[เมืองบันยูวังงี] ท่าเรือเกตาปัง

[คัดลอกลิงก์]

หากท่านเป็นกึ่งเทพผู้หลงทาง สามารถสมัครสมาชิกเข้าร่วมกับเราได้ที่นี่ https://t.me/+etLqVX17bGg5ZjBl

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา ลงทะเบียน

×




Ketapang Port


⋘ ท่าเรือเกตาปัง ⋙



⋘ คลิกที่ภาพเพื่อเข้าสู่ทางเชื่อมประตูสู่กรุงโรม ⋙


          ท่าเรือเกตาปัง ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันออกของเกาะชวา เป็นเพียงท่าเรือขนส่งธรรมดาที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายของสินค้าและผู้คน ทว่าสำหรับผู้รู้ความลับแห่งโรมัน ท่าเรือแห่งนี้มิใช่แค่จุดแวะพักก่อนข้ามไปยังเกาะบาหลี แต่เป็นประตูบานสำคัญที่ซ่อนเร้นไว้ซึ่งความลับระดับสูงของสภาเซเนท


          เบื้องหลังอาคารขนส่งที่ดูเก่าแก่และโทรมนั้น มีสิ่งปลูกสร้างที่ดูแปลกแยกออกไป มันคืออาคารขนาดใหญ่ที่ถูกปิดป้ายประกาศไว้ว่า "กำลังก่อสร้าง" มานานหลายสิบปี อาคารแห่งนี้ถูกทิ้งร้างและกลายเป็นที่เลื่องลือว่าเป็นอาคารอาถรรพ์ที่ไม่มีวันสร้างเสร็จ แต่แท้จริงแล้วภายในอาคารคือ เครือข่ายส่วนตัวของสภาเซเนท ที่ถูกสร้างขึ้นอย่างประณีตและซับซ้อน มันทำหน้าที่เป็นศูนย์บัญชาการลับสำหรับภารกิจกู้ภัยและการสอดแนมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และที่สำคัญที่สุด มันยังเป็น ทางเชื่อมประตูสู่กรุงโรม ที่สามารถพาเหล่าบุตรแห่งเทพกลับไปยังค่ายจูปิเตอร์ได้อย่างปลอดภัยในยามฉุกเฉิน




          ดังนั้น หากคุณเป็นบุตรแห่งเทพที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนในดินแดนที่ห่างไกลนี้ จงมองหาอาคารที่ถูกทิ้งร้างแห่งนั้น คุณจะได้พบกับทางเข้าที่ถูกปกปิดไว้ภายใต้เวทมนตร์และเทคโนโลยีโบราณ เพื่อเข้าไปยังที่ซ่อนซึ่งเต็มไปด้วยผู้พิทักษ์ที่ซื่อสัตย์ และความช่วยเหลือที่พร้อมจะนำคุณกลับบ้านอย่างปลอดภัย







แสดงความคิดเห็น

God
โพสต์ 10990 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-8-19 20:31
โพสต์ 2025-11-10 17:41:44 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Moneka เมื่อ 2025-11-10 17:43

วันที่ 10 เดือน พฤศจิกายน ปี 2025

ยามสาย เวลา 11.10 น. ณ ประตูที่เกตาปัง อินโดนีเซีย


เสียงลั่นแผ่วของกลไกเวทดังขึ้นพร้อมกับแสงสีทองที่ค่อย ๆ สลายหายไปในอากาศ เมื่อโมนีก้าและซูกิก้าวออกมาจากประตูวิเศษเบื้องหลัง พวกเธอพบว่าตนเองอยู่ในอาคารที่ดูเหมือนตึกร้างริมท่าเรือ ผนังปูนแตกร้าวมีคราบเกลือทะเลจับขาว ข้างนอกมีเสียงคลื่นกระทบไม้ เสียงนกทะเลร้องเป็นระยะ แต่ภายในกลับไม่เงียบเลยสักนิด มีผู้คนแต่งกายหลากหลาย บ้างในชุดช่าง บ้างในเครื่องแบบกึ่งทหารเดินผ่านไปมาอย่างมีระเบียบ ทั่วบริเวณมีกลิ่นน้ำมันเครื่องและควันบุหรี่ปนกลิ่นทะเลเค็ม โมนีก้ามองรอบตัวด้วยความสงสัย ข้างหนึ่งของผนังมีป้ายเหล็กเล็ก ๆ จารึกว่า Unitum Romanum Intel – Southeast Division เธอขมวดคิ้ว “นี่คือ...หน่วยข่าวกรองนิวโรมเหรอ?”


