวที่มีนิสัยขัดแย้งกันหลายส่วน สามารถเปลี่ยนแปลงและไม่อาจคาดเดาได้อย่างราวกับเป็นบุคคลที่มีความแปรปรวนในเรื่องของอารมณ์และความรู้สึกกับตัวเองอยู่ตลอดเวลา เธอเป็นหญิงสาวที่เกิดขึ้นมาภายใต้เงาของความเข้มแข็งและความเปราะบางผสมปนเปกันจนไม่อาจรับรู้สิ่งใดได้ ด้านหนึ่งเธอมีความร่าเริง สดใส ชอบหัวเราะ พูดคุยกับคนรอบตัว ชอบสิ่งสวยงามไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ เครื่องประดับ เพลง หรือการเต้นทุกชนิด ทุกอย่างที่จับต้องได้ด้วยหัวใจของผู้คนล้วนทำให้เธอรู้สึกเหมือนมีชีวิตและสีสัน เธอเป็นคนรักอิสระ รักการเปลี่ยนแปลงที่น่าตื่นเต้น และมักจะถูกดึงดูดด้วยสิ่งที่ท้าท้ายและทำให้หัวใจของเธอเต้นแรง


แต่ในขณะเดียวกันโมนีก้าก็เป็นคนที่คิดมาก อ่อนไหวและมักจะซ่อนความกลัวไว้ข้างในจิตใจขิงเธอลึก ๆ กลัวว่าจะไม่สามารถตอบสนองต่อความคาดหวังของคนที่เธอรักและแคร์เขาได้ ความกลัวว่าจะเป็นภาระให้คนอื่นหรือแม้กระทั่งความกลัวการถูกทอดทิ้ง เธอไม่ชอบความวุ่นวาย ไม่ชอบความขัดแย้งและยิ่งไม่ชอบถูกบังคับให้สู้รบหรือมีปัญหากระทบกระทั่งกับใคร


โมนีก้าเป็นเหมือนดอกไม้ที่บานในยามเช้าที่สวยงามอ่อนโยนและน่าหลงใหล้ แต่ก็พร้อมจะหุบหรือเหี่ยวเฉ่าเพื่อหนีจากความเลวร้ายของโลกใบนี้ เธอมีความสามารถในการปรับตัวสูง จะวางตัวอย่างไรในแต่ละสถานะการณ์เธอก็รู้ว่าตัวเองรอดได้เสมอและอย่างดงงามด้วย เข้าใจความคิดของผู้อื่นและเห็นใจ เป็นผู้ให้คำปรึกษาและเป็นผู้ฟังที่ดี เป็นสตรีที่ดึงดูดผู้คนรอบตัวด้วยเสน่ห์แบบธรรมชาติ แต่ความซับซ้อนในใจ ทำให้เธอเปรียบเสมือนดอกไม้ที่มีทั้งน้ำผึ้งและพิษในเวลาเดียวกัน


เธอเป็นหญิงสาวที่สานความขัดแย้งเอาไว้ในหนึ่งเดียว ภายนอกอาจดูร่าเริงมีชีวิตชีวา ชอบหัวเราะชอบหยิบยกเรื่องตลกมาลดทอนความหนักอึ้งของโลก แต่แท้จริงแล้วจิตใจกลับแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ หากเธอเลือกแล้ว ตัดสินใจแล้ว ต่อให้เส้นทางนั้นเต็มไปด้วยหนาม เธอก็ไม่เคยหันหลังกลับไปเด็ดขาด ความใจเด็ดดวงนั้นทำให้ผู้คนรอบข้างทั้งเกรงใจและชื่นชม เพราะเธอไม่ใช่คนโลเล และไม่ใช่คนที่จะหวั่นไหวง่าย ๆ เกลียดความวุ่นวาย ไม่ชอบการจมอยู่กับความเครียด หากเลือกหนังสักเรื่อง เธอจะเลือกหนังเบาสมองมากกว่าหนังดราม่า เพราะเธอรู้ตัวว่าหัวใจของเธอปรารถนา “ความสุขง่าย ๆ” มากกว่าการแบกรับความหม่นหมองเกินจำเป็น แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ไม่ใช่คนหนีปัญหา หากปัญหาอยู่ตรงหน้า เธอพร้อมเผชิญ เพียงแต่จะไม่ปล่อยให้มันกัดกินเธอเกินควรหากไม่ใช่ในเรื่องของการต่อสู้ที่ตัดสินใจยากลำบาก


แต่ทว่าในเรื่องความรัก โมนีก้ากลับแตกต่างไปจากตัวตนที่แข็งแกร่งอย่างสิ้นเชิง เธอใจอ่อนนัก พร้อมจะให้อภัย พร้อมจะมอบหัวใจอย่างไม่หวงแหน หากใครสักคนสามารถทำให้เธอรู้สึกมีค่าและได้รับการโอบกอด เธอจะรักและภักดีจนสุดใจ แต่หากวันหนึ่งความรักนั้นพรากตัวตนของเธอไป ทำให้เธอสูญเสียความเป็นตัวเอง เธอจะไม่ลังเลที่จะทิ้งมันไว้เบื้องหลัง เดินออกไปโดยไม่เหลียวหลัง และจะไม่เหลือเยื่อใยแม้แต่น้อย เพราะเธอเชื่อว่าความรักที่แท้จริงควรเติมเต็ม ไม่ใช่ทำลาย


Moneka

และที่สำคัญที่สุด โมนีก้าเป็นคนกินยากแบบสุด ๆ จนหลายครั้งคนรอบข้างต้องส่ายหน้า เวลามีอาหารที่มีผัก เธอจะเริ่มภารกิจเขี่ยอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นใบเล็ก ๆ ของผักบุ้งหรือเศษผักอื่น ๆ ก็ไม่มีทางหลุดรอดไปอยู่ในปากเธอได้ แม้เพียงก้านเล็ก ๆ เธอก็เขี่ยออกหมดอย่างไม่ลังเล ราวกับเป็นศัตรูคู่แค้นตั้งแต่ชาติก่อน ทำให้เวลานั่งกินข้าวกับเธอ มักจะเห็นกองผักที่ถูกเขี่ยออกมากองรวมกันอย่างเป็นระเบียบอยู่ข้างจานเสมอ แต่ในความดื้อรั้นเรื่องผัก เธอกลับมี ของโปรด ที่ตรงกันข้าม นั่นคือ เห็ด ทุกชนิด ไม่ว่าจะเห็ดเล็กเห็ดใหญ่ เห็ดป่าหายาก หรือเห็ดที่นำมาปรุงอาหารง่าย ๆ เธอล้วนหลงใหลไปกับรสสัมผัสและกลิ่นหอมของมัน ยิ่งเป็นเมนู ข้าวอบเห็ด หรือ เห็ดย่าง สำหรับโมนีก้าแล้ว นั่นคือความสุขแท้จริงที่เธอสามารถกินได้ไม่รู้เบื่อ เวลาไปป่า ถ้าได้โอกาส เธอชอบออกเดินเก็บเห็ดเองด้วยตาเปล่า ราวกับเป็นกิจกรรมบำบัดที่ทำให้เธออารมณ์ดีขึ้นทันที ในห้องครัวของเธอ บ่อยครั้งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเห็ดย่างไฟหรือซุปเห็ดใสลอยคลุ้งไปกับกลิ่นของไก่ทอดร้อน ๆ แสนอร่อย เป็นสิ่งที่สะท้อนความเป็นตัวตนของโมนีก้า หญิงสาวที่แม้จะเรื่องมากในการกิน แต่ก็มีโลกเล็ก ๆ ที่ผูกพันกับรสชาติและกลิ่นอันอบอุ่นของเห็ดและไก่จนกลายเป็นเมนูหลักที่เธอมักปรุงซ้ำ ๆ และไม่เคยเบื่อเลย แน่นอน โมนีก้าเป็น Fungi lovers และ Chicken lovers ตัวจริงเสียงจริง


