เจ้าของ: God

[โรงอาหารหลัก] โถงอาหารประจำค่าย

  [คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2024-5-14 18:39:05 | ดูโพสต์ทั้งหมด


CANTEEN CLEANING

- - - - -


                อเดลเลดยืนนิ่งอยู่หน้าโรงอาหารพลางเกาหัวแกรกๆ สายตาจับจ้องแม่ครัวฮาร์ปี้ที่กำลังทำงานของตัวเองจนมือเป็นระวิง หญิงสาวไปลงชื่อรับงานเป็นเวรทำความสะอาดโรงอาหารไว้เมื่อวันก่อนเพราะไม่อยากว่างงานเกินไปจนฟุ้งซ่านอีกทั้งเงินในกระเป๋าเริ่มจะร่อยหรอลงทุกทีเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอต้องดั้นด้นมายังที่แห่งนี้ไม่ใช่เพื่อกินอาหารแบบในทุกๆ วันแต่มาเพื่อใช้แรงงานแลกเงินต่างหากและดูท่าว่างานที่นี่คงจะมีให้ทำเยอะพอสมควร ดูจากที่คุณแม่ครัวงานยุ่งจนปีกแทบจะพันกัน


                "พอดีฉันไปลงชื่อเป็นเวรทำความสะอาดโรงอาหารมาน่ะค่ะ มีงานอะไรอยากให้ช่วยไหม?" อเดลเลดเดินเข้าไปทักฮาร์ปี้ตนที่กำลังแจกจ่ายอาหาร


                "เยอะแยะไปหมดเลยล่ะ นู้นเข้าไปหลังครัวจะมีคนคอยบอกงานเธอ" แม่ครัวฮาร์ปี้บุ้ยปากไปที่ด้านหลังของเธอ


                "สวัสดีค่ะ ฉันมาช่วยงาน" หญิงสาวเดินมายังหลังครัวและเอ่ยทักทาย ฮาร์ปี้อีกตนที่ยืนหันหลังอยู่หันกลับมาหาเธอก่อนที่จะเดินเข้ามาหาทำให้เห็นจาามกองพะเนินที่แม่ครัวฮาร์ปี้เบอร์สองยืนบังอยู่เมื่อครู่


                โฮลี่ชิท.. เยอะขนาดนี้ได้ล้างจนถึงวันอาทิตย์หน้าเลยมั้ง


                "มาพอดี ฉันกำลังต้องการคนช่วย" ฮาร์ปี้สาวว่า เธอสวมผ้าเสื้อเปื้อนสีส้มแบบคล้องคอสกรีนอักษรภาษาอังกฤษว่า 'We Love Half-Blood Camp' ที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำและเปื้อนคราบอาหารและน้ำยาล้างจาน อเลดเลดไม่ได้อ่านมันออกทันทีในคราแรกแต่ตัวอักษรภาษาอังกฤษพวกนั้นค่อยๆ สลับสับเปลี่ยนจนกลายเป็นอักษรกรีกโบราณ


                "ให้ช่วยอะไรดีคะ" อเลดลเดถามพร้อมกับยิ้มแห้ง แน่นอนว่าเธอเห็นจานกองพะเนินนั่นแล้วแหละแต่ก็ยังแสร้งถามเผื่อจะได้ไปลงงานในส่วนอื่น


                "เริ่มจานนั่นก่อนเลย" ฮาร์ปี้ชี้ไปยังจานชามกองยักษ์ตามคาด


                "แล้วก็ต่อด้วยกวาดพื้น ฉันทำแทบจะไม่ไหวหลังจากกินอาหารกันเสร็จก็มีเศษอาหารหล่นเลอะเทอะเต็มโรงอาหารไปหมด" ฮาร์ปี้สาวเท้าเอวบ่นอุบก่อนที่จะเดินไปหยิบผ้ากันเปื้อนสีส้มจี๊ดจ๊าดอีกตัวยื่นมาให้อเดลเลด


                "น้ำยาล้างจานวางอยู่ตรงนั้น ฝากช่วยขัดกะทะกับหม้อที่กองอยู่ตรงมุมห้องด้วยนะ ขอบใจ" หลังจากที่ไหว้วานจนเสร็จ แม่ครัวฮาร์ปี้เบอร์สองก็ถอดผ้ากันเปื้อนเปียกชุ่มของตัวเองและเดินออกไปช่วยดูแลอาหารที่หน้าครัว ทิ้งอเดลเลดให้ยืนมองภาระงานชิ้นใหม่นี้เพียงลำพัง


                "จะเยอะสักแค่ไหนกันเชียว" หญิงสาวสวมผ้ากันเปื้อนและเดินไปยันอยู่หน้าอ่างล้างจาน มองจำนวนจานชามที่เยอะจนเกินนับไหวก่อนที่จะเริ่มกดน้ำยาล้างจานใส่ฟองน้ำ ขัดๆ ถูๆ จานชามเหล่านั้นแบบติดสปีดและล้างน้ำเปล่าจนสะอาดเอี่ยมอ่องเหมือนยังไม่เคยถูกใช้ แม้จะล้างไปมากเท่าไหร่แต่ดูเหมือนจำนวนของมันจะไม่ลดลงเลยสักนิดจนกระทั่งเวลาผ่านไปร่วมชั่วโมงกว่าที่ชามใบสุดท้ายถูกล้างด้วยน้ำเปล่าและเช็ดเก็บไปยังตู้ใส่จานชาม


                "เห้อ" อเลดเลดพักหายใจครู่หนึ่งพลางยกแขนขึ้นปาดเหงื่อที่ผุดพรายตามหน้าผาก ดวงตาคมมองหม้อกับกะทะอีกประมาณสิบใบที่กองอยู่ตรงมุมห้องก่อนที่ยกมันทั้งหมดมาที่โซนซักล้างและลงมีขัดคราบดำที่ติดอยู่ที่ก้นกะทะอย่างขมักเขม้น


                "หมดสักที" เธอเช็ดและเก็บหม้อใบสุดท้ายจนเสร็จโดยไม่ลืมที่จะทำความสะอาดโซนซักล้างที่ยังมีฟองสบู่เหลือจนสะอาดหมดจด เธอก้มมองมือเล็กซีดเปื่อยของตัวเองพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ


                "เพื่อเงินซื้อโค้ก ท่องไว้สิ" หญิงสาวพึมพำเสียงเบาเพื่อให้เป็นแรงฮึดสู้เฮือกสุดท้ายในการทำงานถัดไป อเดลเลดเดินออกมาจากหลังครัวและไปหยิบไม้กวาด โรงอาหารในขณะนี้ร้างผู้คนเพราะอยู่นอกช่วงเวลากินอาหารซึ่งเป็นการดีสำหรับพนักงานทำความสะอาดจำเป็นแบบที่ในการเริ่มงานโดยไม่มีใครมากวนใจ 


                อเดลเลดเริ่มเก็บกวาดเศษอาหารตามโต๊ะบ้านพักต่างๆ และกวาดขยะบนพื้นไปหล่นเรี่ยรายตามทางใส่ถังขยะที่ตั้งอยู่มุมสุดของโรงอาหาร โชคดีที่ใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถจัดการขยะเหล่านั้นได้จนหมดจึงไม่ต้องเสียเวลามากเท่าตอนล้างจานก่อนหน้านี้ หลังจากทำงานทุกอย่างที่ได้รับมอบหมายจนเสร็จเรียบร้อย อเดลเลดจึงเดินกลับไปหาฮาร์ปี้ทั้งสองตนที่ยืนรออยู่แล้ว


                "ฉันทำงานเสร็จหมดแล้วค่ะ" อเดลเลดว่า


                "เธอช่วยพวกเราได้เยอะเลย ขอบใจมากนะ" แม่ครัวฮาร์ปี้ยื่นถุงใส่เงินจำนวนให้มาให้เป็นค่าตอบแทนสำหรับการช่วยเหลืองานในวันนี้


                "งานหนักใช้ได้เลยนะคะ" หญิงสาวรับถุงเงินมาถือไว้ในมือ


                "ไว้รอบหน้ามาอีกสิ คงไม่หนักเท่าวันนี้แล้วล่ะ" 


                "ได้เลยค่ะ"


- - - - -


เวรทำความสะอาดโรงอาหาร

+25 พลังใจ, 50 ดอลล่าร์ และ +15 EXP




แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ 15 EXP โพสต์ 2024-5-14 19:42
โพสต์ 23438 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-5-14 18:39
โพสต์ 23,438 ไบต์และได้รับ +3 EXP +8 เกียรติยศ +8 ความกล้า จาก หอกกรีก  โพสต์ 2024-5-14 18:39
โพสต์ 23,438 ไบต์และได้รับ +6 EXP +9 เกียรติยศ +8 ความกล้า จาก รองเท้าเซฟตี้  โพสต์ 2024-5-14 18:39
โพสต์ 23,438 ไบต์และได้รับ +10 EXP +8 เกียรติยศ +8 ความกล้า +8 ความศรัทธา จาก ความแข็งแกร่ง  โพสต์ 2024-5-14 18:39

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +25 เงินดอลลาร์ +50 ย่อ เหตุผล
God + 25 + 50

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แว่นกันแดด
เกราะหนัง
หมวกเกราะ
ชุดเครื่องเพชร
น้ำหอมสตรี
ดาบสัมฤทธิ์
มีดสั้นสัมฤทธิ์
รองเท้าเซฟตี้
ความแข็งแกร่ง
ต่างหูเงิน
กำไลหินนำโชค
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x2
x4
x2
x1
x2
x1
โพสต์ 2024-5-14 19:57:40 | ดูโพสต์ทั้งหมด
140
จะไม่ใช่ดินเนอร์ครั้งสุดท้ายของสองเรา นั่นคือความจริง

             - วันก่อนออกเดินทาง -

             ดีนออกจากกระท่อมหมายเลขสามหลังจากที่ฝึกหนักที่ชายหาดแล้วกลับมาอาบน้ำอาบท่าทำทีเหมือนว่าตัวเองพักผ่อนอยู่ในห้องนอนตลอดทั้งวัน เขารอแมคเคนซีที่จะมารับไปโถงอาหาร เพื่อจะไปทานมื้อเย็นครั้งสุดท้ายก่อนออกเดินทางไปทำภารกิจ นอกจากการร่ำลาดีนยังมีอีกเรื่องที่ต้องเฉลยกับแมคเคนซีด้วยว่า

             ‘เขาท้องลม’

             แม้จะน่าเสียดายที่ช่วงสี่ห้าวันนี้อีกฝ่ายดูแลเขาดีชะมัด เทียวไปมาหาสู่ดูแลไม่ขาดสาย ถามว่าจะเอานั่นเอานี่ไหม เพราะคิดว่าตัวเองกำลังจะเป็นพ่อคน แต่ก็ชอบดุชะมัดตอนที่เขาทดสอบการใช้พลังในฐานะเทพน้ำ ก็มันจำเป็นต้องฝึกนี่นา ถ้าไม่ใช่เพราะภารกิจหยั่งเชิงเทพอะไรนั่นเขาคงลั่นความจริงออกไปตั้งแต่วันแรก

             ดีนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะหยั่งเชิงอะไรเทพโดลอสได้หรือไม่ แต่ระยะนี้ในใจเขาภาวนาจิตพยายามติดต่อเทพโป้ปดอยู่ตลอดเวลา จะว่าไปก็คล้ายกับคนบ้าอยู่เหมือนกัน…

             @Mackenzie

             “นิดหน่อย ช่วงนี้คุณพ่อเป็นห่วงฉันจังนะ” ดีนยิ้มเผล่ จะว่าดีใจไหมก็ใช่แหล่ะ เขาชอบให้คนมาเอาอกเอาใจจะตาย น่าเสียดายที่วันนี้คือวันที่ต้องเฉลยคำโกหก แต่ก่อนหน้านั้น…

             “รู้สึกจะมีคำทำนายใหม่มานะ รีชไปจดมาให้”

             ตอนนี้น้องสาวกลายเป็นเหมือนสายสืบส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นภารกิจใหม่ ๆ หรือข่าวสารในค่ายที่ควรรู้ไว้ก็ดีล้วนมาจากเด็กสาวผมสีจินเจอร์เป็นคนแรกตลอด ดีนยื่นกระดาษเมโมใบเล็กสีสันหวานแหววไปให้แมคเคนซี ลายมือน่ารักแต่คำอาจจะอ่านยาก รีชาคงทำดีที่สุดแล้วในฐานะของเด็กที่เป็นดิสเล็กเซียแล้วต้องพยายามมาเขียนภาษาอังกฤษ


             @Mackenzie

             “ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก คนในค่ายว่าง ๆ ก็ชอบออกไปทำภารกิจ ไม่รู้เป็นอะไรกันไปหมด มีแต่คนบ้าเลือดชอบความรุนแรง”

             ดีนบ่นให้ฟัง ซึ่งอาจไม่แปลก คนในค่ายฮาล์ฟบลัดส่วนมากถูกส่งตัวเข้ามาในค่ายตั้งแต่อายุสิบสองสิบสาม แล้วก็ถูกปลูกฝังเรื่องการต่อสู้ ปราบอสุรกาย เป็นวีรบุรุษ มาโดยตลอด แล้วดูเหมือนจะมีความเชื่อฝังหัวกันด้วยว่า ‘ปราบอสุรกายเยอะ ๆ พ่อแม่ที่เป็นเทพจะได้ภูมิใจ’ บอกตรง ๆ เลยว่าเป็นความเชื่อที่งี่เง่าโคตร ๆ เราควรจะภูมิในใจตัวเอง ภูมิใจที่เราเป็นเราสิถึงจะถูก ซึ่งดีนไม่สอนให้รีชาเติบโตขึ้นไปเป็นเดมิก็อดบ้าเลือดแบบนั้นแน่ ๆ

             “ที่น่าแปลกมากกว่าคือ ‘ราชรถของสุริยะเทพถูกขโมย’ หมายถึงเฟอร์รารี่ของอะพอลโลใช่ไหม? เทพกรีกนี่เป็นยังไง ชอบทำของหายแล้วให้เด็กไปตามคืน ประสาท”

             จนบางทีเขาคิดว่าโลกแห่งเทพกรีกมันมีหน่วยงานอย่างตำรวจเทพอะไรงี้เพื่อมาทำงานแทนไหม อย่างขนส่งพัสดุยังไม่เฮอร์มีสเอ็กซ์เพรสเลย ส่วนการโทรศัพท์ก็มีเครือข่ายของเทพีไอริส ไม่อยากจะคิดนะว่า ‘ก็ค่ายฮาล์ฟบลัดนี่ไงล่ะคือสถานีตำรวจเทพกรีก’ ให้ตายสิ พวกเขาเป็นนักเรียนนายร้อยอย่างนั้นเหรอ?

             @Mackenzie

             “ไม่รู้สิ คงจะมีไฟฉายย่อส่วนมั้ง” ดีนไหวไหล่ ทั้งตรีศูลเอย ทั้งราชรถเอย แถมสายฟ้าของซุสก็เคยหาย ถ้าผู้ขโมยไม่มีทักษะโจรกรรมขั้นสูงก็คงต้องมีไฟฉายย่อส่วนเนี่ยแหล่ะ

             “อืม ไปกินมื้อเย็นกัน ฉันลุ้นจริง ๆ ว่าของกินวันนี้จะคืออะไร ถ้าเป็นดีฟฟรายก็ดีสิน่า”

             พอแมคเคนซีกล่าวถึงเรื่องท้องดีนก็ยิ้มมุมปาก ได้เวลาเฉลยแล้วหรือเปล่านะ? แต่ตอนนี้แกล้งทำเนียนแล้วเดินไปกับอีกฝ่ายก่อน

             “คือว่า… แด๊ดดี้ นายได้คิดเรื่องลูกของเราไว้บ้างแล้วหรือเปล่า? เช่นแบบว่า.. จากนี้จะทำยังไง นายจะมาดูเขาหน่อยไหม? ฉันคิดอยู่นะว่าถ้าเขาต้องอยู่ในค่ายฮาล์ฟบลัดจริงจะให้ลูกทำแต่เควสที่ไม่อันตราย อย่างเช่นเควสโกหกของเทพโดลอสงี้—”

             @Mackenzie

             “ยังมีหอกยืดได้หดได้ของโซเฟียเลยนี่ อ้อ.. นายเคยเจอเธอหรือยัง เป็นอาจารย์สอนหอก แต่เลี่ยงได้ก็อย่าไปเรียนเลย ดุเกิ๊น”

             แม้หญิงสาวที่ถูกพูดถึงจะเป็นอาจารย์ที่ดีและไม่ได้ดุจริงจังแต่ดีนอยากเรียนกับคนที่นุ่มนวลดีต่อใจมากกว่า อย่างรุ่นพี่ไพเพอร์งี้ หรือจะเป็นคุณไครอนที่มากประสบการณ์ อธิบายดีมากในคลาสหลอมเหล็กที่เขาไปเข้ามา

             “นายปรามาสอาหารโปรดฉันได้ไง มันก็พอ ๆ กับคนที่ดื่มโกโก้ครบสามมื้อล่ะว้อย” หมั่นไส้เลยต่อยแขนอีกฝ่ายเบา ๆ ไปทีนึง ดูเหมือนแมคเคนซีจะรู้ทันคำที่เขาบอกใบ้

             “แปลว่านายก็ไปรับเควสนั้นมาเหมือนกันสินะ” ชายหนุ่มหรี่ตาต้องพลางคิดว่าหมอนี่น่าจะโกหกเขาเรื่องไหน “อย่าบอกนะว่านายโกหกว่ากลับกลอสเตอร์!”

