[มหาสมุทรอินเดีย] บ้านพักตากอากาศใต้ทะเลโพไซดอน

[คัดลอกลิงก์]

หากท่านเป็นกึ่งเทพผู้หลงทาง สามารถสมัครสมาชิกเข้าร่วมกับเราได้ที่นี่ https://t.me/+etLqVX17bGg5ZjBl

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา ลงทะเบียน

×






บ้านพักตากอากาศใต้ทะเลโพไซดอน ณ อินเดีย

มหาสมุทรอินเดีย













⋘ คลิกที่ภาพเพื่อเยี่ยมชมด้านใน ⋙



บ้านพักตากอากาศใต้ทะเลของโพไซดอนในมหาสมุทรอินเดีย


ตัวอาคารออกแบบในสไตล์ยุโรปคลาสสิก ก่อสร้างโดยวิศวกรสัตว์ทะเลมืออาชีพ

ด้านนอกมีศาลานั่งเล่นชมวิวปะการัง บริเวณหน้าบ้านยังมีสระว่ายน้ำที่อยู่ในน้ำทะเลอีกที

ผสมผสานกับธรรมชาติใต้ทะเลที่งดงาม รายล้อมด้วยปะการังหลากสีและฝูงปลาหลากสายพันธุ์

แสงไฟจากหน้าต่างและแสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านน้ำทะเลใส

สร้างบรรยากาศอบอุ่น ลึกลับ และมีมนต์ขลัง ราวกับโลกแฟนตาซีที่สมบูรณ์แบบ



ภายในบ้านพักเต็มไปด้วยมนต์ขลัง

ประตูและหน้าต่างมีเวทมนตร์กั้นน้ำจากภายนอกไม่ให้ไหลเข้ามาในตัวบ้าน

ทำให้แม้จะอยู่ใต้ทะเลแต่ภายในยังคงแห้งและอบอุ่น

โดดเด่นด้วยผนังสีฟ้าครามและการตกแต่งด้วยพืชพรรณเขตร้อนรอบบริเวณ

ทำให้บรรยากาศสดชื่นและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา

บริเวณตรงกลางเป็นสระน้ำขนาดเล็กที่มีแสงเทียนลอยน้ำ เพิ่มความโรแมนติกและลึกลับให้กับพื้นที่



บ้านพักตากอากาศหลังนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นมุมพักผ่อนส่วนตัวที่เงียบสงบ

และเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ของธรรมชาติผสมผสานกับพลังอันยิ่งใหญ่ของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล








แสดงความคิดเห็น

God
โพสต์ 13694 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-12-18 08:40
โพสต์ 2024-12-20 09:46:31 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-12-21 14:29

254
ของขวัญสำหรับลูกรัก

               18/12/2024 เวลา 13.xx น. ~

               “ว้ากกกกก!!”

               ดีนแหกปากร้องลั่นไม่หยุดในขณะที่เขาถูกดูดเข้าไปในกระแสน้ำวนอันเชี่ยวกราก หากว่าอยู่บนเวทีแข่งกรี๊ดล่ะก็ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะชนะในรายการกรีดร้องยาวนานที่สุดก็เป็นได้ เสียงโวยวายหยุดลงหลังจากที่วงน้ำม้วนเอาร่างของชายหนุ่มมุดหายลงไปใต้มหาสมุทร แม้ไร้เสียงเปล่งออกมาแต่ในใจของหนุ่มโพไซดอนก็ยังแหกปากลั่นไม่หยุดหย่อน

               ‘แว้กกกกก!!’

               สายน้ำที่ดันหลังพาดีนมาหยุดอยู่ ณ สถานที่หนึ่ง ในหุบเหวลึกกลางมหาสมุทร เมื่อชายหนุ่มรู้สึกว่าความปั่นป่วนจบลงเขาจึงค่อย ๆ เปิดตาขึ้นมอง

               ณ โลกใต้ทะเลค่อนข้างมืด แม้แต่เทพอะพอลโลที่ทำงานไม่หยุดหย่อนมาเป็นเดือน ๆ ยังส่องแสงสว่างลงมาที่โลกใต้สมุทรได้เพียงแค่รำไร ทว่าเบื้องหน้าอันไม่ใกล้ไม่ไกลเขากลับเห็นแสงไฟที่ส่องสว่างให้ไออุ่นอยู่ใต้ฝืนน้ำ กระนั้นภาพทัศน์ที่ชายหนุ่มเห็นนั้นแสนจะเลือนลาง ดูเหมือนว่าแว่นตาที่สวมใส่อยู่ก่อนหน้า จะถูกวงน้ำวนซัดกระเด็นหายไปกลางทางเสียแล้ว

               คนที่มองอะไรแทบไม่เห็นมีแหล่งพึ่งพิงเดียวคือแสงไฟตรงหน้า ดีนกอดกระเป๋าเป้สัมภาระติดไว้แนบกายแน่นก่อนจะว่ายน้ำเข้าไปหาจนได้ยินเสียงสนทนาคุยกันผ่านกระแสจิต

               “บุ๋ง” oO(อินิ ส่องไฟมาตรงนี้หน่อยสิจ๊ะ)

               นอกจากเสียงสนทนาแล้วชายหนุ่มยังได้ยินเสียง กุก ๆ กัก ๆ ดังอยู่ที่พื้น ฟังดูแล้วคล้ายกับการก่อสร้าง เมื่อกวาดสายตาไปรอบ ๆ จึงเห็นว่ามีเงาคนหนึ่งเงา แม้จะมองไม่ชัด ทว่าดีนรู้สึกว่ารูปร่างนั้นค่อนข้างคุ้นตา

               『เอลวิน เจ้ามาแล้วรึ Πώς είσαι γιε μου; (เป็นอย่างไรบ้าง ลูกชายของข้า)』

               เสียงที่ดังขึ้นในหัวเป็นเสียงของบิดาเจ้าสมุทรไม่ผิดแน่

               “บุ๋ง!” อ้าปากพูดแต่ก็ลืมไปว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ใต้น้ำ แม้ว่าจะหายใจใต้น้ำได้แต่ดีนยังไม่ค่อยชินกับเวลาสื่อสารใต้น้ำกันอยู่ดี เมื่อครู่น้ำเค็มเข้าปากไปอึกใหญ่ น่าแปลกที่มันควรจะเค็มปี๋จนหน้ายู่ ทว่าเขากลับรับได้ แต่กระนั้นจะสื่อสารตอบพ่อยังไงล่ะ?

               คล้ายกับว่าโพไซดอนจะรับรู้ความคิดของบุตรชาย ราชาใต้ทะเลจึงหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู

               『เจ้าลืมไปแล้วรึว่าความสามารถของสายเลือดมีการสื่อสารใต้ทะเลด้วย เพียงแค่คิด สิ่งที่อยู่ในหัวลูกก็ส่งตรงถึงพ่อและเหล่าพี่น้องที่อยู่ในบริเวณนี้ได้ทันที』

               ‘พ่ออย่าเพิ่งรัวภาษากรีกใส่เด้ ผมเพิ่งเข้าเรียนไปได้แค่คาบเดียวเอง ว่าแต่มีพี่น้องเราอยู่ตรงนี้ด้วยเรอะ!!’

               ดีนอุทานในใจด้วยความคิดอันรวดเร็ว

               『ก็เห็นเจ้าอยากฝึก..』ในน้ำเสียงเจ้าสมุทรมีความขบขันเจืออยู่ไม่น้อย『ส่วนพี่น้องเจ้าไม่มีใครมา พ่อแค่ยกตัวอย่างเฉย ๆ เผื่อเวลาเจ้าต้องใช้สื่อสารกับพี่น้องใต้ผืนน้ำจะได้ไม่เกิดอาการ ‘น้ำท่วมปาก’ เช่นนี้』

               แม้ว่าวิชาวรรณกรรมจะเป็นสิ่งที่ชายหนุ่มไม่ถนัดที่สุด แต่ดีนแน่ใจว่าสำนวนนั้นไม่สามารถใช้กับสถานการณ์นี้ได้แน่ ๆ แต่พอมาดูแบบไม่ต้องสนใจความหมายแท้จริงของสำนวนก็ดันตรงกับสิ่งที่เขาเป็นเฉยเลย ‘น้ำท่วมปากจนพูดไม่ได้ เลยต้องสื่อสารทางจิตแทน’ ซึ่ง พ่อคงรู้ความคิดนี้ของเขาอีกนั่นแหล่ะ

               『มาใกล้ ๆ พ่อสิเอลวิน』

               โพไซดอนเรียกหา ดีนอยากเข้าไปใกล้อยู่นะ ติดแต่ว่าเขามองอะไรไม่ค่อยเห็นเนี่ยล่ะ

               ‘พ่อ ตอนนี้ผมมองอะไรไม่เห็นเลยครับ แว่นตากระเด็นหายไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้’

               『โอ้ แว่นของลูกรึ เดี๋ยวพ่อหาให้แป๊บ』 โพไซดอนกล่าว ก่อนจะใช้พลังหาสิ่งของที่ตกหล่นในน่านน้ำละแวกนี้ สายตาที่สั้นถึงแปดร้อยมองอะไรไม่ชัด ทว่าเขาเห็นสิ่งของลอยฉวัดเฉวียนผ่านหน้าไปอย่างรวดเร็ว ก่อนสิ่งของนั้นจะไปเข้ามือของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล 『ไม่ใช่… อืม.. นี่ก็ยังไม่ใช่』ไม่รู้ว่าที่พ่อพูดว่า ‘ยังไม่ใช่’ สิ่งนั้นคือะไร 『โอ้ นี่ไง! น่าจะใช่แล้ว แว่นตาของลูก』

