ชีวประวัติฉบับสมบูรณ์: อัคนี พิพัฒน์เกียรติ และสายเลือดแห่งมัจจุราช
เรื่องราวของอัคนี พิพัฒน์เกียรติ เริ่มต้นจากความผูกพันอันแปลกประหลาดระหว่างเทพเจ้าผู้ไม่แยแสความรู้สึกและหญิงสาวชาวมนุษย์ผู้มองเห็นแก่นแท้ที่ซ่อนอยู่ภายใน
สายใยจากแดนไกล: บุษราคัม พิพัฒน์เกียรติ และท่านเทพธานาทอส
ในอดีตกาลอันไกลโพ้น ท่านเทพธานาทอส เทพแห่งความตายอันสงบและไร้ซึ่งความรู้สึก ไม่เคยแยแสต่อความทุกข์ของมนุษย์ หน้าที่ของเขาคือการนำพาเหล่าวิญญาณจากโลกนี้ไปสู่ยมโลกโดยปราศจากอารมณ์ความรู้สึกใด ๆ แต่ถึงแม้จะถูกมองว่าเป็นเทพที่ไร้ความเมตตาและไม่เลือกปฏิบัติ เขาอาจจะเกลียดงานของตนเอง เพราะมันคือหน้าที่ที่ต้องดำเนินไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด และความเกลียดชังจากทั้งเหล่าเทพและมนุษย์ก็ทำให้เขาต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว
ด้วยความปรารถนาที่จะเข้าใจว่าเหตุใดมนุษย์จึงเกลียดชังเขามากมายนัก ท่านเทพธานาทอส จึงตัดสินใจลงมาใช้ชีวิตปะปนกับผู้คน เขาเฝ้าสังเกตการณ์อย่างเงียบสงบ จนกระทั่งในยุคสมัยใหม่ หญิงสาวชาวไทยนามว่า คุณบุษราคัม (แม่บัว) พิพัฒน์เกียรติ บุตรีของ พระยาพิทักษ์พิพัฒน์และคุณหญิงละออ พิพัฒน์เกียรติ ผู้สืบทอดนามสกุลอันทรงเกียรติซึ่งได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) เพื่อเป็นเครื่องเชิดชูเกียรติแด่บรรพบุรุษผู้มีความรู้ความสามารถและสร้างคุณูปการแก่ประเทศชาติ ได้เดินทางมายังอิตาลีใน ค.ศ. 1926 เพื่อศึกษาด้านศิลปะและวัฒนธรรม โดยการเดินทางอันยาวนานด้วย เรือโดยสารข้ามทวีป เธอเป็นคนเดียวที่ไม่ได้มองเขาด้วยความกลัว แต่กลับมองด้วยความเข้าใจในความโดดเดี่ยวของเขา
ใน ค.ศ. 1927 ท่านเทพธานาทอสในร่างมนุษย์ได้พบกับเธอในยามสนธยา ณ สวนสาธารณะแห่งหนึ่งในกรุงโรม ขณะที่ผู้คนต่างรีบเร่งกลับบ้านเพราะความมืดที่คืบคลานเข้ามา มีเพียงคุณบุษราคัมที่กำลังร่างภาพวิวทิวทัศน์ที่กำลังถูกปกคลุมด้วยเงามืดอย่างไม่สะทกสะท้าน สายตาที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาของเธอทำให้ท่านเทพธานาทอสในร่างมนุษย์ผู้มีสายตาเศร้าสร้อยและอ่อนโยนต้องหยุดนิ่ง ด้วยความที่ผู้คนส่วนใหญ่ต่างเกลียดชังเขาเพราะหน้าที่ที่เขาต้องทำ แต่เธอกลับมองเห็นเพียงความเศร้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความโดดเดี่ยวของเขา ความรักของทั้งสองงอกงามขึ้นจากความเข้าใจที่ไม่มีใครอื่นสามารถหยั่งถึงได้
คุณบุษราคัมได้ให้กำเนิดบุตรชายในวันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 1929 เขาถูกตั้งชื่อว่า อัคนี ผู้ซึ่งเป็น ทายาทเพียงคนเดียวแห่งเทพเจ้าธานาทอส
อัคนีเติบโตขึ้นในอิตาลีภายใต้อ้อมกอดของมารดา ผู้ซึ่งปลูกฝังความแข็งแกร่งและจิตใจที่อ่อนโยนให้แก่เขา แม้คุณบุษราคัมจะเป็นมนุษย์ธรรมดา แต่คำสอนของเธอมีความลึกซึ้งไม่แพ้คำสอนของเทพ เธอมักจะย้ำเตือนอัคนีเสมอว่า "ความเมตตาคือเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด จงอย่าปล่อยให้ไฟแห่งความเกลียดชังเข้าครอบงำหัวใจ" คำสอนนี้ขัดแย้งกับตัวตนที่แท้จริงของบิดาอย่างสิ้นเชิง แต่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้อัคนีเติบโตขึ้นอย่างสมบูรณ์
