“ฉันไม่ชอบการนั่งรอเฉยๆ มันน่าเบื่อ ไปเดินเล่นกันไหม”
ไนมีเรียพยักหน้ารับอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก ร่างกายของเธอยังคงต้องการการพักผ่อนมากกว่าการเดินสำรวจ แต่การนั่งเฉยๆ บนท้ายรถที่ร้อนอบอ้าวก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเช่นกัน ทั้งสองเดินลงจากรถมายังถนนที่เงียบสงบ จุดที่ดึงดูดสายตาของพวกเขาก็คือเนินดินโบราณที่ตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกลนัก คูร์กัน ที่เดิมที่เธอเคยเผชิญหน้ากับหุ่นยนต์ทองคำ
“สถานที่แบบนี้” เลเวอเรทท์เอ่ยขึ้นลอยๆ ขณะที่ทั้งสองเดินเข้าไปใกล้เนินดินนั้น “ตามตำราบอกว่ามักจะมีอะไรบางอย่างเฝ้าอยู่เสมอ พวกชอบกินซากศพหรือพวกวิญญาณหวงสมบัติน่ะ”
“ฉันหวังว่าวันนี้ตำราจะผิดนะคะ” ว่าที่แม่มดสาวตอบกลับอย่างเหนื่อยหน่าย
แต่ดูเหมือนว่าเทพแห่งโชคชะตาจะไม่ได้ยินคำภาวนาของเธอ
ทันทีที่พวกเขาเข้าใกล้ฐานของเนินดิน กลิ่นเหม็นเน่าที่รุนแรงจนแสบจมูกก็ลอยมาปะทะเข้ากับใบหน้า มันไม่ใช่กลิ่นซากสัตว์ธรรมดา แต่เป็นกลิ่นของความตายที่หมักหมมมานานนับศตวรรษ แล้วพื้นดินที่ดูเหมือนจะมั่นคงเบื้องหน้าก็พลันยุบตัวลง! ร่างที่ผอมเกร็งและซีดเซียวของสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งกระโจนพรวดขึ้นมาจากใต้ดิน ผิวหนังของมันเหี่ยวย่นและมีสีเทาเหมือนศพ ดวงตาที่กลวงโบ๋ลุกโชนด้วยแสงสีเขียวอันน่าขนลุก กรงเล็บที่ยาวและแหลมคมของมันยาวเฟื้อยจนน่าเกลียด มันคือ จ่าฝูงอัลกูล ร่างของมันใหญ่กว่าและมีรอยแผลเป็นจากการต่อสู้มากกว่าตัวที่เธอเคยเจอ
มันส่งเสียงขู่ในลำคอแล้วพุ่งเข้าใส่ทันที!
แต่ก่อนที่ร่างอรชรจะได้ทันตั้งตัว เลเวอเรทท์กลับก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวแล้วกอดอกมองอย่างใจเย็น “ตัวนี้ของเธอ” เขากล่าวสั้นๆ “ฉันอยากจะดูว่าเธอเรียนรู้อะไรไปบ้าง”
ไนมีเรียเหลือบมองเขานิ่งๆ ก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับอสูรดูดซากศพ นี่ไม่ใช่การต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด แต่มันคือการทดสอบ เธอรู้ดี
เธอไม่ได้ใช้ดาบใหญ่หรือหอก แต่กลับชักมีดสั้นคู่ใจออกมาจากข้างเอวอย่างรวดเร็ว เมื่ออัลกูลพุ่งเข้ามาหมายจะฉีกร่างเธอด้วยกรงเล็บ สตรีตาคมกลับใช้เท้าเตะพื้นดินให้ฝุ่นฟุ้งกระจายขึ้นบดบังสายตาของมันชั่วขณะ อาศัยจังหวะที่มันชะงัก เธอหมุนตัวหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็วแล้วใช้มีดเล่มหนึ่งกรีดไปที่เอ็นร้อยหวายของมันอย่างแม่นยำ!