                เจ้าสมุทรเคลื่อนตัวเข้าไปหาก่อนจะสวมแว่นตากรอบหนาให้แก่ลูกชาย ภาพเบื้องหน้าชัดเจนขึ้นถนัดตาเพียงแต่ว่ามีอะไรบางอย่างเขียว ๆ บังอยู่ที่เลนส์ข้างซ้าย

                ‘ขอบคุณครับพ่อ.. อี๋! อะไรเนี่ย!? สาหร่ายเหรอ!’ หยิบเจ้าพืชทะเลเป็นเมือกลื่นออกจากแว่นตา ไม่รู้ว่ามันไปตกอยู่ที่ดงสาหร่ายมาหรือไงนะถึงได้มีของฝากติดมาด้วย

                เมื่อสายตากลับมาเป็นปกติ หนุ่มแว่นก็มองไปรอบ ๆ บริเวณ... เขาเห็นอาคารหินรูปทรงยุโรปขนาดกระทัดรัดหลังหนึ่ง ถูกปลูกอิงแอบอยู่ข้างกับหุบเหวลึกใต้ทะเล แสงไฟสีนวลแผ่ความอบอุ่นออกมาจากบานหน้าต่าง คงเป็นแหล่งเดียวที่หาความอบอุ่นได้จากใต้ทะเลลึกเช่นนี้ รอบบริเวณบ้านคือดงดอกไม้ทะเลสีสันสวยงาม ราวกับสวนดอกไม้บนบกก็ไม่ปาน ปลาน้อยแหวกว่ายผ่านหน้าดึงความสนใจให้ชายหนุ่มมองตาม ทำให้เขาเห็นว่าสถานที่ถัดไปคือศาลานั่งเล่นที่มีกะพรุนเรืองแสงทำหน้าที่คล้ายกับโคมไฟระย้าส่องแสงสว่างภายใต้ความมืดของผืนน้ำลึก

                ‘ว้าว ที่นี่คือที่ไหนครับเนี่ย หน้าตาไม่เหมือนกับแอตแลนติสเลย’

               『บ้านพักตากอากาศในมหาสมุทรอินเดียของพ่อเอง』

               โพไซดอนกล่าวพลางอมยิ้มที่มุมปาก ดูเหมือนว่าเขาจะพึงพอใจไม่น้อยกับบ้านพักตากอากาศหลังใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จได้ไม่นาน ซึ่งไม่นานที่ว่าก็คือเมื่อสิบนาทีที่แล้วนี่เอง

               ปูแดงตัวหนึ่งกระโดดขึ้นมา มันลอยละล่องขึ้นในสายน้ำ ก่อนที่จะเกาะยังปะการังกิ่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กับโพไซดอน

               “บุ๋ง” oO(นายจ๋า อินิสร้างสระว่ายน้ำเสร็จแล้ว เชิญนายตรวจงานจ้ะ)

               『ดีมากรามาน เจ้าและทีมงานปูแดงทำได้ดีมาก』โพไซดอนเอ่ยปากชมหลังจากที่เขาตรวจสอบรับมอบงานสระว่ายน้ำกลางน้ำทะเล

               ‘เดี๋ยว อะไรนะ!? นั่นคือสระว่ายน้ำเหรอ!’ ดีนทำตาโต ตอนแรกเขาคิดว่าบ่อทรงกลมปูกระเบื้อง (?) อย่างดีจะเป็นแค่การปรับภูมิทัศน์อะไรสักอย่างเสียอีก

               『ไม่เห็นต้องตกใจอะไรนี่ สระว่ายน้ำในทะเลก็เหมือนกับที่พวกมนุษย์สร้างสนามหญ้าเทียมไว้ในอาคารนั่นแหล่ะ』

               ‘เดี๋ยวก่อนพ่อ ไม่เห็นจะเหมือนกันเลย ว่าแต่สงสัยมาพักนึงแล้ว ทำไมปูนี่พูดจาแปลก ๆ ‘อินิ’ แปลว่าอะไร’

               “บุ๋ง” oO(โอ้ นายจ๋า อินิเป็นปูอินเดียก็พูดแบบนี้ล่ะจ้ะ ส่วน ‘อินิ’ ก็แปลว่า ‘อินิ’ ไงจ๊ะนายจ๋า) ปูแดงที่ชื่อรามานตอบพร้อมกับโยกหัวไปด้วย แสดงเอกลักษณ์ของการเป็นปูอินเดียแท้ ๆ หากต่อปากต่อคำได้มันคงพูดต่อว่า‘ไม่หลุดนาร้าย นารายณ์ ต่อหน้าเทพเจ้ากรีกก็ดีแค่ไหน’

               ‘โอเค ๆ อินิ แปลว่า อินิ ก็ได้’ ชายหนุ่มยกมือยอมแพ้

                『เรื่องรางวัลเดี๋ยวข้าส่งไปให้ทีหลังแล้วกันนะรามานการช่าง ตอนนี้ขอเวลาข้าอยู่กับลูกชายสองต่อสองหน่อย』

               “บุ๋ง” oO(ได้จ้ะนาย งั้นอินิขอตัวก่อน)

               เหล่าวิศวกรปูแดงการช่างได้จากไปจนตอนนี้เหลือเพียงแค่โพไซดอนและบุตรชายเพียงแค่สองคน..

                『เข้ามาคุยกันในบ้านก่อนสิเอลวิน เว้นแต่ลูกอยากชมวิวดอกไม้ทะเลในสวน』

                ‘เข้าไปคุยกันในบ้านก็ได้ครับ ชักอยากรู้แล้วสิว่าข้างในบ้านพักตากอากาศของพ่อเป็นยังไง’

                เมื่อลูกชายตอบรับ เจ้าสมุทรก็ว่ายน้ำไปยังหน้าต่างชั้นสองที่มีแสงไฟอบอุ่นส่องสว่าง เขาเปิดหน้าต่างก่อนจะเข้าบ้านไปทางนั้น

                ‘เดี๋ยวสิพ่อ บ้านก็มีประตูทำไมพ่อเข้าบ้านทางหน้าต่าง!’ ดีนหัวเราะในใจ แต่จากจิตที่เชื่อมต่อกันทำให้คนเป็นพ่อได้ยินด้วย ‘อย่าบอกนะว่าประตูที่เห็นนั่นเป็นของปลอมน่ะ’

                『เข้าทางไหนก็เหมือนกันแหล่ะ ในขณะที่ลอยตัวอยู่ในน้ำแบบนี้หน้าต่างชั้นสองยังใกล้เสียกว่า』

                ก็ถูกของพ่อหน้าต่างชั้นสองใกล้กว่าจริง ๆ… ‘พ่อเป็นเทพเจ้าที่ชิลกว่าที่คิด นึกว่าเป็นหนึ่งในสามมหาเทพจะต้องเคร่งกฎระเบียบหรือธรรมเนียมอะไรพวกนั้นมากกว่านี้ซะอีก’

                『แน่นอนว่าพ่อเคร่งกฎระเบียบสิลูกรัก หากเจ้ารู้เรื่องเพอร์ซีย์… พ่อเป็นคนสุดท้ายในหมู่สามมหาเทพที่แอบให้กำเนิดเดมิก็อด』

                ‘ให้ตายสิ! คำว่า ‘แอบ’ นี่ทำตามกฎตรงไหน แค่พ่อแหกกฎช้ากว่าอากับลุงแค่นั้นแหล่ะ’

                คิดแล้วก็ขำ บางทีพ่อก็เหมือนกับเขาตรงนี้... พยายามอยากเป็นคนดีทำตามกฎ แต่สุดท้ายก็แหกมันได้ตลอด

               แต่เอาเป็นว่าถ้าเจ้าสมุทรไม่ถือสาว่าจะเข้าออกบ้านทางไหน ดีนก็ทำตามโดยไม่มีข้อกังขา เขาตีขาส่งตัวเองขึ้นไปที่หน้าต่างบานนั้นจากนั้นก็ปีนเข้าไปด้านใน แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อภายในตัวบ้านเป็นพื้นที่แห้งราวกับมีม่านบาเรียที่มองไม่เห็นคอยกั้นน้ำทะเลไม่ให้ไหลทะลักเข้ามา ส่วนกฎฟิสิกส์ถูกใช้งานตามปกติ เขาใช้พลังรีดน้ำออกจากเสื้อผ้าหน้าผม พื้นบ้านจะได้ไม่เปียกแฉะขึ้นรา

                “ในนี้เราพูดคุยกันเป็นปกติได้แล้ว” โพไซดอนกล่าว

                “ว้าววว นี่มันสุดยอดไปเลย ผมคิดว่าข้างในก็จะเป็นน้ำทะเลเหมือนกับข้างนอกบ้านซะอีก”