ประวัติตัวละคร

Moneka main portrait

โมนีก้า มารันเธียร์ บลอสซัม เกิดเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ค.ศ. 2010 เมืองฟอเรสต์ซิตี้ รัฐนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐอเมริกา เด็กหญิงตัวน้อยที่ลืมตาดูโลกในฤดูร้อนอันอบอุ่นนี้มิได้เกิดมาในครอบครัวใหญ่โต หากแต่เกิดมาในครอบครัวเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยความรักและความผูกพันอันลึกซึ้ง เธอเป็นลูกเพียงคนเดียวของ แคนทัส บลอสซัม (Canthus Blossom) เภสัชกรหนุ่มผู้เปี่ยมด้วยความอ่อนโยนและน้ำใจ เขาทำงานอยู่ในโรงพยาบาลประจำเมือง เป็นที่รักของผู้คนเพราะความจริงใจและความตั้งใจดูแลชีวิตผู้อื่น ส่วนแม่ของเธอคือ โคเกลิโก มารันเธียร์ (Coquelicot Marantear) หญิงสาวผู้เลื่องชื่อเรื่องความงดงามและความลึกลับ เจ้าของร้านดอกไม้เล็ก ๆ ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้หลากชนิด ความรักระหว่างพ่อกับแม่ของเธอแม้จะเป็นเพียงรักสั้น ๆ ในสายตาของเทพองค์อื่น แต่มันกลับอบอุ่นหัวใจ แม่ของเธอตกหลุมรักรอยยิ้มบริสุทธิ์ของเภสัชกรหนุ่ม จนกลายเป็นสายใยที่ผูกพันสองชีวิตเข้าด้วยกัน และก่อกำเนิดเป็นลูกสาวน้อยที่ชื่อ โมนีก้า

อย่างไรก็ตาม ความสุขของครอบครัวไม่อาจคงอยู่ได้ตลอดไป เมื่อแม่ของเธอต้องล้มป่วยด้วยโรคร้ายปริศนาที่รักษาไม่หายและจากโลกไปในขณะที่โมนีก้าเพิ่งมีอายุได้เพียง 2 ขวบเท่านั้น นับแต่นั้นมา แคนทัสจึงต้องรับภาระดูแลลูกสาวเพียงลำพัง แม้จะเหน็ดเหนื่อยเพียงใด แต่หัวใจของคนเป็นพ่อก็เปี่ยมด้วยรักที่มั่นคงจนทำให้โมนีก้าเติบโตมาอย่างแข็งแกร่งและเปี่ยมไปด้วยความรักที่ไม่เคยขาด ฃ

ชีวิตวัยเรียนของโมนีก้าดำเนินอยู่ที่ Rutherford County Schools ตั้งแต่เกรด 1 จนถึงเกรด 8 เธอเป็นเด็กที่มีบุคลิกสดใส ร่าเริง แต่ก็ไม่ใช่คนอ่อนแอ ตรงกันข้าม เธอเป็นเด็กหญิงที่ใจเด็ด มีความมั่นใจ และมักมีวิธีการแสดงออกที่เป็นตัวของตัวเองเสมอ แม้ในบางครั้งจะดื้อรั้นไปบ้าง แต่ก็เต็มไปด้วยความตั้งใจจริง

ไม่นานมานี้ เธอและบิดาตัดสินใจย้ายถิ่นฐานไปยังเมืองเอแวนส์วิลล์ รัฐอินเดียนา เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ พร้อมเปิดร้านขายยาของครอบครัวใจกลางเมือง และนั่นทำให้โมนีก้ากำลังก้าวเข้าสู่บทใหม่ของชีวิตการศึกษาในชั้นเกรด 9 ที่ Signature School Inc. ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ขึ้นชื่อด้านความเข้มข้นทางวิชาการและการปลูกฝังความคิดสร้างสรรค์

Moneka gif

แต่ใครจะรู้กันล่ะว่า โคเกลิโก มารันเธียร์ แม่ของโมนีก้าแท้จริงแล้วคือเทพีเซเรส ผู้ครองอำนาจเหนือผืนพสุธาและพืชพรรณทั้งมวล การจากไปของนางในยามที่ลูกสาวเพิ่งอายุได้เพียงสองขวบไม่ใช่ความตายธรรมดา หากแต่เป็นการหวนคืนสู่ธรรมชาติเพื่อดำรงสถานะเทพีที่เธอเป็น ตั้งแต่วินาทีนั้น เทพีเซเรสยังคงเฝ้ามองลูกสาวอยู่ห่าง ๆ ในสายลมของฤดูใบไม้ผลิ ในกลีบดอกไม้ที่ผลิบาน ในสายฝนที่ตกลงมา และในข้าวสุกหอมกรุ่นทุกจาน แม้ไม่เคยปรากฏกายต่อหน้าบุตรสาว แต่ก็เฝ้าคุ้มครองอย่างใกล้ชิดเสมอ เพราะในตัวโมนีก้ามีสายเลือดเทพเจ้าไหลเวียนอยู่ เธอคือเดมิก็อดน้อยที่เกิดจากความรักระหว่างมนุษย์และเทพี

ทว่าด้วยความที่เติบโตมาโดยไร้การบอกเล่าความจริงจากผู้เป็นแม่และผู้เป็นภรรยา ทำให้โมนีก้าเป็นเด็กสาวที่เชื่อว่าเรื่องประหลาดทั้งหลายที่เกิดขึ้นรอบตัวเป็นเพียง “ความบังเอิญ” ดอกไม้ที่บานในกระถางที่เธอลืมรดน้ำ ต้นไม้ที่โน้มกิ่งมาให้ร่มเงาในยามที่เธอเหนื่อยล้า หรือแม้กระทั่งความสามารถในการทำให้คนรอบตัวสบายใจอย่างไม่รู้ตัว ทั้งหมดนั้นเธอไม่เคยคิดเลยว่าจะมาจากพลังที่แฝงอยู่ในเลือดเนื้อของตนเอง เธอยังคงเป็นเด็กสาวที่ปรับตัวได้ราวกับฤดูกาล เปลี่ยนแปลงอย่างอ่อนช้อย แต่ก็แฝงไว้ด้วยความแน่วแน่เฉกเช่นผืนดินที่ไม่เคยทอดทิ้งพืชพรรณใด ๆ และเป็นไปตามความตั้งใจของเทพีเซเรสที่ไม่ต้องการบังคับเส้นทางชีวิตของลูก หากแต่ปรารถนาให้โชคชะตาและการเลือกของโมนีก้าเป็นผู้ชี้นำทุกสิ่งด้วยตนเอง