             @Mackenzie

             “ลูกคุณเฮเฟตัสสร้างได้ อาวุธที่หดขยายได้ แล้วก็รถที่ย่อขนาดได้เท่าพวงกุญแจเหมือนในหนังแอนท์แมน ที่รู้มาก็มีประมาณนี้”

             ดีนกล่าวเพียงแค่นั้น เพราะเขาก็ไม่ค่อยรู้หรอกว่าหลักการทำงานเป็นอย่างไร ที่จริงก็ค่อนข้างน่าสนใจเพราะตอนเป็นนักศีกษาก็ไปนิทรรศการของฝั่งวิศวกรรมบ่อยอยู่ บางทีบุตรแห่งเฮเฟตัสอาจจะสร้างชุดเกราะไออ้อนแมน หรือหุ่นยักษ์อย่างกันดัมได้ก็ได้นะ

             “นายทำฉันนอยด์เลยนะตอนนั้นน่ะ” เขาใช้ศอกกระทุ้งแขนอีกฝ่ายที่คลายการโอบ “ใช่ ฉันโกหกว่าฉันท้อง แม่ฉันก็เป็นผู้หญิง เรื่องจริงมีอยู่อย่างเดียวคือคนที่ให้กำเนิดเจรี่เป็นผู้ชาย ไม่พ่อฉันก็พ่อเขาแหล่ะที่เป็นคนคลอดน้องออกมา”

             ดีนขยับตัวไปมองตาของอีกฝ่ายตรง ๆ

             “แต่ว่าฉันก็ชอบนะที่นายดูแลฉันดีแบบนี้ แด๊ดดี้แมคซี่” แล้วก็ยิ้มหวานจนตาหยีให้ไปทีนึง

             @Mackenzie

             “ควรอยู่นะ หรือไปช่วยบริจาคสินสงคราม มันอธิบายยากนายให้คุณไครอนสอนในวิชาหลอมเหล็กจะดีกว่า” รายละเอียดของการหลอมเหล็กมีมากจริง ๆ จนดีนไม่สามารถอธิบายได้ ไหนจะเรื่องการบริจาคที่เขายังงง ๆ อยู่นิดหน่อย กลัวพูดไปแล้วจะสื่อสารผิดพลาด

             แล้วเขาก็โดนแมคเคนซีต่อยคืน

             “นิ่งบ้าอะไร แทบร้องไห้แน่ะ..” เมื่อรู้ตัวว่าพูดอะไรออกมาก็รีบหันหน้าหนีไปทางอื่น “อย่างนายสมควรถูกหลอกแล้วล่ะ!” ดีนแลบลิ้นให้แมคเคนซีก่อนจะวิ่งหนีนำไปโรงอาหาร

             @Mackenzie

             พอวิ่งมาถึงหน้าโถงอาหารดีนก็รู้สึกเหมือนว่าร่างกายตัวเองเรืองแสง จากนั้นก็มีหีบสมบัติกระเด้งออกมาตรงหน้า

             “โห รางวัลผุดออกมาแบบนี้เลย”

             เมื่อหันกลับไปมองแมคเคนซีเขาก็เห็นว่าร่างกายของอีกฝ่ายเรืองแสงแล้วมีหีบโผล่ขึ้นมาเหมือนกัน

             “ตื่นเต้นชะมัดในหีบต้องมีสมบัติเยอะแน่ ๆ เรามาเปิดพร้อมกันไหม?” ดีนถูมือก่อนจะเริ่มนับ “หนึ่ง สอง สาม!”

             ผ่าง!!

             เขาพบดรักม่าแปดเหรียญกองอยู่ก้นหีบ เป็นรางวัลที่ใหญ่มาก ๆ

             “….”

             @Mackenzie


             โชคดีที่อาหารมื้อสุดท้ายก่อนออกเดินทางเป็นของทอดอย่างที่ดีนชอบ เขาตักอาหารเหล่านั้นมาเยอะแยะเต็มไปหมดแล้วยกมานั่งทานที่โต๊ะบ้านไดโอนีซุส ใช่ว่าเขาหรือแมคเคนซีที่มารับประทานอาหารร่วมกันมีใครสักคนที่มีสายเลือดของเทพแห่งไวน์และความรื่นเริง แต่เพราะว่าโต๊ะนี้ยังว่างอยู่และรุ่นพี่ออสตินไม่ได้มาที่โรงอาหารเวลานี้ คนที่ไม่มีพิธีรีตรองและไปทุกที่อย่างทั่วถึงจึงเลือกที่จะทานอาหารให้โต๊ะที่ว่างเพื่อความเป็นส่วนตัว ดีนรู้ว่าเทพเจ้าของโต๊ะและบุตรในบ้านก็ไม่เคร่งเรื่องแบบนี้ด้วยเช่นกัน

             “ดีจังที่อย่างน้อยมื้อสุดท้ายก่อนออกเดินทางเป็นของโปรด ฉันจะกินตุนไว้เยอะ ๆ สำหรับสิบวันเลย”

             ดีนพูดจ้อแล้วจิ้มไก่ทอดกรอบเข้าปาก แทบไม่มีอาการวิตกปรากฏออกมาให้เห็น ทั้งที่ในใจค่อนข้างกังวลเรื่องการเดินทางที่กำลังจะมาถึง เพราะว่ามันไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาอย่างแน่นอน

             @Mackenzie

             “ฉันก็อยากหาข้ออ้างไม่ไปด้วยการปวดท้องอยู่เหมือนกัน”

             ชายหนุ่มขำแห้ง หากไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายเขาคงอ้างอยู่หรอก แต่ถ้าหากต้องแลกกับชีวิตชาวเมืองนิวยอร์กกว่าเก้าล้านชีวิต ต่อให้จู๊ด ๆ ตลอดการเดินทางเขาก็ต้องไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ และที่สำคัญที่สุดคือชีวิตของคนตรงหน้า แมคเคนซีเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดที่เขาจะไม่ยอมเสียอีกฝ่ายไปเด็ดขาด

             “นานมากเลย ฉันหวังว่าจะไม่เกินนั้นนะ..”

             คิดแล้วก็อดเป็นกังวลไม่ได้ ทั้งต้องเข้าไปที่คาสิโนโลตัสและหลงลืมตัวตนและวันเวลา ไหนจะต้องต่อสู้กับบุตรแห่งความโป้ปด และอสุรกายในผนึกนั่นอีก มีแต่เรื่องยาก ๆ ทั้งนั้น เขาจะเอาตรีศูลไปคืนพ่อทันก่อนวันครีษมายันหรือเปล่า

             “คิดว่าพร้อมนะ เสกฟองอากาศก็ทำได้ดีขึ้น แถมยังได้พรควบคุมน้ำมาเพิ่มด้วย..”

             ปลายนิ้ววาดกลางอากาศจากนั้นโคล่าในแก้วก็ค่อย ๆ ลอยขึ้นมารวมกันเป็นรูปร่างของโลมาบูด ๆ เบี้ยว ๆ จากนั้นก็หล่นจ๋อมลงไปในแก้วน้ำเหมือนเดิม

             “ข้าวของก็จัดกระเป๋ารอไว้แล้ว แต่สำหรับฉันไม่ว่าจะมีเวลาเท่าไรมันก็ไม่พอเลย”

             @Mackenzie

             “พลังของเด็กบ้านเฮคาทีวาร์ปได้ด้วยเหรอ? ถ้างั้นก็เอา!”

             ดีนรีบตอบรับ ความจริงหากว่าแมคเคนซีคุ้นเคยกับการต่อสู้ในโลกแห่งทวยเทพสักหน่อยเขาคงจะชวนอีกฝ่ายเป็นคนแรกอย่างไม่ลังเล แต่ภารกิจครั้งนี้ค่อนข้างยาก เขากลัวว่าจะพาอีกฝ่ายไปบาดเจ็บสาหัสเหมือนที่ปารีสอีก

             “ใช่ แต่เรื่องเตรียมตัวก็ด้วยแหล่ะ ถ้าฉันมีเวลาฝึกฝนการใช้พลังมากกว่านี้อาจจะทำอะไรได้มากกว่านี้ก็ได้”

             แค่สร้างโลมาตัวเล็ก ๆ ยังใช้พลังงานตั้งเยอะ เขาไม่มั่นใจเลยว่าจะสามารถควบคุมน้ำได้ดีแค่ไหน แต่พลังนี้จำเป็นต้องมีน้ำอยู่ใกล้ ๆ เขาไม่สามารถรีดน้ำออกจากอากาศมาได้ บางทีอาจต้องพกขวดน้ำติดตัวไว้ตลอดเวลา

             @Mackenzie

             “งั้นรีบกลับไปถามเลย แล้วถ้านายวาร์ปได้ล่ะก็” ดีนยื่นหน้าเขาไปกระซิบบอกเพื่อนหนุ่มที่นั่งฝั่งตรงกันข้าม “วาร์ปเข้ามาที่ห้องนอนฉันคืนนี้เลย เดี๋ยวล็อคประตูรอไว้ น้องเข้ามาไม่ได้แน่ ๆ”

             จากนั้นก็ขยิบตาแล้วกลับมานั่งหลังตรงทานดีฟฟรายในจานต่อ สีหน้าดูจะมีความสุขมาก ๆ เมื่อเขาได้ทานคารามารี หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่า ‘หมึกชุบแป้งทอด’

             “ไม่รู้ว่าความเร็วจะเอาอยู่ไหมถ้าต้องสู้กับอสุรกายตัวใหญ่เท่าก็อตซิลล่า”

             ดีนก็แค่เปรียบเปรยให้ฟังถึงความต่างของขนาดตัว แต่กระนั้นเขาก็ไม่ตัดชื่อ ‘ก็อตซิลล่า’ ออกจากรายนามของสัตว์ประหลาดยักษ์ใต้ทะเลลึกที่ต้องเผชิญหน้า

             “ฉันมีพลังน้ำเยียวยาอยู่ ถ้าสู้กันในน้ำฉันคงไม่ตายง่าย ๆ”

             พูดจบก็จิ้มคารามารีเข้าปากทานอีกคำ เคี้ยวตุ้ย ๆ จนแก้มป่องเหมือนกับชิปมังค์อมวอลนัท

             @Mackenzie

             “ถ้าใช้ผ้าคลุมล่องหนสงสัยว่ายังล็อคห้องไม่ได้แล้วสิ”

             ดีนหัวเราะเบา ๆ กับท่าทางเขินอายนั่น ก่อนหน้าจะมาค่ายเขาถูกอีกฝ่ายรุกเอา ๆ พอมาเห็นท่าทีแบบนี้แล้วรู้สึกเหมือนได้เอาคืนแล้วชนะแปลก ๆ

             “ไม่รู้เลยว่าเป็นตัวอะไร แต่มันถูกผนึกเอาไว้เลยคิดว่าน่าจะไม่ใช่ธรรมดา”

             คิดแล้วก็เครียดจนเผลอถอนหายใจออกมา แต่กินไก่ทอดอร่อย ๆ ดีกว่าจะได้อารมณ์ดีขึ้นมาได้หน่อยนึง

             “ฉันไม่ยอมตายหรอก ต่อให้ถูกมันงาบลงท้องเข้าไปแบบโมบิดิกก็จะออกมาให้ได้เหมือนพินอคคิโอ”

             @Mackenzie

             “ก็คงเป็นอสุรกายที่ดุมาก ๆ จนต้องล่ามโซ่เอาไว้ ฉันต้องเลือกระหว่างความโกรธของพ่อกับต่อสู้กับไอ้ตัวนั้น เหมือนคำทำนายมันล็อคเอาไว้เลยว่าจะต้องสู้กับสัตว์ประหลาดไม่งั้นนิวยอร์กโดนถล่มแน่ มันจะมีสักทางที่จะฝืนชะตาชีวิตได้ไหมนะ”

             ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกทางจมูกแรง ๆ เขาบ่นเป็นหมีกินผึ้งไม่ต่างอะไรจากวันแรก ๆ ที่เขาคุยกับแมคเคนซีเรื่องนี้ เพียงแต่ว่าตอนนั้นเป็นเวอร์ชั่นที่ซึมกว่านี้มาก

             แล้วคำพูดของอีกฝ่ายก็ทำให้เขาหัวเราะออกมาได้นิดหน่อย

             “แน่ใจนะว่าเอาจมูกแทงแล้วจะออกมาเท่ ๆ ได้ ฉันต้องโกหกจนจมูกยาวแบบพินอคคิโอก่อนหรือเปล่า”

             @Mackenzie

             “กรรมของคนเป็นลูกล่ะมั้ง ถ้าฉันไม่ทำภารกิจนี้พ่อต้องโดนประณามแน่ ๆ”

             ใจนึงดีนก็คิดว่าสาสมแล้วถ้าหากจะโดนประณาม แต่ในเหตุการณ์นี้เทพโพไซดอนเองก็เป็นเหยื่อ และการที่ตรีศูลถูกขโมยไปแบบนี้ทำให้ท้องทะเลปั่นป่วนโดยไม่ต้องพึ่งพาความโกรธของคนเป็นพ่อ หลังจากที่คำทำนายออกมาคนที่ถูกถกเถียงกันมากที่สุดก็คือ ‘บุตรแห่งเทพโป้ปด’ ซึ่งคนส่วนใหญ่ลงความเห็นกันว่าคือเทพโดลอส

             “ขอแบบเท่ ๆ แต่ถ้าเลือกได้ไม่ขอถูกกินเลยจะดีกว่า ฉันโกหกใครไม่เก่งหรอก นายก็รู้”

             คำว่า ‘โกหกใครไม่เก่ง’ นี่แหล่ะคือการโกหกคำโต ช่วงที่ดีนมาอยู่ค่ายแล้วแมคเคนซียังอยู่ในตัวเมืองเขาก็ทำงามหน้าน้อยเสียที่ไหน อะไรคือไปช่วยงานไร่สตรอว์เบอร์รี่ของญาติที่บ้านนอก

             พออีกฝ่ายทานอาหารเขาก็สังเกตเห็นบางอย่างติดอยู่บนมุมปากด้านขวาของอีกคน

             “แมคซี่ มีอะไรติดปากไม่รู้”

             @Mackenzie

             “ลูกที่ดีเหรอ? ฉันว่าไม่หรอก พ่อฉัน ๆ ด่าได้คนเดียว” ดีนตอบก่อนจะวางช้อนส้อมในมือลง

             “ยังเลย มานี่ เดี๋ยวฉันเช็ดให้” ชายหนุ่มเอื้อมมือไปด้านหน้าก่อนที่จะใช้นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยเหนือริมฝีปากขวาของอีกฝ่าย “อ้าว ไม่ออกแฮะ เป็นไฝหรอกเหรอเนี่ย”

             พูดจบก็หัวเราะปร๋อแล้วยื่นมือกลับมากุมช้อนส้อมแล้วทานอาหารต่อ

             @Mackenzie

             “ควรจะดีใจแหล่ะที่ฉันรักพ่อขนาดนั้น” ปล่อยให้อีกฝ่ายหยิบเฟรนฟรายทานโดยไม่โต้แย้งเพราะในจานยังมีอีกหลายชิ้น

             “จำได้ แค่ลองโกหกดูเฉย ๆ” ดีนขยิบตา ถ้าอีกฝ่ายหวังจะให้เขิน ไม่มีอาการนั้นเลยสักนิด

             @Mackenzie

             “มี ในทีมมีด้วยกันสามคน ฉันกับไบร์ทเป็นบุตรโพไซดอน ส่วนอีกคนคือเดมี่เด็กบ้านอะโฟรไดท์ ฉันคัดมาแล้วทีมนี้แหล่ะอเวนเจอร์ส” ว่าแล้วก็เพิ่งนึกออก “ฉันเคยเล่าเรื่องไบร์ทให้นายฟังหรือเปล่านะ? เป็นพี่สาวที่มาใหม่ แต่ว่าเธอแก่กว่าฉันแค่ไม่กี่เดือนก็เลยรู้สึกแปลก ๆ ถ้าฉันจะทำตัวเป็นน้องชายที่น่ารัก”

             ดีนยกโคล่าขึ้นดื่มแก้ฝืดคอหลังจากที่ท่านอาหารมาแล้วค่อนจาน แล้วก็รู้เลยว่าตัวเองตักมาเยอะเกินไปจริง ๆ ด้วย

             “นายจะบอกว่าเดี๋ยวฉันจะกลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะสินะ” เขาหัวเราะ “ถ้าฉันบอกว่ามีอะไรติดปากนายอีกทีก็จะไม่เชื่อฉันแล้วเหรอ?”

             @Mackenzie

             “ยี่สิบสามเท่ากันกับฉัน เธอแก่เดือนน่ะ หือ?” แล้วจู่ ๆ มือข้างซ้ายก็ถูกดึงไปนาบกับแก้มของอีกฝ่าย ดีนได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ “นั่นไฝนายนะ จะให้ฉันเอาออกได้ยังไง ไม่ใช่หมอคลินิกสักหน่อย”

             ดีนหัวเราะอีกครั้ง มือข้างขวาวางช้อนลง ขยับไปยีผมอีกฝ่ายแทน

             “หรือเป็นการอ้อนให้ฉันไม่ไป?”

