-08.01.25 / 03:02PM.-
หลังจากค้นหาปลายทางที่ต้องไปและวิธีเดินทางแบบคร่าว ๆ แล้ว แมคเคนซีก็ออกจากบ้านเฮอร์มีสมาที่สถานพยาบาลของค่ายต่อ เขาควรเริ่มจัดกระเป๋าเสียที จะได้ไม่ต้องรีบร้อนเมื่อใกล้ถึงวันเดินทาง
“อ้าว แมคเคนซี สวัสดีจ้ะ ไม่พบกันซะนานเลย”
เสียงใส ๆ ของคิม มินอา หัวหน้าสถานพยาบาลดังขึ้นเมื่อเห็นแมคเคนซีเดินเข้าประตูมา
“สวัสดีครับคุณคิม ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง งานยุ่งไหม”
เดมิก็อดหนุ่มทักทายธิดาแห่งอพอลโล เกือบจะพูดว่า “วันนี้ก็ยังสวยเหมือนเดิมนะครับ” ไปแล้วเมื่อเห็นรอยยิ้มสดใสดั่งดวงอาทิตย์ของเธอ แต่ก็ถูกใบหน้าหล่อคมเข้มของหนุ่มละตินบ้านโพไซดอนผู้เป็นคนรักลอยเข้าหัวมาดึงสติเอาไว้ก่อน
“ถ้าเทียบกับช่วงสิ้นปีแล้ว ตอนนี้ถือว่าไม่ยุ่งเลยจ้ะ…”
เธอพูดแค่นั้นแล้วก็เงียบไป ซึ่งแมคเคนซีก็รู้ดีว่าเพราะอะไร ทั้งคู่จึงได้เพียงแต่ส่งยิ้มให้กันบาง ๆ อย่างเข้าอกเข้าใจ เมื่อสงครามวันเหมายัน ในขณะที่เขาและเดมิก็อดคนอื่น ๆ ออกไปสู้รบกับฝูงมอนสเตอร์ที่มาบุกค่าย อีกกลุ่มที่ยุ่งไม่แพ้กันก็คือฝ่ายแพทย์และพยาบาลที่ต้องคอยวิ่งวุ่นปฐมพยาบาลและรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่หลังสงครามสิ้นสุดลง เขาก็ยังเห็นหญิงสาวและหน่วยแพทย์พยาบาลคนอื่น ๆ คอยทำหน้าที่แข็งขันอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ซึ่งแมคเคนซีนึกขอบคุณคนกลุ่มนี้อยู่ในใจที่มีส่วนเป็นกำลังสำคัญช่วยไม่ให้ค่ายฮาล์ฟบลัดต้องเกิดความสูญเสียไปมากกว่านี้
“พอเข้าปีใหม่มหาวิทยาลัยที่นิวโรมก็เปิดภาคเรียนแล้ว หลายคนต้องไปอยู่หอจนกว่าจะปิดเทอมช่วงเดือนพฤษภาเลย…ว่าแต่วันนี้เธอมาที่นี่ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าจ๊ะ”
คำว่ามหาวิทยาลัยเรียกความสนใจจากแมคเคนซีได้นิดหน่อย แต่ก็จำเป็นต้องตอบคำถามหญิงสาวก่อน
“เปล่าครับ ผมแค่จะมารับอาหารเทพสำหรับไปทำภารกิจเท่านั้นเอง”
“เอ๊ะ ไปทำภารกิจ เธอไปรับคำพยากรณ์จากคุณเรเชลมาเหรอ ลำบากแย่เลย ถ้าอย่างนั้นต้องเตรียมตัวดี ๆ นะ มาทางนี้สิ ฉันจะไปเอาอาหารเทพให้”
คิม มินอามีสีหน้าตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าแมคเคนซีจะไปทำภารกิจเดินทาง จากนั้นเธอก็นำเขาไปยังห้องหัตถการที่ถูกแบ่งส่วนออกมาจากห้องพยาบาลรวมขนาดใหญ่
“ที่นี่แหละจ้ะ รอแป๊บนึงนะ อ้าว หมอคีธ อยู่นี่เอง มีคนไข้เหรอ ขอเข้าไปเอาอาหารเทพหน่อยนะจ๊ะ”