แต่ใครจะรู้ว่าความจริงแล้วสายเลือดในกายของโมนีก้ามันซับซ้อนเกินกว่าที่ใครจะคาดการณ์หรือเข้าใจ เธอเป็นธิดาของเทพีเซเรสนั้นจริงแท้ แต่ไม่รู้เลยว่าฝั่งของพ่ออย่างแคนทัส บลอสซัม ก็ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาเสียทีเดียว เพราะตระกูลของเขาสืบเชื้อสายลึกลงไปถึงเดมิก็อดผู้เป็นบุตรแห่งเทพเจนัส เทพเจ้าผู้ครองสองภาค หนึ่งหันหน้าไปสู่อดีต อีกหนึ่งทอดตาไปยังอนาคต ทว่าหลายชั่วอายุคนผ่านไป เชื้อสายนั้นเลือนราง เจือจางจนแทบไม่มีใครรับรู้ แม้กระทั่งแคนทัสเองก็ไม่ได้ตระหนักว่าในเลือดเนื้อของเขายังคงซ่อนมรดกของสายเลือดเจนัสอยู่เงียบ ๆ

แต่เมื่อสายเลือดเข้มข้นของเทพีเซเรสไหลเวียนมาผสมในกายของโมนีก้า มันกลับกระตุ้นพลังที่หลับใหลให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง กลายเป็นการผสานอันแปลกประหลาดระหว่างพลังแห่งผืนดินและฤดูกาลของเซเรส กับพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงของเจนัส 

Moneka alt portrait

ผลลัพธ์คือ… โมนีก้าเติบโตขึ้นมาพร้อมกับการมีหลายบุคลิกในร่างเดียว อายุแตกต่างกัน เพศต่างกัน และทุกอย่างก็ต่างกัน บุคลิกที่หนึ่ง เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและอยากรู้อยากเห็น ราวกับดอกไม้ที่ผลิบานหลังผ่านพ้นหิมะ ความเบิกบานของเธอทำให้ผู้คนรอบข้างรู้สึกเหมือนโลกสว่างขึ้นทันตา แต่ความอ่อนไหวของเธอก็ทำให้บอบบางง่ายดั่งกลีบดอกที่ถูกสายลมพัด ชอบการเอาใจและการดูแล เพราะเกลียดการถูกทิ้งให้อยู่ในความเงียบเหงา

บุคลิกที่สอง หัวรุนแรง เร้าร้อน และเจ้าอารมณ์ที่สุด เธอกล้าในสิ่งที่เสี่ยง บ้าบิ่นในสิ่งที่คนอื่นหวาดหวั่น และแสดงออกโดยไม่คิดจะปิดบังความรู้สึก รักสีสันที่จัดจ้านของชีวิต รักการวิ่งไล่ตามแสงสว่างและเสียงหัวเราะ ความทุกข์หรือบาดแผลในใจก็สลัดทิ้งไปอย่างรวดเร็ว ราวกับไฟที่ลุกโชนแล้วดับวูบ

บุคลิกที่สาม ตรงข้ามกับบุคลิกก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง เป็นคนเจ้าระเบียบ ขี้รำคาญ รักความเป็นส่วนตัวสูง และไม่ชอบความวุ่นวายหรือเรื่องท้าทายที่ดูเสี่ยงอันตรายมากเกินไป เธอรักบ้าน รักพื้นที่ปลอดภัยของตัวเอง และจะปกป้องมันไม่ยอมให้ใครรุกล้ำหรือย่างกรายเข้ามา

บุคลิกที่สี่ เงียบขรึม เย่อหยิ่ง ดูราวกับไม่อยากคบค้าสมาคมกับใคร แต่แท้จริงแล้วภายใต้ท่าทีแข็งกร้าวนั้น เธอคือคนที่มีความบอบบางและขี้อาย มีความละเอียดอ่อนและใจเย็น เธออดทนกับสิ่งรอบตัวได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ก็เฉื่อยชาในสายตาคนอื่น เป็นคนเย็นชา แต่ซ่อนความอ่อนหวานไว้ลึก ๆ สำหรับผู้ที่กล้าอบอุ่นเธอจริง ๆ นั่นคือเรื่องราวของเธอ ตอนนี้สาวน้อยกำลังก้าวเข้าสู่บทใหม่แห่งโชคชะตา บทที่ความลับที่ปิดซ่อนมาตลอดชีวิตจะถูกเปิดเผย และทุกการเลือกของเธอจะกำหนดอนาคตของตัวเธอเอง สายเลือดของเธอไม่ใช่แค่ “ภาระ” หากแต่เป็น “กุญแจ” ที่จะไขเส้นทางไปสู่เรื่องราวยิ่งใหญ่ที่โลกภายนอกยังไม่ทันรู้ตัว

ปัจจุบันโมนีก้าอาศัยอยู่ที่ค่ายจูปิเตอร์ มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย และตอนนี้เธออยู่กองร้อยที่ 2 ดำรงตำแหน่งเซนจูเรี่ยนจำเป็น (ทาสงาน) อยู่ในขณะนี้


ประวัติบรรพบุรุษ


บรรพบุรุษของโมนีก้าต้นกำเนิดย้อนไปไกลกว่าที่ใครคาดคิด ว่ากันว่าบรรพบุรุษคนแรกของตระกูลคือ “เดมิก็อทของเทพเจนัส” เทพผู้เฝ้าประตูและเส้นทางแห่งการเปลี่ยนผ่าน ครีตา เดมิก็อทของเทพเจนัส (บรรพบุรุษแรกเริ่ม) ได้หลบหนีจากกรุงโรมในช่วงการล่มสลายและสงคราม เพื่อหาที่อยู่ใหม่ จนกระทั่งมาตั้งรกรากอยู่ในดินแดนที่กลายเป็นชายแดนของยูเครนและรัสเซียในภายหลัง แม้สายเลือดเดมิก็อดจะเจือจางลงตามกาลเวลาแต่ก็ไม่เคยสูญสิ้น ลูกหลานของเธอแต่งงานและใช้นามสกุล บลอสซัม เป็นต้นตระกูลของสายเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในกาย การสืบเชื้อสายของตระกูลนั้นมีไปเรื่อย ๆ ราวกับไม่มีจุดสิ้นสุด สายเลือดของเธออยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงยุคมืด ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา (Renaissance) และเข้าสู่ช่วงที่ครอบครัวที่กระจัดกระจาย  และในศตวรรษที่ 20 เลือดโบราณนี้ได้แสดงพลังอีกครั้งผ่านชายผู้มีเชื้อสายคนหนึ่ง แอชเชอร์ บลอสซัม (ทายาทรุ่นที่ 62)


แอชเชอร์ เกิดในช่วงหลังสงครามกลางเมืองของยุโรปตะวันออก เขาเติบโตในหมู่บ้านเล็ก ๆ ท่ามกลางความยากจนและความวุ่นวายรอบด้าน ในวัยเด็กเขามักเผชิญกับอสุรกายที่โผล่เข้ามาในโลกมนุษย์โดยไร้เหตุผล จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้พบ “ลูปา” ที่มาช่วยชีวิตและพาเข้าสู่ “บ้านหมาป่า” และนั่นคือจุดเริ่มต้นการฝึกฝน


