ไม่ต้องสงสัยเลยว่าป่าแห่งนี้เป็นส่วนที่อันตรายและลึกลับที่สุดภายในค่าย และถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น ทางผู้ดูแลก็ไม่ก้าวก่ายหรือทำลาย ทำได้เพียงเก็บรักษาพื้นที่ป่าลึกลับแห่งนี้ให้คงอยู่สืบต่อไป ดูเหมือนว่านอกจากความซับซ้อนทางทัศนียภาพรวมไปถึงภัยอันตราย สถานที่แห่งนี้จะยังกุมความลับมากมายที่แม้แต่มนุษย์ครึ่งเทพที่มีประสบการณ์มากที่สุดก็ยังไม่อาจทราบ ป่าซึ่งเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาด ดังนั้นอย่าเข้าไปคนเดียวหากไม่มีอาวุธ !
หารจูปิเตอร์ แองซูร์ คือหัวใจที่เงียบงันแต่ยิ่งใหญ่ของเทอร์ราชีนา ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขา Monte Sant’Angelo ราวกับจุดหมายปลายทางของเทพเจ้าที่หลงทางในหมอกแห่งเวลา ที่นี่ไม่ใช่แค่อาคารโบราณ แต่เป็นระเบียงของอดีตกาลที่เปิดออกสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน—ภาพพาโนรามาอันน่าตะลึงที่ทะเล ท้องฟ้า และขอบฟ้าไหลรวมเป็นหนึ่งเดียว ลมแรงที่พัดผ่านซากเสาโบราณยังคงพาเสียงสวดภาวนาโบราณล่องลอย ราวกับเทพเจ้าจูปิเตอร์ยังไม่เคยจากไป
รังของสิ่งมีชีวิตประเภทไฮดร้า ที่แอบซ่อนเร้นอยู่ทั่วโลกเพื่อชุ่มโจมตีเหล่าเดมิกอต
ทะเลแคริบเบียน เป็นทะเลเขตร้อนในซีกโลกตะวันตก ส่วนหนึ่งของมหาสมุทรแอตแลนติก ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของอ่าวเม็กซิโก ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของแผ่นเปลือกโลกแคริบเบียน อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ ๆ เรือโจรสลัดสมัยก่อนมักจะอัปปางบ่อยราวกับมีเจ้าถิ่นอันตราย
ช่องดาเรียนคือพื้นที่ป่าดิบชื้นที่ปราศจากถนนหนทาง ไม่มีโครงสร้างพื้นฐานใดๆ และเต็มไปด้วยภูมิประเทศที่ยากลำบาก เช่น ป่าทึบหนาทึบ, ภูเขาสูงชัน, และหนองน้ำที่เต็มไปด้วยโคลนลึก สภาพแวดล้อมที่โหดร้ายนี้ทำให้มันกลายเป็นจุดที่ยากที่สุดในการเดินทาง และเป็นที่หลบซ่อนของผู้ที่พยายามหลีกเลี่ยงการเดินทางตามเส้นทางปกติ นอกจากนี้ ช่องดาเรียนยังขึ้นชื่อว่าเป็น เส้นทางที่กลุ่มค้ายาเสพติดและผู้ลักลอบค้ามนุษย์นิยมใช้ เพื่อลำเลียงสิ่งผิดกฎหมายและหลบหนีการจับกุมจากเจ้าหน้าที่ ทำให้พื้นที่นี้เต็มไปด้วยอันตรายจากทั้งธรรมชาติและอาชญากรรม จึงเป็นสถานที่ที่อันตรายอย่างยิ่งสำหรับทุกคนที่คิดจะเดินทางผ่านครับ
หน่วยงานของมนุษย์ธรรมดาแต่แท้จริงแล้วบางส่วนคืออสุรกายแฝงตัวปะปนในหน่วยงานเหล่านี้ พวกเขามักชอบอยู่กันเป็นกลุ่มบ้างก็กลุ่ม 2 คน บ้างก็กลุ่ม 4 คนตามพื้นที่ต่าง ๆ
สถานที่ใจกลางทะเลลึกของแต่ละมหาสมุทร เต็มไปด้วยสถานที่อันตรายอย่างถึงที่สุดและอสุรกายท้องทะเลมากมาย
โบราณสถานหลายแห่งทั่วโลกจะมีชื่อเสียงร่ำลือกันว่าเคยเป็นทางเข้าโลกหลังความตาย ซึ่งมักจะพบสุนัขล่าเนื้อจากนรกคอยลาดตระเวน
แก็งเจ้าตัวเขียวน่าขยะแขยง พวกมันมักจะกระจายอยู่ทั่วโลก บ้างก็หลงฝูงตัวเดียว บ้างก็มากันเป็นฝูงใหญ่
ผู้พิทักษ์เป็นโกเลมหินศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อพิทักษ์บางอย่างที่สำคัญในโลกเทวตำนานไว้ (ยกเว้นนิวยอร์กและลองไอแลนด์)
ลาเมียสามารถพบเจอได้ทั่วโลก โดยเฉพาะในที่มืดมิดและเงียบสงบ เช่น ป่าลึก ถ้ำโบราณ หรือตรอกซอกซอยในเมืองใหญ่ที่ผู้คนหลับใหล พวกมันมักออกล่าในเวลากลางคืนเพื่อหาเหยื่อที่หลงทางหรือผู้ที่ตกอยู่ในความทุกข์ระทม (ยกเว้นนิวยอร์กและลองไอแลนด์)
แม้จะเป็นปี 2025 แต่ธรรมชาติของอารัคเน่ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง รังของอารัคเน่จึงมักจะพบเจอได้ในสถานที่ที่เงียบสงบ ห่างไกลจากผู้คน และมีแหล่งวัตถุดิบในการทอใยชั้นดี เช่น ในถ้ำลึกที่เต็มไปด้วยผลึกแก้ว ซึ่งใยแมงมุมของมันจะเปล่งประกายคล้ายเพชรเมื่อต้องแสงไฟ หรือ ในเมืองใหญ่ที่ถูกทิ้งร้าง ซึ่งโครงสร้างของอาคารเก่าๆ จะเป็นเสมือนโครงสร้างธรรมชาติที่ช่วยอำพรางใยขนาดมหึมาของมันได้ดีที่สุด นอกจากนี้ รังของอารัคเน่อาจจะอยู่ใน ใจกลางป่าลึกที่ไม่มีใครเคยเข้าไปถึง ซึ่งใยของมันจะผสานรวมไปกับต้นไม้และเป็นกับดักอันตรายสำหรับผู้บุกรุกทุกคน ในรังของอารัคเน่ ไม่ได้มีแค่ตัวมันเอง แต่ยังมีลูกหลานของมันที่ช่วยกันทอใยและเฝ้าระวังผู้บุกรุก ดังนั้น การเข้าไปในรังของอารัคเน่จึงเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะนอกจากการถูกโจมตีจากอารัคเน่แล้ว ยังต้องระวังใยแมงมุมที่แข็งแกร่งซึ่งสามารถใช้เป็นกับดักหรืออาวุธได้อีกด้วย (ยกเว้นอเมริกาเหนือฝั่งตะวันออก)
