เนเรซ่ากำลังเดินอยู่ในโถงทางเดินโล่ง ๆ ของโรงเรียน เธอใช้เวลาตลอดทั้งบ่ายในการตามหาสิ่งผิดปกติแต่ก็ยังไม่เจอ ‘ หรือฉันควรรอตอนกลางคื— ไม่สิ ตอนนี้ไม่มีเวลากลางคืนด้วยซ้ำ ’ บุตรสาวของเทพีแห่งความรักยกมือขึ้นนวดขมับ เธอถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ‘ ยอมแพ้ตอนนี้ได้ที่ไหน ’ ดวงตาของเธอกวาดมองไปรอบกาย ความว่างเปล่าที่เงียบงันเป็นสิ่งปกติสำหรับสายเลือดครึ่งเทพ
เพราะไอพวกตัวประหลาดไม่เคยทำตัวแบบ เฮ้ ฉันอยู่นี่ ! มาตั้งแต่ต้นแล้ว
“ คุณสมิธ ผมต้องขอโทษจริง ๆ ที่ช่วยคุณไม่ได้ ”
เสียงพูดแปลกหูของชายคนหนึ่งแว่วตามสายลมมาจากที่ไกล ๆ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย ‘ คุณสมิธในโรงเรียนนี้ก็เหมือนจะมีอยู่คนเดียว ฉันควรไปดูหน่อย ’ เธอก้าวไปตามเสียงพยายามเคลื่อนไหวให้เงียบเพื่อที่จะไม่รบกวนช่วงเวลาที่อาจจะเป็นส่วนตัว แม้ว่าเนเรซ่าจะค่อนข้างมั่นใจว่าคุณสมิธคงไม่คิดอยากมีความสัมพันธ์ใหม่ในช่วงนี้ ปลายทางของเสียงที่เธอได้ยินคือห้องเรียนวิชาภาษาอังกฤษ.. เนเรซ่าหลุบตาลง เธอขยับแผ่นหลังพิงกำแพงนอกห้องเรียนโดยไม่คิดจะแสดงตัว
“ ไม่เป็นไรค่ะจอร์จ ฉันผิดเองที่ไม่ทันระวังทำกุญแจหายจนได้ .. ”
กุญแจ หาย ลิ้นชัก.. อะไรสักอย่างที่บ่งบอกให้รู้ว่าชาล็อต สมิธมีเหตุผลในการจะเรียกตัวภารโรงมาช่วยงัดแงะลิ้นชักในโต๊ะทำงานเพื่อเอาข้าวของหรือไม่ก็เอกสารการบ้านสำคัญเพื่อกลับไปตรวจสอบที่บ้าน นิ้วของเนเรซ่าเคาะลงเบา ๆ ที่ต้นแขนของตัวเองอย่างพิจารณา ‘ ดูเหมือนจะปกติดี ’ ในระหว่างที่กำลังคิดว่าควรปล่อยผ่านหรือเฝ้าระวังอีกสักนิด ความผิดปกติที่ตามหาก็เริ่มเผยตัว
“ ช่วงนี้แถวโรงเรียนมีคนหายบ่อย ๆ ” จอร์จคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร “ ให้ผมไปส่งดีไหมครับ? ”
“ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกลับเองได้ ” ชาล็อตดูประหลาดใจ เนเรซ่าสัมผัสได้จากน้ำเสียงของเธอ เสียงกุกกักจากการเก็บข้าวของ บุตรสาวของเทพีแห่งความรักกะพริบตาปริบ ๆ ครึ่งหนึ่งในใจรู้สึกเฉยชากับการจะถูกจับได้ว่าแอบฟังแต่อีกใจก็มีความเกรงใจ สาวสวยลูกครึ่งเอเชียอเมริกาถอนหายใจเฮือกพร้อมกับยกมือขึ้นขยี้เส้นผมของตัวเอง เธอเกลียดช่วงเวลาที่ตัวเองสับสน ความลังเลประดังประเดเข้ามาจนเธอจบลงด้วยทางเลือกที่โง่ที่สุด