หัวหน้าหน่วยพยาบาลหันมาบอกบุตรแห่งเฮคาทีก่อนจะชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ามีใครบางคนอยู่ในห้อง
“อืมฮึ ตามสบายคุณคิม ฉันแค่ทำแผลให้คุณซูนิดหน่อย เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”
เสียงนุ่มนวลฟังรื่นหูของคนในห้องทำเอาแมคเคนซีถึงกับต้องแอบชะโงกหน้าเข้าไปดูเล็กน้อย ภายในห้องหัตถการนอกจากคุณคิมที่เพิ่งเข้าไปแล้วก็ยังมีผู้หญิงอยู่อีกสองคน คนนึงเป็นหญิงสาวผมประบ่ากำลังพันแผลตรงช่วงต้นแขนให้กับหญิงสาวร่างเล็กกว่าที่มีผมยาวสลวยถึงกลางหลัง
"ได้แผลมาอีกแล้วเหรอ คราวนี้ไปโดนอะไรมาจ๊ะรูบี้"
คิม มินอาถามพลางเดินมาดูแผลของรูบี้ที่ถูกพันไว้เรียบร้อย
“แค่พลาดพลั้งตอนฝึกวิทยายุทธนิดหน่อย ไม่เป็นอะไรมากหรอก ไปทำภารกิจอีกแล้วเหรอ ช่วงนี้มีคนออกนอกค่ายเยอะจัง”
เสียงของผู้ได้ชื่อว่าเป็นคนป่วยดังเจื้อยแจ้ว แผ่นหลังบอบบางเหยียดตรงดูสง่า เหมือนเธอจะไม่ได้สนใจบาดแผลตรงต้นแขนสักเท่าไหร่
“นั่นเหรอ คนที่จะไปทำภารกิจ…”
หางตาของผู้เป็นแพทย์ปรายมองมาทางนี้พอดีราวกับรับรู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของเขามานาน หากทำเป็นเมินเฉยก็ดูจะเสียมารยาท แมคเคนซีจึงก้าวเข้ามาพ้นบานประตูเพียงเล็กน้อย
“ครับ ผมเอง แมคเคนซี คลอดด์ ลินคอล์น อยู่บ้านหลังที่ยี่สิบ ยินดีที่ได้รู้จัก”
หลังจากแนะนำตัวแล้วก็ยิ้มบางให้สองสาวงามและอีกหนึ่งสาวเท่ที่หันมามองเขาเป็นตาเดียว ให้ตายสิ ถึงเขาจะเคยทำงานในสถานที่อโคจร ได้ชื่อว่าเป็น ‘บาร์เทนเดอร์ใหม่สุดหล่อ’ ที่แต่ละคืนต้องพบเจอลูกค้าเทสดีมีฐานะมากหน้าหลายตาก็ตาม แต่นั่นก็ผ่านมาได้เกือบปีแล้วตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ตอนนี้เขาเริ่มไม่ชินเอาเสียเลยเมื่อตกเป็นเป้าสายตาเช่นนี้
“แนะนำตัวซะเต็มยศ ยินดีที่ได้รู้จักคุณลินคอล์น เฟลิจิตัส คีธ อยู่บ้านฮีบี้ แต่อยู่สถานพยาบาลบ่อยกว่า”
คุณหมอจากบ้านฮีบี้ยกมือป้องปากหลุดขำออกมาเบา ๆ ดวงตาสีเข้มเจือแววเอ็นดูปนขบขัน เหมือนเธอจะดูออกว่าชายหนุ่มคนเดียวในที่นี้กำลังเกร็งอยู่
“ฉันรูบี้ ซู ลูกสาวท่านพ่อแอรีส ยินดีที่ได้รู้จัก”
หญิงสาวร่างเล็กธิดาเทพแห่งสงครามผงกศีรษะให้เพียงเล็กน้อย แม้ใบหน้าไม่มีรอยยิ้มประดับอยู่เหมือนคนอื่นแต่ก็งดงามในแบบฉบับของตนเอง
“บ้านหมายเลขยี่สิบ…เทพีเฮคาทีใช่ไหม จูลี่น้อยอาการเป็นยังไงบ้าง เมื่อตอนเกิดสงครามที่คุณควินท์พามาส่ง อาการหอบของเขาไม่ค่อยดีเลย ตอนนี้ทำอะไรที่หนัก ๆ หรือเปล่า”