เซ็นทรัลพาร์คเป็นโอเอซิสสีเขียวขนาดมหึมาใจกลางเกาะแมนฮัตตัน นครนิวยอร์ก ที่เป็นทั้งสวนสาธารณะและป่าในเมืองที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สวนแห่งนี้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวนิวยอร์กมานานกว่า 150 ปี และเป็นฉากหลังสำคัญในนวนิยายเรื่อง Percy Jackson and the Olympians สำหรับลูกครึ่งเทพแล้ว เซ็นทรัลพาร์คไม่ได้เป็นแค่สวนสาธารณะธรรมดาๆ แต่ยังเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวในตำนานและสิ่งมีชีวิตวิเศษต่างๆ ที่แฝงตัวอยู่ตามพุ่มไม้และแอ่งน้ำในสวน นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญอีกมากมาย เช่น อนุสาวรีย์เทพีอาร์เทมีส หรือสนามกีฬาที่เต็มไปด้วยความลับที่ซ่อนอยู่
กลุ่มเจ้าหน้าที่ FBI หรือ Federal Bureau of Investigation คือหน่วยงานสืบสวนสอบสวนกลางของสหรัฐอเมริกาที่ขึ้นตรงต่อกระทรวงยุติธรรม มีหน้าที่หลักในการบังคับใช้กฎหมายและปกป้องประเทศจากภัยคุกคามต่างๆ ทั้งภายในและภายนอก
ในตำนานเคลพีคืออสุรกายแห่งสายน้ำที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบหรือแม่น้ำ และมักปรากฏตัวในร่างม้า แต่ก็สามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์เพื่อล่อลวงเหยื่อได้ รังของเคลพีมักจะอยู่ในสถานที่ที่มนุษย์ทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้และเต็มไปด้วยอันตราย เช่น ก้นบึ้งของทะเลสาบที่ลึกที่สุด ซึ่งมีโคลนตมและพืชน้ำปกคลุมอยู่ หรือใน ถ้ำใต้น้ำ ที่มีกระแสน้ำไหลเชี่ยวและมีกับดักธรรมชาติซ่อนอยู่ทั่วบริเวณ นอกจากนี้ยังอาจพบรังของพวกมันได้ตาม บริเวณชายฝั่งที่รกร้าง ที่เต็มไปด้วยซากเรือเก่าๆ ซึ่งกลายเป็นเขาวงกตใต้น้ำที่ยากจะเข้าไปถึง รังของเคลพีนั้นเต็มไปด้วยสมบัติที่พวกมันแย่งชิงมาจากเหยื่อผู้โชคร้าย รวมถึงมีแหล่งอาหารและวัตถุดิบต่างๆ ที่จำเป็นต่อการสร้างรังของพวกมัน แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปในรังของเคลพี เพราะนอกจากจะต้องเผชิญหน้ากับความดุร้ายของพวกมันแล้ว ยังต้องต่อสู้กับสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยอันตรายอีกด้วย [พื้นที่พบเจอ ภารกิจเดินทาง (เฉพาะสายเลือดเทพสมุทร) / ริมฝั่งแม่น้ำลำธารที่ไม่มีนิมฟ์/ไนแอด) ส่วนใหญ่จะเป็นอเมริกาใต้และยุโรป / ตามพื้นที่เกาะต่าง ๆ ทั่วโลก (ยกเว้นเกาะในมหาสมุทรแอตแลนติก) และ ประเทศไทย]
ลองไอแลนด์ ลองไอแลนด์ หรือ เกาะยาว เป็นเกาะขนาดใหญ่ที่ทอดตัวอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และเป็นสถานที่สำคัญในโลกของลูกครึ่งเทพ เนื่องจากเป็นที่ตั้งของ ค่ายฮาล์ฟบลัด (Camp Half-Blood) สำหรับคนทั่วไป ลองไอแลนด์เป็นสถานที่พักผ่อนยอดนิยมในช่วงฤดูร้อน เต็มไปด้วยชายหาดที่สวยงาม รีสอร์ตหรู และเมืองริมทะเลที่เงียบสงบ แต่สำหรับลูกครึ่งเทพแล้ว ลองไอแลนด์เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความลับและความมหัศจรรย์
เขตแอนตาร์กติกา คือดินแดนที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งตลอดกาล ตั้งอยู่บริเวณขั้วโลกใต้ เป็นสถานที่ที่มีความหนาวเย็นที่สุด แห้งแล้งที่สุด และมีลมพัดแรงที่สุดในโลก ถึงแม้จะเป็นดินแดนที่ดูเหมือนไร้ชีวิต แต่ก็เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นเพนกวิน, แมวน้ำ, หรือปลาวาฬ สำหรับลูกครึ่งเทพแล้ว แอนตาร์กติกาไม่ได้เป็นแค่ดินแดนที่หนาวเย็น แต่ยังเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความลับและสิ่งมีชีวิตวิเศษต่างๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ใต้แผ่นน้ำแข็งอันหนาวเหน็บ และเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญในตำนานอีกหลายแห่ง ซึ่งมีเพียงผู้กล้าหาญเท่านั้นที่สามารถเข้าไปสำรวจได้