                ดีนมองไปรอบ ๆ โถงทางเดินชั้นสองที่แสนราบเรียบ มีเพียงต้นไม้กระถางเล็กถูกปลูกประดับไว้ที่ขอบหน้าต่างและราวบันได เมื่อชะโงกหน้าลงด้านล่างจะตรงกับห้องนั่งเล่นพอดี ภายในตัวบ้านทาสีด้วยสีเขียวน้ำทะเลแบบที่มองมาจากดาวอังคารก็รู้ว่าเป็นบ้านของโพไซดอน แม้ตัวบ้านจะมีขนาดย่อมเยา เหมาะสำหรับอยู่อาศัยเพียงคนเดียว แต่ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ค่อนข้างครบครัน จัดวางอย่างเป็นระเบียบสวยงามให้ความรู้สึกอบอุ่นสไตล์โคซี่อีกแบบแม้ภายในบ้านจะเน้นโทนเย็น

                “ให้ข้างในเปียกไม่ได้ ข้าวของบางอย่างจะพังเอา”

                โพไซดอนกล่าว ก่อนที่เขาจะเดินไปเปิดประตูห้องนอนที่อยู่บนชั้นสองแล้วพาเดินทัวร์บ้านใหม่โดยเริ่มจากห้องที่ใกล้ที่สุด ห้องนอนก็แสนเรียบง่ายไม่แพ้ด้านนอก มีแค่เตียงขนาดหกฟุตหนึ่งเตียง ตู้เสื้อผ้า โต๊ะหัวเตียงอย่างละหนึ่ง ดีนสังเกตเห็นว่าที่ผนังห้องนอนมีไวนิลจอโปรเจคเตอร์แขวนไว้อยู่ด้วย พ่อต้องเอาไว้นอนดูเน็ตฟลิกซ์ชิล ๆ แน่นอน… ว่าแต่.. ที่นี่มีเน็ตฟลิกซ์ด้วยเหรอ?

                “คืนนี้ลูกก็ค้างที่นี่สักคืนก่อนสิถึงค่อยกลับ พ่อยกเตียงให้ลูกเลยดีไหม?”

                เจ้าสมุทรยิ้มให้ลูกชายคนโปรดด้วยรอยยิ้มอบอุ่น คำขอนั้นดีนรู้สึกว่ากึ่งแกมบังคับนิด ๆ ไม่สิ... พ่อไม่ได้บังคับหรอก หากเขาขอกลับวันนี้พ่อก็คงจะอนุญาต แต่โพไซดอนอุตส่าห์ชวนทั้งที คิดอีกที... พวกเขาแทบจะไม่เคยมีโมเมนต์พ่อลูกกันสองต่อสองจึงไม่ควรพลาด.. เป็นห่วงก็แต่แมคเคนซี ป่านนี้หมอนั่นจะสติแตกไปแล้วหรือยังนะ? ยังไงก็ขอให้ไทสันบังเอิญผ่านไปแถวนั้นแล้วช่วยบอกแมคเคนซีทีเถอะ ว่าวิธีการนี้คือฝีมือของโพไซดอนและเขาปลอดภัยดี…

                “ก็ได้ครับ แต่พ่อเป็นถึงมหาเทพจะมายกเตียงให้ผมได้ไง ผมนอนโซฟาในห้องก็ได้ครับ ไม่ติดขัดอะไรอยู่แล้ว”

                “ถ้าลูกว่าแบบนั้นก็เอาตามนั้น เอากระเป๋าไปเก็บไว้ในห้องนอนก่อนสิ”

                 “โอเค ได้ครับพ่อ”

                ดีนเอากระเป๋าเป้ไปวางไว้แหมะไว้บนโต๊ะข้างเตียง ตัวกระเป๋ามีความชื้นนิดหน่อยจากการแช่น้ำมานานหลายนาที และมันไม่สามารถแห้งอัตโนมัติจากภูมิคุ้มกันเปียกได้ แต่ก็ถือว่าไม่ได้เปียกแฉะชุ่มจนของที่ใส่ไว้ด้านในเสียหาย กระเป๋าที่ซื้อจากมินิมาร์ทในค่ายตัดเย็บค่อนข้างดี นอกจากนี้ยังกันน้ำ เหมาะสำหรับการเดินทางสุดแสนอันตราย บุกน้ำลุยไฟเป็นที่สุด
               
                จากนั้นโพไซดอนก็พาบุตรชายเดินชมบ้านหลังน้อยของเขา ทั้งห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ และห้องครัว จนดีนอดสงสัยไม่ได้ว่า ระบบน้ำและครัวนี่ทำยังไงนะ? แล้วปูแดงการช่างวางระบบนั้นทั้งหมดเลยเหรอ? แต่คิดอีกทีควรต้องบอกว่าช่างมันเถอะ กับแค่สร้างบาเรียกันน้ำเข้าพ่อยังทำได้สบาย ๆ การจะยกเอาเฟอร์นิเจอร์และระบบบ้านนั่นนู่นนี่มาใส่ คงไม่เหนือบ่าไปกว่าแรงของเจ้าสมุทรหรอก

                “บ้านสวยมากเลยครับพ่อ ไม่คิดว่าพ่อจะชอบอะไรที่เรียบง่ายกว่าที่คิด”

                “อยู่แต่ในพระราชวังก็มีเบื่อกันบ้าง พ่อยังมีบ้านพักตากอากาศอีกหลายแห่งหากว่าลูกอยากไปเที่ยว”

                “โห จริงเหรอครับ ความจริงเที่ยวบ้างก็ดี ไม่งั้นคงเครียดแย่ งานของเจ้าสมุทรก็น่าจะมีไม่ใช่น้อยเลยด้วย…” ความจริงแอบอยากถามว่าที่มาพักผ่อนคนเดียวเพราะเบื่อเมียที่บ้านด้วยไหม …แต่ไม่ถามดีกว่า “งั้นคราวหน้าผมคงต้องขอให้พ่อพาไปทะเลที่ญี่ปุ่นบ้างแล้ว ประเทศในฝันที่ผมอยากไปเลย..”

                 “หึ” โพไซดอนแค่นยิ้ม “ที่ทะเลญี่ปุ่นมีเทพนามว่าซูซาโนะครองอยู่ เขาเป็นเทพแห่งท้องทะเลที่ดีสำหรับทะเลเล็ก ๆ เสียอย่างเดียว ค่อนข้างหัวร้อนไปหน่อยเหมือนกับทะเลที่โมโห” พูดจบก็เดินไปที่เครื่องเล่นแผ่นเสียงแล้วเปิดเพลงบลูฮาวาย ของ เอลวิส เพรสลีย์ฟังแทน ถึงโลเคชั่นที่อยู่จะไม่ตรงกับเพลงที่เปิดแต่ก็ช่างเถอะ ถ้าพ่อเปิดเพลงอินเดียบรรยากาศน่าจะโจ๊ะเกินไปหน่อย

                เมื่อพิจารณาถึงคำพูด เทพซูซาโนะโอะช่างเหมือนกับพ่อเสียนี่กระไร แต่ดีนจับพลังงานบางอย่างได้ว่าเทพญี่ปุ่นน่าจะเป็นศัตรูมากกว่ามิตรของพ่อเขาจึงไม่ถามเรื่องบ้านพักตากอากาศที่ญี่ปุ่นต่อ...

                  “แต่ว่าพ่อสูบผมมาที่นี่เพียงแค่อยากอวดบ้านใหม่เหรอครับ? ผมโคตรตกใจเลยนะตอนนั้น นึกว่าจะตายซะแล้ว พลังควบคุมน้ำก็ใช้ไม่ได้อีกต่างหาก พนันได้เลยว่าคนในค่ายจะต้องเอาไปลือว่าผมถูกธรณีสูบตายไปแล้วแน่ ๆ”

                 ดีนแค่นหัวเราะเสียงหนัก เรื่องเอาไปลือกันแบบไหน หรือต่อให้ลงหนังสือพิมพ์กอสซิปตีข่าวใส่ไข่เขาก็ไม่กลัว กังวลแค่แมคเคนซีคนรักของเขาจะเป็นห่วงจนเป็นบ้านี่แหล่ะ ดีนจึงตั้งจิตอธิษฐานดลใจให้ไทสันโผล่ไปอธิบายสถานการณ์ตรงนั้นอีกที…

                “นั่นก็ส่วนหนึ่ง ลูกเป็นคนแรกเลยนะเอลวินที่พ่อชวนมาบ้านใหม่หลังนี้” โพไซดอนยิ้ม พูดแบบนี้แปลว่าหลังอื่นก่อนหน้าน่าจะชวนลูกคนอื่นไป ซึ่งนั่นอาจหมายถึง เพอร์ซีย์ ไทสัน ไรอัน หรือไม่ก็เจโรม นับว่าเป็นเกียรติได้ไหม.. ก็ได้แหล่ะ “แต่นอกจากอวดบ้านแล้วพ่อยังมีของขวัญอยากมอบให้ลูก คิดว่าเวลานี้น่าจะสมควรแล้ว”

                 เทพสมุทรแบมือตรงหน้า เกิดกระแสน้ำวนย่อม ๆ บนนั้น จากนั้นสายน้ำพลันก่อรูปเป็นกำไลข้อมือโลหะรูปทรงทันสมัย ประดับอัญมณีสีฟ้าเม็ดงามอยู่ตรงกลาง พอจะเนียน ๆ เป็นนาฬิกาลองจินส์สุดหรูตัวใหม่ได้ เพียงแค่ไม่มีหน้าปัดเข็มยาวเข็มสั้นบอกเวลาเท่านั้นเอง