             @Mackenzie

             “ก็ใช่แหล่ะ…”

             ดีนทำได้แค่ยิ้มเจื่อน ๆ เพราะภารกิจที่ต้องไปทำเป็นไฟลท์บังคับไม่ว่าเขาจะไม่เต็มใจในหลาย ๆ เรื่องสักแค่ไหน คงดีกว่าตอนเพอร์ซี่หน่อยมั้งกรณีของอีกฝ่ายยากกว่า แต่ตอนนั้นพี่ชายก็อายุน้อยกว่าดีนในตอนนี้เป็นสิบปี

             “ฉันจะรีบกลับมา อยากให้มีภารกิจสบาย ๆ เที่ยวยุโรปหรือเอเซียเหมือนอย่างตอนที่เทพอะโฟรไดท์หาอาสาสมัครกวาดล้างก็อบลินจัง”

             @Mackenzie

             “หวังว่าจะเป็นงั้นนะ ไม่ใช่ว่ายากขึ้นไปเรื่อย ๆ”

             ความจริงแล้วภารกิจมีทั้งยากและง่ายสลับกันไป อย่างภารกิจแรกที่สุดที่เขารับมาคือการช่วยเหลือผู้ที่ตกค้างอยู่ท่ามกลางสงครามกลางเมืองเปอร์โตแปงซ์โดยการสาปแช่งของเทพีเฮคาที จากนั้นภารกิจต่อมาก็ไม่มีอะไรที่ยากสำหรับดีนอีกต่อไป อาจเว้นการสอบวัดระดับที่ต้องต่อสู้กับราชสีห์ฯ เพราะมันทำร้ายจิตใจเหลือเกิน

             ดีนมองอาหารในจานหลังจากที่ถูกแมคเคนซีทัก

             “ไม่หมดแหงม ไม่อยากให้เป็นฟู้ดเวสต์เลยแฮะ เดี๋ยวฉันห่อไปเป็นอาหารเช้าของวันพรุ่งนี้ดีกว่า”

             ชายหนุ่มเม้มปาก เดี๋ยวต้องไปขอถุงจากเจ๊ฮาร์ปี้ แล้วจากนั้นก็โดนด่าแหงม ๆ

             @Mackenzie

             “ไม่อยากฝึกฝนตัวเองสักหน่อย ไม่ใช่ว่าการมีชีวิตรอดในโลกนี้ได้คือทำอย่างไรให้รวยเหรอ?”

             เพราะบ้านฐานะปานกลางมั้งจึงต้องดิ้นรน ถึงไปทำภารกิจจะได้เงินรางวัลมาก็เถอะแต่มันคุ้มแล้วเหรอกับการที่ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงด้วยเงินเพียงเท่านี้ ถ้ามันไม่จำเป็นหรือไม่คุ้มค่าพออย่างทริปเที่ยวปารีสเขาก็ไม่ทำหรอก ไม่ได้อยากจะเป็นวีรบุรุษอย่างที่ใคร ๆ ต่างเยินยอกันอยู่แล้ว

             “ไม่หรอกมั้ง ของทอดนี่ อีกอย่างอุณหภูมิหกสิบองศาฟาเรนไฮร์… อืม..สิบหกองศาเซลเซียส มันร้อนกว่าตู้เย็นไม่เท่าไร”

             ลืมไปเลยว่าคนอังกฤษให้หน่วยเมตริกจึงต้องคำนวนใหม่อย่างรวดเร็ว

            “แมคซี่ นายอิ่มหรือยัง หรือว่าเราจะยังอยากอยู่ด้วยกันอีกหน่อย” เอื้อมมือไปกุมหลังมืออีกฝ่ายที่วางอยู่บนโต๊ะ

             @Mackenzie

             “นายพูดเหมือนคุณไครอนเป๊ะเลย ฉันยังไม่รู้เลยว่าออกจากค่ายแล้วจะทำไงต่อ หวังว่าตัวฉันตอนอายุสามสิบจะยังหางานได้อยู่นะ”

             ต้องเริ่มต้นหาเงินตอนอายุสามสิบเหรอเนี่ย สงสัยฝันที่จะได้ออกไปเที่ยวรอบโลกคงต้องรอถึงวัยเกษียณ แย่จริง ตอนนั้นจะยังมีผมเหลืออยู่บนหัวสักเส้นหรือเปล่านะ

             “นั่นสิ แต่ว่าอุ่นยังไงดี หรือว่าฉันจะยืมหม้ออบรมร้อนเจ๊ฮาร์ปี้ไปด้วยดี?”

             ดีนเลือกจิ้มของทอดที่ตัวเองชอบเข้าปากโดยเหลือเก็บไว้น้อยที่สุด น่าเสียดายหากว่าทานพรุ่งนี้มันคงเหี่ยวไม่ก็แข็งกระด้างไปหมดจนไม่อร่อย ถึงจะเป็นฝีมือแม่ครัวค่ายฮาล์ฟบลัดก็เถอะ แต่เขามั่นใจว่าฮาร์ปี้ไม่มีมนตราคงสภาพอาหารไว้หรอก

             “งั้นนั่งกันต่ออีกหน่อยแล้วกันนะ” เขามองเข้าไปในดวงตาสีฮาเซลจากนั้นก็ยิ้มให้ พยายามจดจำใบหน้าของชายตรงหน้าเอาไว้เยอะ ๆ เผื่อว่าเขาจะไม่มีโอกาสได้กลับมาอีก

             @Mackenzie

             เห็นการสวมรอยเป็นไครอนตรงนั้นดีนก็ขำก๊าก

             “เอาถึงขนาดนั้นเลยเหรอ น่าจะไม่ นายต้องรับปัญหาเยอะแยะเลยถ้าจะเทียบกับคุณไครอน แต่ฉันคิดว่านายเป็นที่ปรึกษาบ้านเฮคาทีได้นะ เป็นพี่ใหญ่สุดเลยนี่นา”

             แถมเด็ก ๆ บ้านนั้นยังชื่นชมพี่ชายของพวกเขาอย่างออกนอกหน้า ถ้าแมคเคนซีได้เป็นที่ปรึกษาต้องได้รับความไว้วางใจอย่างแน่นอน

             “ฉันคิดว่าพวกแรคคูนนิวยอร์กน่าจะกลัวฉันแล้วล่ะ เคยได้ยินเขาเมาท์กันว่าพวกอสุรกายเลเวลต่ำจะวิ่งหนีเดมิก็อดไปเอง ฉันอาจจะต้องคอยวิ่งหนีรถเบครแตกแทน”

             ที่ดีนกล่าวหมายถึงมิโนทอร์ พวกมันชอบแปลงเป็นอะไรใหญ่ ๆ เสียด้วย

            “เรื่องกินก็สำคัญนี่นา” ดีนหัวเราะ แต่ถ้าใช้อุ่นของทอดที่เหลือคงเพียงแค่มื้อเดียว “งั้นเอาเป็นว่าฉันฝากเจ๊ฮาร์ปี้ไว้ก่อนดีกว่า แล้วพรุ่งนี้ค่อยฝากให้เจ๊แกอุ่นให้”

             จากคำพูดของแมคเคนซีทำเอาดีนชะงักไปเล็กน้อย

             “ฉัน..” แล้วเขาก็เลือกที่จะบอกความจริงไปแค่ครึ่งเดียว “ฉันคิดว่าคงคิดถึงเพื่อนแย่ ถึงเราจะใช้เครือข่ายไอริสวีดีโอคอลหากันได้แต่สัญญาณมันห่วยบรม”

             @Mackenzie

             “ไม่รู้เหมือนกัน เห็นว่ามาจากการโหวต ตอนนั้นฉันอยู่คนเดียวก็เลยได้เป็นน่ะ ส่วนของนายถ้ามีเปิดโหวตอีกฉันคิดว่าเด็กสองคนนั่นต้องรุมโหวตนายแน่ ๆ”

             “คงงั้น.. อีกเจ็ดปีน่ะ เจรี่บอกว่าเขาฝึกในค่ายตั้งหกปี ถ้าเป็นแบบนั้นฉันก็เฉียด ๆ สามสิบพอดีเลย”

             ชายหนุ่มหยิบเฟรนฟรายชิ้นสุดท้ายในจานเข้าปาก ตอนนี้เหลือพวกไก่ทอด นักเก็ตต่าง ๆ แต่ดีนคิดว่าเขาคงทานไม่หมดแล้ว จากนั้นก็ยกแก้วโคล่าขึ้นดื่มจนหมด

             “งั้นให้นายรับกรรมแทน” ดีนหัวเราะ “ถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากจะโทรหานายทุกวันเลย อ้อ.. แต่ฉันต้องแอบคุยในที่ ๆ ไม่มีคนธรรมดาอยู่น่ะ ถ้าเห็นวิวแปลก ๆ ก็อย่าตกใจล่ะ คงได้คุยกันแค่ตอนเข้าส้วม”

             @Mackenzie

             “นายซื้อเสียงนี่นา!” ซื้อเสียงที่ไม่ให้โหวต…

             “ใช่ แต่กว่าที่เจรี่จะถูกพ่อรับรองก็นานเป็นปี ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมถึงนานขนาดนั้น”

             ถ้าจะบอกว่าอีกฝ่ายไม่มีผลงานให้เทพพอใจเขาก็น่าจะไม่มีมากกว่า แต่ดีนได้รับการรับรองทันทีที่เปิดประตูเข้ามาในบ้านใหญ่เลยด้วยซ้ำ คำตอบมีเพียงอย่างเดียวนั่นก็คือ เมื่อสิบปีที่แล้วเทพโพไซดอนกำลังรักษาชีวิตลูกชายอีกคนอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่…

             “แต่ว่าฉันอยากคุยกับนายนี่นา แล้วก็ไม่อยากให้นายต้องรอฉันเก้อด้วย ถ้ามีพลังวิเศษอย่างอื่นที่ไม่ใช่เครื่องมือสื่อสารอันนั้นก็คงดีหรอก”

             @Mackenzie

             “ซื้อได้ไง ฉันไม่มีสิทธิ์โหวตหรอกน่า เหมือนว่าเขาจะโหวตกันในบ้าน บ้านใครบ้านมัน”

             “ใช่ แบบนั้นเลย คุณไครอนบอกว่าเด็กบ้างคนต้องอยู่ที่บ้านเฮอร์มีสโดยไม่ได้การรับรองไปตลอดชีวิตด้วยนะ ไม่รู้เหมือนกันว่าเทพแต่ละองค์มีกฎเกณฑ์รับรองบุตรยังไงบ้าง ถ้าเกิดว่าเป็นลูกชังนี่แย่เลย แล้วของนายนี่นานไหมกว่าที่แม่นายจะโอเค”

             แต่อย่างน้อยแมคเคนซีน่าจะเป็นลูกคนโปรดของเทพีเฮคาทีอยู่นะ เพราะว่านางเคยพูดกับเขา ‘ถ้านางฆ่าเขาแล้วคน ๆ นั้นจะเสียใจ’ คน ๆ นั้นที่นางพูดถึงจะหมายความว่าเป็นแมคเคนซีหรือเปล่า

             ‘ให้ตายสิ เธอแอบดูฉากไหนไปวะ!?’

             คิดแล้วก็อดเขินไม่ได้จนตอนนี้หน้าเริ่มจะร้อนผ่าวขึ้นมานิดหน่อย

             “จะได้หรือเปล่านะ ถ้าทำได้ฉันคิดว่าคงมีอะไรที่ดีกว่าเครื่องมือสื่อสารไอริสไปนานแล้ว”

             @Mackenzie

             “แล้วแต่พวกเขาสิ ฉันไม่เลือกวิธีขี้โกงหรอก แต่ฉันก็อยากเห็นนายเป็นพรีเฟ็คบ้านเฮคาทีอยู่นะ” ดีนขยิบตาให้ เอาตำแหน่งประธานบ้านในนิยายมาผูกซะเลย

             “ใจร้ายสิ ใจร้ายมาก ๆ ตอนรู้เรื่องเจรี่ทำเอาฉันนอยด์แทนเขาไปหลายวันเลย ก็พยายามคิดนะว่าตอนนั้นพ่ออาจจะไม่ว่างเลยไม่รู้ว่ามีลูกมาที่ค่ายอะไรงี้..”

             ‘เดี๋ยวนะ สิบเอ็ดปีที่แล้วเหรอ?’

             “โอ้ เชี่ย…”

             ชายหนุ่มอุทานออกมาเมื่อคำนวนแล้วตรงกับเหตุการณ์บางอย่างที่ไม่ใช่การปกป้องลูกชายอีกคน ดีนยกมือขึ้นนวดขมับสีหน้าดูจะเครียดขึ้นมา

             @Mackenzie

             ดีนเงยหน้าขึ้นมองแมคเคนซี พยายามปั้นหน้ายิ้มให้แม้สีหน้าจะไม่ดีเท่าไร มือที่กุมอยู่ลูบหลังมืออีกฝ่ายเบา ๆ

             “คือ.. ฉันนึกถึงเรื่องแย่ ๆ ของพ่อออกมาได้เรื่องนึงน่ะ เลยไม่อยากเล่าให้ใครฟัง โทษทีนะ เรื่องนี้ฉันคงต้องเก็บไว้เป็นความลับ เพราะว่าคนที่ด่าพ่อได้คือฉันแค่คนเดียว”

             ถ้าเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นที่ญี่ปุ่นเมื่อสิบเอ็ดปีที่แล้วแมคเคนซีต้องเกลียดเทพโพไซดอนแน่ ๆ เหมือนกับที่เขาให้อีกฝ่ายรู้เรื่องที่เทพีเฮคาทีทำที่เฮติไม่ได้

             เราสามารถเอาเยี่ยงบุพการีได้แต่ก็ไม่ควรเอาอย่างไปเสียทั้งหมด เขาคงเปลี่ยนนิสัยเจ้าชู้จนได้เรื่องของพ่อไม่ได้ จึงได้แต่ดูเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีไว้แล้วไม่ทำตามก็พอ

             “ความผิดพลาดของพ่อ ฉันจะไม่ให้มันเกิดขึ้นกับตัวเอง”

             @Mackenzie

             “ขอบคุณนะแมคซี่ ที่ไม่บังคับให้ฉันต้องเล่า”

             ดีนยิ้มให้

             “แต่ว่าสิ่งที่ฉันควรทำตามพ่อคืออะไรกันนะ… คือ ฉันรู้ล่ะว่าเขารักฉันแล้วคอยช่วยเหลือฉันเสมอ แต่เรื่องแย่ ๆ ที่เขาทำ หาอ่านได้เยอะแยะตามตำนานกรีก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องจริง ฉันไม่อยากเป็นคนที่ร้ายกับคนทั้งโลกแต่ดีเฉพาะกับแค่คนของตัวเองหรอก มันพล็อตละครโรแมนติกน้ำเน่าเกิน เป็นไปได้ฉันก็อยากจะดีกับทุกคน หรืออย่างน้อยก็ไม่สร้างความลำบากให้ใคร”

             @Mackenzie

             “เป็นคนดีคือสิ่งที่อยากทำเหรอ ฉันอยากจะเป็นคนรวยที่ไม่ต้องทำอะไรก็มีกินมีใช้ไปทั้งชาติ อยากทำอะไรก็ทำ อยากซื้ออะไรก็ซื้อ แล้วก็ได้ไปเที่ยวรอบโลก ตอนที่ไปปารีสฉันรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมากเลย”

             ดีนพลิกฝ่ามือหงายแล้วจับมือของแมคเคนซีเอาไว้แทน

             “บทจะดีเขาก็ใจดีมากเลยแหล่ะ พ่อไม่เคยบอกให้ฉันต้องทำอะไรให้ ไม่เหมือนเทพบางองค์ที่คาดหวังว่าลูก ๆ ของเขาจะต้องเป็นวีรบุรุษ อืม.. ฉันก็แค่ได้ยินมาจากเด็กคนอื่น ๆ อ่ะนะ แบบบางคนต้องมีผลงานก่อนถึงจะถูกรับรอง”

             @Mackenzie

            “เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง.. ใครกันนะ?” ดีนพยายามนึกด้วยความรู้เกี่ยวกับปกรนัมกรีกที่มีอยู่เพียงน้อยนิด ถ้าจำไม่ผิดเทพเฮอร์มีสมีหลายฉายา เทพแห่งข่าวสาร เทพแห่งการเดินทาง เทพแห่งการลักขโมย เทพแห่งการค้า “เฮอร์มีสนี่ใช่หรือเปล่า?”

             ไม่รู้ว่าใช่ไหม แต่อย่างน้อยดีนก็มีลายเซ็นของอีกฝ่ายที่เซ็นทับอยู่บนนิตยสารดารา

             “แล้วแม่ของนายล่ะ ได้คุยกันหรือยัง?”

             แอบอยากรู้เหมือนกันว่าเทพีเฮคาทีจะกล่าวอะไรถึงเขาไหม หรือจะมีคำสั่งว่า ‘เลิกคบกับไอ้หนุ่มนั่นซะ!’ หรือเปล่า

             “เช้า ฉันวางแผนว่าจะขึ้นรถตอนแปดโมง คงต้องตื่นตีห้าครึ่ง.. มันเวลาตื่นของฉันอยู่แล้วล่ะ ติดแค่ว่าคืนนี้จะนอนหลับไหม”

             @Mackenzie

             “ห้องสมุด?”

             ชายหนุ่มเอียงคอพลางยิ้มค้าง เขาอยู่ที่ค่ายมาตั้งนานแต่ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย แล้วคือที่ไปหาข้อมูลของอสุรกายในเน็ตที่ไม่รู้ว่าจริงหรือเรื่องแต่งคืออะไร…

             เหนือกว่านั้นคือที่แมคเคนซีพูดว่า ‘ทำใจให้ตัวเองยืนคุยกับรูปปั้นนานสองนานไม่ได้’ ตัดภาพไปทางดีนที่ทั้งคุยกับรูปปั้นและกองไฟบูชาเทพอยู่นานสองนาน…

             “นายคงยังไม่เชื่อด้วยใช่ไหมว่าเทพีเฮคาทีเป็นแม่นาย?”

