31.07.2025 | 00:20 AM
รถไฟแห่งเฮเฟตัสชะลอความเร็วลง, เสียงกลไกที่เคยดังสม่ำเสมอเปลี่ยนเป็นเสียงโลหะบดกันที่แผ่วเบา, ก่อนจะหยุดนิ่งสนิทลงที่ชานชาลาของสถานีโรมาเทอร์มินี ประตูเหล็กกล้าเปิดออก, ปลดปล่อยพวกเขาจากความเงียบที่ถูกควบคุมด้วยเวทมนตร์สู่ความวุ่นวายยามเที่ยงคืนของนครที่ไม่เคยหลับใหลอย่างแท้จริง
อากาศของกรุงโรมนั้นแตกต่างจากนิวยอร์กโดยสิ้นเชิง มันไม่ได้มีกลิ่นของไอน้ำและแอสฟัลต์, แต่กลับมีกลิ่นของประวัติศาสตร์, ของหินอ่อนที่ถูกกาลเวลาขัดเกลา, และของชีวิตที่ดำเนินไปอย่างเชื่องช้ากว่าแต่ก็ซับซ้อนไม่แพ้กัน
"เอาล่ะ ฟังทางนี้" แอนนาเบ็ธรวบรวมทุกคนที่ยังคงมีสภาพอิดโรยจากการเดินทางและการต่อสู้ที่ไม่ได้หยุดพัก "พวกเธอทำได้ดีมากที่นิวยอร์ก…ดีเกินคาดด้วยซ้ำ" เธอกล่าว, ดวงตาสีเทาพายุของเธอกวาดมองทุกคนด้วยแววตาที่เจือความภาคภูมิใจ "เพราะฉะนั้น, ฉันจะปรับแผนเล็กน้อย…จากสี่, เหลือแค่สองตัวก็พอ"
ข่าวดีนั้นทำให้เดมิก็อดรุ่นน้องถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
"แต่ก่อนอื่น…ไปหาอะไรกินกันก่อน" เธอประกาศ "เรามีเวลาหนึ่งชั่วโมง"
พวกเขาหาที่นั่งกันที่ร้านพิซซ่าเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ยังคงเปิดให้บริการอยู่, กลิ่นของแป้งที่อบใหม่ๆ และซอสมะเขือเทศลอยอบอวลอยู่ในอากาศ, เป็นกลิ่นของความปกติที่ทุกคนโหยหา เหล่าเดมิก็อดรุ่นน้องเริ่มสั่งอาหารและพูดคุยกันอย่างมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง, แต่ผู้นำกลุ่มกลับยังคงนั่งเงียบ, สายตาของเธอยังคงจับจ้องไปที่ลูกทีม, สมองของเธอยังคงทำงาน, ประเมินจุดแข็งและจุดอ่อนของแต่ละคน
บุตรแห่งโชคชะตาสังเกตเห็นความทุ่มเทนั้น เขาไม่ได้เอ่ยคำใด, เพียงแค่ลุกขึ้นเดินกลับไปยังเคาน์เตอร์, แล้วกลับมาพร้อมกับพิซซ่าถาดใหญ่หนึ่งถาด
"ผมไม่แน่ใจว่าคุณชอบหน้าไหน" เขากล่าวเรียบๆ, วางถาดพิซซ่าหน้าซาลามี่คลาสสิกลงตรงกลางระหว่างเขากับหล่อน "แต่คิดว่าอันนี้น่าจะปลอดภัยที่สุด"
มันคือการกระทำที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของตรรกะ—ผู้นำที่ท้องอิ่มย่อมตัดสินใจได้ดีกว่าผู้นำที่หิว—แต่ก็แฝงไว้ด้วยความใส่ใจที่ถูกควบคุมไว้เป็นอย่างดี
แอนนาเบ็ธเหลือบมองพิซซ่า, แล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา, รอยยิ้มจริงใจปรากฏขึ้นที่มุมปากของเธอ"ขอบใจนะ"
เวลาหนึ่งชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว, เต็มไปด้วยเสียงพูดคุย, เสียงหัวเราะ, และรสชาติของชีสที่อุ่นร้อน เมื่อทุกคนดูเหมือนจะมีพลังกลับคืนมาแล้ว, แอนนาเบ็ธก็กลับเข้าสู่โหมดผู้นำอีกครั้ง
