12
ตั้งกระทู้ใหม่ตอบกลับ กลับไป
เจ้าของ: God

〈 ประเทศอิตาลี 〉เมืองปิซา

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2025-7-11 14:15:59 | ดูโพสต์ทั้งหมด







Daemon  Kannel

16 · พฤษภาคม · 2025
 · 13.10 น.
          เดม่อนเดินออกมาจากห้องนอนใหญ่ ปาตองเดินตามมาติดๆ มันสะบัดหางดุ๊กดิ๊กไปมา ราวกับดีใจที่ได้ออกจากใต้เตียงเสียที 'อย่างน้อยก็เจอไปหนึ่ง' เดม่อนคิด แต่เป้าหมายหลักของเขายังคงหายไปอย่างลึกลับ ริโคล่าซ่อนตัวได้แนบเนียนกว่าที่คิดมาก

          เขาไล่สายตาไปตามโถงทางเดิน มีประตูอีกสองบานที่ยังไม่ได้เปิด บานหนึ่งอยู่สุดทางเดินด้านซ้ายมือ ส่วนอีกบานอยู่เยื้องไปทางขวาเล็กน้อย 'คงไม่พ้นสองห้องนี้แล้วล่ะ'

          เดม่อนเลือกที่จะไปทางซ้ายมือก่อน เขาเดินอย่างเงียบเชียบ พยายามฟังเสียงใดๆ ก็ตามที่อาจจะบ่งบอกถึงตำแหน่งของริโคล่า หรือแม้แต่เสียงหอบหายใจของปาตองที่อาจจะบอกใบ้ถึงตำแหน่งของเพื่อนซี้ แต่ก็ไม่มีอะไร

          เขาหยุดอยู่ที่ประตูบานแรกทางซ้าย ค่อยๆ เอื้อมมือไปที่ลูกบิด ประตูนี้เป็นประตูไม้เก่าสีขาว มีรอยขูดขีดจางๆ ตามขอบ เดม่อนบิดลูกบิดอย่างช้าๆ แล้วแง้มประตูออก แสงสลัวจากภายในส่องออกมา

          สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือห้องเก็บของขนาดใหญ่กว่าห้องแรกที่เขาแง้มดูเสียอีก ภายในเต็มไปด้วยลังกระดาษเก่าๆ เฟอร์นิเจอร์ที่ถูกคลุมด้วยผ้าขาว และของใช้จิปาถะมากมาย กลิ่นไม้เก่าและฝุ่นคละคลุ้งไปทั่ว

          เดม่อนกวาดสายตาไปรอบๆ อย่างละเอียด เขามองไปที่ซอกหลืบต่างๆ ที่พอจะเป็นที่ซ่อนของเด็กตัวเล็กๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นหลังกองลัง หรือใต้โต๊ะเก่าที่วางอยู่มุมห้อง แต่ไม่ว่าจะมองหาเท่าไหร่ ก็ไม่พบวี่แววของริโคล่า

          'ไม่น่าใช่ที่นี่แฮะ' เขาสรุป ก็อบลินยังน่าสนใจกว่าไอ้ฝุ่นพวกนี้เยอะ เขากำลังจะถอยออกมา แต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นผ้าห่มผืนใหญ่สีสันสดใสที่กองอยู่มุมห้อง มันดูใหม่และสะอาดกว่าของชิ้นอื่นในห้องเก็บของอย่างเห็นได้ชัด

          เดม่อนเดินเข้าไปใกล้ พลางใช้ปลายเท้าเขี่ยๆ ผ้าห่มผืนนั้นเบาๆ ไม่มีอะไรเคลื่อนไหว แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจนัก เขาเอื้อมมือไปจับชายผ้า แล้วดึงออกอย่างรวดเร็ว

          "จะแฮะ!" เดม่อนพึมพำ

          ไม่มีอะไรอยู่ใต้ผ้าห่ม นอกจากความว่างเปล่า เขาถอนหายใจเล็กน้อย

          'เอาล่ะ เหลือแค่ห้องสุดท้ายแล้ว' เดม่อนคิด พลางเดินออกจากห้องเก็บของ ปิดประตูเบาๆ แล้วมุ่งหน้าไปยังประตูบานสุดท้ายที่อยู่สุดทางเดินด้านขวามือ

          ประตูบานสุดท้ายเป็นไม้สีเข้ม ดูแข็งแรงกว่าบานอื่น เดม่อนเอื้อมมือไปที่ลูกบิด พลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ 'ต้องเป็นที่นี่แน่ๆ' เขากำลังจะบิดลูกบิด...