             ดีนเชื่อว่าเหตุผลนี้อาจจะมากกว่า เพราะตอนที่เขามาค่ายแรก ๆ ก็แทบไม่เชื่ออะไรเลยจนกระทั่งเจ้าสมุทรปรากฏตัวในร่างมนุษย์แล้วโชว์ความอภินิหาริย์ให้เขาดูเต็ม ๆ ตา

             “สิ่งที่จะทำให้ฉันสบายใจก่อนเดินทางคือได้นอนกอดตุ๊กตาหมีไปทั้งคืนอ่ะ”

             ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปากพร้อมกับช้อนตามองดวงตาสีฮาเซล

             @Mackenzie

             “เอ่อ.. ไม่รู้ ถึงจะสำรวจมาจนทั่วแต่ว่าฉันก็ไม่ได้ไปทุกที่ บางทีอาจจะมีก็ได้มั้ง ที่นี่ก็เหมือนกับโรงเรียนนี่นา”

             เวรเอ๊ย! อยากจะด่าตัวเองที่เพิ่งมาคิดได้ ค่ายที่เต็มไปด้วยเด็กคล้ายกับโรงเรียนที่สอนวิชาความรู้จะไม่มีห้องสมุดได้ไง! สงสัยว่าเขาจะคิดถึงแต่ห้องสมุดดิจิตัลมากไปจนหลงลืมอะไรที่เป็นกระดาษ

             “ถ้ายังไงนายลองติดต่อกับแม่ดูบ้าง ถึงว่าเธอจะไม่ได้เลี้ยงดูนายมาก็เถอะ แต่ความสัมพันธ์ที่ดีมันสร้างขึ้นมาจากตรงนี้ได้นะ”

             สำหรับคนที่เติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่อบอุ่นและไม่มีส่วนใดเลยที่รู้สึกบกพร่องทำให้เขาอาจจะเผลอมองด้านเดียวก็ได้ ดีนไม่รู้ว่าแมคเคนซีคิดอย่างไรกับแม่ตัวเอง จะน้อยใจหรือโกรธแค้นอะไรหรือเปล่าที่ตลอดช่วงเวลายี่สิบปีที่ผ่านมาแมคเคนซีไม่มีแม่อยู่ในชีวิตเลย ถึงจะไม่รักกันเหมือนกับเขาและพ่อ แต่ก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายเกลียดชังมารดา ไม่จำเป็นต้องสนิทแต่มากกว่าสถานะของคนรู้จักก็ยังดี

             ใช่ว่าดีนเป็นพวกซาบซึ้งในพระคุณที่ทำให้เกิดมาอะไรหรอก แต่สถาบันครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยหล่อหลอมให้เขาเติบโตขึ้นมาอย่างมีความสุขอย่างทุกวันนี้ มีความสุขก็แชร์เรื่องราว เศร้าหมองก็ขอกำลังใจ ครอบครัวมีไว้เพื่อการนั้น

             “โอเค งั้นคืนนี้ฉันจะไปห้องนายแบบไม่ย่อง ไม่ใช้ผ้าคลุมล่องหนไปด้วย แต่ว่าขอไปเก็บของที่บ้านก่อนได้ไหม แบบว่าฉันไม่อยากจะทำตัวล่ก ๆ ตอนเช้าก่อนวันทำภารกิจสำคัญน่ะ”

             สำคัญที่สุดคือการตอบคำถามน้องสาวคนเล็กที่น่าจะถามว่า ‘เมื่อคืนพี่ไปไหนมา’

             @Mackenzie

             “เหรอ งั้นก็ดีไป การมีพ่อแม่เป็นเทพมันไม่ง่าย คงมีเทพที่เฟรนลี่อย่างคุณดีไม่เยอะ บางทีพวกเขาก็อาจจะติดอีโก้มากไปหน่อยเลยไม่ยอมมาคุยกับลูกก่อน บางทีอาจจะต้องตามตื๊อบ่อย ๆ หน่อย”

             แต่ถึงจะพูดแบบนั้นต่อให้เป็นดีนก็ใช่ว่าเขาจะยอมทำ อาจจะถวายของไปในครั้งแรกแต่ถ้าเงียบกริบไร้สัญญาณตอบกลับคงวางเทพผู้ให้กำเนิดอยู่ในตำแหน่งพ่อแม่ที่ไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอแทน

             “โอเค ๆ ฉันอยากกอดตุ๊กตาหมีแล้ว งั้นเดี๋ยวนายไปเก็บห้องรก ๆ ของนายแล้วฉันจะตามไปหานะที่รัก”

             พูดแซวแมคเคนซีไปอย่างนั้น ดีนเคยไปห้องของอีกฝ่ายสมัยอยู่นิวยอร์กมาแล้ว และมันก็ค่อนข้างจะสะอาดเลยทีเดียวสำหรับชายหนุ่มผู้อยู่ตัวคนเดียว

             @Mackenzie

             “ก็แฟนนายไม่ได้เป็นเทพนี่ แล้วเขาก็อยากได้นายกันจะแย่หรือเปล่า” ถ้านั่งแถวเดียวกันเขาคงจะกระทุ้งศอกใส่อีกฝ่ายเบา ๆ ไปแล้ว เลยได้แต่เขี่ยนิ้วไปที่ฝ่ามือของอีกฝ่ายแทน

             “อืม เอางั้นก็ได้ ฉันจะต้องเอาอาหารเหลือพวกนี้ไปอ้อนวอนเจ๊ฮาร์ปี้ด้วย” มองชนิทเซลไก่ที่เหลือชิ้นเบ้อเร่อแล้วถอนหายใจ มันไม่ใช่อาหารเหลือน้อย ๆ เลยอาจจะโดนมากกว่าด่า

             “ภาวนาให้ฉันไม่ถูกเจ๊ฮาร์ปี้ฆ่าตายก่อนไปทำภารกิจที” ปล่อยมือกับแมคเคนซีที่คลายมือออก จากนั้นก็จับถาดอาหารแล้วลุกขึ้นยืน

             @Mackenzie

             “เอ่อ…”

             หรี่ตามองคนกระซิบบอก บ้าจริง! ถ้าไม่อยากได้คงไม่บอกว่าอยากกอดตุ๊กตาหมีหรอก! แต่จากคำพูดของแมคเคนซีก็ทำให้ดีนหน้าแดงขึ้นมาได้ในรอบอาทิตย์ที่เขามักจะหน้าหนาไม่สะทกสะท้านอยู่ตลอด

             “ไอ้คนใจร้ายเอ๊ย!”

             ดีนตะโกนไล่หลัง ‘เพื่อน’ ที่ทิ้งให้เขาต้องเผชิญชะตากรรมเพียงลำพังกับแม่ครัวจากเฮลส์คิทเช่นเรสเตอรอง ชายหนุ่มมองอาหารเหลือในจานแล้วกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะไปเผชิญหน้ากับอสุรกายเลเวล 999 แล้วก็โดนบ่นจนหูชา…



สำเร็จภารกิจ:
โกหกเป็นสิ่งสวยงาม
รางวัล: 35 EXP , +8 ดรักม่า (โรลเพลย์กับผู้เล่น), +20 กล้าหาญ , +30 ศรัทธา , -30 เกียรติยศ
ความโปรดปรานจากโดลอส +35 แต้ม
HEROES (วีรบุรุษผู้โปรดปราน) โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+25
----------------------------------------------------
รับประทานอาหารประจำวัน
รับรู้ข่าวลือ: คำพยากรณ์เทพอะพอลโล่รถหาย (EXP+10)

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ 10 EXP โพสต์ 2024-5-14 20:32
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [God-23] โดลอส เพิ่มขึ้น 60 โพสต์ 2024-5-14 20:32
God
คุณได้รับ --30 เกียรติยศ +20 ความกล้า +30 ความศรัทธา โพสต์ 2024-5-14 20:32
God
คุณได้รับ 45 EXP โพสต์ 2024-5-14 20:32
12. Answer of The Lie and we will meet again M [ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ] "หิวหรือยัง รอฉันนานหรือเปล่า" แมคเคนซีที่เพิ่งมาถึงเอ  รายละเอียด ตอบกลับ โพสต์ 2024-5-14 20:31

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1เหรียญดรักม่า +8 ย่อ เหตุผล
God + 8

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เข็มกลัดโพไซดอน
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่แห่งเกียรติยศ
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
เข็มทิศมหาสมุทร
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ควบคุมน้ำ
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
น้ำหอม Unisex
หมวกเกราะ
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x10
x1
x2
x4
โพสต์ 2024-5-14 20:31:18 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Dean ตอบกลับเมื่อ 2024-5-14 19:57
140จะไม่ใช่ดินเนอร์ครั้งสุดท้ายของสองเรา นั่นคือความ ...


12. Answer of The Lie and we will meet again


M

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

"หิวหรือยัง รอฉันนานหรือเปล่า"

แมคเคนซีที่เพิ่งมาถึงเอ่ยทัก ระยะทางจากบ้านพักของเขากับดีนอยู่ห่างกันพอสมควรเลยใช้เวลาสักหน่อยในการเดินมา ปกติพวกเขาจะไปเจอกันที่โถงอาหารเลย แต่ตั้งแต่ที่รู้ว่าดีนกำลังมีเจ้าตัวน้อยในท้องเมื่อไม่กี่วันก่อน เขาจึงมารับดีนที่บ้านพักทุกวัน

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

"ต้องห่วงอยู่แล้ว ก็นาย...."

เขาหยุดคำพูดไว้แค่นั้น เอาเป็นว่ารู้กัน จากนั้นก็รับกระดาษเมโมจากดีนมาอ่าน ลายมือรีชาจัดว่าอ่านไม่ยากเท่าไหร่ แค่คำศัพท์บางคำก็ชวนงงอยู่ เขาจึงอ่านทวนอีกรอบนึงแล้วส่งคืนอีกฝ่าย

"ช่วงนี้มีคนขอคำทำนายเยอะจังนะ"

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

"เป็นอย่างนั้นกันเองหรอกเหรอ"

เหมือนได้ความรู้ใหม่ยังไงไม่รู้ ถ้าเทียบกับที่ดีนบอกงั้นเขาก็คงจะชิลมากเกินไปหรือเปล่านะ ที่เอาแต่อยู่ในค่ายมากกว่าจะออกไปทำภารกิจ ถึงเขาจะเคยมีเรื่องชกต่อยตอนก่อนจะมาที่ค่ายนี้ แต่ถ้าเลือกได้เขาก็อยากอยู่แบบสงบมากกว่า

"อืม...ฉันแค่สงสัยว่าราชรถก็คันตั้งออกใหญ่ ทำไมถึงถูกขโมยไปได้โดยที่ไม่มีใครเห็นเลย"

หากเป็นของเล็ก ๆ จะหายไปก็คงไม่มีใครรู้ แต่ราชรถนี่น่าจะใหญ่เหมือนรถคันนึงหรือเปล่านะ ถ้าหายไปหรือมีคนขโมย จะไม่มีใครเห็นหรือสังเกตได้ในทันทีเลยเหรอ

แต่คิดมากไปก็เท่านั้น แมคเคนซียื่นแขนข้างนึงไปโอบไหล่ดีนไว้แล้วดึงมาใกล้ตัว

"บ่นเป็นหมีกินรังผึ้งเชียว ท้องแล้วเกรี้ยวกราดขึ้นเหรอ ไปเถอะ ไปกินมื้อเย็นกันดีกว่า"

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

"นั่นมันการ์ตูนไม่ใช่เหรอ จะไปมีของแบบนั้นได้ไง"

มุ่นคิ้วเล็กน้อย แต่ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่าในโลกที่คาดเดาไม่ได้นี้อาจจะมีของแบบนั้นก็เป็นได้

"กินแต่ของไม่มีประโยชน์..."

บ่นพึมพำพลางเหลือบมองอีกฝ่าย ตั้งแต่วันที่ดีนบอกว่าเหม็นนม หลังจากวันนั้นมาเขาก็เห็นอีกฝ่ายกลับมาทานของที่ชอบได้ตามปกติ แต่เขาก็ยังให้ดีนดื่มนมแทบทุกมื้อเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันว่าอาการคนแพ้ท้องเป็นยังไง แพ้ตลอดหรือว่าแพ้เป็นช่วง ๆ

"มาสิ...ก็ต้องมาหาอยู่แล้ว ถ้าได้ทำเควสที่ไม่อันตรายก็ดี แต่ไหน ๆ ได้อยู่ในค่ายทั้งทีให้ฝึกการใช้อาวุธไว้ป้องกันตัวด้วยก็ดีเหมือนกัน"

บอกแล้วก็ยกมือขึ้นเกาแก้ม เหมือนกับกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่

"เควสโกหกมันง่ายก็จริง ตอนแรกก็นึกว่ามันน่าสนุกดี แต่บางทีมันก็ค่อนข้างลำบากใจนะ เหมือนประมาณว่าขึ้นหลังเสือแล้วก็ลงยาก พอโกหกครั้งแรกแล้วก็ต้องมีครั้งต่อไป ต้องมามัวคิดว่าจะโกหกยังไงให้ตลอดรอดฝั่ง ลำบากชะมัด นายว่าไหม"

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

"มีอาวุธแบบนั้นด้วย ? ฉันนึกว่ามีแต่ในหนังจีนกำลังภายในซะอีก ฉันยังไม่เคยเข้าคลาสเรียนอะไรเลย ยังไม่เคยเจอเธอหรอก"

หอกยืดได้หดได้ฟังดูก็น่าสะดวกดี แต่คนสอนดุงั้นเหรอ มันอาจจะเป็นธรรมดาของการสอนศิลปะป้องกันตัวไหมนะ ตอนที่เขาเรียนเมื่อตอนเด็ก ๆ ก็จำได้ว่าครูสอนดุเหมือนกัน

"อะไรเล่า ก็ฉันบอกแล้วไงว่าคนท้องน่ะต้องกินอาหารที่มีประโยชน์"

พอโดนต่อยเข้าทีนึงก็มุ่ยหน้าก่อนจะชะงักแล้วหยุดเดินไปซะดื้อ ๆ มือที่โอบไหล่อีกฝ่ายค่อย ๆ คลายออก รอยยิ้มเจื่อนเข้ามาแทนที่

".....โดนจับได้ซะแล้ว อืม...ฉันโกหก ที่จริงฉันไม่ได้จะกลับกลอสเตอร์ แต่เดี๋ยวนะ ที่นายบอกว่าไปรับเควสนั้นมาเหมือนกัน งั้นนายก็รับเควสนั้นมาด้วยงั้นเหรอ"

แมคเคนซีจ้องหน้าดีน

"ถ้างั้นเรื่องท้องนายก็...โกหกฉัน ?"

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

"ขนาดนั้นเชียว ดูท่าฉันคงต้องไปทำความรู้จักเด็กบ้านเทพเฮเฟตัสสักหน่อยแล้วหรือเปล่า"

ไม่ใช่แค่เพราะคิดว่าอยากให้สร้างอะไรให้ แต่เขาคิดว่าน่าสนใจดี แต่พอพูดถึงเทพเฮเฟตัสแล้วก็นึกอะไรขึ้นได้

"นายดูนิ่งจะตาย แถมยังกินบีฟเวลลิงตันหน้าตาเฉยอีก อ้อ...ถึงฉันไม่ได้กลับกลอสเตอร์ แต่ฉันมีภารกิจที่ต้องไปทำที่ญี่ปุ่นนะ"

แมคเคนซีเกริ่นไว้แค่นั้น อย่างน้อยเขาก็อยากจะบอกอีกฝ่ายไว้ก่อน

ชายหนุ่มมองรอยยิ้มหวานหยดบนใบหน้าคมคายของดีน ถ้าเป็นเวลาปกติเขาคงโดนรอยยิ้มนั่นสะกดไปแล้ว แต่ไม่ใช่เวลานี้

"คิดว่านายนอยด์เป็นคนเดียวงั้นสิ ฉันเป็นห่วงแทบแย่ เจ้าบ้า !"

หมัดรุ่น ๆ ชกกลับเข้าที่ไหล่ดีนไปทีนึง

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

"วิชาหลอมเหล็กงั้นเหรอ...ไว้ฉันจะไปลองดู"

ฟังแล้วก็นึกไปถึงพวกงานช่างอะไรแบบนี้ มันช่างห่างไกลตัวเขาเหลือเกิน แต่ลองไปเรียนดูสักหน่อยคงไม่เสียหาย

"ฮะ ? หมายความว่าไง"

อยู่ดี ๆ ดีนก็บอกว่าเขาสมควรถูกหลอกแล้วงั้นเหรอ น่าโมโหชะมัด แต่เขาเองก็โกหกเรื่องที่ว่าจะกลับอังกฤษกับอีกฝ่าย งั้นก็ถือว่าเจ๊ากันไปแล้วกัน แต่ที่ว่าเกือบร้องไห้นั่น...แปลว่าไม่อยากให้เขาไปงั้นเหรอ

"เฮ้ ! รอก่อนสิ"

มัวแต่คิดเป็นตุเป็นตะ กว่าจะรู้ตัวดีนก็วิ่งไปจนเห็นแผ่นหลังลิบ ๆ แล้ว แมคเคนซีจึงรีบวิ่งตามไป

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

พอวิ่งตามมาทันจนมาหยุดหน้าโถงอาหาร ทั้งเขาและดีนต่างก็มีสว่างเปล่งออกมาจากร่างกายราวกับว่าเรืองแสงได้ แล้วก็มีหีบสมบัติโผล่มาตรงหน้า

"โอเค..."