บุตรแห่งคิโอเน่คืออสุรกายที่ถือกำเนิดจากพลังแห่งหิมะและลมหนาวของเทพีคิโอเน่ พวกมันไม่ได้เกิดจากการสืบพันธุ์ แต่เป็นการปรากฏร่างขึ้นจากเจตจำนงค์อันเย็นชาของเทพี ทำให้มีบุคลิกที่เย็นชาและไร้ความปราณีอย่างที่สุด พวกมันมีความภักดีอย่างสมบูรณ์ต่อคิโอเน่ และจะทำตามคำสั่งของเธอโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ในการล่าเหยื่อ พวกมันจะแสดงความโหดร้ายอย่างเต็มที่และสนุกกับการเห็นเหยื่อค่อยๆ แข็งตัวและสิ้นลมหายใจในความเย็นยะเยือก เมื่อเผชิญหน้ากับการต่อสู้ พวกมันจะมีความอดทนสูงและรักษาความเยือกเย็นได้ดี กองทัพบุตรแห่งคิโอเน่สามารถพบเจอได้ในพื้นที่ที่ปกคลุมด้วยหิมะตลอดทั้งปี เช่น ขั้วโลกเหนือและใต้ เขตแอนตาร์กติกา แนวเทือกเขาเอเวอเรสต์ และ พื้นที่หิมะปกคลุมในแคนาดา พวกมันมักจะอาศัยอยู่ในถ้ำน้ำแข็งบนเทือกเขาสูง, ทุ่งน้ำแข็งอันกว้างใหญ่ หรือในใจกลางพายุหิมะที่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่ทำให้พวกมันแข็งแกร่งขึ้นเมื่ออยู่ในบริเวณที่หนาวเย็นจัด
นกฟีนิกซ์เป็นอสุรกายในตำนานที่มีความผูกพันกับเปลวเพลิงและการฟื้นคืนชีพอย่างไม่มีที่สิ้นสุด มันมีต้นกำเนิดมาจากตำนานของ นกเบนนู (Bennu) แห่งอียิปต์โบราณและอาระเบีย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการสร้างโลกและดวงอาทิตย์ ฟีนิกซ์ถูกพรรณนาว่ามีขนสีแดงเพลิงและสีทองอร่ามราวกับแสงแดด ยามที่มันถึงคราวสิ้นอายุขัย มันจะเผาตัวเองจนมอดไหม้เหลือเพียงเถ้าถ่าน แล้วผุดขึ้นมาใหม่จากเถ้าถ่านนั้นเพื่อเริ่มต้นชีวิตอีกครั้ง ด้วยความเกี่ยวข้องกับไฟและการเกิดใหม่ ทำให้มันปรากฏตัวในสถานที่และเมืองที่ผูกพันกับธาตุไฟหรือการลุกขึ้นยืนหยัดจากความล้มเหลว อย่างเช่น เมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา ที่มีสภาพอากาศร้อนและแห้งแล้ง หรือในเมืองที่เคยถูกเพลิงไหม้ครั้งใหญ่แล้วฟื้นตัวกลับมาอย่างแข็งแกร่ง เช่น เมืองชิคาโก้ รัฐอิลลินอย และ เมืองแอตแลนต้า รัฐจอร์เจีย ซึ่งล้วนเป็นเมืองที่เคยประสบกับเหตุการณ์เพลิงไหม้ครั้งประวัติศาสตร์ และเป็นสัญลักษณ์ของการฟื้นคืนชีพจากเถ้าถ่านเช่นเดียวกับนกฟีนิกซ์
หุบเขาโซโนมา (Sonoma Valley) ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเขตโซโนมา ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ทอดตัวอยู่ระหว่างเทือกเขามายาคามาสและเทือกเขาโซโนมา หุบเขาแห่งนี้เปรียบเสมือนสรวงสวรรค์แห่งธรรมชาติ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายของโลกภายนอก ด้วยทิวทัศน์อันงดงามของไร่องุ่นที่เรียงราย สลับกับเนินเขาที่เขียวขจี ต้นโอ๊กโบราณที่แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงา และลำธารโซโนมาที่ไหลคดเคี้ยวผ่านหุบเขาลงสู่ อ่าวซานปาโบล อากาศบริสุทธิ์เย็นสบาย แสงแดดอ่อน ๆ ที่ส่องลงมากระทบกับใบไม้สีเขียวมรกต และเสียงนกร้องที่ดังก้องไปทั่วหุบเขา ทั้งหมดนี้หลอมรวมกันเป็นภาพที่งดงาม ราวกับภาพวาด ภายในหุบเขามีทั้งเมือง และชุมชนที่น่าสนใจ เช่น เมืองโซโนมา เมืองเล็ก ๆ ที่มีเสน่ห์แบบชนบท มีชื่อเสียงด้านไวน์และประวัติศาสตร์ เมืองซานตาโรซา เมืองที่ใหญ่ที่สุดในเขต มีชื่อเสียงด้านดอกกุหลาบและพิพิธภัณฑ์ Charles M. Schulz Museum และยังรวมถึงชุมชนอื่น ๆ เช่น El Verano (แปลว่า ฤดูร้อน ในภาษาสเปน Boyes Hot Springs, Fetters Hot Springs และ Agua Caliente (แปลว่า น้ำร้อน ในภาษาสเปน)
ผับคือสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยสีสันและชีวิตชีวา เป็นสถานที่ที่ผู้คนมารวมตัวกันเพื่อผ่อนคลายและสังสรรค์หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมาตลอดทั้งวัน บรรยากาศภายในผับมักจะอบอวลไปด้วยเสียงเพลงจังหวะสนุกสนาน ตั้งแต่เพลงป๊อป ร็อค ไปจนถึงแนวเพลงอิเล็กทรอนิกส์ ที่นี่คุณจะได้พบกับเครื่องดื่มหลากหลายชนิด ตั้งแต่เบียร์เย็น ๆ ค็อกเทลที่มีสีสันสวยงาม ไปจนถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับพรีเมียมที่ถูกจัดเตรียมไว้อย่างพิถีพิถันโดยบาร์เทนเดอร์มากฝีมือ นอกจากนี้ยังมีอาหารว่างและกับแกล้มมากมายที่พร้อมเสิร์ฟคู่กับเครื่องดื่มที่คุณชื่นชอบ ผับเป็นสถานที่ที่คุณจะได้พบปะผู้คนใหม่ ๆ พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราว และสร้างความทรงจำดี ๆ กับเพื่อนฝูง เป็นเหมือนโอเอซิสในยามค่ำคืนที่ช่วยเติมพลังงานและสร้างแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ให้กับชีวิต