อสูรร้ายร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดและทรุดตัวลงไปข้างหนึ่ง แต่มันก็ยังพยายามจะหันกลับมาตวัดกรงเล็บใส่ แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว ไนท์ใช้เข่ากระแทกเข้าไปที่ด้านหลังศีรษะของมันจนหน้าคะมำ ก่อนจะใช้มีดอีกเล่มปักทะลุจากท้ายทอยลงไปอย่างเด็ดขาด!
การต่อสู้จบลงในเวลาไม่ถึงสิบวินาที มันคือการสังหารที่หมดจดและมีประสิทธิภาพ เธอผู้นั้นดึงมีดออกมาแล้วเช็ดเลือดอสูรสีดำข้นออกจากใบมีดด้วยชายเสื้อของเธออย่างไม่ใส่ใจนัก
ทว่า ขณะที่เธอคิดว่าจะได้พักหายใจหายคอ เสียงคำรามก้องที่สั่นสะเทือนไปถึงแก่นกระดูกก็ดังขึ้นจากยอดของคูร์กัน! มันไม่ใช่เสียงของอสูรกายชั้นต่ำ แต่เป็นเสียงของเจ้าป่าผู้ยิ่งใหญ่!
ร่างสีทองอร่ามของสิงโตขนาดมหึมาปรากฏกายขึ้นบนยอดเนิน ขนของมันสะท้อนแสงแดดจนดูราวกับทำมาจากทองคำบริสุทธิ์ กล้ามเนื้อทุกมัดของมันเต็มไปด้วยพละกำลังที่น่าเกรงขาม และดวงตาของมันก็ฉายแววของความหยิ่งผยองและอยู่ยงคงกระพัน ราชสีห์นีเมียน!
“ให้มันได้อย่างนี้สิ” สตรีรอยยิ้มเรียบสบถเบาๆ “ยูเครนนี่มันเป็นรังรวมอสูรหรือไง”
คราวนี้เลเวอเรทท์ไม่ได้ยืนดูอีกต่อไป แววตาของเขาเปลี่ยนจากผู้สังเกตการณ์เป็นนักรบเต็มตัว “โอเค ตัวนี้เราต้องรุม” เขากล่าวพลางชักดาบและโล่ออกมา “หนังของมันฟันไม่เข้า จำไว้! เล็งที่ตาหรือปากของมันเท่านั้น!”
ราชสีห์นีเมียนกระโจนลงมาจากเนินดินราวกับสายฟ้าสีทอง มันพุ่งเข้าใส่บุตรแห่งแอรีสทันที!
เคร้ง!
เลเวอเรทท์ยกโล่ขึ้นรับเขี้ยวและกรงเล็บของมันได้อย่างเหมาะเจาะ แรงปะทะมหาศาลผลักให้เขาถอยหลังไปหลายก้าว แต่นักรบผู้ช่ำชองก็ยังคงยืนหยัดอยู่ได้ เขาใช้พละกำลังทั้งหมดดันร่างของสิงโตมหึมาถอยกลับไป
“ตอนนี้แหละ เฮนลาดิส!”
ร่างอรชรพุ่งเข้าใส่จากด้านข้างเหมือนเงา เธอไม่ได้พยายามจะใช้มีด แต่กลับใช้ก้อนหินที่อยู่ใกล้มือขว้างเข้าใส่ดวงตาของมันอย่างสุดแรง!