เขารอดีนส่งสัญญาณนับเลขถึงสามแล้วเปิดหีบ จำนวนเงินที่เท่ากับอีกฝ่ายซึ่งปรากฏอยู่ด้านในทำให้แมคเคนซีเงียบไปไม่ต่างกัน

"......เอาน่า ถือว่าเล่นขำ ๆ แล้วกัน ไปหาของอร่อยกินกันดีกว่า"

ชายหนุ่มตบไหล่คนข้าง ๆ เบา ๆ แล้วพากันหอบหีบสมบัติ (?) เดินไปหาคุณฮาร์ปี้เพื่อไปรับมื้อเย็น

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

แมคเคนซีมองดีนกับจานอาหารตรงหน้าอีกฝ่ายสลับกับไปมา ถึงจะทานอาหารด้วยกันบ่อยมากพอจนรู้ว่าอีกฝ่ายชอบของทอดก็ตาม แต่ก็ไม่เคยเห็นทานเยอะขนาดนี้มาก่อน เทียบกับอาหารที่เขากำลังทานแล้วมันดูจานเล็กไปเลย

“จะไม่ปวดท้องก่อนใช่ไหม กินเยอะซะขนาดนี้ แต่ว่าสิบวัน…ก็นานเหมือนกันนะ เตรียมตัวพร้อมแล้วใช่ไหม”

แล้วก็เหมือนเดิม ดีนเตรียมตัวไปทำภารกิจอีกแล้ว ส่วนเขาที่ทักษะการใช้อาวุธยังไม่ดีพอก็ตัดสินใจจะอยู่ฝึกฝนที่ค่ายก่อน

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

แมคเคนซียิ้มเพียงเล็กน้อย เขารู้ว่ายังไงดีนก็ต้องไป เพราะมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับชีวิตผู้คนจำนวนมาก และอีกฝ่ายก็ไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว

“ฉันจะนับวันรอเลย ถ้าสิบวันแล้วนายยังไม่กลับ ฉันจะวาร์ปไปหา”

แกล้งบอกไปอย่างนั้น แต่เขาก็หวังว่าดีนจะไม่ไปทำภารกิจนานนานกว่าระยะเวลาที่กำหนดไว้ แต่ถ้ามันเกินขึ้นมาล่ะ…พอคิดแล้วก็พาลจะทานไม่ลงซะอย่างนั้น

“ที่ว่าเวลาไม่พอคงไม่ใช่เตรียมตัว แต่เป็นเตรียมใจใช่ไหม”

ดวงตาสีฮาเซลมองตามโลมาโคล่าที่ดีนสร้างขึ้นจนมันกลับกลายเป็นน้ำอัดลมในแก้วเหมือนเดิมแล้วเลื่อนสายตามามองอีกฝ่าย จากสีหน้าท่าทางก็พอดูออกอยู่ว่าคงมีเรื่องอะไรในใจ ไหนจะการทานอาหารที่มากกว่าปกติอีก ไม่รู้ว่าทานตุนจริง ๆ หรือกังวลใจจนทานเยอะขึ้นแต่ไม่รู้ตัวกันแน่  

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“ไม่รู้ ไว้ฉันลองไปถามจูลี่กับชาร์ล็อตดูก่อน”

บอกพลางหัวเราะน้อย ๆ คงไม่ต้องแนะนำให้ดีนรู้จักแล้วว่า 2 คนนี้คือใคร เมื่อหลายวันก่อนหลังจูลี่กับชาร์ล็อตกลับมาจากโรงอาหารก็มาเล่าให้ฟังว่ารู้จักเพื่อนใหม่ที่อยู่บ้านโพไซดอนชื่อรีชากับพี่ชายที่ชื่อดีน ดูท่าทั้งคู่จะชื่นชอบเพื่อนใหม่จากบ้านโพไซดอนมาก โดยเฉพาะจูลี่ที่ปลาบปลื้มดีนเป็นพิเศษ หลังจากรีชาเล่าเรื่องดีนให้ฟัง เมื่อกลับมาบ้านก็ชมว่าเพื่อนของเขาเท่อย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งแมคเคนซีเองก็เห็นด้วยแต่เพียงแค่ไม่ได้พูดออกมาเท่านั้นเอง

เขายังไม่รู้เลยว่าขอบเขตเวทมนตร์ที่บุตรแห่งเฮคาทีสามารถทำได้อยู่ที่ตรงไหน หากไปลองถามน้องทั้งสองคนซึ่งอยู่ในระดับที่ศึกษาเรื่องเวทมนตร์ได้แล้วน่าจะรู้อะไรเพิ่มขึ้นมาบ้าง

“อืม…ฉันว่านะ จากที่เห็นนายสู้กับไซคลอปส์มา ถึงกระบวนท่าจะดูไม่ได้ถูกต้องตามหลัก แต่นายได้เปรียบเรื่องความไวแล้วก็ไหวพริบ ถ้านายเอาจุดนี้มาใช้ให้เป็นประโยชน์ อาจจะชนะโดยไม่ต้องออกแรงอะไรมากก็ได้”

ถึงแมคเคนซีจะยังไม่มีทักษะด้านการใช้อาวุธแต่ก็พอดูด้วยสายตาออก ดีนอาจจะยังไม่ได้ฝึกฝนมามาก แต่เรื่องความว่องไวและไหวพริบของอีกฝ่ายนั้นเขามั่นใจว่าดีนสามารถนำมันมาใช้ในการต่อสู้ได้อย่างเต็มศักยภาพอย่างแน่นอน

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“……ถ้ามีเวทมนตร์แบบนั้นจริงก็น่าเสียดายที่ฉันยังใช้ไม่ได้ แต่ถ้ามีผ้าคลุมล่องหนฉันไปแน่”

ฟังที่อีกฝ่ายกระซิบแล้วก็นิ่งไปเล็กน้อย จะต่อยแขนผิวแทนไปเบา ๆ สักทีก็ไม่ทันแล้วจึงได้แต่เสสายตาไปทางอื่น

“ก็อตซิลล่า ? นายจะไปสู้กับสัตว์ประหลาดตัวเท่าตึกนั่นน่ะเหรอ”

แต่พอได้ยินว่าจะไปสู้กับตัวอะไร แมคเคนซีก็หันมามองคนที่นั่งตรงข้ามตาโต นี่มันเกินจะรับมือไหวไปหรือเปล่า

“ไม่ใช่แค่ไม่ตาย แต่นายต้องห้ามบาดเจ็บด้วย คือฉันเข้าใจนะว่าการต่อสู้มันต้องมีได้แผลบ้าง แต่นายต้องระวังอย่าให้ตัวเองเสียเลือดมากไป”

เขาไม่รู้ว่าพลังน้ำเยียวยามีฤทธิ์การรักษาเหมือนน้ำทิพย์ที่ดีนใช้รักษาเขาเมื่อตอนสู้กับฝูงก็อบลินไหม แต่ถ้ามันเกิดการเสียเลือดมากกะทันหันขึ้นมา ร่างกายอีกฝ่ายจะเป็นยังไง เขาไม่กล้าถามออกไป แต่เรียวคิ้วกลับเริ่มขมวดเป็นปมราวกับหมีกินรังผึ้งแล้วโดนผึ้งต่อย

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเดี๋ยวนี้อีกฝ่ายดูรับมุกเขาไปได้หมดเสียทุกทาง ขนาดบอกว่าจะไปหาแแน่ ๆ แล้วแท้ ๆ ยังยินดีจะปลดล็อคประตูไว้ซะอีก ท่าทางเปิดเผยของดีนบางทีก็ทำให้ชายหนุ่มเป็นฝ่ายเขินไปเสียเอง

“ถูกผนึกไว้…ฉันนึกถึงพวกสัตว์ที่ดุมาก ๆ เลย”

เท่าที่เขาจำได้จากหนังสือที่เคยอ่านมา พวกสัตว์ในตำนานมักมีรูปร่างประหลาด บ้างก็มีหลายหัว หลายเท้า ทั้งยังมีนิสัยดุร้ายเป็นพิเศษ แต่ดีนก็เคยเอาชนะสิงโตนีเมียนมาได้ แมคเคนซีก็ได้แต่หวังว่าคราวนี้อีกฝ่ายจะผ่านมันไปได้ด้วยดีเช่นกัน

“เยี่ยมเลย เวลาจะออกมานายก็เอาจมูกแทงท้องมันแล้วออกมาแบบเท่ ๆ เลยสิ”

หากพูดถึงพินอคคิโอ ที่เขาจำได้คือเจ้าหุ่นไม้น้อยจอมโกหกที่เวลาพูดปดจมูกก็จะยาวขึ้นเรื่อย ๆ ไหน ๆ ดีนก็บอกว่าจะออกมาแบบพินอคคิโอแล้ว แมคเคนซีเลยตบมุกที่ไม่รู้ว่าฝืดหรือเปล่าไป

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

แมคเคนซีมองคนฝั่งตรงข้ามอย่างคิดไม่ตก มันค่อนข้างน่าเจ็บใจที่นอกจากรับฟังกับให้กำลังใจแล้วเขาก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย

“ไม่เข้าใจเลย ทำไมนายต้องแบกรับอะไรหนักหนาขนาดนั้น แต่ว่าฉันรอนายอยู่ นายต้องกลับมาอย่างปลอดภัยนะรู้ไหม”

เรียวนิ้วชี้แตะลงบนหลังมือดีนที่วางอยู่บนโต๊ะก่อนจะลูบไล้แผ่วเบาไล่ลงมาถึงปลายนิ้วก้อยแล้วผละออก

“อาจต้องเป็นแบบนั้น แต่อยู่ในท้องสัตว์ประหลาดแล้วจะโกหกกับใคร งั้นเอาเป็นชนะแบบเท่ ๆ แทนแล้วกัน”

พอเห็นอีกฝ่ายหัวเราะได้เขาก็ยิ้มน้อย ๆ แล้วทานอาหารต่อ

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“นายนี่เป็นลูกที่ดีจริง ๆ”

แมคเคนซีบอกตามที่คิด ไม่ได้ประชดแต่อย่างใด ดูเหมือนว่าดีนสามารถทำอะไรเพื่อเทพโพไซดอนได้ในฐานะลูกที่ทำเพื่อพ่อ ในขณะที่เขาเองจนถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกคลางแคลงใจในตัวเทพีเฮคาทีอยู่บ้าง บางครั้งก็รู้สึกว่าตนเป็นเพียงแค่ผู้อยู่อาศัยมากกว่าที่จะเป็นสมาชิกบ้านพักหมายเลข 20

“งั้นเหรอ…..”

เรียวคิ้วเลิกขึ้นแกล้งถามไปอย่างไม่จริงจังนัก ส่วนมากที่ดีนโกหกก็เป็นเพราะต้องปิดบังเรื่องที่ตัวเองเป็นเดมิก็อดทั้งนั้น เขาจะถือว่าอีกฝ่ายโกหกเพราะความจำเป็นก็แล้วกัน

“หือ…อะไรเหรอ”

พอถูกทักก็หยุดทานไปชั่วขณะ ลองเอานิ้วหัวแม่มือปาดตรงตำแหน่งที่อีกฝ่ายบอก

“ออกหรือยัง”

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“พ่อนายควรดีใจไหมนะ”

แมคเคนซีหัวเราะน้อย ๆ ก่อนจะนั่งนิ่งให้อีกฝ่ายเอาสิ่งที่คิดว่าเป็นเศษอาหารออกให้ แต่พอรู้ว่าเป็นไฝตัวเองก็อดมู่ปากนิด ๆ ไม่ได้

“จูบอยู่บ่อย ๆ ยังจำไม่ได้อีกหรือไง”

แกล้งพูดหยอกหวังให้คนตรงหน้าเขินบ้าง ก่อนจะจิ้มเฟรนฟรายด์ในจานอีกฝ่ายทานซะเลย

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“แล้วลูกคนอื่น ๆ ล่ะต้องไปทำภารกิจด้วยไหม หรือมีนายเป็นตัวแทนไปคนเดียว”

ได้ยินมาเหมือนกันว่าคราวนี้จะเดินทางไปกันเป็นหมู่คณะ แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นคนจากบ้านพักหมายเลข 3 ทั้งหมดหรือเปล่า

“อย่าโกหกบ่อย เดี๋ยวต่อไปคนอื่นจะไม่เชื่อเอา”

เชื่อแล้วว่าพูดแหย่อะไรไปก็คงไม่เขิน แอบเซ็งนิดหน่อยที่แกล้งไม่สำเร็จเลยก้มหน้าก้มตาทานต่อ

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“ไม่เคย อายุไล่ ๆ กับนายงั้นเหรอ งั้นก็แปลว่าอายุมากกว่าฉันน่ะสิ”

หากพูดถึงบุตรเทพโพไซดอนที่เขารู้จักนอกจากดีนก็มีแค่เจโรมกับรีชา ซึ่งเท่าที่ดูโดยรวมแล้วเดมิก็อดบ้านนี้เหมือนจะอัธยาศัยดีกันทุกคน ไม่รู้ว่าคนที่ดีนเพิ่งพูดถึงจะมีจุดร่วมเดียวกันนี้หรือเปล่า

“ใช่ ถ้านายโกหกบ่อย ๆ …”

แมคเคนซีเงียบไปเล็กน้อยแล้วจับมือคนที่กำลังหัวเราะมาแนบกับแก้มด้านขวาของตน ดวงตาสีฮาเซลจ้องมองใบหน้าคมคายของดีน

“เชื่อ แต่ฉันจะให้นายเป็นคนเอาออก ถ้าเอาออกไม่ได้ก็ไม่ต้องไปไหนแล้วทีนี้”

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น”

ดวงตาสีฮาเซลกลอกวนเป็นวงกลมหนึ่งรอบด้วยอีกฝ่ายคงไม่เข้าใจสิ่งที่เขาจะสื่อ ก่อนจะจับมือคนตรงข้ามวางลงที่เดิมแล้วตบหลังมือเบา ๆ

“ฉันทำแบบนั้นไม่ได้หรอก นายมีหน้าที่ที่ต้องทำ ฉันก็มีหน้าที่ของตัวเองเหมือนกัน มันก็แค่เหมือนทุกครั้ง พอพวกเราทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จ เราก็มีเวลาเจอกันอยู่แล้ว”

หากถามว่าอยากให้ไปไหม ภารกิจอันตรายขนาดนั้น แน่นอนว่าเขาต้องตอบว่า ‘ไม่’ อยู่แล้ว แต่แมคเคนซีก็เข้าใจดีถึงความจำเป็น จึงไม่คิดอ้อนวอนให้ดีนลองทบทวนดูใหม่ สิ่งที่เขาทำได้ก็คือรอเหมือนทุกครั้งนั่นเอง

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

แมคเคนซีเพียงพยักหน้ารับ เขามั่นใจว่ายังไงดีนก็ต้องกลับมา

“มันก็คงมีภารกิจยากง่ายสลับกันไป ตอนเราไปปารีสถือว่าง่าย…สำหรับนาย ส่วนอันนี้ก็เลยยาก ภารกิจหน้าอาจจะง่ายก็ได้”

ขอละไว้หน่อยแล้วกันเรื่องความง่ายของภารกิจกวาดล้างก็อบลินที่ปารีส แม้จะสะดวกสบายในหลาย ๆ เรื่อง แต่การกำจัดเจ้าฝูงตัวเขียวมันไม่ง่ายสำหรับเขาเลย

“แล้วนั่น…กินหมดไหม”

เห็นดีนพักพูดคุยกับเขามาสักพักแล้ว พอหลุบตามองอาหารของอีกฝ่ายก็เห็นว่ายังทานไม่หมด ไม่รู้ว่าป่านนี้หายกรอบหมดความอร่อยไปหรือยัง

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“ถึงจะยากขึ้นเรื่อย ๆ แต่นายเองก็ได้ฝึกฝนตัวเองระหว่างทำภารกิจไปด้วย ต้องผ่านไปได้อยู่แล้ว”

เขาเองก็บอกไม่ได้ว่ามันจะเป็นยังไง แต่คนเราเองก็ต้องพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนกัน เพราะงั้นถึงจะยากแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องผ่านไปได้แน่

“มันจะไม่เสียใช่ไหม”

กว่าจะถึงพรุ่งนี้อีกตั้งกี่ชั่วโมงกันนะ หรือเขาควรเตือนดีนให้เตรียมยาแก้ท้องเสียไปด้วยดี

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“แต่ตอนนี้นายไม่ได้อยู่ในโลกคนธรรมดาไงดีน เข้าใจไหม และการเอาชีวิตรอดในโลกนี้คือฝึกฝนตัวเองให้อยู่รอดจากพวกสัตว์ประหลาดนั่น”

เรียวคิ้วมุ่นไปเล็กน้อย ตั้งแต่กลับมาจากปารีสเขาก็เข้าใจอะไรบางอย่างในโลกของทวยเทพมากขึ้นกว่าแต่ก่อน มันอาจจะโหดร้ายไปบ้าง แต่มันก็เป็นสิ่งที่เดมิก็อดทุกคนต้องยอมรับ หากอยากจะออกไปจากค่าย ก็ต้องแข็งแกร่งพอที่จะปกป้องตัวเองได้ ไม่อย่างนั้นก็คงต้องอยู่แต่ในค่ายฮาร์ฟบลัดไปจนวันตาย

“งั้นมันก็น่าจะเย็นชืดจนไม่อร่อย ก่อนไปอุ่นสักหน่อยก็ดีนะ”

แมคเคนซีบอกก่อนจะพยักหน้า หลุบตาลงมองมือที่ถูกกุมอยู่แล้วสูดหายใจเข้าลึก ความอบอุ่นจากมืออีกฝ่ายทำให้เขาใจเย็นลง

“ฉันอิ่มแล้ว แต่ก็ยังอยากอยู่กับนายต่อ”

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“งั้นเหรอ ฉันพอมีมาดเป็นผู้ดูแลค่ายแบบคุณไครอนด้วยไหม”

แกล้งกระแอมไอในลำคอแล้วยืดตัวทำสีหน้าเคร่งขรึมก่อนจะหลุดหัวเราะน้อย ๆ

“ก็แค่ใช้ชีวิตตามปกติ แต่อย่าไปพลาดท่าโดนพวกแรคคูนกัดเข้าอีกแล้วกัน”