ทหารรับจ้างกลุ่มนี้ไม่ได้มีชื่อเรียกที่ชัดเจน แต่พวกเขาเป็นที่รู้จักในฐานะกลุ่มคนที่อันตรายและมีปริศนา พวกเขาไม่เพียงแต่มีทักษะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม แต่ยังครอบครองเทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่ล้ำหน้าเกินกว่ามนุษย์ทั่วไปจะเข้าใจ ความได้เปรียบที่สำคัญของพวกเขาคือการมีอุปกรณ์ที่สามารถ มองเห็นผ่านมนต์บังตา ได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้เหล่าลูกครึ่งเทพไม่สามารถใช้พลังพรางตัวเพื่อหลบหนีได้ นอกจากนี้ ชุดเกราะของพวกเขายังถูกสร้างจากวัสดุที่ไม่ใช่ทองคำจักรพรรดิ ทำให้ อาวุธของลูกครึ่งเทพไม่สามารถทำอันตรายพวกเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทหารรับจ้างกลุ่มนี้จึงเป็นภัยคุกคามที่ไม่ธรรมดาสำหรับเหล่าลูกครึ่งเทพ เพราะพวกเขาสามารถต่อสู้ได้อย่างเท่าเทียม และยังมีความได้เปรียบในด้านเทคโนโลยี ซึ่งทำให้การต่อสู้กับพวกเขามีความอันตรายและคาดเดาได้ยากกว่าศัตรูทั่วไป
แกรนด์ แพรรี (Grande Prairie) คือเมืองสำคัญในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐแอลเบอร์ต้า ประเทศแคนาดา ตั้งอยู่ในเขต พีซ คันทรี (Peace Country) ซึ่งเป็นพื้นที่เกษตรกรรมที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดทางตอนเหนือของทวีปอเมริกาเหนือ เมืองนี้ได้รับฉายาว่า \\\"สวอน ซิตี้\\\" (Swan City) เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้เส้นทางการอพยพของหงส์ทรัมเป็ต (Trumpeter Swan) และทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดระหว่างเอดมันตันกับรัฐอะแลสกา เศรษฐกิจของแกรนด์ แพรรี มีความหลากหลายและเข้มแข็ง โดยขับเคลื่อนด้วยอุตสาหกรรมหลัก 4 ด้านคือ น้ำมันและก๊าซ, การป่าไม้, การเกษตร, และการค้าปลีก นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่โดดเด่นในด้านกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น การสำรวจเส้นทางเดินป่าและซากฟอสซิลไดโนเสาร์ รวมถึงมีชุมชนที่เติบโตอย่างรวดเร็วและมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมสูง.
ถ้ำแห่งนี้ตั้งอยู่ลึกเข้าไปในป่าทึบ ทางเข้าถ้ำดูน่ากลัวด้วยหินผาที่ขรุขระและปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำและเถาวัลย์ที่รกรุงรัง อากาศภายในถ้ำเย็นเยียบและชื้นแฉะ มีกลิ่นดินและเชื้อราที่อบอวลไปทั่วบริเวณ ภายในถ้ำมีขนาดใหญ่กว่าที่คิดไว้มาก เพดานสูงลิบตาเต็มไปด้วยหินงอกและหินย้อยที่ดูแหลมคม พื้นถ้ำไม่เรียบเสมอกัน แต่เต็มไปด้วยก้อนหินและเศษหินที่ตกกระจายอยู่ทั่วไป ส่วนลึกของถ้ำเป็นที่อยู่อาศัยของ โทรลล์ ตัวใหญ่ที่มีผิวเป็นหินและมีกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่ง โทรลล์ไม่ได้มีอาวุธที่ซับซ้อน แต่ใช้ไม้เท้าขนาดใหญ่เป็นอาวุธในการต่อสู้ โดยมันจะนั่งเฝ้าสมบัติและคอยขับไล่ผู้บุกรุกทุกคนที่กล้าเข้ามาในดินแดนของมัน ดังนั้น ถ้ำแห่งนี้จึงไม่ใช่แค่สถานที่หลบภัย แต่เป็นสถานที่อันตรายที่เต็มไปด้วยความลับที่ซ่อนเร้นและรอคอยให้ผู้กล้ามาพิชิต
เมื่อมนุษย์ถูกก็อบลินก่อกวน สร้างความโกลาหลไปทั่วพื้นที่ ดูเหมือนพวกเขาจะไม่รู้เลยว่ากำลังโดนก็อบลินเล่นงาน พวกเขาคิดว่าพวกมันคือเด็กแสบ เด็กเกรียนธรรมดาทั่วไป