ปี ค.ศ. 1970 เขาได้เข้าสู่ ค่ายจูปิเตอร์ (Camp Jupiter) ในฐานะลูกหลานแห่งโรมของเทพเจนัส ที่นี่เองเขากลายเป็น “ทหารตัวอย่าง” ผู้ไม่เคยปฏิเสธคำสั่ง เขามีความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว และต่อสู้ถวายหัวเพื่อโรม แต่ทว่าในเงามืดของจิตใจ แอชเชอร์กลับแบกรับอาการหลายบุคลิกที่เกิดจากการขัดแย้งกันของสายเลือดเจนัสในกายที่ตื่นขึ้น เขาจึงเหมือนนักรบผู้ไร้หัวใจ ทำงานราวกับตุ๊กตากลไก ไม่มีการเลือกเอง มีเพียงการเชื่อฟัง แม้เขาจะทุ่มเททุกสิ่งให้กับภารกิจของทวยเทพ แต่ในใจลึก ๆ เขาเชื่อว่าเลือดของเขาคือ คำสาป ที่ไม่อยากส่งต่อให้ลูกหลาน เขาจึงปิดบังทุกอย่างไม่ให้ใครรู้ ไม่ให้แม้แต่ครอบครัวได้สัมผัสกับด้านมืดนี้


ต้นทศวรรษ 80 โลกมนุษย์เต็มไปด้วยความไม่สงบจากสงครามเย็น การสังหารหมู่ และความขัดแย้งในทุกภูมิภาค และความปั่นป่วนนี้ก็ไหลทะลักเข้ามาถึงค่ายของเหล่าเดมิก็อด ความคิดทางการเมืองแตกออกเป็นสองฝ่าย แม้แต่ในค่ายจูปิเตอร์ก็มีการแบ่งฝั่งอย่างเงียบ ๆ ท่ามกลางความแตกแยกนั้นเอง แอชเชอร์ บลอสซัม เริ่มตั้งคำถามกับสิ่งที่เขาเชื่อ เขาเริ่ม “หัวขบถ” ไม่ใช่เพื่อต่อต้านโรม แต่เพราะเขามองเห็นว่าเพื่อนหลายคนกำลังถูกใช้เป็นหมากในเกมการเมือง เหมือนที่เขาเองเคยเป็น เขาจึงเริ่มถอนตัวออกมาใช้ชีวิตในโลกมนุษย์แทน และเลือกจะรับภาระของสายเลือดไว้เพียงลำพัง


แต่กระนั้นความภัคดีที่เขามีให้โรมกลับไม่เสื่อมคลาย เขาได้เริ่มช่วยสภาเซเนทสืบสวนอย่างลับ ๆ หลังจากการไปใช้ชีวิตด้วยการเดินทางไปรัสเซีย ปฏิบัติภารกิจที่ได้รับความไว้วางใจอย่างถึงที่สุด ทำให้เขาได้เข้าถึงข้อมูลสำคัญของไส้ศึกในค่ายจูปิเตอร์และผู้ที่ใส่ร้าย แคสแซนดร้า อาร์ชิโบล์ด


เวลาผ่านไปตระกูลบลอสซัมค่อย ๆ กลายเป็น “ครอบครัวธรรมดา” ที่ใช้ชีวิตในโลกมนุษย์ มีการแต่งงานกับคนทั่วไป มีลูกหลานที่ไม่รู้เลยว่าตนเองมีสายเลือดเทพเจนัสอยู่ในร่างกาย แต่กระทั่งถึง แคนทัส บลอสซัม (Canthus Blossom) หลานชายของแอชเชอร์ ผู้ที่เกิดและเติบโตในสหรัฐฯ ก็ยังคงไม่รู้ตัวว่าตนเองมีสายเลือดพิเศษ เขากลายเป็นเพียงเภสัชกรใจดี รักครอบครัว ไม่ต่างจากมนุษย์ธรรมดา ทว่าในสายเลือดของเขายังคงแฝงร่องรอยของเจนัสและรอวันที่จะถูกกระตุ้นให้ตื่นขึ้น เมื่อแคนทัสแต่งงานกับ โคเกลิโก มารันเธียร์ หญิงสาวปริศนาผู้แท้จริงคือ เทพีเซเรส และให้กำเนิดบุตรสาวเพียงหนึ่งเดียว โมนีก้า บลอสซัม สายเลือดทั้งสองจึงได้ผสมผสานกันอย่างเข้มข้น เลือดของเทพีเซเรสปลุกพลังที่หลับใหลของเจนัสให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง และนั่นคือเหตุผลที่โมนีก้าเกิดมาพร้อมโรคหลายบุคลิกและมีพลังของธรรมชาติและการเปลี่ยนผ่านที่เข้ามา


ข้อมูลอัพเดท (แล้วแต่แอดจะให้ใส่)

มีใบอนุญาตใบขับขี่สากลของเดมิก็อด รถในครอบครอง [Vulcan’s Ember]

  

Vulcan's Ember: เปลวเพลิงแห่งวัลแคน 

สปอร์ตคาร์คันนี้ไม่ใช่ยานพาหนะธรรมดา แต่เป็นผลงานชิ้นเอกที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นด้วยฝีมืออันประณีตของ บุตรแห่งวัลแคน (Vulcan) เทพเจ้าแห่งไฟและงานช่าง เป็นการผสมผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยของโลกมนุษย์เข้ากับเวทมนตร์และภูมิปัญญาแห่งเทพ ตัวถังหล่อหลอมจาก Infernal Alloy (โลหะผสมพิเศษระหว่างไทเทเนียมเกรดอากาศยานและอะดาแมนไทต์) มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่งทนทานต่อแรงกระแทกและมวลความร้อนมหาศาล พื้นผิวรถเปล่งประกายคล้ายเปลวไฟที่กำลังลุกโชน หรือสีดำเงาขลับที่ซ่อนเร้นประกายแดงฉานยามต้องแสง เครื่องยนต์ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันทั่วไป แต่ใช้ แก่นแท้แห่งไฟ ทำให้พุ่งทะยานด้วยความเร็วเหนือจินตนาการพร้อมเสียงคำรามดุดันราวกับมังกรเพลิง

ข้อมูลทางเทคนิค

ความเร็วสูงสุด: 300 กม./ชม. (โปรดรักษากฎจราจรในแต่ละประเทศ)

อัตราเร่ง (0-100 กม./ชม.): ภายใน 2.5 วินาที
ความจุที่นั่ง: 4 ที่นั่ง (รวมคนขับ)
ระบบขับเคลื่อน: ขับเคลื่อน 4 ล้อ อิสระ (4WD)
ระบบเชื้อเพลิง: เชื้อเพลิงยานยนต์ (ไอเทม) กลั่นจากสัมฤทธิ์วิเศษ (ความจุถัง 100 ลิตร)
ตัวถัง (Bodywork): Infernal Alloy กันกระสุน 100%, ทนกรงเล็บปีศาจ, ทนความร้อน 2,000°C