แมคเคนซียังจำได้ถึงตอนที่พวกเขายังไม่ได้มาค่ายฮาร์ฟบลัด ตอนนั้นเขาบังเอิญเห็นแผลที่แขนดีนเข้าแล้วเจ้าตัวก็บอกเขาว่าถูกแรคคูนกัด

“นายน่าจะหอบของไปเยอะแล้ว ยังจะเอาหม้ออบอะไรนั่นไปอีกเหรอ ฉันว่าอย่าดีกว่า”

ชายหนุ่มรีบเบรคไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะไปยืมหม้ออบลมร้อนมาจริง ๆ ถึงกระเป๋าเก็บสัมภาระจะเก็บอะไรได้เยอะแยะก็จริง แต่ถ้าเอาของไปเกินพอดีน่จะเป็นสัมภารกเสียมากกว่า

เขาสบมองดวงตาสีเปลือกไม้ของคนตรงหน้าตอบ ราวกับในโรงอาหารมีเพียงพวกเขาแค่สองคน แววตาของดีนยามที่มองเขาตอนนี้ชวนให้ใจวูบโหวงแปลก ๆ

“ทำไมมองฉันแบบนั้น นายคิดอะไรอยู่”

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“ไม่ได้อยากเป็นสักหน่อย นายก็คิดจริงจังไปได้ เป็นพี่ใหญ่สุดแต่ฉันน่าจะไม่ได้เรื่องสุดในบ้านแล้วมั้ง ที่ปรึกษาบ้านอะไรนั่นคงไม่ได้เลือกจากอายุหรอกใช่ไหม”

เขาไม่รู้ว่าที่ปรึกษาบ้านคัดเลือกจากอะไร แต่อย่างน้อยก็น่าจะเป็นคนที่ดูพึ่งพาได้ในหลาย ๆ ด้าน ส่วนเขาตอนนี้คงเหมาะกับตำแหน่งพี่เลี้ยงเด็กในบ้านเท่านั้น

“มันคงไม่เบรคแตกใส่นายทุกวันหรอก แล้วก็อีกตั้งนานกว่านายจะอายุสามสิบใช่ไหม”

ถึงจะน่าคิดว่าเมื่อถึงตอนนั้นพวกเขาจะทำอะไรกันอยู่ แต่มันก็อีกตั้งนาน ไม่แน่ว่าเมื่อถึงตอนนั้นดีนอาจจะแข็งแกร่งมากพอจนถึงขนาดที่พวกมอนสเตอร์ตัวใหญ่พากันวิ่งหนีก็เป็นได้

“ฝากแล้วอย่าลืมมาเอาล่ะ คุณฮาร์ปี้เขารู้ว่าฉันรู้จักนาย ถ้านายลืมเขาคงบ่นให้ฉันฟังจนหูชา”

แค่นึกภาพก็หัวจะปวด กว่าเขาจะฟังคุณฮาร์ปี้บ่นจบคงหมดอารมณ์ทานอาหารกันพอดี

“ก็ยังดีกว่าไม่ได้คุยกันเลยใช่ไหม ฉันหวังว่าจะได้คุยกับนายทุกวันนะ”

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“งั้นฉันคงต้องบอกสองคนนั้นว่า ถ้าไม่โหวตพี่พี่จะพาไปเลี้ยงขนมนะ”

ถ้าหากเป็นในเร็ว ๆ นี้เขายังไม่พร้อมแน่ ๆ

“หกปี…นานเหมือนกันนะ”

บอกแล้วก็เงียบไป พอนึกถึงตัวเองตอนหกปีหลังจากนี้ ถ้าเป็นไปตามแผนเดิมเขาคงเรียนจบจากมหาวิทยาลัยที่นิวยอร์กและกลับอังกฤษไปช่วยธุรกิจทางบ้านแล้ว แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับผิดแผนไปหมด เพราะงั้นเขาคงต้องวางแผนทุกอย่างใหม่

“ฉันไม่มีปัญหาหรอกนะถึงนายจะโทรมาตอนอยู่ในห้องน้ำ แต่มันลำบากนายหรือเปล่า ถ้าวันไหนไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร”

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“นายจะไปซื้อกลับไหมล่ะ”

แมคเคนซีหัวเราะเสียงต่ำในลำคอ

“เป็นปีเชียวเหรอ หมายถึงมาอยู่ที่ค่ายนานเป็นปี แต่เทพโพไซดอนก็ยังไม่รับรองเป็นลูกน่ะเหรอ”

เขาทำหน้าสงสัย ถึงจะพอรู้มาบ้างว่ามีเดมิก็อดจำนวนหนึ่งที่เหล่าเทพและเทพียังไม่รับรองเป็นบุตรอยู่รวมกันที่บ้านเฮอร์มีสก็ตาม

“จะให้บอกว่าไม่รอเดี๋ยวนายก็เสียใจแย่ ถ้าต้องมีพลังวิเศษอื่นก็น่าจะเป็นให้เด็กบ้านเฮเฟตัสช่วยสร้างเครื่องมือสื่อสารใหม่ให้…แบบนั้นได้หรือเปล่า”

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“หมายถึงซื้อเสียงสองคนนั้นกลับให้เลือกฉัน อะไรแบบนี้”

ดูท่าวันนี้ดีนจะใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว ปกติเป็นฝ่ายเล่นมุกแท้ ๆ แต่วันนี้เหมือนจะตามเขาไม่ทันไปหลายดอก

“ทำให้เกิดมาแต่ไม่รับรอง…ใจร้ายไปหน่อยไหม ฉันเหรอ ก็…วันที่เข้าไปรายงานตัวกับคุณไครอนก็รู้วันนั้นเลย”

เหมือนว่าวันนี้เขาจะยื่นคำขาดไปด้วยว่าถ้าไม่รู้ว่าตนเป็นลูกใครก็จะไม่อยู่ที่ค่ายต่อ แต่แมคเคนซีก็คิดว่าเพียงแค่นั้นคงไม่ใช่เหตุผลที่เทพีเฮคาทีรับรองตนเป็นบุตรหรอก

“เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีพัฒนาไปเยอะแล้ว อาจจะมีคนที่คิดอะไรล้ำ ๆ ออกมาก็ได้”

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“ใครจะไปรู้ ในอนาคตอาจมีสมาชิกเพิ่ม แล้วก็อาจมีคนที่เหมาะสมกว่าก็ได้”

แมคเคนซีมองอีกฝ่ายแล้วโคลงศีรษะไปมา

“มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ”

พอเห็นดีนทำหน้าเครียดก็อดถามไม่ได้

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“ไม่เห็นต้องขอโทษเลย มันเป็นเรื่องในครอบครัวนาย บางเรื่องก็เป็นเรื่องส่วนตัว คนอื่นไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้”

แมคเคนซีตบหลังมืออีกฝ่ายที่ลูบหลังมือตนเบา ๆ อย่างเข้าใจ ด้วยอาชีพการงานรวมถึงนิสัยส่วนตัวทำให้เขาวางตัวในจุดที่ควรจะอยู่เสมอ รู้เพียงแค่เรื่องที่คู่สนทนาต้องการให้รู้ และไม่ก้าวก่ายมากไปกว่านั้น

“ถึงเขาจะทำผิดพลาด แต่ก็ถือเป็นตัวอย่างที่ดีนะ อย่างน้อยนายก็ได้รู้ว่าส่วนไหนของเขาควรทำตามหรือไม่ควร”

เรียกว่าสอนลูกผ่านการกระทำตัวเองก็คงไม่ผิดนัก

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

ชายหนุ่มวางมือค้างที่หลังมืออีกฝ่ายก่อนจะยิ้มตอบ

“นายก็เจอสิ่งที่อยากทำแล้วไม่ใช่เหรอ ดีกับทุกคน ไม่สร้างความลำบากให้ใคร ฉันว่านะ ถ้าเราเจอสิ่งที่ตัวเองอยากทำแล้ว ก็ทำตามที่ตัวเองต้องการเถอะ ไม่ต้องทำตามใครก็ได้ พ่อนายก็อาจจะภูมิใจที่นายเป็นแบบนี้อยู่แล้วก็ได้นะ”

สำหรับแมคเคนซีแล้วดีนดีกับทุกคนจริง ๆ นั่นแหละ ดีจนบางทีก็น่ากลัวว่าจะมีคนจ้องจะเอาเปรียบจากนิสัยนั้นของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“แบบนั้นนายคงต้องไปเรียนเสกเงินไม่ก็ไปขอพรจากเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งอะไรแบบนี้แล้วมั้ง”

เขานั่งฟังที่ดีนเล่า อีกฝ่ายก็ดูเหมือนสนิทกับเทพผู้เป็นบิดาดี

“อารมณ์พ่อแม่คาดหวังในตัวลูกสินะ งั้นพ่อนายก็โอเคดีนี่ แต่ส่วนที่ดีก็คือส่วนที่ดี ส่วนที่ไม่ดีก็คือไม่ดี”

หลุบตาลงมองมือที่กุมกันอยู่

“พรุ่งนี้ออกเดินทางเช้าหรือเปล่า นายควรกลับไปพักผ่อนเอาแรงเพื่อเตรียมพร้อมนะ”

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน คิดอยู่ว่าถ้าว่าง ๆ คงจะไปห้องสมุดสักหน่อย อย่างน้อยฉันควรรู้จักพวกเทพกับเทพีให้มากกว่านี้”

ได้ยินว่าที่ค่ายก็มีห้องสมุดเหมือนกัน ไม่แน่ว่าที่นั่นอาจจะเป็นอีกที่ที่เขาไปบ่อย ๆ ก็ได้

“ไม่ เรายังไม่เคยคุยกันเลย แล้วฉันก็ยังทำใจให้ตัวเองยืนคุยกับรูปปั้นนานสองนานไม่ได้หรอก”

นึกถึงตอนที่ยืนคุยกับรูปปั้นผู้ได้ชื่อว่าเป็นมารดาของตนเองเมื่อคราแรกที่มาถึงบ้านพักแล้ว ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกว่ามันดูว่างเปล่าแปลก ๆ

“ทำใจให้สบาย คราวนี้นายไม่ได้ไปคนเดียว ถ้าพักผ่อนไม่พอจะทำให้ไม่มีแรงเปล่า ๆ”

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“หรือว่าไม่มี…?”

เห็นดีนทำหน้าแบบนั้นก็สงสัยขึ้นมา แต่ค่ายที่ใหญ่ขนาดนี้จะไม่มีห้องสมุดสักหน่อยเลยเหรอ ขนาดบ้านที่เขาอยู่ยังมีห้องเก็บหนังสือตำราเวทมนตร์เลยนี่นา

“ไม่รู้สิ ฉันก็ตอบไม่ได้ ตอนที่ฉันติดต่อกลับไปหาพ่อแล้วเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง น้ำเสียงพ่อดูมีชีวิตชีวา…เหมือนเวลาเล่าเรื่องแม่ให้ฟัง”

หากพ่อบอกว่าเรื่องที่เขามาค่ายและมีแม่คือเทพีเฮคาทีเป็นเรื่องเหลวไหล เขาคงพูดได้เต็มปากว่า ‘ไม่เชื่อ’ และเก็บของออกจากค่ายเลยก็ยังได้ แต่ท่าทีดีใจของพ่อทั้งยังบอกว่าให้เขาอยู่ที่นี่ไปก่อนมันทำให้เขาเริ่มลังเลใจ

แมคเคนซีมองสบดวงตาสีเปลือกไม้ตอบ แค่เห็นสีหน้าแบบนั้นก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร

“ก็เอาสิ ยังไงรอบนี้นายก็หิ้วเจ้าหมีไปด้วยไม่ได้อยู่แล้ว”

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“ความสัมพันธ์ที่ดี ?”

แมคเคนซีทวนคำพูดนั้นก่อนจะแค่นหัวเราะเล็กน้อย

“ฉันไม่ได้มีความรู้สึกไม่ดีอะไรกับเทพีเฮคาทีสักหน่อย ก็แค่…ถ้ารู้สึกจับต้องได้มากกว่านี้ ฉันอาจจะเรียกท่านว่าแม่ได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจก็ได้….เอาเป็นว่าฉันจะลองดู”

พอพูดมาถึงตรงนี้ก็เหมือนจะเข้าใจตัวเองขึ้นมาอีกหน่อย ที่เขายังไม่แน่ใจในตอนนี้ อาจแค่เพราะเขาอยากได้แม่ที่ให้ความรู้สึกถึงความเป็นแม่ มากกว่าแม่ที่สูงส่งจนรู้สึกห่างเหิน ไม่ได้มีความใกล้ชิดกัน ถึงจะรู้ว่าตัวเองมีแม่แต่ก็ไม่ต่างกับไม่มี อะไรแบบนั้น

“อืม…พร้อมแล้วก็ค่อยมาแล้วกัน อย่าลืมอะไรล่ะ”

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“ตอนมีแฟนฉันยังไม่เห็นต้องตามตื๊อขนาดนั้นเลย ถ้าอยากคุยหรือทำความรู้จักก็คงคุยกันไปแล้ว ไม่ปล่อยให้รอแบบนี้หรือเปล่า”

แมคเคนซีแกล้งถามยิ้ม ๆ

“งั้นแยกกันตรงนี้เลยไหม เดี๋ยวฉันไปรอที่บ้าน”

เขาคลายมือที่จับกันอยู่ออก เตรียมตัวเอาจานไปเก็บแล้วกลับบ้าน

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

เขาเพียงแค่หัวเราะเล็กน้อย เมื่อออกมายืนเคียงข้างกันแล้วจึงยื่นหน้าไปกระซิบ

“แล้วเดมิก็อดแถวนี้ล่ะ อยากได้ฉันหรือเปล่า”

ไม่รอฟังคำตอบจากอีกฝ่ายเพราะเกรงว่าจะโดนประทุษร้ายทางร่างกาย เลยแกล้งขยิบตาใส่แบบที่ดีนชอบทำแล้วออกตัวเดินไปก่อน

“ภาวนาให้โดนบ่นจนหูชาแล้วกัน ฉันไม่อยากโดนบ่นแทนนายวันพรุ่งนี้ แล้วเจอกัน”

แมคเคนซีทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะไปเก็บจานแล้วกลับบ้านพักหมายเลข 20 ไป

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]




รับประทานอาหารประจำวัน
โกหกสำเร็จ  : การโกหกเป็นสิ่งที่สวยงาม (โรลเพลย์กับผู้เล่น)
รู้ข่าวลือ [คำพยากรณ์ทวงคืนราชรถมาเซราติ]

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [God-23] โดลอส เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2024-5-14 20:34
God
คุณได้รับ --30 เกียรติยศ +20 ความกล้า +30 ความศรัทธา โพสต์ 2024-5-14 20:34
God
คุณได้รับ 45 EXP โพสต์ 2024-5-14 20:33
โพสต์ 83029 ไบต์และได้รับ 48 EXP!  โพสต์ 2024-5-14 20:31
โพสต์ 83,029 ไบต์และได้รับ +5 EXP +6 เกียรติยศ จาก ต่างหูเงิน  โพสต์ 2024-5-14 20:31

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1เหรียญดรักม่า +8 ย่อ เหตุผล
God + 8

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Hydro X
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
แจ็คเก็ต YANKEES
รองเท้าเซฟตี้
น้ำหอม Unisex
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
สร้อยข้อมือถัก
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x13
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x15
x15
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x2
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x2
โพสต์ 2024-5-18 10:27:16 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Nanette Leblanc
โถงอาหารประจำค่าย


เสียงท้องร้องในช่วงสายของวันพาให้คนตัวเล็กมาถึงยังโรงอาหารประจำค่าย นาแนตต์ยังไม่รู้หรอกว่าเธอต้องทำอะไรบ้างในค่ายแห่งนี้ถึงจะได้กลบออกไปข้างนอก แต่ถ้าหากนี่มันเหมือนกับค่ายฤดูร้อนตามที่แซเทอร์ผู้นำทางว่า อย่างนั้นก็น่าจะมีตารางอะไรบางอย่างให้ทำตาม แต่เรื่องนั้นปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตไปก่อน ตอนนี้เธอต้องหาอะไรลงท้องเสียก่อน


นาแนตต์เดินเข้ามาภายในโถงอาหาร เลือกนั่งโต๊ะตัวยาวตัวที่ว่างอยู่ เด็กสาวตาโตที่ในค่ายแห่งนี้ก็มีคนเดินมาเสิร์ฟอาหารให้ด้วย ทั้งอาหารยังหน้าตาน่ารับประทาน “อย่างน้อยก็มีอะไรดี ๆ สินะ” แต่ขณะที่กำลังจะตักซีซาร์สลัดเขาปาก เธอก็ถูกขัดจังหวะเสียก่อน


“เฮ้ นั่งโต๊ะนี้ไม่ได้นะ นี่มันเป็นโต๊ะของบ้านอะพอลโล” นาแนตต์ขมวดคิ้ว มองเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับเธอที่ถลาข้ามาเกาะโต๊ะไว้ “เธอ เด็กใหม่ใช่มั้ย”


หากเป็นในยามปกตินาแนตต์คงจะแว๊ดออกไปแล้วว่า ‘ฉันจะนั่งตรงไหนมันก็เรื่องของฉัน’ แต่โชคดีที่ตอนนี้เธอเพิ่งตื่น และการผ่าเหตุการณ์เลวร้ายทั้งหมดเมื่อวานทำให้เด็กสาวไม่มีแรงที่จะต่อล้อต่อเถียง นาแนตต์ยกจานสลัดและแก้วน้ำส้มของเธอ ย้ายไปนั่งที่โต๊ะประจำบ้านหมายเลข 11 บ้านเฮอร์มีสสำหรับเด็กใหม่ทุกคนตามที่เธอคนนั้นว่า แต่ก็ไม่วายยังโดนติดตามมาอีก


“ฉันลิเลียน่า ไทเลอร์ สายเลือดแห่งอะธีน่า”


“นาแนตต์ เลอบลังก์”


นาแนตต์เอ่ยแนะนำตัว ดู ๆ ไปแล้วอีกฝ่ายก็ไม่ได้มีพิษภัยอะไร เจ้าของชื่อลิเลียน่ายกยิ้มก่อนจะวางคางของตัวเองไว้บนหลังมือขณะเท้าศอกจ้องมองเธออยู่


“ยินดีที่ได้รู้จัก โอ้ เธอไปสักการะเทพเจ้าที่เตาไฟบูชาหรือยัง”


“มันคืออะไร”


“เป็นธรรมเนียมของชาวค่ายน่ะนะ ก่อนที่จะกินข้าว เราจะแบ่งอาหารส่วนที่ดีที่สุดในจานแล้วนำไปโยนเข้าเตาไฟบูชาเทพเพื่อสักการะ แต่ไม่ใช่แค่อาหารหรอกนะ จะเป็นสิ่งของหรืออะไรก็ตามที่เธออยากให้ก็ได้หมเลย เสร็จแล้วก็ภาวนาหรือพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราว บางทีเธออาจจะได้รับการตอบกลับจากเทพด้วยก็ได้”


บอกตามตรงว่านาแนตต์แทบจะไม่ได้ฟังที่อีกฝ่ายพูดเลย ถือว่าเป็นโชคดี โชคดีของเจ้าหล่อนจริง ๆ ที่นาแนตต์เหนื่อยเกินกว่าจะปรี๊ดแตก นาแนตต์เขี่ยผักในชามไปมาก่อนจะถามคำถาม


“แล้วเราต้องสักการะเทพองค์ไหนล่ะ ซุส?”