เหมือนว่าคีธจะนึกถึงน้องชายคนเล็กของบ้านแมคเคนซีขึ้นมาได้จึงรัวคำถามใส่ด้วยความห่วงใย
“สุขภาพดีขึ้นมากแล้วครับ ตอนนี้ก็สนุกกับการฝึกปรุงยาอยู่ ขอบคุณคุณเฟลิจิตัสที่ช่วยดูแลจูลี่ให้นะครับ”
เหมือนจะจำได้ว่าตอนที่ทำความสะอาดบ้านด้วยกัน จูลี่เคยเล่าให้เขากับซิลเวอร์ฟังว่าตอนอยู่สถานพยาบาลมีคุณหมอใจดีคนหนึ่งคอยดูแลอยู่…หรือว่าจะเป็นคุณหมอคนนี้กันนะ
“แข็งแรงขึ้นก็ดีแล้ว ค่อยสบายใจขึ้นหน่อย เรียกแค่หมอคีธก็พอ แล้วก็ไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นหรอก คนกันเองทั้งนั้น”
คีธโบกมือไปมาอย่างไม่ใส่ใจด้วยท่าทางสบาย ๆ
“แต่คุณยังเรียกผมว่าคุณลินคอล์นเลย“
”อ้อ…ฉันเรียกนามสกุลคนไข้จนติดปากแล้ว ให้เรียกชื่อมันเลยไม่ชิน อย่าเพิ่งขยับเยอะสิคุณซู ฉันเพิ่งทำแผลให้เองนะ”
พูดจบคุณหมอก็ส่งยิ้มให้อีกครั้ง แล้วหันไปดูความเรียบร้อยของผ้าพันแผลให้รูบี้ที่กำลังลองขยับยกแขนขึ้นลงต่อ
“นี่จ้ะแมคเคนซี ว่าแต่เธอจะไปทำภารกิจที่ไหนเหรอ”
คิม มินอานำอาหารเทพที่หยิบออกมาจากตู้เก็บของส่งให้แมคเคนซีก่อนจะถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ขอบคุณครับ เมืองเยลโลวไนฟ์ที่แคนาดาครับ ถ้าผมตีความคำพยากรณ์ไม่ผิดนะ”
บอกพลางรับอาหารเทพจากหัวหน้าสถานพยาบาลมาถือไว้ อย่างนึงมีหน้าตาคล้ายช็อกโกแลตบาร์ ส่วนอีกอัน…คลับคล้ายคลับคลาว่าดีนจะเคยใช้มันรักษาเขาที่บาดเจ็บสาหัสตอนไปทำภารกิจที่ปารีสด้วยกัน
“เชื่อในสัญชาติญาณของตนเองเถอะ นอกจากน้องชายโง่ของฉันก็ไม่มีใครโง่ไปกว่านี้แล้ว”
รูบี้กอดอกพูด ดูท่าคงจะนึกถึงน้องชายโง่ที่ว่าขึ้นมา เธอจึงอมยิ้มน้อย ๆ
“ถ้าไม่ผิดพลาดก็คงดี ดูเหมือนว่าผมต้องแข่งกับเวลา น้องของผมถูกองค์กรลับจับตัวไป เขาจะถูกกลายพันธุ์ให้เป็นลาเมียในคืนเดือนมืดก่อนฤดูใบไม้ผลิ…ผมต้องรีบหาเพื่อนร่วมทีมแล้วไปช่วยเขา”
หลังจากพูดเนื้อหาของภารกิจแบบคร่าว ๆ ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ
“พวกคนชั่วช้าสมควรตาย ฉันขอร่วมเดินทางไปด้วยได้หรือไม่”
รูบี้ผลุนผลันลุกพรวดขึ้นทันที ดวงตาเรียวรีทรงอัลมอนด์มองแมคเคนซีด้วยสีหน้าจริงจังจนยากจะปฏิเสธ
“ก็..ก็ได้อยู่หรอก แต่แผลที่แขน—-”
“บาดแผลแค่นี้ยังห่างไกลหัวใจนัก ชีวิตคนสำคัญยิ่งกว่า ฉันผ่านการเดินทางมาแล้วมากมาย รับรองว่าเด็กคนนั้นจะปลอดภัย”