ระบบป้องกันและอุปกรณ์พิเศษ

Thermal Aura: แผ่รังสีความร้อนรอบตัวรถ 1 เมตร เพื่อเผาทำลายอาวุธขว้างหรือลูกธนูที่พุ่งเข้ามา
Mist Diffuser: ระบบปล่อยหมอกพรางตา ทำให้คนทั่วไปมองเห็นเป็นเพียงรถสปอร์ตสีแดงธรรมดา
กระจกอาคม: ใสเหมือนแก้วแต่แข็งแกร่งเท่าเหล็กกล้า พร้อมลงอักขระป้องกันเวทมนตร์สะกดจิต
Hephaestus Grip: ล้ออัลลอยด์หล่อชิ้นเดียว ยางทำจากโพลิเมอร์ผสมใยโลหะเทพเจ้า ยึดเกาะทุกสภาพผิว
Self-Mending: ตัวถังสามารถสมานรอยขีดข่วนเองได้เมื่อได้รับความร้อน (เช่น การจอดตากแดดหรือเร่งเครื่อง)


ภายในห้องโดยสารและการควบคุม

แผงคอนโซล: ผสมผสานดีไซน์ Steampunk (เกจวัดอนาล็อกแบบเครื่องจักรไอน้ำ) และโฮโลแกรมเวทมนตร์
เบาะนั่ง: ทำจากหนังมังกรฟอกนิ่ม (Ethically sourced) ทนไฟและปรับอุณหภูมิอัตโนมัติ
Auto-Pilot Golem Mode: มีวิญญาณเทียมสถิตในรถ สามารถสั่งให้ขับมารับหรือขับหนีศัตรูได้เอง
ปุ่ม Overdrive: ปุ่มสีแดงรูปค้อนไขว้ ใช้สำหรับปลดปล่อยความร้อนสะสมเพื่อเพิ่มพลังพุ่งชน (Ramming Speed)
Universal Permit Holder: ช่องเสียบการ์ดพิเศษที่ขยายพลังของ "ใบขับขี่สากล" ทำให้ผ่านด่านตรวจได้ทุกแห่งทั่วโลก

     หมายเหตุ: ระยะทางและการใช้ความเร็วมีผลต่อการผลาญเชื้อเพลิง เมื่อเชื้อเพลิงใกล้หมดจะมีระบบแจ้งเตือนเมื่อเข้าเขตขีดแดง

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา ลงทะเบียน

×

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 102359 ไบต์และได้รับ 80 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-8-25 04:02

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +50 เงินดอลลาร์ +50 เหรียญดีนาเรียส +10 ตื่นรู้ +1 ย่อ เหตุผล
God + 50 + 50 + 10 + 1

ดูบันทึกคะแนน

โพสต์ 2025-12-19 21:04:56 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Moneka เมื่อ 2025-12-20 01:31

Moneka Avatar
Moneka M. Blossom
Demigod Profile · Camp Jupiter
ready to bloom in pastel chaos ♡

ทามไลน์ของโมนีก้า ปี 2025 (สำหรับอัพเดทค่ายจูปิเตอร์)

(ช่วงเวลาต่อจากนี้เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนรู้ว่ามีช่วงเวลากลางวัน 24 ชั่วโมง)

(ไม่มีกลางคืน มา 1 ปีกว่า ๆ แล้ว แต่มนุษย์ไม่รู้สาเหตุ)

(ความจริงที่ไม่มีช่วงเวลากลางคืนเพราะเทพนิกซ์โดนลักพาตัว) 


วันที่ 25 สิงหาคม โมนีก้าได้โดนมิโนทอร์ตามล่าเธอบอกเรื่องนี้กับพ่อ พ่อพยายามหาทางช่วยและพ่อรู้ว่าหากเดินทางไปที่เมืองนิวโรม ที่ซานฟรานซิสโก น่าจะช่วยได้ ทั้งสองยังไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับเดมิก็อด ทั้งพ่อและโมนีก้าเลยเดินทางออกจากบ้านที่ เมืองเอแวนส์วิลล์ รัฐอินเดียน่า สหรัฐอเมริกา

วันที่ 26 สิงหาคม โมนีก้าและพ่อเดินทางมาจนถึงซานฟรานซิสโกด้วยการนั่งเครื่องบิน ระหว่างทางได้พบกับหมาป่าสีขาวโมนีก้ารู้ทันทีว่าต้องตามไปเพราะหมาป่าบอกว่าหากไม่อยากให้พ่อเป็นอันตรายก็ตามไปโมนีก้าเลยลาพ่อแล้วตามไป สรุปหมาป่านั้นคือเทพีลูปา ที่จะพาโมนีก้าไปยังบ้านหมาป่าเพื่อฝึกฝนเตรียมตัวส่งโมนีก้าให้ไปที่ค่ายจูปิเตอร์ที่กรุงโรมใหม่

วันที่ 27 สิงหาคม - 04 กันยายน โมนีก้าโดนลูปาพามาที่บริเวณบ้านหมาป่าเพื่อทำการฝึกฝน โมนีก้าได้รู้ว่าเธอเป็นธิดาของเซเรส และมีเชื้อสายของเทพเจนัสในตัวของเธอด้วยซ้ำ โมนีก้าต้องฝึกหนักมากเพราะเธอค่อนข้างอ่อนแอกว่าคนทั่วไป ทั้งวิชาการต่อสู้ ปรับตัว ขนาดวิชาภาษาโรมันเดมิก็อดคนอื่น ๆ เรียนแค่ 6 วันก็เข้าใจแล้ว แต่โมนีก้าต้องเรียน 10 วัน ไม่งั้นก็จะไม่เข้าใจเลย ระหว่างที่อยู่บ้านหมาป่าโมนีก้ามีรูมเมทและเป็นบัดดี้ของเธอชื่อ อัสทริก เดวอน ซูกิ เป็นบุตรีเทพมาร์ส เป็นสาวทอมที่ทำอาหารเก่ง ทั้งสองสนิทกันมาก


ช่วงเวลาของบันทึกการเดินทาง ติดตามต่อได้ที่นี่ [บันทึกการเดินทาง] From Lupa’s Kick to Jupiter’s Gates


วันที่ 05 กันยายน โมนีก้าต้องออกเดินทางออกจากบ้านหมาป่ากับซูกิเพื่อเดินทางไปยังค่ายจูปิเตอร์ที่อยู่ไกลออกไปแต่ไม่มากแต่เต็มไปด้วยอันตราย เทพีลูปาเป็นคนมาส่งลาทั้งสองคน โมนีก้าและซูกิออกเดินทางด้วยกัน ทั้งสองโดนก็อบลิน กลุ่มใหญ่ ถึง 2 กลุ่ม โจมตี ระหว่างทาง ไหนจะมีกองทหาร อีก 2 กองที่เป็นมนุษย์ที่ต้องการจับตัวเดมิก็อดไปทดลอง และมิโนทอร์ตามล่า ตอนทั้งสองเดินทางถึงทางเข้าค่ายจูปิเตอร์, อุโมงค์คัลลีคอตต์, แคลิฟอร์เนีย โมนีก้าก็จัดการกับมิโนทอร์ได้แล้วก็ได้เข้าค่าย


(จบ [บันทึกการเดินทาง] From Lupa’s Kick to Jupiter’s Gates)