“ น่าเสียดายจัง ”
หางตาของเนเรซ่ากระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงที่เหมือนจะเปลี่ยนระดับของจอร์จ มันหยาบกร้านกว่าก่อนหน้านี้และดู.. คล้ายการคำราม ‘ โอ้ เวร.. ’ เนเรซ่าหันขวับเพื่อกระชากประตูห้องเรียนให้เปิดออก “ ชาล็อต หมอบ ! ” เธอกล่าวเสียงดังกว่าปกติทำให้ครูสาวประจำภาควิชาภาษาอังกฤษสะดุ้งเฮือกและหมอบตามคำพูดของเธอไปโดยไม่รู้ตัวจนกำปั้นของจอร์จที่เหวี่ยงออกมาพลาดเป้า
“ จ จอร์จ? ”
สำหรับชาล็อตมันคือการถูกภารโรงโจมตี แต่สำหรับเนเรซ่า .. ‘ ไซคลอปส์ตัวเป็น ๆ เลยโว้ยไอเ*ี้ย ’
สาวสวยจากเคบินสิบกรอกตา ตอนอยากเจอไม่มา ตอนไม่อยากเจอดันมา เป็นแบบนี้เหมือนกับทุกครั้ง เนเรซ่าสูดหายใจเข้า เธอก้าวมาด้านในห้องอย่างเคร่งขรึมผิดกับท่าทางกระหายเลือดของไซคลอปส์ตรงหน้า ความทรงสนใจของมันถูกเบี่ยงจากมนุษย์ไร้พิษสงมาเป็นสายเลือดครึ่งเทพที่หอมหวาน “ ไอหน้าตูดหมึก ปล่อยเธอไป ” บุตรสาวเทพีแห่งความรักพูดเสียงต่ำ
“ โอ้.. เด็กน้อยที่แสนมั่นใจ ” เสียงของจอร์จบิดเบี้ยวจนชาล็อตขวัญผวา เธอไม่เห็นร่างแท้จริงของเขาแต่ยังสัมผัสได้ถึงความคุ้มคลั่งที่ผสานมากับแรงกดดัน ดวงตาของจอร์จจ้องมองไปที่เด็กสาวแปลกหน้า เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปากก่อนจะระเบิดหัวเราะ “ ฉันจะจัดการเธอ.. ก่อนจะส่งชาล็อตยอดรักตามลูกสาวของเธอไป เหมือนกับตอนที่เด็กคนนั้นขอร้องว่าไม่อยากถูกพรากจากแม่ !! ”
“ จ จอร์จ .. น นี่คุณ ”
ใบหน้าของชาล็อตซีดเผือก เธอเขยิบถอยหนีทั้งที่ยังนั่งอยู่บนพื้นด้วยความตื่นตระหนก
“ เป็นแกนี่เอง ” เนเรซ่าหักนิ้วตัวเองจนได้ยินเสียงกระดูกดังกึก เธอค่อย ๆ หยิบมีดสั้นออกมา
“ กำลังตามหาพอดี ”
เนเรซ่าแสยะยิ้ม ใบหน้าของเธอเอียงไปด้านข้างอย่างเย่อหยิ่งและถือดี “ ฉันให้โอกาสนายขอโทษเธอตอนนี้ ไม่งั้นฉันจะเตะตูดให้นายต้องกราบกรานไปจนตาย ” (< สาบานว่าเป็นลูกอะโฟรไดท์จริง ๆ) ถ้อยคำของเนเรซ่าเด็ดขาด มั่นใจ ท่าทางของเธอบ่งบอกให้รู้ว่าเธอสามารถทำได้ตามที่พูด
“ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องขอโทษ? ”
โอ้โห ตรรกะป่วยซะด้วย
คิ้วของเนเรซ่ากระตุกอย่างเหลืออด เธอกัดฟันกรอกก่อนจะเค้นหัวเราเหอะ “ ได้ ถ้างั้นก็อย่ามาร้องไห้คร่ำครวญแล้วกัน ” สองร่างของอสูรและครึ่งเทพทะยานเข้าหากัน ในสายตาของพวกเขามันคือการต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชีวิต กำปั้นหนักแน่นและเรี่ยวแรงเหนือมนุษย์ของไซคลอปส์ ปะทะกับอาวุธสัมฤทธิ์ที่ถูกสร้างมาเพื่อสังหารชีวิตอสูรกาย มันเป็นการต่อสู้ที่มีความเสี่ยงเนื่องจากห่างออกไปก็ยังมีคนนอก
แต่ในสายตาคนนอก…
ชาล็อตกะพริบตาปริบ ๆ กับสิ่งที่เธอเห็น สาวสวยในเดรสลูกไม้และรองเท้าส้นสูงกับชายฉกรรจ์วัยกลางคนกำลังอยู่ประชิดกัน คนหนึ่งออกหมัดอย่างชำนาญ อีกคนก็หลบอย่างว่องไว แต่สิ่งที่อยู่ในมือคนหลบกลับเป็นไม้ตียุงสีส้มจี๊ด สาวสวยที่สมควรจะนั่งอย่างสงบเหมือนกับแมวของลูกคนรวยตอนนี้กลับใช้ไม้ตียุงฟาดหน้าฟาดตัวชายแก่คนนั้นอย่างต่อเนื่อง
ครูสาวประจำภาควิชาภาษาอังกฤษเอียงคอ ‘ เขาทำร้าย..ลูกสาวฉัน..แต่เขา..เขากำลังถูกเด็กคนหนึ่งไล่ตี?? ’
“ ยัยเด็กสารเลว ! ” ไซคลอปส์ที่ใช้นามว่าจอร์จคำรามลั่น เขารวบรวมพละกำลังโผเข้าโอบเอวของบุตรสาวแห่งเทพีความรักและผลักให้แผ่นหลังของเธอกระแทกกับกระจกห้องเรียนจนแตกกระจาย แลกมากับการที่มีดสั้นสัมฤทธิ์ถูกปักลงที่ไหล่เขาอย่างแรงพร้อมกับเฉือนลงมาตัดเส้นเอ็นที่ไหล่ซ้ายให้เขาไม่สามารถใช้การแขนได้อีก “ อ๊ากก ”
“ ตาแก่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ! ” ขาเรียว ๆ ของเนเรซ่ายกขึ้นเตะสีข้างของไซคลอปส์ตัวนั้นก่อนจะตามด้วยการใช้เข่าผลักท้องของมันให้ถอยห่างออกไป ส่วนหนึ่งเป็นเพราะชุดที่ไม่ได้คล่องตัวทำให้เธอเชื่องช้า แต่ผู้หญิงที่ผ่านคลาสเรียนมีดสั้นของไพเพอร์ แม็กลีนไม่มีทางพ่ายแพ้อย่างหมดรูป ‘ ถึงฉันจะตาย ไอหมอนี่ก็ต้องพิการ ! ’ หลังจากโรมรันฟันแทงกันไปพักใหญ่จนสภาพห้องเรียนใกล้เคียงกับคำว่าเละเทะ
เธอและไซคลอปส์ยืนตรงข้ามกันอยู่คนละฝั่งของห้อง ต่างคนต่างหอบหายใจ ฝ่ายที่หนักที่สุดคงต้องบอกว่าเป็นเนเรซ่า .. เธอเป็นบุตรสาวเทพีแห่งความงามไม่ใช่เทพแห่งสงครามหรือการต่อสู้ ขอบเขตพลังก็ยังไม่ได้พัฒนาไปจนถึงขั้นที่เอื้อต่อการประลอง ทั้งหมดที่แสดงออกจึงเป็นขีดจำกัดทางร่างกายที่มาจากการฝึกฝน