“ให้รูบี้ไปช่วยเถอะจ้ะ เห็นแบบนี้แต่เก่งมากนะ ไปทำภารกิจสำเร็จมาหลายที่แล้ว ต้องช่วยเธอได้มากแน่ ๆ”
คิม มินอาช่วยพูดเสริมให้อีกคน เมื่อมองมาที่รูบี้แล้วจนถึงตอนนี้เธอก็ยังจ้องเขาตาไม่กระพริบ ในเมื่อมีคนฝีมือดีเต็มใจจะช่วยแล้ว หากไม่ยอมรับน้ำใจก็ดูจะเสียมารยาทเกินไป
“ตกลง ถ้างั้นก็ขาดอีกแค่คนเดียวแล้ว”
เหมือนความหวังเริ่มถูกเติมเต็ม ตอนนี้ทีมทำภารกิจของแมคเคนซีเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
“ช่วงนี้เด็ก ๆ ไปเรียนกันหมด คงไม่ค่อยมีใครอยู่ค่าย หมอคีธก็ว่างน่ะสิ สนใจไปทำภารกิจหน่อยไหมจ๊ะ”
หัวหน้าหน่วยพยาบาลหันมาชวนคีธที่กำลังใส่หูฟังแล้วหยิบมือถือมาเปิดพอดแคส เมื่อถูกทักเธอจึงโคลงศีรษะเล็กน้อย
“อืม…คนที่ถูกจับไปเป็นเด็กด้วย ฉันคงอยู่เฉยไม่ได้ ดูท่าคงถึงเวลาเอาเสื้อดาวน์มาปัดฝุ่นแล้วสิ”
“งั้นก็แปลว่าทีมผมครบคนแล้วงั้นเหรอ”
เหมือนจะยังงุนงงกับสถานการณ์ตรงหน้าอยู่ คล้ายยังไม่อยากเชื่อว่าตอนนี้เขารวบรวมสมาชิกไปทำภารกิจครบแล้ว
“ใช่จ้ะ”
“ใช่”
“อืมมมมฮึ~”
เสียงของทั้งสามสาวดังขึ้นพร้อมกันเป็นการยืนยันในสิ่งที่แมคเคนซีสงสัย
“อ..เอ่อ ขอบคุณทุกคนมากครับ เดี๋ยวผมจะไปลงชื่อให้ แล้วเรามานัดคุยรายละเอียดการเดินทางกันอีกที”
พอบอกแบบนั้น เพื่อนร่วมทีมทั้งสองที่เพิ่งรู้จักกันเป็นวันแรกก็พยักหน้ารับ
“อย่าลืมเตรียมเสื้อกันหนาวหนา ๆ ไปนะจ๊ะ ตรงนั้นเข้าเขตขั้วโลกเหนือแล้ว อากาศคงหนาวมากเลยล่ะ”
คิม มินอาเตือนพร้อมรอยยิ้ม หลังจากนัดแนะวันคุยรายละเอียดเรื่องการเดินทางและการทำภารกิจกับรูบี้และคีธแล้ว หัวหน้าหน่วยพยาบาลสาวก็เดินมาส่งแมคเคนซีที่หน้าประตูสถานพยาบาล
"ขอบคุณคุณคิมมากนะครับที่ช่วยหาสมาชิกให้ ตอนนี้ไม่ค่อยมีคนอยู่ที่ค่ายเลย ดีนเองก็ติดภารกิจด้วย ซิลเวอร์ก็ไปทำธุระของทางบ้าน ผมเลยยังคิดไม่ตกว่าจะชวนใครดี"
เดมิก็อดกล่าวขอบคุณอีกครั้ง ด้วยความที่เป็นมนุษย์อินโทรเวิร์ท แม้จะมาอยู่ค่ายได้เกือบปีแต่เขาก็ยังไม่ค่อยรู้จักใครมากนัก เมื่อถึงช่วงเวลาแบบนี้จึงค่อนข้างลำบากไม่น้อย
"ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ทุกคนที่นี่เต็มใจช่วยเหลือกันทั้งนั้นแหละ ขอให้ทำภารกิจสำเร็จและเดินทางกลับมาอย่างปลอดภัยนะ"
ธิดาแห่งอพอลโลกล่าวอวยพรพร้อมรอยยิ้ม ทั้งสองคนสนทนากันอีกเล็กน้อยก่อนจะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน

สรุปสถานการณ์
-รูบี้ ซู และ เฟลิจิตัส คีธ ตอบรับเข้าร่วมภารกิจ
-รับอาหารเทพ