เมื่ออัคนีเข้าสู่วัย 14 ปี (ค.ศ. 1943) เขาเริ่มรู้สึกถึงพลังบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในตัว พลังที่เรียกหาให้เขาออกเดินทางสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มารดาของเขาได้มอบสร้อยคอจี้รูปสัญลักษณ์แห่งความเมตตาและกล่าวคำมั่นสุดท้ายว่า "ไม่ว่าลูกจะเดินทางไปที่ใด เลือดของธานาทอสและจิตใจของแม่จะอยู่เคียงข้างลูกเสมอ"
การเดินทางจากอิตาลีสู่หุบเขาโซโนมาแคลิฟอร์เนีย
การเดินทางของอัคนีเริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1943 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่โลกกำลังเผชิญกับสงครามโลกครั้งที่สองและมหาสมุทรแอตแลนติกเต็มไปด้วยอันตราย การเดินทางนี้ไม่ใช่เรื่องของการเดินทางแบบทั่วไป แต่เป็นการทดสอบครั้งสำคัญของลูกครึ่งเทพ เขาจึงเลือกที่จะเดินทางด้วยการลักลอบผ่านเส้นทางอันตรายไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อพิสูจน์ความแข็งแกร่งของตนเอง
ส่วนที่ 1: การเดินทางจากทัสคานีสู่อเมริกา
อัคนีออกเดินทางจากบ้านไร่ในแคว้นทัสคานีอย่างลับๆ หลีกเลี่ยงเงาของทหารที่ลาดตระเวนอยู่ตลอดเวลาเพื่อมุ่งหน้าสู่ท่าเรือ ด้วยสัญชาตญาณจากสายเลือดของบิดา เขาไม่ได้โดยสารเรือธรรมดา แต่ล่องผ่านเส้นทางที่ถูกซ่อนเร้นในอาณาจักรแห่งความตายเพื่อข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ท่ามกลางเสียงคำรามของระเบิดและเงาของเรือดำน้ำที่ผ่านไป การเดินทางข้ามทวีปอันแสนยาวนานนี้เป็นการพิสูจน์ความแข็งแกร่งของเขาอย่างแท้จริง
ส่วนที่ 2: การเดินทางข้ามทวีปอเมริกา
เมื่อมาถึงชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ เขาก้าวเข้าสู่ความสับสนอลหม่านของเมืองในยามสงครามที่เต็มไปด้วยเสียงไซเรนและผู้คนที่รีบเร่ง ก่อนจะออกเดินทางด้วยเท้าและอาศัยรถไฟสินค้าเพื่อข้ามทวีปไปยังหุบเขาโซโนมาในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งอยู่คนละฟากฝั่งของประเทศ เส้นทางของเขาแบ่งออกเป็นช่วงๆ ดังนี้
เขตอุตสาหกรรมในแถบตะวันออกเฉียงเหนือ: อัคนีเดินทางผ่านรัฐอย่างนิวยอร์กและเพนซิลเวเนีย ซึ่งเต็มไปด้วยควันจากโรงงานและเสียงคำรามของเครื่องจักร เขาต้องซ่อนตัวอยู่ตามตรอกซอกซอยและอาศัยความมืดในการเดินทาง เพื่อหลีกเลี่ยงผู้คนและเจ้าหน้าที่
เขตมิดเวสต์และที่ราบกว้างใหญ่ (Great Plains): เมื่อเดินทางเข้าสู่รัฐอย่างโอไฮโอและเนแบรสกา ทิวทัศน์เปลี่ยนไปเป็นทุ่งหญ้าสีทองอันไร้จุดสิ้นสุด เขาต้องเผชิญกับความเวิ้งว้างและความเงียบงันที่กดดันหัวใจและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
เทือกเขาร็อกกี้ (Rocky Mountains): การเดินทางสู่รัฐโคโลราโดและยูทาห์เป็นบททดสอบที่โหดร้ายที่สุด อัคนีต้องเผชิญกับความหนาวเย็นจัด อากาศที่บางเบา และความเหนื่อยล้าจากการปีนป่ายบนเส้นทางที่สูงชัน