          "เจอตัวแล้ว!"

          เสียงเล็กใส ดังขึ้นจากด้านหลัง พร้อมกับสัมผัสบางเบาที่แตะลงบนแผ่นหลัง เดม่อนสะดุ้งเล็กน้อย หันขวับไปมอง ก็พบกับริโคล่าที่ยืนยิ้มแป้นอยู่ตรงนั้น ดวงตาของเธอเป็นประกายระยิบระยับด้วยความสนุกสนาน ปาตองที่เดินตามเดม่อนมาก็เห่าเบาๆ เหมือนร่วมยินดีกับชัยชนะของเจ้านาย

          เดม่อนยิ้มมุมปาก 'แพ้จนได้' เขานึกในใจ แต่ความรู้สึกพ่ายแพ้นั้นกลับเจือไปด้วยความอบอุ่นใจ

      "ขอบคุณนะพี่ชาย" ริโคล่าเอ่ยขึ้น น้ำเสียงสดใส "ไม่ได้เล่นซ่อนหากับคนอื่นนอกจากปาตองมานานแล้ว"

          คำพูดนั้นทำให้เดม่อนรู้สึกดีอย่างประหลาด อย่างน้อยวันนี้เขาก็ได้ทำให้เด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งมีความสุขได้บ้าง แม้ว่าเธอจะไม่ได้เจอพ่ออย่างที่หวังไว้ก็ตาม

          "ไม่เป็นไรจ้ะ" เดม่อนตอบ พลางลูบหัวริโคล่าเบาๆ "ว่าแต่หนูสนุกไหม?"

          "สนุกมากเลยค่ะ!" เธอกระโดดโลดเต้น ก่อนจะโบกมือบ๊ายบาย "หนูไปแล้วนะคะพี่จ๋า!"

          ริโคล่าวิ่งกลับเข้าไปในบ้านพร้อมกับปาตอง ทิ้งให้เดม่อนยืนอยู่คนเดียวในโถงทางเดิน เขายิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากบ้านของริโคล่า

          เมื่อก้าวเท้าออกมาจากประตูรั้วบ้าน กลิ่นอายของเมืองอิตาลีก็โชยมาปะทะจมูก แสงแดดยามบ่ายยังคงเจิดจ้า แต่สิ่งที่ทำให้เดม่อนต้องชะงักคือร่างสูงโปร่งที่ยืนพิงกำแพงอิฐเก่าๆ อยู่ไม่ไกลนัก

          เฮอร์มีส เทพแห่งการสื่อสารและผู้ส่งสารของเทพเจ้า กำลังยืนไขว่ห้างอย่างสบายๆ แสงแดดสะท้อนกับปีกเล็กๆ ที่ติดอยู่บนรองเท้าบูทของเขา ถุงใส่พัสดุขนาดใหญ่ที่เขาแบกมาในตอนแรกดูจะฟีบลงไปมาก ราวกับว่าเทพองค์นี้เพิ่งไปส่งของมาหลายที่ก่อนจะกลับมาเช็คงาน

          "เป็นไงบ้าง เล่นกับเด็กปลอดโปร่งขึ้นบ้างไหม?" เฮอร์มีสเอ่ยทัก น้ำเสียงสบายๆ แต่แฝงไปด้วยความรู้ทัน "เจ้าทำงานได้ดี เมื่อกี้ถือว่าผ่านโปร"

          เดม่อนเลิกคิ้วเล็กน้อย 'ผ่านโปร? หมายถึงเรื่องก็อบลินเมื่อครู่สินะ'

          "อยากจะรับงานส่งของอีก 3 ชิ้นไหม? เดินทางไกลหน่อยแต่อยู่ภายในยุโรป ข้ามีเงินค่าตอบแทนให้" เฮอร์มีสยิ้มกรุ้มกริ่ม พลางชูถุงผ้าใบเล็กๆ ที่ดูเหมือนจะหนักพอสมควร

          "ไม่ล่ะครับ" เดม่อนตอบสั้นๆ ดวงตาสีน้ำทะเลจับจ้องไปที่เฮอร์มีส เขารู้สึกไม่ค่อยชอบใจนักที่เทพเจ้าคนนี้ดูเหมือนจะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่เขาเจอเมื่อครู่ ทั้งเรื่องก็อบลินและการเล่นซ่อนหากับริโคล่า 'เทพนี่มันก็เทพจริงๆ นั่นแหละ' เขานึกในใจพลางถอนหายใจเล็กน้อย