ซูกิที่ยืนข้าง ๆ พยักหน้า “ใช่ พวกนี้ทำงานให้กับสภาเซเนทโดยตรง ช่วยสอดส่องข่าวในโลกมนุษย์ โดยเฉพาะแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” เธอพูดพลางยกมือไหว้ทหารผ่านศึกคนหนึ่งที่เดินผ่านอย่างสุภาพ “โอ้ ฉันพึ่งรู้เหมือนกัน...” โมนีก้าพึมพำ มองรอบตัวด้วยแววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ปกติฉันใช้บริการแต่ประตูทางโรม ไม่คิดเลยว่าที่นี่จะซ่อนอยู่ในท่าเรือแบบนี้”


ซูกิยักไหล่ “นั่นสินะ ดูยังกับฉากหนังสายลับเลย” ยังไม่ทันพูดอะไรกันต่อ เสียงเรียกจากด้านในก็ดังขึ้น “สองคนที่เพิ่งมาจากนิวโรมใช่ไหมครับ?” เสียงนั้นมาจากชายร่างสูงในเสื้อเชิ้ตพับแขนสีกากี ผูกเนกไทหลวม ๆ ใบหน้ามีรอยหนวดเคราแต่แววตาคมเหมือนผ่านสนามรบมาหลายครั้ง “ค่ะ โมนีก้าค่ะ เซนจูเรี่ยนกองร้อยที่สอง” โมนีก้าตอบพร้อมพยักหน้ายิ้มบาง ส่วนซูกิแนะนำตัวตามมารยาท “อัสทริก เดวอน ซูกิ จากกองร้อยที่หนึ่งค่ะ”


“ครับ ยินดีต้อนรับสู่หน่วยข่าวกรองนิวโรมสาขาเกตาปัง ผมชื่อรามัน เป็นเจ้าหน้าที่ประสานงานภาคสนามของที่นี่” เขายื่นมือออกมาทักทาย ทั้งสองจับมือกลับอย่างเป็นทางการ รามันพาพวกเธอเดินลอดทางเดินแคบ ๆ ที่เต็มไปด้วยกล่องพัสดุ เครื่องมือสื่อสาร และโต๊ะเหล็กที่มีแผนที่โลกกางอยู่เต็มไปหมด “พวกคุณคงได้รับคำสั่งภารกิจมาแล้วสินะ?”


“ค่ะ” โมนีก้าพยักหน้า “กู้ภัยเรือสำรวจทองคำจักรพรรดิ”

“ดีเลย งั้นผมจะพาไปที่ท่าเรือ เพราะพวกคุณต้องไปคุยกับคนขับเรือในสังกัดของเรา เขาชื่ออาดิต เป็นชาวประมงท้องถิ่นจากบันยูวังงี”

ซูกิเลิกคิ้วขึ้น “ชาวประมง?”

“ใช่ครับ แต่ไม่ต้องห่วง” รามันพูดพลางหัวเราะในลำคอ “พวกเราจ้างเขาไว้เพื่อความแนบเนียน ใช้คนธรรมดาจะไม่สะดุดตา ที่สำคัญสภาเซเนทกับนิวโรมก็ให้เงินสนับสนุนพวกเราด้วยนะ ถึงขั้นซื้อเรือเฟอร์รี่ไว้ให้เลย”

โมนีก้าหันไปสบตาซูกิ ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ “เอาจริงดิ สบายเหมือนกันแฮะ นึกว่าต้องนั่งเรือประมงโงกเงกกลางคลื่นเสียอีก”