รัฐแคลิฟอร์เนียและหุบเขาโซโนมา: เมื่อเดินทางข้ามภูเขามาได้สำเร็จ เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นไอเค็มของมหาสมุทรแปซิฟิกที่อบอวลในอากาศ เสียงของท้องทะเลเป็นเหมือนเข็มทิศสุดท้ายที่นำทางเขาไปยังจุดหมายปลายทางที่แท้จริง
ตลอดการเดินทางที่ยาวนานกว่าหนึ่งปี เขาต้องเผชิญหน้ากับอันตรายจากธรรมชาติและสัตว์ร้ายที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน แต่ในทุกย่างก้าว เขารู้สึกว่าตนเองกำลังถูกนำทางโดยพลังลึกลับบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ บางครั้งเขาพบรอยเท้าหมาป่าขนาดใหญ่ที่เหมือนจะนำทางเขาไปสู่ทิศทางที่ถูกต้อง และทุกครั้งที่เขาเผชิญหน้ากับความกลัว คำสอนของแม่และจิตวิญญาณของบิดาผู้เป็นเทพแห่งความตายก็ช่วยนำทางให้เขาใช้สติและไหวพริบในการเอาตัวรอด ในที่สุด เขาก็เดินทางมาถึง ป่าหมาป่า (Wolf Woods) ที่ที่เขาได้พบกับหมาป่าผู้ยิ่งใหญ่นามว่า ลูปา (Lupa) ผู้ซึ่งเป็นผู้ฝึกสอนเหล่าลูกหลานโรมันให้เป็นนักรบผู้แข็งแกร่ง
เส้นทางนักรบ: สิบปีในค่ายจูปิเตอร์และนิวโรม
หลังจากการฝึกฝนอันเข้มงวดกับลูปา ในปี ค.ศ. 1944 อัคนีได้ก้าวเข้าสู่ ค่ายจูปิเตอร์ (Camp Jupiter) และได้รับเลือกให้ประจำ กองร้อยที่ 1 ซึ่งเป็นหน่วยที่รวบรวมทหารฝีมือดีที่สุด เขาใช้เวลาตลอดสิบปีเพื่อพิสูจน์ตัวเองในฐานะทหารที่เปี่ยมด้วยความกล้าหาญและสติปัญญา จนได้รับการเลื่อนยศเป็น ร้อยโท (Centurion) ในปี ค.ศ. 1949 จากความสำเร็จในการนำทัพอย่างชาญฉลาด
ความเมตตาที่สืบทอดมาจากมารดาเป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนเขา อัคนีมีส่วนร่วมในปฏิบัติการลับในปี ค.ศ. 1952 ที่ช่วยเหลือทาสที่ถูกกักขังได้อย่างปลอดภัยโดยไม่นองเลือด และช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 1953 ซึ่งเป็นการทำหน้าที่เพื่อปกป้องพลเมืองของนิวโรม จนได้รับการยกย่องเป็นวีรบุรุษ
ในวันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 1953 ซึ่งเป็นวันเกิดอายุครบ 24 ปี และเป็นวันครบรอบ 10 ปีที่รับใช้ กองพันที่สิบสองแห่งโรม อัคนีตัดสินใจวางดาบลงอย่างเด็ดขาด
เส้นทางใหม่: ครอบครัวและชีวิตในนิวโรม
หลังจากออกจากกองทัพ อัคนีเลือกที่จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ภายใน นิวโรม เขาได้พบรักกับสาวชาวนิวโรมผู้มีจิตใจงดงามนามว่า ลิเวีย ทั้งสองแต่งงานและใช้ชีวิตคู่ร่วมกันอย่างมีความสุข จนให้กำเนิดบุตรชายในสายเลือดเพียงคนเดียวชื่อว่า อธิปัตย์ ซึ่งเป็นผู้สืบทอดสายเลือดของเทพเจ้าและมนุษย์
ในเวลาต่อมา อัคนีได้ผันตัวมาเป็น สัปเหร่อ หรือผู้ดูแลความตายประจำเมือง เขาเชื่อว่าการทำหน้าที่นี้ไม่ใช่การพรากชีวิต แต่เป็นการดูแลและส่งวิญญาณของผู้จากไปอย่างสงบและสมเกียรติ ซึ่งเป็นหน้าที่อัน
ศักดิ์สิทธิ์ที่สืบทอดมาจากบิดาผู้เป็นเทพแห่งความตาย อัคนี พิพัฒน์เกียรติ เสียชีวิตอย่างสงบด้วยโรคชราในวันที่ 23 กันยายน ค.ศ. 1999 สิริรวมอายุ 70 ปี แต่ตำนานของเขาในฐานะ ผู้สืบทอดสายเลือดเพียงคนเดียวจากเทพเจ้าธานาทอสที่เปลี่ยนจากนักรบมาเป็นผู้ดูแลความตาย ยังคงเป็นหัวใจของตระกูลพิพัฒน์เกียรติสืบไป