          "ขอบคุณสำหรับข้อเสนอครับ แต่ผมมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำมากกว่า" เดม่อนพูดเสียงเรียบ ปฏิเสธงานส่งของที่ดูเหมือนจะเป็นการทดสอบกลายๆ จากเฮอร์มีส แม้เขาจะชอบความท้าทายและเงินค่าตอบแทนที่ดูเย้ายวนใจ แต่ภารกิจตามหาพ่อยังคงสำคัญที่สุดสำหรับเขา ตั้งแต่ครั้งนั้นเขาก็ไม่ได้ข่าวคราวพ่ออีกเลย ไม่รู้ว่าตอนนี้เขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ อีกทั้งยังมีเรื่องลิเลียน่าที่ดูแปลกไป เขาต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง....

          เฮอร์มีสยิ้มมุมปาก ไม่ได้ดูแปลกใจกับคำตอบของเดม่อนมากนัก "แล้วแต่เจ้าเลย" เขายักไหล่เล็กน้อย เก็บถุงผ้าใบกลับเข้าไปในเสื้อคลุม "แต่นายรู้อะไรไหม เจ้าหนู การทำงานให้พวกเราก็ถือเป็นการตามหาตัวเองไปในตัวนะ"

          เดม่อนไม่ได้ตอบโต้ เขาพยักหน้ารับเบาๆ เป็นเชิงว่าเข้าใจ ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป ไม่สนใจถ้อยคำสุดท้ายของเทพผู้ส่งสาร

          เขาเดินไปตามถนนของเมืองอิตาลี พลางเหลือบมองซ้ายขวาเพื่อหาป้ายบอกทางหรือสัญญาณอะไรก็ตามที่จะนำไปสู่สนามบิน ความคิดในหัวเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ผ่านมา 'พ่อแท้ๆ ของฉันคือใครกันแน่?' คำถามนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในใจไม่เคยจางหาย

แต่แล้วจู่ๆ แผนการที่ตั้งใจจะไปสนามบินก็เปลี่ยนไปเพราะเขาลืมไปว่าตั๋วเร่งด่วนไม่จองล่วงหน้ามันราคาสูง เดม่อนเหลือบไปเห็นรถยนต์คันหนึ่งที่จอดอยู่ไม่ไกลนัก เป็นรถแวนสีฟ้าเก่าๆ มีสติกเกอร์รูปอุ้งเท้าแมวแปะอยู่เต็มคัน และมีรูปหัวใจเล็กๆ แทรกอยู่ประปราย 'อืม...น่าสนใจ'

          เขากระโดดหลบเข้าไปหลังพุ่มไม้ขนาดใหญ่ สายตาสำรวจรอบตัวให้แน่ใจว่าไม่มีใครมองเห็น เมื่อแน่ใจแล้ว เดม่อนก็รวบรวมสมาธิ พลังแห่งการแปลงร่างเริ่มทำงาน ร่างกายของเขายืดหดผิดรูปไปชั่วขณะ ก่อนที่เสื้อยืดค่ายฮาล์ฟบลัดสีส้มจะหดเล็กลงพร้อมกับแขนขาที่เปลี่ยนไป กลายเป็นร่างของแมวดำขนปุยตัวเล็กๆ ดวงตาสีเขียวมรกตที่เคยเป็นของมนุษย์ บัดนี้เปล่งประกายความเจ้าเล่ห์ของแมวเหมียว

          เขาเดินออกมาจากพุ่มไม้ สะบัดหางหนึ่งที แล้ววิ่งไปที่รถแวนคันนั้น เจ้าของรถดูจะเป็นหญิงชราใจดี เธอเพิ่งเปิดประตูรถด้านคนขับเตรียมจะเข้าไปนั่ง เดม่อนรีบกระโดดขึ้นไปบนยางล้อหลัง แล้วมองส่งสายตาออดอ้อนไปยังเธอ

          หญิงชราเห็นแมวดำตัวน้อยที่ดูบอบบางก็ชะงัก เธอมีรอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้า "โอ๊ะโอ๋! แมวน้อยมาจากไหนกันจ๊ะเนี่ย?" เธอย่อตัวลงมา มองเดม่อนด้วยความเอ็นดู