                 “รับไปแล้วจงสวมใส่เสีย นี่คือของขวัญจากพ่อ แก่เจ้า.. เอลวินลูกรัก”

                 “ขอบคุณครับพ่อ”

                 ชายหนุ่มรับกำไลข้อมือเส้นนั้นมา แล้วสวมใส่ตามที่พ่อบอกทันทีด้วยความตื่นเต้น ดีนสัมผัสได้ถึงพลังงานแห่งท้องทะเลไหลเวียนจากกำไลสู่ร่างกายเขา อาจไม่เท่าตอนสัมผัสกับตรีศูลของพ่อโดยตรง มันคล้ายกับตอนที่ได้จับดาบธีซีอุสเป็นครั้งแรกมากกว่า อัญมณีสีครามเรืองแสงขึ้นหลังจากที่มันผสานรับกับเจ้าของคนใหม่เพียงหนึ่งเดียวเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ชักอยากรู้แล้วสิว่ากำไลโลหะเส้นนี้ทำอะไรได้บ้าง ดูแล้วไม่น่าจะเป็นแค่เครื่องประดับสวย ๆ แต่น่าจะมีฟังก์ชั่นมากกว่านั้น

                 คล้ายอ่านใจได้โพไซดอนจึงอธิบาย

                 “สร้อยข้อมือวิเศษนี้ สามารถเปลี่ยนเป็นอาวุธได้หลากหลายรูปแบบตามที่เจ้าต้องการ ไม่ว่าจะเป็นดาบตรีศูล โล่ หรือแม้กระทั่งตรีศูล นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นพิเศษ… ระบบนำทางในทะเล ระบบสื่อสารคลื่นวิทยุ ที่ทำให้ลูกสื่อสารเข้ากับคลื่นความถี่วิทยุได้ทุกรูปแบบ ยังมีระบบป้องกันภัยในทะเล จะช่วยคุ้มครองเจ้าเมื่อประสบภัยร้ายกลางมหาสมุทร และหากอาวุธกระเด็นจากมือหรือสูญหาย หลังผ่านไปหนึ่งวัน สร้อยข้อมือนี้จะกลับมาอยู่ในกระเป๋ากางเกงของลูกเอง”

                 ได้ฟังสรรพคุณของกำไลข้อมือวิเศษนี้ก็ทำให้เนตรสีเปลือกไม้ของดีนเบิกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ตามจำนวนข้อที่โพไซดอนกล่าว พอ ๆ กับหัวใจที่พองโตสูบฉีดแรง ตอนแรกแค่ได้ยินว่ากำไลนี้สามารถเปลี่ยนเป็นอาวุธได้ก็ว่าว้าวแล้วนะ แต่นี่เปลี่ยนได้ถึงสามแบบอีกต่างหาก ไหนจะสุดยอดฟังก์ชั่นสารพัดที่พ่อเกริ่นมา

                 ถึงแม้ส่วนใหญ่จะเป็นการใช้งานในทะเลได้ก็เถอะ แต่แบบนี้แปลว่าเขาจะโทรศัพท์หาคนอื่น ๆ จากกำไลวิเศษแทนโทรศัพท์มือถือได้แล้วสินะ กระนั้นที่พ่อบอกว่าสื่อสารเข้ากับคลื่นความถี่ได้ทุกรูปแบบไม่รู้ว่ารวมกับเครือข่ายไอริสด้วยหรือเปล่า ถ้าได้ล่ะก็แจ่ม จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องมีอสุรกายคอยไล่กวดหลังจากที่ใช้เครื่องมือสื่อสารชิ้นนี้

                ‘นี่มันของวิเศษระดับโคตรพ่อโคตรแม่เทพเจ้า!!!’

                 “ขอบคุณครับพ่อ ผมไม่รู้จะพูดขอบคุณยังไงให้ยิ่งใหญ่กว่าแค่พูดขอบคุณได้เลย แบบว่าของวิเศษที่พ่อให้มามันยิ่งใหญ่เกินตัวผมมาก อะ.. ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ให้แล้วให้เลยไม่คืนนะครับ” ดีนยิ้มเผล่ “ผมรักพ่อจัง ขอกอดทีได้ไหม?”

                 ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ดีนก็ไม่รอให้เทพเจ้าอนุญาต เขาชิงรวบตัวคุณพ่อร่างใหญ่ในชุดฮาวายมาสวมกอดไว้ก่อน ซึ่งโพไซดอนไม่ปฏิเสธ และเริ่มชินกับการแสดงความรักของลูก ๆ ในรุ่นนี้แล้ว

                 .
                 .
                 .

                 ตกเย็นวันนั้นสองพ่อลูกตกลงจะทำหม้อไฟกินกัน เป็นเรื่องที่ออกจะแปลกสักหน่อยที่พวกเขาอยู่ใต้มหาสมุทรอินเดีย ในบ้านพักตากอากาศทรงยุโรปที่สร้างโดยปู แต่ดันกินหม้อไฟแบบชาวเอเซียเป็นอาหารเย็น มีเครื่องดื่มเป็นโคคาโคล่า (ก่อนหน้านี้ดีนขอพ่อลองชิมไวน์ที่หมักบ่มจากใต้สมุทรนานร้อยปี ปรากฏว่ามันมีรสชาติแสนห่วยแตก จึงเปลี่ยนมากินโคล่ากันแทน) และฟังเพลงบลูฮาวายของเอลวิส เพรซลีย์ที่วนมาอีกรอบ... ซึ่งเป็นรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ไม่อยากนับ… มันช่างไม่มีอะไรที่เข้ากันเสียเลย

[เพลงประกอบ กด ► ฟังเพื่อเพิ่มอรรถรส]

                 “นี่พ่อ ผมได้เคล็ดลับการทำอาหารจากตำราเก่าที่แม่เคยจด ถ้าจะลวกเนื้อให้อร่อยจุ่มลงไปในน้ำซุปร้อน ๆ แค่สิบหรือสิบห้าวินาทีพอ”

                 หนุ่มคนลูกกล่าวพลางคีบเนื้อสไลซ์เกรดพรีเมียมลงไปลวกในน้ำซุป พร้อมกับนับหนึ่งถึงสิบในใจ เนื้อวัวสีแดงอมชมพูสวยแซมลายมันค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อน และเมื่อถูกคีบขึ้นจากน้ำซุปเดือดมันยังเหลือสีชมพูเพียงน้อยนิด เป็นมีเดียมแรร์ที่ให้รสหวานหอมมันเนื้อ จากนั้นก็ส่งมันลงในถ้วยชามของโพไซดอน ไม่รู้ว่าระดับเจ้าสมุทรอย่างพ่อจะทำอาหารเป็นไหม แต่ในเมื่อวันนี้ดีนได้ของขวัญสุดเจ๋งมา เขาก็จะบริการพ่อให้ดีเป็นพิเศษจากเดิมที่ดีอยู่แล้ว ซึ่งโพไซดอนได้แต่ยิ้มแก้มแตก มีโอกาสน้อยมากที่เขาจะได้ปรุงอาหารกินเองกับลูกชายแบบนี้

                 แต่โปรดอย่าถามว่าชุดชาบูหม้อไฟมาจากไหน ดีนเจอวัตถุดิบทั้งหมดอยู่ในตู้เย็นของบ้านพักตากอากาศสีฟ้าคราม

                “ทำเอาคิดถึงตอนที่พ่อจีบแม่เจ้าใหม่ ๆ เลย เป็นเดทที่สองหรือสามล่ะมั้ง ตอนนั้นแม่ลูกชวนพ่อไปกินหม้อไฟหมาล่าในย่านไชน่าทาวน์ที่ซานฟรานซิสโก ตอนที่เมนูหมาล่าอะไรนั่นยังไม่เป็นที่นิยมเลยด้วยซ้ำ”

                 “จริงดิ พ่อกับแม่กินเมนูนั้นไหวกันด้วยเหรอครับ? ได้ยินมาว่ามันเผ็ดมากเลยนี่นา ถึงผมจะเคยมีรูมเมทเป็นคนจีนก็เถอะ แต่เคยกินแค่ซุปกระเพาะปลาเทียมเอง” ก็อย่างว่าอาหารจีนในสหรัฐมีราคาสูง ถ้าไม่ได้เพื่อนชาวจีนทำให้กินเขาคงไม่มีปัญญาหารับประทานเองหรอก

                “มาเรียนน่าไม่ไหว แต่สำหรับพ่อน่ะสบายมาก ความจริงเทพอย่างพ่อไม่จำเป็นต้องกินดื่มเพื่อให้มีชีวิตรอด พวกเราแค่รับประทานเพื่อรับอรรถรสเท่านั้นล่ะเอลวิน เพราะงั้นรสเผ็ดของหม้อไฟก็ทำพ่อได้แค่ชาปาก”

                 “งี้นี่เอง ผมชอบที่พ่อเล่าเรื่องตอนจีบกับแม่ให้ฟังนะ แม่น่ะแทบไม่ได้เล่าอะไรให้ผมฟังเลย รู้ก็แค่.. ตอนนั้นแม่ไปทำงานที่แคลิฟอร์เนียแล้วเจอพ่อ จากนั้นก็ท้องผม แล้วแม่ก็กลับมาที่ซานอันโตนิโอ.. รู้แค่นี้เอง” พูดจบก็คีบเนื้อเข้าปาก ระดับความสุขที่พอดีทำให้เนื้อพรีเมียมยิ่งอร่อยขึ้นไม่เสียของ