“ก็เกือบได้เหมือนกันครับ” รามันตอบติดตลก “ถ้าภารกิจเขียนไว้ว่าออกไปหาปลาน่ะนะ”

ซูกิหัวเราะออกมาเบา ๆ “ดีที่ไม่ใช่”


ทั้งสามคนเดินออกจากอาคารไปยังเขตท่าเรือด้านนอก แสงแดดบ่ายของอินโดนีเซียสาดส่องลงบนพื้นไม้เปียกชื้นเป็นเงาวับ กลิ่นทะเลแรงขึ้นทุกย่างก้าว เสียงเรือยนต์และเสียงเรียกของชาวประมงดังระงมราวกับเป็นเพลงประจำถิ่น โมนีก้ากวาดตามองเห็นเรือเฟอร์รี่ลำใหญ่หรูหราลำหนึ่งจอดอยู่ มันดูใหม่เอี่ยมผิดจากเรือลำอื่นที่ผุพังและเต็มไปด้วยสนิม ตัวเรือทาสีขาวครีม มีตราเล็ก ๆ ของ N.R.I. แอบสลักอยู่ตรงท้ายอย่างแนบเนียน “นั่นแหละครับ เรือของพวกเรา” รามันบอกขณะยกมือชี้ “เรือลำนั้นชื่อ Aurora Mare หมายถึงแสงแห่งทะเลอรุณ เป็นชื่อที่เด็กฝึกงานของผมตั้ง โรแมนติกเกินไปหน่อยแต่จำง่ายดี”


โมนีก้ายิ้มบาง “ชื่อสวยนะคะ”

“แต่หวังว่าคลื่นจะโรแมนติกตามชื่อเรือนะ” ซูกิพูดขณะก้าวขึ้นท่าเรือ


ลมทะเลพัดแรงจนผมของโมนีก้าไหวไปตามแรงลม เส้นผมสีน้ำตาลเข้มสะท้อนแสงจนเห็นประกายฟ้าอิเล็กทริกแวววาว เธอสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด กลิ่นเกลือและแดดแรงผสมกันจนรู้สึกเหมือนยืนอยู่ระหว่างโลกสองใบ ระหว่างความเป็นจริงของมนุษย์และโลกลับของเทพ “โอเค งั้นพวกคุณไปคุยกับอาดิต เขารออยู่ที่นั่นแล้ว ผมขอตัวก่อนนะ” รามันชี้ไปยังชายคนหนึ่งที่กำลังนั่งซ่อมแหอยู่ข้างเรือ เสียงคลื่นกระทบโป๊ะไม้ดังเบา ๆ คลอจังหวะการซ่อมแหของชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ริมเรือ เขาอยู่ในเสื้อกล้ามสีซีดและกางเกงผ้าแบบชาวประมง มือที่หยาบกร้านสะบัดแหอย่างคล่องแคล่ว


โมนีก้ากับซูกิเข้าไปใกล้ พลางมองเรือเฟอร์รี่ลำหรูที่จอดอยู่ข้างหลัง ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นทันทีเมื่อเห็นพวกเธอ ดวงตาสีเข้มทอแววอบอุ่น “Selamat sore! Kalian dari Roma, ya?” เสียงพูดจาเร็วและเต็มไปด้วยสำเนียงอินโดนีเซียแท้ ๆ โมนีก้ากะพริบตาปริบ ๆ “เอ่อ... อะไรนะคะ?” เธอหันมามองซูกิด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม ซูกิพยายามช่วย “Uh... do you speak English?”