          เดม่อนใช้ดวงตากลมโตของแมวมองตอบกลับไปอย่างออดอ้อน พลางส่งเสียงครางเหมียวๆ ราวกับจะบอกว่า 'หนูหลงทาง หนูอยากไปกับคุณแม่'

          หญิงชราหัวเราะเบาๆ "ตาแป๋วเชียว! เอาเถอะๆ ในเมื่อมองตาซึ้งขนาดนี้ จะทิ้งกันได้ยังไง" เธอยื่นมือมาอุ้มเดม่อนขึ้นไปบนรถอย่างเบามือ "สงสัยอยากจะไปโรมด้วยกันสินะเจ้าตัวเล็ก"

          เดม่อนรู้สึกพอใจกับแผนการของตัวเองที่สำเร็จตามคาด เขากระโดดขึ้นไปนั่งบนเบาะผู้โดยสาร หางกระดิกน้อยๆ พลางหลับตาลงเตรียมตัวสำหรับการเดินทางไปโรมอย่างสบายใจ

NC

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [God-13-1] เฮอร์มีส เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2025-7-13 02:32
โพสต์ 36115 ไบต์และได้รับ 18 EXP!  โพสต์ 2025-7-11 14:16
โพสต์ 36,115 ไบต์และได้รับ +5 EXP +8 ความศรัทธา จาก มนต์มหาเสน่ห์  โพสต์ 2025-7-11 14:16
โพสต์ 36,115 ไบต์และได้รับ +15 EXP +1 Point +8 เกียรติยศ +15 ความกล้า จาก ดาบเธซีอุส  โพสต์ 2025-7-11 14:16
โพสต์ 36,115 ไบต์และได้รับ +7 EXP +8 เกียรติยศ +10 ความกล้า +5 ความศรัทธา จาก หมวกนีเมียน  โพสต์ 2025-7-11 14:16

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +10 เหรียญดรักม่า +25 ย่อ เหตุผล
God + 10 + 25

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Icarus Mirror
แหวนห้วงมิติ
คำสาปแห่งแอรีส
พร: ทนทานไฟ
โล่แห่งโทสะ
กางเกงเดินป่า
การควบคุมความรัก
ชุดบำรุงอาวุธ
มนต์มหาเสน่ห์
ดาบเธซีอุส
หมวกนีเมียน
ทักษะดาบ
นาฬิกาสปอร์ต
แปลงร่าง
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
รองเท้าเซฟตี้
กำไลหินนำโชค
หอมเย้ายวน
ตาหลากสี
โรคสมาธิสั้น
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
เสน่ห์อันเลิศล้ำ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x2
x8
x1
x9
x7
x10
x1
x1
x2
x14
x2
x1
x20
x6
x2
x1
x1
x1
x1
โพสต์ 7 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด
Jupiter Camp Gazette
บันทึกแห่งสรวงสวรรค์ • ฉบับที่ 02
ภัทรานิษฐ์ พิพัฒน์เกียรติ
"คนอย่างพวกนายก็เหมาะสมที่จะได้รับการทรมารจากดินแดนนรกแล้วละนะ"

วันที่: 20 สิงหาคม พุทธศักราช 2558


หัวข้อการโรลเพลย์ : เมื่อการเดินทาง...คือความทรงจำสุดท้ายของครอบครัวพิพัฒน์เกียรติ

สถานที่ : เมืองปิซ่า




การเดินทางอันแสนอบอุ่นในวันที่อากาศสดใสในประเทศอิตาลี คณะเดินทางของเราประกอบไปด้วย อธิปัตย์ และ ลลิตา พิพัฒน์เกียรติ ที่เป็นผู้อาวุโสของครอบครัว ธนาธิป และ มณฑิรา พิพัฒน์เกียรติ ลูกชายและลูกสะใภ้ นภัสสร พิพัฒน์เกียรติ ลูกสาว และ ภัทรานิษฐ์ พิพัฒน์เกียรติ หลานสาวของนภัสสรที่เป็นเหมือนแก้วตาดวงใจของอธิปัตย์และลลิตา และยังเป็นหลานสาวของธนาธิปและมณฑิราอีกด้วย ทั้งหมดกำลังจะเดินทางจากกรุงโรมไปยังเมืองปิซา ซึ่งเป็นเมืองสุดท้ายที่ครอบครัวจะได้เดินทางท่องเที่ยวร่วมกัน โดยมี จริยา คนรับใช้ผู้ดูแลครอบครัวติดตามไปด้วย