แม้จะเชื่อกันว่าเป็นสิ่งมีชีวิตในตำนานที่กินแพะ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ชูปาคาบรา เป็นสัตว์ประหลาดที่มีพละกำลังมหาศาล พวกมันมักจะซ่อนตัวอยู่ตามพื้นที่ห่างไกลในบริเวณใกล้เคียงกับ เมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา เพื่อรอดักซุ่มโจมตีสิ่งมีชีวิตที่เดินเข้ามาในอาณาเขตของพวกมัน ชูปาคาบราไม่ได้มีความเกลียดชังต่อมนุษย์โดยทั่วไป แต่จะคอยจับตาดูและทดสอบความสามารถของมนุษย์ โดยพวกมันจะสร้างกับดักและเขาวงกตที่ซับซ้อนขึ้นเพื่อขัดขวางการเดินทางของมนุษย์ และหากผู้ใดที่ตกอยู่ในกับดักไม่สามารถหนีออกมาได้ พวกมันก็จะปล่อยให้ผู้นั้นเป็นอิสระโดยไม่ทำร้าย แต่ถ้าเป็นลูกครึ่งเทพที่หลงเข้ามา พวกมันจะพยายามทดสอบความสามารถและพละกำลังของลูกครึ่งเทพผู้นั้น หากลูกครึ่งเทพสามารถเอาชนะได้ พวกมันก็จะยอมแพ้และเป็นอิสระไป
เป็นจิตวิญญาณคาร์ปอสที่สายเลือดดีมิเทอร์และเซเรสมักจะพบเจอศัตรูคู่อริของแม่พวกเขา แต่ก็มักจะมีบางตัวพร้อมผูกมิตรกับพวกลูก ๆ เทพีแห่งเกษตรกรรม เนื่องจากการพบเจอคาร์ปอสในดันเจี้ยนนี้จะเป็นการสู้กันพอหอมปากหอมคอไม่หมายปลิดชีวิตจึงไม่ดรอปสินสงครามใด ๆ และเจ้าคาร์ปอสตัวนั้นจะฝากคาร์ปอสน้อยตัวหนึ่งให้คุณ คิดว่าคุณเหมาะสมจะดูแลพวกเขา
แวนคูเวอร์เป็นเมืองใหญ่ริมชายฝั่งของรัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา ขึ้นชื่อเรื่องทิวทัศน์ที่น่าทึ่งซึ่งผสมผสานระหว่างภูเขา ป่าทึบ และมหาสมุทรแปซิฟิกได้อย่างลงตัว เมืองนี้เป็นศูนย์กลางที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม มีชีวิตชีวา และมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมาย รวมถึงสวนสแตนลีย์ (Stanley Park) ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ผู้คนนิยมไปทำกิจกรรมกลางแจ้งที่นี่ เช่น การเดินป่า เล่นสกี และพายเรือคายัก แวนคูเวอร์ยังเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญ มีชื่อเสียงในด้านอุตสาหกรรมภาพยนตร์และเทคโนโลยี เป็นที่รู้จักในฐานะเมืองที่ผสมผสานความเจริญของเมืองใหญ่เข้ากับความงามของธรรมชาติได้อย่างลงตัว ทำให้เป็นหนึ่งในเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก
นูนาวุต คือดินแดนที่กว้างใหญ่ที่สุดและอยู่ทางเหนือสุดของแคนาดา เป็นพื้นที่ที่มีความหนาวเย็นสุดขั้วและมีทิวทัศน์ที่งดงามราวกับหลุดออกมาจากอีกโลกหนึ่ง นูนาวุตเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยน้ำแข็ง, ธารน้ำแข็ง, และทุนดราอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูงที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะและน้ำแข็งเกือบตลอดทั้งปี ถึงแม้จะเป็นดินแดนที่ดูเหมือนไร้สิ่งมีชีวิต แต่ นูนาวุต ก็เป็นบ้านของสัตว์ขั้วโลกมากมาย เช่น หมีขั้วโลก, วาฬเบลูกา, วาฬนาร์วาล และสุนัขจิ้งจอกอาร์กติก ซึ่งทั้งหมดได้ปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศที่โหดร้ายได้อย่างน่าทึ่ง นอกจากนี้ นูนาวุตยังเป็นที่ตั้งของชุมชนชาว อินูอิต ผู้เป็นชนพื้นเมืองดั้งเดิมที่ใช้ชีวิตอย่างกลมกลืนกับธรรมชาติและสืบทอดวัฒนธรรมอันเก่าแก่มาอย่างยาวนาน ผู้ที่เดินทางไปที่นี่จะสัมผัสได้ถึงความเงียบสงบที่หาไม่ได้จากที่อื่น และอาจจะได้เห็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าอัศจรรย์อย่างแสงเหนือที่ส่องประกายเหนือท้องฟ้าในยามค่ำคืน นูนาวุตจึงเป็นมากกว่าแค่พื้นที่ทางภูมิศาสตร์ แต่เป็นดินแดนแห่งความหนาวเย็นที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของธรรมชาติและชีวิตที่แข็งแกร่ง
เยลโลว์ไนฟ์ เมืองหลวงของนอร์ทเวสต์เทร์ริทอรีส์แห่งแคนาดา ไม่ใช่แค่เมืองธรรมดา แต่เป็นป้อมปราการแห่งอารยธรรมที่ตั้งตระหง่านอยู่บนขอบโลก ณ ใจกลางของทุนดราอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา เมื่อก้าวเข้าสู่เมืองนี้ กลิ่นอายของความหนาวเย็นและกลิ่นของสนิมเหล็กจะปะปนกับกลิ่นไอของเวทมนตร์โบราณที่บางเบา เยลโลว์ไนฟ์เป็นเมืองที่สร้างขึ้นจากความมุ่งมั่นของมนุษย์ในการเอาชนะธรรมชาติ อาคารไม้เก่าแก่สลับกับโครงสร้างเหล็กกล้าสมัยใหม่ที่ทนทานต่ออุณหภูมิติดลบ แต่ภายใต้ความทันสมัยนั้น ชาวเดมิก็อดจะสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่แผ่ออกมาจาก ทะเลสาบเกรทสเลฟ (Great Slave Lake) ที่เป็นน้ำแข็ง ซึ่งเป็นที่เล่าขานกันว่ามีวิญญาณแห่งธาตุและสัตว์ในตำนานหลับใหลอยู่ ถนนหนทางที่นี่เป็นน้ำแข็งเกือบตลอดทั้งปี ผู้คนในเมืองต่างคุ้นชินกับการใช้ชีวิตท่ามกลางความหนาวเย็นสุดขั้ว