เนื้อหาโรลเพลย์:
หลังจากเยี่ยมชมบ้านอะพอลโลแล้ว ทีน่า แซนโดวาล ได้พา ภริดา อารยภักดีเทวราช หรือ ริดา มุ่งหน้าสู่บ้านอาร์เทมีสซึ่งตั้งอยู่ลึกเข้าไปทางทิศเหนือของค่าย บริเวณที่เงียบสงบและถูกโอบล้อมไปด้วยแนวไม้สูงชะลูดราวกับเป็นม่านธรรมชาติที่คอยปกปักรักษาพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้
เสียงใบไม้เสียดสีกันดัง “ซู่ซ่า” ตามแรงลมที่พัดผ่าน กลิ่นหอมสดชื่นของพงไพรและไอหมอกบางๆ ที่ลอยอ้อยอิ่งบนพื้นดินทำให้บรรยากาศรอบๆ เต็มไปด้วยความลี้ลับและขลัง ขณะที่ริดาเดินตามทีน่าไป เธออดไม่ได้ที่จะหันซ้ายแลขวาอย่างสนใจ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเธอสะท้อนประกายความตื่นเต้นและอยากรู้อยากเห็น
“ที่นี่… ให้ความรู้สึกแตกต่างจากบ้านอะพอลโลมากเลยค่ะพี่ทีน่า” ริดาเอ่ยเสียงแผ่ว แต่เต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจ “ราวกับว่าเราได้เดินเข้าสู่โลกอีกใบที่สงบและศักดิ์สิทธิ์กว่าเดิม”
ทีนาหันมายิ้มบางๆ พลางพยักหน้าช้าๆ “ถูกต้องเลยจ้ะ ริดา บ้านอาร์เทมีสถือเป็นสถานที่พิเศษมาก เพราะเหล่าลูกครึ่งเทพของอาร์เทมีสล้วนถือคำปฏิญาณอันศักดิ์สิทธิ์ที่จะดำรงชีวิตอย่างนักล่าผู้ยึดมั่นในธรรมชาติ บ้านหลังนี้จึงไม่เหมือนใคร… แม้เราจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปภายใน แต่พี่ก็อยากให้เธอได้สัมผัสถึงความงดงามจากตรงนี้”
เมื่อเดินมาถึงหน้ากระท่อมริดาก็ต้องหยุดหายใจแผ่วเบา เพราะภาพเบื้องหน้าช่างน่าตราตรึงใจนัก กระท่อมอาร์เทมีส ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางพงไพร
ในยามกลางวัน กระท่อมแห่งนี้ดูเรียบง่าย เป็นเพียงกระท่อมไม้ที่ถ่อมตนและกลมกลืนไปกับธรรมชาติ แต่ทีน่าได้ชี้ให้ริดาดูพร้อมบรรยายอย่างละเอียด
“แม้จะดูเรียบง่ายแบบนี้ แต่เมื่อรัตติกาลมาเยือน ที่นี่จะแปรเปลี่ยนเป็น อาณาจักรแห่งแสงจันทร์ ทั้งหลังจะเปล่งประกายเป็นสีเงินนวลสว่างไสว ราวกับถูกอาบไล้ด้วยแสงจันทร์โดยตรง… เป็นภาพที่สวยงามจนยากจะลืมเลือน”
ริดาเบิกตากว้าง จินตนาการภาพตามคำพูดของทีน่า ราวกับเห็นกระท่อมส่องแสงท่ามกลางความมืดของราตรีจริง เธออดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นทาบอก ความรู้สึกตื่นตะลึงและสงบสุขประดังเข้ามาพร้อมกัน