เสียงล้อรถไฟสายความเร็วสูง Frecciarossa ดังขึ้นอย่างสม่ำเสมอเป็นจังหวะแห่งการเดินทาง ขณะที่มันทะยานออกจากกรุงโรมสู่ทิศเหนืออย่างรวดเร็ว ภาพทิวทัศน์นอกหน้าต่างเปลี่ยนผ่านจากความวุ่นวายและอาคารเก่าแก่ของเมืองหลวง สู่ทุ่งหญ้าสีเขียวขจีกว้างสุดสายตาที่สลับกับไร่องุ่นที่ทอดยาวเป็นระยะ คุณอธิปัตย์ เอนหลังพิงเบาะกำมะหยี่สีแดงอย่างผ่อนคลาย หลับตาลงอย่างสงบ ราวกับกำลังซึมซับทุกช่วงเวลา มือข้างหนึ่งกุมมือ คุณลลิตา ที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างนุ่มนวลและมั่นคง


​"คุณลลิตาจำได้ไหม" เสียงทุ้มนุ่มของเขาเอ่ยขึ้น พลางรำลึกถึงความหลัง "ตอนที่เราเป็นหนุ่มเป็นสาว เคยมาเที่ยวอิตาลีด้วยกันสองคน"


คุณลลิตาหันมายิ้มอย่างอบอุ่น ดวงตาเป็นประกาย "จำได้สิคะ...เราไปฟลอเรนซ์ด้วยกัน แล้วก็โรม แต่ไม่เคยมาปิซาเลยนะ" เธอจับมือคุณอธิปัตย์แน่นขึ้น "ตอนนั้นเรามีความฝันว่าอยากกลับมาเที่ยวที่นี่อีกครั้ง...แต่ในวันที่ครอบครัวของเราใหญ่ขึ้นแบบนี้...มันเป็นความสุขยิ่งกว่าฝันอีกค่ะ"


จริยา ที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากทุกคน หยิบผ้าห่มผืนบางมาคลุมให้คุณอธิปัตย์อย่างรู้ใจก่อนที่เขาจะรู้สึกง่วงงุน เธอเดินไปรินน้ำดื่มใส่แก้วให้คุณมณฑิรา และหยิบขนมปังอบกรอบใส่จานให้ภัทรานิษฐ์อย่างเงียบเชียบ ทุกการกระทำของเธอเต็มไปด้วยความใส่ใจและแม่นยำ


คุณธนาธิป ซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามหันมายิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี "ก็พวกเราไงครับพ่อแม่" เขากล่าวพร้อมหัวเราะ "พวกเราทำให้ฝันของพ่อแม่เป็นจริงแล้วนะครับ"

​"ใช่ค่ะคุณพ่อคุณแม่" คุณมณฑิรา เสริม "ครั้งนี้พวกเราได้มาเที่ยวด้วยกันทั้งครอบครัว...เป็นความทรงจำที่ล้ำค่าที่สุดเลยค่ะ"


คุณนภัสสร ที่นั่งข้างๆ ภัทรานิษฐ์ กำลังอธิบายเรื่องราวของเมืองปิซาให้ลูกสาวฟังอย่างตั้งใจ ภัทรานิษฐ์เงยหน้าขึ้นจากสมุดวาดภาพด้วยดวงตากลมโตเป็นประกาย


"คุณตาคุณยายคะ...คุณแม่บอกว่าที่ปิซาไม่ได้มีแค่หอเอน" เธอพูดด้วยน้ำเสียงใสซื่อและไร้เดียงสา "มีจัตุรัสแห่งปาฏิหาริย์ด้วย แล้วก็มีโบสถ์สวยๆ ตั้งหลายแห่งเลย"


คุณอธิปัตย์ยิ้มบางๆ และลูบศีรษะหลานสาวอย่างเอ็นดู "ใช่แล้วจ้ะหลานรัก" เขาพูด "ปิซามีอะไรให้เราค้นหาอีกเยอะเลย...วันนี้เราทุกคนจะได้ไปสำรวจด้วยกันนะ"