                “งั้นเอาเรื่องไหนดี.. เอาเป็นตั้งแต่แรกดีไหม? ตอนนั้นพ่อปลอมตัวเป็นนักธุรกิจเจ้าของโรงแรมชื่อ ‘ดีแลน สตอร์ม’ เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้วมาเรียนน่าเพิ่งทำงานได้ใหม่ ๆ นางยังเป็นแค่สาวแจกใบปลิวรณรงค์เรื่องสิทธิสตรีให้ยูเอ็นอยู่เลย พ่อรับใบปลิวมาจากมือนางแล้วก็.. ใช่เลย แม่ของลูกตรงสเปคพ่อมาก ภายนอกนางเป็นสาวแว่นนัยน์ตาสวย ไม่รู้จักแต่งเนื้อแต่งตัว แต่เมื่อมองทะลุผ่านเลนส์เข้าไป พ่อเห็นความงามจากแม่ของลูก นางทั้งแข็งแกร่งและงดงาม จากนั้นพ่อก็จีบแม่ของเจ้าด้วยวิธีการแบบมนุษย์ บอกนางว่าบริษัทของพ่อยินดีร่วมสนับสนุน ถึงได้ขอแลกเบอร์เพจเจอร์ รวมทั้งไอซีคิวด้วย”

                 เห็นอาการของคนคลั่งรักแล้วก็รู้สึกจั๊กจี้ในใจแปลก ๆ แต่ว่าดีนก็ชอบที่จะได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน ฟังแล้วก็แอบเขินแทนแม่แปลก ๆ แฮะ

                “เพจเจอร์กับไอซีคิวคืออะไรครับ? ไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อน”

                 “โอ้.. มันเป็นของหายากแล้วล่ะเอลวิน น่าเสียดายที่พ่อหาตัวอย่างจากแถวนี้ให้เจ้าดูไม่ได้ เอาเป็นว่าเพจเจอร์คือเครื่องมือสื่อสารที่มาก่อนโทรศัพท์มือถือ ส่วนไอซีคิวคือโปรแกรมแชทที่มีมาก่อนวอซแอป”

                “มีก่อนวอซแอปอีกงั้นเหรอ จะโบราณขนาดไหนกันเนี่ย!” อดทึ่งไม่น้อยที่ได้ฟังเรื่องเหล่านี้เป็นครั้งแรก ขนาดว่าตัวเองก็ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะ แต่มันยากจะจินตนาการออกจริง ๆ “แล้วเรื่องของพ่อกับแม่... เป็นไงต่อครับ?”

                 “ระหว่างที่มาเรียนน่าทำงานที่ซานฟรานซิสโก พ่อก็ทยอยส่งข้อความใส่เพจเจอร์ให้นาง ตอนนั้นพ่อไปขอให้อะพอลโล่ช่วยแต่งกลอนมาให้บทนึงด้วยนะ แต่นางบอกว่าเสี่ยวเกิน จากนั้นพ่อก็ไม่ใช่บริการจากอะพอลโล่อีก..” โพไซดอนยิ้มแห้ง แล้วเหมือนจะคอแห้งจริงจนต้องหยิบโคล่าขึ้นมากระดกดื่ม “แต่ถึงไม่ใช้กลอนเสี่ยว ๆ ของอะพอลโล่พ่อก็จีบแม่เจ้าติดอยู่ดี นางชอบขอให้พ่อพาไปขับรถเล่นที่มอนเทอเรย์ ช่วงวันหยุดของนางเราได้ไปเที่ยวกันหลายที่ในแคลิฟอร์เนียเลยล่ะ”

                 โพไซดอนกลั้วหัวเราะเมื่อนึกถึงความรักอันแสนหวานจากภรรยาสาวชาวเม็กซิกันสุดแซ่บ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่อความรักครั้งนี้จบลงแบบไม่สวยงาม ทั้งที่ทั้งสองไม่ได้ทะเลาะเบาะแว้ง เกลียดชังกัน หรือด้วยเหตุผลที่เทพเข้ามักมอบให้มนุษย์ ‘ข้ากับเจ้าอยู่ด้วยกันไม่ได้ เพราะว่าข้าคือเทพเจ้า..’ แต่มันเกิดขึ้นจากเพียงเหตุผลเดียว.. นางรับตัวตนที่แท้จริงของชายที่ชื่อ ‘ดีแลน สตอร์ม’ ไม่ได้ เมื่อรู้ว่าคนตรงหน้าเคยกระทำการอันต่ำทรามต่อหญิงสาวนามว่าเมดูซ่า..

                 เมื่อเห็นว่าเจ้าสมุทรหน้าเจื่อนลงคนเป็นลูกก็ยื่นแขนออกไปตบไหล่พ่อเบา ๆ

                “มาเรียนน่านางคงชังน้ำหน้าข้ามาก ไม่ว่าติดต่อไปทางใดนางก็ปฏิเสธไปเสียหมด ขนาดข้าตั้งชื่อให้ลูกล่วงหน้าว่า ‘เอลวิน’ นางยังตั้งไม่ใช้ แต่ให้ชื่อเจ้าว่า ‘ดีน’ แทนเลย”

                “แต่แม่ก็ไม่ได้ตัด ‘เอลวิน’ ออกจากชื่อกลาง ผมไม่รู้ว่าแม่คิดอะไรอยู่ แต่ว่าผมไม่ทิ้งพ่อแน่ ๆ แล้วก็นี่.. หัวไชเท้าของหากินยาก ผมยกให้พ่อด้วยเลยครับ”

                 ไม่รู้จะปลอบใจยังไงดีก็เลยได้แต่ยกหัวไชเท้าต้มเปื่อยในหม้อซุปให้ จากการเอาใจของลูกชายทำให้โพไซดอนพอจะมีรอยยิ้มกลับคืนมาได้อยู่บ้าง

                “บอกตามตรงกรณีของแม่เจ้าพ่อไม่เคยเจอมาก่อน มีอย่างที่ไหนที่นางมนุษย์หนีจากเทพเจ้า ที่ผ่านมามีแต่รู้ตัวตนของข้าแล้วจะยินดีปรีดา เมียหลวงพ่อก็ไม่ได้น่ากลัวเหมือนเฮร่าสักหน่อย เพราะงี้มั้ง.. ด้วยความดื้อของแม่เจ้า พ่อถึงฝังใจลืมแม่เจ้าไม่ลงสักที…”

                “อืม.. ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ผ่านมาตั้งยี่สิบกว่าปีแล้วแต่แม่ก็ไม่มีใครอีก บางทีแม่อาจจะไม่ลืมพ่อเหมือนกันแต่แค่เล่นตัวก็ได้มั้ง อย่างตอนที่พ่อบอกว่าพ่อใช้ชื่อตอนปลอมตัวว่า ‘ดีแลน’ ไปจีบแม่ ทำให้ผมฉุกใจขึ้นมาอย่างนึง… บางทีชื่อ ‘ดีน’ อาจไม่ได้ตั้งตามอักษรหน้าของพ่อบุญธรรมผม ‘โดนัลด์’ ก็ได้ แต่ความจริงแล้วตั้งตาม ‘ดี’ จาก ‘ดีแลน’ ต่างหาก”
                  
                 “พ่อก็เคยคิดเข้าข้างตัวเองเช่นนั้น แต่นางคงไม่ยอมปริปากยอมรับออกมาหรอกว่านางยังรักพ่ออยู่… สำหรับนาง... การทำใจให้เกลียดคนที่เคยรัก อาจทำให้ตัดใจได้ง่ายขึ้นก็ได้มั้ง”

                 อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้.. เพราะเขาก็เคยใช้ความเกลียดชังทำให้ตัวเองหลุดออกมาจากบ่วงแห่งความทุกข์ทรมาณเรื่องความรัก จนกลายเป็นไม่จริงจังกับมันไปพักใหญ่ ใช้ชีวิตสำราญเป็นผู้ชายลั้ลลาไปวัน ๆ จนกระทั่งได้มาพบกับแมคเคนซี พฤติกรรมแย่ ๆ ทุกอย่างถึงได้หยุดลง… เพียงแต่แม่ของเขาไม่ได้ทำตัวแบบนั้น ไม่ได้ใช้ความลั้ลลานำทาง แม่ตัดเรื่องความรักฉันชู้สาวออกไปจากชีวิต แล้วมอบความรักทั้งหมดให้กับลูกชายของเธอเพียงคนเดียว นอกจากนั้นก็อุทิศตนให้แก่งานหนัก

                “เอาน่าพ่อ อย่าไปซีเรียสเลย เราทำได้แค่เลือกละว่าจะจดจำเรื่องดีหรือเรื่องแย่ ความจริงผมไม่น่าจะสอนพ่อเรื่องนี้ได้เลย เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมโชว์อะไรดี ๆ ให้พ่อดูก็แล้วกัน อะแฮ่ม!” เขากระแอ่มเพื่อดัดเสียงหล่อหลังจากนี้ “เชิญพบกับการแสดงเงือกน้อยผจญภัย.. ในบทเพลง... อยู่ในโลกงามมมมม”