‘ จะทำยังไงดี.. ควรทำยังไงดี ’ ความคิด แผนการ เล่ห์กลทั้งหมดถูกนำออกมากางในหัวเพื่อหาตัวเลือกที่ดีที่สุด เนเรซ่ายั่วยุเขาจนถูกครอบงำไปด้วยความโกรธแล้ว แต่สิ่งที่แย่ที่สุดคือ เธอหาจังหวะปิดฉากไม่ได้และอีกฝ่ายก็เริ่มรู้ตัวว่าล้มเธอไม่ได้เช่นกัน
เสี้ยววินาทีที่เธอลังเล.. ทีละน้อยดวงตาของเนเรซาค่อย ๆ เบิกกว้างเมื่อรู้สึกถึงร่างหนาที่พุ่งเฉียดไหล่ของเธอไป
เป้าหมายของมันไม่ใช่เธออีกต่อไป
มือหยาบกร้านของไซคลอปส์กางออกหมายจะคว้าตัวของชาล็อตที่ผงะถอยหลัง แต่เมื่อระยะห่างระหว่างมือของมันและเป้าหมายเหลือไม่ถึงคืบ เจ้าชายขี่ม้าขาวในสภาพเหงื่อโชกก็ปรากฏตัว เท้าของเจ้าชายคนนั้นเตะปัดแขนของอสูรกายอย่างแรง
“ จอร์จ คุณทำบ้าอะไรของคุณ !! ”
‘ จังหวะสวยมากไอหนูรูเพิร์ต ’ เนเรซ่าลอบแสดงความยินดีอยู่ลึก ๆ ในใจ แม้จะเริ่มมองว่านี่เป็นเรื่องยุ่งยากขึ้นทุกที คิ้วของเธอเลิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นวิธีการที่นายน้อยเลอวีนโอบประคองครูสาวเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างปกป้องแต่ก็ทะนุถนอม ‘ เอาซะอิจฉาเลยแฮะ ’
เนเรซ่ายกมือขึ้นปาดคราบเลือดที่มุมปากของเธอเองก่อนจะส่งเสียง “ หน้าด้านจริง ๆ จอร์จ สู้ไม่ได้ก็เล่นทีเผลอ? เหอะ.. ไร้ยางอางชะมัด ” คำยั่วยุของสายเลือดอะโฟรไดท์ได้ผลอย่างร้ายกาจพอ ๆ กับสายเลือดอะธีน่า เนเรซ่ากระตุกยิ้มมุมปาก เธอโน้มตัวลงคล้ายกับกำลังรอการพุ่งชนของกระทิง “ มาเลย ”
จอร์จคำรามในลำคอ เขาหันกลับมาหาเธอ พุ่งเข้ามาหมายจะคว้าตัวสายเลือดแห่งความรัก ทว่าเนเรซ่ากลับพลิกตัว เธอมีสิ่งหนึ่งที่ต้องทำให้เรียบร้อย นั่นคือการมุ่งไปใช้สันมือสับหลังคอทั้งของรูเพิร์ตและชาล็อต– พวกเขาเป็นมนุษย์ ความรุนแรง ความตาย หรือปีศาจ ทั้งหมดนี้ให้พวกเขาคิดว่าเป็นความฝันคงจะดีกว่า
“ เอาล่ะ.. หนนี้แกตายจริง ๆ แน่ ”
การต่อสู้ของพวกเขาดำเนินต่ออีกไม่นานและในที่สุด เนเรซ่าก็ปราบไซคลอปส์ตัวใหญ่ได้สำเร็จ เธอเหยียบไหล่เขาให้แนบกับพื้น “ ถ้านายทำตามคำสั่งฉัน บางทีฉันอาจจะปล่อยให้นายรอด ” เนเรซ่าย้ำเสียงเรียบในขณะที่กดน้ำหนักเท้ามากขึ้นจนอสูรกายที่ถูกเหยียบร้องโอดโอย