คุณลลิตาเหลือบมองคุณอธิปัตย์ แล้วหันไปกระซิบกับภัทรานิษฐ์ "แล้วอย่าลืมนะลูก...ที่โรมมีตำนานเรื่อง ลูปา หมาป่าที่เลี้ยงดูโรมูลุสกับเรมัสผู้สร้างกรุงโรม ที่นี่อาจจะมีหมาป่าที่คอยปกป้องคุ้มครองเมืองอยู่ก็ได้นะ"


​ภัทรานิษฐ์ทำหน้าครุ่นคิดอย่างจริงจัง "จริงเหรอคะคุณยาย...หนูจะลองมองหาดูนะคะ"


ทุกคนในตู้รถไฟยิ้มให้กันอย่างมีความสุข หัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นท่าทางกระตือรือร้นของภัทรานิษฐ์ บรรยากาศอบอวลไปด้วยความอบอุ่นและความผูกพันที่แสนพิเศษ ทุกคนต่างรู้ดีว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่แค่การไปเที่ยว แต่เป็นการสร้างความทรงจำอันงดงามร่วมกันเป็นครั้งสุดท้ายของครอบครัวพิพัฒน์เกียรติอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา


​หลังจากเดินทางมาถึงเมืองปิซาและเข้าพักที่โรงแรมเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็พร้อมที่จะออกเดินทางไปสัมผัสเสน่ห์ของเมืองนี้ แสงแดดอ่อนๆ ยามบ่ายสาดส่องลงมาบนถนนหินกรวดเก่าแก่ที่สะท้อนเงาของอาคารต่างๆ อย่างงดงาม คุณธนาธิป เดินจูงมือ ภัทรานิษฐ์ อย่างระมัดระวัง พลางบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เธอฟังอย่างสนุกสนาน ขณะที่ คุณมณฑิรา เดินประกบอยู่ข้างๆ อย่างใกล้ชิด และมี จริยา เดินตามไปอย่างเงียบๆ ราวกับเป็นเงาที่คอยปกป้องคุ้มครอง


ทุกคนในตู้รถไฟยิ้มให้กันอย่างมีความสุข หัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นท่าทางกระตือรือร้นของภัทรานิษฐ์ บรรยากาศอบอวลไปด้วยความอบอุ่นและความผูกพันที่แสนพิเศษ ทุกคนต่างรู้ดีว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่แค่การไปเที่ยว แต่เป็นการสร้างความทรงจำอันงดงามร่วมกันเป็นครั้งสุดท้ายของครอบครัวพิพัฒน์เกียรติอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา


​หลังจากเดินทางมาถึงเมืองปิซาและเข้าพักที่โรงแรมเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็พร้อมที่จะออกเดินทางไปสัมผัสเสน่ห์ของเมืองนี้ แสงแดดอ่อนๆ ยามบ่ายสาดส่องลงมาบนถนนหินกรวดเก่าแก่ที่สะท้อนเงาของอาคารต่างๆ อย่างงดงาม คุณธนาธิป เดินจูงมือ ภัทรานิษฐ์ อย่างระมัดระวัง พลางบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เธอฟังอย่างสนุกสนาน ขณะที่ คุณมณฑิรา เดินประกบอยู่ข้างๆ อย่างใกล้ชิด และมี จริยา เดินตามไปอย่างเงียบๆ ราวกับเป็นเงาที่คอยปกป้องคุ้มครอง


จริยาคอยเดินอยู่ไม่ห่างจากทุกคน เธอคอยกางร่มบังแดดให้คุณอธิปัตย์และคุณลลิตา และช่วยถือกระเป๋าของทุกคนอย่างคล่องแคล่ว สายตาของเธอมองสำรวจรอบๆ ตัวอย่างระมัดระวังอยู่เสมอ ราวกับกำลังตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกคนปลอดภัย


​"คุณพ่อคะ...ที่นี่บรรยากาศดีจังเลยค่ะ" คุณมณฑิรากล่าวพลางสูดหายใจเข้าเต็มปอด "อากาศก็ดี ไม่ร้อนจนเกินไป แถมยังมีกลิ่นอายของประวัติศาสตร์อบอวลไปทั่วเลยค่ะ"


​คุณอธิปัตย์ และ คุณลลิตา เดินเคียงคู่กันไปอย่างช้าๆ คุณอธิปัตย์ชี้ไปที่สะพานเก่าแก่ข้ามแม่น้ำอาร์โนที่เรียกว่า ปอนเต ดี เมซโซ (Ponte di Mezzo) "ดูสิคุณลลิตา...สะพานนี้สวยมากเลยนะ" เขาพูด "เราเดินเล่นริมน้ำกันก่อนไหม"