                 จากนั้นดีนก็จัดการโซโล่คาราโอเกะพร้อมกับถ่ายเอ็มวีเพลงประกอบภาพยนตร์เงือกน้อยผจญภัยให้โพไซดอนดูระหว่างมื้อค่ำนี้ แล้วเขาก็ไม่เห็นพ่อทำหน้าเศร้าซึมเพราะถูกเมียมนุษย์ทิ้งอีกเลย…

รับอุปกรณ์วิเศษจากการเป็นลูกรักของโพไซดอน
ทำหม้อไฟกินด้วยกันสองคนพ่อลูก


แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ +30 ความศรัทธา โพสต์ 2024-12-20 12:57
โพสต์ 73028 ไบต์และได้รับ 42 EXP!  โพสต์ 2024-12-20 09:46
โพสต์ 73,028 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +15 ความกล้า จาก แจ๊กเก็ตยีนส์  โพสต์ 2024-12-20 09:46
โพสต์ 73,028 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +10 ความกล้า จาก แว่นตา  โพสต์ 2024-12-20 09:46
โพสต์ 73,028 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +8 ความศรัทธา จาก เข็มทิศมหาสมุทร  โพสต์ 2024-12-20 09:46
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
น้ำมันหอมกลิ่นสุริยะ
กางเกงเดินป่า
Anker PowerCore
หมวกคอรินเธียน
เข็มทิศมหาสมุทร
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
เข็มกลัดโพไซดอน
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่อัสพิสขัดเกลา
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ควบคุมน้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x10
x2
x3
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x3
x1
x3
x1
x1
x4
x6
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x6
x2
x1
x1
x1
โพสต์ 2024-12-21 11:03:44 | ดูโพสต์ทั้งหมด
255
วันวานที่ขาดหายใต้เกลียวคลื่น

               19/12/2024

               วันที่สองกับการอยู่ที่บ้านพักตากอากาศของโพไซดอน ใต้มหาสมุทรอินเดีย ที่ความลึกกว่าหนึ่งหมื่นสองพันฟุต..

               ดีนจำได้ว่าเมื่อคืนนอนหลับอยู่บนโซฟา แต่ไหงตื่นขึ้นมาตัวถึงนอนอยู่บนเตียงได้นะ? ตนไม่เคยมีประวัติการนอนละเมอ ส่วนนอนดิ้นอาจมีบ้างนิดหน่อย แต่เขาคงไม่ดิ้นดุ๊กดิ๊กไปมาจนถึงเตียงหรอก ไม่มีทาง! ฉะนั้นคำตอบจึงเหลือเพียงข้อเดียวนั่นคือ ‘พ่ออุ้มเขามานอนตรงนี้’

               คิดแล้วก็จั๊กจี้ จะว่าไงดี.. หากตัวเองเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ อายุไม่เกินสิบสองขวบก็พอจะเป็นภาพที่ดูน่ารักอยู่หรอก แต่ว่าเขาอายุเกินวัยดังกล่าวมาจวนจะครบรอบในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แถมยังตัวสูงถึงหกฟุต เรียกได้ว่าเป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งแถมยังมีซิกแพคเป็นมัด ๆ พอคิดภาพตามแล้วมันก็ค่อนข้างที่จะประหลาดนิดหน่อย

               แต่ช่างเถอะ ดีนตัดสินใจที่จะไม่ถาม ไม่งั้นคงรู้สึกกระอักกระอ่วนใจกันแปลก ๆ …ไม่สิพ่อคงไม่คิดอะไร เพราะยังไงสายตาคนเป็นพ่อที่มีอายุพอ ๆ กับการกำเนิดดวงดาวคงมองว่าเขาเป็นเด็กเล็กจิ๋วที่เพิ่งเกิดได้เมื่อวาน ดังนั้นดีดตัวเองขึ้นมาทำอย่างอื่นดีกว่า

               ดีที่ชายหนุ่มมักจะพกกระเป๋าเครื่องใช้ส่วนตัวเล็ก ๆ ติดมาในกระเป๋าเป้ด้วยเสมอ ด้วยนิสัยเดิมที่มักจะไปเมาแล้วกลับห้องตัวเองไม่ถูกเลยได้ไปนอนห้องคนอื่น จวบจนการเป็นเดมิก็อดที่ต้องเป็นผู้ประสบภัยอยู่ตลอดเวลา การเตรียมเสบียงความพร้อมย่อมสำคัญ เขาจึงไม่ขาดแคลนโฟมล้างหน้า แปรงสีฟัน ยาสีฟัน และที่โกนหนวด

               ไหน ๆ แล้วก็พูดถึงห้องน้ำหน่อยดีกว่า.. น้ำที่ใช้อุปโภคในบ้านพักเป็นน้ำจืดไม่ใช่น้ำเค็มอย่างที่ใครหลาย ๆ คนอาจคิด เขาวิเคราะห์ว่าเพราะบิดาเจ้าสมุทรวางแผนไว้แล้วว่าจะชวนเหล่าลูก ๆ เดมิก็อดมาเที่ยวเล่นที่นี่จึงทำระบบน้ำจืดไว้ด้วย เพราะเทพอย่างพ่อคงไม่ต้องพึ่งพาระบบขับถ่าย ห้องน้ำสำหรับเทพอาจมีไว้เพียงแค่แช่น้ำอุ่นให้สบายตัว ดังนั้นไม่ต้องเดาว่าน้ำจืดในบ้านมาจากระบบกรองน้ำชั้นเลิศหรือว่าเป็นเวทมนตร์ พ่อของเขาเป็นถึงเทพเจ้าแห่งท้องทะเลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด (ในกรีก) เชียวนะ! กับแค่ดีดนิ้วเปลี่ยนน้ำเค็มเป็นน้ำจืดน่ะเรื่องจิ๊บ ๆ

               มาตกใจเรื่องนี้แทนดีกว่า… “โพไซดอนทำอาหารเป็น!”

               “ตกใจอะไรหนักหนาเอลวิน พ่อมีอายุเป็นล้านปี ถ้าทำเรื่องง่าย ๆ อย่างการทำอาหารไม่ได้ก็แย่น่ะสิ” เจ้าสมุทรในชุดผ้ากันเปื้อนทับเสื้อฮาวายหัวเราะ

               พอคิดตามแล้วก็จริงตามนั้น เหมือนคำถามที่ว่า ‘ทำไมแวมไพร์ในหนังทุกคนถึงรวย’ ก็ถ้ามีอายุมาได้สี่ร้อยห้าร้อยปีแล้วยังจนอยู่ก็ควรจะเดินออกไปให้แดดเผาตาย…

               กระนั้นอาหารเช้าที่ราชาแห่งแอตแลนติสเตรียมไว้ให้ก็แสนเรียบง่าย.. ขนมปังปิ้ง ไข่ดาว และกาแฟ.. นอกจากไข่ดาวแล้ว ขนมปังปิ้งกับกาแฟก็ออกมาจากเครื่องทั้งหมด

               ‘เรียกว่าทำอาหารเป็นก็ได้วะ…’

               .
               .
               .

               หลังมื้อเช้าแสนเรียบง่ายจบลง ดีนก็เอาสมุดการบ้านออกมาเปิดทำ เริ่มจากวิชาภาษากรีกแสนปวดหัว กับการบ้านที่จะว่ายากไหมก็ไม่ขนาดนั้น…

               ‘จงเขียนชื่อเทพโอลิมปัส 12 องค์ เฉพาะเทพในสภาโอลิมปัสเป็นภาษากรีกโบราณ’

               สิ่งที่ยากกว่าการเขียนภาษากรีกคงจะเป็น…

               “พ่อครับ ในสภาเทพโอลิมปัสมีใครบ้างนะ? มีพ่อ อาซุส ลุงฮาเดส อาเฮร่า พี่อะพอลโล่ แล้วใครอีก?”

               ดีนเอ่ยถามโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาจากสมุดการบ้าน เขามองบรรทัดที่ว่างเปล่าในสมุดแบบฝึกหัดหลังจากบทคัดลายมือภาษากรีก พลางนึกชื่อของทวยเทพเท่าที่รู้จักไปด้วย ความจริงมีมากกว่านี้อย่าง อะโฟร์ไดท์ คุณดี และอะธีน่า แต่ไม่แน่ใจว่าคุณน้าแอมฟิไทรต์จะนับรวมด้วยไหม เป็นถึงราชินีแห่งแอตแลนติสเลยนี่น่า.. ใจคิดต่อว่าสมุดฝึกเขียน จะมีชื่อเทพมาให้เปลี่ยนภาษาหน่อยก็ไม่ได้..

               “ผิดแล้ว ฮาเดสไม่ได้นับรวมอยู่ในสภาโอลิมปัส” โพไซดอนตอบขณะนั่งจิบกาแฟแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างดูการแข่งขันโปโลน้ำระหว่างทีม ปูแดง(การช่าง)ยูไนเต็ด และกุ้งมังกรเอฟซี ในสระว่ายน้ำที่เพิ่งขุด

               “อ้าว แต่ว่าลุงเขาเป็นถึงสามมหาเทพนี่ แบบนี้จะเรียกว่าครบองค์ประชุมเทพโอลิมปัสเหรอครับ?”

               “โลกใต้พิภพไม่นับรวม ในสภาเทพมีแค่ ซุส เฮร่า พ่อ อะธีน่า แอรีส อะโฟร์ไดท์ ดีมิเทอร์ ไดโอนีซุส เฮเฟตัส อะพอลโล..” เอ่ยยาวมาถึงตรงนี้เจ้าสมุทรเพิ่งฉุกใจคิด “เอลวิน.. นี่ลูกกำลังให้พ่อทำการบ้านแทนอยู่หรือเปล่า?”