ชายคนนั้นหัวเราะในลำคอ “Yes, yes, of course! I speak English, a little bit only!” (แน่นอนว่ากรุณาจินตนาการถึงสำเนียงอินเดีย) เสียงของเขาเต็มไปด้วยสำเนียงหนักปนผสมระหว่างเอเชียใต้กับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จนโมนีก้าชะงักอีกครั้ง “โอ้ไม่นะ...” เธอกระซิบกับตัวเองเบา ๆ “สำเนียงนี้มัน... ผสมอินเดียด้วยใช่ไหมเนี่ย?” ชายคนนั้นหัวเราะกว้าง “Yes, yes! My father Indian, my mother from Java. I am mixed. Half curry, half sambal!” (แน่นอนว่ากรุณาจินตนาการถึงสำเนียงอินเดีย อีกรอบ...) เขาพูดพลางหัวเราะสะใจในมุกตัวเอง โมนีก้าอ้าปากจะตอบ แต่เสียงหัวเราะของซูกิดังขึ้นก่อน “อย่างน้อยเขาก็ซื่อดีนะ” เธอพึมพำเป็นภาษาอังกฤษเบา ๆ


ชายคนนั้นวางแหลงข้างตัว ลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนจะยื่นมือให้ทักทาย “My name is Aditya, but you can call me Adit. Everyone calls me that.”

โมนีก้ายื่นมือไปจับพลางยิ้มบาง “Moneka. Nice to meet you, Adit.”

“และฉัน ซูกิ” เพื่อนของเธอแนะนำตัวต่ออย่างเรียบง่าย

อาดิตพยักหน้า “Moneka, Suki... good names. Very good.” แล้วอยู่ ๆ เขาก็ยิ้มกว้างขึ้นอีกนิด “Moneka... very pretty name. Pretty girl too.”

โมนีก้าชะงัก ขนลุกเล็ก ๆ ที่ต้นคอทันที เธอยิ้มเกร็งพลางยกมือแตะผมตัวเองเบา ๆ “เอ่อ ขอบคุณค่ะ...” จากนั้นก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงนุ่มแต่แฝงการขีดเส้นชัดเจน “แฟนฉันก็บอกแบบนั้นเหมือนกันค่ะ”


ซูกิที่ยืนข้าง ๆ ทำหน้ากลั้นขำแทบไม่อยู่ เธอยกมือขึ้นปิดปากทันทีเมื่อเห็นสีหน้าอาดิตที่นิ่งไปเสี้ยววินาทีก่อนจะหัวเราะเสียงดังออกมา “Ah! Sorry, sorry! I just teasing! No worry, I am good man, not thief of heart!” โมนีก้าถอนหายใจยาว เหมือนจะโล่งอกแต่ก็แอบหัวเราะในลำคอ “ดีแล้วค่ะ เพราะฉันไม่อยากให้แฟนฉันต้องเผาใครกลางทะเล” อาดิตยกมือสองข้างทำท่าขอโทษพร้อมหัวเราะ “Okay, okay, no fight, peace! We go now, yes?”


“ไปสิ” ซูกิพูดพลางหันมามองโมนีก้า “ฉันว่าเขาน่าจะพูดเก่งกว่าเธอเวลาโดนต้อนนะ”

“อย่ากวนสิ” โมนีก้าบ่นกลับพร้อมดันแขนเพื่อนเบา ๆ แต่รอยยิ้มมุมปากก็ปรากฏขึ้นอย่างห้ามไม่ได้


ทั้งสามเดินไปยังเรือ Aurora Mare ที่จอดนิ่งอยู่ข้างโป๊ะ เสียงเครื่องยนต์เบา ๆ เริ่มดังขึ้นเมื่ออาดิตขึ้นไปจัดการเช็กอุปกรณ์ เขาตะโกนกลับมาว่า “Please come! Wind good today, sea calm, very nice for travel!” โมนีก้ากับซูกิเดินขึ้นสะพานไม้เข้าสู่เรือ ลมทะเลพัดกระโชกทำให้เส้นผมสีน้ำตาลเข้มของโมนีก้าปลิวสะบัด เธอกลับรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของการผจญภัยที่จะเริ่มขึ้นอีกครั้ง เสียงคลื่น เสียงหัวเราะ และเสียงเหล็กของเรือกระทบคลื่นเหมือนเพลงเริ่มต้นบทใหม่ของการเดินทาง


ซูกิเอนตัวพิงราวเรือ “ฉันว่าภารกิจนี้จะไม่เงียบเหงานะ...”