“โดยปกติแล้วส่วนใหญ่มักจะสักการะเทพบิดาหรือเทพีมารดากันนะ แต่เธอยังไม่ได้รับการรับรองสายเลือดใช่มั้ย”


“อือ”


“ถ้างั้นสุ่ม ๆ สักการะไปก็คงได้แหละ”


“งั้นเธอว่า อย่างฉันดูน่าจะเป็นลูกของเทพองค์ไหนมากที่สุด” 


นาแนตต์ถามคำถามแบบสุ่มขึ้นมา อันที่จริงเธอก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่นักว่าใครคือแม่ของเธอ แต่อีกฝ่ายกลับมาท่าทางกระตือรือร้นในการที่จะทายสายเลือด ลิเลียน่าขยับมานั่งตัวตรง พินิจพิเคราะห์ใบหน้าของเด็กสาวตรงข้าม ทั้งดวงหน้าน่ารัก ปากนิด จมูกหน่อย และนัยน์ตาสีเฮเซลที่เมื่อเผลอจ้องนาน ๆ แล้วราวกับจะถูกดึงดูดได้ทุกเมื่อ


“ก็น่าจะเป็น… เทพีอะโฟรไดท์ล่ะมั้ง”


นาแนตต์ชะงักไปเล็กน้อย รู้สึกเขินขึ้นมาเสียอย่างนั้น เพราะนี่มันไม่ใช่คำชมของอีกฝ่ายหรอกเหรอ และเหมือนว่าลิเลียน่าจะรู้สึกตัว เด็กสาวหัวเราะแก้เก้อพลางยกมือเกาแก้ม


“ถ้าอย่างนั้นฉันไม่กวนเธอแล้ว ไว้เจอกันที่สนามฝึกซ้อมนะ” ลิเลียน่าว่าก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะ โบกมือลาแล้วเดินกลับออกไป



ทานอาหารประจำวัน +30 พลังงาน

แสดงความคิดเห็น

God
มีคนไม่ยอมถูกรับรอง ฮ่า ๆ 555+  โพสต์ 2024-5-18 10:47
โพสต์ 20064 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-5-18 10:27
โพสต์ 20,064 ไบต์และได้รับ +8 EXP จาก โรคดิสเล็กเซีย  โพสต์ 2024-5-18 10:27
โพสต์ 20,064 ไบต์และได้รับ +8 EXP จาก โรคสมาธิสั้น  โพสต์ 2024-5-18 10:27

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังงาน +30 ย่อ เหตุผล
God + 30

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หอมเย้ายวน
ดาบสัมฤทธิ์
มีดสั้นสัมฤทธิ์
เสน่ห์อันเลิศล้ำ
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x2
โพสต์ 2024-5-19 10:37:06 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Nanette Leblanc
โถงอาหารประจำค่าย


ร่างบางเดินเข้ามาภายในโถงอาหารประจำค่ายด้วยอาการที่ยังคงง่วงงุน หลังจากย้ายเข้าไปในบ้านพักหมายเลข 10 บาของสายเลือดเทพีอะโฟร์ไดท์แล้ว นาแนตต์ก็รู้สึกว่าเตียงนอนที่บ้านนั้นมันหลับสบายมากกว่าบ้านเฮอร์มีสเป็นไหน ๆ ถึงจะไม่เท่าเตียงคิงไซส์ที่บ้านของเธอ แต่มันก็ไม่ทำให้เด็กสาวตื่นขึ้นมาพร้อมอาการปวดตัวราวกับโดนใครเหยียบมาทั้งคืน


นาแนตต์ยกมือขึ้นปิดปากหาวหวอด ก่อนจะเดินตรงไปนั่งยังโต๊ะประจำบ้านหมายเลข 10 ซึ่งมีใครบางคนอยู่ก่อนแล้ว


“อรุณสวัสดิ์”


“อรุณสวัสดิ์”


นาแนตต์ตอบกลับคำทักทายของเจโนวีฟก่อนจะนั่งลงตรงข้าม เด็กสาวจัดแจงจานสลัดและแก้วน้ำส้มของตน ก่อนจะเริ่มลงมือทาน นาแนตต์เคี้ยวผักสลัดจนแก้มป่อง แต่แววตากลับเหม่อลอยราวกับคนที่ยังไม่ตื่นดี เรียกความเอ็นดูจากคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามได้เป็นอย่างดี


“แล้ววันนี้เธอจะทำอะไรล่ะ” เจโนวีฟเอ่ยถามคนที่เพิ่งได้รับการรับรองสายเลือดมาหมาด ๆ พลางตักสเต็กปลาเข้าปากไปด้วย


นาแนตต์หยุดเคี้ยวก่อนจะส่ายหัว “ฉันยังไม่รู้เลยว่าการเป็นธิดาของเทพีอะโฟร์ไดท์ต้อทำอะไรบ้าง”


เจโนวีฟร้องอ๋อยาว ๆ ก่อนจะเฉลย “อ๋อ คุณไครอนยังไม่ได้แนะนำเธอสิะ ที่นี่เรามีตารางเรียนที่แตกต่างกันไปแต่ละเดือน เธอสามารถเลือกเข้าเรียนได้ตามความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นหอก ดาบและโล่ มีดสั้น ธนูอะไรพวกนั้น”


“เราจะเรียนของพวกนั้นไปทำไม” นาแนตต์ขมวดคิ้ว ปกติก็ควรจะสอนภาษา ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์อะไรพวกนั้นไม่ใช่หรือไง


“เรียนการใช้และต่อสู้ด้วยอาวุธไง เอาไว้ป้องกันตัวเวลาเธอออกไปจากค่าย”


นาแนตต์เบ้หน้า การจับอาวุธพวกนั้นมันต้องทำให้มือของเธอด้านแน่ ๆ


“แล้วก็ถ้าเธอมั่นใจในฝีมือแล้วล่ะก็ ลองไปดูกระดานบอร์ดหินที่บ้านใหญ่ บางทีก็มีภารกิจจากพวกเทพให้เราช่วย ฉันได้ยินมาว่าหากทำสำเร็จอาจจะได้รับความโปรดปรานจากเทพองค์นั้น ๆ ด้วยนะ”


“ดูยากอ่ะ”


เจโนวีฟหลุดหัวเราะ “งานง่าย ๆ ก็มี ลองไปดูที่กระดานบอร์ดประกาศธรรมดาน่ะ”


“ขอบใจที่แนะนำ ไว้ฉันจะไปดูก็แล้วกัน”


“ดี ๆ ...ยิ่งฝึกมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งจะออกจากค่ายได้เร็วเท่านั้นนะ”


นาแนตต์มองเด็กสาวตรงหน้า ชั่งใจว่าจะถามออกไปดีมั้ย แต่สุดท้ายเสียใสก็เอ่ยถามออกไป “แล้วเธออยู่ค่ายนี้มานานรึยัง”


“ก็ซักพักแล้วนะ แต่ฉันว่าค่ายนี้ก็ไม่แย่ มีคนหล่อ ๆ ให้มองเต็มไปหมด


ท้ายเสียงเจโนวีฟโน้มตัวเข้ามาใกล้ราวกับจะกระซิบกระซาบให้รู้เพียงแค่สองคน นาแนตต์นิ่งไปนิดก่อนจะหัวเราะออกมา แล้วทั้งสองก็ทานอาหารด้วยกันต่อไปอีกเกือบชั่วโมง


ทานอาหารประจำวัน +30 พลังใจ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 18477 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2024-5-19 10:37
โพสต์ 18,477 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 เกียรติยศ +5 ความศรัทธา จาก งามเป็นหนึ่ง  โพสต์ 2024-5-19 10:37
โพสต์ 18,477 ไบต์และได้รับ +5 EXP จาก โรคดิสเล็กเซีย  โพสต์ 2024-5-19 10:37
โพสต์ 18,477 ไบต์และได้รับ +5 EXP จาก โรคสมาธิสั้น  โพสต์ 2024-5-19 10:37

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังงาน +30 ย่อ เหตุผล
God + 30

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หอมเย้ายวน
ดาบสัมฤทธิ์
มีดสั้นสัมฤทธิ์
เสน่ห์อันเลิศล้ำ
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x2
โพสต์ 2024-5-19 19:21:37 | ดูโพสต์ทั้งหมด






OH MY DAY

ใคร ๆ ก็ชอบพูดว่า ‘กองทัพต้องเดินด้วยท้อง’ หนึ่งในใคร ๆ ที่เธอกล่าวถึงแน่นอนว่าต้องมีชื่อของ ‘เนเรซ่า เฮนลาดิส’ หรือก็คือตัวเธอเองอยู่ในนั้น เนเรซ่าไม่ใช่พวกกินจุบจิบ กลับกันเธอเป็นหญิงสาวสุขภาพดีที่ทานอาหารตรงเวลา ทั้งยังทานในจำนวนที่มากแต่ก็ยังสามารถรักษาน้ำหนักรวมไปถึงรูปลักษณ์ภายนอกให้คงไว้ซึ่งความน่ามองได้เช่นเดิม ทั้งหมดนี้ไม่ได้อาศัยเพียงแค่ผลพลอยได้ของการเป็นธิดาอะโฟร์ไดท์ที่จะดูสวยสดงดงามเสมอ ในฐานะที่ใช้ชีวิตมาตลอด 19 ปี เนเรซ่ารู้ตัวดีว่าเธอทุ่มเทไปกับการเสริมภาพลักษณ์ให้เฉียบคมขึ้นโดยไม่หวังพึ่งเพียงแค่กำไรทางหน้าตาที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด

นี่เป็นอีกครั้งที่เธอกำลังยืนถือไม้ม็อบอยู่ในโรงอาหาร

ครั้งแรกคือก่อนหน้านี้ในช่วงที่เธอพึ่งเข้ามาที่นี่ใหม่ ๆ ครั้งที่สองคือช่วงใกล้กับปาร์ตี้วันเกิดที่ตั้งใจจะมาทำงาน แต่พอเดินเข้ามากลับเจอเซอร์ไพร์สพิเศษอัดหน้าโดยมิสเตอร์ดี หรือเทพไดโอนีซุสที่มักปรากฏตัวอยู่ภายในค่ายเสมอ

ถ้าจำไม่ผิดวันนั้นค่อนข้างที่จะวุ่นวาย เพราะจำนวนคน รวมไปถึงข้าวของวางระเกะระกะ กว่าเธอจะกลับมามองหน้าพี่สาวฮาร์ปี้ผู้เป็นแม่ครัวได้อีกครั้งก็ต้องใช้เวลาอยู่นานทีเดียว แต่แล้วยังไง ในเมื่อโรงอาหารมักจะขาดแคลนคน ถ้าอย่างนั้นเธอก็จะรับหน้าที่คนทำความสะอาดจำเป็นอีกครั้ง ก่อนที่จะคิดค่าแรงเป็นอาหารที่เธอต้องการ

“ ให้ฉันช่วยนะคะ ”

บุตรสาวของเทพีแห่งความรักกล่าวกับแม่ครัวฮาร์ปี้ที่ปรายตาลงมองคราบสกปรกบนพื้น เนเรซ่าสวมหูฟังและเลือกเปิดเพลย์ลิสต์ส่วนตัวฟังคลอไปด้วยตลอดการก้มลงใช้ไม้ถูพื้นเช็ดถูไปตามพื้นมันวาวที่ปรากฏรอยเท้ารวมไปถึงเศษอาหารมากมายกระจายกันไปทั่ว ในฐานะที่ปรึกษาคนปัจจุบันของบ้านอะโฟร์ไดท์ นับจากรับหน้าที่ ดูเหมือนว่าบรรยากาศรอบตัวของเนเรซ่าจะอ่อนลงมาก มากพอจะทำให้คนรอบตัวกล้าเข้ามาทักทายหรือสนทนากับเธอมากยิ่งขึ้น แม้ว่าในปัจจุบันเธอจะยังมีข่าวลือแปลก ๆ อย่างเช่นการเป็น ‘สาวอะโฟร์ไดท์ที่หักอกซุปตาร์’ ก็เถอะ

เนเรซ่าใช้เวลาชั่วโมงกว่า ๆ ไปกับการปัดกวาดเช็ดถู จากนั้นใช้เวลาอีกราว ๆ สามสิบนาทีเพื่อนั่งทานข้าวรวมไปถึงลิสต์สิ่งที่เธอคิดจะทำไว้ภายในโน๊ตโทรศัพท์ ก่อนหน้านี้เธอพึ่งส่งจดหมายต้อนรับสมาชิกใหม่ของอะโฟร์ไดท์ไปได้ไม่นาน บางทีอาจจะต้องกลับบ้านพักไปกำชับพี่ ๆ น้อง ๆ ให้ดี หรือไม่ก็คงต้องจัดงานต้อนรับเล็ก ๆ ทิ้งไว้ที่เคบินสิบ แต่ก่อนจะได้ไปจัดการอะไรยิบย่อยเหล่านั้น ..

“ ขอบคุณสำหรับวันนี้นะคะ ไว้พบกันใหม่ ”

รอยยิ้มพิมพ์ใจประดับไว้บนใบหน้า สาวสวยมากเสน่ห์อย่างเนเรซ่าอำลาผู้ดูแลโรงอาหารด้วยท่าทางสุภาพดังที่เคย ก่อนจะย่างเท้าเดินออกไปจากบริเวณโรงอาหารด้วยความคล่องแคล่ว





เวรทำความสะอาดโรงอาหาร : 1/3 ( ต่อสัปดาห์ )
รางวัลงาน: +15 พลังใจ , 1 เหรียญครักม่า และ +10 EXP
ทานอาหารประจำวัน : +30 พลังงาน




แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ 10 EXP โพสต์ 2024-5-19 21:24
โพสต์ 8474 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-5-19 19:21
โพสต์ 8,474 ไบต์และได้รับ +2 ความกล้า +3 ความศรัทธา จาก สร้อยข้อมือถัก  โพสต์ 2024-5-19 19:21
โพสต์ 8,474 ไบต์และได้รับ +2 ความศรัทธา จาก น้ำหอมสตรี  โพสต์ 2024-5-19 19:21
โพสต์ 8,474 ไบต์และได้รับ +2 เกียรติยศ +2 ความกล้า +2 ความศรัทธา จาก ล็อคเก็ตรูปหัวใจ  โพสต์ 2024-5-19 19:21

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +15 เหรียญดรักม่า +1 พลังงาน +30 ย่อ เหตุผล
God + 15 + 1 + 30

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
สร้อยนำโชคจากไทสัน
คัมภีร์เอาชีวิตรอด(เอลล่า)
ประสาทสัมผัสดีขึ้น
แปลงร่าง
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
หอกฮาลต้า
โล่อัสพิส
กล่องสรวงสวาท
เกราะหนัง
Daedalus's Legacy
รองเท้าเซฟตี้
สายใยแห่งรัก
สัญชาตญาณแห่งรัก
ทักษะมีดสั้น
ต่างหูเงิน
หอมเย้ายวน
หูฟังบลูทูธ
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โรคสมาธิสั้น
มีดสั้นสัมฤทธิ์
เสน่ห์อันเลิศล้ำ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x5
x5
x8
x1
x1
x2
x3
x3
x1
x1
x4
x1
x1
x1
x10
x2
x1
x5
x1
x1
x1
x20
x1
x1
x2
x7
x1
x3
x2
x2
x1
โพสต์ 2024-5-19 19:30:12 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Nanette Leblanc
โถงอาหารประจำค่าย


ถึงแม้มันจะเป็นอะไรที่ไม่อยากทำและฝืนใจ แต่นาแนตต์ก็ไม่มีทางเลือกหากต้องการได้เงินดอลลาร์หรือดรักม่าไว้จับจ่ายใช้สอยภายในค่ายฮาล์ฟบลัดแห่งนี้ หลังจากปล่อยให้ตัวเองได้พักจนพอใจแล้ว เด็กสาวก็เดินมายังโถงอาหารประจำค่ายแทนที่จะมุ่งตรงกับบ้านพัก ด้วยความตั้งใจว่าจะมีรับงานทำความสะอาดโรงอาหาร