​คุณนภัสสร พยักหน้าเห็นด้วย "ดีเลยค่ะคุณพ่อ...ภัทรอยากถ่ายรูปกับแม่น้ำอาร์โนด้วย"


​ทุกคนเดินเลียบไปตามริมฝั่งแม่น้ำอาร์โนอย่างช้าๆ ภาพตึกสีพาสเทลเก่าแก่เรียงรายเป็นทิวแถวสะท้อนในผิวน้ำที่นิ่งสงบราวกับกระจก ผู้คนนั่งจิบกาแฟอยู่ตามคาเฟ่ริมทาง บ้างก็ปั่นจักรยานไปมาอย่างสบายๆ บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบสงบและโรแมนติก


​"คุณตาคะ" ภัทรานิษฐ์ดึงแขนคุณธนาธิปด้วยความตื่นเต้น "เรามาดูพิพิธภัณฑ์กันเถอะค่ะ...แม่บอกว่าที่นี่มีของเก่าเยอะเลย"


​คุณธนาธิปยิ้ม "ไว้ตอนเย็นนะลูก...ตอนนี้เราเดินเล่นพักผ่อนกันก่อนดีกว่า"


​เมื่อเดินไปถึงจัตุรัสใหญ่ ทุกคนก็ต้องตะลึงกับความงดงามของ Piazza dei Miracoli หรือจัตุรัสแห่งปาฏิหาริย์ พื้นหญ้าเขียวขจีกว้างใหญ่ตัดกับสีขาวบริสุทธิ์ของหินอ่อนของสิ่งก่อสร้างอันยิ่งใหญ่ทั้งสาม ได้แก่ หอเอนปิซา ที่เอนตัวอย่างโดดเด่นท้าทายแรงโน้มถ่วง มหาวิหาร Duomo di Pisa ที่งดงามอลังการด้วยลวดลายแกะสลักอันวิจิตร และ หอศีลจุ่ม Baptistery of Pisa ที่ดูสง่างามเป็นอย่างยิ่ง


​"โอ้โห..." คุณลลิตาอุทานด้วยความทึ่ง "สวยงามยิ่งกว่าในรูปภาพอีกนะคุณอธิปัตย์"


​คุณอธิปัตย์พยักหน้าอย่างช้าๆ แววตาเต็มไปด้วยความสุขและภาคภูมิใจ "ใช่...สวยงามจริงๆ" เขาเหลือบไปมองทุกคนในครอบครัว "นี่แหละ...ความสุขที่แท้จริง"


​ทุกคนผลัดกันถ่ายรูปกับหอเอนปิซาในท่าทางต่างๆ สร้างเสียงหัวเราะและรอยยิ้มอย่างไม่ขาดสาย คุณธนาธิป ถ่ายภาพเซลฟี่ครอบครัวกับฉากหลังของมหาวิหาร คุณนภัสสร ถ่ายภาพมุมสูงของจัตุรัสอันกว้างใหญ่ คุณอธิปัตย์ และ คุณลลิตา นั่งลงบนม้านั่งพลางเฝ้ามองลูกๆ และหลานๆ อย่างอิ่มเอมใจ


​เมื่อใกล้ถึงเวลาพระอาทิตย์ตกดิน ทุกคนก็กลับมารวมตัวกัน ภัทรานิษฐ์ ยื่นมือให้คุณอธิปัตย์และคุณลลิตา "คุณตาคุณยายคะ...มาดูพระอาทิตย์ตกที่หอเอนกันนะคะ"


​แสงสีทองสุดท้ายของวันสาดส่องกระทบหอเอนปิซา เกิดเป็นภาพที่สวยงามจับตา ทุกคนยืนมองภาพตรงหน้าอย่างเงียบสงบและดื่มด่ำกับบรรยากาศที่แสนโรแมนติกนี้ คุณอธิปัตย์ จับมือคุณลลิตาอย่างอ่อนโยน เขาหันไปมองลูกๆ และหลานๆ ที่ยืนอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา น้ำตาแห่งความสุขเอ่อคลออยู่ในดวงตา "พวกเราทุกคน...ขอบคุณที่ทำให้การเดินทางครั้งนี้สมบูรณ์แบบที่สุด"