พวกเขาคือผู้รอดชีวิตที่แข็งแกร่งและมีจิตใจกล้าแกร่ง ไม่ต่างจากเหล่าครึ่งเทพที่ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายในทุกวัน ยามค่ำคืนที่ท้องฟ้าเปิดโล่ง แสงเหนือ (Aurora Borealis) จะเต้นระบำเหนือศีรษะ สาดส่องแสงสีเขียวและม่วงอันลึกลับ ซึ่งไม่ใช่เพียงปรากฏการณ์ธรรมชาติ แต่ยังเป็นสัญญาณของพลังงานเวทมนตร์ที่ไหลเวียนอยู่ในดินแดนแห่งนี้ และเป็นเสมือนประตูเชื่อมระหว่างโลกของมนุษย์กับอาณาจักรของเทพเจ้าโบราณที่ยังคงหลับใหลอยู่ใต้แผ่นน้ำแข็งอันหนาวเหน็บ เยลโลว์ไนฟ์จึงเป็นทั้งที่หลบภัยสำหรับผู้ที่ถูกไล่ล่า และเป็นจุดเริ่มต้นของภารกิจอันตรายที่อาจเปิดเผยความลับที่ถูกฝังอยู่ภายใต้ผืนน้ำแข็งแห่งอาร์กติก
เอดมันตัน (Edmonton) คือเมืองหลวงของรัฐ แอลเบอร์ต้า (Alberta) ประเทศแคนาดา เป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีความสำคัญในหลายด้าน มักถูกเรียกว่าเป็นประตูสู่ทิศเหนือ (Gateway to the North) และเป็นเมืองแห่งเทศกาลของแคนาดา (Canada Festival City)
ประเทศอินเดีย หรือ สาธารณรัฐอินเดีย คือผืนแผ่นดินอันยิ่งใหญ่ที่เปี่ยมไปด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และธรรมชาติ ตั้งอยู่ในเอเชียใต้ เป็นประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับเจ็ดของโลกและมีประชากรมากที่สุดในโลก อินเดียเป็นที่รู้จักในนามของ อนุทวีป ที่มีภูมิประเทศแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว ตั้งแต่ยอดเขาหิมาลัยที่ปกคลุมด้วยหิมะทางตอนเหนือ ไปจนถึงที่ราบลุ่มแม่น้ำคงคาอันอุดมสมบูรณ์ และชายฝั่งทะเลเขตร้อนที่ทอดยาว อินเดียคือแหล่งกำเนิดของอารยธรรมโบราณที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และเป็นบ้านของศาสนาที่สำคัญหลายศาสนา เช่น ศาสนาฮินดู, ศาสนาพุทธ, ศาสนาเชน และศาสนาซิกข์ ซึ่งความศรัทธาเหล่านี้ได้หล่อหลอมให้เกิดประเพณี, พิธีกรรม, และสถาปัตยกรรมอันงดงามตระการตา เช่น ทัชมาฮาล และวัดวาอารามที่แกะสลักอย่างวิจิตรบรรจง นอกจากมรดกทางประวัติศาสตร์แล้ว อินเดียยังเป็นประเทศที่มีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยความขัดแย้งที่น่าสนใจ ถนนหนทางเต็มไปด้วยสีสัน, เสียงของผู้คน, กลิ่นของเครื่องเทศ, และความคึกคักที่เกิดขึ้นพร้อมกันในทุกมุมเมือง ด้วยความหลากหลายทางภาษา (มีภาษาหลักกว่า 22 ภาษา), อาหาร, และการแต่งกาย อินเดียจึงเป็นโลกใบเล็ก ที่เปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ท่วมท้นและน่าจดจำ ไม่ว่าจะเป็นความศักดิ์สิทธิ์ของแม่น้ำคงคา หรือความล้ำหน้าของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่ก็ตาม
ซัดเบอรี (Sudbury) หรือ เกรตเตอร์ซัดเบอรี (Greater Sudbury) เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในภูมิภาคออนแทรีโอตอนเหนือ ประเทศแคนาดา และเป็นหนึ่งในเทศบาลที่มีพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ใหญ่ที่สุดในประเทศ เมืองนี้ตั้งอยู่บน Canadian Shield โดยมีประวัติศาสตร์ยาวนานในฐานะ ศูนย์กลางการทำเหมืองนิกเกิลระดับโลก ซึ่งมีบทบาทสำคัญทางเศรษฐกิจตลอดศตวรรษที่ 20 แม้ว่าเศรษฐกิจปัจจุบันจะมีความหลากหลายมากขึ้น โดยเน้นไปที่ภาคบริการ สุขภาพ การศึกษา และการวิจัย ซัดเบอรีเป็นที่รู้จักในนาม \\\"เมืองแห่งทะเลสาบ\\\" เนื่องจากมีทะเลสาบกว่า 330 แห่ง รวมถึง ทะเลสาบแรมซีย์ (Ramsey Lake) ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง นอกจากนี้ เมืองยังมีความโดดเด่นในด้านความสำเร็จของการฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวครั้งใหญ่ หลังจากการทำเหมืองและโรงถลุงในอดีตส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และยังเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของ วัฒนธรรมฝรั่งเศส-ออนแทรีโอ (Franco-Ontarian) อีกด้วย