วันที่ 06 กันยายน โมนีก้าโดนส่งให้ไปอยู่กองร้อยที่ 2 ของค่ายจูปิเตอร์ ส่วนซูกิโดนส่งไปที่กองร้อยที่ 1 ซึ่งดีกว่า แต่โมนีก้าก็ไม่ได้คิดอะไรมากเธอแค่ใช้ชีวิตอยู่ที่ค่ายจูปิเตอร์เท่านั้น

วันที่ 06 - 17 กันยายน โมนีก้าใช้ชีวิตที่ค่ายในฐานะเด็กใหม่ของค่ายจูปิเตอร์ที่มีกิจวัตรประจำวันทั้งการฝึกแบบทหารและการเรียนรู้ โมนีก้าทำทุกอย่างที่ทำได้และพยายามหามิตรภาพใหม่ ๆ แต่โมนีก้าก็รู้สึกว่ามันก็อาจจะดี? ทว่าก็เกิดเรื่องขึ้นโมนีก้าฝันประหลาดจนนอนไม่หลับ


ช่วงเวลาของบันทึกการเดินทาง ติดตามต่อได้ที่นี่ [บันทึกการเดินทาง] Beamed into Duty: Saving Mr. Freckles] 


วันที่ 18 กันยายน โมนีก้าไม่ได้นอนแต่ทว่าเธอก็โดนวาร์ปไปยังเมืองแวนคูเวอร์ แคนนาดา โดยมีชายคนหนึ่งที่อายุมากกว่าโมนีก้า 1 ปี ทำพิธีเรียกมา เขาชื่อ เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส เขาบอกว่าเขามีเรื่องให้ช่วยเขาทำพิธีแบบสุ่ม ไม่รู้จะเจอใครมาช่วย เขาเป็นคนที่ต้องทำภารกิจจากค่ายจูปิเตอร์ไปทำให้มีช่วงเวลากลางคืนด้วยการปลุกเทพเอเรบัส แต่ระหว่างทางโดนกลุ่มองค์กรประหลาดโจมตีทำให้เพื่อนของเขาโดนจับตัวไป เขาต้องการให้โมนีก้าเดินทางไปกับเขาเพื่อไปช่วยเพื่อนเขาด้วยเช่นเดียวกัน โมนีก้าเข้าใจผิดว่าหากไปช่วยช่วงเวลากลางคืนจะกลับมาเลยตกลง และโมนีก้าก็ไม่ได้รู้เลยว่า เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส คนนี้คือเทพอะพอลโลในร่างมนุษย์ที่โดนสาปโดยซุสให้ลงมาเป็นมนุษย์ ทว่าเลสเตอร์ที่พึ่งรู้ว่าโมนีก้าเป็นเดมิก็อดหน้าใหม่ที่พึ่งรู้ว่าตัวเองเองเป็นเดมิก็อดก็ตกใจมากเพราะโมนีก้าต้องเป็นเดมิก็อดที่ยังไม่เคยฝึกอะไรแน่ ๆ เขาเลยต้องปกป้องเธอ อีกอย่างโมนีก้ามีกลิ่นกายของดอกไลแลคเหมือนกับดาฟเน่ รักแรกของอะพอลโลเอง ทำให้เขายิ่งรู้สึกว่าต้องปกป้องเธอ

วันที่ 18 - 21 กันยายน โมนีก้าและเลสเตอร์ต้องเดินทางจากเมืองแวนคูเวอร์เพื่อไปยังจุดเรือเหาะตกเป็นเบาะแสสุดท้ายของเพื่อนเลสเตอร์ ระหว่างการเดินทางโมนีก้าและเลสเตอร์ต้องโดนอสุรกายและมนุษย์ องค์กร LoNex ตามล่า โมนีก้าที่ไม่เคยเจอการต่อสู้จริงกับมนุษย์ขนาดนี้มาก่อนทำให้เธอรู้สึกแย่มาก ๆ แต่มีเลสเตอร์คอยอยู่และดูแลเธอเพราะภารกิจครั้งนี้ไม่ใช่แค่พวกอสุรกายที่เป็นศัตรูของโมนีก้าและเลสเตอร์แต่เป็นมนุษย์จากองค์กร LoNex ด้วยเหมือนกันจนกระทั่งโมนีก้าได้ช่วยเหลือเพื่อน ๆ ของเลสเตอร์ได้แก่ วินเซนโซ (บุตรวัลแคน) ลูคัส (บุตรมาร์ส) อิลิเซีย (สายเลือดน็อกซ์) ฮารุโตะ (บุตรอะพอลโล) ได้สำเร็จแต่ทว่าโมนีก้ากลับได้พบกับเทพธานาทอส เขาบอกว่าเธอเก่งเพราะเธอฆ่าคนเยอะดี ทำให้โมนีก้าได้รับรู้ว่าเธอได้เผลอฆ่ามนุษย์เป็นครั้งแรก ทำให้โมนีก้ารู้สึกแย่มาก ๆ เธอแทบสติแตก

วันที่ 21 - 25 กันยายน หลังจากที่โมนีก้าและเลสเตอร์ช่วยเพื่อน ๆ ได้แล้ว แต่พวกองค์กร LoNex มีแผนร้ายในการทำให้โลกมืดด้วยพลังของเทพเอเรบัสพวกเขาต้องไปหยุด แม้ว่าโมนีก้าจะสติแตกแต่เธอก็ต้องเข้มแข็งแม้ใจจะสลายมากก็ตามที เลสเตอร์ใช้พลังรักษาจนหมดแรงจนสลบ โมนีก้าเลยรู้สึกแย่ไปอีก และพวกเขาต้องเดินทางจากแคนาดาไปยัง ท่าเรือที่ใกล้ที่สุดคือเมืองควิเบก ท่าเรือมอนทรีออล ระหว่างการเดินทางพวกเขาเจอทั้งอสุรกายและเหล่าองค์กร LoNex ตามล่าตัวเพื่อกำจัดทิ้ง แต่ก็ผ่านมาได้ การต่อสู้นั้นโชคโชนมาก ๆ และโมนีก้าก็เป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่ม แต่เธอก็พยายาทำตัวให้เป็นภาระของทุกคนน้อยที่สุดจนกระทั่งวันที่ 24 พวกเธอก็ถึงท่าเรือและขึ้นเรือของเพื่อนเลสเตอร์เพื่อเดินทางไปยังยุโรป ไปยังกรุงโรมเก่าที่อิตาลี


(ช่วงเวลาหลังจากนี้ช่วงเวลาพลบค่ำมาแทนช่วงเวลากลางคืนเพื่อสมดุลของโลก)


วันที่ 26 กันยายน ระหว่างการเดินทางด้วยเรือข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก โมนีก้าและเพื่อน ๆ ได้พบว่าวันนี้อยู่ ๆ ท้องฟ้าก็เริ่มมีช่วงเวลาพลบค่ำที่มาแทนช่วงเวลากลางวัน 24 ชั่วโมง เลสเตอร์รู้ได้ทันทีเขาบอกกับทุกคนว่าเพราะเทพเวสเปอร์กลับมาจากพักร้อนทำให้มีช่วงเวลาพลบค่ำนานขึ้นจนแทนที่ช่วงกลางคืนชั่วคราวเพื่อคงสมดุลของโลก ตลอดการเดินเรือหลายวันพวกเขาต้องเจออสุรกายจากมหาสมุทรเรื่อย ๆ 