"เอาล่ะ เป้าหมายต่อไปของเรา…ไม่ได้สวยงามเหมือนพิซซ่านี่หรอกนะ" เธอกล่าว, น้ำเสียงของเธอกลับมาจริงจังเช่นเคย
"มันคืออุโมงค์ระบายน้ำโรมันโบราณ…โคลอากา แม็กซิมา"
"และเราจะแอบเข้าไปทางชั้นใต้ดินของมหาวิหารซานเคลเมนเต, ผ่านแท่นบูชาของเทพมิทราส" เธอกล่าวสรุป, ดวงตาของเธอส่องประกายด้วยความท้าทายและความรู้ "เตรียมตัวให้พร้อม…เพราะใต้กรุงโรมมันมีอะไรมากกว่าแค่ซากปรักหักพัง"
พวกเขาฉวยโอกาสในช่วงเวลาที่นครโบราณกำลังหลับใหล, ลอบเข้าไปในมหาวิหารซานเคลเมนเตอย่างเงียบเชียบราวกับภูตผี, เดินผ่านแท่นบูชาของพระคริสต์ที่ส่องสว่าง, แล้วลงไปสู่ชั้นใต้ดินที่เย็นเยียบ—ที่ซึ่งโบสถ์คริสต์ในศตวรรษที่สี่ถูกสร้างทับวิหารของเทพมิทราส
พวกเขาเดินลึกไปกว่าจุดที่นักท่องเที่ยวได้รับอนุญาต, ผ่านทางเดินแคบๆ ที่สลักด้วยสัญลักษณ์โบราณ, จนกระทั่งมาถึงปากทางเข้าของอุโมงค์ระบายน้ำโรมันโบราณ—โคลอากา แม็กซิมา
อากาศเปลี่ยนไปในทันที, กลายเป็นกลิ่นของน้ำนิ่ง, โคลน, และความเน่าเปื่อยที่ถูกกักเก็บไว้ใต้พิภพมานานหลายศตวรรษ ทุกคนต่างสงสัยว่ามีอะไรซ่อนอยู่ในความมืดมิดที่ไร้จุดสิ้นสุดนี้, แต่ก็ไม่มีใครเอ่ยคำถามใดๆ ออกมา, เพราะทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเสียงคือศัตรูตัวฉกาจที่สุดในถ้ำของอสูรกาย
เด็กหนุ่มจากบ้านเฮคาทีพึมพำคาถาเบาๆ สร้างลูกไฟเล็กๆ ขึ้นมาในฝ่ามือ, ส่องให้เห็นทางเดินที่ชื้นแฉะและผนังหินที่เก่าแก่
และนั่นคือตอนที่พวกเขาเห็นมัน
รอยครูดขนาดใหญ่ปรากฏอยู่บนผนัง, ลึกและยาว, ราวกับถูกสร้างขึ้นโดยบางสิ่งบางอย่างที่ทั้งหนักและใหญ่กำลังเคลื่อนที่ผ่านไปในที่แคบๆ ถัดจากนั้นไม่ไกล, พวกเขาก็พบกับสิ่งที่น่าขนลุกยิ่งกว่า—คราบของงูที่ถูกลอกทิ้งไว้, มันโปร่งแสงและเหนียวเหมือนหนัง, มีขนาดใหญ่พอๆ กับท่อดับเพลิง
ไม่นานนัก, พวกเขาก็ได้พบกับเจ้าของคราบนั้น
มันขดตัวอย่างสงบนิ่งอยู่ในห้องโถงเล็กๆ ข้างหน้า, ร่างมหึมาของมันใหญ่โตจนแทบจะเต็มพื้นที่, เกล็ดสีซีดของมันสะท้อนแสงสีฟ้าจางๆ จากลูกไฟจนดูเหมือนจะเรืองแสงได้ในตัวเอง—ฮิปนาลิส, งูนิทราในตำนาน
ในเสี้ยววินาทีที่แสงไฟส่องไปกระทบดวงตาของมัน, มันก็ลืมตาขึ้น, และการปะทะก็ได้เริ่มต้นขึ้น