เท่าที่จำข้อมูลได้คือเธอต้องไปหาแม่ครัวฮาร์ปี้ แน่นอนว่านาแนตต์ไม่เคยเจอแม่ครัวมาก่อนตั้งแต่เธอมาอยู่ที่ค่าย และเด็กสาวก็เข้าใจว่าฮาร์ปี้คือชื่อของแม่ครัวคนนั้น จนกระทั่งร่างบางมาถึงยังห้องครัวและถามหาเจ้าของชื่อ “แม่ครัวฮาร์ปี้อยู่ที่นี่รึเปล่าคะ หนูมาอาสาทำความสะอาดโรงอาหาร”


หญิงสาวที่ไม่ใช่หญิงสาวธรรมดา แต่มีร่างกายท่อนล่างเป็นนกและมีปีกหันมานาแนตต์ทันทีที่เธอพูดจบ ธิดาแห่งอะโฟร์ไดท์ชะงักไปเมื่อเห็นร่างกายของอีกฝ่าย พยายามไม่ทำอะไรกระโตกกระตากเพราะไม่รู้ว่าอสูรตรงหน้าจะจับเธอกินหรือไม่หากโมโหขึ้นมา


ไม่เห็นคือใครเตือนเลยว่าฮาร์ปี้จะเป็นแบบนี้

“ในที่สุดก็มีคนมาช่วยซักที” หญิงสาวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบ ๆ ราวกับพูดกับตัวเองเสียมากกว่า ก่อนที่เธอจะสบตากับเด็กสาวผู้ยืนตัวแข็งทื่อไปแล้ว มาแล้วก็ไปเอาไม้กวาดไม้ถูพื้นตรงที่เก็บอุปกรณ์ตรงโน้นมาทำความสะอาดเข้า อย่ามัวแต่ยืนนิ่ง แล้วทำให้สะอาดด้วยล่ะ ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน


นาแนตต์พยักหน้าแล้วรีบเดินไปหยิบอุปกรณ์ทันทีที่เธอพูดจบ เพราะรู้ดีว่าคำขู่นั่นคงไม่ใช่แค่คำขู่


ถึงจะตั้งใจ แต่คนที่ไม่เคยทำงานบ้านเองเลยอย่างนาแนตต์ก็พบกับอุปสรรคอยู่เหมือนกัน อย่างการพยายามกวาดพื้นแล้วแต่ก็ยังไม่สะอาด เมื่อย้ายไปอีกที่ ที่ที่เพิ่งเดินจากมาก็สกปรกอีก เรียกได้ว่ากว่าจะทำเสร็จก็ทำเอาต้องยกมือปาดเหงื่อ


บอกเลยว่าหากพ่อของเธอมาเห็นเธอตอนนี้ จะต้องภูมิใจจนน้ำตาไหลเหมือนที่นาแนตต์อยากจะร้องไห้ในตอนนี้เหมือนกันแน่ ๆ


ผ้าถูพื้นซึ่งเปียกหมาด ๆ ถูกลากไปตามพื้นส่วนสุดท้าย นาแนตต์พรูลมหายใจยาว ยกมือเท้าเอวมองผลงานของตัวเอง เมื่อตรวจสอบแล้วว่าทุกอย่างสะอาดเรียบร้อย ก็เดินเอาอุปกรณ์ไปเก็บแล้วกลับมาหาแม่บ้านฮาร์ปี้เหมือนเดิม


“หนูทำเสร็จแล้วค่ะ”


“เสร็จแล้วเหรอ ฉันไปตรวจก่อน” แม่บ้านฮาร์ปี้ว่าก่อนจะวางตะหลิวในมือแล้วเดินไปตรวจการทำความสะอาดของเธออย่างจริงจังจนนาแนตต์ลอบกลืนน้ำลายอย่างประหม่า ไม่นานเธอก็กลับมาพร้อมกับค่าตอบแทนในมือ


“เก่งมาก ๆ สะอาดเอี่ยม เอ้านี่ เอานี่ไป 4 เหรียญดรักม่าเป็นค่าตอบแทน


“ขอบคุณค่ะ” นาแนตต์กล่าวขอบคุณพลางรับเหรียญดรักม่ามาอย่างดีใจ นี่คือความรู้สึกของคนที่ทำงานแลกเงินมันเป็นแบบนี้สินะ



เวรทำความสะอาดโรงอาหาร +25 พลังใจ, 4 เหรียญดรักม่า และ +15 EXP

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ 15 EXP โพสต์ 2024-5-19 21:09
โพสต์ 17744 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2024-5-19 19:30
โพสต์ 17,744 ไบต์และได้รับ +3 EXP +8 เกียรติยศ +8 ความกล้า จาก ดาบสัมฤทธิ์  โพสต์ 2024-5-19 19:30
โพสต์ 17,744 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 เกียรติยศ +5 ความศรัทธา จาก งามเป็นหนึ่ง  โพสต์ 2024-5-19 19:30
โพสต์ 17,744 ไบต์และได้รับ +5 EXP จาก โรคดิสเล็กเซีย  โพสต์ 2024-5-19 19:30

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +25 เหรียญดรักม่า +4 ย่อ เหตุผล
God + 25 + 4

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หอมเย้ายวน
ดาบสัมฤทธิ์
มีดสั้นสัมฤทธิ์
เสน่ห์อันเลิศล้ำ
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x2
โพสต์ 2024-5-19 23:51:42 | ดูโพสต์ทั้งหมด


ΞΠJΩΨ ΓΩR THΦS MΞΔL..






ขอให้มีความสุขกับอาหารมื้อนี้ ใช่.. ความคิดของจอห์นเอง เขาคิดว่าจะกินอะไรที่ดูเจริญอาหารให้ได้มากที่สุด ก่อนที่จะออกเดินทาง ในตอนแรก เขาคิดว่าจะไปคนเดียว แสวงหาความแข็งแกร่งเพียงคนเดียว แต่ก็คิดเล็กคิดน้อย หากคุณไครอนไม่อนุญาตล่ะ? จะเป็นยังไง แต่ก็ไม่ได้อยากคิดอะไรมากในตอนรับประทานอาหาร เขาไม่อยากกัดปากตัวเอง ซึ่งในวันนี้นั้นเองเป็นอาทิตย์ เพราะงั้น โต๊ะของบ้านไนกี้ จึงมีคนมานั่งอย่างคึกคัก ผิดกับชายร่างใหญ่ที่นั่งกินอย่างไม่สนใจใคร ก่อนที่จะมีคนๆนึงเดินเข้ามานั่งฝั่งตรงข้ามเขาแล้วชวนเขาคุย ดูอายุน้อยพอสมควร แต่ก็คงเอาอายุของเขานั้นมาเป็นเกณฑ์ไม่ได้อยู่ดี ชายร่างใหญ่ก็ยังคงเจริญอาหารกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาต่อไป ไม่พูดไม่จา แม้ว่าอีกฝ่ายจะคุยกับเขาด้วยเท่าไหร่ ก็ไม่มีท่าทีที่เขาจะตอบ มีเพียงแค่มองไปทางผู้พูด แต่ก็ไม่ได้สนใจ..

เยาวชนในค่ายแห่งนี้นั้นรู้จักมารยาทพอสมควร ถ้าไม่นับเรื่องที่พูดคุยกับเขาที่โต๊ะอาหาร ยังคงจะต้องฝึกต่อไป เพราะคนเรานั้น สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล.. เขาเช็ดปากของตนเอง หยิบถาดของตนเองออกไปจากโรงอาหารที่ตอนนี้มันก็คือเวลาสุขสันของเด็กๆในค่ายๆ โดยที่ผู้เฒ่าผู้แก่ที่อุส่าห์เนียนอยู่กับพวกเขาได้ ก็คงจะไม่มีอะไรจะต้องพูดอะไรเยอะ นอกจาก ขอให้มีความสุขกับค่ายและพลังของตนเอง..

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 6096 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-5-19 23:51
โพสต์ 6,096 ไบต์และได้รับ +3 เกียรติยศ +3 ความกล้า +1 ความศรัทธา จาก ช่ำชองการรบ[II]  โพสต์ 2024-5-19 23:51
โพสต์ 6,096 ไบต์และได้รับ +2 เกียรติยศ +2 ความกล้า +2 ความศรัทธา จาก ดุจสายลม  โพสต์ 2024-5-19 23:51
โพสต์ 6,096 ไบต์และได้รับ +2 ความศรัทธา จาก น้ำหอมบุรุษ  โพสต์ 2024-5-19 23:51
โพสต์ 6,096 ไบต์และได้รับ +2 เกียรติยศ จาก นาฬิกาสปอร์ต  โพสต์ 2024-5-19 23:51

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังงาน +30 ย่อ เหตุผล
God + 30

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ช่ำชองการรบ[II]
กระโดดแห่งชัยชนะ
น้ำหอมบุรุษ
นาฬิกาสปอร์ต
มีดสั้นสัมฤทธิ์
ความถึก
กำไลหินนำโชค
เกราะหนัง
หมวกเกราะ
รองเท้าเซฟตี้
โรคสมาธิสั้น
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โล่อัสพิส
หอกกรีก
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x1
x4
x60
x4
โพสต์ 2024-5-21 11:20:38 | ดูโพสต์ทั้งหมด


CANTEEN

- - - - -


                อเดลเลดหมดเรี่ยวแรงไปกับคลาสเรียนดาบและโล่ไปเป็นที่เรียบร้อยหลังจากที่เธอได้ออกไปสาธิตหน้าชั้นเรียนปิดท้ายด้วยการฝึกซ้อมกับเอเตียนที่เก่งมากจนแทบเอาไม่ลง ปวดเมื่อยเนื้อตัวแถมหิวมากๆ อีกต่างหาก


                "วันนี้ฉันขอเนื้อค่ะ เอาเนื้อมาเยอะๆ เลย" อเดลเลดบอกแม่ครัวฮาร์ปี้ด้วยความเหนื่อยล้า ท้องไส้เรียกร้องหาโปรตีนจนสุดเสียง เวลานี้ต้องกินเนื้อเท่านั้น


                "เป็นยังไงบ้างน้องสาว" เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง อเล็กเซย์ส่งยิ้มมาให้อย่างขบขันเมื่อเห็นสภาพที่ดูไม่จืดของน้องสาวต่างแม่


                "เดลไปเรียนดาบกับโล่มาเมื่อกี้ เหนื่อยเป็นบ้า" อเดลเลดบ่นอุบ ขณะที่เอื้อมมือไปรับจานสเต็กพิคานย่ามีเดียมแรร์จากแม่ครัวฮาร์ปี้มาถือไว้


                "ไปคุยกันต่อที่โต๊ะนะ" หญิงสาวตัดบทพี่ชายที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่างก่อนที่จะวิ่งเร็วจี๋ไปที่โต๊ะของบ้านพักหมายเลข 1 ทันทีเพราะทนความหอมของกลิ่นสเต็กในจานไม่ไหวและเริ่มสวาปามของโปรดของตัวเองทันที ครู่ต่อมาอเล็กเซย์ก็เดินมานั่งตรงข้ามกับเธอ ในตอนนี้บ้านพักหมายเลข 1 เหลือกันอยู่แค่สองพี่น้องคืออเดลเลดและอเล็กเซย์เพราะรอฟีอัสต้องออกไปทำภารกิจข้างนอกค่ายทำให้บ้านเงียบเหงาลงกว่าที่เป็นอยู่พอสมควร


                "เดี๋ยวเดลจะไปที่กองไฟสักการะ ว่าจะไปคุยกับพ่อสักหน่อย พี่จะไปด้วยกันไหม"


                "ได้สิ พี่เองก็ไม่ได้ไปนานแล้ว" อเล็กเซย์และอเดลเลดเงยหน้าขึ้นสบตากัน และรู้ได้ในทันทีว่าเรื่องที่ทั้งสองอยากไปคุยกับพ่อคือเรื่องเดียวกันนั่นคือขอให้รอฟีอัสปลอดภัย


- - - - -


รับประทานอาหารประจำวัน




แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 9088 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-5-21 11:20
โพสต์ 9,088 ไบต์และได้รับ +2 ความศรัทธา จาก น้ำหอมสตรี  โพสต์ 2024-5-21 11:20
โพสต์ 9,088 ไบต์และได้รับ +3 เกียรติยศ +2 ความกล้า จาก รองเท้าเซฟตี้  โพสต์ 2024-5-21 11:20
โพสต์ 9,088 ไบต์และได้รับ +2 EXP +2 เกียรติยศ +2 ความกล้า +2 ความศรัทธา จาก ความแข็งแกร่ง  โพสต์ 2024-5-21 11:20
โพสต์ 9,088 ไบต์และได้รับ +2 เกียรติยศ +2 ความกล้า จาก หูฟังบลูทูธ  โพสต์ 2024-5-21 11:20

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังงาน +30 ย่อ เหตุผล
God + 30

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แว่นกันแดด
เกราะหนัง
หมวกเกราะ
ชุดเครื่องเพชร
น้ำหอมสตรี
ดาบสัมฤทธิ์
มีดสั้นสัมฤทธิ์
รองเท้าเซฟตี้
ความแข็งแกร่ง
ต่างหูเงิน
กำไลหินนำโชค
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x2
x4
x2
x1
x2
x1
โพสต์ 2024-5-24 11:36:25 | ดูโพสต์ทั้งหมด


CANTEEN

- - - - -


                "ฉันกลับมาช่วยงานแล้วค่ะ" อเดลเลดตัดสินใจกลับมาเป็นเวรทำความสะอาดซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง แม้จะทิ้งช่วงไปพักใหญ่หลังจากที่ทำครั้งแรกไปเสร็จเรียบร้อย


                "มาเลยๆ มีงานให้ช่วยเยอะแยะ" แม่ครัวฮาร์ปี้กวักมือเรียก หญิงสาวเดินตามไปอย่างว่าง่าย วันนี้ไม่มีจานกองพะเนินอีกแล้วเพราะเธอเลือกที่จะมาในเวลาเช้าตรู่


                "วันนี้ฉันอยากให้ช่วยทำความสะอาดห้องครัวให้หน่อย ห้องครัวไว้ใช้ปรุงอาหารมันก็ควรจะสะอาดสิจริงไหม" แม่ครัวฮาร์ปี้ผายมีไปยังห้องครัวที่มีคราบน้ำมันและคราบสกปรกเกาะอยู่มากมาย


                "เชื่อมือฉันได้เลยค่ะ" อเดลเลดพูดเพื่อให้ความเชื่อมั่น งานนี้เบากว่ารอบที่แล้วมากเพราะงั้นสบายบรื๋อ หญิงสาวเริ่มจากการขัดเตาเป็นอันดับแรกเพื่อขจัดคราบเขม่าดำที่ฝังแน่น เธอไม่แน่ใจนักว่ามันถูกทำความสะอาดครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่เพราะต้องออกแรงขัดเยอะทีเดียวกว่าจะสะอาด


                "เหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย" เธอบ่นกับตัวเองขณะกำลังจัดจานทุกใบเข้าตู้เก็บจานและแยกช้อน ส้อม ตะเกียบ ทัพพี ตะหลิวรวมถึงหม้อกับกะทะที่ใช้ในการทำอาหารออกจากกัน จัดเข้าตู้เก็บให้เป็นระเบียบ


                อเดลเลดฮัมเพลงโปรดที่นึกขึ้นได้หัวเบาๆ เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความสุขในการทำงาน และงานสุดท้ายสำหรับวันนี้คือการทำความสะอาดพื้นในครัวที่เป็นคราบดำๆ เช่นเดียวกับเตาเมื่อครู่ หญิงสาวลงมือขัดพื้นครัวหลังจากที่กวาดฝุ่นผงออก เรียกได้ว่าเป็นการทำความสะอาดครัวครั้งใหญ่ที่เล่นเอาหมดเรี่ยวแรงเลยทีเดียว


                "เสร็จหมดแล้วค่ะ"


                "ขอบใจมาก เบาแรงได้เยอะแรง" ค่าตอบแทนถูกวางลงบนมือที่เปื่อยจนซีดเพราะแช่น้ำเป็นเวลานานของอเดลเลด


                "ขอบคุณค่า ไว้จะมาช่วยใหม่นะคะ"


- - - - -


เวรทำความสะอาดโรงอาหาร

+25 พลังใจ, 50 ดอลล่าร์ และ +15 EXP




แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ 15 EXP โพสต์ 2024-5-24 17:24
โพสต์ 11453 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-5-24 11:36
โพสต์ 11,453 ไบต์และได้รับ +4 ความศรัทธา จาก น้ำหอมสตรี  โพสต์ 2024-5-24 11:36
โพสต์ 11,453 ไบต์และได้รับ +4 เกียรติยศ +4 ความกล้า จาก ดาบสัมฤทธิ์  โพสต์ 2024-5-24 11:36
โพสต์ 11,453 ไบต์และได้รับ +5 ความกล้า จาก โล่อัสพิส  โพสต์ 2024-5-24 11:36

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +25 เงินดอลลาร์ +50 ย่อ เหตุผล
God + 25 + 50

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แว่นกันแดด
เกราะหนัง
หมวกเกราะ
ชุดเครื่องเพชร
น้ำหอมสตรี
ดาบสัมฤทธิ์
มีดสั้นสัมฤทธิ์
รองเท้าเซฟตี้
ความแข็งแกร่ง
ต่างหูเงิน
กำไลหินนำโชค
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x2
x4
x2
x1
x2
x1
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้