การเดินทางครั้งใหม่


​วันรุ่งขึ้นมาถึงอย่างรวดเร็ว ทุกคนในครอบครัวพิพัฒน์เกียรติรวมตัวกันที่สถานีรถไฟเพื่อกล่าวอำลา ภัทรานิษฐ์ และ คุณนภัสสร กำลังจะเดินทางไปยังอีกเมืองหนึ่ง ในขณะที่คนอื่นๆ ในครอบครัวจะเดินทางกลับสู่กรุงโรม


​จริยา เตรียมสัมภาระและตั๋วรถไฟไว้ให้ภัทรานิษฐ์อย่างเรียบร้อย เธอคอยจัดเสื้อผ้าที่ยับเล็กน้อยให้เข้าที่เข้าทาง และยื่นขวดน้ำให้ภัทรานิษฐ์อย่างใส่ใจ


​คุณอธิปัตย์ ก้มลงกอดภัทรานิษฐ์อย่างอบอุ่น "ดูแลตัวเองนะลูก...แล้วจำไว้นะ" เขาพูดเสียงนุ่มนวล "การตามหา ลูปา ไม่ใช่การตามหาหมาป่าจริงๆ"


​ภัทรานิษฐ์เงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัย "แล้วคืออะไรเหรอคะคุณตา"


​"ลูปา ในที่นี้หมายถึงผู้ที่คอยปกป้องดูแลเราอย่างเงียบๆ โดยที่เราอาจจะมองไม่เห็น หรือไม่ทันสังเกตเห็นตัวตนที่แท้จริงของเขา" คุณอธิปัตย์อธิบายด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น "บางครั้งลูปาก็เป็นเหมือนกับผู้พิทักษ์ที่คอยดูแลเราจากเงามืด อาจจะเป็นคนแปลกหน้าบนรถไฟที่คอยดูพวกเราอยู่ห่างๆ หรือแม้แต่คนที่อยู่ใกล้ตัวเราที่สุดก็ได้นะ"


​คุณลลิตาเสริมขึ้นมาอย่างอ่อนโยน "ใช่แล้วจ้ะหลานรัก...เพราะฉะนั้นเมื่อลูกเดินทางต่อไป...จงมองหาลูปาที่อยู่ในชีวิตของลูกนะ"


​ภัทรานิษฐ์มองไปที่ จริยา ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่แววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย เธอทำได้เพียงยิ้มให้จริยาอย่างอ่อนโยนก่อนจะหันไปกอดคุณตาคุณยายและทุกคนในครอบครัวอย่างแน่นหนา


​"ขอบคุณค่ะคุณตาคุณยาย...หนูจะจำไว้เสมอนะคะ"


​ท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามเช้าที่สาดส่องลงมาบนชานชาลา ครอบครัวพิพัฒน์เกียรติโบกมือลาให้แก่กัน การเดินทางร่วมกันของพวกเขาจบลงแล้ว แต่ความทรงจำที่สวยงามและความรักความผูกพันที่แน่นแฟ้นจะยังคงอยู่ตลอดไป และภัทรานิษฐ์ก็ได้ออกเดินทางครั้งใหม่พร้อมกับภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากผู้ใหญ่ในครอบครัว นั่นคือการตามหา "ลูปา" ของเธอเองในทุกๆ ที่ที่เธอไป





🐶 เครดิตผู้จัดสร้างโค้ด : Phatranit Phiphatkiat 🐶


🔔 Jupiter Camp Gazette🔔


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 32990 ไบต์และได้รับ 18 EXP!  โพสต์ 7 วันที่แล้ว
โพสต์ 32,990 ไบต์และได้รับ +8 EXP จาก โรคสมาธิสั้น  โพสต์ 7 วันที่แล้ว
โพสต์ 32,990 ไบต์และได้รับ +8 EXP จาก โรคดิสเล็กเซีย(ละติน)  โพสต์ 7 วันที่แล้ว
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
สัมผัสความมั่งคั่ง
หอกฮาลต้า
นาฬิกาสปอร์ต
ไฟแช็ค
ชุดภารโรง
กำไลหินนำโชค
Anker PowerCore
น้ำหอมสตรี
ต่างหูเงิน
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
หมวกแก๊ป
รองเท้าเซฟตี้
โรคสมาธิสั้น
โรคดิสเล็กเซีย(ละติน)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x7
x1
12
ตั้งกระทู้ใหม่ ตอบกลับ กลับไป
โหมดขั้นสูง
B Color Image Link Quote Code Smilies

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้