โมนีก้าหันมายิ้มหวาน “ฉันก็คิดแบบนั้นแหละ โดยเฉพาะถ้ามีลูกครึ่งอินเดียขี้แซวเป็นคนขับเรือ”


อาดิตที่ได้ยินหัวเราะดังลั่น “Hey! I heard that!” เรือ Aurora Mare ค่อย ๆ เคลื่อนออกจากท่า ท้องฟ้าเหนือเกตาปังกลายเป็นสีทองอ่อนยามเย็น ขณะที่เสียงหัวเราะของทั้งสามคนลอยไปพร้อมลมทะเล เสมือนเสียงแห่งมิตรภาพที่กำลังเริ่มต้นท่ามกลางคลื่นของมหาสมุทรอินเดีย

[TGC-10] อัสทริก เดวอน ซูกิ

พูดคุยกับ TGC ความสนิทสนม +7

โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ TGC +5

กลิ่นหอมจาก น้ำหอมเฮคาที - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +10

(ทุกครั้งที่โรลเพลย์ลงท้ายด้วยเลขไบต์ 0 5 7 9 ทำให้ได้รับความโปรดปรานจาก NPC TGC SP Lares Satyr ได้รับความโปรดปราน+10)


แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [TGC-10] อัสทริก เดวอน ซูกิ เพิ่มขึ้น 22 โพสต์ 2025-11-10 17:45
โพสต์ 47255 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-11-10 17:41
โพสต์ 47,255 ไบต์และได้รับ +15 EXP +25 เกียรติยศ +25 ความกล้า +25 ความศรัทธา จาก สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต  โพสต์ 2025-11-10 17:41
โพสต์ 47,255 ไบต์และได้รับ +15 EXP +15 เกียรติยศ +15 ความศรัทธา จาก เนตรแห่งฟีบี้  โพสต์ 2025-11-10 17:41
โพสต์ 47,255 ไบต์และได้รับ +15 EXP +15 เกียรติยศ +20 ความศรัทธา จาก น้ำหอมเฮคาที  โพสต์ 2025-11-10 17:41
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-11-24 08:50:38 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Moneka เมื่อ 2025-11-24 08:55

วันที่ 24 เดือน พฤศจิกายน ปี 2025

ช่วงเช้า เวลา 06.00 น. เป็นต้นไป ณ ท่าเรือเกตาปัง อินโดนีเซีย


แดดยามเช้าสาดกระทบผิวน้ำจนเกิดประกายระยิบระยับ เมื่อเรือเฟอร์รี่ Aurora Mare ขนาดใหญ่ที่เคลือบสีเงินอมฟ้าดุจโลหะเย็นของรุ่งสางค่อย ๆ แล่นเข้าเทียบท่าท่าเรือตาเกปังอย่างสง่างาม เสียงเชือกเสียดสีกับเสากันเรือดังเบา ๆ จับคู่กับเสียงลมหอบที่พัดผ่านกลิ่นเกลือทะเล ความเหนื่อยของการเดินทาง 8 วันเต็มเหมือนปลิวหายไปในลมทะเลกรุ่นหอม ทั้งโมนีก้า ซูกิ และสาวลูกหลานมรดกสายเลือดอีเดอเซียที่สวมแค่บราเซียกับกางเกงลำลอง ยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือให้แสงแดดแรกของทวีปชวาแตะผิวอย่างแผ่วเบา