               “หืม เปล่านี่ครับ ก็แค่ขอคำปรึกษา” ดีนยิ้มแฉ่งให้ ส่วนมือก็เขียนรายชื่อเทพตามที่พ่อบอกลงสมุดยิก ๆ เสียดายชะมัดที่พ่อไหวตัวทัน เพราะฉะนั้นอีกสองรายชื่อต้องไปเดาต่อเอง “ขาดใครอีกสองคน..” ดีนพยายามนึก จนนึกออกว่าอะพอลโล่มีน้องสาวฝาแฝดอีกคน เทพีแห่งจันทราอาร์เทมิส และองค์สุดท้ายที่เขาใช้บริการออกจะบ่อยแต่ดันนึกออกหลังสุดเสียอย่างนั้น “อีกสองคือเทพีอาร์เทมิส กับเทพเฮอร์มิสใช่ไหมครับ?”

               “ใช่แล้วลูกรัก เจ้าเก่งมาก” ชมลูกไปแต่ก็มานึกได้ว่าดีนคิดออกเองแค่สองชื่อ จะทวงเอาคำชมคืนก็ดูเหมือนว่าจะไม่ทันเสียแล้ว

               เมื่อได้รายชื่อมาครบต่อจากนี้ก็มาถึงงานยากอันดับที่สอง นั่นคือเทียบอักษรและเสียงของเทพเจ้ากรีกโดยพยายามไม่ดูตารางอักษรไม่อย่างนั้นจะโกงเกินไป

               “ซอ..เซต้า บวกกับ อู..อัปซิลอน ปิดท้ายด้วยซิกม่า..” ขยับดินสอเขียรตัวอักษรกรีกคำว่า ‘Ζύς’ ลงสมุด

               “เจ้าสะกดผิดแล้วเอลวิน ชื่อของซุส ในภาษากรีกไม่ได้อ่าน ‘ซุส’ ด้วยสำเนียงปัจจุบันแต่ต้องเป็น ‘เซอุส’ ลูกลองสะกดใหม่”

               “ห๊ะ! อะไรนะ? ยังต้องผันเสียงอีกเหรอครับ ทั้งที่มันก็มีตัวอักษรที่เทียบตรงได้ขนาดนี้”

               “มันเป็นเรื่องของสำเนียง พวกเราย้ายมาอยู่อเมริกาแล้วเลยต้องใช้สำเนียงถิ่นแทนกรีก เอาเป็นว่าเจ้าเชื่อพ่อหรือเปล่าล่ะ?” โพไซดอนถามกลับ

               “เอ่อ.. ก็เชื่อครับ” ดีนนิ่งไปนิดหน่อยก่อนจะก้งลงมองคำที่เขียนผิด แต่เหมือนเชื่อไม่จริง เขาเงยหน้าขึ้นมาสบพ่ออีกที “พ่อไม่ถูกกับอา คงไม่ได้แกล้งสะกดชื่อผิด ๆ ใช่ไหม?”

               โพไซดอนหัวเราะเสียงเข้ม “ข้าจะทำแบบนั้นไปทำไม หื้ม? การที่ข้าจะแกล้งเอ่ยชื่อผิด ๆ ซึ่ง.. อันที่จริงก็ไม่ได้อยากจะสะกดชื่อไอ้น้องเวรนั่นเท่าไร แต่พ่อไม่แกล้งเจ้าหรอกลูกรัก” ความเกรี้ยวกราดเมื่อนึกถึงน้องชายหัวหน้าเทพโอลิมปัสเกิดขึ้นแล้วหายไปอย่างฉับไว น้ำเสียงกลับมาอ่อนโยนดังเดิมเมื่อหันกลับมาสอนสั่งบุตรชาย โพไซดอนยังคงมอบรอยยิ้มอบอุ่นมาให้ แม้เพิ่งพูดคำว่า ‘ไอ้น้องเวร’ ไปหมาด ๆ

               “อะ.. โอเค พ่อไม่แกล้งผมอยู่แล้ว ถ้างั้นก็ต้องแก้เป็น ซอ..เซต้า บวกกับ เอะ..เอปซิลอน แล้วค่อยเป็น อู..อัปซิลอน ปิดท้ายด้วยซิกม่า… ถูกไหมครับพ่อ?”

               “ใช่แล้วเอลวิน ผิดครั้งเดียวก็แก้ไขได้ ลูกมีพรสวรรค์ด้านภาษากรีกจริง ๆ”

               “ขอบคุณครับพ่อ”

               ได้คำชมเติมกำลังใจได้อย่างล้นเหลือทำให้ดีนไม่ท้อไปก่อนที่จะเขียนชื่อเทพโอลิมปัสเสร็จทั้งสิบสององค์

               แต่โพไซดอนต้องถอนคำพูดเพราะดีนสะกดผิดแทบจะทุกชื่อ เว้นเพียงชื่อเดียวที่สะกดถูกต้องในครั้งแรกคือชื่อ ‘เฮร่า’ ที่ง่ายแสนง่ายและตรงไปตรงมา ใช้เวลานานอยู่มากโขกว่าการบ้านวิชากรีกจะเสร็จ ได้รับการตรวจตราก่อนส่งจากเทพกรีกตัวจริงจะต้องได้เต็มสิบสองคะแนนอย่างแน่นอน

               ไม่เพียงแต่การบ้านวิชากรีก ดีนยังขอข้อมูลวิชาอสุรกายศึกษาจากโพไซดอนด้วย ซึ่งนับว่าถามถูกคนแล้ว เพราะว่าพ่อเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องม้ามากที่สุด

               ‘ศึกษาความแตกต่างระหว่างฮิปโปแคมปัส ม้าทะเลชาวเคลติก ม้าน้ำและนิลกาย’

               นับว่าเป็นการบ้านที่ต้องใช้การค้นคว้าในห้องสมุดเป็นวัน ๆ เลยทีเดียว ส่วนตอนนี้ดีนขอข้อมูลเบื้องต้นจาก ‘เทพรักม้า’ ก่อนเพื่อเป็นอ้างอิงแหล่งที่หนึ่ง

               “ฮิปโปแคมปัสเจ้าเคยเจอมาแล้ว น่าจะรู้ดีว่าตัวเป็น ๆ หน้าตาเป็นแบบไหน มันเป็นสัตว์บริวารของพ่อ เคลื่อนไหวรวดเร็วปราดเปรียวและเชื่อใจได้ แตกต่างจากม้าทะเลชาวเคลติกที่ชื่อว่า ‘เคลพี’ มันเป็นม้าปีศาจ อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำจืด รูปร่างเป็นอาชาสีดำร่างกายกำยำ แต่ท่อนล่างตั้งแต่กลางลำตัวลงไปเป็นปลาคล้ายกับฮิปโปแคมปัส มันค่อนข้างที่จะ... สวยงามมาก…” มาถึงตรงนี้แววตาของโพไซดอนเต็มไปด้วยความหลงไหล ไม่ต่างอะไรกับมนุษย์ที่พูดถึงปลาแอโรวานาที่เลี้ยงไว้ในตู้ปลา.. “แต่ด้วยความสง่างามนั้นเองที่ล่อมนุษย์เข้าไปหา เชื้อเชิญให้ขี่หลัง จากนั้นมันจะมุดลงไปใต้น้ำทำให้คนจมน้ำตาย”

               “โอเค.. ขนาดเป็นอสุรกายอันตรายพ่อยังซิ้มป์ขนาดนี้ ท่าทางจะชอบม้าจริง ๆ เลยนะครับ” ดีนแอบแซว แต่มือไม่หยุดจดข้อมูลสำคัญลงในสมุดโน้ต “อีกสองอย่าง… ม้าน้ำ กับนิลกายสินะ.. นั่นมันสัตว์ทั่วไปนี่นา…”

               “ม้าน้ำน่ะใช่ แต่นิลกายน่าจะเป็นคนละอย่างกับที่เจ้าคิด เพราะที่ป่าหิมพานต์ในอินเดียมีอสุรกายที่ชื่อว่า ‘นิลกาย’ อยู่ด้วย มันคืออาชาเขากวางที่มีเกล็ดสีเขียว น่าเสียดายที่พ่อไม่เคยเข้าไปป่าหิมพานเลยไม่เคยได้เจอตัวเป็น ๆ”

               “น่าเสียดายแทนนะครับ.. หมายถึงเรื่องที่พ่อไม่ได้ไปเจอนิลกายตัวเป็น ๆ น่ะ” สำหรับเทพรักม้าคงใฝ่ฝันจะได้เจออสุรกายต่างถิ่นแน่ ๆ แม้ว่าดีนจะไม่รู้ว่า ‘ป่าหิมพาน’ คือที่ไหน แต่เขาไม่ลืมจดคีย์เวิร์ดนั้นไว้เป็นข้อมูลเพื่อค้นหาต่อไป “ขอบคุณนะครับพ่อ ถ้าไม่ได้พ่อช่วยดูการบ้านให้ มีหวังผมได้ส่งข้อมูลตัวนิลกายที่เป็นสัตว์ป่าส่งไทสันไปแน่ ๆ”

               “ผิดบ้างไม่เห็นเป็นไร ไทสันคงแค่ให้ลูกกลับมาแก้ใหม่ก็เท่านั้นล่ะ”

               โพไซดอนเอ่ยออกมาพร้อมกลั้วหัวเราะด้วยน้ำเสียงเอ็นดู ใจนึกถึงลูกชายอีกคนที่เกิดเป็นไซคลอปส์ ไทสันไม่ใช่เดมิก็อดเหมือนกับบุตรคนอื่น ๆ แต่ด้วยความใจดีและอ่อนโยนของบุตรชายนั่นเอง ที่ทำให้ไทสันเป็นที่รักของทุกคนที่พบเจอได้ไม่ยาก

               .
               .
               .