วันที่ 01 ตุลาคม โมนีก้าและเพื่อน ๆ เดินทางมาจนถึงช่องแคบยิบรอลตาร์แล้วก็โดนโจมตีจากอสรุกายและเทพแอซเท็คไร้ชื่อกับสัตว์ประหลาดจนเรือแตก แล้วไปเกยตื้นกันที่ชายหาดอาวห์ราน แอลจีเรีย

วันที่ 01 - 02 ตุลาคม พวกโมนีก้าต้องเปลี่ยนการเดินทางจากเรือส่วนตัวเป็นเรือเช่าเฟอร์รี่ข้ามประเทศแทนจาก แอลจีเรีย ข้ามไป อัลเมเรีย สเปน จนถึง บาร์เซโลนา สเปน และต่อเรือไปที่อิตาลีอีกที แน่นอนว่าพวกเขาก็โดนตามล่าจากทางอสุรกายและองค์กร LoNex เหมือนเดิม แต่ทว่ารอบนี้โมนีก้าได้พบว่าพวกองค์กร LoNex ได้จับเด็กเดมิก็อดมาทดลองเปลี่ยนให้เด็กเดมิก็อดกลายเป็นเพียงเครื่องมือสังหาร และบางส่วนก็เปลี่ยนเป็นอสุรกายเทียม เด็กเดมิก็อดที่เป็นเอมพูซ่าขอให้โมนีก้าฆ่าเพราะโดนล้างสมองไม่อาจกลับไปใช้ชีวิตได้แล้วทำให้โมนีก้าต้องฆ่าและสติของเธอก็หลุด เนื่องจากว่าโมนีก้าเป็นสายเลือดเจนัสเธอเลยมีหลายบุคลิกแล้วบุคลิกอื่นของเธอก็มาชั่วคราวทำให้เธอต้องลืมเรื่องนี้เพื่อปกป้องจิตใจโมนีก้า

วันที่ 02 ตุลาคม โมนีก้ากลับมาได้และพวกเขาก็เดินทางมาที่อิตาลีเพื่อที่จะมาหยุดหัวหน้าของพวกองค์กร LoNex ในการสร้างโลกที่มืดมิดตลอดกาล ตลอดการต่อสู้พวกเขาเจอแต่ความยากลำบากโมนีก้าจะโดนโจมตีเป็นคนแรก ๆ และหมดสภาพต่อสู้บ่อยมาก เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระของทุกคนและโดนย้ำบ่อย ๆ ว่าเป็นตัวถ่วงจากพวกศัตรูบอกว่าโมนีก้าอ่อนแอ แต่เลสเตอร์ก็อยู่เคียงข้างโมนีก้าตลอดเวลา ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาก

วันที่ 03 ตุลาคม โมนีก้าและพวกเพื่อน ๆ กำจัดและทำให้เป้าหมายขององค์กร LoNex ต้องจบลง โมนีก้าสารภาพรักกับเลสเตอร์เพราะเธอชอบแต่เธอไม่ได้อยากคบกับเขาเพราะรู้สึกว่าความรักของเธอคงจะไม่เป็นจริงไม่รู้ทำไมเพราะเธอไม่รู้ว่าเลสเตอร์เป็นเทพ และตอนนี้เลสเตอร์บอกว่าจะไปหาโมนีก้าที่ค่ายหลังจากนี้ แต่ไม่ได้บอกอะไรเพิ่มเติม เลสเตอร์เองก็ยอมรับว่าเขารู้สึกอะไรบางอย่างกับโมนีก้าเพราะเธอเหมือนดาฟเน่ที่จากไปแต่โมนีก้าก็คือโมนีก้า


(จบ [บันทึกการเดินทาง] Beamed into Duty: Saving Mr. Freckles] )


วันที่ 04 ตุลาคม โมนีก้าเดินทางกลับค่าย และใช้ชีวิตตามปกติ

วันที่ 06 ตุลาคม โมนีก้าโดนเลือกให้เป็นเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2 จากผลงานของเธอในภารกิจช่วยเหลือพวกวินเซนโซและช่วยโลกนี้เอาไว้ โมนีก้ารู้สึกเป็นเกียรติแต่ภาระมันก็หนักอึ้งสำหรับเธอมาก ๆ หลังจากนั้นเธอก็ใช้เวลาฝึกฝนและดูแลกองร้อย 2 โดยที่ก็คิดถึงเลสเตอร์ไปด้วยเพราะเธอรู้สึกว่าตัวเองมีโอกาสจะได้คบกับเขา

วันที่ 17 ตุลาคม โมนีก้าได้สถานะเปลี่ยนจาก Probatio เป็น Legionary (พลทหารเต็มตัว) ขีดบริเวณแขนของเธอเพิ่ม 1 ขีด


ช่วงเวลาของบันทึกการเดินทาง ติดตามต่อได้ที่นี่ [บันทึกการเดินทาง] พ่อคะ แม่คะ หนูไม่ได้หนีตามผู้ชาย...แค่ไปเป็น 'ความรับผิดชอบสูงสุด' ของอะพอลโลที่ยุโรปค่ะ!


วันที่ 20 ตุลาคม โมนีก้าได้พบกับเลสเตอร์อีกครั้ง แต่เขากำลังโดนปีศาจตามล่า ทำให้โมนีก้าต้องเข้าไปช่วยเหลือ และทั้งสองก็ได้รับภารกิจใหม่ในการตามหาคริสตันแห่งเสียงก้องเพื่อที่จะทำให้สัตว์ประหลาดไม่โจมตีเลสเตอร์

วันที่ 20 - 30 ตุลาคม โมนีก้าและเลสเตอร์ได้ใช้ชีวิตและช่วงเวลาอยู่ด้วยกันผ่านการต่อสู้ด้วยกันอีกครั้ง โมนีก้าได้รู้ว่าเลสเตอร์คือเทพอะพอลโลในที่สุด แน่นอนว่าอะพอลโลเป็นเทพที่เจ้าชู้เขาเลยมักจะเต๊าะโมนีก้าบ่อย ๆ และโมนีก้าก็ชอบเขาในฐานะของเลสเตอร์อยู่แล้วทำให้เธอก็ตกหลุมรักเขาไปเสียทุกที จนสุดท้ายภารกิจครั้งนี้มันทำให้เห็นว่าเลสเตอร์นั้นมีบางอย่างในใจคือเขาเสียใจกับเหตุการณ์คนรักคนเก่า ๆ ตั้งแต่นางไม้ดาฟเน่ และคนอื่น ๆ เป็นแผลใจของเลสเตอร์ โมนีก้าได้รับรู้ว่าที่เลสเตอร์มีความสนใจในเธอเพราะเธอเหมือนดาฟเน่ แม้ว่าโมนีก้าจะเสียใจมากแต่เลสเตอร์ก็พยายามจะแสดงความรับผิดชอบในฐานะมนุษย์ของเขาให้ดีที่สุด เขาปรับปรุงตัวเองแล้ว ทั้งสองต้องผ่านอุปสรรคความรักด้วยกันทำให้โมนีก้าและเลสเตอร์ค่อย ๆ เข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ โมนีก้ายอมรับได้ว่าเลสเตอร์ไม่ใช่คนหรือเทพเจ้าที่สมบูรณ์แบบ เลสเตอร์เองก็ยอมรับได้ว่าเขาควรที่จะรับผิดชอบต่อความรู้สึกของตัวเองไม่ใช่กลัวและเลือกที่จะไม่ดูแลหรือปฎิเสธรักของโมนีก้าเพราะเขาเองก็รักโมนีก้าเหมือนกัน ทั้งสองเลยตกลงเป็นแฟนกันในที่สุด