ทีน่าบรรยายต่อด้วยน้ำเสียงละมุนราวเสียงสายลมพัดผ่านต้นสน “หากก้าวเข้าสู่ภายใน จะพบว่ากระท่อมนี้ตกแต่งด้วยความเรียบง่าย แต่ทุกองค์ประกอบล้วนสะท้อนจิตวิญญาณแห่งพงไพร เตียงสองชั้นจะถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบอยู่สองฝั่งของห้อง แต่ละเตียงปูด้วยเครื่องนอนที่ทำจากหนังสัตว์ ให้ความอบอุ่นและเป็นธรรมชาติยิ่งนัก ที่สำคัญคือ ดอกแอสโฟเดลสีเหลืองทอง ซึ่งเป็นพืชศักดิ์สิทธิ์ของอาร์เทมีส ถูกแซมไว้บนผ้าห่ม และในยามค่ำคืนดอกไม้นี้จะเรืองแสงอ่อนๆ คล้ายแสงจันทร์ สร้างบรรยากาศสงบและศักดิ์สิทธิ์จนทำให้ผู้พักอาศัยรู้สึกราวกับกำลังนอนอยู่ท่ามกลางแสงของเทพีอาร์เทมีสเอง”
ริดายิ้มอย่างซาบซึ้ง เธอเงยหน้ามองหลังคากระท่อมซึ่งทำจากไม้ไซเปรสสีเขียวเข้มที่พาดเป็นคานอย่างแข็งแรงและสง่างาม แม้จะยืนอยู่ด้านนอก แต่กลิ่นอายของไม้สนผสมขนกวางที่ลอยอวลออกมาจากภายในก็ทำให้เธอเหมือนได้ยืนอยู่กลางป่าลึก
“กลิ่นนี้… มันอบอุ่นแต่ก็มีความดิบและเป็นธรรมชาติ น่าหลงใหลเหลือเกินค่ะ” ริดาเอ่ยเบาๆ ด้วยน้ำเสียงประทับใจ
ทีน่ายิ้มและพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ใช่เลยริดา ความรู้สึกนี้เป็นเอกลักษณ์ของบ้านอาร์เทมีส ทุกอย่างที่นี่ไม่ได้ตกแต่งเพื่อความหรูหรา แต่เพื่อแสดงถึงความผูกพันอันลึกซึ้งระหว่างเหล่านักล่ากับธรรมชาติและสัตว์ป่า”
ทีน่าชี้ไปยังหน้าต่างที่มองทะลุเข้าไปเห็นมุมหนึ่งของห้องซึ่งมีชั้นหนังสือเก่าแก่ตั้งสูงตระหง่าน “นั่นคือคลังความรู้ที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ภายในเต็มไปด้วยตำราล้ำค่ามากมาย เช่น วิธีล่าสัตว์และสัตว์ประหลาด, วิธีแกะรอย, หรือแม้แต่เรื่องราวของเทพีอาร์เทมีสเอง หนังสือเหล่านี้คือขุมทรัพย์ทางปัญญาที่ช่วยให้เหล่านักล่าเชี่ยวชาญทั้งการต่อสู้ การเอาชีวิตรอด และการเข้าใจธรรมชาติอย่างถ่องแท้”
ริดามองภาพนั้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเคารพ ก่อนจะหันมากล่าวกับทีน่าเสียงอ่อนโยน “พี่ทีน่า… หนูเข้าใจแล้วว่าทำไมบ้านหลังนี้ถึงถูกยกย่องให้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่เพียงเพราะอาร์เทมีส แต่เพราะทุกสิ่งที่นี่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติอย่างแท้จริง”
ทีน่ายิ้มกว้างอย่างภาคภูมิใจ ดวงตาของเธอเปล่งประกายด้วยความสุขที่ได้เห็นริดาซาบซึ้งถึงความหมายของสถานที่แห่งนี้ “ดีใจที่เธอรับรู้ถึงสิ่งนั้นจ้ะ ริดา… เอาล่ะ พี่ว่าเราไปสถานที่ถัดไปกันต่อดีกว่า ระหว่างทางพี่จะเล่าเรื่องราวของนักล่าผู้กล้าหาญในอดีตให้ฟังด้วย เธอจะได้เข้าใจถึงตำนานของอาร์เทมีสมากยิ่งขึ้น”
เมื่อพูดจบ ทีนาผายมือเชื้อเชิญให้ริดาก้าวเดินตาม ขณะที่สายลมพัดผ่าน ใบไม้ไหวพลิ้วดั่งกำลังโบกมือลาสองสาว ทั้งสองจึงเดินจากไปพร้อมกัน ทิ้งไว้เพียงความสงบและความศักดิ์สิทธิ์ของบ้านอาร์เทมีสที่ยังคงเปล่งประกายงดงามอยู่ท่ามกลางพงไพร
รับรางวัล : +15EXP