"ฉันจะเป็นตัวล่อเอง! ส่วนนาย ก่อกวนมัน! มันเป็นงูในที่มืดน่าจะไวต่อแสงและกลิ่น" ดีลเลอร์แห่งค่ายฮาฟลัดตะโกนบอกทีมโดยประโยคหลังเขามุ่งเป้าไปที่ ชายหนุ่มเคบิน 20 ก่อนจะพุ่งทะยานไปข้างหน้า, รองเท้ามีปีกของเขาทำงานอย่างสมบูรณ์แบบ, เขาวิ่งไต่ไปตามผนังที่โค้งมนของอุโมงค์, ยิงปืนคู่ในมือเพื่อดึงดูดความสนใจของอสูรกายร่างยักษ์ให้มาอยู่ที่เขาเพียงผู้เดียว
ฮิปนาลิสส่งเสียงฟ่อที่ดังก้องกังวาน, มันพุ่งเข้าฉกด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ, แต่เป้าหมายของมันกลับพลาดไปอย่างฉิวเฉียด, เขี้ยวพิษของมันกระแทกเข้ากับผนังหินจนเกิดเป็นรอยแตก
เด็กหนุ่มจากบ้านเฮคาที, ร่ายคาถาอย่างรวดเร็ว, เขาส่งสัญญานบอกทุกคนก่อนสร้างลูกบอลแสงที่สว่างจ้าจนแสบตาขึ้นมาแล้วส่งมันให้ระเบิดออกเบื้องหน้าของเจ้างูยักษ์, ทำให้มันต้องหดหัวกลับด้วยความมึนงง ตามมาด้วยม่านควันสีดำที่มีกลิ่นฉุนซึ่งพวยพุ่งเข้าไปที่จมูกของมันโดยตรง, รบกวนประสาทสัมผัสในการรับกลิ่นของมันอย่างแม่นยำและไม่ส่งผลกระทบต่อคนอื่นๆ
มันคือจังหวะที่พี่น้องจากบ้านอธีน่ารอคอย
เอเดรียนและลิเลียน่าพุ่งเข้าใส่จากสองทิศทาง, หอกทองสัมฤทธิ์ในมือของพวกเขาทอประกายวาววับ, พวกเขาไม่ได้เล็งไปที่เกล็ดที่แข็งแกร่ง, แต่เล็งไปที่ช่องว่างระหว่างเกล็ดและข้อต่อที่บอบบางกว่า ปลายหอกของพวกเขาแทงทะลวงเข้าไปในเนื้อที่อ่อนนุ่ม, ทำให้มันกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
ฮิปนาลิสบ้าคลั่ง, มันสะบัดหางฟาดไปมาอย่างไม่เลือกทิศทาง, ทุบผนังอุโมงค์จนเศษหินร่วงหล่นลงมาเป็นห่าฝน, สร้างความโกลาหลและอันตรายให้กับทุกคน
ทว่า, ท่ามกลางความสับสนอลหม่านนั้น, ดาชิก็ยังคงเยือกเย็น เขาวิ่งหลบหางที่ฟาดลงมาอย่างเฉียดฉิว, แล้วใช้พลังแห่งโชคชะตาที่มองไม่เห็นของเขา…บิดเบือนความเป็นไปได้
จู่ๆ, หินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งที่ควรจะตกลงมาใส่หัวของลิเลียน่า, กลับเปลี่ยนทิศทางไปกระแทกเข้ากับหัวของฮิปนาลิสอย่างจัง, ทำให้มันชะงักงันไปชั่วครู่
นั่นคือช่องว่างสุดท้ายที่พวกเขาต้องการ
"แทงคอมัน!" แอนนาเบ็ธตะโกนสั่ง, เป็นครั้งแรกที่เธอส่งเสียงเข้ามาแทรกแซง
สองพี่น้องแห่งปัญญาพุ่งเข้าใส่เป็นครั้งสุดท้าย, ประสานงานกันอย่างสมบูรณ์แบบ, หอกทั้งสองเล่มแทงทะลวงเข้าไปที่ลำคอของมันพร้อมกัน, ตัดผ่านเส้นเลือดและเส้นเอ็นที่สำคัญ
ร่างมหึมาของฮิปนาลิสชักกระตุกอย่างรุนแรง, ก่อนจะแน่นิ่ง, แล้วสลายกลายเป็นกองฝุ่นสีทอง, ทิ้งไว้เพียงความเงียบและเสียงหอบหายใจของเหล่าเดมิก็อดผู้มีชัย
"เยี่ยมมาก เดี๋ยวออกไปฉันให้พักจนสิบโมงแล้วเราค่อยไปกันต่อ" แอนนาเบ็ธประกาศด้วยความพึงพอใจ ซึ่งทุกคนต่างดีใจที่จะได้พักเสียที