               พักจากการทำการบ้านดีนและโพไซดอนได้ออกมาเปิดหูเปิดตานอกบ้านพักในช่วงบ่าย ใช้คำว่าดำน้ำดูปะการังกันก็คงได้ ดีนที่ชื่นชอบสัตว์และเรียนเกี่ยวกับชีววิทยามาจึงคุยเรื่องสัตว์น้ำกับพ่อกันอย่างถูกคอ

               『เมื่อเดือนก่อนพ่อมาดูทำเลที่สร้างบ้านพักตากอากาศ ยังเห็นปลานีโมตัวนี้เป็นเพศผู้อยู่เลย แต่ตอนนี้มันกลายเป็นตัวเมียไปแล้ว』

               โพไซดอนชี้ให้ดีนดูซอกปะการังหนึ่งซึ่งเป็นรังนอนของครอบครัวปลานีโมสีสันสดสวย กระแสจิตสื่อสารใต้ทะเลกับลูกชายยามที่อ้าปากพูดไม่ได้.. ความจริงแล้วเทพคงพูดในน้ำได้ แต่เสียงอาจส่งผ่านความหนาแน่นของสายน้ำได้ไม่ดีเท่าอากาศจึงเลือกสื่อสารด้วยวิธีนี้แทน

               ‘รังนี้ไม่มีตัวเมียเหรอครับ?’ บุตรแห่งโพไซดอนมองตาม แม้ปลานีโมในรังน้อยจะน่าเอ็นดู แต่ดีนแยกไม่ออกเลยว่าตัวไหนเป็นตัวผู้หรือตัวไหนเป็นตัวเมีย… ‘ว่าแต่พ่อจำได้ไง ในทะเลมีปลานีโมตั้งเยอะแยะ’

               『การจะเป็นราชาที่ดีต้องใส่ใจประชาชน ไม่ว่าะพวกเขาเหล่านั้นจะเล็กน้อยขนาดไหน ถึงทะเลแถบนี้จะมีเทพอื่นช่วยดูแลทำให้พ่อไม่ค่อยคุ้นเคยกับที่นี่มากนัก แต่ในเมื่อเรามาอย่างเป็นมิตร ความประทับใจที่ดีจะซื้อใจพวกเขาได้เสมอ』

               พอได้คำตอบแบบนี้ก็กระจ่างชัดถึงงานหนักที่พ่อทำมาตลอดหลายล้านปี

               ‘พ่อเป็นเทพที่ดีนะ สมกับเป็นราชาแห่งเจ็ดคาบสมุทรจริง ๆ’ คำพูดในจิตทำเอาโพไซดอนหัวเราะ

               『ผิดแล้วเอลวิน ราชาแห่งเจ็ดคาบสมุทรคือฉายาของไตรตัน พี่ชายของเจ้าต่างหาก ดูท่าว่าข้าคงต้องทำสาแหรกตระกูลเราให้เจ้าศึกษาเสียแล้วสิ』

               ‘อะไรนะ คิงไตรตันมีจริง!? พ่อของเงือกน้อยแอเรียลอ่ะนะ!? ผมนึกว่าจะมีแค่ชื่อในการ์ตูนดิสนีย์ซะอีก’ ความรู้ใหม่ที่เข้าหัวทำเอาอึ้ง ‘แต่.. นอกจากผมต้องจำชื่อเทพโอลิมปัสแล้วยังต้องมาจำเทพประจำทะเลต่าง ๆ อีกเหรอ…’

               แล้วทะเลในโลกใบนี้มีตั้งกี่แห่ง ไหนจะแหล่งน้ำจืดน้ำเค็มอีก ไม่รู้ว่าทั้งหมดนั้นคือพี่น้องต่างมารดาของเขา หรือเป็นมินิก็อดในสังกัดเจ้าสมุทรที่พ่อส่งไปดูแลเฉย ๆ กันแน่..

               หลังจากดำน้ำดูปะการังกันจนทั่ว สองพ่อลูกก็เล่นโยนลูกบอลใต้น้ำกัน ดีนคิดถึงช่วงเวลาตอนเด็ก ที่หลงคิดว่าชายที่ชื่อ ‘โดนัลด์ นีล’ คือพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง ในตอนนั้นเขาก็เล่นโยนบอลแบบนี้กับพ่อบุญธรรมที่สวนสาธารณะแทบทุกวันเลยเหมือนกัน แต่กับพ่อที่แท้จริงเพิ่งจะได้มาทำอะไรแบบนี้ตอนอายุเกือบจะยี่สิบสี่ปี สองวันที่พวกเขาได้อยู่รวมกันถือว่าชดเชยช่วงเวลาตอนเด็กที่ขาดหายไปได้ไหมนะ?

               อาจไม่เพียงพอแต่ก็รู้สึกอิ่มใจ

               เมื่อเวลาล่วงเข้าสายัณห์ก็ได้คราวต้องแยกย้าย ดีนควรจะกลับไปที่ค่ายฮาล์ฟบลัดได้แล้ว ไม่อย่างนั้นแมคเคนซีต้องอกแตกตายแน่ ๆ ไม่รู้ว่าที่ตั้งจิตดลใจไปหาไทสันจะส่งพลังไปถึงไหม (ถ้าถึงสิจะอึ้ง) เพราะงั้นรีบกลับดีกว่า… ดีนเข้าไปสวมกอดบิดาเพื่อบอกลา

               ‘ไม่รู้จะได้เจอกันอีกเมื่อไร แล้วผมจะคิดถึงพ่อนะครับ’

               โพไซดอนเพียงแค่ยิ้ม คงเกรงว่าหากเปิดปากน้ำตาอาจหยดผลอย.. แต่เอาเข้าจริงอยู่ในน้ำแบบนี้ก็มองไม่ออกอยู่ดี… ผ่านไปนานหลายวินาทีเจ้าสมุทรถึงได้เปิดปากพูด

               『เราจะได้พบกันอีกแน่นอนลูกรัก หากคิดถึงพ่อเจ้าก็แค่ทำอย่างเช่นทุกครั้ง』

               ‘ได้เลย เอาไว้ผมจะติดต่อไป ส่วนตอนนี้พร้อมออกเดินทางแล้วครับ’

               ดีนผละกอดออดมา ไม่ลืมถอดแว่นตาออกแล้วกุมไว้ในมือ ถ้าคราวนี้ทำหล่นหายอีกไม่น่ามีใครงมหาให้แล้ว ชายหนุ่มยิ้มลาให้กับบิดาตรงหน้าที่ภาพทัศน์แสนจะพร่ามัว ก่อนหลับตาเพื่อเตรียมตัวถูกดูดหายไปกับวงล้อน้ำ

               『โชคดีเจ้าลูกชาย ไว้เจอกันที่โอลิมปัส』

               ‘ห๊ะ! โอลิมปัสอะไรนะ?’

               ไม่ทันได้ถามต่อวงน้ำก็ล้อมรอบตัวเขาไว้แล้วหมุนปั่นด้วยความเร็วน้อง ๆ พายุ ตอนนี้หยุดคิดเรื่องโอลิมปัส แต่มาคิดวิธีทำยังไงให้อ้วกไม่พุ่งออกจากปากก่อน…

กลับสู่ค่ายฮาล์ฟบลัด



แสดงความคิดเห็น

God
พ่อชมซูซาโนะโอะ เขาเป็นเทพแห่งท้องทะเลที่ดีสำหรับท้องทะเลเล็กๆ ญี่ปุ่น เสียอย่างเดียวเขาค่อนข้างหัวร้อนไปหน่อยเหมือนกับทะเลที่โมโห-------------------   โพสต์ 2024-12-21 11:39
โพสต์ 41129 ไบต์และได้รับ 24 EXP!  โพสต์ 2024-12-21 11:03
โพสต์ 41,129 ไบต์และได้รับ +15 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +25 ความกล้า +25 ความศรัทธา จาก สร้อยข้อมืออัจฉริยะ  โพสต์ 2024-12-21 11:03
โพสต์ 41,129 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +15 ความกล้า จาก แจ๊กเก็ตยีนส์  โพสต์ 2024-12-21 11:03
โพสต์ 41,129 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +10 ความกล้า จาก แว่นตา  โพสต์ 2024-12-21 11:03
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
น้ำมันหอมกลิ่นสุริยะ
กางเกงเดินป่า
Anker PowerCore
หมวกคอรินเธียน
เข็มทิศมหาสมุทร
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
เข็มกลัดโพไซดอน
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่อัสพิสขัดเกลา
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ควบคุมน้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x10
x2
x3
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x3
x1
x3
x1
x1
x4
x6
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x6
x2
x1
x1
x1
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้