ซูกิกระชับเสื้อคลุมสีเทาเข้มขึ้นบนไหล่ เธอเคยติดต่อหน่วยข่าวกรองของสาขาตาเกปังเอาไว้ก่อนแล้วว่า มีผู้รอดชีวิตหนึ่งคนจากเรือสำรวจทองคำที่สูญหายกลางมหาสมุทร นั่นทำให้เจ้าหน้าที่สนามคนเดิมเดินทางมารอที่ท่าเรือตั้งแต่เช้าตรู่ รามันรออยู่แล้ว มีเต็นท์ที่เขียนว่ากู้ภัยพิเศษมาจัดตั้งรอสำหรับคนบาดเจ็บ เครื่องแต่งกายของเขาคือแจ็กเก็ตสีกรมท่าแบบชุดสนามที่ปักสัญลักษณ์ของหน่วยข่าวกรองนิวโรม มีกลิ่นละมุนของมะลิและกลิ่นลมร้อนแบบเอเชียใต้ที่ติดตัวมาด้วยอย่างน่าแปลก


ที่ริมท่าเรือ โมนีก้าหันกลับไปมองเรือ Aurora Mare อีกครั้ง เธอมองเห็นอาดิตยืนพิงราวเรือ ยกมือไหว้แบบผสมทรงตัวล้อเลียน พร้อมตะโกนภาษาอังกฤษสำเนียงอินเดียอินโดที่ชัดเจน “May our paths cross again, little lilac girl! Don’t forget me when you become famous at your festival, alright?”


โมนีก้ายิ้มจนตาหยี ก่อนจะตอบกลับพร้อมเสียงหัวเราะ “เรือ Aurora Mare น่ะ ฉันจะจำให้แม่นเลย ถ้าได้เจอกันอีก คงดีมากนะคะคุณอาดิต!” เธอไม่ได้โบกมือแบบเด็ก ๆ แต่กลับยกนิ้วโป้งขึ้นให้แทน อาดิตหัวเราะเสียงดังลั่นเรือ ราวกับไม่รู้จักคำว่าเหนื่อย เสียงหัวเราะนั้นเบาลงเมื่อคลื่นลมพัดเรือถอยห่างออกจากท่า แต่ความรู้สึกบางอย่างกลับยังค้างอยู่ในใจของทั้งสอง บางอย่างคล้ายคำอวยพรจากทะเล


บนผืนท่าเรือที่เต็มไปด้วยกลิ่นสนิมและเสียงก้าวเท้าของคนงานซ้อนทับกับเสียงนกทะเล โมนีก้าเดินไปหาทางเจ้าหน้าที่รามัน พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพชัดถ้อยชัดคำ “เราช่วยมาได้หนึ่งคนค่ะ เธออยู่ในสภาพปลอดภัยพอสมควร ให้สอบถามจากทางเธอได้เลยนะคะ มันมีเรื่องที่เกิดขึ้นในพื้นที่ต้องห้ามกลางทะเล แต่ตอนนี้ฉัน…ต้องรีบกลับค่าย มีงานรออยู่”


รามันโค้งศีรษะเล็กน้อย “ทางเราจะดูแลเธอเต็มที่ครับ ขอบคุณสำหรับการช่วยชีวิตครั้งนี้”


ฝ่ายลูกหลานมรดกสายเลือดอีเดอเซียโบกมือให้โมนีก้ากับซูกิอย่างพลังเหลือล้นแม้จะเพิ่งแทบตายมา เธอทำหน้าเหมือนกำลังจะไปลุยยิมต่อทันที “ไว้เจอกันนะสองสาวโรมัน! ฉันติดหนี้บุญคุณพวกเธอ ช่วยชีวิตฉันไว้สองครั้งแล้วเนี่ย!”


โมนีก้าหัวเราะแผ่ว ๆ พลางยกมือโบกกลับ “ทีหลังอย่าลุยคนเดียวอีกล่ะ ยัยบราเซียเหล็ก” ซูกิกลั้นขำแทบไม่ไหว ส่วนรามันทำหน้าเหมือนได้ยินคำใหม่ในชีวิตครั้งแรก


ไม่นานรามันก็พาสาวลูกหลานอีเดอเซียที่สวมบราเซียสีดำไปอย่างระมัดระวัง พาไปยังที่ของหน่วยประสานงานสนามซึ่งจอดอยู่ไม่ไกล เธอหันกลับมายิ้มให้โมนีก้าอีกครั้ง รอยยิ้มเหนื่อยแต่เต็มไปด้วยชีวิต ก่อนจะถูกพาตัวไปพักฟื้นที่อาคารภาคสนามของหน่วยข่าวกรองเพื่อทำการรักษาอีกครั้ง