วันที่ 1 - 7 พฤศจิกายน เลสเตอร์พาโมนีก้าเดินทางกลับค่ายมันเป็นช่วงเวลาที่เลสเตอร์ได้ใช้เวลากับโมนีก้าด้วยความสุข แต่ก็ต้องโดนโจมตีหนักขึ้นเพราะกลิ่นของเทพมักจะดึงดูดอสุรกายบ่อย ๆ


(จบ [บันทึกการเดินทาง] พ่อคะ แม่คะ หนูไม่ได้หนีตามผู้ชาย...แค่ไปเป็น 'ความรับผิดชอบสูงสุด' ของอะพอลโลที่ยุโรปค่ะ!)


วันที่ 8 พฤศจิกายน โมนีก้าถึงค่ายและแยกกับเลสเตอร์ แต่เลสเตอร์บอกว่าจะมาหาทุกเย็นนะ เพราะเขาเองก็มีงานของเขา โมนีก้าก็ตกลง

วันที่ 10 - 24 พฤศจิกายน โมนีก้าต้องออกไปทำภารกิจอีกแล้วครั้งนี้เป็นภารกิจกู้ภัยทางทะเลที่มหาสมุทรอินเดีย ทว่าโมนีก้าต้องหลงเข้าไปในเมืองลับแลของอินเดียทวารกา ทำให้อะพอลโลไม่รู้สึกถึงเธอเลยเป็นห่วงมาก แต่พอออกมาก็ติดต่อได้ ทำให้อะพอลโลโล่งอก การเดินทางกลับค่ายโมนีก้าได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ดูแลกิจกรรมวันบรูมาเรียจากสภาเซเนทเธอรู้สึกว่าเธอเหนื่อยมากแต่ก็ต้องทำ โมนีก้าต้องบริหารการจัดงานทางไกลเพราะเธอทำภารกิจอยู่และงานจะเริ่มวันที่ 24 ที่จะถึงโมนีก้าก็ไปถึงพอดีเพราะต้องเป็นคนเปิดงาน

วันที่ 24 - 5 ธันวาคม โมนีก้าใช้ชีวิตและดูแลงานบรูมาเลีย

วันที่ 5 ธันวาคม โมนีก้ามาหาเลสเตอร์ที่หน้ามหาลัยนิวโรมเพราะเขามาคุมสอบเด็กนักเรียนมหาลัยนิวโรมในฐานะอะพอลโลที่เป็นคนออกข้อสอบ เลสเตอร์บอกว่าหลังจากงานบรูมาเลียเขาอยากพาโมนีก้าไปพักผ่อนที่ฮาวายสัก 3 วัน โมนีก้าก็ตกลง แต่หลังจากแยกกับเลสเตอร์โมนีก้าเกิดหัวใจวายจนหัวใจหยุดเต้นเพราะเธอทำงานหนักเกินไปในช่วงที่ผ่าน ๆ มา เอโลอีส บุตรีเฮเฟตัส ที่เป็นคนจากค่ายฮาล์ฟบลัดมาสอบที่มหาลัยนิวโรม เป็นคนช่วยเหลือและพาโมนีก้าส่งสถานพยาบาลค่ายจูปิเตอร์ได้ทัน

วันที่ 6 - 9 ธันวาคม โมนีก้าเข้ารับการรักษาพยาบาลที่สถานพยาบาลค่ายจูปิเตอร์ โดยที่มีเลสเตอร์และคนในกองร้อยที่ 2 คอยเทียวไปเทียวมาเยี่ยมเรื่อย ๆ ทำให้สภาพจิตใจของโมนีก้าเริ่มดีขึ้นและร่างกายเองก็เช่นเดียวกัน

วันที่ 10 ธันวาคม โมนีก้าได้ออกจากสถานพยาบาลค่าย ทว่าเธอรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไรจึงชวนเลสเตอร์ไปวิหารเทพจูปิเตอร์ ทว่าทั้งสองกลับพบว่าโมนีก้าเหมือนจะได้รับคำพยากรณ์ เลสเตอร์ไม่ค่อยพอใจเท่าไรนักเพราะโมนีก้าพึ่งออกจากการรักษาไม่ถึงวัน โมนีก้าพยายามบอกว่าตัวเองโอเค และปรึกษากับพรินซิเปียแต่ความจริงแล้วในใจของเธอเหนื่อยจนแทบขาดใจ ในคืนนั้นเธอไปนั่งร้องไห้เงียบ ๆ คนเดียวที่วิหารอะพอลโล

วันที่ 11 ธันวาคม เลสเตอร์มาหาโมนีก้าทันทีในช่วงเช้า เขาจะพาเธอไปเที่ยวเพราะรู้ว่าสภาพจิตใจของโมนีก้าไม่ไหวและเธอฝืนรับคำพยากรณ์ โมนีก้าร้องไห้กับเลสเตอร์เธอไม่ไหว ตัวตนของโมนีก้าเปลี่ยนแปลง เธอเป็นลูกหลานเจนัส เมื่อจิตใจของเธอไม่ไหว จะมีอีกคนเข้ามาแทนที่เสมอและแน่นอนว่าเลสเตอร์เองก็รับรู้เพราะเขาคืออะพอลโล บุคลิกฤดูร้อนของโมนีก้าคือ เอสต้า เธอเป็นสาวร่าเริงสดใสแก่นแก้วที่ไม่แคร์อะไรเลยสักนิด เหมือนจะคบได้แต่ความจริงแล้วเธอเป็นคนที่ไม่แคร์ใครทั้งนั้น 


(ช่วงเวลาหลังจากนี้เอสต้า อีกบุคลิกหนึ่งของโมนีก้าจะเข้ามาแทนที่โมนีก้า)


วันที่ 11-19 ธันวาคม เอสต้าใช้ชีวิตในฐานะโมนีก้าโดยที่ไม่มีใครรู้ (ความจริงรู้แต่เธอไม่แคร์) และพร้อมสำหรับการไปทำภารกิจคำพยากรณ์ของโมนีก้าแบบสุดขั้ว


[รอการอัพเดทต่อเมื่อได้รับแถบรอยสักที่ 2]

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 54231 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-12-19 21:04
โพสต์ 54,231 ไบต์และได้รับ +15 EXP +20 ความศรัทธา จาก การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์  โพสต์ 2025-12-19 21:04
โพสต์ 54,231 ไบต์และได้รับ +4 EXP +7 ความกล้า +7 ความศรัทธา จาก ผืนป่าลวงตา  โพสต์ 2025-12-19 21:04
โพสต์ 54,231 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 เกียรติยศ จาก ใบขับขี่สากล  โพสต์ 2025-12-19 21:04
โพสต์ 54,231 ไบต์และได้รับ +4 EXP +5 ความกล้า จาก บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส  โพสต์ 2025-12-19 21:04
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้