อะโซร์ส (อังกฤษ: Azores) หรือ อาโซรึช (โปรตุเกส: Açores) เป็นกลุ่มเกาะตั้งอยู่ตอนกลางของมหาสมุทรแอตแลนติกตอนเหนือ อยู่ทางตะวันตกของกรุงลิสบอนราว 1,500 กิโลเมตร (930 ไมล์) และอยู่ทางตะวันออกของชายฝั่งอเมริกาเหนือราว 3,900 กิโลเมตร (2,400 ไมล์) ประกอบด้วยเกาะภูเขาไฟ เกาะใหญ่ 9 เกาะ และเกาะเล็ก ๆ อีกหลายเกาะ เกาะนี้เป็น 1 ใน 2 ของเขตการปกครองตนเองของโปรตุเกส มีอุตสาหกรรมหลักที่สำคัญคือ การเกษตร กสิกรรม (ผลิตผลจากเนยและชีส) การประมง และการท่องเที่ยว เกาะที่ใหญ่ที่สุดชื่อเกาะเซามีแกล เมืองสำคัญได้แก่ เมืองปงตาแดลกาดาบนเกาะเซามีแกล เมืองออร์ตาบนเกาะไฟยัล และเมืองอังกราดูเอรูวิชมูบนเกาะตือร์ไซรา จุดสูงสุดชื่อปีกูอัลตู บนเกาะปีกู สูง 2,351 เมตร
ช่องแคบยิบรอลตาร์ คือทางน้ำแคบ ๆ ที่มีความสำคัญทางภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์อย่างยิ่ง ช่องแคบนี้ทำหน้าที่เป็น ประตูธรรมชาติ ที่เชื่อมต่อระหว่าง มหาสมุทรแอตแลนติก กับ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และแยกทวีปยุโรปออกจากทวีปแอฟริกา โดยมีระยะทางที่แคบที่สุดเพียงประมาณ 13 กิโลเมตรเท่านั้น ช่องแคบแห่งนี้ถูกควบคุมโดยสองขั้วอำนาจหลัก คือ สเปน ทางตอนเหนือ และ โมร็อกโก/ยิบรอลตาร์ (สหราชอาณาจักร) ทางตอนใต้ ด้วยความที่เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญสำหรับการค้าและการทหาร ทำให้ช่องแคบยิบรอลตาร์ถูกมองว่าเป็นหนึ่งใน เส้นทางการเดินเรือที่สำคัญและคับคั่งที่สุดในโลก นอกจากความสำคัญทางยุทธศาสตร์แล้ว ช่องแคบแห่งนี้ยังมีความสำคัญในเชิงตำนาน โดยในยุคกรีกโบราณ ที่นี่เป็นที่รู้จักกันในนามของ เสาหินแห่งเฮอร์คิวลีส (Pillars of Hercules) ซึ่งถูกกล่าวถึงว่าเป็นจุดสิ้นสุดของโลกที่มนุษย์รู้จักในอดีต ผืนน้ำในช่องแคบเต็มไปด้วยกระแสน้ำวนที่รุนแรง และเป็นเส้นทางอพยพของวาฬและปลาโลมา ทำให้มันเป็นทั้งอุปสรรคทางธรรมชาติและสัญลักษณ์ของขอบเขตระหว่างโลกเก่าและโลกใหม่
กองทหารแพรทอเรียนเหล่านี้ไม่ใช่หน่วยทหารรักษาพระองค์ทั่วไป แต่เป็น ผู้เฝ้าระวังที่คงกระพัน ซึ่งถูกหล่อหลอมโดยความคลั่งไคล้และอำนาจของจักรพรรดิ โดมีเซียน ตั้งแต่ยุคโบราณ จุดกำเนิดของพวกเขาคือ สัญลักษณ์แห่งเสถียรภาพและความยุติธรรม ที่ได้รับพรจากเทพอะพอลโลและมิเนอร์วาในช่วงต้นรัชสมัย แต่เมื่อความหวาดระแวงเข้าครอบงำโดมีเซียน พวกเขาก็แปรสภาพเป็นเครื่องมืออันเย็นชา ในการกวาดล้างศัตรูทางการเมืองอย่างโหดเหี้ยม ทำให้พวกเขากลายเป็น ผู้เฝ้าระวังที่สมบูรณ์แบบ ที่ร่วมแบ่งปันความหวาดระแวงและดำเนินนโยบายเผด็จการของจักรพรรดิ แม้โดมีเซียนจะถูกลอบสังหารไปแล้ว แต่ความภักดีและความโหดร้ายที่ฝังลึกในจิตสำนึกของกองทหารเหล่านี้ก็ยังคงอยู่ พวกเขาปฏิเสธแสงสว่างของอะพอลโลและโอบรับความมืด ทำให้พวกเขากลายเป็น รากฐานและกำลังหลักของอาณาจักรใต้พิภพ LoNex ในยุคปัจจุบัน กองทหารแพรทอเรียนผู้ภักดีเหล่านี้ดำเนินกิจการในโลกใต้ดิน ควบคุมเครือข่าย ธุรสีเทาและตลาดมืด ทั่วโลก และเป็นผู้ค้ำจุนสถานะ เทพชั้นรอง ของโดมีเซียนที่ถือกำเนิดใหม่จากความหวาดระแวงและอำนาจมืดในจักรวาลที่ล่มสลาย พวกเขาคือ เงา ที่อำนวยความสะดวกให้แก่อำนาจมืดมาตั้งแต่ยุคโรมันจนถึงปัจจุบัน
โคลอสเซียมในปัจจุบัน ไม่ได้เป็นเพียงซากปรักหักพังที่เปิดโล่งให้นักท่องเที่ยวได้ยลโฉม หากแต่สิ่งที่ผู้คนเห็นเป็นเพียงส่วนยอดของภูเขาน้ำแข็ง หรือเพียงเศษเสี้ยวของ \\\\\\\"ม่านบังตา\\\\\\\" ที่ถูกสร้างขึ้นอย่างแยบยลตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา ความจริงที่ถูกซ่อนไว้คือ สังเวียนแห่งนี้ไม่เคยถูกถล่มโดยสิ้นเชิง แต่มันถูกฝัง! ในช่วงความสับสนวุ่นวายของการล่มสลายของจักรวรรดิโรมัน จักรพรรดิผู้ทรงอำนาจและเหล่าขุนนางผู้ภักดีบางส่วนได้ตัดสินใจผนึกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ไว้ ด้วยพิธีกรรมโบราณและเทคนิคทางวิศวกรรมที่ล้ำหน้าเกินกว่ายุคสมัยนั้นจะเข้าใจ โคลอสเซียมทั้งหลัง จึงถูกจมลงสู่ใต้พื้นดินของกรุงโรม ถูกหุ้มด้วยชั้นดินและหินที่หนาแน่น จนกลายเป็น \\\\\\\"มิติใต้พิภพ\\\\\\\" ที่ถูกแยกขาดจากโลกภายนอกโดยสมบูรณ์