จากนั้นโมนีก้าและซูกิเข้าสู่พื้นที่หวงห้ามชั้นในของท่าเรือตาเกปัง จุดเชื่อมต่อที่ปิดบังด้วยป้าย กำลังก่อสร้างมานานหลายปี อาคารสีซีเมนต์ซีดดูเก่าและโทรมเหมือนถูกทอดทิ้ง แต่เมื่อเดินเข้าสู่ภายใน มันกลับเปลี่ยนจากความรกร้างสู่ความวิจิตรและซับซ้อนของเครือข่ายใต้ดิน ทางเดินแก้วสีเขียวเข้มที่มีสัญลักษณ์ของสภาเซเนทประดับอยู่ทุกระยะ ราวกับมันกำลังกระซิบสู่วิญญาณของลูกหลานเทพให้รู้ว่าที่นี่คือเส้นเลือดใหญ่ของเส้นสายโรมันบนผืนโลก


ซูกิพูดเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงนิ่งและฟังดูพึ่งพาได้ “ประตูเมอคิวรี่…ต้องใช้คีการ์ดเดิมสินะ ถึงจะเข้าได้” ทั้งสองมองหน้ากันแล้วโมนีก้าก็เอาคีการ์ดออกมาจากแหวนดาราจรัสส่งให้ซูกิและเธอเองก่อนที่ทั้งสองจะทำการเดินทางมุ่งหน้าสู่ค่ายจูปิเตอร์ที่อยู่อีกซีกโลก 


“กลับไปทำงานต่อ…เห่อโคตรบ้า” โมนีก้าบ่นอุบ ๆ ระหว่างเดินเข้าประตู

ซูกิยิ้มบาง ๆ “ใช่ กลับไปลุยงานของเธอกันเถอะโมนีก้า งานใหญ่กำลังรออยู่ บอกเลยรอบนี้เธอกรี๊ดแตกกับงานเทศกาลแน่” แล้วทั้งสองก็ก้าวเข้าสู่ภายในอาคารอาถรรพ์ ซึ่งแท้จริงคือศูนย์บัญชาการแห่งโรมัน ก่อนที่แสงเงินแสงทองของประตูเมอร์คิวรี่จะสว่างขึ้นส่งพวกเธอกลับไปยังค่ายจูปิเตอร์ และที่สำคัญคือทันงาน The Grand Brumalia 2025 อย่างหวุดหวิดที่สุดเท่าที่โชคชะตาจะอนุญาต


เดินทางด้วยประตูเมอร์คิวรี่มุ่งหน้าสู่โรม


[TGC-10] อัสทริก เดวอน ซูกิ

พูดคุยกับ TGC ความสนิทสนม +7

โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ TGC +5

กลิ่นหอมจาก น้ำหอมเฮคาที - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +10

(ทุกครั้งที่โรลเพลย์ลงท้ายด้วยเลขไบต์ 0 5 7 9 ทำให้ได้รับความโปรดปรานจาก NPC TGC SP Lares Satyr ได้รับความโปรดปราน+10)


แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [TGC-10] อัสทริก เดวอน ซูกิ เพิ่มขึ้น 22 โพสต์ 2025-11-24 09:53
โพสต์ 25407 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-11-24 08:50
โพสต์ 25,407 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 ความกล้า +5 ความศรัทธา จาก แหวนเคลื่อนย้าย  โพสต์ 2025-11-24 08:50
โพสต์ 25,407 ไบต์และได้รับ +5 EXP +12 เกียรติยศ +12 ความกล้า +12 ความศรัทธา จาก สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต  โพสต์ 2025-11-24 08:50
โพสต์ 25,407 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 เกียรติยศ +5 ความศรัทธา จาก เนตรแห่งฟีบี้  โพสต์ 2025-11-24 08:50
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้