สิงโตในตำนานคำรามลั่นด้วยความเจ็บปวดและหงุดหงิด มันสะบัดหัวอย่างรุนแรงแล้วหันมาหมายจะขย้ำเธอแทน แต่เลเวอเรทท์ก็เข้ามาขวางไว้ได้ทัน เขาใช้โล่กระแทกเข้าที่ซี่โครงของมันอย่างจัง ทำให้มันเสียหลักไปชั่วขณะ
การต่อสู้กลายเป็นการประสานงานที่ไร้ซึ่งคำพูด พวกเขาเคลื่อนไหวราวกับเป็นหนึ่งเดียวกัน เลเวอเรทท์ทำหน้าที่เป็นกำแพงเหล็ก คอยรับการโจมตีที่รุนแรงและตรึงมันไว้กับที่ ขณะที่ไนมีเรียใช้ความเร็วและความคล่องแคล่วในการสร้างความรำคาญและหาช่องโหว่โจมตีที่จุดอ่อน
ในที่สุด จังหวะที่รอคอยก็มาถึง ไนท์หลอกล่อให้มันอ้าปากกว้างเพื่อจะพ่นเสียงคำรามออกมาอีกครั้ง ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง บุตรแห่งแอรีสก็ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีกระโจนเข้าไปแล้วใช้โล่ของเขายันขากรรไกรล่างของมันไว้!
“เดี๋ยวนี้!” เขาตะโกนลั่น
สตรีตาคมไม่รอช้า เธอพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว กระโดดขึ้นไปบนแผ่นหลังของเขาเพื่อใช้เป็นฐานส่งตัว ก่อนจะแทงดาบซิฟอสในมือทะลุเพดานปากที่อ่อนนุ่มของราชสีห์นีเมียนขึ้นไปจนสุดด้าม!
อสูรในตำนานเบิกตากว้างเป็นครั้งสุดท้าย ร่างกายของมันกระตุกอย่างรุนแรง ก่อนจะล้มลงแน่นิ่งไปและค่อยๆ สลายกลายเป็นผงธุลีสีทอง
ทั้งสองคนยืนหอบหายใจอย่างหนักหน่วง เหงื่อชุ่มไปทั้งตัว แต่ในแววตากลับเต็มไปด้วยความรู้สึกของชัยชนะที่ได้มาด้วยกัน
“เฮ้! พวกเธอ!” เสียงตะโกนของนายทหารคนหนึ่งดังขึ้นจากทางถนน “เปลี่ยนยางเสร็จแล้ว! จะไปกันได้รึยัง!”
ทั้งสองมองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ พวกเขากลับขึ้นไปบนรถบรรทุกอีกครั้ง ทิ้งไว้เพียงซากของอสูรที่กำลังสลายไปและการต่อสู้ที่ไม่มีใครได้เห็นเป็นพยาน การเดินทางสู่เคียฟยังคงดำเนินต่อไป
****
[NPC-28] เลเวอเรทท์ ฟรีมอนท์
โบนัสความสัมพันธ์จากการพูดคุย +5 พาเดินเล่นหน่อย
มอบ โคล่า แก้ค่อแห้งให้รุ่นพี่ค้าบ
กำไลมิตรประสาน : ทุกครั้งที่สนทนาคู่สนทนาจะรู้สึกถึงออร่าบางอย่างที่ทำให้รู้สึกคุ้นเคยและสนิทสนมกับคุณขึ้นเล็กน้อย ได้รับโบนัสพิเศษ +10 แต้ม (เฉพาะรุ่นพี่และเพื่อนเท่านั้น)
พิชิตครั้งแรก : จ่าฝูงอัลกุล +2 ตื่นรู้
สินสงคราม:
ไขกระดูก เลขไบต์ 0-4
เขี้ยวอัลกูล เลขไบต์ 5-9
หาก LUK 30 และได้เลขไบต์ 2 , 6 , 9 จะดรอปทั้งสองอย่าง)
หากมีค่า LUK 20 หน่วย จะอิงจากเลขไบต์รองสุดท้าย คือจำนวนที่ได้ (เลขไบต์รองสุดท้าย 0-1 = 1 ชิ้น)
หากมีค่า LUK 80 หน่วย จะอิงจากเลขไบต์ 0 = 10 ชิ้น
สินสงคราม: หนังราชสีห์นีเมียน (เลขไบต์ทั้งหมดที่เหลือ)
โอกาสดรอปพิเศษ:
ค่า LUK 100+ เลขไบต์ 0 , 7 , 9 จะมีโอกาสดรอปไข่นีเมียน

@God