“ ได้ ได้ ฉันทำทุกอย่าง ! ” จอร์จตะโกนตอบรับอย่างสิ้นหวัง
“ ดี ถ้างั้นเริ่มจากเก็บโต๊ะกับจัดเก้าอี้ให้เรียบร้อย ”
เธอเตะเขาไปทางกองข้าวของที่กระจัดกระจาย ด้วยความกลัวที่จะถูกมีดสัมฤทธิ์คม ๆ นั้นฝากบาดแผลลึกเพิ่ม แม้จะใช้การแขนได้แค่แขนเดียวแต่จอร์จก็ยังพยายามจัดการภายในห้องเรียนให้เรียบร้อยตามความเคยชินจากการเป็นภารโรงของเขา “ ต่อไปก็ขอโทษเธอซะ ” ปลายนิ้วของเธอชี้ไปที่ร่างของชาล็อตซึ่งกำลังหมดสติ
“ ท ทำไมฉันต้อง—- ” เสียงของเขาขาดหายทันทีที่เห็นแววตาเย็นเฉียบราวกับมีดที่ทิ่มแทง
“ ได้ ๆ ฉันขอโทษ !! ฉันขอโทษที่ฆ่าลูกสาวเธอ ฉัน ” เขาลนลานกล่าวขอโทษออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าพร้อมกับก้มหัวลง
เนเรซ่าเอียงคอ เธอชำเลืองมองชาล็อตที่หลับตาพริ้มก่อนจะหลุบตาลง เท่านี้เธออาจจะพึงพอใจขึ้นบ้าง แม้ว่าจะไม่ได้ยินกับตัวก็ตาม ‘ ถ้างั้นก็ไม่จำเป็นต้องเก็บเขาไว้แล้ว ’ เธอไม่เคยสัญญาว่าจะปล่อยเขา เธอแค่พูดว่าอาจจะ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังเมตตาด้วยการใช้วิธีไปที่เร็วที่สุดด้วยการใช้หอกแทงทะลุอกในคราวเดียว ดวงตาสีฟ้าหม่นแสงมองดูร่างของอสูรกายที่สลายหายไปเป็นแสงระเรื่อสีทอง เธอถอนหายใจ.. หันมองรูเพิร์ตและชาล็อตที่สลบอิงกันโดยใช้แผ่นหลังพิงกับโต๊ะทำงานด้วยสายตาที่อ่อนลงหลายระดับ
ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ต่อแล้ว
ธิดาแห่งอะโฟรไดท์เก็บอาวุธของตัวเองลง เธอหันหลังหมายจะจากไปแต่ฝีเท้าก็กลับชะงัก
…
หลายชั่วโมงต่อมาเมื่อพวกเขาตื่นขึ้น รูเพิร์ตยังคงสับสนและจดจำเรื่องใด ๆ ไม่ได้เลย ส่วนชาล็อต.. เดิมทีเธอคิดว่าตัวเองพึ่งจะเผชิญหน้ากับฝันร้ายที่ยากจะลืม แต่เมื่อเธอกำมือ สัมผัสหยาบ ๆ ของกระดาษก็ทำให้เธอก้มหน้าลงมอง
‘ เขาขอโทษแล้ว ’
บนกระดาษนั้นมีตัวอักษรหวัด ๆ เขียนเอาไว้อย่างสวยงาม ดวงตาของเธอสั่นระริกก่อนจะยกมือขึ้นปิดใบหน้าพร้อมถอนหายใจด้วยความโล่งอก คนร้าย.. สิ่งที่พรากบุคคลที่เธอรักที่สุดในโลกนี้ไป ในที่สุดก็..ถูกจัดการอย่างที่ควรแล้ว