ลานจอดรถใต้ดินแห่งนี้ตั้งอยู่ลึกใต้พื้นผิวของเมืองโอ๊กแลนด์อันจอแจ ในย่านอ่าวซานฟรานซิสโก ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นศูนย์รวมของความหวังและการเดินทาง ปัจจุบันกลับกลายเป็นเขาวงกตคอนกรีตที่ถูกทิ้งร้างและกลืนกินด้วยกาลเวลา ผนังคอนกรีตเปื่อยยุ่ย มีคราบน้ำเกลือและสนิมกัดกร่อนเป็นลวดลายเหมือนอักษรจารึกโบราณ กลิ่นอับชื้นผสมผสานกับความสิ้นหวังที่มองไม่เห็น หมอกพรางตาที่ปกคลุมโลกภายนอกดูเหมือนจะเข้มข้นเป็นพิเศษในสถานที่แห่งนี้ ทำให้แสงสว่างจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ที่กะพริบเป็นครั้งคราวดูพร่ามัวราวกับภาพฝัน ที่นี่ไม่ใช่แค่ลานจอดรถ แต่เป็น ทางแยกที่ถูกลืม เป็นสถานที่ที่เส้นทางถูกตัดขาด อนาคตถูกทิ้งร้าง และอดีตยังคงติดอยู่ สะท้อนถึงชะตากรรมของเหล่า ลาเรส กาตากลิซึ่ม ที่ถูกจองจำอยู่กับความทรงจำที่ไม่เคยตาย และพยายามดึงดูดผู้ที่หลงเข้ามาให้ติดอยู่ในวังวนแห่งความสิ้นหวังเดียวกันกับพวกเขา
ยอดเขากลาเซียร์ หรือ ดาโคเบ็ด (ซึ่งในภาษาลูชูตซีด สำเนียงซอค-ซุยแอทเทิล เรียกว่า Tda-ko-buh-ba หรือ Takobia) เป็นภูเขาไฟรูปกรวยสลับชั้น ที่โดดเดี่ยวที่สุดในบรรดาภูเขาไฟหลักห้าลูกของแนวภูเขาไฟแคสเคด ในรัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติกลาเซียร์พีค ในป่าสงวนแห่งชาติเมานต์เบเกอร์–สโนควาลมี ภูเขาไฟนี้สามารถมองเห็นได้จากทางทิศตะวันตกในเมืองซีแอตเทิล และจากทางทิศเหนือในพื้นที่สูงของชานเมืองทางตะวันออกของแวนคูเวอร์ เช่น โคคิวแลม, นิวเวสต์มินสเตอร์ และพอร์ตโคคิวแลม ภูเขาไฟแห่งนี้เป็นยอดเขาที่สูงเป็นอันดับสี่ของรัฐวอชิงตัน และยังไม่เป็นที่รู้จักมากเท่าภูเขาไฟอื่นๆ ในพื้นที่ ชาวพื้นเมืองอเมริกันในท้องถิ่นได้จดจำยอดเขากลาเซียร์และภูเขาไฟอื่นๆ ในวอชิงตันไว้ในประวัติศาสตร์และเรื่องเล่าของพวกเขา เมื่อนักสำรวจชาวอเมริกันมาถึงภูมิภาคนี้ พวกเขาได้รับข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับลักษณะภูมิประเทศโดยรอบ แต่ในตอนแรกยังไม่เข้าใจว่ายอดเขากลาเซียร์เป็นภูเขาไฟ ภูเขาไฟนี้ตั้งอยู่ในเทศมณฑลสโนโฮมิช และอยู่ห่างจากใจกลางเมืองซีแอตเทิลไปทางตะวันออกเฉียงเหนือเพียง 70 ไมล์ (110 กม.) จากพื้นที่ทางเหนือของซีแอตเทิลขึ้นไป ยอดเขากลาเซียร์อยู่ใกล้กว่าเมานต์เรเนียร์ ที่มีชื่อเสียงมากกว่า แต่เนื่องจากยอดเขากลาเซียร์ตั้งอยู่ลึกเข้าไปในเทือกเขาแคสเคด และมีความสูงน้อยกว่าเกือบ 4,000 ฟุต (1,200 เมตร) จึงทำให้สังเกตเห็นได้ยากกว่าเมานต์เรเนียร์มาก ยอดเขากลาเซียร์เป็นภูเขาไฟที่มีพลังมากเป็นอันดับสองในรัฐวอชิงตัน โดยมีการปะทุครั้งล่าสุดเมื่อราวปี ค.ศ. 1700 ± 100 ปี ภูเขาไฟนี้ก่อตัวขึ้นในช่วงยุคไพลสโตซีน เมื่อประมาณหนึ่งล้านปีก่อน และนับตั้งแต่ยุคน้ำแข็งครั้งล่าสุด ก็ได้สร้างการปะทุครั้งใหญ่และรุนแรงที่สุดบางส่วนในรัฐ เมื่อแผ่นน้ำแข็งของทวีปถอยร่นออกจากภูมิภาค ยอดเขากลาเซียร์ก็เริ่มปะทุอย่างสม่ำเสมอ โดยมีการปะทุอย่างรุนแรงถึงห้าครั้งในรอบ 3,000 ปีที่ผ่านมา มันมีการปะทุซ้ำๆ ในช่วงเวลาอย่างน้อยหกช่วง โดยสองครั้งในนั้นถือเป็นการปะทุที่ใหญ่ที่สุดในวอชิงตัน
ภายใต้ผืนน้ำสีครามของทะเลอาหรับ ใกล้กับชายฝั่งรัฐคุชราต มีตำนานเล่าขานถึง นครทวารกา นครโบราณอันรุ่งเรืองที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นราชธานีขององค์พระกฤษณะ เทพผู้ยิ่งใหญ่ในศาสนาฮินดู นครแห่งนี้มิได้เป็นเพียงแค่เมืองที่สาบสูญ แต่เป็น \\\\\\\"แอตแลนติสแห่งอินเดีย\\\\\\\" ที่จมดิ่งสู่ก้นบึ้งของมหาสมุทรพร้อมกับความลึกลับและอารยธรรมที่ก้าวล้ำเกินยุคสมัย โครงสร้างของเมืองที่จมอยู่ใต้บาดาลเผยให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมที่วิจิตรตระการตา ปราสาทหินขนาดใหญ่ กำแพงเมืองที่ซับซ้อน และถนนที่ปูด้วยหิน ซึ่งทั้งหมดนี้ปกคลุมไปด้วยปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล ราวกับเป็นพยานเงียบของความรุ่งเรืองในอดีต ว่ากันว่าผู้ที่สามารถดำดิ่งลงไปถึงแกนกลางของนครทวารกา อาจพบกับ พลังงานศักดิ์สิทธิ์ หรือ โบราณวัตถุที่เชื่อมโยงกับเทพเจ้า ซึ่งยังคงแผ่ออร่าอยู่ในซากปรักหักพังใต้น้ำ รอคอยเพียงผู้ที่คู่ควรมาค้นพบ และนำตำนานอันยิ่งใหญ่ของทวารกากลับมาสู่โลกเบื้องบนอีกครั้ง